5
เผชิญหน้าอดีต
แม้แต่ในฝันอมรายังไม่กล้าคิดว่าเธอจะทำเรื่องเช่นนี้ เอาเป็นว่าถ้าไม่ได้มีแอลกอฮอล์ไหลเวียนในเส้นเลือดระดับสูง เธอคงไม่กล้าแยกหัวเข่าออกจากกันโดยมีมาโนชอยู่ตรงกลาง แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ไม่ว่าจะมีแอลกอฮอล์อยู่ในเลือดหรือไม่ เธอก็ต้องการเรียนรู้จากเขาอยู่ดี
“บอกพี่ทันทีนะ ถ้าอี๊ดไม่ชอบ” คำแนะนำของมาโนชฟังดูดี แม้อมราจะไม่เข้าใจสักคำเวลาเขากล่าวไปพรมจูบไปตามผิวของเธอจากหัวเข่าเข้าไปหาลำตัว
ถุงน่องยังจำเป็นไหม เธอกับเขาเห็นตรงกันว่าไม่จำเป็น มาโนชเลยดึงถุงน่องแบบเต็มตัวพร้อมล้วงเข้าไปดึงขอบกางเกงในของอมราออกไปไกลๆ กระโปรงยังอยู่ดี และยังทำหน้าที่ในการปิดบังส่วนที่จำเป็นต้องปิด ยกเว้นมันค่อยๆ เลื่อนขึ้นหนีจุมพิตร้อนๆ ของเขา
มือของเธอว่างงานเกินไป อมราเลยสอดปลายนิ้วทั้งห้าเข้าไปในเรือนผมของมาโนช ส่วนอีกห้านิ้วที่เหลือเธอวางไว้บนไหล่ของเขา จิกเล็บลงบนกล้ามเนื้อแน่นผ่อนคลายความประหม่าของตน ไม่รู้ว่าเขาไม่เจ็บหรือไม่สน จึงเอาแต่เดินหน้าสำรวจสูงขึ้นเรื่อยๆ
มันน่าอายสำหรับสาวบริสุทธิ์ไม่น้อยที่ให้ผู้ชายเฉียดใกล้จุดนั้น แต่อมราไม่เพียงปล่อยให้มาโนชเข้าใกล้ ยังปล่อยให้เขาลูบไล้สัมผัส แล้วสำหรับผู้ชายตัวโตคนหนึ่ง เขาทำได้อย่างละเมียดละไม ชวนให้เธอนึกถึงยามที่เขาแต่งหน้าเค้กหรือเครื่องดื่ม เขาก็ค่อยๆ บรรจงทำอย่างนุ่มนวล ทว่ารวดเร็ว ไม่ทำให้ของหวานชิ้นนั้นเสียหาย เธอก็เช่นกัน เธอไม่รู้สึกเสียหายที่ปล่อยให้เขาสำรวจส่วนซ่อนเร้นตามอำเภอใจ ตรงข้ามเธอรู้สึกว่าตนเองงดงามภายใต้การเอาใจใส่ของเขา
แต่ไม่ว่าจะแอลกอฮอล์หรือความพึงพอใจก็ไม่ทำให้เธอพร้อมสำหรับสัมผัสแรกที่เขาแตะต้องตรงนั้น ทว่าเมื่อนิ้วของเธอออกแรงลงบนไหล่และหลังศีรษะ เขาก็หยุดนิ่ง พอเธอคลายแรงออก เขาค่อยทำสิ่งที่เริ่มเอาไว้ต่อ การกระทำนี้บอกอมราว่าแม้มาโนชจะเป็นคนลงมือ แต่ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเธอ หญิงสาวจึงปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่เขาชำนาญต่อไป แล้วเสพสุขกับการปรนเปรอของเขา เริ่มจากนิ้ว มือ ริมฝีปาก ลิ้น
แรกๆ เธอยังต่อต้านบ้าง แต่ยิ่งนานเธอก็ทำได้เพียงครวญคราง ออกแรงบนปลายนิ้วสั่งเขาเงียบๆ ให้ลงมือเพิ่มขึ้นอีก ท้ายสุดเธอค่อยรู้ว่าการอวดอ้างว่าตนเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านออรัลเซ็กซ์มันน่าขันเพียงใด แต่นั่นไม่หยุดยั้งเธอเอาไว้จากการเอ่ยปากหลังลมหายใจเริ่มกลับเข้าที่
“จูบอี๊ดอีกที แล้วไปต่อกันเถอะค่ะ” อมราแน่ใจว่ามาโนชเข้าใจความนัยที่เธอสื่อ และเขาลังเลเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะมอบจุมพิตที่เธอต้องการให้
มีแนวโน้มว่าพรุ่งนี้เธอจะเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป แต่สิ่งที่เธอสนใจคือเวลานี้ และตอนนี้กับเขาเท่านั้น ยังดีที่ระหว่างอารมณ์ของอมราเตลิดไปไกล มาโนชยังพอมีสติรู้ว่าควรทำอะไร เช่น ตั้งคำถาม
“แน่ใจเหรอ” เขาถามจบ เธอก็ตอบด้วยการจูบปิดปากเขา
“ถ้าพี่โน้ตไม่มีถุงยาง...”
เธอไม่ได้หมายความว่าถ้าเขาไม่มีให้เรื่องหยุดแค่นี้ แต่จะเสนอตัววิ่งไปซื้อ ยังดีที่เขาตอบคำถามด้วยการคว้ากางเกงยีนจากพื้นขึ้นมาควานหากระเป๋าเงิน แล้วหยิบซองแบนๆ สีน้ำเงินขึ้นมา
“นั่นแปลว่าเราไปต่อได้ใช่ไหมคะ”
อมราถามกลั้วหัวเราะ และมาโนชก็ไม่ทำให้เธอผิดหวังในคืนนี้ ส่วนพรุ่งนี้น่ะหรือ ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของพรุ่งนี้ไป
ลืมตาตื่นมาปุ๊บ ภุมรินก็โทษลดารินปั๊บ เพราะการวุ่นวายใจตลอดทั้งคืนทำให้เธอไม่ตื่นขึ้นมาสดชื่นอย่างทุกวัน แต่หญิงสาวสลัดมันออกจากสมองทันที เนื่องจากเธอมีหน้าที่ต้องทำทุกเช้า นั่นคือหาข้าวให้ลุงน้ำกิน เป็นกิจวัตรที่ทั้งสองไม่ได้ตกลงกันมาก่อน แต่เหมือนเป็นความคุ้นเคยที่เกิดขึ้นมาเอง
ก่อนและหลังมหรรณพจบจากการเกณฑ์ทหาร เขาจะคอยดูแลทำอาหารเช้า แต่หลังจากนั้นสักพัก เขาแค่หุงข้าว ส่วนกับข้าวเป็นภุมรินที่ยืนกรานจะทำเอง
เช้านี้ก็เช่นเคย หญิงสาวเดินเข้ามาทางประตูหลังบ้าน ตรงเข้าไปในครัว เห็นเจ้าของบ้านกำลังซาวข้าว หม้อชั้นในดูเล็กไปเลยเมื่ออยู่ในมือเขา ทุกครั้งที่เห็นมหรรณพจัดการอุปกรณ์ชิ้นไม่ใหญ่ด้วยสองมือที่คล่องแคล่วทำให้ภุมรินยิ้มได้เสมอ แล้วมันก็กลายเป็นรอยยิ้มหวานเมื่อเขารู้สึกถึงการมาของเธอแล้วส่งยิ้มให้
คงจะดีถ้าเธอได้รับรอยยิ้มนี้ตั้งแต่ลืมตาตื่นนอน ภุมรินมโนไปไกล โดยที่มหรรณพคาดเดาไม่ได้สักนิดจากรอยยิ้มของเธอ แต่เธอเองก็ไม่เห็นพิรุธตอนเขาหันหน้าหนี ซ่อนความละอายใจด้วยการแสร้งทำเป็นสนใจหม้อหุงข้าวมากกว่าหน้าของเธอ
“เช้านี้กินผัดฟักหรือจะกินฟักผัดดีคะ” ภุมรินทักทายด้วยคำถามซึ่งเป็นการเล่นคำ ก่อนจะหยิบของในตู้เย็นออกมาถามเขาอย่างจริงจัง “มียอดฟักแม้ว ลุงน้ำอยากกินผัดน้ำมันหอยหรือผัดใส่ไข่ดีคะ”
“อะไรก็ได้ น้ำผึ้งทำอะไรก็อร่อย” มหรรณพเป็นคนง่ายๆ ไม่เคยเลือกกิน และเขาไม่ได้พูดป้อยอเอาใจ ภุมรินเก่งเรื่องทำกับข้าวธรรมดาให้อร่อยเป็นพิเศษ
สาวน้อยยิ้มแก้มปริ คำชมใครก็ชอบ ยิ่งถ้าเป็นคำชมของลุงน้ำ ภุมรินยิ่งชอบกว่าเดิมหลายเท่า ไม่เพียงหยิบยอดฟักแม้วออกมา เธอยังเตรียมทำกับข้าวเช้าอีกอย่าง กินกันแค่สองคน กับข้าวง่ายๆ สองอย่างก็พอ บางครั้งเธอยังอุ่นกับข้าวมื้อเย็นเมื่อวานด้วย แต่แกงเขียวหวานปลากรายไข่เค็มของเมื่อคืน เธออุ่นเก็บไว้ให้มหรรณพกินเป็นมื้อกลางวัน เพิ่มหมูทอดกระเทียมพริกไทยเอาไว้เยอะๆ เขาจะได้กินมื้อนี้ด้วย ระหว่างเตรียมมื้อเช้าให้เขากินก่อนเปิดอู่ซ่อมรถ ภุมรินก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“น้ำผึ้งนึกออกแล้วค่ะว่าจะขออะไรเป็นของขวัญวันเกิดปีนี้”
อยู่ๆ ภุมรินก็พูดขึ้นมา เล่นเอามหรรณพที่กำลังใช้มีดบางปอกเปลือกกระเทียมถึงกับสะดุ้งโหยง เกือบโดนมีดบาดมือ โทษที่เขาขวัญอ่อนไม่ได้ เพราะเมื่อคืนภุมรินยังแกล้งหลอกล่อว่าของขวัญวันเกิดอายุยี่สิบปีขอเป็นการแต่งงานได้หรือไม่
“น้ำผึ้งอยากได้อะไรเหรอ” มหรรณพทำใจดีสู้เสือ แต่พอเห็นภุมรินยิ้มกริ่มแล้วเขาก็ใจไม่ดี
“ทำไมต้องทำหน้าระแวงอย่างนั้นด้วยคะ น้ำผึ้งไม่ขออะไรแพงๆ หรอก” ภุมรินแกล้งแซวทั้งที่รู้ว่ามหรรณพไม่ได้กลัวเธอขอของแพง แต่กลัวจะขอของที่เขาให้ไม่ได้
“ไม่ได้ออกไปกินข้าวข้างนอกด้วยกันนานแล้ว ลุงหมีพาน้ำผึ้งไปฉลองวันเกิดได้ไหมคะ” เธอไม่ต้องทำเสียงอ้อน เขาก็ใจอ่อนไปถึงไหนถึงไหนแล้ว
“ได้สิ น้ำผึ้งอยากกินอาหารแบบไหนล่ะ ไทย ฝรั่ง ญี่ปุ่น เกาหลี” เขาพร้อมจะตามใจเธอทุกอย่าง
อย่าเห็นว่ามหรรณพอายุเยอะกว่าภุมรินหลายปีแล้วจะไม่เข้าใจความชอบของเด็กสาว หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เพียงพาเธอไปลองกินอาหารญี่ปุ่นกับเกาหลีตามกระแส ยังไปกินขนมหวานร้านต่างๆ เพราะอยากให้เธอจับไอเดียนำมาใช้กับงานในอนาคต ส่วนน้องชายที่เรียนสาขาเดียวกันกับหลานรักให้ไปหากินเอาเอง
“ร้านไหนก็ได้ค่ะที่ลุงน้ำชอบ” เธอยิ้มจนตาหยี แล้วพูดเรื่องที่ทำให้เขาสะดุ้งอีกรอบ “พาป้ารินไปด้วยก็ได้นะคะ เห็นป้ารินบอกว่าลุงน้ำชวนกินข้าว”
ระหว่างแนะนำภุมรินก็หยิบกระเทียมที่มหรรณพแกะเสร็จแล้วมาโขลกกับพริกไทย เตรียมใช้หมักหมูรอทอด สีหน้าท่าทางดูเป็นปกติ เขาเลยต้องชั่งใจก่อนถาม
“น้ำผึ้งไม่โกรธป้ารินแล้วเหรอ” มหรรณพยังสงสัยด้วยว่าทั้งสองไปคุยกันตอนไหน อาจจะหลังจากวางสายจากเขาไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลยที่ลดารินจะโทร. หาภุมรินเพื่อรายงานความคืบหน้าระหว่างเขากับเธอ
“เรื่องก็ผ่านมาตั้งนานแล้วนี่คะ แล้วน้ำผึ้งก็อยากจะลองนั่งคุยกับป้ารินดูสักรอบ จะได้ไม่ต้องมานั่งติดใจอะไรกันอีก”
ถ้าไม่ติดว่ามือเปื้อนกลิ่นกระเทียม มหรรณพก็อยากจะลูบศีรษะภุมรินด้วยความรักใคร่เอ็นดู น้องน้ำผึ้งของเขาเป็นผู้ใหญ่กว่าวัยจริงๆ
“ลุงดีใจนะที่น้ำผึ้งคิดอย่างนี้ แต่วันเกิดของน้ำผึ้ง ลุงอยากให้เป็นโอกาสพิเศษมากกว่า ถ้าวันนั้นไปแล้วไม่สบายใจ ก็จะเป็นความทรงจำที่ไม่ดีซะเปล่าๆ”
คำพูดเหล่านี้ทำให้มือที่คล่องแคล่วของภุมรินชะงักค้าง เธอย่อมรู้อยู่แล้วว่าเธออยู่เป็นอันดับต้นๆ ในลำดับความสำคัญในใจของมหรรณพ แต่ปัญหาก็คือเธอไม่รู้ว่าลดารินเหลือภาพจำอะไรเอาไว้บ้างในใจของเขา และเธอจะไม่ยอมให้เศษเสี้ยวใดๆ ของผู้หญิงอื่นมาขัดขวางอนาคตของเธอ
“ลุงน้ำไม่ต้องห่วงค่ะ น้ำผึ้งไม่เป็นไรจริงๆ” ภุมรินย้ำด้วยรอยยิ้มที่ทำให้มหรรณพเชื่อสนิทใจ
เช้านี้ของภุมรินเริ่มต้นด้วยแผนการร้าย แต่เธอคงไม่ทำ ถ้าไม่ผ่านมาหลายปีแล้วยังมีใครหวังจะเข้ามาแทรกแซงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับมหรรณพ
ตื่นเช้ามาได้กลิ่นอาหารหอมๆ ย่อมเป็นยามเช้าที่ผู้หญิงทุกคนยากจะปฏิเสธ โดยเฉพาะอมราที่รู้สึกเหมือนใช้งานร่างกายตัวเองไปจนถึงระดับเกินขีดจำกัด แล้วปัญหาไม่ได้มีแค่ความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียเมื่อยขบตามร่างกาย แต่ยังรวมถึงอาการเหมือนศีรษะจะแยกเป็นเสี่ยงๆ จากฤทธิ์สุรา ทว่าที่แย่ที่สุดก็คือ การเมาค้างไม่ได้ทำให้ความทรงจำเมื่อคืนลบเลือนหายไปเลย
บางทีเธอควรแกล้งสลบ หรือไม่ก็ตายไปเลย เพราะอย่างน้อยเธอก็มีความทรงจำดีๆ ติดตัวลงหลุมไปด้วย
แค่นึกถึงภาพเมื่อคืนก็ทำให้อมราอยากหมดสติให้รู้แล้วรู้รอด เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงไร้ยางอายเมื่อคืนจะเป็นตัวเธอ แล้วก็ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายขี้อายที่เธอแซวจนอายม้วนได้เสมอจะทำเรื่องซุกซนชวนหน้าแดงใจสั่นได้ขนาดนั้น
เธอยังจำได้ทุกขั้นตอนที่เขาทำ ย้ำเตือนเธอให้รู้จักว่าออรัลเซ็กซ์เป็นอย่างไร เขาลูบไล้เธอ ทำให้เธอกรีดร้อง ทำให้เธอพร้อมยอมรับเขาเข้าไปในเรือนกาย แต่ที่จำแม่นสุดคือคำถามก่อนถึงขั้นสุดท้าย
‘อี๊ดแน่ใจนะ’ เขาถามทั้งที่ตอนนั้นเขาแทบจะไม่เหลือความอดทนอดกลั้นแล้ว สำหรับผู้ชายตัวใหญ่ มาโนชใส่ใจผู้หญิงจนอมรายอมให้เขาหมดทั้งตัวและหัวใจ
อมราไม่เถียงเรื่องความเจ็บปวดหรืออึดอัด แต่มันช่างงดงาม มาโนชดำเนินการเคลื่อนไหวเชื่องช้าจนเธอแทบจะทนไม่ได้ เขาไม่ได้ใช้ลูกเล่นแพรวพราว มีเพียงความอ่อนโยน เอาใจใส่ ทว่านั่นนำมาซึ่งความพิเศษยามทั้งสองหลอมรวมร่างกายเป็นหนึ่งเดียว
เลือดร้อนๆ ฉีดขึ้นหน้าเพราะความทรงจำตอนตนเองกรีดร้องเมื่อถูกความสุขพร่าพรายท่วมท้น โดยเฉพาะเมื่อเขาหมดความอดทนหลังจากเธอบีบรัดเขาแน่นเพราะความสุข ทำให้เขาโจนทะยานเหนือร่างของเธอ ส่งผลให้เธอต้องใช้สองแขนสองขารัดเขาเอาไว้ขณะถึงจุดสุดยอดแบบต่อเนื่อง มันเกือบจะทำให้เธอหมดสติ แต่ที่แน่ๆ ทำให้เธอขาดความยับยั้งชั่งใจ ร้องขอให้เขากระทำซ้ำอีกรอบ ทั้งที่อุปกรณ์ป้องกันหมด ยังดีที่เขาไม่ยอมทำตามที่เธอร้องขอ แต่สิ่งที่เธอทำลงไปทั้งหมดยังส่งผลให้เธออยากจะซ่อนตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มไปตลอดกาล
“ตื่นมากินข้าวก่อน จะได้กินยา”
มาโนชไม่สนว่าอมราจะกบดานอยู่ใต้ผ้าห่มทำไม เขาวางถาดอาหารเช้าแล้วดึงตัวเธอออกมาจากที่ซ่อนอย่างง่ายดาย เนื่องจากเธอต้องพยายามเก็บผ้าเอาไว้ไม่ให้เผยความเปลือยของเธอออกไป
“ขอใส่เสื้อผ้าก่อนไม่ได้เหรอ” อมราจำได้รางๆ ตอนเพลียจนหลับไปว่ามีใครบางคนเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าเขาจะปล่อยผีขี้เมาหื่นกามไว้ตามลำพัง
“จะใส่ตัวไหน เดี๋ยวพี่หยิบให้” การที่เขาโอนอ่อนผ่อนตามไม่ได้ช่วยลดความกระอักกระอ่วนลงเลย
“อี๊ดหยิบเองได้ พี่โน้ตไปเปิดร้านเถอะ”
อมราไล่อย่างสุภาพ เธอมองไม่เห็นนาฬิกาจากมุมนี้ หนำซ้ำผ้าม่านยังหนาเกินกว่าจะดูแสงแดดว่าแผดจ้าเพียงใด แต่มาโนชไม่ได้ชอบไปร้านแต่วันแล้วคิดสูตรอาหารใหม่ๆ หรอกหรือ
“พี่ให้เด็กไปเปิดร้านแทน นี่มันจะเที่ยงแล้ว” เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แต่หันมาหาเธอก่อน “จำได้ว่าอาร์มเคยบอกว่าที่บ้านอี๊ดถือเรื่องให้คนมายุ่มย่ามตู้เสื้อผ้า”
อมราอยากจะกลอกตาใส่ เขามาถามตอนเปิดตู้แล้วยังจะให้เธอพูดอะไรอีก ถึงเธอจะไม่ชอบให้ใครมาเปิดตู้เสื้อผ้าตามอำเภอใจ เพราะแม่ของเธอมีนิสัยชอบเก็บของมีค่าเอาไว้ในตู้ แต่เธอไม่ได้จุกจิกจู้จี้เท่ามารดา และถ้ามีอะไรให้เธอสวมคงดีกว่านั่งเปลือยอยู่บนเตียงมองผู้ชายที่แต่งตัวเรียบร้อย แถมยังหล่อเหลาเหมือนหลุดออกมาจากหนังสือแฟชั่นเกาหลี
“ให้อี๊ดหยิบเองค่ะ” เมื่อรู้ตัวว่าพูดห้วนเกินไป เธอเลยอธิบายด้วยสีหน้าร้อนผ่าว “อี๊ดจะหยิบชุดชั้นในด้วย” เธอไม่รอให้เขาปฏิเสธ แต่ขยับลุกอย่างรวดเร็วเกินไปสำหรับร่างกายที่โดนย่ำยีมาเมื่อคืน
เสียงหลุดปากดังซี้ดทำให้ร่างสูงใหญ่เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วมาหา นาทีหนึ่งเขาอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า อีกนาทีเขาเข้ามาถึงตัว ทำท่าจะดึงผ้าห่มออกดู ก่อนจะหน้าแดงแข่งกับเธอ
“เจ็บมากไหม ต้องไปหาหมอหรือเปล่า”
“แล้วเราจะบอกหมอยังไงดีคะ” อมราไม่ได้อยากประชด แต่คิดถึงตอนนั่งเล่าอาการให้หมอฟัง แค่นี้เธอก็อยากจะยกเท้ามาปิดหน้าเพราะมือคงไม่พอ
‘หมอคะ เมื่อวานหนูโดนหมีทารุณกรรมค่ะ จริงๆ ก็ไม่เชิง เพราะหนูเป็นคนจับกดหมี ฟัดหมี ปล้ำหมี ไม่นึกว่าตรงนั้นของหมีจะ...เอ่อ...จะทำให้บอบช้ำขนาดนี้’
แค่คิดว่าต้องบอกเรื่องลับที่นำมาซึ่งความเจ็บป่วยให้หมอวิเคราะห์อาการ อมราก็อยากจะกระโดดตึกตายหนีอายให้จบๆ ไป ที่จริงเธอไม่ต้องเล่าให้หมอฟัง เธอก็พอจะวิเคราะห์ได้แล้วว่าตัวเองเป็นอะไร เขาเรียกว่าโรคชอกช้ำภายในจากการไม่ประมาณตน ดื่มเหล้าทั้งที่คออ่อน แล้วที่พลาดสุดๆ ก็คือเลือกปล้ำหมี
“ถ้าอย่างนั้นกินข้าว แล้วค่อยกินยา” เขาแนะนำจบก็ไม่รอให้เธอปฏิเสธ หนำซ้ำยังไม่กลับไปหน้าตู้เสื้อผ้า แต่ถอดเสื้อยืดที่ตัวเองสวมอยู่ให้เธอสวม
หล่อล่ำเป็นอย่างแรกที่อมรานึกออก ตามด้วยเธอกำลังจะได้สวมเสื้อผู้ชายเป็นครั้งแรก ถึงจะมีพี่ชายสองคน มีแฟนที่เกือบจะมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง แต่เธอไม่เคยลองสวมเสื้อผู้ชายมาก่อน ท้ายสุดเพื่อไม่ให้เสียเวลายื้อกันไปมา เธอเลยรับมันมาสวมใต้ผ้าห่ม คิดจะลุกไปหยิบเสื้อผ้าของตนออกจากตู้โดยใช้ผ้าห่มพันรอบเอว มาโนชก็หยิบถาดใส่อาหารมาจ่อรอให้เธอกินเสียก่อน
ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง อมราได้ลองทำอะไรครั้งแรกหลายอย่าง กินข้าวบนเตียง สวมเสื้อของผู้ชาย แล้วยังลองมีอะไรกับผู้ชายเป็นครั้งแรก แต่แทนที่จะปล่อยให้ตัวเองสติหลุด เธอก็ควบคุมจิตด้วยการตั้งสมาธิไปกับการกินอาหารเช้า
ในความเป็นผู้ชายหล่อล่ำกล้ามใหญ่ มาโนชทำอาหารได้ละเมียดละไมมาก ต้มจืดมะกะโรนีใส่ไก่ฉีกเป็นอาหารที่ทำง่าย แต่กับคนที่เติบโตมากับฝีมือทำอาหารเก่งฉกาจของพ่อกับพี่ชายที่เป็นเจ้าของร้านอาหารและเชฟมือทอง อมรามีลิ้นที่ละเอียดในการจับรสชาติ
น้ำซุปในถ้วยไม่ได้มาจากผงปรุงรส เป็นไปได้ว่ามันถูกแบ่งจากซุปที่ใช้ทำอาหารในร้านเก็บแช่แข็งไว้เพื่อปรุงอาหารในบ้าน มะกะโรนีเป็นพาสตาแบบสั้น การต้มต้องระวังไม่ให้ดิบและไม่ให้สุกเกินไป มีศัพท์เรียกว่า ดันเต้ สุกกำลังดี ซึ่งแต่ละคนอาจมีความชอบต่างกัน แต่ที่มาโนชต้มอยู่ในระดับที่อมราชอบ น้ำซุปไม่ขุ่น ทว่ามะกะโรนีทุกชิ้นอิ่มไปด้วยรสชาติน้ำซุป แสดงว่าเขาต้องทำบางอย่างที่ไม่ใช่โยนมะกะโรนีอบแห้งลงไปในซุปที่เคี่ยวไว้ล่วงหน้า แคร์รอตกับมะเขือเทศและก้านเซเลอรีก็เช่นกัน มันไม่ใช่ผักที่จะสุกในระยะเวลาใกล้กัน เขาต้องกะเวลาในการเติมผักและไก่เพื่อให้สุกพร้อมกันอย่างเหมาะสม
ต่อให้เป็นร้านอาหารชื่อดัง อมรายังหาข้อจับผิดได้สักหนึ่งหรือสองอย่าง แต่เธอตักซุปมะกะโรนีฝีมือเชฟโน้ตซดจนหยดสุดท้ายยังหาข้อตำหนิใดๆ ไม่ได้ หลังจากยกแก้วนมสดที่มีกลิ่นอัลมอนด์กับน้ำผึ้งจางๆ ดื่มแบบไม่เหลือสักหยด เธอก็ซูฮกให้แก่ฝีมือทำครัวของมาโนช
“ยาแก้ไข้กับยาคลายกล้ามเนื้อ” มาโนชไม่เพียงยื่นถ้วยเล็กใส่ยาให้ มืออีกข้างของเขายังมีแก้วน้ำอุ่นที่มีกลิ่นสดชื่นซึ่งไม่รู้ว่าคว้าจากไหนมาส่งให้อมราด้วย
“เปปเปอร์มินต์ มะนาว น้ำผึ้ง” เพราะเป็นนักกินตัวยง อมราจึงวิเคราะห์ส่วนผสมได้หมด แล้วยังรู้ด้วยว่ากลิ่นเปปเปอร์มินต์ทำให้สดชื่น มะนาวล้างกลิ่นคาวในปาก ส่วนน้ำผึ้งผสานรสชาติทั้งสองให้เข้ากัน และช่วยจัดการรสขมของเม็ดยา
อมรารู้สึกเหมือนโดนจู่โจมอย่างหนักจากความรอบคอบด้านปรนเปรอกระเพาะของมาโนช เขาฮุกเธอด้วยซุปมะกะโรนี แย็บด้วยนมอัลมอนด์ แล้วอัปเปอร์คัตจนน็อกเอาต์ด้วยน้ำดื่มรสชาติกลมกล่อมสำหรับกินยา ถ้าเธอไม่ได้ถวายตัวให้เขาไปแล้ว เธอจะรีบแก้ผ้าเสียตอนนี้เลย
ถึงสมองของอมราจะมีแอลกอฮอล์เต้นฮูลาฮูล่า เธอก็ไม่คิดว่าควรจะเป็นช่วงเวลาแห่งการใจเย็น ทว่ามานึกๆ ดูอีกทีไม่ใช่เพราะเธอร้อนใจไปเล่นงานแฟนเก่า คว้าเหล้าเข้าปาก ลากมาโนชมาปล้ำ ทุกอย่างคงไม่กลายเป็นรวมมิตรต้มยำแห่งความวิบัติ
“อยากได้อะไรอีกไหม” ขณะถามด้วยความห่วงใย มาโนชก็ก้มลงกดมือสองข้างลงบนเตียงคร่อมเหนือร่างของอมรา ถ้าหน้าหล่อหวานของเขาไม่ทำให้เธอน้ำลายสอ กล้ามเนื้อท่อนบนแน่นๆ ที่ปราศจากผ้าปกปิดก็เป็นเหยื่อล่อชั้นดี ทำให้เธอเริ่มกังขาว่าการถอดเสื้อให้เธอสวมเป็นหนึ่งในแผนการของเขาหรือไม่
ก่อนจะเอ่ยปาก อมราก็รู้แล้วว่ากำลังหาเรื่องใส่ตัว แต่ไม่เป็นไร เธอทำเรื่องที่ควรเสียใจภายหลังเป็นประจำอยู่แล้ว
“อี๊ดอยากได้เซ็กซ์เฟรนด์ พี่โน้ตสนใจสมัครไหมคะ”
ในขณะที่ผู้หญิงอายุยี่สิบเก้าย่างเข้าสามสิบกำลังจะใช้อารมณ์เหนือเหตุผล ผู้หญิงอายุไม่ถึงยี่สิบปีกำลังวางแผนโดยทิ้งอารมณ์ไว้ข้างหลัง เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้น ภุมรินอาจจะกรีดร้องวิ่งไปกระชากหัวลดาริน แล้วทวงคืนความแค้นเมื่อแปดปีก่อนด้วยการทุบหัวแบบปลาช่อน แล่เป็นชิ้นๆ ด้วยฝีมือการทำซาซิมิที่เธอภาคภูมิใจ หรือไม่ก็ควักไส้ต้มยำทั้งเป็น นั่นดีต่อปมในใจของเธอ แต่ไม่ดีเลยกับภาพลักษณ์น้องหนูตุ๊กตาน่ารักในสายตามหรรณพ
น่าเสียดายที่ทางเลือกของมนุษย์มีจำกัด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ตรงไหน เพราะถ้าเธอระงับอารมณ์ จัดการศัตรูสำเร็จ เธอก็จะพ้นจากความทรงจำเลวร้ายไปตลอดกาล
เมื่อตัดสินใจแล้วภุมรินก็ทิ้งมวลอารมณ์ด้านลบ กลับมาลัลล้าตามที่ควรจะเป็น เธอรักษามันเอาไว้ได้ตลอดคาบเรียนเช้า แต่พอพักเที่ยงโทรศัพท์หนึ่งสายก็เข้ามาทำลายมันจนหมดสิ้น ไม่ใช่สายจากลดารินก็จริง แต่มันทำให้เธอรู้สึกแย่ยิ่งขึ้น เพราะมาจากแม่ของเธอเอง ฝันร้ายที่ไร้ทางกำจัด
“สวัสดีค่ะแม่ มีธุระอะไรเหรอคะ” ภุมรินทักทายอย่างที่ควรจะทำ ซึ่งย้ำถึงความห่างเหินระหว่างทั้งคู่
“ใกล้ถึงวันเกิดน้ำผึ้งแล้ว หนูอยากได้อะไรไหม เดี๋ยวแม่ซื้อให้” น้ำเสียงและวิธีพูดของแพรทองเหมือนแม่ที่ใช้กับลูกสาววัยห้าหกขวบ ของขวัญที่เสนอให้ก็เช่นกัน
“ตุ๊กตาไหม แต่ก่อนน้ำผึ้งชอบตุ๊กตาหมีนี่นา แม่ไปเห็นที่ตัวโตเท่าน้ำผึ้งเลย”
ภุมรินเบะปากใส่ข้อเสนอนี้ ถึงเธอจะชอบตุ๊กตา แต่ตลอดมาแพรทองไม่เคยซื้อให้เธอเลยสักตัว ตุ๊กตาหมีก็เช่นกัน ตัวแรกที่เธอได้รับมาจากมหรรณพ เป็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่กว่าเธอในวัยห้าขวบ ส่วนเรื่องที่แม่อยากซื้อตุ๊กตาหมีให้เธอบ้าง เธออยากจะย้อนถามเช่นกันว่าแม่จำได้หรือไม่ว่าตอนนี้เธอตัวใหญ่แค่ไหน
หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายเมื่อแปดปีก่อน ภมรที่ทิ้งบ้านไว้ให้อดีตภรรยาดูแลลูกสาวก็กลับมาจัดการเรื่องต่างๆ เขาข่มขู่จนแน่ใจว่าแพรทองจะไม่ก่อเรื่องอีก แต่ด้วยนิสัยรักสนุกขาดเพื่อนต่างเพศไม่ได้ของผู้เป็นแม่ ทนแอบออกไปคบคนชั่วคราวได้แค่สามสี่ปี แม่ของภุมรินก็กลับไปทำพฤติกรรมเดิมๆ หายไปครั้งละนานๆ พอถูกอดีตสามีต่อว่าก็หยิบฉวยของมีค่าแล้วออกจากบ้านไป ปล่อยลูกสาวให้อยู่ในความดูแลของพ่อที่มีนิสัยเจ้าชู้ มากเมีย หลายบ้าน และไม่เคยอยู่บ้านนี้ สุดท้ายคนที่ดูแลเธอจริงๆ ก็คือมหรรณพ เขาดูแลเธอมาตลอด ตั้งแต่ห้าขวบจนถึงวันนี้ แล้วแบบนี้เธอยังจะต้องการอะไรจากแม่อีก
“หรือน้ำผึ้งเบื่อตุ๊กตาหมีแล้ว เอาอย่างอื่นก็ได้นะ”
เธอไม่เบื่อตุ๊กตา และไม่มีวันเลิกชอบหมี แต่ภุมรินไม่ได้ปฏิเสธเรื่องเหล่านี้ เพราะเธอนึกออกแล้วว่าจะใช้ประโยชน์จากแพรทองที่โทร. มาเพราะหวังผลประโยชน์บางอย่างจากเธออย่างไร
“ไม่ต้องซื้อหรอกค่ะ เปลี่ยนเป็นแม่มากินข้าววันเกิดกับน้ำผึ้งดีกว่า ได้ไหมคะ ลุงน้ำจะเลี้ยงวันเกิดให้น้ำผึ้ง น้ำผึ้งอยากให้แม่มาด้วย”
คำของ่ายๆ ไม่เสียเงินเช่นนี้แพรทองย่อมตอบรับโดยไม่ลังเล เพราะเธอไม่เห็นรอยยิ้มร้ายๆ ของภุมรินที่อยู่ปลายสาย
ถ้าอยากจะย้ำเรื่องแปดปีก่อนให้ชัดๆ ก็ต้องลากคนที่เกี่ยวข้องมารวมตัวกันให้ครบ
ถ้ามีใครถามมหรรณพเกี่ยวกับภุมริน ลุงน้ำของน้องน้ำผึ้งจะตอบว่าเธอเป็นเด็กดี น่ารัก ทำอาหารอร่อย ฯลฯ เพราะไม่มีอะไรไม่ดีในสายตาลุงที่มีฟิลเตอร์สีชมพูไว้มองหลานตัวน้อยที่โตเป็นสาวน้อยแล้วเขาก็ยังไม่ยอมรับว่าเธออาจจะมีความเปลี่ยนแปลงใดๆ อย่างเช่น นิสัย
วันนี้มหรรณพตั้งใจเลี้ยงฉลองวันเกิดให้ภุมริน อยากสร้างความทรงจำดีๆ ให้เธอ อยากให้เธอก้าวพ้นอดีตมองไปข้างหน้า และดีใจที่เธอนัดภรรยาเก่าของเขาที่เคยสร้างบาดแผลทางใจให้มาเจอหน้ากันเพื่อปรับความเข้าใจ แต่เขาไม่คิดว่าเธอจะเชิญแขกอีกคนที่เขาไม่นึกว่าเธอจะยอมรับว่าเป็นแม่มาด้วย
“พี่แพร...สบายดีหรือเปล่าครับ” มหรรณพเกือบหลุดปากถามว่ามาได้อย่างไร แต่เกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาท อีกอย่างเขาเห็นแล้วว่าเธอมากับภุมริน
“สวัสดีค่ะป้าริน” ภุมรินทำเหมือนไม่เห็นบรรยากาศกระอักกระอ่วนตรงหน้า หรือไม่เธอก็พยายามจะแก้ไขสถานการณ์
มหรรณพไม่เชื่อหรอกว่าภุมรินเจตนาพาแพรทองมาสร้างความลำบากใจให้ทุกคน แล้วแขกที่เขาไม่ได้เชิญก็ยืนยันอย่างนั้น
“พี่ว่าจะมาอวยพรวันเกิดให้น้ำผึ้ง ไม่นึกว่าน้ำจะจัดงานเลี้ยง”
ในมือของแพรทองมีกล่องของขวัญอยู่ ยืนยันได้ว่าเธอต้องการเพียงพบบุตรสาว แต่เพราะภุมรินนัดกับมหรรณพอยู่แล้ว ที่สำคัญอีกฝ่ายเป็นแม่ จะไม่สนใจเลยก็คงไม่ได้ เลยพามาด้วย
การลำดับญาติของคนกลุ่มนี้ชวนงุนงงเล็กน้อย ตามอายุแล้วการที่มหรรณพเรียกแพรทองว่าพี่ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เพราะเจอกันครั้งแรกภุมรินเรียกเขาว่าลุงหมี ตอนนั้นเธอยังเป็นแค่เด็กเล็กๆ ไม่เข้าใจการนับญาติตามอายุ เขาจึงปล่อยเลยตามเลย
“ลุงน้ำคะ คือว่า...” แค่เห็นท่าทางไม่สบายใจของภุมริน มหรรณพก็ต้องรีบเข้าไปแก้ไข
“ถ้าพี่แพรไม่ติดธุระ มากินข้าวด้วยกันเถอะครับ วันเกิดของน้ำผึ้ง คนยิ่งเยอะยิ่งดี” แล้วเขาก็ยินดีที่เห็นรอยยิ้มแสดงความดีใจของเธอด้วย
คงมีเพียงลดารินที่ลอบสะกิดเอวด้านหลังของมหรรณพแล้วแอบส่งสายตาแสดงความไม่เห็นด้วย เขาหันกลับไปส่ายหน้าเบาๆ เป็นเชิงเตือนเธอ วันนี้ตอนขับรถไปรับเธอเพื่อมาร่วมงานวันคล้ายวันเกิดของภุมริน เธอก็ทำเสียบรรยากาศไปแล้วหนึ่งครั้งด้วยคำถาม
...
‘น้ำผึ้งไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วนะคะ พี่น้ำไม่คิดจะอยู่ห่างๆ น้ำผึ้งเลยเหรอ พี่น้ำแน่ใจเหรอคะว่าน้ำผึ้งไม่ได้คิดอะไรกับพี่’
มหรรณพตัดบทคำถามของลดารินด้วยคำพูดที่ว่า
‘รินอย่ามาจ้องจับผิดดีกว่า น้ำผึ้งไม่ใช่คนแบบนั้น’ แต่เขารู้ดีแก่ใจว่าตนเป็นคนแบบไหน
...
คนที่แอบมีใจให้เด็กอายุน้อยกว่าเขาสิบห้าปี แค่นึกถึงความลับที่ซุกซ่อนเอาไว้ในใจ เขาก็บังเกิดความละอายแทบตายแล้ว
ดังนั้นสิ่งที่มหรรณพต้องการจะทำก็คือ เป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของภุมรินตามที่เธอต้องการ เพราะหลังจากนี้เขาจะค่อยๆ ปลีกตัวออกจากชีวิตเธอ ซึ่งอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการในเวลานี้ แต่มันจะเป็นสิ่งที่ดีต่อเธอในอนาคต
ทว่าเรื่องต่างๆ ดูจะไม่ง่ายเหมือนที่เขาคิด มหรรณพที่เชื่อใจภุมรินเสมอยังอดขมวดคิ้วไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันเขาก็ปรามลดารินด้วยสายตาไม่ให้ทำลายบรรยากาศ ทว่าเขาไม่อาจห้ามปากของแพรทองได้
“เธอเป็นเมียเก่าของน้ำ คนที่ทำน้ำผึ้งเกือบตายไม่ใช่เหรอ”
แล้วอดีตที่ถูกฝังเก็บในซอกมานานหลายปีก็ถูกนำออกมาให้ทุกคนเผชิญหน้าแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ยกเว้นภุมรินที่คิดจะใช้อดีตเปลี่ยนอนาคตระหว่างเธอกับมหรรณพ
ความคิดเห็น |
---|