1
เริ่มรัก
“คุณอรรคคะ” ชุดา เลขานุการประจำตัวของเขา หรืออีกหนึ่งอย่างที่ท่านประธานบริษัทคนเก่าอย่าง หม่อมราชวงศ์พชรฉัตร วิริยา ผู้ซึ่งเกษียณอายุออกไปได้แค่สองสามสัปดาห์ทิ้งไว้ให้ นอกจากห้องทำงานหรูหราพร้อมเพนต์เฮาส์บนยอดตึก
ชุดาถือว่าเป็นพนักงานที่ทรงประสิทธิภาพคนหนึ่งของบริษัท ที่ช่วยให้การรับตำแหน่งประธานบริษัทบริหารสินทรัพย์บริษัทใหญ่อันดับต้นๆ ของเอเชีย หลังจากที่หมดสัญญาจ้างกับธนาคารในสหรัฐอเมริกา ที่ที่เขาใช้ชีวิตอยู่และเรียนหนังสือมาร่วมยี่สิบปีเป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย
“ครับ” หน้าหล่อแบบไทยปนจีนเงยขึ้นรับคำเรียก ผิวขาวจัดตัดกับคิ้วเข้มๆ และตาสองชั้นคมกริบรับกันดีกับจมูกโด่งแบบได้รูปและริมฝีปากแดง ยิ้มน้อยๆ คลี่ออกจากปาก จนชุดาที่คุ้นชินกับความหน้าตาดีเกินเกณฑ์ปกติของเหล่าสมาชิกราชสกุลวิริยายังอดนึกชมไม่ได้ว่า ผู้ชายคนนี้หล่อ ออร่ากระจาย นี่ถ้าอายุน้อยกว่านี้สักยี่สิบปีก็กะว่าจะสมัครเป็นทีมท่านประธานเหมือนสาวๆ ในบริษัทบ้าง
“คุณแพมโทร. มาเรื่องทานอาหารเย็น บอกว่าคุณอรรคให้เช็กกับชุดาเรื่องวันว่างค่ะ ส่วนอาจารย์อรก็ถามวันที่จะเชิญคุณอรรคไปบรรยาพิเศษมา ตกลงจะให้คิวใครยังไงไหมคะ นี่ชุดาชิ่งเขาจนเวียนหัวไปหมดแล้ว”
ชายหนุ่มพิงร่างสูงเหยียบร้อยเก้าสิบลงที่พนักเก้าอี้ ใช้นิ้วเรียวคลึงหัวตาเบาๆ ทำไมจะไม่รู้ว่าผู้หญิงสองคนนี้ ใช้ข้ออ้างต่างๆ นานาในการเข้าหาเขา ทั้งพริมา นางแบบคนสวยที่เพื่อนๆ หลายคนออกปากนักหนาว่าได้ลิ้มรสสักทีจะไม่ลืมพระคุณ หรือไม่ว่าจะเป็นอิงอร ดอกเตอร์สาวคนสวยของมหาวิทยาลัยชื่อดังที่คุ้นเคยมานาน เป็นเพื่อนเรียนหนังสือกันมา
นางแบบคนสวยรายแรกนั้นเพิ่งเจอกันในไนต์คลับเมื่อสัปดาห์ก่อนที่เพื่อนๆ ที่เมืองไทยเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ให้เขา ในขณะที่ฝ่ายหญิงมางานเลี้ยงของบริษัทอะไรสักอย่าง พานได้มีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกันแค่นั้น นี่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปหาเบอร์เขามาจากไหน จนโทร. มาตามจิกเขาได้ทุกวัน ทำเอาเขาที่เผลอรับโทรศัพท์ไปเมื่อวันก่อน ได้แต่บอกปัดให้ไปเช็กวันว่างกับเลขาฯ ของเขาเอาเอง จากนั้นก็เป็นคราวซวยของชุดาไปในการเป็นหน้าด่านให้เขาแบบวันนี้
“เรื่องบรรยายพิเศษของคุณอร ฝากคุณชุดาดูวันไหนที่ไม่ยุ่งให้เขาไปก็ได้ครับ เห็นว่าแรกๆ อาจจะแค่เดือนละครั้ง ส่วนเรื่องคุณแพมปัดไปก่อนละกันครับ ผมไม่สะดวก” ชายหนุ่มวัยสามสิบบอกอย่างสุภาพ อย่างไรเสียอิงอรก็ยังเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาหลายปี แม้เขาจะแน่ใจว่าหล่อนคิดกับเขาเกินเพื่อน แต่ตราบใดที่อีกฝ่ายยังไม่สร้างเรื่องวุ่นวายให้เขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำร้ายน้ำใจใคร หน้าหล่อตั้งท่าก้มลงทำงานที่ค้างไว้ต่อ แต่อีกฝ่ายก็ดูเหมือนยังไม่หมดเรื่องกับเขา
“แล้วนี่ไม่ลืมใช่ไหมคะว่าสัปดาห์หน้าลูกสาวคุณชายจะเริ่มมาฝึกงานแล้ว คุณอรรคจะให้เริ่มทำที่ไหนก่อน”
หน้าหล่อที่ก้มกลับไปสนใจตัวหนังสือในจอตรงหน้าเงยกลับขึ้นมาอีก นัยน์ตาวับวาวขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินชื่อสาวน้อยคนสวยที่เขาได้มีโอกาสพบที่วังวิริยาเมื่อเดือนก่อน สวยเสียจนเขาอึ้งไปพักใหญ่ตอนที่ทราบว่าหล่อนอายุแค่สิบเจ็ดปี เล่นเอาวันนั้นอรรครู้จักคำว่าตกหลุมรักแรกพบพร้อมๆ กับคำว่าอกหักในคราวเดียวกัน
แต่สัญชาตญาณหรือความต้องการเบื้องลึกบางอย่างบอกเขาว่า แม้จะห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดอะไรมากเกินกว่าความเอ็นดูและชื่นชม เพราะผู้หญิงคนที่ทำให้เขาหายใจกระตุกได้ในรอบสิบปี เป็นถึงลูกสาวนายจ้าง และที่สำคัญอายุห่างกับเขาถึงสิบสามปี แต่ได้เห็นหน้าบ่อยๆ ก็คงดี คิดได้แบบนั้นท่านประธานคนใหม่ของวิริยะทรัพย์ก็ส่ายหน้าใส่เลขาฯ เพราะไม่อยากให้หม่อมหลวงพชรหทัยเรียนงานเหมือนเด็กฝึกงานปกติ
“ให้มาคุยกันก่อนละกันครับว่าเขาสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ จะได้หาที่ลงให้ถูก ผมว่าใครๆ ก็เต็มใจสอนอยู่แล้วไหมครับ ลูกสาวคุณชายทั้งที”
ยิ่งพูดถึงลูกสาวของท่านประธานคนก่อน เจ้าของบริษัทตัวจริงแล้ว อรรคก็อดอมยิ้มอีกไม่ได้ ภาพสาวน้อยวัยสิบเจ็ดปี แต่สวยจัด ทรวดทรงองค์เอวชัดจนเสียจนเขาไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายอายุยังไม่พ้นยี่สิบ จริตจะก้านอ่อนหวาน พูดจาชวนฟัง เล่นเอาวันนั้นที่คุณชายพชรฉัตรกับภรรยาเชิญเขาไปรับประทานอาหารค่ำที่วัง อรรคฟังใครพูดไม่รู้เรื่องเลย เพราะมัวแต่จะคอยมองสาวน้อยคนสวยของตำหนักใหญ่อยู่ตลอดเวลา แถมปีนี้หม่อมพลวงพชรหทัย ลูกสาวคนเล็กของคุณชายพัชรเรียนมหาวิทยาลัยเป็นปีสุดท้ายแล้ว ด้วยสมองที่ฉลาดเกิดมนุษย์ปกติ ทำให้หลังเทรนงานในช่วงสามเดือนเสร็จ เจ้าตัวก็จะจบการศึกษาระดับปริญญาตรีอย่างสมบูรณ์
“ใช่สิคะ คุณเป๊ปเปอร์น่ารักมาก ฉลาดที่สุด ท่านประธานเคยพามาเข้าประชุมครั้งนึงตอนเด็กๆ คิดเลขไวกว่าชุดาอีก”
“ครับ เอาเป็นว่าวันที่คุณเป๊ปเปอร์มาเริ่มวันแรก ให้มาเจอผมก่อนละกัน”
หม่อมหลวงพชรหทัยตื่นเต้นไม่น้อยกับการมาที่บริษัทวิริยะทรัพย์ของตัวเองในวันนี้ จากทุกๆ ครั้งที่แวะมาในฐานะลูกสาวคนเล็กของท่านประธานคนก่อนที่เพิ่งวางมือไป เหลือแต่หุ้นในบริษัทที่เป็นของครอบครัว กับตำแหน่งประธานบอร์ดและประธานกรรมการตรวจสอบความโปร่งใสเท่านั้น ที่บิดาหล่อนซึ่งมีศักดิ์เป็นคุณชายยังดำรงตำแหน่งอยู่ แต่อำนาจทางการบริหารได้มอบหมายให้ อรรค อัครนันท์ เข้ามารับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว
คนสวยที่สวมหมวกเด็กฝึกงานรู้สึกว่าบรรยากาศต่างรอบๆ ตัวดูแปลกไป เมื่อรถยนต์คันยาวประจำตัวที่คุณพ่อจัดการไว้ให้ใช้พร้อมคนขับจอดเรียบร้อย หญิงสาวก็ค่อยๆ เปิดประตูเดินลง ร่างสูงทั้งเกินมาตรฐานทั้งเกินวัยก้าวยาวๆ ผ่านล็อบบีหน้าตึก เรียกความสนใจได้จากคนที่รู้จัก ส่วนคนไม่รู้จักก็ต้องมองความงามที่จับตาคนจนเหลียวหลัง เพื่อที่จะขึ้นไปที่ชั้นของผู้บริหาร หลังจากได้รับการประสานจากเลขานุการคนเก่าของคุณพ่อว่า คุณอรรค ท่านประธานคนใหม่ของอาณาจักรการเงินแห่งนี้ขอให้หล่อนพบกับเขาก่อน เพื่อคุยรายละเอียดการฝึกงานตลอดสามเดือนนี้
หญิงสาวเดินสวัสดีคนที่ก้มหัวให้ตามทางไปเรื่อยๆ เพราะเกือบทุกคนในที่นี้รู้ดีว่าหล่อนเป็นใคร แต่หล่อนก็นอบน้อมใส่ทุกคน รีบยกมือไหว้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกจ้างคุณพ่อ จนเป็นที่เอ็นดูของเหล่าพนักงานทุกคน
ไม่นานคุณเป๊ปเปอร์คนสวยก็มาถึงจุดหมายของวันนี้จนได้ หน้าสวยจัดแบบใครเห็นก็เป็นอันต้องหลงรัก ต้องแอบชอบ สวยชนิดที่เป็นทั้งดาวคณะ ดาวมหาวิทยาลัย สวยชนิดที่มีคนชวนเข้าวงการดารา นางแบบ หรือแม้กระทั่งประกวดนางงามตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อสาวไม่ได้ขาด แต่เจ้าตัวไม่ได้ให้ความสนใจ อาจจะมีบ้างที่รับเฉพาะงานพิเศษจำพวกเดินแบบการกุศล หรือถ่ายแบบเฉพาะกิจ แต่ไม่เคยคิดจะยึดเป็นอาชีพจริงจัง เพราะชอบเรียนหนังสือมากกว่าเรียกว่าทำเอาความสวยสง่าที่ดึงจุดเด่นของพ่อของแม่มาเสียของอย่างที่สุด
จวบจนทายาทคนเล็กของตำหนักใหญ่ในวังวิริยาขึ้นมาจนถึงชั้นของผู้บริหารที่ได้รับการแจ้งว่า ให้ขึ้นมารายงานตัวกับท่านประธานคนใหม่ก่อน หม่อมหลวงพชรหทัยก็เห็นอดีตเลขาฯ ของคุณพ่อยืนรออยู่บริเวณหน้าห้องดังกล่าว สาวน้อยคนสวยคลี่ยิ้มกว้าง ตาเป็นประกายใส่ชุดาทันที
“พี่ชุดา สวัสดีค่ะ” คนอ่อนวัยกว่ายกมือขึ้นทำความเคารพคนที่เป็นลูกน้องคุณพ่อ อีกฝ่ายก็รีบรับไหว้อย่างดี
“ไม่ต้องไหว้ไงคะ แล้วนี่แต่งตัวเสียน่ารักเชียว” ชุดากวาดตามองสาวน้อยตรงหน้าที่ถอดเค้าความงามสง่ามาจากบุพการี “ถ้าขาไม่ยาวแบบคุณเป๊ปเปอร์นี่ใส่ไม่ได้จริงๆ นะคะ”
พูดจบก็ก้มลงมองลูกสาวเจ้าของบริษัทที่สวมกระโปรงบานพองทรงบอลลูนแบบสั้น คู่กับเสื้อเชิ้ตผูกโบใหญ่ที่คอ ผมด้านหลังรวบตึงโชว์หน้าสวย ใบหน้าที่เหมือนคุณชายพชรฉัตรผู้เป็นพ่อแต่งแต้มสีสันเล็กน้อยพองาม ไม่เกินวัย แต่ก็ยังดึงดูดสายตาทุกคนที่พบเห็นได้เป็นอย่างดี แต่จริตจะก้าน กิริยา รวมทั้งแววในดวงตาบางอย่างนั้นทำให้สัมผัสได้ว่าหม่อมหลวงพชรหทัยคือภาพจำลองของปวรศาดีๆ นี่เอง
“ขอบคุณนะคะ ว่าแต่คุณอรรคมาหรือยังคะ” หญิงสาวยกมือไหว้รับคำขอบคุณ ก่อนจะถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบร้อย ดวงตาเป็นประกายสดใส จนคนฟังที่เป็นผู้หญิงด้วยกันยังอดมองอย่างเพลินตาไม่ได้
“มาแล้วค่ะ งั้นเข้าไปเลยนะคะ”
...
ก๊อก ก๊อก
เสียงแจ้งเตือนให้ทราบว่ากำลังจะมีบุคคลจากภายนอกเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของเขา ทำให้อรรคเงยหน้าจากจอที่แสดงผลตลาดหุ้นที่ฮ่องกงและสิงคโปร์ มือหนาเอื้อมกดจอรับคำสั่งแบบสัมผัสให้หรี่เสี่ยงทีวีลง ก่อนจะกดปุ่มอัตโนมัติให้เปิดล็อกให้คนด้านนอกเข้ามาได้
“คุณอรรค คุณเป๊ปเปอร์มาแล้วค่ะ”
อรรคกำลังจะอ้าปากถามผู้ช่วยว่ามีธุระอะไร เพราะปกติชุดาจะไม่รบกวนเขาจนกว่าจะเก้าโมงครึ่งซึ่งเป็นเวลาเริ่มงาน ปล่อยให้เขาบริโภคข่าว รับข้อมูลต่างๆ ไปลำพัง ก่อนที่ตลาดหุ้นในประเทศไทยจะเปิดให้ซื้อขายหลักทรัพย์กันได้ ทว่าวันนี้เจ้าตัวกลับมารบกวนเขาตั้งแต่แปดโมงครึ่ง
เมื่อรับทราบเหตุผลแล้ว ชายหนุ่มก็อดที่จะยิ้มน้อยๆ แบบห้ามไม่ได้ เมื่อพบว่าแขกที่จะมาพบเป็นใคร ปากบางตั้งท่าจะทักทาย แต่ความน่ารักของเจ้าตัววันนี้กอปรกับความนึกถึง ยิ่งทำให้เขาได้แต่นั่งนิ่งเป็นไอ้บื้อมากกว่าวันที่เจอกันครั้งแรกที่วังวิริยาเป็นไหนๆ ก็ภาพคนสวยตรงหน้าทำเอาคนที่ผ่านศึก ผ่านผู้หญิงมานักต่อนักถึงกับหายใจไม่ออก เลือดลมสูบฉีดดีกว่าใคร กว่าจะเรียกสติกลับมาได้ก็ต้องลำบากคนอื่นส่งเสียงเรียก
“คุณอรรค คุณอรรค!” เสียงเรียกไม่เบาเลยของชุดาเรียกท่านประธานหนุ่มหล่อให้คืนสติได้ จนเจ้าตัวต้องทำเป็นขยับแขนเสื้อแก้เก้อกลบท่าทางเมื่อครู่ ซึ่งก็ดูว่าน่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นได้ เพราะทั้งสีหน้าและน้ำเสียงยังเป็นปกติแบบคนที่เก็บอาการได้เป็นอย่างดี
“เอ่อ...ครับๆ เชิญนั่งครับ” มือหนาผายออกให้ลูกสาวนายจ้างที่ยิ้มหวานตลอดเวลานั่งลง นึกในใจว่าอะไรจะฟีโรโมนฟุ้งกระจายได้ตั้งแต่อายุแค่นี้ เสน่ห์แรงขนาดนี้ ก่อนจะเอ่ยปากถามเรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญที่ต้องเชิญสาวน้อยคนนี้มาที่นี่ก่อนเริ่มฝึกงาน
“อยากทำด้านไหนเป็นพิเศษไหมครับ” เมื่อเรียกสติคืนมาได้ก็เริ่มพูดเรื่องงานเรื่องการ ไม่ให้ขายหน้าตัวเองไปมากกว่านี้ ขุดเอาความเป็นมืออาชีพขึ้นมาใช้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยต้องบังคับตัวเองให้เอางานเอาการมาก่อน “หรือว่าอยากลองภาพรวมทั้งหมดก่อน”
“ค่ะ จริงๆ เปอร์ก็อยากให้เป็นแบบนั้น” อีกฝ่ายก็ตอบมาด้วยความมั่นใจ กิริยาฉายชัดว่าเป็นคนกล้าคิดกล้าพูด และเป็นผู้ใหญ่เกินตัว แต่ไม่ดูเกินวัย “ตอนแรกก็อยากลงรายละเอียด แต่คิดแล้วสามเดือนลงไป เปอร์ก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี หรือคุณอรรคว่าไงดีคะ” พชรหทัยบอกความต้องการของตัวเอง พร้อมทั้งขอความเห็นอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท ไม่ดูมั่นใจมาก และก็ไม่ยอมคนอื่นจนหงอเกินไป ตาสีน้ำตาลเป็นประกายอย่างคนรั้น แต่ท่าทางสำรวมตามประสาคนได้รับการอบรมมาดี
“พี่เห็นด้วย งั้นเอาแบบนี้ไหม” ชายหนุ่มขยับตัวนิดหนึ่ง ความคิดที่เคยประทับใจในความสวยน่ารักของพชรหทัยแวบเข้ามาในหัวอีกรอบ ดึงสมาธิชายหนุ่มออกจากเรื่องสำคัญอีกหน ผสมกับความต้องการของคนตรงหน้า ทำเอาอรรคเกิดความคิดที่จะสอนงานให้สาวน้อยด้วยตัวเอง แทนที่จะส่งไปอยู่กับผู้จัดการแผนกต่างๆ อย่างที่คิดไว้ทีแรก จนอดภูมิใจความร้ายลึกๆ ของตัวเองไม่ได้ที่คิดแผนขึ้นมาได้ทันทีเพราะความต้องการด้านมืดของจิตใจ ดันทุรังเรียกตัวเองว่าพี่ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายก็มุ่งมั่นในการเรียกเขาว่าคุณอย่างให้เกียรติ
“เป๊ปเปอร์ลองมาช่วยงานพี่ พี่จะเป็นเมนเตอร์ให้ พี่ประชุมอะไร ทำอะไร เป๊ปเปอร์ก็ไปกับพี่ จะได้เห็นภาพผู้บริหารทั้งหมดว่าทำกันอย่างไร” อรรคพยายามตีหน้าเรียบ ไม่แสดงอาการใดๆ ทั้งสิ้น ลุ้นรอให้อีกฝ่ายตอบอย่างที่ใจเขาหวัง ทั้งหลอกตัวเองว่าแค่ต้องการสอนงานให้ตรงใจพชรหทัยมากที่สุด เรื่องจะได้อยู่ใกล้ได้เห็นหน้าทุกวันนั้นเป็นแค่ผลพลอยได้ที่เขาเองก็โตเป็นผู้ใหญ่พอที่จะห้ามความคิดไม่ให้เลยเถิดไปไกล แค่ขอชื่นใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้เห็นของสวยๆ งามๆ ก็ละกัน
“ก็ดีนะคะ ไว้สนใจด้านไหนเป็นพิเศษแล้วเปอร์ค่อยขออนุญาตคุณอรรคลงไปเรียนงานตรงนั้นเฉพาะทางอีกทีก็ได้ค่ะ”
ท่านประธานได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ และไม่ได้รู้เลยว่ายิ้มของเขาทำเอาเด็กฝึกงานกิตติมศักดิ์ใจเต้นรัวแบบไม่เคยเป็นมาก่อน จนต้องหลบตาลงมองมือบางของตัวเองที่อยู่บนตักระหว่างสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อไม่ให้ใครจับอาการได้
“งั้น...” ชายหนุ่มกดอินเตอร์คอมเรียกเลขาฯ เข้ามารับคำสั่ง “เดี๋ยวให้เขาเอาโต๊ะมาตั้งในนี้เลยละกัน มีอะไรเป๊ปเปอร์จะได้ถามพี่ได้เลย ตามนี้นะครับ” พูดจบก็จัดแจงสั่งการตามที่ได้บอกหญิงสาวไว้เมื่อกี้ โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายทักท้วง เมื่อจัดการเสร็จสิ้นนายใหญ่คนล่าสุดแห่งบริษัทวิริยะทรัพย์ก็บอกเด็กฝึกงานส่วนตัวของเขาเสียงอ่อนกว่าที่ใช้กับคนอื่น จนเกือบจะเป็นอ้อนมากกว่าสั่งงาน โดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
“ระหว่างนี้เป๊ปเปอร์ไปประชุมกับพี่ดีกว่า กลับมาเขาก็จัดโต๊ะเสร็จพอดี”
กว่าอรรคและหม่อมหลวงพชรหทัยจะได้กลับเข้าห้องทำงานมาอีกรอบก็เลยเวลาที่ชายหนุ่มตั้งใจไว้ไปมากโข เพราะการประชุมอัปเดตสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกยืดเยื้อกว่าที่คิด
หญิงสาวร่างผอมสูง ทรวดทรงครบถ้วนเดินคู่กับท่านประธานรูปหล่อมา โดยที่เจ้าตัวพยายามเดินให้ตามหลังเขาเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ดูว่าเป็นการตีเสมอคนที่มีวัยวุฒิ คุณวุฒิมากกว่า แต่ยิ่งรั้งตัวเองให้เดินช้ามากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ดูจะเดินทอดน่องมากขึ้นเท่านั้น จนพานช้าไปกันใหญ่ เดือดร้อนถึงชุดาที่เห็นเจ้านายทั้งสองเดินเท่าไรก็ไม่ถึงห้องสักทีต้องถามเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงหน้าห้อง
“ทำไมเดินกันช้า...ช้าคะ ขาก็ยาวกันทั้งคู่” ชุดาขยับแว่นให้เข้าที อดขมวดคิ้วไม่ได้ เพราะมีงานด่วนเข้ามาระหว่างที่ชายหนุ่มไปประชุม “งานเต็มเลยค่ะ ลูกค้าบอกขอรายชื่อกองทุนที่ให้ผลกำไรสามสิบเปอร์เซ็นต์ไม่สนอัตราเสี่ยงห้ากองทุนให้เลือกภายในเย็นนี้”
“ดังนั้น เรื่องแบบนี้มีคุณอรรคคนเดียวที่ทำเสร็จภายในเวลาที่ลูกค้าต้องการ” เลขานุการรีบโยนงานด่วนให้ผู้เป็นนาย
“ข้อมูลแบ็กอัป ชุดาส่งไฟล์ให้คุณอรรคแล้ว เซตให้ฉายขึ้นจอในห้องทำงานแล้วด้วยค่ะ” หญิงสาวเปิดประตูห้องทำงานให้ท่านประธานคนใหม่กับลูกสาวท่านประธานคนเก่าไป รายงานการทำงานไปพลาง “ส่วนอาหารกลางวัน ทั้งของคุณอรรค ของคุณเป๊ปเปอร์ ชุดาจัดไว้ให้ในห้องทานอาหารแล้ว อ้อ! โต๊ะทำงานคุณเป๊ปเปอร์ก็เสร็จเรียบร้อยตามคำสั่งตั้งแต่สิบเอ็ดโมง” พูดจบก็ม้วนตัวออกไป ทิ้งให้หม่อมหลวงพชรหทัยอยู่ในห้องทำงานกับอรรคเพียงสองคน
ชายหนุ่มเดินยาวไปหยุดอยู่ที่หน้าจอที่กำลังแสดงผลตามที่เลขานุการวัยใกล้เคียงกันบอก มองกราฟต่างๆ บนจอเงียบๆ แล้วถึงจะเดินไปนั่งหลังโต๊ะ มือก็พิมพ์อะไรลงพักใหญ่ ปล่อยให้เด็กฝึกงานกิตติมศักดิ์ที่ยืนงงอยู่กลางห้องอัญเชิญตัวเองไปที่โต๊ะของหล่อน ซึ่งเขาสั่งให้มาตั้งอยู่ในมุมที่มองเห็นหน้ากันตลอดเวลา
หญิงสาวอ่านเมโมหรือบันทึกที่ตัวเองพิมพ์ลงแลปทอประหว่างตามชายหนุ่มเข้าประชุมเมื่อครู่ ก่อนจะทำบทวิเคราะห์ รวมถึงคอมเมนต์จากตัวเองไว้ใต้ประเด็นแต่ละประเด็นที่ที่ประชุมถกกัน ดำดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองครู่ใหญ่ จนเห็นเงาของชายหนุ่มอยู่ด้านหน้าจึงออกปากถามขึ้น
“ทานข้าวก่อนดีกว่าครับเป๊ปเปอร์ พี่ก็ลืมไปเลย หิวมากหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้ายิ้มหวานตามเคย
“ไม่เลยค่ะ ทานขนมในห้องประชุมจนอิ่ม ถึงตอนนี้ก็ยังไม่หิว แต่คุณอรรคทานได้เลยนะคะ” หญิงสาวบอกตามความจริง ตั้งท่าจะกลับไปตั้งสมาธิกับงานตรงหน้า ทว่าเสียงทุ้มกับขัดขึ้นอีกครั้ง
“ทานด้วยกันเถอะครับ ถือว่าทานเป็นเพื่อนพี่หน่อย ทานข้าวกลางวันคนเดียวมานานมากแล้ว” พูดจบชายหนุ่มก็ยืนสอดมือในกระเป๋ากางเกงรอเงียบๆ เหมือนเป็นการกดดันหญิงสาวทางอ้อม
จนหม่อมหลวงพชรหทัยต้องยอมลุกขึ้นด้วยความเกรงใจ เดินตามเขาไปในห้องรับประทานอาหารเล็กๆ อย่างไม่มีทางเลือก นึกฉุกใจว่าทำไมแค่เขามองมาหล่อนก็พานต้องลุกขึ้นตามเขาบอก ทั้งๆ ที่ปกติก็ไม่ใช่คนยอมทำตามคำสั่งใครที่ไหน
...
หญิงสาวนั่งลงหลังจากเจ้าของห้องไม่นาน ก่อนจะเริ่มต้นรับประทานอาหารร่วมกับเขาเงียบๆ ไม่ได้รู้สึกหิวจริงๆ ตามที่บอกท่านประธานไปเมื่อครู่ ดังนั้นเมื่อกินไปได้ไม่กี่คำก็รวบช้อน ซับปากและดื่มน้ำ เป็นอันเสร็จพิธี
“ทานอะไรแค่นั้น อิ่มแล้วเหรอ” ตาคมกริบมองคนตรงหน้าขณะที่ยังกินต่อ มือหนาส่งช้อนเข้าปากอย่างต่อเนื่อง แต่สายตายังอ้อยอิ่งอยู่ที่คนสวยตรงหน้า ให้เขากินไปมองไปอย่างนี้ก็เจริญอาหารดี
“อิ่มค่ะ เมื่อกี้ทานขนมตั้งเยอะ” หญิงสาวตอบแหยๆ เพราะอีกฝ่ายส่งสายตาดุมาให้ตามประสาคนออกคำสั่งใส่คนอื่นตลอดเวลา
“พี่ว่าทานอีกหน่อยเถอะ เดี๋ยวโรคกระเพาะถามหา” อรรคพูดระหว่างตักอาหารของตัวเองเข้าปากอีกครั้ง แต่พอเห็นว่าหญิงสาวยังทำท่าเขี่ยไปเขี่ยมาอยู่ก็อดที่จะบอกอีกทีไม่ได้ ชายหนุ่มเลยต้องใช้ไม้แข็งตักอาหารจากช้อนของตัวเองจ่อที่ปากอิ่มของหญิงสาว บังคับกลายๆ ให้อีกฝ่ายรับการป้อนจากเขา
“เป๊ปเปอร์เชื่อพี่สิครับ” ชายหนุ่มทอดเสียงให้อ่อนลง มองคนตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน บอกตัวเองว่าที่ทำท่าอ้อนสาวอยู่นี้ไม่ได้จะจีบอีกฝ่ายหรืออะไร เพราะเตือนตัวเองให้นึกถึงทั้งคุก ทั้งหน้าคุณชายอยู่ตลอด แต่ก็อดที่จะแก้ตัวในใจไม่ได้ว่าเอ็นดูอีกฝ่ายเป็นน้องเป็นนุ่ง และที่เอาใจใส่อีกฝ่ายแบบนี้ก็เพราะเป็นลูกเจ้านายเท่านั้น
“นี่เที่ยงกว่าแล้ว ทำอะไรให้มันตรงกับตารางของชีวิต ระบบร่างกายมันจะได้ไม่รวนนะครับ” ฝ่ายชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนระเบียบจัด เฮี้ยบ และเอาจริงเอาจังที่สุดคนหนึ่งบอก
เรื่องการเคร่งครัดในตารางเวลาของชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนในชีวิตเขาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีใครที่สามารถเป็นได้มากกว่าเขาอีกแล้ว จนบรรดาเพื่อนฝูงและทุกๆ คนที่รู้จักต่างเรียกเขาทั้งต่อหน้าและลับหลังว่าคุณชายระเบียบ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจ ออกจะยืดอกรับฉายานั้นด้วยความภูมิใจเสียอีก
เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้วตอนที่อรรคละมือจากแป้นพิมพ์ หลังจากส่งอีเมลข้อมูลวิเคราะห์กองทุนตาม ที่ลูกค้ารายใหญ่ร้องขอมาให้เป็นที่เรียบร้อย มือหนาคลึงหัวตาเบาๆ คลายความเมื่อยล้าที่เกิดขึ้นจากการจ้องจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันยาวนานหลายชั่วโมง ก่อนจะเงยหน้ามองไปทางหม่อมหลวงพชรหทัยที่นั่งพิมพ์งานที่ได้รับมอบหมายไปในส่วนของตัวเองเงียบๆ อยู่
ชายหนุ่มนั่งมองอีกฝ่ายอยู่นาน นานจนเจ้าตัวเองก็แปลกใจที่เขาหายใจทิ้งโดยไม่เสียดายเวลาไปกับการมองพชรหทัยทำโน่นทำนี่ ทั้งๆ ที่ตั้งแต่หนุ่มจนอายุสามสิบก็ไม่เคยนั่งมองสาวที่ไหนแบบนี้ จนได้สติเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“ฮัลโหล” ปากขยับ แต่ตายังจับจ้องอยู่ที่คนหน้าสวยด้วยความเพลินตาเพลินใจ น่าแปลกที่แค่เห็นหน้าสวยๆ นั้นความตึงเครียดในหัวก็ดูจะคลายลงไปเกือบหมดอย่างไม่น่าเชื่อ
“อรรคคะ เลขาฯ คุณให้เวลาอรมาแล้ว ตกลงอาทิตย์หน้าอรรคมาสอนนะคะ” เสียงอิงอร เพื่อนที่เรียนหนังสือด้วยกันมาดังมาตามสาย เรียกสติอรรคกลับมาจากการล่องลอยในโลกแห่งจินตนาการที่มีพชรหทัยนำแสดงอยู่ เพื่อที่จะคุยธุระกับอิงอรให้รู้เรื่อง ทว่าตาคมก็ยังไม่ละจากภาพตรงหน้าไปไหน
“ครับ...ว่าแต่อรจะให้ผมพูดเรื่องอะไรนะ” ชายหนุ่มรับคำเพื่อนหลังจากรับปากจากเจ้าตัวว่าจะเป็นอาจารย์พิเศษบรรยายให้นักศึกษาของอีกฝ่ายฟัง
“เอาแบบแชร์ประสบการณ์ก็ได้ เด็กส่วนใหญ่เป็นปีสุดท้ายที่จะจบแล้ว จะได้เกิดอินสไพเรชันในการออกไปทำงาน หรือแบบไหนก็ได้ที่อรรคอยากพูด แต่อรว่าจะเปิดให้คลาสอื่นที่สนใจมาฟังด้วย”
“อือ...” อรรครับคำในลำคอ แต่ตายังจับจ้องอยู่ที่พชรหทัยที่ไม่ได้สนใจว่ามีเขาอยู่อีกคนในห้อง “เดี๋ยวผมลองดูละกันครับว่าจะพูดแนวไหนดี แล้วไงเจอกันอาทิตย์หน้าครับ” พูดจบชายหนุ่มก็ตัดสายไป โดยไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายตั้งท่าจะพูดอะไรต่อ เมื่อวางสายจากคนที่โทร. มารบกวนการมองหน้าหญิงสาวที่ดึงดูดสายตาเขาไว้ได้ เจ้าตัวก็ลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนหน้าพชรหทัยทันทีตามคำสั่งของหัวใจ
“เป๊ปเปอร์ครับ กลับบ้านได้แล้ว เลิกงานแล้ว”
คนตาหวานละจากหน้าจอหันมามองหน้าเขาครู่หนึ่งสลับกับมองนาฬิกาอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะพยักหน้าเร็วๆ แต่ไม่วายบอกว่า
“เหลืออีกนิดเดียวเองค่ะ คุณอรรคกลับก่อนก็ได้” พูดจบก็ตั้งท่าจะหันความสนใจไปที่งานต่อ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอม
“พอแล้วครับ พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ”
“แต่เปอร์ไม่ชอบให้มีงานค้าง” คนสวยจับตาออกอาการเถียงตามประสาลูกคนเล็กที่มีแต่คนตามใจ
“พี่ก็ไม่ชอบ...” อีกฝ่ายตอบแบบอดพอใจในความตั้งใจของหญิงสาวไม่ได้ “แต่ค่อยๆ ปรับตัวไปครับ วันหลังเป๊ปเปอร์ต้องลองจัดเวลาการทำงาน จะได้บริหารเวลาได้ว่างานจะเสร็จเมื่อไหร่” คนเป็นประธานบริษัทสอนง่ายๆ “อีกหน่อยไปทำงานจะได้ตอบลูกค้าได้ว่างานพร้อมภายในวันไหน”
หม่อมหลวงพชรหทัยได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้ารับ ยอมปิดคอมพ์ตามที่เขาบอก แต่หน้าสวยยังฉายแววไม่ได้ดั่งใจอยู่ดี ปกติไม่เคยมีใครมาบอกให้หล่อนเลิกทำสิ่งที่ทำค้างอยู่ จะมีก็แต่อรรคเป็นคนแรกที่กล้าทำ ที่น่าแปลกคือสั่งแล้วพชรหทัยยอมทำตามเสียด้วย
“แปลว่าเปอร์ต้องทำงานช้าแน่ๆ แค่สรุปประชุมยังเสร็จหลังคุณอรรคที่ทำโพรเจกต์ใหญ่ๆ เลย”
“ค่อยๆ ปรับตัวไปครับ เป๊ปเปอร์เก่ง เดี๋ยวก็เข้าที่ พี่จะช่วยดูให้”
หม่อมหลวงพชรหทัยไม่ได้รู้ตัวเลยว่า การตื่นไปฝึกงานทุกวันที่บริษัทวิริยะทรัพย์นั้นสร้างความสุขให้ชีวิตตัวเองมากแค่ไหน เพราะหน้าตาที่สดชื่นทุกเช้ากับท่าทางกระตือรือร้น ไม่รวมเวลาที่เสียไปกับการพิถีพิถันแต่งตัวมากกว่าปกติ ทั้งๆ ที่ตามธรรมชาติก็เนี้ยบตั้งแต่หัวจดปลายเท้า จนคนเป็นแม่อดออกปากไม่ได้
“เดี๋ยวนี้สวยขึ้นทุกวัน แต่งตัวแบบนี้เป็นสาวเชียว” ปวรศามองลูกสาวที่ม้วนผมเป็นลอนอ่อนๆ ที่ปลายผม หน้าสวยจัดแต่งไว้แต่พอดีสมวัย ตาหวานมีเสน่ห์ฉายประกายระยิบระยับ แสดงถึงความสุขเต็มที่ จนคนเป็นแม่ต้องออกปากทัก ฝ่ายลูกสาวคนสวยก็หน้าแดงเรื่อขึ้นเพียงนิดเดียวแล้วก็กลับเป็นปกติ จนปวรศาอดค้อนไม่ได้ว่ารู้จักเก็บอาการตั้งแต่ตัวแค่นี้ สงสัยเลือดพ่อคงแรงน่าดู!
“แหม ไม่งั้นคนในบริษัทก็ทรีตเปอร์เป็นเด็กไปหมด เข้าประชุมกับคุณอรรคทีไรดูไม่น่าเชื่อถือเลยค่ะ เดินด้วยแล้วเหมือนคุณอรรคเอาหลาน หรือเอาเด็กที่ไหนตามไปทำงานด้วย” หม่อมหลวงคนสวยหน้าแดงนิดๆ ระหว่างเล่า ถึงชื่อผู้ชายคนนั้น ก่อนจะปรับสีบนหน้าให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติในพริบตาเดียว แต่กับคนที่อยู่กับคนเก็บอารมณ์เก่ง ทั้งพ่อทั้งลูกมาทั้งชีวิตก็ไม่มีอะไรรอดพ้นสายตาปวรศาไปได้เหมือนกัน ก็เพราะเจ้าแม่บ่อน้ำมันอย่างมาดามปวรศานี่ะที่เป็นคนทำให้คุณชายพชรฉัตรเก็บอาการไม่อยู่มาไม่รู้กี่สิบปีแล้ว
“แล้วชอบไหม” คนเป็นแม่ถามกำกวม “ดูมีความสุขมาก แม่ว่าเป๊ปเปอร์คงเจออะไรถูกใจ”
“คุณแม่หมายถึงงาน เปอร์ก็ต้องชอบสิคะ เรียนมาทางนี้” ลูกสาวคนสวยไม่สบตา แต่เพ่งสมาธิไปที่ชามข้าวต้มตรงหน้า แสร้งเป่าคลายความร้อนไปเรื่อยเพราะรู้ดีว่ามารดาจับอาการคนเก่งแค่ไหน
“แม่หมายถึงบรรยากาศทั่วๆ ไปด้วยสิ เรียนหนังสือมันจะเหมือนทำงานจริงได้อย่างไร ทั้งบริษัท ทั้งคนน่ะ ชอบไหม” มารดาทำท่าไม่สนใจ ตักอาหารคำเล็กๆ เข้าปาก ทำทีเหมือนชวนคุยไปเรื่อย แต่เก็บรายละเอียดทั้งคำพูด ทั้งกิริยาลูกสาวทุกเม็ด นึกสังหรณ์ในใจว่าสงสัยจะมีอะไรดีๆ ที่วิริยะทรัพย์เสียแล้ว
“ก็ไม่มีอะไรไม่ดีค่ะ พนักงานทุกคนก็เป็นกันเองดี” สาวน้อยแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ตอบไปตามประสา จนคนเป็นแม่อดส่ายหัวเพราะความท่ามากไม่ได้ แต่ก็ไม่คาดคั้นให้มากความ
“ก็ดี ถ้าเป๊ปเปอร์ถูกใจก็ดี”
ความคิดเห็น |
---|