4

เรื่องที่สมองไม่ได้สั่งการ

4

เรื่องที่สมองไม่ได้สั่งการ

 

จะมีใครโชคร้ายเหมือนเขาอีก มาโนชถามฟ้า ถามดิน แล้วก็ถามตัวเอง แต่เขาคงถามอมราไม่ได้ เพราะเธอเมาโดยสมบูรณ์แบบไปแล้ว เขาเองก็เช่นกัน จะว่าไปเขานึกได้อย่างล่าช้าว่าการนั่งดื่มเป็นเพื่อนเธอหวังจะชะลอความเร็วในการดื่มเป็นเรื่องผิด เพราะเขาก็คออ่อนไม่แพ้เธอ ตอนนี้เลยได้แต่นั่งมึน ดูคนอกหักทำตัวบ้าๆ บอๆ เมาแล้วพร่ำรำพันตามด้วยร้องเพลงเศร้า ทว่าจบด้วยการเปิดเพลงแดนซ์ได้อย่างไรก็สุดรู้

ชายหนุ่มพยายามตั้งสติ ระลึกให้ออกว่าเขาเข้ามาอยู่ในห้องของเธอได้อย่างไร แต่แอลกอฮอล์ในเลือดชวนให้สมองไขว้เขว ไม่นับผู้หญิงที่เต้นยักย้ายส่ายเอวตรงหน้า ท่าเต้นของเธอดูบ้าๆ แต่ที่บ้ากว่าคือเขาดันชอบ แล้วลุกโซเซเต้นไปกับเธอด้วย พลาดหัวทิ่มหัวตำไปหลายรอบ โดนเธอเหยียบเท้าไปก็หลายที 

อนุสติเตือนมาโนชว่าอย่าเสียงดังมากเดี๋ยวห้องข้างล่างจะขึ้นมาด่า แต่เขานึกได้ว่าห้องข้างล่างเป็นของเขา เลยเต้นประกอบเพลง “I will survive” เป็นเพื่อนอมราได้อย่างสบายใจ แค่ต้องเตือนให้เธออย่าแหกปากร้องเพลง แล้วก็คอยจับเอวเธอเอาไว้ดีๆ ไม่ให้กระโดดไป เพราะนอกจากเสียงดังแล้วมันยังทำเขาเวียนหัว สภาพของทั้งคู่ตอนนี้เหมือนหมีประคองกอริลลา ไม่ช้าก็ล้มคว่ำไปด้วยกัน

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าอี๊ด” มาโนชถามทั้งที่เขาพลิกตัวให้ร่างกายล้มลงมาบนโซฟาเพื่อรองรับตัวอมราเอาไว้ไม่ให้กระแทกพื้น 

“เจ็บใจ ไม่น่าไปคบกับไอ้เชี่ยนั่นเลย”

“...” เขาว่ามันคนละเรื่องกัน แต่จะถือสาอะไรกับคนอกหักแล้วเมาเหล้า

“พี่โน้ตคิดดูนะว่าอี๊ดทำทุกอย่างเพื่อมันขนาดไหน มันอ้ะโคตรเห็นแก่ตัวเลย อยากให้อี๊ดบริการให้ทุกอย่าง” เธอพูดพร้อมกับพยายามยันตัวลุกขึ้นจากร่างของเขา แต่พลาดล้มลงมานอนบ่นอยู่ที่เดิม “แล้วมันยังมาพูดอีกว่าอี๊ดไม่ดีพอ วันนี้มันพูดต่อหน้ากิ๊กมันเลยนะว่าคบกับอี๊ดแล้วไม่โอเคเพราะอี๊ดไม่ยอมมัน คอยดูนะ อี๊ดจะไปฟ้องทางมหา’ลัยว่ามันพูดว่ามีไรกับนักศึกษา”

“เด็กเขาสมยอมนะ จะไปแจ้งทางมหา’ลัยได้เหรอ” มาโนชพยายามสนใจเรื่องของคนอื่น ดีกว่าสนว่ามือของอมราไปอยู่จุดไหนบนตัวเขาบ้าง

“ไม่รู้]ะ ยอมไม่ยอมมันก็มีอะไรกับเด็ก มันเป็นอาจารย์นะ ยังไงก็ผิด”

มาโนชส่งเสียงอืมแสดงความเห็นด้วย แล้วใช้สองมือยกเอวของอมราขึ้น แต่แทนที่เธอจะโยกย้ายตัวเองไปข้างๆ กลับมานั่งคร่อมอยู่เหนือเอวของเขา ชายหนุ่มตกใจและสงสัยว่าเธอทำได้อย่างไร ในเมื่อเธอใส่กระโปรงทรงตรงเสมอเข่าที่ไม่เอื้อให้แหกแข้งแหกขา เขาเหลือบลงไปมองแล้วอยากจะควักตาซุกซนของตนออกเมื่อเห็นชัดๆ ว่าขอบกระโปรงของเธอเลื่อนขึ้นมาอยู่เกือบถึงเอว และตาของเขาก็อดที่จะสอดส่ายเข้าไปตรงช่องว่างที่กระโปรงเปิดขึ้นตรงกลางไม่ได้

“พี่ว่าพี่กลับห้องก่อนดีกว่า” แต่ร่างกายของเขาดันนอนแข็งทื่ออยู่ตรงนี้

“ทำไมล่ะ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนสิ” เธอขยุ้มสองมือลงมาบนอกของเขา ไม่รู้เลยว่าตรงนั้นเป็นส่วนอ่อนไหวของหนุ่มหมี ซึ่งส่งผลต่อบางส่วนที่อ่อนไหวกว่า และมักมีปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ

เขาคาดหวังว่าเธอจะไม่รู้ ไม่สนใจ แต่มาโนชหลอกใครกัน คนที่นั่งคร่อมอยู่เหนือตัวเขาคืออมรา ผู้หญิงที่ไม่เคยปล่อยให้รายละเอียดใดๆ หลุดลอดสายตา

“อุ้ย อะไรทิ่มก้นอี๊ด” 

อมราเลิกคิ้วแสดงความแปลกใจ ก่อนจะก้มลงแทบจะจ่อหน้ามาโนชแล้วส่งยิ้มล้อเลียน ซึ่งทำให้สะโพกเธอถอยหลังไปเบียดบางอย่างให้มันทิ่มก้นเธอมากขึ้น

“ลามกเหมือนกันนะพี่โน้ต” เธอล้อเลียนแบบชิดใกล้ ทำให้ลมหายใจร้อนๆ กระตุ้นใบหน้าของเขาให้ร้อนผ่าวแทบลุกไหม้

มือสองข้างของมาโนชใหญ่พอจะผลักอมรากระเด็น แต่เขายกขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง ถือคติไม่มองก็ไม่อับอายเพิ่ม เพราะเขาห้ามปฏิกิริยาทางกายไม่ได้เมื่อมีหญิงสาวมาขยับยุกยิกอยู่บนตัวเขา เธอสนุก แต่เขากำลังจะตาย

“พี่โน้ตอยากรู้ไหมที่อี๊ดบอกว่าตัวเองเก่งเรื่องใช้มือกับปากน่ะเป็นยังไง”

“ไม่อยาก” มาโนชกัดฟันตอบ เพราะจริงๆ ร่างกายของเขาอยากรู้มาก

“คนโกหก มาๆ อี๊ดจะทำให้ดูว่าที่เจมหาว่าแค่นี้ไม่พอ เขาก็โกหกเหมือนกัน”

โกหกนั้นตายตกนรก แต่มาโนชยังไม่ทันตายเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทัวร์นรก หรืออาจจะเป็นสวรรค์ก็ได้ แล้วแต่อมราจะพาไป

 

ภุมรินรู้ดีว่าตนโกหกมหรรณพไม่แนบเนียน เธอไม่เพียงแต่ไม่ยินดีหากเขาจะขอเบอร์โทร. ของอดีตภรรยา เธอยังไม่ชอบใจเป็นอย่างยิ่งหากเขาจะไปพบหน้าคนที่เคยร่วมชีวิตกับเข าถ้ามีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้เธอควรจะใช้เหตุผลมาต่อต้านอารมณ์หึงหวง ซึ่งมอบให้ผู้ชายที่ไม่ได้มีสถานะเกี่ยวข้องกับเธอ นอกจากคนข้างบ้านที่ห่วงใยกัน แต่เธอไม่รังเกียจนิสัยแบบเด็กๆ ของตนเอง แล้วเธอก็เชื่อสัญชาตญาณของผู้หญิงยามพบเจอกับสิ่งที่อาจจะเป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์

เธอเคยวางแผนอนาคตเอาไว้ว่าหลังจากอายุครบยี่สิบปี เธอจะไม่ปกปิดความรู้สึกที่มีต่อลุงข้างบ้านอีกต่อไป อันที่จริงภุมรินเปิดเผยมันไปตั้งนานแล้ว เพียงแต่มหรรณพเลือกจะมองว่า มันเป็นเพียงความรู้สึกของเด็กคนหนึ่งที่ขาดพ่อแล้วมอบมันให้แก่คนที่คอยดูแลมาตั้งแต่เด็ก เธอรู้ว่าถ้ารุกหนักกว่านี้ เขาอาจจะต่อต้านมากกว่ายอมรับ ทว่าเธอรอช้าไม่ได้เมื่อมีคนคิดจะยื่นมือมาเป็นมือที่สาม

หญิงสาวเตรียมตัวเข้านอนพร้อมวางแผนการไปด้วยว่าจะรุกคืบเข้าไปในหัวใจของลุงหมีข้างบ้านอย่างไรตอนมีคนโทร. เข้ามาพอดี

‘ป้าริน’ เป็นชื่อที่ภุมรินใช้เมมเบอร์โทรศัพท์ลดาริน แต่ในใจเธอเมมเอาไว้ว่า ‘ศัตรู’

“มีอะไรเหรอคะป้าริน” ภุมรินทักทายอย่างสุภาพ เพราะก่อนจะประกาศตัวอย่างเป็นทางการว่าจะเป็นศัตรูกัน เธอไม่ควรเผยความเป็นอริ แม้ทั้งสองจะห่างไกลจากคำว่าเป็นมิตรต่อกันก็ตาม

สิบปีก่อนไม่ใช่ ทุกวันนี้ก็ไม่ใช่ ภุมรินยังจำได้ว่าลดารินเกือบจะทำให้เธอตายทั้งเป็นยังไง คำว่าไม่รู้ ไม่ตั้งใจ ใช้เป็นข้ออ้างในการปล่อยเด็กอายุสิบสองปีให้เผชิญชะตากรรมเลวร้ายไม่ได้ และยิ่งไม่อาจโทษใครที่ชีวิตแต่งงานพังลงเพราะเธอไม่รักษาสัญญากับสามีตัวเองที่จะคอยดูแลคนที่เขาห่วงใย

“ตะกี้ป้าโทร. หาพี่น้ำแล้วนะ” 

แค่ประโยคเกริ่นนำก็ทำให้คนฟังขมวดคิ้วได้แล้ว ภุมรินห้ามริมฝีปากที่อยากจะตะโกนถามว่าโทร. หาคนของเธอทำไมเอาไว้ แล้วนิ่งฟังต่อ แต่ลดารินกลับไม่ยอมพูดเรื่องที่เธออยากจะรู้ เปลี่ยนไปถามเรื่องเรียน เรื่องต่างๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย ก่อนจะวกกลับมาพูดถึงมหรรณพอีกครั้ง

“ป้านัดพี่น้ำกินข้าว ถ้าน้ำผึ้งว่างก็มาเจอกันนะ”

“ได้ค่ะ ไว้เจอกันนะคะ” ภุมรินจะปฏิเสธได้อย่างไร 

หลังจากวางสายเธออยากจะกรี๊ดๆๆ ดูเหมือนว่าหลังจากผ่านไปเจ็ดปี ศัตรูของเธอจะกลับมาใหม่พร้อมความร้ายกาจยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ภุมรินต้องปรับเปลี่ยนแผนเอาชนะใจมหรรณพให้ไวกว่าเดิม และเรื่องเร่งด่วนกว่าก็คือขัดขวางไม่ให้เขาหวนกลับไปหาภรรยาเก่าที่สวมหน้ากากนางฟ้า ทั้งที่ในใจเป็นนางปีศาจร้าย

 

อย่าปลุกปีศาจร้ายให้ตื่น น่าจะเป็นคำเตือนที่มาโนชควรมอบให้อมรา ก่อนเธอจะฉุดเขาออกห่างจากคำว่าผิดชอบชั่วดีหลายนาทีก่อนเขายังพอจำได้บ้างว่าเธอเป็นน้องสาวเพื่อน แต่พอเธอเอื้อมมือไปลูบคลำน้องชายของเขา หมีหนุ่มที่กำลังเมาก็ลืมไปเลยว่าต้องคอยปกป้องเธอจากสัตว์ร้ายเช่นเขา

มาโนชยังนอนบนโซฟาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเสื้อผ้าของเขาเริ่มหลุดลุ่ย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาจะควบคุมได้ แต่ที่ต้องควบคุมยิ่งกว่าเสื้อผ้าก็คือปฏิกิริยาทางกายของเขา สำหรับผู้ชายวัยฉกรรจ์สุขภาพดี การควบคุมร่างกายส่วนล่างตั้งแต่เอวลงไป มาโนชทำได้ดี ยกเว้นบางส่วนที่ไม่ได้ทำงานภายใต้การสั่งการของสมอง

หลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของมาโนชจนหมด อมราก็ลูบมือลงไปตามกล้ามหน้าอก หน้าท้อง แล้วปลดเข็มขัด ตามด้วยกระดุมกางเกงยีน ขณะนิ้วชี้ของเธอแตะไปตามร่องซิป เขาก็หยุดมือข้างนั้นเอาไว้

“อี๊ดเมาแล้ว พอเถอะ” มาโนชต้องดึงความยับยั้งชั่งใจทั้งชีวิตมาใช้เพื่อกล่าวประโยคนี้ แต่อมราไม่ให้ค่าความพยายามของเขาเลย

“ยังไม่พอค่ะ” อมราไม่พยายามดึงมือจากการเกาะกุม แต่เคลื่อนตัวจากข้างโซฟาขึ้นมาบนฟูก แล้วทาบร่างเหนือกายที่แข็งเกร็งเพราะความตื่นตัว

“อย่าทำแบบนี้” เขาปล่อยมือเปลี่ยนเป็นจับบ่าทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ เพื่อไม่ให้เคลื่อนไหวเปะปะทำลายปราการแห่งการอดกลั้น

“อี๊ดไม่รู้หรอกว่า...” ก่อนมาโนชจะพูดจบ อมราก็ก้มลงปัดริมฝีปากตนเข้ากับริมฝีปากเขาเบาๆ กระแสไฟฟ้าสถิตที่เธอสร้างมากพอจะทำให้เขาชะงักงัน ปล่อยให้เธอถอยออกห่างพอจะสบตาเขาได้

“อี๊ดรู้ค่ะ” เธอไม่ได้โกหก เธอรู้จริงๆ รู้มากกว่าที่เขารู้ด้วยซ้ำ

มีอย่างหนึ่งที่มาโนชไม่รู้และอมราไม่อยากบอก นั่นคือเธอไม่ได้เมาขนาดขาดสติ แค่มากพอจะเลิกห้ามใจให้คำนึงถึงความเหมาะสม 

อมราไม่ได้โกหกเรื่องเลิกรากับจามร หรือเรื่องที่เธอหัดทำบางอย่างที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เช่น ออรัลเซ็กซ์ แต่ส่วนใหญ่เธอพูดเกินจริง อย่างแรก ถ้าเธอไม่พบว่าอดีตแฟนกำลังเดินควงกับนักศึกษาสาวน้อย เธอก็คงจะบอกเลิกเขาเร็วๆ นี้อยู่ดี เพราะเธอไม่ชอบการที่เขาพยายามโน้มน้าวให้เธอก้าวไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย ซึ่งเธอไม่คิดจะมี เนื่องจากส่วนลึกเธอรู้ว่าทั้งสองไม่มีอนาคตร่วมกันแน่ ไม่แค่เขาปราศจากคุณสมบัติของสามีที่ดี เธอยังแอบมีใจให้คนอื่น คนที่เธอปรามาสว่าหุ่นหมีแต่แอ๊บสาว คนที่เธอเคยล้อว่าไม่ชอบผู้หญิงจริง คนที่ชอบทำตัวเป็นพี่ชายอีกคน คนที่มีชื่อแสนเชยว่า มาโนช

ไม่รู้เมื่อไรที่เธอหลงรักเขา ตอนเจอกันครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนมาโนชยังคงเป็นหนุ่มหน้าใส อมราเลยแกล้งล้อว่าเขาอาจจะแอบซ่อนความสาวเอาไว้ ไม่นึกว่าคำพูดแบบไม่คิดจะทำให้เขาหันไปปลูกหนวดเครา แต่งตัวเชยเหมือนลุงแก่ๆ แล้วก็เป็นเหตุให้เขาเลิกกับแฟน จะบอกว่าไม่รู้สึกผิดเลยก็ไม่ได้ แต่มีอย่างหนึ่งที่เธอไม่กล้าบอกใคร เธอดีใจที่เขากลับมาเป็นโสดอีกครั้ง ทว่าตอนนั้นเองที่เธอดันพลาดทนลูกตื๊อของเพื่อนของเพื่อนไม่ไหว ตกปากรับคำเป็นแฟนของจามร 

เรื่องออรัลเซ็กซ์ก็เป็นเรื่องขี้โม้ล้วนๆ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ความสามารถทั้งหมดที่เธออวดอ้างจำกัดอยู่แค่ในอินเทอร์เน็ต ส่วนในภาคปฏิบัติ จามรเสนอทางออกให้อมราที่ไม่ยอมมีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยการช่วยมีซอฟต์เซ็กซ์กับเขา แต่มันจบลงตรงที่อมราถีบจามรกลิ้งตอนเขารูดซิปแล้วพยายามให้เธอช่วยเหลือ เมินเสียเถอะ เธอไม่มีทางจับของกระจิ๋วหลิวน่าขยะแขยงพรรค์นั้น   แต่พอเหลือบลงไปมองบางจุดที่อยู่ใต้กางเกงยีนของมาโนช เธอคิดว่ามันน่าสนใจ และไม่เล็ก

มาโนชยังพยายามจะดันตัวอมราออก ด้วยความมุ่งมั่นที่ลดลงจนใกล้จะแตะเลขศูนย์ ส่วนเธอมีความตั้งมั่นระดับเต็มร้อย ถึงเธอไม่ใช่กระทิง แต่เธอเชื่อว่าเป้าหมายมีเอาไว้พุ่งชน 

“พี่โน้ตรู้แล้วนี่ว่าตอนมัธยมอี๊ดได้ฉายาว่าอมราผู้ฆ่าหมีได้ด้วยมือเปล่า” 

อมราตัวใหญ่ไซซ์ยักษ์กว่าสาวๆ มัธยมรุ่นเดียวกันจึงตกเป็นเป้าล้อเลียนของหนุ่มๆ ร่วมชั้น เธอเลยเกลียดฉายานี้มาตลอด แล้วก็พร้อมจะตะปบบ้องหู ตามด้วยบี้ใครสักคนให้ตายคามือหากกล้าล้อเลียน แต่ตอนนี้เธอชอบมาก เพราะเธอกำลังอยากจะจัดการหมี 

“ดังนั้นพี่โน้ตอยู่นิ่งๆ ให้อี๊ดจัดการเถอะ”

เธออาจจะแค่รู้ทฤษฎี แต่เธอเปี่ยมไปด้วยความคล่องแคล่วทางกาย เมื่อบวกกับความมุ่งมั่นก็จัดการกดหมีเอาไว้ใต้ร่างได้สำเร็จ อมราเกือบหลุดหัวเราะเสียงอึกอักของมาโนชที่แสดงอาการขัดขืนเฮือกสุดท้าย เมื่อเธอดึงมือสองข้างบนไหล่ออกไปวางบนเบาะโซฟา เขาก็ทำท่าพลีชีพให้เธอเชยชม 

“กล้ามของพี่โน้ตสวยมากเลยรู้ไหม แปดแพ็กเลยเชียวนะ” แล้วมือของเธอก็ลูบครบทุกแพ็กพร้อมชมเชยไปด้วย ไม่สนใจว่าเขาจะเปลี่ยนจากนอนนิ่งเป็นบิดตัวไปมา แล้วเธอยังใจร้ายปิดท้ายด้วยคำชม[W1] พร้อมกิริยา

“มันโค้งมนน่าจูบ” ถึงตลอดคืนจะเต็มไปด้วยคำโกหก แต่ประโยคนี้อมราพูดจริง

รู้จักมาโนชแรกๆ อมราคิดว่าตนเองแพ้กล้าม เห็นแล้วใจสั่น แต่มีวันหนึ่งเขาไปช่วยพี่ชายของเธอย้ายบ้านจนเหงื่อโซม ถึงขั้นต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ แล้วเธอบังเอิญเดินไปเห็นตอนเขากำลังถอดเสื้อเปื้อนเหงื่อออก ไม่ว่าจะเป็นความโค้งมนกระชับตั้งแต่หัวไหล่จนถึงกล้ามหน้าท้อง สรีระที่ประกอบจากกระดูกและกล้ามเนื้อ ล้วนทำให้เธอรู้ว่าน้ำลายสอเป็นยังไง 

แต่ก็นั่นละ เขาเป็นเพื่อนพี่ชาย ส่วนเธอเป็นได้แค่น้องสาวร่วมโลก อมราไม่อยากให้พี่ชายเสียเพื่อนเลยเก็บความรู้สึกเอาไว้แค่ตรงนั้น แต่ตรงนี้เธอไม่มีอะไรต้องเสีย อย่างมากก็แค่อ้างว่าเมาเหล้า คิดแล้วต้องทำ หญิงสาวไม่รีรอที่จะกดจูบลงไปบนสันกรามของเขา แล้วรู้สึกถึงความอุ่นร้อนเกินห้ามใจ จนอดจะขบเบาๆ ไม่ได้ 

“อย่า...” มาโนชทั้งจั๊กจี้และตื่นตัว แต่ก็ยังนอนให้อมราขบกัดไปตามร่างกาย เธอเลยไม่เกรงใจ ทั้งจูบทั้งขบตั้งแต่กรามไปยังหน้าอก แล้วยอมผละออกเพราะต้องเว้นระยะเพื่อจัดการกางเกงของเขา ชายหนุ่มดึงขอบกางเกงเอาไว้แล้วมองตาเธอ ทั้งที่เขาไม่รู้ว่าอยากจะให้เธอหยุด หรือไปต่อ

“จูบอี๊ดก่อน” เธอปล่อยให้เขาลุกขึ้นนั่งขณะเอ่ยข้อเรียกร้อง

มาโนชไม่ถามว่าจูบแล้วอมราจะให้อะไรเขา เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาอยากจะทำตั้งแต่เธอมอบสัมผัสแผ่วเบาให้เขาเมื่อครู่ มือสองข้างเคลื่อนไหวก่อนเธอจะพูดจบด้วยซ้ำ ข้างหนึ่งประคองข้างใบหน้า อีกมือช้อนท้ายทอยแล้วดึงเธอให้เข้าใกล้พร้อมแหงนเงยรับจูบจากเขา

ถ้าเมื่อครู่อมราพอจะสร่างเมาไปบ้าง จูบนี้ของมาโนชก็ทำให้เธอมึนงงยิ่งกว่าเดิม มันเต็มไปด้วยการรุกราน ขณะเดียวกันก็เว้าวอนเงียบๆ สั่งให้เธอเปิดปากรับปลายลิ้นของเขา พร้อมกับขอให้เธอยอมรับการสำรวจด้วยความเต็มใจ เนิ่นนานกว่าทั้งสองจะสบตากันอีกครั้ง และเธอเป็นคนเอ่ยคำพูดก่อนเช่นเคย

“จูบแล้วก็ได้เวลาไปต่อค่ะ”

เขาอยากถามเธอว่าจะเอาจริงหรือ แต่ดูเหมือนว่าถ้าถึงจุดนี้แล้วจะเป็นคำถามที่ล่าช้าเกินไป ยิ่งเมื่อมาโนชได้จูบอมราแล้ว เขาก็รู้สึกว่าพร้อมจะทำตามทุกอย่างที่เธอสั่ง ดังนั้นจึงอำนวยความสะดวกด้วยการช่วยให้เธอถอดเสื้อผ้าและกางเกงยีนของเขาออกไป รวมถึงปราการด่านสุดท้ายของท่านชายด้วย 

“ว้าว ไซซ์ยุโรปเป็นอย่างนี้นี่เอง” อมราหัวเราะเก้อๆ แบบทำอะไรไม่ค่อยถูก เมื่อพบว่าคำโกหกก่อนหน้ากำลังย้อนเข้าตัว แล้วที่เธอโม้ว่าแปดนิ้วกลืนลงไปได้สบายๆ จะทำยังไง 

เสียคนอย่าเสียหน้า เธอพูดแล้วต้องทำได้ อย่างไรอมราก็ศึกษาจากอินเทอร์เน็ตมาเยอะ พอจะรู้คร่าวๆ ว่าต้องทำเช่นไรบ้าง เธอกดบ่าให้มาโนชนั่งบนโซฟา คุกเข่าลงตรงขาที่อ้ากว้างของเขา แล้วเริ่มลงมือทีละขั้นตามวิธีการของศาสตราจารย์กูเกิล

เมื่อปราศจากสิ่งปกคลุม ส่วนสำคัญของเขาก็ตกสู่อุ้งมือเธอเหมือนมันต้องการเสนอตัว เธอกุมความร้อนผ่าวเอาไว้ในอุ้งมือ นิ้วทั้งห้าเรียนรู้ขนาดและผิวสัมผัส มาโนชสูดหายใจลึกแล้วกระเด้งตัวถอยหลังชิดพนักโซฟา กิริยากะทันหันของเขาทำให้อมราตกใจคว้าจับด้วยสองมือ แล้วได้ยินเสียงครางสิ้นท่าจากเขา

อมราเงยหน้าขึ้นมองพบว่ามาโนชกำลังกลืนน้ำลายถี่ๆ ลูกกระเดือกที่เธอพลาดขบเม้มให้เต็มที่ขยับขึ้นลง มันทั้งน่ารักและน่าหัวเราะจนเธอรู้สึกถึงอำนาจในอุ้งมือตนเอง การลูบไล้จึงจริงจังยิ่งขึ้น ตามด้วยขยับมาทำในสิ่งที่เธอไม่เคยคิดว่าจะกล้า หญิงสาวแตะริมฝีปากลงไปบนส่วนปลายที่อ่อนไหว เปลี่ยนเสียงอึกอักให้เป็นเสียงคราง แล้วรู้สึกถึงมือข้างหนึ่งที่แตะลงมาบนหลังต้นคอของเธอ คะยั้นคะยอโดยไร้เสียงให้ลงมือมากกว่านี้ และในที่นี้เธอรู้ว่าไม่ได้หมายความแค่มือ 

อาจเพราะฤทธิ์สุราในกายทำให้ทุกอย่างน่าตื่นเต้น ลดความกระดากอายลงไป อมรารู้สึกว่าตนทำได้ทุกอย่างที่อยากทำ เช่นแลบลิ้นลิ้มลองรสชาติที่แตกต่างจากทุกอย่างที่เคยเจอ ตามด้วยทดลองทำตามคำโกหกของตนว่าสามารถดูดกลืนของตรงหน้าเข้าปากได้ 

แม้มือซ้ายของมาโนชจะอยู่หลังต้นคอของอมรา แต่เขาส่งแรงทั้งหมดไปยังมือขวาที่จิกลงบนเบาะโซฟาแน่น เพื่อจะได้ไม่บังคับให้เธอทำอะไรก็ตามที่เธอไม่เต็มใจ เพราะแค่เป็นอยู่ตอนนี้ หัวใจของเขาก็ทำงานเกินขีดจำกัดแล้ว ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีหญิงสาวให้บริการสิ่งนี้แก่เขา ทว่าเธอต่างออกไปในแบบที่เขาไม่อาจพูดได้ว่าตรงไหน อาจเป็นเพราะนี่คืออมรา แค่เธอแยกริมฝีปากอย่างเชื่องช้าใกล้จุดที่เป็นส่วนตัวยิ่งของเขา มาโนชก็แทบหยุดหายใจ อย่าว่าแต่เธอจะใช้ริมฝีปากคู่นี้ทำเรื่องมหัศจรรย์กับเขาเลย และถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับเรื่องนี้ แต่เป็นครั้งแรกที่แค่แตะโดนลิ้น เขาก็ทำเหมือนไก่อ่อนที่ไม่อาจอดกลั้นได้ 

เขาตั้งใจจ้องมองเธอตาไม่กะพริบ ทว่าวูบหนึ่งภาพตรงหน้ากลับพร่ามัว รู้สึกตัวอีกทีมาโนชก็เห็นอมรากำลังสำลักกระอักกระไออยู่ ซึ่งทำให้เขาละอายใจยิ่งนัก

“พี่ขอโทษ” มาโนชเอ่ยขออภัยด้วยความขัดเขิน แต่ซ่อนความอิ่มเอมเอาไว้ไม่มิด และเขาอยากจะมอบสิ่งนั้นให้อมราบ้าง 

ข้อดีของคนตัวใหญ่คล่องแคล่วก็คือ เขาสามารถพลิกบทบาทจากผู้ที่นั่งเหนือกว่าเป็นยกอีกฝ่ายมานั่งแทนที่เขา แล้วเปลี่ยนเป็นฝ่ายมอบความสุขให้บ้าง

“อะ...อะไรกันคะพี่โน้ต” อมราถามขณะหยุดมือมาโนชที่กำลังเลื่อนชายกระโปรงของเธอขึ้นไปบนเอว และแค่มองรอยยิ้มกริ่มของเขา เธอก็ได้คำตอบก่อนได้ฟังจากปากเขาเสียอีก

“แสดงความขอบคุณไง” พูดแล้วมาโนชก็กดจูบลงบนหัวเข่าอมรา แตะด้วยปลายลิ้นแผ่วเบา ทำให้มือของเธอไร้แรงต้านทาน แต่เขากลับไม่รุกคืบต่อ เปลี่ยนมาเป็นตั้งคำถาม

“ถ้าอี๊ดไม่ต้องการ” เขาไม่พูดต่อแต่เธอรู้ว่าเขาหมายความอย่างไร และกระตือรือร้นจะตอบเป็นอย่างยิ่ง

“อี๊ดต้องการค่ะ”

หัวเข่าของเธอแยกออกจากกัน เพราะรู้ว่าหัวใจต้องการอะไร

 

มหรรณพรู้ว่าหัวใจตัวเองต้องการอะไร แต่สมองของเขาคอยเตือนว่าเขาต้องการมันไม่ได้ และในฐานะผู้เชี่ยวชาญในเรื่องที่ควรทำ เขาจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ามีใครอยู่ข้างใน 

หลังจากทรมานด้วยการพลิกตัวไปมาบนเตียง เขาก็ขยับมองออกไปนอกหน้าต่างห้องนอน ด้านตรงข้ามคือหน้าต่างห้องนอนของภุมริน ความมืดจากหน้าต่างบอกว่าเธอเข้านอนไปแล้ว และเขาควรจะทำเช่นนั้นบ้าง แต่เขาไม่อาจจะทำได้ เพราะมหรรณพรู้ว่าหากเขาล้มตัวลงนอน ในฝันจะมีภุมรินเข้ามาวุ่นวาย แล้วเขาอาจจะทำเรื่องน่าละอายในความฝันซึ่งฟ้องว่าเขามีความคิดเช่นไรอยู่ในใจ

เมื่อแน่ใจว่าตนต้องการความเหนื่อยล้ามาขับไล่ใครบางคนออกจากความฝัน มหรรณพก็เลือกเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงานที่เป็นกางเกงผ้าเสิร์ทหนากับเสื้อชอปซึ่งเป็นเครื่องแบบประจำอู่ แล้วลงไปจัดการเครื่องยนต์ที่เก็บคลุมผ้าไปแล้วเมื่อตอนเย็น ทั้งที่ปกติเขามีกฎไม่[W2] ตายตัวว่าจะทำงานตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็นเท่านั้น ยกเว้นช่วงที่มีงานเร่งด่วน แต่กฎเป็นของเขา เช่นเดียวกับอู่ซ่อมรถ ดังนั้นเขาจะทำงานตอนไหนก็ย่อมได้ 

รถ Citroën DS เป็นรถหรูยี่ห้อดังจากฝรั่งเศสที่ผลิตครั้งแรกในปี 1955 แม้ว่าคันที่เขากำลังซ่อมแซมจะผลิตในปี 1970 แต่จัดเป็นรุ่นพิเศษที่กาลเวลาห้าสิบปีไม่อาจลบเลือนความสำคัญ ทำงานด้วยระบบไฮดรอลิก หลังสตาร์ตเครื่องมันจะส่งแรงดันไปยังโชกอัป ยกตัวถังด้านหน้าและด้านหลังที่หมอบเกือบติดพื้นให้สูงขึ้น ช่างรุ่นเก่าเรียกรถประเภทนี้ว่ารถกบ เพราะมันยกขึ้นเหมือนกบพองตัว มันเป็นรถที่แทบจะไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริงสำหรับคนอายุน้อยกว่ายี่สิบ มหรรณพนึกภาพภุมรินตื่นเต้นตอนเห็นมันทำงานได้เลย เธอต้องชอบรถที่เอาชนะเครื่องบินโบอิ้งรางวัลสาขาการออกแบบยอดเยี่ยมได้ ซึ่งพิสูจน์ว่าเล็กกว่าไม่ด้อยกว่าใหญ่

เมื่อพบว่าตนหวนคิดถึงคนที่ควรจะสลัดออกไปจากสมองก่อนนอน มหรรณพก็ทุ่มสมาธิไปยังเครื่องยนต์ตรงหน้าแทน ข้อดีของรถรุ่นเก่าคือความแข็งแรงทนทาน ข้อเสียคืออะไหล่มีลักษณะเฉพาะ เขาต้องศึกษามัน ทำความเข้าใจมัน ถึงจะปลุกชีพมันขึ้นมาจากสภาพหลับใหลกึ่งตายได้

ครั้งหนึ่งมหรรณพเคยสอนกลุ่มลูกน้องให้เอาใจใส่การซ่อมแซมรถ อย่าซ่อมลวกๆ ต้องตรวจสอบว่าไม่มีสนิมหรือข้อบกพร่องที่จะทำให้มันทำงานด้อยประสิทธิภาพ หรือทำเครื่องน็อกหลังออกจากอู่ไม่นาน เน้นว่าช่างยนต์ก็เหมือนหมอ พวกเขาสามารถช่วยเหลือรถจากความตายได้ ลูกน้องบางคนฟังแล้วถึงกับหัวเราะ มหรรณพจึงไม่พูดจาทำนองนั้นอีก แต่เขายังยึดมั่นกับความเชื่อของตน และภูมิใจทุกครั้งที่ช่วยให้รถอายุหลายสิบปีสามารถโลดแล่นบนท้องถนนได้อีก

มีไม่กี่อย่างที่มหรรณพมั่นใจในตัวเอง เขาไม่อาจสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาบนโลกได้เหมือนอย่างภุมรินที่รังสรรค์เมนูใหม่ๆ น่าลิ้มรส แต่เขารักษาสิ่งที่อาจจะหายไปจากโลกให้คงอยู่ต่อไปได้ ทว่าการทำงานที่ต้องใช้สมาธิอย่างถอด ประกอบ หรือเช็กชิ้นส่วนเครื่องยนต์ยังไม่อาจดึงสมาธิให้เขาหายวอกแวกได้ มหรรณพจึงหันไปหางานใช้แรงอย่างขัดล้างท่อไอเสียสนิมเกรอะที่ลูกน้องถอดวางเอาไว้ แล้วต่อด้วยเช็กระบบภายในที่มีคราบสกปรกจับหนา

ผ่านไปหลายชั่วโมงมหรรณพก็เหงื่อไหลโซมกาย เขาแน่ใจว่าหลังอาบน้ำเสร็จจะหลับเป็นตาย แต่ขณะก้าวขาขึ้นเตียง เขาก็เผลอเหลือบมองไปยังหน้าต่าง แล้วอดจินตนาการไม่ได้ว่าคนบ้านข้างๆ กำลังหลับใหลอยู่ในท่าไหน ภาพที่ผุดขึ้นมาทำให้เขาแน่ใจว่าการออกแรงทั้งหมดสูญเปล่า ภุมรินจะเข้ามารบกวนอยู่ในความฝันของเขาอีกเช่นเคย เพราะมีบางเรื่องที่สมองสั่งการแทนหัวใจไม่ได้

 [W1]หมายถึงยังไงเอ่ย

 [W2]ไม่ตายตัว  หรือ ตายตัว คะ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น