6
รุกรัก
“เย็นนี้คุณอรรคว่างไหมคะ” พชรหทัยที่รวบช้อนส้อมเรียบร้อยหลังรับประทานอาหารกลางวันกับท่านประธานเสร็จเอ่ยถามขึ้น ตลอดเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ย้ายมาพักที่เพนต์เฮาส์บนชั้นสูงสุดของอาคารวิริยา หล่อนก็ใช้เวลาทั้งมื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อเย็นร่วมกับเขาทุกมื้อ เรียกว่าอยู่ด้วยกันตั้งแต่ตื่นยันนอนทุกวันมาครบวันที่ห้าแล้ว
อีกฝ่ายก็ทำราวกับว่าการใช้ชีวิตอยู่กับหล่อนเป็นเรื่องปกติ และเขาไม่มีกิจกรรมอื่นใดที่จะต้องไปทำ จนหล่อนแอบฝันกลางวันไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่คือมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง แต่ยังไม่ใช่แฟน เพราะฝ่ายชายก็ขยันอ่อย ขยันอ้อน ถึงแม้จะไม่มีกิริยาใกล้ชิดถึงขั้นจูบกันแบบคราวโน้น
“ก็ไม่มีไรนะ” ชายหนุ่มตอบ “จริงๆ เพื่อนพี่...พวกอาจารย์อรน่ะโทร. มาชวนออกไปดื่มดึกๆ แต่พี่ยังไม่ได้ตัดสินใจ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ก็เปอร์...” พชรหทัยหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย นึกเขินขึ้นมาเมื่อนึกถึงประโยคที่ตั้งใจจะพูด
แต่แล้วก็กลั้นใจเอ่ยตามที่ตั้งใจไว้ “คือเปอร์จะทำอาหารเลี้ยงคืนคุณอรรคบ้าง อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์คุณอรรคเลี้ยงเปอร์ตลอดเลย” หญิงสาวบอกยิ้มๆ แบบเกรงใจ จึงบอกสิ่งที่คาดคะเนไว้จากการที่รับประทานอาหารร่วมกันหลายมื้อจนเกือบเรียกได้ว่าชิน
“ไม่รบกวนคุณอรรคนานหรอกค่ะ สองชั่วโมงเราก็คงทานกันเสร็จ เผื่อคุณอรรคจะรับนัดเพื่อน”
อีกฝ่ายเก็บอาการดีใจไว้จนมิด พยักหน้าตอบรับอีกฝ่ายง่ายๆ ทั้งๆ ที่ในใจพองฟูไปหมด กำลังคิดอยู่ว่าจะชวนหญิงสาวไปไหนตอนเสาร์-อาทิตย์สักที จึงลองแย็บๆ ดู
“เอาสิ ว่าแต่จะทำอะไรเลี้ยงพี่ล่ะ”
“เห็นคุณอรรคชอบทานอาหารฝรั่ง” สาวน้อยกะพริบตาใส่ ทำท่านึก “งั้นเปอร์ทำสเต๊กดีไหมคะ เสิร์ฟพร้อมซุปและสลัด เดี๋ยวเปอร์จะโชว์ฝีมือน้ำสลัดสูตรที่วัง ส่วนของหวาน...” พชรหทัยทอดเสียง “คุณอรรคไม่ชอบของหวาน...งั้นติดไว้ แล้ววันจันทร์หน้าเปอร์เลี้ยงกาแฟปั่นร้านข้างล่างแถมอีกแก้วดีไหมคะ”
อรรคไม่ได้เอ่ยตอบรับหรือปฏิเสธใด แต่หน้าหล่อเหลาพยักรับเทียบเชิญจากพชรหทัยพร้อมรอยยิ้ม ฝ่ายหญิงสาวก็ยิ้มหวานกลับไป เป็นอันว่ารับรู้กันดีแล้วทั้งสองฝ่ายว่ากำลังจะมีนัดรับประทานมื้อเย็นมื้อพิเศษร่วมกัน
ภาพหญิงสาวที่เขาหลงรักสวมเสื้อยืดสีขาวคู่กับกางเกงขายาวสีเดียวกัน คาดผ้ากันเปื้อนสีดำ ผมยาวที่รวบไว้เป็นหางม้ายังเรียบตึง มีเพียงเหงื่อเม็ดเล็กๆ ที่ปลายจมูกกับหน้าผากใส ทำเอาอรรคอดยิ้มออกมาไม่ได้ ดูเอาเถอะทำกับข้าวอยู่ในครัวยังอุตส่าห์สวยเป๊ะได้หัวจดปลายเท้า
“พี่เอาไวน์มา...” คนรูปหล่อบอกยิ้มๆ ชูขวดให้หญิงสาวดู “เห็นเวลาทานข้าวที่วังเราก็ดื่มบนโต๊ะกับคุณชายนิ วันนั้นที่ไปทานสเต๊กก็ดูเราดื่มได้”
พชรหทัยพยักหน้ารับพลางชี้ไปที่ตู้เก็บแก้วเหนือศีรษะ “มีดีแคนเตอร์ในนั้นนะคะกับแก้วไวน์ เผื่อคุณอรรคอยากดื่มรอก่อน” บอกจบก็หันไปง่วนกับการตีน้ำสลัดให้เสร็จเป็นอย่างสุดท้าย เพราะอาหารอย่างอื่นเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว “อีกสักสิบนาทีก็เรียบร้อย เนื้อคุณอรรค เปอร์ตั้งเวลาให้เป็นมีเดียมแรร์นะคะ”
พชรหทัยบอกง่ายๆ แต่ทำเอาอรรคหัวใจพองฟู นี่ถ้ากลับบ้านมาหลังเลิกงาน เจอหม่อมหลวงคนสวยทำอาหารรอรับเขาแบบนี้ทุกวัน ชีวิตคงมีความสุขไม่น้อย
ฝ่ายหญิงสาวที่หันมาหมายจะพูดกับเขาชะงักไปเพราะคนตัวสูงใหญ่มายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ยืนหมุนไวน์ในแก้ว ส่งยิ้มละมุนให้อยู่ข้างๆ ท่าทางใกล้ชิด จนพชรหทัยหน้าแดงเพิ่มขึ้นอีกหลายสเตป
“อืม” อรรคขานรับในลำคอ ตาคมกริบมองคนตรงหน้าแบบไม่คิดจะเก็บอาการใดๆ ทั้งสิ้น จนพชรหทัยอดออกปากไม่ได้ มายืนทำตาเยิ้มแบบนี้ หล่อนทำอะไรไม่ถูกกันพอดี
“คุณอรรคถอยไปเลยนะคะ มายืนอะไรตรงนี้” สาวน้อยคนสวยหน้าแดงก่ำ บรรยากาศรอบตัวชวนให้เขิน ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดหรือทำอะไรมาก แต่กลับมีไอหวานประหลาดๆ ลอยกรุ่นอยู่เต็มไปหมด
“พี่รินมาเผื่อ ลองชิมดูสิ ไวน์ปีนี้อร่อยนะ” ชายหนุ่มยื่นแก้วเครื่องดื่มสีทับทิมให้ “ดื่มสักอึกครับ มันจะช่วยกระตุ้นความอยากอาหารด้วย”
ได้ยินท่านประธานพูดแบบนั้น พชรหทัยก็จำต้องรับแก้วเครื่องดื่มที่เขายื่นมาใกล้จนแทบจะเป็นป้อนถึงปากมาไว้ ก่อนจะยกขึ้นจิบอึกใหญ่ ลดอาการขวยเขินที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้
“หน้าแดงจัง ร้อนเหรอ” คนที่ตั้งใจว่าจะรุกเจ้าตัวแล้วก็ไม่ปล่อยจังหวะให้เลยผ่าน ขยับริมฝีปากที่คลอเคลียอยู่กับหน้าผากโหนกเย้าผู้หญิงข้างๆ อีกฝ่ายได้แต่ส่ายหน้าแรงๆ ไม่ยอมตอบ จนผมเผ้าหลุดลุ่ย เป็นภาพน่าดูจนอรรคเก็บอาการไม่ไหว ยกมือหนาหยิบปอยผมที่ร่วงลงมาทัดหูให้หญิงสาว
พชรหทัยชะงัก เงยหน้าขึ้นสบตาเขา “คุณอรรค...” เสียงหวานดังขึ้นอย่างตกใจ หน้าแดงก่ำไปหมด น่ารักจนอรรคต้องหายใจเข้าแรงๆ มองสั่งให้ละมือจากหน้าสวย แต่ใจกลับลดระยะห่างระหว่างคนสองคนลงจนริมฝีปากสัมผัสกันเบาๆ ทำเอาพชรหทัยรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อเป็นล้านๆ ตัวบินอยู่ในท้อง
ฝ่ายอรรคที่หลงเพริดไปแล้วกับความหวานของปลายลิ้นที่เขาได้ชิม ได้รับรู้ว่ารสชาติของหล่อนหวานละมุน ผิดกับชื่อที่ควรจะเผ็ดร้อน ก็เกือบรั้งตัวเองไม่อยู่ รั้งร่างบางเข้ามาแนบให้ชิดกันไปทุกสัดส่วน ให้รับรู้ว่าพริกไทยอ่อนช่อนี้ทำเอาเขาตื่นไปทุกสัดส่วน กะแค่ได้รับสัมผัสเบาๆ จากหล่อนเท่านั้น แต่สิ่งที่อรรคสัญญาไว้กับคุณชายก็แวบเข้ามาในหัว ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังออก แล้วเสปล่อยมือที่กุมหน้าของพชรหทัยไว้ เปลี่ยนมาเก็บผมที่หลุดลุ่ยแก้เก้อ
“ผมหลุด พี่เก็บให้” พูดจบเจ้าตัวก็เดินออกจากห้องครัวไปเฉยๆ ทิ้งให้หม่อมหลวงพชรหทัยมองตามแผ่นหลังกว้างออกไปอย่างไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
...
ไม่นานเกินเวลาที่พชรหทัยบอก อาหารก็เรียบร้อยพร้อมเสิร์ฟ ทั้งคู่รับประทานอาหารเย็นร่วมกันเหมือนที่เคยทำมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ในบรรยากาศสบายๆ โดยไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในครัวเมื่อหัวค่ำอีก
“ขลุกอยู่แต่กับเปอร์ คุณอรรคไม่เบื่อเหรอคะ” ฝ่ายเจ้าภาพแย้มถามสิ่งที่ติดขัดในใจมานาน นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าคนรูปหล่อ โพรไฟล์แน่นแบบนี้ จะไม่มีใครครอบครองหัวใจหรืออย่างไร ถามทั้งๆ ที่ถ้าเขาตอบมาว่า ‘พี่มีแฟนแล้วครับ’ หล่อนก็คงหงอยไปหลายวัน แต่ก็ยังอดอยากรู้ความจริงไม่ได้
“เบื่ออะไรครับ พี่มีความสุขมากกว่า...อันที่จริงพี่...” อรรคที่ตั้งท่าจะเปิดปากพูดก็กลับไม่ได้พูด เพราะมือถือเครื่องบางเฉียบของพชรหทัยดังขึ้น
สาวน้อยเงยหน้าสบตาผู้ชายตรงหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงขออนุญาต อีกฝ่ายก็พยักหน้าให้หล่อนรับ โทรศัพท์ได้
“ฮัลโหล...”
“อยู่บ้าน...ไม่สิ อยู่ที่เพนต์เฮาส์” หญิงสาวกรอกเสียงหวานไปตามสายด้วยท่าทีสบายๆ “เหรอ...แต่เปอร์ไม่มีคนรถอ้ะ พวกโบว์ท่าทางจะเมาแล้วด้วยนิ ไม่ต้องมารับหรอก” พชรหทัยตอบปลายสาย พอดีกับที่เงยหน้าสบตาคนตรงหน้าที่เลิกคิ้วมองหน้าหล่อนเป็นคำถาม จนต้องยกมือบางป้องโทรศัพท์ไว้ ก่อนจะกระซิบบอกเขาเบาๆ “เพื่อนเปอร์ชวนออกไปข้างนอกค่ะ ที่เดอะรัฟเฟิล”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง ก่อนจะกดส่งข้อความหากลุ่มเพื่อนที่เพิ่งนัดแนะเขาออกไปดื่ม แล้วยิ้มน้อยๆ อะไรจะพอดีแบบนี้
“จะไปไหมครับ พี่ไปส่ง” อรรคบอกคนตรงหน้าที่ยังคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่
อีกฝ่ายทำหน้าเหลอหลาใส่ ก่อนจะขอตัววางสายจากเพื่อนไปดื้อๆ
“โบว์ เดี๋ยวโทร. กลับนะ” มือบางกดตัดสาย ในขณะที่ตากลมโตเป็นประกายมองผู้ชายตรงหน้า “เมื่อกี้คุณอรรคว่าอะไรนะคะ”
“อยากไปไหมครับ พี่ไปส่ง” ชายหนุ่มย้ำอีกรอบ “เพื่อนๆ พี่นัดกันที่นั่นพอดี เราก็ไปคุยกับเพื่อนเรา พี่รอกับเพื่อนพี่ได้ อยากกลับแล้วก็โทร. มา ดีไหมครับ”
ฝ่ายพชรหทัยมองหน้าอรรคนิ่งๆ สักครู่ด้วยความเกรงใจ “จะดีเหรอคะ ตอนแรกคุณอรรคไม่คิดจะไปไหนด้วยซ้ำ” สาวร่างบางลุกขึ้นจัดการกับจานชามใส่อาหารและยกมือห้ามชายหนุ่มที่ตั้งท่าจะช่วย “เดี๋ยวเปอร์จัดการเองค่ะ คุณอรรคนั่งดื่มไปเลย”
“ดีสิ” คนที่มาเป็นแขกในวันนี้พูดถึงเรื่องที่เอ่ยปากไปเมื่อครู่ ตาคมกริบจับจ้องอากัปกิริยาของหญิงสาวตลอดเวลา “สมประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย”
“แต่เปอร์เกรงใจคุณอรรค” คนที่เอาจานชามใส่เครื่องล้างจานเรียบร้อยระหว่างคุยกับชายหนุ่มบอก ไม่ทันเห็นนัยน์ตาพราวระยับของอีกฝ่ายที่จับจ้องหล่อนทำงานบ้านง่ายๆ อยู่เบื้องหลัง พอหันกลับมาอีกทีก็พบว่าเขาเดินไปไกลจนถึงหน้าประตูพร้อมพูดประโยคกึ่งบอกกึ่งสั่ง
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ไป ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวอีกสิบห้านาทีพี่กลับมารับ”
“คุณอรรคจะอยู่ตรงไหนคะ” พชรหทัยเอ่ยถามคนใจดีที่อุตส่าห์พาหล่อนออกมาเจอเพื่อนที่นัดกันแบบกะทันหัน ถึงแม้เขาจะออกตัวว่าเขาเองก็แวะมาสังสรรค์กับเพื่อนฝูงด้วย แต่ลึกๆ พชรหทัยรู้ดีว่าเขาทำเพราะหล่อนมากกว่า “เปอร์จะอยู่ที่ล็อบบีเลานจ์นะคะ เข้าบาร์ไม่ได้” สาวสวยวัยสิบเจ็ดบอก
“พี่อยู่ที่บาร์แหละ เสร็จแล้วโทร. มา ไม่ต้องเกรงใจ” ชายหนุ่มบอกยิ้มๆ ตั้งท่าจะแยกกับพชรหทัยตรงนี้ แต่พอเห็นสายตาของแขกที่มาใช้บริการในโรงแรมมองผู้หญิงที่เขาพามาแบบกะลิ้มกะเหลี่ย ก็อดหวงของไม่ได้ เปลี่ยนใจจากที่จะแยกกันตรงนี้เป็นต้องตามไปเฝ้าให้ถึงที่
“เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง” ตาคมกราดมองคนที่บังอาจมองของของเขา ปรามให้รู้บ้างว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของใคร “ดึกแล้วอันตราย พี่หวง แล้วก็เป็นห่วง” พูดจบก็แตะหลังสาวน้อยให้ออกเดิน โดยไม่สนใจอาการอึ้งงันของเจ้าตัวจากคำพูดแสดงความเป็นเจ้าของเมื่อครู่แม้แต่น้อย
จนถึงโต๊ะที่เพื่อนทั้งสามของหม่อมหลวงพชรหทัยรออยู่ ก็ได้รับสายตาไม่เป็นมิตรกลับมาจากณวัฒน์ แต่ก็ยังดีที่เพื่อนอีกสองคนของสาวสวยของเขาไม่ได้แสดงอาการอะไร นอกจากยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อม ก่อนจะผละออกมา ให้พชรหทัยได้ใช้เวลากับเพื่อนฝูง แต่ยังไม่วายทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ เพราะไม่สบอารมณ์ที่ตลอดทางที่เดินมามีสายตาเจ้าชู้แพรวพราวหลายคู่มองพชรหทัยกันใหญ่ แถมมาเจอณวัฒน์ทำหน้าบอกบุญไม่รับแบบนี้ด้วย
“พี่ฝากเป๊ปเปอร์หน่อยนะครับ คุยกันตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ อยากกลับเมื่อไหร่บอก เดี๋ยวพี่มารับคืน”
...
เกือบห้าทุ่มบรรพตีก็เอ่ยตัดบทขึ้นเพราะทุกคนดูท่าจะสนุกกันเต็มที่ มีก็แต่หม่อมหลวงพชรหทัยซึ่งไม่ได้แตะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่านั้นที่ยังมีสติอยู่
“โอ๊ย...มึน กลับเถอะ” หญิงสาวยื่นมือให้เพื่อนที่กลายมาเป็นแฟนอย่างฐิติกร บอกอีกฝ่ายเสียงออดอ้อน “กร อุ้มโบว์หน่อยสิ”
“ไม่ไหว” ชายหนุ่มท่าทางดีส่ายหน้า แต่ยื่นมือรับมือบางของคนรักมากุมไว้ “กรก็มึน กลับกันดีกว่า เดี๋ยวแม่โบว์ไม่ยอมให้ออกไปไหนกับกรอีก”
พชรหทัยได้แต่มองสองคนตรงหน้าแสดงความห่วงใยกันเงียบๆ สาวหน้าสวยยิ้มแบบมีความสุขแทนเพื่อน นึกอยากรู้บ้างว่าหากตนเองได้รับความห่วงใยเอ็นดูจากคนรักแบบนี้บ้างจะอบอุ่นหัวใจขนาดไหน ก่อนจะถูกคนข้างๆ ทำลายภวังค์หวาน
“ตกลงจะกลับกับเจ้านายจริงๆ เหรอ” ณวัฒน์ถามเสียงไม่สบอารมณ์เท่าไร จากที่ไม่ชอบขี้หน้าเป็นเกลียดเต็มที่ เพราะคำพูดทิ้งท้ายของไอ้หน้าหล่อที่เป็นคนสอนงานพชรหทัยเมื่อครู่นี้ ทำเอาผู้ชายด้วยกันมองกันออกว่าอีกฝ่ายคิดกับหญิงสาวอย่างไร “ณะให้รถที่โรงแรมไปส่งก็ได้นะ เดี๋ยวณะนั่งไปเป็นเพื่อน” หนุ่มหล่อวัยยี่สิบสองมองหน้าพชรหทัยอย่างเปิดเผยความรู้สึกแบบที่บอกให้อีกฝ่ายรับรู้มาตลอดสามปี แต่อีกฝ่ายก็เพียรปฏิเสธทุกอย่างที่เขาเสนอให้ วันนี้ก็เช่นกัน
“ไม่กวนณะดีกว่า” หญิงสาวยิ้มน้อยๆ “ณะเองก็ดูมึนแล้ว ขึ้นไปนอนเถอะ เดี๋ยวเปอร์กลับกับคุณอรรคได้ สะดวกดี”
ลูกเจ้าของโรงแรมจะทำอะไรได้เมื่อหญิงสาวยืนกรานขนาดนี้ นอกจากจะพยักหน้ารับ รู้ดีว่าภายใต้ท่าทางอ่อนหวานของหม่อมหลวงแสนสวย มีเด็กผู้หญิงที่ดื้อที่สุดและซุกซนร้ายกาจที่สุดซ่อนอยู่ ซึ่งคนทั่วไปไม่เคยรู้ เพราะหล่อนจะเผยมุมนี้กับคนที่สนิทใจเท่านั้น ยอมรับด้วยว่าเขาเองก็มึนมาก อยากจะขึ้นไปนอนพักเต็มแก่ แต่ที่ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษก็เพราะแค่ไม่อยากให้พชรหทัยกลับไปกับผู้ชายที่เขามองหน้าก็รู้ว่าสนใจคนที่เขาหมายตามาหลายปี
“งั้นเราไปส่งข้างล่างละกัน”
...
ด้านอรรคพอได้รับข้อความจากหญิงสาวที่เขาอาสาออกมาเป็นพี่เลี้ยงว่ากำลังจะเสร็จแล้ว เจ้าตัวก็รีบบอกเพื่อนฝูงที่นัดกันออกมาว่าตัวเองจะขอตัวกลับก่อน โดยไม่สนใจคำทักท้วงหรือทัดทานจากเพื่อนๆ คนไหนทั้งสิ้น ใบหน้าเปื้อนยิ้มเหมือนรอนาทีที่จะได้กลับไปเจอพชรหทัยอยู่ตลอดเวลา
“มาก็ช้า จะทิ้งกันไปก่อนได้ไงวะ” เขตต์ เพื่อนรักของอรรคเอ่ยเสียงอ้อแอ้ขณะรั้งแพม พริมา ผู้หญิงที่เคยมีความสัมพันธ์กับเขาขึ้นไปนั่งบนตัก
อรรคงงๆ เหมือนกัน เพราะเมื่อสองสัปดาห์ก่อนนางแบบชื่อดังคนนี้ยังโทร. จิกเขากับเลขาฯ อยู่เลย แต่พอมาวันนี้กลับมาเป็นคู่เดตของเพื่อนรักเขา อี๋อ๋อกันออกนอกหน้า แต่ก็เอาเถอะ เขาก็ไม่ได้มีความคิดอยากจะมีความสัมพันธ์อะไรมากกว่าสนุกชั่วข้ามคืนกับหญิงสาว ดังนั้นจะไปอะไรกับใครก็ตามสะดวก
“นั่นสิ อรมึนด้วย นี่ว่าจะให้อรรคไปส่งนะเนี่ย จะกลับแล้วเหรอคะ” อิงอรรีบออกตัวสำทับ ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะห่วงใยมากกว่าเพื่อนปกติ
“เรียกคนมาขับดีกว่า ผมเหนื่อยแล้ว อยากกลับไปพัก”
คำพูดไร้เยื่อใยนั้นทำเอาอิงอรเม้มปากแน่น แต่ข่มอาการไม่พอใจลงไปในอก ฝืนยิ้มเจื่อนๆ ให้อีกฝ่าย ยิ้มอ่อนหวานแบบที่เคยทำมาตลอด
“นั่นสิเนอะ อรก็ลืมไปว่าอรรคเหนื่อยมาแต่เช้า อรรคกลับบ้านไปพักเถอะค่ะ”
“งั้นผมกลับนะ ไอ้เขตต์ กูไปนะ คุณแพม” ชายหนุ่มล่ำลาคู่ขาเก่าที่เพื่อนเทกโอเวอร์ไปแล้วเป็นคนสุดท้าย นึกโล่งใจที่เพื่อนรักทำให้หล่อนเลิกตามติดเขาได้ ก่อนจะหมุนตัวรีบออกไปรอพชรหทัยที่นัดแนะกันไว้ ทว่าอิงอรกลับรั้งแขนเขา
“อรรครอก่อน อรไปด้วย เดี๋ยวอรเดินไปห้องน้ำด้วย”
อรรคมองหน้าหญิงสาวตามแรงรั้ง ก่อนจะพยักหน้าตกลงแบบไม่มีทางเลือก ทั้งๆ ที่อยากรีบไปหาพชรหทัยใจจะขาด แต่ก็ไม่อยากเสียมารยาทกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนกันมา เอาเถอะ เขาจะอดทนอีกสักสองสามนาที คิดถึงใจจะขาดแล้ว
ทั้งคู่เดินออกมาจากบาร์ยังไม่ทันจะได้แยกย้ายกันดี อรรคก็เป็นอันต้องผละจากเพื่อนที่เรียกเขาไว้ไม่ทัน เพราะภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าเล่นเอาเขาระงับอารมณ์แทบไม่อยู่ ณวัฒน์ เพื่อนคนหนึ่งของหญิงสาวกำลังซบหน้าหล่อๆ ของมันกับบ่าของพชรหทัย หญิงสาวได้แต่ยกมือจับแขนสองข้างของอีกฝ่ายไว้ ท่าทางสนิทสนมกันจนอรรคลมออกหู เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงห้วนแบบไม่รู้ตัว
“เป๊ปเปอร์!”
หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูจนเกือบผลักเพื่อนออก ทำหน้าไม่ถูกเมื่อเขามาเจอสภาพล่อแหลมของหล่อนกับณวัฒน์แบบนี้
“คุณอรรค” พูดยังไม่ทันขาดคำชายหนุ่มก็เดินเข้ามาประชิดตัวหล่อน มองมาด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ไม่เลยสักนิด ตาคมกริบเพ่งหล่อนราวกับต้องการคำอธิบายว่าเหตุใดหญิงสาวถึงมายืนทำกิริยาเหมือนกอดกับชายหนุ่มเช่นนี้
“นี่มันอะไรกันครับ” อรรคพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่แสดงอารมณ์โกรธทั้งทางสีหน้าและน้ำเสียง เตือนตัวเองอย่างสุดความสามารถว่าเขายังไม่มีสิทธิ์ที่จะออกอาการใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่อกแทบระเบิด
พชรหทัยอึกอักไม่น้อย มือบางพยายามดันร่างหนาของเพื่อนชายออก นิ่วหน้าเพราะต้องรับน้ำหนักของอีกคนที่ตัวใหญ่กว่าหล่อนเกือบสองเท่า ไม่ได้สบายใจกับท่าทีใกล้ชิดแบบนี้ แต่จะปล่อยให้ณวัฒน์ล้มพับไป หล่อนก็ทำไม่ลงเช่นกัน
“คะ?” หญิงสาวดึงตัวณวัฒน์ให้ยืนตรงๆ หันถามอรรคด้วยอาการตกใจ ตั้งตัวไม่ติดจากทั้งคำถามทั้งกิริยาของเขา ปากก็บอกให้เพื่อนตั้งสติ “ณะ ยืนดีๆ ก่อน เปอร์พยุงไม่ไหว”
อรรคเห็นแบบนั้นก็ช่วยพยุงคนที่ดูจะยืนไม่อยู่ขึ้นแล้วพาไปนั่งลงที่โซฟาใกล้ๆ ทั้งๆ ที่อยากทุ่มลูกเจ้าของโรงแรมใหญ่ลงไปกับพื้น
“อรรค อะไรกัน วิ่งมาไม่รอเลย ไม่ได้ยินเสียงอรเรียกเหรอคะ” อิงอรที่ตามท่านประธานรูปหล่อมาไม่ห่างถามขึ้น ผงะไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่ชายหนุ่มรีบปรี่มาหาคือใคร ก่อนจะปรายตามองไปจนถึงลูกชายเจ้าของโรงแรมอย่างณวัฒน์ จนคนเป็นอาจารย์อดจะตำหนิแบบมีนัยไม่ได้
“อ้าว...มาทำอะไรกันในโรงแรมจ๊ะ”
คำถามนั้นทำเอาพชรหทัยที่มือเพิ่งว่างเพราะอรรคช่วยเอาณวัฒน์ไปนั่งพักให้ยกมือไหว้อาจารย์ประจำภาควิชา หน้าแดงชา เม้มปากแน่น ทั้งอายทั้งโกรธที่โดนคนพูดจาใส่แบบนี้
“แล้วนี่ทำไมณวัฒน์เมาแบบนั้น อ๊ะหรือว่า” อิงอรทำเป็นยกมือปิดปากด้วยความตกใจ แต่แววตาฉายประกายบางอย่าง ก่อนจะพูดเสียงเรียบต่อไปว่า
“ที่จริงก็เรื่องของเด็กๆ ถึงแม้ว่าเธอจะเด็กมากก็เถอะ พชรหทัย อรรคคะ” อาจารย์คนสวยทำเป็นเรียก ผู้ชายที่หล่อนสนใจ และถ้าเดาไม่ผิดผู้ชายคนนี้กำลังสนใจพชรหทัยจนเกินงาม!
“ปล่อยเด็กๆ เถอะค่ะ เขาคงนัดมาสนุกด้วยกัน” อิงอรพูดทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร จนอรรคที่แทบ จะหมดความอดทนนอตหลุด ต้องโพล่งออกมา ไม่อยากฟังใครพูดอะไรอีกแม้แต่ประโยคเดียว มือหนาเอื้อมออกไปคว้าคนตรงหน้า กำต้นแขนเสียแน่น
“เป๊ปเปอร์มากับผม ไม่ได้มาสนุกกับใคร” ชายหนุ่มพูดกับเพื่อนผู้หญิงคนเดียวของเขา แต่ตาจับจ้องอยู่ที่พชรหทัย “ส่วนเพื่อนเรา ให้ลูกน้องพ่อเขาหิ้วขึ้นห้องไปละกันนะ กลับครับ” พูดจบก็ดึงพชรหทัยให้เดินตามออกไปทันที โดยไม่สนใจจะอธิบายหรือกล่าวล่ำลาอิงอรที่ยืนเรียกอยู่ทั้งสิ้น
“อรรค อรรค จะไปไหนคะ คุณหมายความว่ายังไง อรรค!”
บรรยากาศในรถขากลับผิดแผกจากขามาราวฟ้ากับเหว ถึงแม้ชายหนุ่มที่ทำหน้าที่คนขับถึงตอนนี้จะทำหน้านิ่งเหมือนเคย แต่พชรหทัยก็สัมผัสได้ถึงไอโกรธที่ปะทุออกมาจากตัวเขา ไม่นับอาการขับรถเร็วราวกับจะเหาะนั้นอีก จนหญิงสาวต้องทำใจกล้าเอื้อมมือไปแตะต้นแขนเขา ลูบขึ้นลงเบาๆ เหมือนปลอบให้ใจเย็น ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าการที่เพื่อนชายทำท่าทางสนิทสนมกับหล่อนแบบนั้น ถึงแม้จะไม่เหมาะ แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับอรรคจนถึงขั้นที่จะต้องมามึนตึงใส่เธอเสียหน่อย
“คุณอรรค ขับช้าๆ เถอะค่ะ ดื่มมาด้วย เปอร์กลัว” หญิงสาวบอกเสียงแผ่ว แต่ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะสงบลง จนพชรหทัยต้องออกปากอีกครั้ง “ถ้าคุณอรรคไม่เบาลง รบกวนให้เปอร์ลงตรงนี้นะคะ”
เสียงเบาๆ แต่เอาจริงของพชรหทัยทำเอาอรรคจำต้องผ่อนเท้าออกจากคันเร่งโดยอัตโนมัติ ก่อนจะผินหน้ากลับมามองต้นเหตุของความว้าวุ่นใจครู่หนึ่ง และถอนใจแรงๆ จนหญิงสาวต้องมองหน้าเขาอีกครั้ง แล้วก็พบว่าอรรคทำหน้านิ่งแบบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ขัดกับแววตาที่ฉายแววโกรธคุกรุ่น
“เกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มส่ายหัวน้อยๆ เหมือนต้องการจูนสมองตัวเอง ก่อนจะเอ่ยประโยคใหม่ “ไม่สิ...ทำไมเพื่อนเราถึงทำแบบนั้นครับ ทำไมไปยืนกอดกันอย่างนั้น”
“เขาเมาค่ะ” พชรหทัยตอบตามความจริงเสียงสุภาพทั้งๆ ที่กรุ่นเต็มทน ไม่พอใจที่เขามาหาว่าหล่อนยืนกอดกับผู้ชายในที่สาธารณะ และต่อให้จะกอด อรรคมีสิทธิ์อะไรมาโกรธ มาไม่พอใจ มาทำมึนตึงใส่หล่อนแบบนี้ “เมามากตั้งแต่ดื่มกันที่โต๊ะแล้ว แต่ก็ฝืนเดินมากับเปอร์ อยู่ดีๆ ก็บอกไม่ไหว แล้วก็ทำท่าจะล้ม เปอร์ก็เลยต้องยืนพยุงอยู่แบบนั้น เพราะพาเขาไปนั่งไม่ไหวเหมือนกัน”
บอกจบก็ก้มมองมือตัวเองนิ่งระงับความโกรธ ก่อนจะตกใจไม่น้อยเมื่ออรรคคว้ามือหล่อนไปกุมแน่นๆ ตาหวานเบิกกว้างมองคนที่ขับรถอยู่
“พี่ไม่ชอบให้ใครมาใกล้เราแบบนั้น ไม่ชอบเลย ไม่ว่าจะเพื่อนหรือไม่ใช่เพื่อน ไม่ว่าจะเมาหรือไม่เมา”
“แต่ แต่...” หญิงสาวพยายามบิดมือให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา “มันไม่มีอะไรจริงๆ นะคะ” นึกแปลกใจตัวเองไม่น้อยที่ต้องมาแก้ตัวกับอีกฝ่าย “คุณอรรคอย่าโกรธเลย”
“พี่ไม่ได้โกรธ ไม่ได้โกรธเป๊ปเปอร์” ชายหนุ่มถอนหายใจอีกรอบ พยายามดึงอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ หยุดอารมณ์หึงหวงที่พวยพุ่งจนหน้าร้อนฉ่า “แต่โกรธเพื่อนเรา...” พูดไปก็กระชับมือที่เขาถือวิสาสะคว้ามาจับไปแน่นขึ้นอีก เมื่อรู้สึกว่าหญิงสาวกำลังจะปลดมือตัวเองออกจากมือเขา ตั้งท่าจะบอกพชรหทัยให้รู้เรื่องเสียทีว่าเขารักของเขา อย่าเอาตัวไปใกล้ผู้ชายที่ไหนให้เขาความดันขึ้นแบบนี้อีก แต่อีกฝ่ายกลับสวนขึ้นมาปิดโอกาสเปิดใจของเขา
“จะว่าไปคุณอรรคจะมาโกรธทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” คราวนี้พชรหทัยหันหน้ามองเขานิ่ง ต้องการคำตอบอย่างชัดเจนเกี่ยวกับกิริยาท่าทางอาการที่เขาเป็นอยู่
อีกฝ่ายไม่ตอบ ได้แต่นั่งนิ่ง ตกใจท่าทางแข็งกร้าวของหญิงสาว แต่ยังดื้อด้านไม่ยอมปล่อยมือ เป็นแบบนั้นไปเรื่อยจนถึงที่หมาย หวังรอให้พชรหทัยใจเย็นลง แต่ด้วยความจำเป็นที่จะต้องถอยรถเข้าที่จอด จึงต้องละมือจากหญิงสาว หญิงสาวจึงใช้จังหวะนั้นรีบเปิดประตูทันทีเมื่อยานพาหนะคันหรูของชายหนุ่มจอดเข้าที่สนิท
คนที่โดนความคลุมเครือเข้าเล่นงานหนีพ้นจากการเกาะกุมของเขาได้ก็รีบซอยเท้าวิ่งไปกดลิฟต์ เพื่อที่จะขึ้นห้องพัก โดยไม่แม้แต่จะล่ำลาอรรค ทว่าขายาวๆ ของอรรคกลับไวกว่าเพราะทันเบียดตัวเข้ามาในลิฟต์เดียวกันได้พอดิบพอดีก่อนที่ประตูจะปิดลง
“เดินหนีพี่ทำไม”
พชรหทัยหันมามองเขาตาวาว ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาแสดงออกจริงๆ บางทีก็เย็นชา บางทีก็เหมือนเขามีใจ แต่ที่แน่ๆ จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ เขาไม่มีสิทธิ์มาปั่นหัวกัน มาทำท่าทีแบบนี้ เมื่อเทียบกับผู้ชายคนอื่นๆ ถึงแม้พชรหทัยจะไม่สนใจคบหาใครมากกว่าคำว่าเพื่อน แต่ทุกคนก็แสดงวัตถุประสงค์ให้การเข้าหาอย่างเปิดเผย ไม่ได้มาทำตัวเป็นหมาหยอกไก่แบบที่อรรคเป็น
“...”
“ทำไมไม่ตอบ”
“...”
“ถ้าไม่ยอมเปิดปากเอง พี่จะเป็นคนเปิดให้นะ”
เพราะคำขู่แบบสองแง่สองง่ามของเขา พชรหทัยเลยจำต้องพูดเสียงแข็งใส่ ดูเอานะ...ขนาดตัวเองทำผิดยังไม่วายขู่หล่อนอีก
“แล้วที่เปอร์ถาม คุณอรรคทำไมไม่ตอบคะ” เด็กเริ่มจะรวนระหว่างกดรหัสเข้าห้องตัวเองไวๆ มือบางผลักประตู ไม่สนใจคนที่ยืนซ้อนหลังอยู่ แหวเสียงแข็ง “คุณอรรคเอาเปรียบ เอาเปรียบทุกอย่าง เปอร์ถามอะไรคุณอรรคก็เงียบ แต่ก็มาทำตัวเกินเลยกับเปอร์ กี่ครั้งแล้วคะที่คุณอรรคไม่ให้เกียรติเปอร์”
“ถ้าตอบ..แล้วสัญญาไหมล่ะว่าจะ...”
“ว่าจะอะไร...” คนเสียงหวานขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายอย่างลืมตัวตามประสาคนไม่เคยโดนขัด นี่ยังมีหน้ามาต่อรองอะไรกับหล่อนอีกเหรอ
“ว่าจะรับฟังและยอมรับในสิ่งที่พี่พูด” อรรคยิ้มหน้าระรื่นเพราะกิริยาของคนตรงหน้า แทนที่จะหงุดหงิดหัวเสียเหมือนอีกคน เพราะทั้งรู้แน่ชัดแล้วว่าพชรหทัยรู้สึกแบบเดียวกับเขา ทั้งพอใจในกิริยาน่าเอ็นดูของคนตรงหน้า งอนน่ารักชะมัด
แต่พชรหทัยไม่คิดอย่างนั้น กลับคิดว่าเขายียวนกวนประสาท ตั้งท่าจะปั่นหัวให้เด็กอายุสิบเจ็ดหลงเสน่ห์ คิดว่าจะหาเศษหาเลยกับหล่อนฟรีๆ ปากสวยเม้มแน่นแบบแค้นใจตัวเอง...ใช่สิ หล่อนหลงเสน่ห์เขาไปหมดใจแล้ว!
“ถ้าเงื่อนไขมันเยอะขนาดนั้น คุณอรรคก็เก็บคำพูดลงคอไปเถอะค่ะ แล้วก็เก็บอาการถึงเนื้อถึงตัวเปอร์กลับไปด้วย อย่ามาทำกันแบบนี้”
ปัง! ประตูบานหนาปิดใส่หน้าเขาทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ ปล่อยให้คนที่เป็นประธานบริษัทจัดการกับปัญหามาแล้วทุกรูปแบบยืนอึ้งนิดๆ
เฮี้ยวใช่เล่นเหมือนกันนี่หว่า
ความคิดเห็น |
---|