13

ประคองรัก


13

ประคองรัก

 

อยากให้คุณชายอยู่ต่ออีกสักสามเดือนอรรคที่กำลังขับรถมาส่งพชรหทัยที่วังวิริยาบ่นอุบอิบมาตลอดทาง ไม่อยากจะเชื่อว่าเวลาหนึ่งเดือนผ่านไปไวยังกับโกหก “นี่คุณพ่อคุณแม่เป๊ปเปอร์เขาไม่ห่วงพี่ชายฝาแฝดบ้างเหรอครับ ถึงรีบกลับมาแบบนี้”

“แหม เขาควรจะห่วงเปอร์มากกว่าไหมคะที่อยู่กับคุณอรรคคนเดียวทั้งเดือน พี่ชายเปอร์น่ะเขาดูแลตัวเองกันได้เป็นอย่างดีค่ะ โดนคุณพ่อคุณแม่ส่งไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก มีแต่เปอร์นี่แหละที่คุณพ่อกักไว้ไม่ให้ไปไหน” พชรหทัยค้อนอรรคเต็มแรง มีอย่างที่ไหน ก่อนวันนี้เกือบสัปดาห์ที่อรรคแทบจะไม่ปล่อยให้หล่อนคลาดสายตา หลังเลิกงานยังมาขลุกอยู่ที่ห้องจนเกือบเที่ยงคืนทุกวันกว่าจะยอมกลับไป

“ก็พี่อยากอยู่ด้วย แล้วนี่รายงานที่ส่งไปจะรู้ผลเมื่อไหร่ครับ” อรรคถามถึงสารนิพนธ์ที่พชรหทัยง่วนทำจนเสร็จก่อนเวลา และส่งทางมหาวิทยาลัยไปเรียบร้อยแล้ว

“คงพอๆ กับฝึกงานเสร็จแหละค่ะ”

“ดีๆ เรียนจบแล้วเดี๋ยวพี่มีรางวัลให้ ว่าแต่กลับมาอยู่วังแล้ว ตอนเช้าให้พี่มารับนะครับ” คนไม่อยากแยกกับแฟนบอก ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมเสียดื้อๆ

“อย่าเลยค่ะ คุณอรรคจะวนไปวนมาทำไม นอนที่วิริยะทรัพย์ก็สบายดีแล้วนิคะ”

“พี่กลับไปนอนบ้านก็ได้ ไม่อ้อมหรอกครับ อย่างน้อยก็ได้ใช้เวลาอยู่กับเป๊ปเปอร์”

“แล้วให้ท่านประธานขับรถรับส่งทุกวันเนี่ยเหรอคะ คนอื่นนินทาแย่”

“ก็คิดซะว่าแฟนขับรถรับส่งสิ” อรรคเย้าคนสวยข้างๆ ที่ท่าทางจะคิดมากไม่น้อย

“คนอื่นเขาไม่รู้นิคะว่าเราเป็นแฟนกัน แค่นี้นะพี่ๆ ที่ประชาสัมพันธ์ก็แซ็วเปอร์จะแย่”

ชายหนุ่มไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีใครพูดถึงเรื่องนี้มากแค่ไหน อาจจะเพราะเขาแทบไม่ได้สุงสิงกับใคร ต่างกับพชรหทัยที่ยังมีเวลาว่างไปสานสัมพันธ์กับพนักงานจากแผนกอื่น

“ใครพูดว่าอะไรครับ”

“ก็คุณอรรคคุมเปอร์ไม่ให้คลาดสายตา แถมวันก่อนที่เราไปหาลูกค้ากันแล้วคุณอรรคถือคอมพ์ให้ เขาเมาท์กันให้แซ่ดนะคะ นี่ไม่นับที่เราไปทานข้าวกับเพื่อนคุณอรรคแล้วมีข่าวซุบซิบในหนังสือ เขาก็เอามาพูดต่อกันเสียสนุกปาก” หญิงสาวเห็นโอกาสก็เลยบอกเขา ใจจริงอยากพูดเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว เพราะไม่ชอบใจที่คนเมาท์ลับหลัง จะจริงหรือไม่จริง การพูดถึงคนอื่นแบบนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะทำทั้งสิ้น

“ไหน เขาพูดว่าอะไร ทำไมเปอร์ไม่เคยบอกพี่”

“ก็มันเป็นเรื่องสำคัญที่ไหนล่ะคะเมื่อเทียบกับงานของคุณอรรค”

“ถ้ามันเกี่ยวกับเป๊ปเปอร์ มันก็คือเรื่องสำคัญครับ” ชายหนุ่มหันไปคว้ามือคนสวยมาจูบ “ไหนเล่าสิ ใครพูดว่าอะไร จำได้ไหมว่าเราจะไม่มีความลับต่อกัน”

“เขาก็พูดกันอย่างที่เรารู้แหละค่ะ ว่าคุณอรรคจะฮุบทั้งบริษัททั้งเปอร์ บางคนก็ว่าเปอร์เอ่อ...” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาเขาครู่หนึ่ง “เปอร์ทำตัวเกินเด็ก อ่อยคุณอรรค...เยอะแยะค่ะ อย่าไปฟังเลยค่ะ เปลืองหัวเปล่าๆ” พชรหทัยแสร้งเปลี่ยนเรื่อง คิดซะว่าไม่ได้มีความลับ แต่บอกไม่หมด เพราะความจริงที่ได้ยินมานั้นร้ายแรงกว่านี้เยอะ

‘คุณอรรคฉลาดเว่อร์ คุมบริษัทแล้วยังฟาดลูกสาวด้วย ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ไม่ต้องกลัวคุณชายไม่ต่อสัญญาเลย’

‘แต่ฉันว่าคุณชายสิแน่กว่า ส่งลูกสาวมาล่อคุณอรรค อีกหน่อยก็ได้ลูกเขยมาทำงานให้แบบไม่ต้องเซ็นสัญญาจ้างกันเลย ยังไงก็ต้องทำ บริษัทพ่อตาทั้งที’

‘แต่จริงๆ ปุ๊กว่าคุณเป๊ปเปอร์เนี่ยแรงสุด คงอ่อยคุณอรรคเบอร์ร้อย คิดดูสิ นั่งอยู่ในห้องเดียวกันทุกวัน คุณเป๊ปเปอร์ก็สวยขนาดนั้น พวกแกเห็นไหม ตาคุณอรรคเวลามองเด็กฝึกงานนี่เยิ้มหวาน วิ้งๆๆ ตลอด เดี๋ยวแตะตรงโน้น ประคองตรงนี้ เห็นแล้วขนลุก ระทวยแทน’

อีกสองสาวที่ร่วมสนทนาเบิกตากว้าง หันมามองกันใหญ่

‘แกลองคิดดูนะ นางย้ายมานอนบนเพนต์เฮาส์เป็นเดือนๆ ไม่รู้ฝึกงานกันท่าไหน วันก่อนคุณอรรคยังต้องหนีบนางไปทานข้าวกับเพื่อนๆ เลย กว่าจะกลับกันมาตั้งสามสี่ทุ่ม’ ปรีชญาเอ่ยอย่างออกรส วันนั้นหล่อนลืมไฟล์งานที่ต้องใช้ในการนำเสนอลูกค้าในวันรุ่งขึ้นจึงต้องกลับมาเอาหลังจากเดินทางถึงบ้านแล้ว ทันได้เห็นรถคันหรูของเจ้านายใหญ่เข้ามาจอดหน้าตึก ก่อนนายใหญ่จะเดินลงมาพร้อมเด็กฝึกงานกิตติมศักดิ์ หัวคิ้วกระตุกยิกๆ เห็นเคมีบางอย่างระหว่างคนสองคนอย่างชัดเจน

‘ถ้านางอ่อยคุณอรรคติด ไหนจะผ่านฝึกงานแบบสบายๆ ไหนจะหนีบคุณอรรคให้คอยทำงานให้คุณชายได้...’ ปรีชญาพักหายใจครู่หนึ่ง

‘พวกแกก็รู้ว่าในวงการนี้คุณอรรคเนื้อหอมจะตาย หมดสัญญากับวิริยะทรัพย์เมื่อไหร่คงมีคนมารอช้อนตัว แต่นี่ถ้าตกหลุมคุณเปอร์ รับรองสบายกันทั้งวัง’

‘บ้า คุณเป๊ปเปอร์ฉลาดจะตาย ไม่ต้องซิกแซกนางก็เรียนจบ’

‘ก็นี่แหละย่ะสิ่งที่คนฉลาดเขาทำกัน’

               

ไม่รู้ละ พี่อยากอยู่กับเป๊ปเปอร์ ต่อให้พี่ต้องวนไกลแค่ไหนก็ยอมอรรคยังไม่ละความพยายาม “ถ้าเปอร์ให้รถที่บ้านไปส่ง เราก็ไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันสองคนเลยสิครับ ไม่สงสารพี่เหรอ อีกไม่นานเราก็ไม่ได้เจอกันทุกวันแบบนี้แล้วนะ” ท่านประธานรูปหล่ออ้อนแบบไม่เห็นแก่วัยตัวเอง เกิดมาไม่เคยต้องง้อใครขนาดนี้มาก่อนเหมือนกัน

“งั้นเปอร์จะขอคุณพ่อขับรถไปเองดีไหมคะ อาทิตย์หน้าเปอร์ก็อายุสิบแปดแล้ว คุณพ่อบอกไว้ว่าปีนี้จะซื้อรถให้” เสียงหวานออดอ้อนคนรัก เข้าใจความรู้สึกของเขาดีไม่ต่างกัน “พอขับรถเอง เลิกงานแล้วจะได้โอ้เอ้กะคุณอรรคได้ โอเคไหมคะ” หญิงสาวเห็นแววตาสมใจในดวงตาคมกริบของเขา โดยไม่ได้รู้เลยว่าสิ่งที่ทำให้อรรคเกิดความรื่นเริงขึ้น ไม่ใช่เพราะหล่อนจะขับรถไปทำงานเอง แต่เป็นเพราะประเด็นอื่นมากกว่า

“อาทิตย์หน้าวันเกิดเป๊ปเปอร์เหรอครับ” พชรหทัยพยักหน้ารับ “อายุสิบแปดแล้วเหรอครับปีนี้ ดีจัง” เสียงทุ้มอ่อนฟังดูโล่งใจ หน้าตายิ้มแย้มราวกับคนละคนกับผู้ชายที่บ่นมาตลอดทางเมื่อครู่

“อยากได้อะไรเป็นของขวัญเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ”

“ของขวัญวันเกิดที่ไหนเขาบอกกันคะ”

“อ้าว ก็เป๊ปเปอร์ยังรู้เลยว่าคุณชายจะซื้อรถให้”

“ก็นั่นคุณพ่อ แต่คุณอรรคเป็น...” ถึงจะคบกันได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว แต่หม่อมหลวงคนสวยก็ยังเขินอายทุกครั้งที่ต้องเอ่ยสถานะออกไป

“เป็นอะไร ไหนพูดให้พี่ชื่นใจสิครับ” คนตัวโตยังกระเซ้า เดี๋ยวเถอะทำเป็นเขิน ไม่ยอมพูดว่าเป็นแฟน เดี๋ยวรู้ตัวอีกทีเขาก็จัดสถานะใหม่แบบข้ามขั้นเป็นของขวัญวันเกิดเสียหรอก

“ก็เป็นแฟน...คุณอรรคก็ต้องคิดเอาเองสิคะว่าอยากให้อะไรเปอร์”

“แล้วถ้าของขวัญถูกใจ พี่จะได้รางวัลไหม”

“หืมม...มีอย่างนี้ด้วยเหรอคะ”

คราวนี้คนแก่กว่าสิบสามปีหลอกล่อ ตาพราวด้วยความเจ้าเล่ห์

“มีสิครับ นี่พี่ยังไม่ได้บอกเป๊ปเปอร์ใช่ไหมว่าต้นเดือนหน้าเป็นวันเกิดพี่เหมือนกัน” แปลกใจไม่น้อยที่วันเกิดของเขากับพชรหทัยต่างกันแค่สองสัปดาห์ “ถ้าตอนวันเกิดพี่ เป๊ปเปอร์เลือกของขวัญได้ถูกใจพี่ก็ให้รางวัลเหมือนกัน ดีไหมครับ” คนที่ได้กำไรเห็นๆ กล่อมต่อ

อีกฝ่ายยอมพยักหน้าเออออแต่โดยดี รับปากไวๆ เพราะรถเลี้ยวเข้าประตูวังเรียบร้อยแล้ว

“ค่ะๆ วันนี้คุณอรรคอยู่ทานข้าวที่วังด้วยกันนะคะ คุณพ่อคุณแม่อยากเจอคุณอรรคด้วย”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำเชิญ แต่ยังไม่วายแกล้งเด็กน้อยของเขา “คุณชายกับคุณเปรี้ยวอยาก แล้วเป๊ปเปอร์ล่ะครับ อยากให้พี่อยู่ไหม”

“อยากสิคะ เปอร์อยากอยู่กับคุณอรรคตลอดแหละค่ะ” สาวหน้าสวยยิ้มหวานออดอ้อนเต็มที่ จนชายหนุ่มอยากจะรั้งคนตัวบางมาจูบสั่งลา ก่อนจะส่งหม่อมหลวงพชรหทัยคืนพ่อแม่หล่อน แต่ก็ไม่อาจทำตามใจได้ เพราะเห็นเงาว่าที่พ่อตาแม่ยายที่เดินออกมารับลูกสาวสุดที่รักไวๆ เลยได้แต่ยิ้มรับ

“ปากหวานแบบนี้ พี่จะไปไหนได้”

 

คุณพ่อ คุณแม่หญิงสาวเรียกบุพการีทั้งสองด้วยสีหน้าดีใจ ก่อนจะถลาตัวเข้าในอ้อมกอดผู้เป็นพ่อที่ยืนรอรับอยู่ “คิดถึงจังเลยค่ะ”

“พ่อก็คิดถึงเป๊ปเปอร์ เป็นไงบ้างฝึกงาน เรียบร้อยดีไหมลูก” หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรกดจมูกสิงห์ลงบนศีรษะบุตรสาว แต่ตาเหยี่ยวจ้องอรรคไม่วางตา ก่อนจะดึงบุตรสาวออกจากอ้อมแขนแล้วสำรวจทั่วร่างบางว่ามีส่วนไหนสึกเหรอไปหรือไม่

“ดีสิคะ คุณอรรคสอนงานดีมาก แถมช่วยเปอร์เรื่องรายงานจนเปอร์ทำเสร็จเรียบร้อยก่อนเวลาตั้งเยอะ” พชรหทัยเงยหน้าสบตาบิดา ก่อนจะหันไปมองคนที่คอยดูแลช่วยเหลือทุกอย่างตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “นี่ส่งไปเรียบร้อยค่ะ เหลือแค่ฝึกงานจบ เปอร์ก็จะเรียนจบแล้วนะคะ ตื่นเต้นจังเลย”

คราวนี้คนเป็นแม่ที่แทบจะหลุดขำตอนเห็นสามีทำตาดุใส่ท่านประธานคนใหม่ของวิริยะทรัพย์ “คุณอรรคน่ารักจริงๆ ดูแลเป๊ปเปอร์ตามสัญญา แถมยังช่วยน้องทำการบ้านอีก อย่างนี้น้าก็เบาใจว่าเปอร์มีคนที่ไว้ใจได้คอยดูแล จริงไหมคะพี่ชายพัชร” ปวรศากลัวว่าที่ลูกเขยจะโดนสามีใช้ตาเหยี่ยวมองจนทะลุไปเสียก่อน

ฝ่ายเจ้าของวังก็ได้แต่หันมามองภรรยาคนสวย รู้ดีว่าหล่อนถือหางอีกฝ่ายขนาดไหน

“จ้ะ...ไปเถอะ พ่อว่าเข้าข้างในดีกว่า ตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว ทานเสร็จคุณอรรคจะได้กลับบ้านไม่ดึก” ถึงแม้จะเอ็นดูอรรคและยอมรับความสามารถของอีกฝ่ายอย่างไร แต่ถ้าในฐานะว่าที่ลูกเขยแล้วละก็ ผู้ชายคนนี้ยังต้องพิสูจน์ตัวอีกนาน

...

บรรยากาศในโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างชื่นมื่น มีไอความรักความอบอุ่นในครอบครัวลอยอวลอยู่เต็มไปหมด จนอรรคหวนคิดถึงบิดามารดา แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของพชรหทัยแล้วก็อดมีความสุขไปกับหญิงสาวไม่ได้

“วันเกิดเป๊ปเปอร์ คุณอรรคมาด้วยนะคะ มีทำบุญแต่เช้า กลางวันทานกันในครอบครัว พอเย็นๆ เขาก็มีปาร์ตีตามประสาวัยรุ่นเขา พี่ชายเขาก็จะบินกลับมากัน พวกญาติๆ ตำหนักโน้นก็มา เป็นสกูลเบรกพอดี” ปวรศาออกปากเชิญชายหนุ่มให้เข้าร่วมกิจกรรมของครอบครัว ในขณะที่สามีหรี่ตามองด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ขัดอะไรไม่ได้ เพราะอันที่จริงลูกหลานวังวิริยาไม่เคยโดนปิดกั้นเรื่องมีแฟน พวกรุ่นโตๆ ที่มีคนรักก็พามาร่วมกิจกรรมของครอบครัวอยู่เสมอ

“จริงๆ น้าว่าคุณอรรคอยู่มันทั้งวันนั่นแหละค่ะ เดี๋ยวน้าจะให้เด็กๆ เตรียมห้องไว้ให้พัก ให้เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ตำหนักรอง หรือถ้าปาร์ตีดึกมาก คุณอรรคจะพักที่นี่สักคืนก็ได้นะคะ ขับรถกลับอันตราย” ปวรศายังจัดแจงไม่หยุด   สามีรูปงามก็ได้แต่นั่งกอดอก ยกกาแฟขึ้นจิบ ถอนหายใจอยู่คนเดียว นี่สงสัยเขาต้องคุยเรื่องนี้กับปวรศาอย่างจริงจังเสียแล้ว ส่วนตัวนั้นหลังจากโดนภรรยากล่อมมาตลอดหนึ่งเดือนระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ เขาก็เริ่มทำใจได้กับการที่พชรหทัยจะมีแฟน มีคนรัก ไปจนถึงกับว่าดีแค่ไหนที่คนที่ลูกสาวสุดที่รักของเขาคบอยู่เป็น อรรค อัครนันนท์ ที่มีทุกอย่างเพียบพร้อม เหมาะสมกับทายาทคนเล็ก ทั้งหน้าที่การงาน การเงิน รวมถึงอายุที่โตกว่าลูกสาวคนสวยถึงสิบสามปี ที่เขาค้านนักหนาว่าห่างกันเกินไป แต่ปวรศากลับบอกว่า

‘พี่ชายพัชรเลี้ยงลูกมายังไงคะ ถึงไม่รู้ว่าคนสวยของพี่ชายพัชรดื้อเงียบยังกับอะไร ถ้าได้คนอายุเท่าๆ กัน มีหวังข่มเขาตาย’

‘ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนิครับ ดีซะอีก พี่ไม่ชอบเห็นใครขัดใจเป๊ปเปอร์’ คนตามใจลูกเมียบอกหน้าตาเฉย จนเซเลบรุ่นใหญ่อดค้อนไม่ได้ ‘หรือเปรี้ยวหวานไม่ชอบครับที่พี่ตามใจ ยอมเปรี้ยวหวานทุกอย่าง’

‘ไม่ใช่สิคะ เปรี้ยวหมายถึงว่าคนที่จะเป็นคู่ชีวิตกันมันก็ต้องมีความเกรงใจ ความยำเกรงกันบ้าง แบบที่เวลาพี่ชายพัชรเตือนอะไร เปรี้ยวก็ฟังไงคะ’

หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรถึงกับต้องหันมามองภรรยาที่อยู่กินกันมากกว่ายี่สิบปี ตอนไหนกันในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาที่เขาพูดแล้วปวรศาฟัง

‘มีด้วยเหรอครับที่เปรี้ยวหวานเชื่อพี่’ เห็นทุกทีพอเขาดุ หรือหาทางกำราบหล่อนเข้าหน่อย เจ้าตัวมีแต่จะเอาคืนเขาหลายเท่า จนสุดท้ายคุณชายก็ต้องอ่อนให้ภรรยาอยู่ร่ำไป

‘บ่อยไปค่ะ’ สตรีวัยสี่สิบเจ็ดที่ดูอ่อนกว่าอายุจริงเป็นสิบปีบอก ‘พี่ชายพัชรอาจจะไม่รู้ แต่จริงๆ เปรี้ยวเกรงใจพี่ชายพัชรมากนะคะ’ สีหน้าปวรศาเอาจริงเอาจัง ในขณะที่คนเป็นสามีขมวดคิ้วมุ่น นึกตามสิ่งที่ภรรยาคนสวยพูด ตอนไหนกันที่หล่อนเกรงใจเขา เห็นมีแต่เขานี่ละที่เกรงใจเมีย ตามใจ เอาใจทุกอย่างตั้งแต่หนุ่มยันแก่

หนุ่มใหญ่ส่ายหน้าน้อยๆ อย่างยอมแพ้คารมของภรรยา ก่อนจะยื่นมือหนาออกไปเป็นสัญญาณเรียกแม่ของลูกให้เข้ามาใกล้ อีกฝ่ายก็รีบวางมือลงบนมือสามีแล้วนั่งลงข้างๆ ซบศีรษะอ้อนอีกคนแบบไม่ให้เสียเวลา คุณชายพัชรอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มคู่ชีวิตหนักๆ หลายครั้งจนปวรศาต้องย่นคอหนี

 ‘อย่าเพิ่งมาเกเรค่ะ เราคุยเรื่องลูกกันอยู่...’ ตาหวานค้อนขวับ น่าเอ็นดูเหมือนตอนสาวๆ ไม่มีผิด ‘เชื่อเปรี้ยวหน่อยนะคะเรื่องนี้ เปรี้ยวรู้ว่าพี่ชายพัชรรักลูกไม่ต่างจากเปรี้ยว แต่เปรี้ยวรู้จักลูกๆ ทุกคนดี แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่าแต่ละคนคิดอะไร มันอาจจะดูขลุกขลักไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้วพี่ชายพัชรจะรู้เองละค่ะว่าคุณอรรคคือคนที่เหมาะสม กับเป๊ปเปอร์ที่สุด มันจะดีเองค่ะ’

...

“ขอบพระคุณคุณชายกับคุณเปรี้ยวมากนะครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองจากใจจริง เขาไม่ได้รับความเอื้อเอ็นดูจากใครแบบนี้มานานมากแล้ว

ว่าที่แม่ยายดูจะพอใจกับกิริยาคนตรงหน้าไม่น้อย “ค่ะ อันที่จริงน้าว่าเรียกคุณพ่อคุณแม่แบบเป๊ปเปอร์ก็ได้นะคะ กันเองดี” พูดยังไม่จบประโยคดี หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรก็สำลักกาแฟหลังมื้ออาหารเสียหน้าดำหน้าแดง

“แค็กๆ แค็กๆ” มือหนายกผ้าเช็ดปากขึ้นซับปาก อดส่งสายตาเหยี่ยวปรามภรรยาไม่ได้ เมียเขาจะอัปเลเวลเกินไปหน่อยแล้ว

“ถ้าคุณเปรี้ยว เอ๊ย คุณแม่กรุณา ผมก็เต็มใจครับ” พูดจบว่าที่ลูกเขยก็ปวารณาตัวยกมือขึ้นไหว้ทั้งคู่อีกรอบ

คุณชายรับไหว้ด้วยท่าทางปูเลี่ยน ส่วนพชรหทัยได้แต่นั่งนิ่ง ยกน้ำชาขึ้นจิบท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทว่าหน้าเห่อร้อนไปหมด และประมุขของบ้านก็รีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดจนเขาจะหัวใจวายไปมากกว่านี้

“อิ่มกันหมดแล้ว เป๊ปเปอร์ขึ้นไปกับคุณแม่ก่อนไป ของฝากเราล้นกระเป๋าพ่อเชียว เดี๋ยวพ่อคุยเรื่องงานกับคุณอรรคแล้วจะตามขึ้นไปหยิบหนังสือเล่มที่หนูอยากได้ให้”

คราวนี้ทั้งแม่ทั้งลูกหันมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปมองหัวหน้าครอบครัวที่ส่งสายตาจริงจังมาให้สองสาวของตำหนักใหญ่ สาวน้อยกับสาวใหญ่เลยจำต้องลุกขึ้นแบบไม่มีข้อโต้แย้ง

“ที่บริษัทเป็นไงบ้างคุณอรรค” ชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนหันหลังให้แขกของบ้านทิ้งสะโพกกับโต๊ะทำงาน เอ่ยถามคนเข้ามาทีหลังโดยไม่หันมามองหน้าอีกฝ่าย

“ก็ดีครับคุณชาย ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น” อีกคนตอบกลับน้ำเสียงมั่นใจในฝีมือการทำงานของตัวเองพอกัน “ผมติดเอกสารที่จะใช้ประชุมบอร์ดสัปดาห์หน้ามาให้คุณชายด้วยนะครับ” อรรควางของที่เอ่ยถึงลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ไม่เรียกอีกฝ่ายว่าคุณพ่อตามที่ว่าที่แม่ยายแนะนำ รู้ดีว่าต่อให้หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรจะไม่ว่าอะไร กับการที่เขารักพชรหทัย แต่ก็ไม่ได้เอ็นดูเขาเท่ากับคุณเปรี้ยวหวานเป็นแน่

“ดี...” ฝ่ายโน้นตอบกลับมาสั้นๆ น้ำเสียงทรงอำนาจนัก “แล้วกับเป๊ปเปอร์เป็นยังไงบ้าง” คุณชายรู้ดีว่าหากถามเรื่องนี้ขึ้นมาต่อหน้าภรรยาของเขา ไม่แคล้วปวรศาก็ต้องออกโรงช่วยอรรค ว่าที่ลูกเขยที่มาดามปวรศาเอ็นดูนักหนา “ระหว่างที่ผมไม่อยู่ คงไม่ได้ทำอะไรให้ลูกสาวผมเสียชื่อเสียงใช่ไหม”

ชายหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็สะอึก ถ้าไม่นับที่เขาหากำไรเล็กๆ น้อยๆ จากสาวน้อยของเขา อรรคก็ให้เกียรติพชรหทัยครบถ้วนดีทุกประการ ไม่ว่าจะพาไปพบญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่เหลืออยู่ หรือแม้กระทั่งแจ้งความสัมพันธ์ของทั้งคู่กับเพื่อนสนิท เขาก็ทำอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

“ไม่ครับ”

“ดี...” คำตอบเดิม เหมือนว่าพูดเป็นอยู่คำเดียว จนอรรคเสียวสันหลัง รู้ดีหรอกว่าภายใต้ท่าทางแสนสุภาพนั้น หม่อมราชวงศ์หัวหน้าราชสกุลเป็นคนเอาจริงแค่ไหน

“ถ้าคบกันแล้วไม่มีเรื่องแบบนั้นผมก็สบายใจ หวังว่าผมจะไว้ใจคุณอรรคได้แบบนี้ตลอดไปนะ” ชายร่างสูงหันกลับมาทันทีที่พูดจบ ตาเหยี่ยวมองคนตรงหน้า อีกฝ่ายสบตาคมกริบแบบไม่หลบสายตา จนเมื่อคุณชายได้คำตอบผ่านแววตาอรรคแล้วจึงกระตุกยิ้มมุมปากน้อยๆ “ดึกแล้ว เชิญคุณอรรคกลับไปพักเถอะครับ แล้วไว้พบกัน”

 

แล้ววันที่พชรหทัยมีอายุครบสิบแปดปีก็มาถึง ถึงแม้เจ้าตัวจะมีกิจกรรมทำบุญ งานเลี้ยงในครอบครัวช่วงกลางวัน รวมไปถึงปาร์ตีกับเพื่อนฝูงในตอนค่ำแบบนี้เป็นประจำทุกปี ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เพราะในปีนี้เป็นปีแรกที่หล่อนมีคนพิเศษอย่างอรรคมาร่วมงานด้วย แถมท่านประธานรูปหล่อยังอุตส่าห์ส่งข้อความสุขสันต์วันเกิดมาเป็นคนแรกตอนเที่ยงคืนเสียหวานจ๋อย

สาวร่างสูงโปร่งหมุนซ้ายขวาเช็กความเรียบร้อยของตัวเองอยู่หน้ากระจกพักใหญ่ เมื่อพอใจกับภาพที่เห็น ถึงจะยอมก้าวขาเดินออกจากห้อง ก่อนจะพบว่าบรรดาญาติพี่น้องรวมถึงคนรักของหล่อนมาพร้อมกันหมดแล้ว

“กว่าจะลงมาได้” หม่อมหลวงพชรดนัยไม่วายแซ็วน้องสาวรับขวัญวันเกิด “รอฤกษ์หรือไง เป๊ปเปอร์” พี่ชายวัยสิบเก้า แต่รูปร่างสูงใหญ่เหมือนบิดายืนเคียงคู่กันกับพี่ชายฝาแฝด ซึ่งก็คือหม่อมหลวงพชรปรัตยา อีกฟากหนึ่งของห้องมีทายาทจากตำหนักรักทั้งห้ายืนอยู่ เมียงๆ มองๆ มาทางท่านประธานอรรคที่ยืนคุยกับปวรศา มีหม่อมเจ้าโชติรัตน์ประทับข้างหม่อมมธุรสอยู่ในวงสนทนาด้วย

“โน่น คุณแม่พาแฟนเราไปเฝ้าท่านปู่กับหม่อมย่าอยู่โน่น เห็นเรียบร้อยแบบนี้แสบเหมือนกันนิเรา” คราวนี้คุณปราบ พี่ชายคนโตเอ่ยแซ็วน้องสาว ก่อนยกโทนิกฝานมะนาวขึ้นดื่ม หรี่ตามองว่าที่น้องเขยท่าทางเอาเรื่อง “ทำไมแฟนเรามันแก่จังเฮอะ คุณแม่ก็เห็นดีเห็นงามเหลือเกิน ไหนบอกพี่สิว่าเขามีอะไรดี” คนที่โดนคุณแม่กับอากงวางตัวให้ไปคุมแท่นขุดเจาะน้ำมันหลังเรียนจบถามขึ้น

พี่ชายคนรองก็แสดงแววตาอยากรู้ไม่แพ้กัน แต่ยืนนิ่งปล่อยให้พี่ชายคนโตออกโรง ทราบคร่าวๆ จากคุณพ่อคุณแม่แค่ว่าพชรหทัยคบหากับท่านประธานคนใหม่ของธุรกิจครอบครัวอยู่

“โอ๊ย...มาถามอะไรตอนนี้คะ แขกเต็มบ้าน” พชรหทัยที่ไม่รู้จะตอบพี่ชายฝาแฝดอย่างไรพูดเสียงอ่อย หน้าแดงด้วยความเขิน ก่อนจะสอดมือกอดแขนหม่อมหลวงพชรปรัตยาไว้ และซบหัวลงที่ต้นแขนของหม่อมหลวงพชรดนัย ประจบพี่ชายทั้งสองคนพร้อมๆ กัน “เปอร์ไม่พูดกับพี่ปราบพี่เปรมแล้ว วันนี้วันเกิดเปอร์ ห้ามแกล้งน้องสิคะ” น้องเล็กขี้อ้อนร่ายมนตร์แบบที่ทำแล้วได้ผลทุกครั้งใส่คนที่รักหล่อนไม่แพ้บุพการี

ฝ่ายผู้ชายตัวโตที่ยืนขนาบข้างน้องสาวสบตากัน กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วให้หม่อมหลวงพชรปรัตยาเป็นคนทิ้งระเบิดให้คุณเป๊ปเปอร์อยู่ไม่สุข

“ให้เวลาถึงแค่เลี้ยงพระเสร็จเท่านั้นแหละ พี่จะจับเรากับแฟนเรามาซักให้สะอาดเชียวละ”

ไม่นานหลังจากนั้นพระสงฆ์จำนวนเก้ารูปจากวัดหลวงก็มาถึงตำหนักใหญ่ ก่อนจะเริ่มพิธีทำบุญวันเกิดให้หม่อมหลวงพชรหทัยที่มีวัยครบสิบแปดปีบริบูรณ์ งานบุญเสร็จสิ้นลงตามเวลาที่กำหนด เหลือแต่งานเลี้ยงช่วงกลางวันที่มีญาติพี่น้อง ผู้ใหญ่ในราชสกุล และครอบครัวฝั่งมารดา มากันครบเสมือนงานรวมญาติย่อมๆ โดยพวกผู้ใหญ่แยกไปคุยเรื่องธุรกิจกันบ้าง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมืองบ้าง ฝ่ายรุ่นหลานก็จับกลุ่มกันอยู่อีกวงหนึ่ง พูดคุยกันเรื่องไร้สาระตามวัย

“นี่เล่าให้พี่ฟังสิ ตกลงเป็นแฟนกับคุณอรรคจริงๆ เหรอจ๊ะ” หม่อมหลวงวชรวดี หรือคุณน้ำเพชรแห่งตำหนักรักถามขึ้น มาดนิ่ง มีรัศมีความน่ากลัวแผ่ออกมาจากตัวเสียจนน้องๆ ในราชสกุลไม่กล้าแหยมด้วย มีคุณเพย์ตัน เวส อังกูร หลานสาวรุ่นใหญ่อายุมากสุดของวังวิริยา แต่ไม่ได้ใช้ราชสกุลเพราะมีพ่อเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส รั้งตำแหน่งมหาเศรษฐีระดับโลก นั่งจิบแชมเปญอยู่ข้างๆ คู่นี้เป็นทั้งญาติทั้งเพื่อนสนิทกัน เรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาลจนจบปริญญาโท

“นั่นสิ...พี่แพร์ได้ยินข่าวยังนึกว่าเราเดตกันเล่นๆ นี่จริงจังนิ ถึงขั้นมาบ้านกันแล้ว” หญิงสาวที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมากกว่าเมืองไทยบอก มองหน้าญาติผู้น้องระหว่างรอคำตอบไปด้วย

“เอ่อ...ก็ยังงั้นแหละค่ะ” ลูกสาวคนเดียวของหม่อมราชวงศ์พชรฉัตรตอบอ้อมแอ้ม กลัวจริงๆ เวลาญาติสองคนนี้ผนึกกำลังกัน

“แล้วคุณลุงพัชรกับคุณป้าก็ยอมง่ายๆ ด้วย ไม่น่าเชื่อ” คนที่แก่ที่สุดในเจเนอเรชันนี้หรี่ตาสังเกตอาการน้องสาว รู้ดีว่าคุณลุงหวงลูกสาวอย่างกับอะไร ทำไมถึงยอมให้มีแฟน ที่สำคัญเป็นแฟนที่แก่กว่าตั้งสิบสามปี

“จะอะไรล่ะพี่ลูกแพร์” หม่อมหลวงปราบคนเฮี้ยวที่สุดตอบ เรียกญาติสาวด้วยชื่อไทยที่เรียกกันเฉพาะในครอบครัว “คุณแม่น่ะปลื้มคุณอรรคจะตาย คงอ้อนคุณพ่อแทนเป๊ปเปอร์เรียบร้อย”

รายงานพี่ใหญ่เสร็จก็บอกผู้อาวุโสลำดับถัดมาต่อ จริงๆ คนแก่สุดควรจะเป็นเฮสตั้น หรือลูกพลัม พี่ชายฝาแฝดของลูกแพร์ ทว่ารายนั้นกลับโดนลากไปนั่งร่วมโต๊ะกับผู้ใหญ่ในฐานะที่เข้าบริหารโรงแรมในเครือเวสทั้งหมดมาพักหนึ่งแล้ว “พี่น้ำเพชรก็รู้ว่าคุณพ่อน่ะ แค่คุณแม่ปรายตามองก็ใจอ่อนไปหมด” ลูกชายคนโตไม่วายเผาบิดามารดาระยะประชิด

ฝ่ายพี่สาวคนโตของราชสกุลก็พยักหน้ารับ ท่าทางราวกับนางพญา ทั้งๆ ที่แก่กว่ากันไม่กี่ปี “ก็จริงอย่างที่ปราบว่า ว่าแต่เราน่ะโดนคุณป้าจับคู่หรือชอบเขาด้วยล่ะ”

“เอ่อ...” คนฉลาดประจำตระกูลอ้อมแอ้ม “คุณแม่ไม่ได้บังคับอะไรเปอร์นะคะ”

“แปลว่าชอบเองเหรอคะ” คราวนี้ฝาแฝดคู่น้องของตำหนักรักอย่างหม่อมหลวงน้ำหนึ่งถามขึ้น “โรแมนติกมากเนอะน้ำเอกเนอะ” น้ำหนึ่งขอความเห็นคู่แฝดไม่พอยังปรายตากลับไปมองคนที่ตกเป็นประเด็นของวงศาคณาญาติ ผู้ชายมาดดีที่จะมาเป็นญาติเขยในอนาคต “ดูสิ...มองมาทางนี้ตาหวานฉ่ำเลย อิจฉาที่สุด เป๊ปเปอร์หันไปมองหน้าคุณอรรคสิคะ โอ๊ยยย ไม่ไหวแล้วว”

“ให้มันน้อยๆ หน่อย” คุณน้ำเพชรเห็นน้องสาวของตัวเองออกอาการแบบนั้นก็ออกปากปราม “ใครสอนให้พูดจาแบบนี้ พี่จะฟ้องคุณแม่” เมื่อเอามารดาผู้แสนจะเรียบร้อยมาขู่ น้องสาวทั้งคู่ก็สงบปากเงียบ ไม่กล้าต่อปากต่อคำอะไรอีก แค่วชรวดีดุคนเดียวทุกคนก็กลัวกันจะแย่ นี่ถ้าพวกหล่อนทำคุณแม่ปวดหัว ที่จะโดนหนักคือโดนคุณพ่ออย่างหม่อมราชวงศ์วชรฉัตรโกรธต่างหาก

ระหว่างที่หม่อมหลวงวชรวดีกำราบสองสาวของตำหนักรักอยู่ คู่หูอย่างคุณเพย์ตั้น แห่งอาณาจักรเวส ก็ไม่ปล่อยเวลาเปล่า รับช่วงซักไซ้จำเลยของวันนี้ต่อ

“กลับมาที่เราดีกว่าค่ะเป๊ปเปอร์” คนเป็นลูกเสี้ยวบอกคนตรงหน้าเป็นภาษาไทยสำเนียงชัดเป๊ะ แบบที่ไม่บอกก็ไม่รู้ว่าอยู่เมืองไทยถึงแค่อายุสิบกว่าๆ “อย่าเพิ่งไปปักใจอะไรกับเขามากล่ะ พี่แพร์ว่าเดี๋ยวไปเรียนต่อก็เจอโลกอีกเยอะแยะ อีกอย่างคนทางนี้เขาจะรอไหวหรือคะ” หญิงสาวพูดตามหลักของความจริง

“จริงอย่างลูกแพร์ว่า รักได้ ชอบได้ แต่ถ้าวันนึงเกิดปัญหา เราก็ต้องตัดให้ขาด เข้าใจไหมเป๊ปเปอร์” หม่อมหลวงคนสวยบอกน้องสาวท่าทางจริงจัง ทว่ากลับได้รับสายตาอ่อนใจจากน้องๆ ที่นั่งล้อมวงกันอยู่ แถมทั้งหมดยังสื่อความหมายไปในทางเดียวกันอีกว่า....พี่น้ำเพชรทำเก่ง...เรื่องตัวเองกับพี่ตรัยไม่เห็นเก่งยังงี้เลย

...

ฝ่ายคนที่โดนญาติผู้ใหญ่สังเกตอาการอยู่กลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดเหมือนหญิงสาว รู้ดีว่าอย่างไรเสียเขาก็ต้องเจอสถานการณ์นี้ แล้วคนอย่างเขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัว อยากได้ลูกเสือแสนสวย เขาก็ต้องยอมเข้าถ้ำพญาเสือทั้งหลาย อีกอย่างเขาจริงจัง จริงใจ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น

“เรื่องงานพวกเรารู้ว่าไว้ใจคุณอรรคได้” หม่อมราชวงศ์วชรฉัตรบอก ตาเหยี่ยวมองไอ้หนุ่มตรงหน้าก่อนจะเลื่อนไปมองหน้าพี่ชาย ลามไปจนถึงพี่สะใภ้ตัวแสบ ขัดใจไม่น้อยว่าทำไมถึงยอมให้เป๊ปเปอร์คบกับคนแก่กว่าปูนนี้

“แต่ที่ผมยังไม่ไว้ใจคือเรื่องหลานสาวผม” คนเป็นอาพูดหน้าตาเฉย “คุณอรรคจะมาเล่นๆ ไม่ได้นะครับ” พูดจบเขาก็โดนสุรัสวดีผู้เป็นภรรยาหยิกที่สีข้างเข้าให้ โทษฐานยุ่งเรื่องชาวบ้าน แต่ทำไมล่ะ พชรหทัยเป็นหลานสาวเขา เขาก็รักเหมือนรักลูกตัวเองนั่นละ แถมไอ้เรื่องโดนหยิก เขาโดนมาจนชินแล้ว

“ผมไม่ได้มาเล่นๆ ครับ ผมจริงจังและจริงใจมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าขอคุณชายคบ”

“ก็เอาให้แน่...พ่อแม่เขาน่ะผู้ดี๊ผู้ดีสมที่เป็นคุณชาย คงไม่ทำอะไรรุนแรงกับคุณหรอก แต่ผมน่ะไม่ใช่ ถ้าคุณทำหลานผมเสียใจ ผมเอาคุณตายแน่ ”

ฝ่ายว่าที่แม่ยายที่รู้ทั้งรู้ว่าน้องชายสามีขู่อีกฝ่ายแบบไม่เอาจริง แต่ก็อดโอ๋อรรคไม่ได้ เรื่องต่อปากต่อคำกับพี่ชายพชรนี่หล่อนสนุกมาตั้งแต่สาวๆ คนในวังวิริยาเขารู้กันหมดละว่าระดับเซียนอย่างคุณชายอินดี มีแต่สะใภ้ใหญ่ตัวแม่เท่านั้นที่กล้าเถียงด้วย

“โอ๊ย พี่ชายพชร อย่ามาขู่ลูกเขยเปรี้ยวแบบนี้นะคะ เดี๋ยวคุณอรรคใจฝ่อ”

“ถ้ามันใจฝ่อง่ายขนาดนี้ ก็จะได้รู้ไปเลยไงเปรี้ยวหวานว่าใช้ไม่ได้ จะฝากชีวิตเป๊ปเปอร์ ไว้ในมือมันได้ยังไง” คนที่ร้ายตั้งแต่หนุ่ม พูดกับพี่สะใภ้ที่เด็กกว่าเกือบสิบปี “ผู้ชายคนอื่นดีๆ มีอีกเพียบ อายุใกล้ๆ กันก็อีกเยอะ นิพี่ถามจริงเหอะ เปรี้ยวไม่กลัวมันตายไวแล้ว ทิ้งเป๊ปเปอร์ไว้คนเดียวตั้งแต่ยังสาวเหรอ” คุณชายอินดี้ในอดีตถามภรรยาพี่ชาย เจรจาราวกับว่าอรรค อัครนันท์ไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น

“โอ๊ย...แค่สิบสามปีค่ะ...พอๆ กับเปรี้ยวกับพี่ชายพัชรแหละ” ปวรศาตอบ ไม่วายกระแหนะกระแหนเครือญาติ “ใครจะไปมีคู่หมายอายุเท่ากันเป๊ะ เตรียมมาตั้งแต่ในเปลอย่างน้ำเพชรล่ะคะ” พอเห็นว่าจะเข้าตัวเยอะ ปวรศาก็รีบหาทางโยนเผือกให้คุณชายวชรฉัตรทันที “ทั้งๆ ที่รินเป็นเพื่อนสนิทเปรี้ยวแท้ๆ แต่พี่ชายพชรยังสอยลูกชายเพื่อนเปรี้ยวไปให้ลูกสาวได้ เปรี้ยวก็ต้องหาคนไว้ใจได้จากที่อื่นแบบนี้ละค่ะ” พูดจบตัวแม่ตั้งแต่สาวยันแก่ก็หันหาอรรค ชายหนุ่มอายุน้อยที่สุดในวงนี้ พูดให้กำลังใจอีกฝ่ายทีเล่นทีจริง

“คุณอรรคไม่ต้องไปกลัวพี่ชายพชรค่ะ นี่ถ้าต่อจากนี้ใครมาขู่อะไรอีกแล้วแม่ไม่อยู่แถวนั้น คุณอรรคบอกไปเลยว่าเป็นเด็กคุณเปรี้ยวหวาน ถ้าใครกล้าก็ลองดู...”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น