20

ตอนที่ 20...คนที่อยู่เบื้องหลัง



เสียงที่คุ้นหูทำให้มือไม้เดหลีอ่อนปวกเปียกลงเกือบทันที

“คุณเข้ม!” เดหลีกรีดร้อง ทั้งตกใจ แปลกใจ และดีใจปะปนกันจนแทบแยกความรู้สึกไม่ออก จู่ๆ เสียงสะอื้นก็หลุดจากขอบปากบอบบางออกมา

เขมวันต์โยนแส้ในมือทิ้งแล้วพุ่งเข้ามากอดร่างบอบบางของหญิงสาวไว้แน่นอย่างปลอบประโลมและให้กำลังใจ “ใช่...ผมเอง...”

“คุณ...คุณเป็นคนวางแผนทั้งหมดนี่หรือ คุณให้พวกเขาจับตัวฉันมาใช่ไหม” เดหลีร้องถามทันทีที่นึกออก เธอทั้งดีใจและโกรธเขาในเวลาเดียวกัน “รู้ไหมว่าคุณทำให้ฉันกลัวจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว คนผีทะเล” หญิงสาวต่อว่า แต่กลับได้รับคำตอบที่ไม่คาดฝันแทน

“ผมขอโทษที่ดูแลคุณไม่ดี ทำให้คุณต้องมาเจอกับเรื่องบ้าๆ แบบนี้ แต่ผมไม่ได้เป็นคนวางแผนเรื่องพวกนี้ และไม่คิดจะให้ใครจับตัวคุณด้วย”

เดหลีอ้าปากค้างกับคำตอบนั้น เธอคิดว่าเขมวันต์ล้อเล่นในตอนแรก แต่พอสบสายตาเข้ากับดวงตาคมคู่นั้น ก็รู้ว่านายแพทย์หนุ่มพูดจริงทุกคำ เลยได้แต่มองไปรอบๆ แล้วพึมพำว่า

“ถ้าไม่ใช่คุณ แล้วใครกันที่วางแผนพวกนี้ แล้วเขาทำไปทำไม”

คนข้างๆ ถอนหายใจเบาๆ ออกมา ก่อนเชยคางเธอขึ้นเพื่อสบตากับเขาอีกครั้งตอนเอ่ยถามเสียงหนักแน่น แต่เจือกระแสขมขื่นในที “คุณลองนึกดูดีๆ สิ ว่าใคร...”

 

คำถามที่เขมวันต์ถามเดหลีนั้น ใกล้เคียงกับคำถามที่คันฉัตรถามพุฒิ ที่เขาสอบถามจากอัคราจนรู้ว่าฝ่ายนั้นทำงานให้แก่ครอบครัวอัศวฤทธาในฐานะเงา หรือเรียกได้ว่างานไหนที่คนในตระกูลไม่ต้องการออกหน้า พุฒิก็จะทำให้ เพื่อแลกกับเงินค่าจ้างสูงลิบ ซึ่งครั้งนี้ผู้ว่าจ้างของฝ่ายนั้นคือศกุนตลา

ทว่าคันฉัตรยังไม่พอใจคำตอบที่ได้รับ เขาอยากรู้ต่อไปอีก...

“ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ คุณวางยาผมทำไม แล้วตอนนี้คุณเดหลีกับหมอเข้มอยู่ที่ไหนกันแน่”

“ผม...ผมบอกไม่ได้จริงๆ ครับ ว่าทำไมผมต้องทำแบบนี้ คุณฉัตรกับคุณหนูจะฆ่าจะแกงผมก็ได้ แต่ผมบอกไม่ได้จริงๆ  จริงจริ๊ง ฮ่าๆๆ บอกไม่ได้...”

พุฒิที่ถูกคันฉัตรฟาดด้วยถาดใส่อาหารจนเห็นดาว แล้วนำตัวมามัดเป็นดักแด้ด้วยผ้านวมผืนหนา โดยเว้นเฉพาะส่วนหัวและปลายเท้าเอาไว้ ร้องปฏิเสธลั่นห้องนอน ทั้งยังหัวเราะไปด้วยเหมือนคนบ้า เมื่อวนิษาใช้แปรงสีฟันสำหรับใช้ครั้งเดียวทิ้งที่ค้นเจอในห้องน้ำ ถูไปมาบนฝ่าเท้าเขาอย่างเจตนาให้ชายหนุ่มจั๊กจี้จนขาดใจตาย

“บอกไม่ได้จริงๆ หรือ” วนิษาถามย้ำ

“จริงๆ คร้าบ” พุฒิรับคำเสียงแข็ง แม้หน้าตาจะซีดเซียวแบบคนหมดแรง เพราะหัวเราะหนักไปบ้างก็ตาม

“ถ้าคุณยืนยันอย่างนี้ หนูก็ช่วยไม่ได้”

เด็กสาวจุปาก ทำสุ้มเสียงเหมือนอ่อนใจจริงๆ แต่มือเล็กๆ ทั้งสองข้างกลับคว้าถ้วยน้ำเชื่อมที่เตรียมมาสำหรับใส่ในเฉาก๊วยขึ้นมาถือไว้แน่น แล้วร้องบอก “หนูไม่ได้ตั้งใจจะเล่นหัวคุณพุฒิจริงๆ นะ แต่ทั้งหมดนี่เป็นเพราะคุณพุฒิไม่ยอมให้ความร่วมมือกับหนูเอง”

พุฒิตาถลน เมื่อเห็นถ้วยน้ำเชื่อมใสแจ๋วถูกยกมาตรงหน้าเขา ซ้ำคนถือถ้วยยังทำท่าจะเทราดลงมาเสียอีก “คุณ...คุณจะทำอะไรน่ะ” เขาถามปากคอสั่น

“ก็หนูถามคุณ...คุณไม่ยอมตอบ หนูก็เลยจะให้พี่มดแดงที่อาศัยอยู่แถวนี้ช่วยถามแทน”

พูดจบคนพูดก็พยักหน้าไปที่ระเบียงด้านนอก ที่มีใบไม้แห้งๆ ห่อตัวกันจนเป็นก้อนกลม คล้ายลูกบอล แต่ถ้ามองให้ดีๆ จะเห็นว่ามีมดแดงเดินกันให้ขวักไขว่ จนน่ากลัวว่าพวกมันจะเล็ดลอดเข้ามาในห้องนี้ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

พุฒิเบิกตากว้างยิ่งกว่าเดิม พร้อมหันหน้าไปหาคันฉัตรที่นั่งอ่านหนังสือฆ่าเวลาอยู่เหมือนไม่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์นี้

“คุณฉัตร...บอกหลานคุณให้หยุดทำบ้าๆ เดี๋ยวนี้เลยนะ ผมแพ้มด แพ้ผึ้ง แพ้พิษแมลงทุกชนิด ถ้าผมโดนมันกัด ผมจะต้องตายแน่ๆ แล้วพวกคุณก็จะเป็นฆาตกร พวกคุณได้ยินไหม”

คันฉัตรยิ้มมุมปากกับคำถามนั้น แต่รอยยิ้มของเขาทั้งเย็นชาและเหี้ยมเกรียมจนพุฒิตัวสั่น และวนิษารู้สึกหนาวยะเยือก

“ได้ยิน...และรู้ด้วยว่าคุณเป็นภูมิแพ้พิษแมลง” เขาตอบช้าๆ อย่างมั่นใจ ทำให้คนฟังอ้าปากค้าง

“คุณรู้...ได้ยังไง”

รอยยิ้มของคันฉัตรยิ่งกว้างขึ้น ทำให้ในสายตาของวนิษา อีกฝ่ายดูหล่อเหลาราวพญามารที่ผุดขึ้นจากนรกเลยทีเดียว

“คุณต้องขอบคุณทางเอวาลอนกรุ๊ปที่เก็บประวัติลูกน้องทุกคนไว้อย่างละเอียด ต่อให้คนคนนั้นจะทำหน้าที่เป็นเสมือนเงาของพวกเขาก็ตาม ผมเลยสืบเรื่องพวกนี้ได้ไม่ยาก”

“ในเมื่อคุณรู้ว่าผมเป็นใคร คุณก็ปล่อยผมไปสิ เพราะถ้าผมเป็นอะไรไป คุณศกุนตลาต้องเล่นงานคุณแน่” พุฒิขู่ แต่คนถูกขู่กลับยิ้มแย้มอย่างไม่เกรงกลัว

“คุณศกุนตลาอยู่ตั้งกรุงเทพฯ กว่าจะมาเล่นงานผมได้ คุณก็คงแพ้พิษมดพวกนั้นจนตัวบวม เผลอๆ ก็อาจหายใจไม่ออก และตายไปแล้ว”

“คุณทำแบบนี้ก็เท่ากับคุณฆ่าผม คุณกับหลานจะต้องโดนจับ”

“จะโดนได้ยังไง ก็ในเมื่อคุณซุ่มซ่ามเอง ยกถ้วยขนมมาให้พวกเรากิน แต่กลับสะดุดล้ม ทำน้ำเชื่อมราดตัวเอง และหัวฟาดพื้นสลบไป พวกผมไม่รู้ว่าคุณแพ้พิษมด เลยพยุงมานอนบนเตียง รอให้คุณฟื้นเอง แล้วพวกเราก็ออกไปตามหาคุณเดย์ ใครจะรู้ว่าพอกลับมาอีกที คุณก็กลายเป็นเหยื่อมดพวกนั้นไปเสียแล้ว”

คันฉัตรเอ่ยปากคล่องแคล่วด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เหมือนกำลังบรรยายฉากหนึ่งในหนังหรือละคร ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายของคนตรงหน้า และทำให้พุฒิหน้าซีดเหมือนกระดาษ

“คุณ...คุณทำแบบนี้ทำไม ผมไปทำอะไรให้”

“ยังจะถามอีก” ชายหนุ่มตบโต๊ะเปรี้ยง ทำให้ทั้งพุฒิและวนิษาสะดุ้งเฮือก “คุณตั้งใจวางยาผมกับหนูนิด คุณทำไปทำไมฮึ แล้วยังเรื่องคุณเดย์อีก ตกลงมันเป็นยังไงกันแน่ คุณศกุนตลาใช้ให้คุณทำอะไร หรือคุณตั้งใจทำนอกคำสั่งเอง”

“ไม่นะ ผมไม่ได้ทำนอกคำสั่ง” คนพูดปฏิเสธปากคอสั่น

“อ้อ...จะบอกว่าคุณศกุนตลาสั่งสินะ”

“ไม่นะ ผมไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น คุณอย่าบีบคั้นผมนักเลย” พุฒิหลับตาปี๋อย่างกลัวเกรง

คันฉัตรหันมามองวนิษาพร้อมพยักหน้าให้แล้วสั่งว่า

“เทน้ำเชื่อมลงไป...เทที่หูเขาก่อนนะ จากนั้นก็ตา แล้วก็ปาก...มดพวกนั้นมันจะได้เลือกว่าควรเจาะเข้าไปกินสมองเขาจากทางไหนดี”

แม้วนิษาจะรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจขู่พุฒิให้กลัวจนเปิดเผยความจริงออกมาทั้งหมด ก็ยังอดตัวสั่นกับความเลือดเย็นของชายหนุ่มไม่ได้

ขณะเดียวกัน ก็อดคิดไม่ได้ว่าที่ผ่านมาคันฉัตรได้ออมมือให้เธอไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรแล้ว เพราะไม่อย่างนั้น คนที่ร้ายกาจถึงขั้นเลือดเย็นอย่างเขา คงไม่แค่ปะทะคารมกับเธอเพียงอย่างเดียวหรอก

มือเด็กหญิงเลยสั่นน้อยๆ ตอนตั้งท่าเทน้ำเชื่อมลงไปที่ช่องหูของพุฒิ ทำให้คันฉัตรที่มองอยู่ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด และเอื้อมมือมาดึงถ้วยแก้วไปจากมือเธอ

“มา ฉันเทเอง...”

เขายังพูดไม่ทันขาดคำ พุฒิที่ทำท่าเป็นเต่าหดหัว หลับตาปี๋ก็ร้องโวยวายขึ้นอย่างยอมจำนน และทำให้คนที่ได้ยินแผนการนี้ถึงกับพูดไม่ออกไปนาน เพราะคาดไม่ถึงว่าพวกตนจะกลายเป็นหมากเบี้ยบนกระดานของใครคนหนึ่ง

แค้นนี้จะต้องได้รับการชำระอย่างแน่นอน

 

เช้าวันรุ่งขึ้น กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ไว้ว่าท้องฟ้าจะโปร่ง ปราศจากเมฆฝน เพราะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว อากาศวันนี้จึงเย็นกว่าทุกวัน

โดยเฉพาะอากาศในจังหวัดริมขอบตะเข็บประเทศที่โอบล้อมไปด้วยทิวเขาสูงและต้นไม้ยืนต้นตระหง่าน สีเขียวสดของใบไม้ที่แย่งกันสะบัดใบรับแสงแดด ทำให้มองแล้วเพลินตา และไม่นึกอยากขยับตัวไปไหน

คันฉัตรที่ต้องเปลี่ยนที่นอนกะทันหันเลยบอกตัวเองให้นอนพักต่อไปอีกหน่อย ไหนๆ เมื่อคืนเขาก็เหนื่อยกับการสอบสวนและคาดคั้นพุฒิไปตั้งมากมาย

และคิดว่าแม้วันนี้ต่อให้อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส แต่จะต้องมีพายุลูกโตพัดเข้ามาในรีสอร์ตแห่งนี้เป็นแน่ ถ้าอยากจะฝ่าพายุไปให้ได้ เขาก็ควรจะนอนเอาแรงไว้ก่อน แต่ยังไม่ทันได้ปิดเปลือกตาลง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นเป็นจังหวะถี่ๆ

คันฉัตรหันขวับไปมองข้างๆ รวดเร็ว พอเห็นว่าคนที่นอนด้วยมีผ้าห่มคลุมมิดชิดเหมือนลูกขนุนน้อยๆ ก็โล่งใจ และตัดสินใจถอดเสื้อนอนที่สวมอยู่ออก จากนั้นก็ปิดเปลือกตาลงอย่างรอคอย

ท่ามกลางเสียงครางเบาๆ ของเครื่องปรับอากาศที่ผสมกับเสียงหายใจของคนสองคน มีเสียงประตูที่ถูกผลักออกโดยแรงดังแทรกขึ้น ตามด้วยเสียงร้องละล่ำละลัก

“ตายแล้ว...ตาฉัตร นี่มันอะไรกัน”

คนถูกเรียกชื่อแกล้งกะพริบตาอย่างงัวเงียเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน เขาหยัดตัวขึ้น และแสร้งพึมพำเรียกคนตรงหน้าออกไปเหมือนแปลกใจเต็มประดา

“คุณอา...” พูดจบคันฉัตรก็พบว่า ข้างๆ ศกุนตลายังมีโรมและอัครายืนมองมาด้วยสีหน้าครุ่นคิดระคนประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ชายหนุ่มลอบยิ้มอยู่ในใจ เมื่อพบว่า ศกุนตลาตั้งใจเล่นงานเขาครั้งใหญ่เลยทีเดียว แต่ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็ยังคงรักษาสีหน้าแปลกใจไว้ได้อย่างแนบเนียน

“มีอะไรกันหรือครับ”

“ยังจะถามอีก อาใช้ให้เรามารับยายเดย์ แล้วทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ฮึ” ศกุนตลาเค้นเสียงออกมาเหมือนคนโกรธจัดตอนโผเข้ามาที่เตียงนอน แล้วเขย่าร่างคนที่นอนใต้ผ้าห่มด้วยความร้อนรนใจ “ยายเดย์...ยายเดย์ ตื่นนะ ตื่นเดี๋ยวนี้”

“อืม...”

เสียงพึมพำแผ่วเบาดังมาจากใต้ผ้าห่ม บ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างชัดเจนที่ถูกฉุดกระชากออกจากนิทรารมณ์อันแสนสุข แต่ศกุนตลาไม่สนใจ เธอยังคงร้องเรียกชื่อบุตรสาวคนโตอย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมกับตั้งท่าจะดึงผ้าห่มผืนนั้นให้หลุดออกให้ได้

ทว่า...เจ้าของผ้าห่มกลับไม่ยินยอม ซ้ำยังโผล่หัวออกมาอาละวาดเสียงดังอีกด้วย

“หนูจะนอน อย่ามายุ่งได้ไหม”

พอฝ่ายนั้นพูดจบ ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ก่อนที่ศกุนตลาจะกรีดร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตกใจผสมโกรธจัดอย่างแท้จริง

“หนูนิด...นี่หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน”

“นั่นสิ ทำไมหนูถึงมานอนเตียงเดียวกับนายฉัตรได้”

โรมเอ่ยถามต่อเสียงเครียด ขณะที่อัคราเหลือบตามองเขา พร้อมทำท่าเหมือนตำหนิ แต่เสียงที่เอ่ยออกมานั้นกลับเจือกระแสขบขันบางๆ

“ตกลงแกเป็นโลลิคอนจริงๆ อย่างที่หมอเข้มพูดหรือ”

“ผมไม่ได้เป็นโลลิคอน” เขาเค้นเสียงตอบจ้องหน้าเพื่อนรุ่นพี่ดุเดือด

“แกไม่ได้เป็นโลลิคอน แล้วทำไมถึงได้ลากหลานฉันขึ้นเตียง ยายหนูนิดยังเป็นเด็กหญิงอยู่เลยนะโว้ย แบบนี้มันทั้งโรคจิต ทั้งพรากผู้เยาว์ชัดๆ”

อัคราพูดด้วยท่าทางขึงขัง แต่ดวงตากลับทอประกายวาวด้วยความขบขัน จนคันฉัตรนึกอยากตะบันหน้าฝ่ายนั้นสักเปรี้ยงสองเปรี้ยง พร้อมนึกเสียใจว่าไม่ควรจะขอให้เพื่อนรุ่นพี่เดินทางมากับศกุนตลาและโรมในเช้านี้เลย

คิดได้ถึงตรงนี้ ก็ได้ยินเสียงสตรีอาวุโสคนเดียวในห้องเอ่ยแทรกขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด

“หยุดพูดเล่นกันได้แล้ว แล้วบอกอามาว่ายายเดย์อยู่ไหน”

“ผมไม่ทราบ”

คำตอบนั้นทำให้คนถามแทบร้องกรี๊ด

“เธอจะไม่ทราบได้ยังไง ก็อาใช้ให้เธอมารับยายเดย์กลับไปกรุงเทพฯ พุฒิเองก็ยืนยันว่าพายายเดย์มาหาเธอแล้ว แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้”

“เพราะคุณพุฒิไม่ได้พาคุณเดย์มาหาผมไงครับคุณอา มิหนำซ้ำคุณพุฒิยังวางยานอนหลับผมกับหนูนิดเสียอีก คุณอาบอกผมได้ไหมครับ ว่าทำไมคนของคุณอาถึงทำแบบนี้กับผม” เขาย้อนเสียงเย็น และจ้องหน้าผู้อาวุโสกว่านิ่ง

โชคร้ายที่อีกฝ่ายลงรองพื้นมาอย่างประณีต เลยไม่มีโอกาสเห็นว่าใบหน้าของศกุนตลาซีดเซียวเพียงไร แต่อาการกัดริมฝีปาก และดวงตาที่กลอกไปมาอย่างอับจน ค้นหาทางออก ทำให้คันฉัตรมั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลังตกใจอย่างหนัก ที่พบว่าแผนการซึ่งวางไว้กลับพลิกล่มเหนือความคาดหมายเช่นนี้

“ยานอนหลับอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง เธอต้องไปถามพุฒิแล้วละ” ในที่สุดศกุนตลาก็เปิดปากพูดออกมาได้

“ผมถามแล้ว” เขาย้อนเสียงแข็ง และจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างรู้ทัน “คุณอาอยากรู้ไหมว่าคุณพุฒิตอบว่ายังไง”

“จะตอบว่าอะไร ถ้าไม่ใช่อาบงการ” คนพูดสะบัดเสียง ซ้ำยังเอ่ยต่ออย่างตัดพ้อ “แต่อาบอกฉัตรได้เลยนะ ว่าอาไม่รู้เรื่องยานอนหลับนี่จริงๆ พุฒิทำลงไปโดยพลการ เพราะอาจะให้พุฒิวางยาเธอกับหนูนิดทำไมกัน”

“คุณพุฒิอาจไม่ได้ตั้งใจวางยาหนูนิด แต่ไม่รู้จะกำจัดหนูนิดยังไง ส่วนผม คุณพุฒิคงมีแผนอยู่แล้ว” คันฉัตรตอบเสียงเข้ม

“งั้นก็ต้องไปตามพุฒิมาให้ได้ก่อน แล้วเราค่อยคุยกันเรื่องนี้” ศกุนตลาตัดบท

ขณะที่โรมซึ่งนิ่งฟังอยู่ ขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น อดีตนายห้างใหญ่ของเอวาลอนกรุ๊ป หันไปมองภรรยาด้วยสายตาเคร่งขรึมตอนตั้งคำถามว่า “แล้วพุฒิมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง”

คนถูกถามเชิดหน้าขึ้นสบตากับสามีอย่างองอาจ “เพราะฉันให้พุฒิมาคอยดูแลยายเดย์ ก็ที่นี่มันบ้านป่าเมืองเถื่อนออกจะแย่ เกิดเดย์เป็นอะไรไปใครจะรับผิดชอบ”

“ก็พ่อหนูไงคะ พ่อหนูตั้งใจรับผิดชอบพี่เดย์อยู่แล้ว”

วนิษาที่นั่งเงียบมานานเอ่ยขึ้น ทำให้ศกุนตลาเหลือบมองด้วยสายตาขุ่นเขียว เด็กหญิงคงรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่มาหา เลยกระถดตัวขยับมาทางที่เขานั่งพิงพนักเตียงอย่างหาที่พึ่ง

ถึงจะเป็นคู่ปากคู่ปรับกันมาก่อน แต่พอเห็นแบบนี้คันฉัตรก็อดสงสารอีกฝ่ายไม่ได้ มือของเขาที่ใต้ผ้าห่มเลยกุมมือเล็กของเด็กหญิงไว้อย่างให้กำลังใจ 

“หมอบ้านนอกอย่างพ่อเธอน่ะหรือ จะรับผิดชอบอะไรลูกสาวฉันได้”

มือเล็กๆ ของคนถูกถามเย็นเฉียบ และสั่นระริกจนเขาต้องบีบแรงขึ้นกว่าเดิม เห็นใบหน้าของเด็กหญิงเป็นสีแดงด้วยความโกรธ ขณะสบตากับศกุนตลาแล้วตอบว่า

“คุณยายยังไม่ลองให้โอกาสพ่อเลย จะรู้ได้ยังไงคะว่าพ่อรับผิดชอบพี่เดย์ไม่ได้”

“ของแบบนี้ไม่ต้องลองฉันก็รู้แล้วละ” ศกุนตลาตัดบท ก่อนหันมามองเขาอย่างคาดคั้น “บอกอามาว่ายายเดย์อยู่ที่ไหน”

“ผมไม่ทราบจริงๆ ครับ คุณอาต้องไปถามคุณพุฒิแล้ว” เขาตอบเสียงเย็น

ศกุนตลาเม้มปากแน่นกับคำตอบกำปั้นทุบดินที่ได้ยิน “อาถามแน่” เธอบอกเสียงเข้ม

ขณะที่โรมซึ่งก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์มือถืออยู่เมื่อครู่เงยหน้าขึ้น และมองมาที่เขาอย่างครุ่นคิด

“อาเรียกพุฒิมาแล้ว อีกประเดี๋ยวคงได้รู้กัน ว่าอะไรเป็นอะไร” แล้วคนพูดก็หันไปสั่งภรรยากับลูกชายคนเล็ก ก่อนเดินนำหน้าออกไป “เราออกไปรอที่ข้างนอกดีกว่า ฉัตรกับหนูนิดจะได้แต่งเนื้อแต่งตัวให้เรียบร้อย”

เมื่อหัวหน้าครอบครัวสั่งเช่นนั้น ศกุนตลาจำต้องเดินตามออกไปอย่างเสียไม่ได้ ทั้งๆ ที่เธอคงอยากเข้ามาบีบคอเขาเสียมากกว่า

ขณะที่อัครากลับทำหน้ายู่ แล้วมองมาที่เขากับวนิษาด้วยสายตาแปลกๆ

“รู้ไหม ฉันว่าเธอเป็นเด็กประหลาดแล้วนะ แต่บอกตรงๆ นึกไม่ถึงเลย ว่าเธอจะหลงรักคนแก่อย่างไอ้ฉัตร ส่วนแก...ฉันก็ไม่คิดเหมือนกัน ว่าแกจะเป็นโลลิคอนไปได้”

“ผมไม่ได้เป็น โล-ลิ-คอน”

เขาเค้นเสียง ก่อนผุดขึ้นจากเตียงด้วยความหงุดหงิด นึกอยากชกหน้าอัคราขึ้นมากะทันหัน แต่ฝ่ายนั้นคงเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เพราะสามารถถอยฉากออกไปได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะทิ้งคำพูดเอาไว้ว่า

“แต่จริงๆ ฉันว่าแกเป็นก็ดีนะ เพราะแกจะได้กลายเป็นหลานเขยฉัน แล้วก็เรียกฉันว่าน้าอัคไง...”

น้าบ้าบอน่ะสิ

คันฉัตรบิดริมฝีปากอย่างหงุดหงิด และขวางหูขวางตาไปหมด จนหันมาสบตาเข้ากับดวงตาคู่กลมโตใสแจ๋วที่มองมาอย่างขบขัน เขายิ่งหงุดหงิดหนัก

“ยังจะมายิ้มอีก ถ้าไม่ใช่เพราะช่วยไม่ให้เธอเป็นกำพร้า ฉันก็คงไม่โดนคนหาว่าเป็นโลลิคอนแบบนี้หรอก รู้ไหมยายเด็กนรก”

คราวนี้คนที่ถูกเรียกว่าเด็กนรกไม่เพียงไม่โกรธ แต่ยังยิ้มกว้างส่งให้อย่างหน้าเป็นเสียอีก

“ก็คุณไม่ได้เป็นนี่จะเดือดร้อนไปทำไม เหมือนหนูไง หนูก็ไม่ได้เป็นเด็กนรกอย่างที่คุณชอบว่า หนูก็เลยไม่เดือดร้อนเหมือนกัน”

“ตรรกะอะไรของเธอเนี่ย” เขาบ่น ก่อนผุดลุกขึ้น คว้าเสื้อนอนที่เมื่อครู่ถอดโยนทิ้งไว้เพื่อความสมจริง เพราะคิดจะหลอกศกุนตลาในตอนแรก แล้วสั่งอีกฝ่ายก่อนเดินเข้าห้องน้ำ “เธอจะออกไปก่อนก็ได้นะ ไม่ต้องรอฉัน”

ที่พูดแบบนี้ เพราะวนิษาตื่นเต้นไม่น้อยกับแผนการครั้งนี้ เด็กหญิงรีบตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวปลุกคนทั้งรีสอร์ต ให้คอยรอศกุนตลาเป็นเพื่อนตั้งแต่ฟ้ายังไม่เปิดดี จากนั้นก็ไปเรียกให้เขาย้ายจากโซฟาเบดที่ใช้แทนเตียงนอนมาทั้งคืน มานอนในห้องนอนแห่งนี้ตอนรู้ว่า ครอบครัวของเดหลีกำลังเดินทางมาที่นี่ด้วยเฮลิคอปเตอร์อีกลำหนึ่ง

 “ไม่ละ หนูออกไปพร้อมคุณดีกว่า สายตาคุณยายยังกะเลเซอร์ มองมาที ตัวพรุนหมดเลย” เด็กหญิงโอด ขณะที่คันฉัตรอมยิ้ม

เขาตัดสินใจไม่ต่อล้อต่อเถียงกับวนิษาต่อ เพราะตั้งใจจะอาบน้ำอย่างช้าๆ  เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมตัวก่อนร่วมเล่นละครฉากใหญ่

 

ละครฉากนี้ ถ้าเป็นงิ้ว ก็ต้องเรียกได้ว่าเล่นกันจนโรงแตก! เพราะศกุนตลาทั้งโกรธและตกใจ เมื่อรู้จากคนสนิทว่า

“ผมตามหาคุณเดย์ไม่เจอ...พวกที่ใช้ให้เฝ้าคุณเดย์เอาไว้ ก็บอกไม่รู้ว่าคุณเดย์หายไปได้ยังไง”

“แล้วส่งคนออกไปตามหาหรือยัง” โรมถามเสียงขรึมอย่างคนที่ควบคุมสถานการณ์ได้ดีกว่า

พุฒิเองก็คงเครียดไม่น้อย เมื่อถูกผู้กุมบังเหียนของเอวาลอนกรุ๊ปถามไถ่ด้วยตัวเอง เพราะฟันฝ่ายนั้นกระทบกันดังกึกๆ เลยทีเดียว

“ส่งแล้วครับ”

“ส่งไปกี่คน แล้วมีใครรู้เรื่องนี้บ้าง” โรมยังคงตั้งคำถามต่ออย่างรอบคอบ พร้อมกับเอ่ยปากแนะนำในหลายจุดที่พุฒิละเลย สีหน้าของฝ่ายนั้นบ่งชัดว่าเป็นห่วงลูกสาวคนเดียวมาก และตั้งใจจะตามเรื่องนี้ไม่ปล่อย ทั้งไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครหน้าไหนทั้งสิ้น เพราะขนาดศกุนตลายังถูกคนเป็นสามีตำหนิไม่ไว้หน้า

“คุณเองก็เหมือนกัน ทำไมถึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ แบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ ถ้าให้นายฉัตรมารับยายเดย์ ก็ไม่ควรให้พุฒิหาคนไปพายายเดย์ออกมา”

“ก็ฉันนึกไม่ถึงนี่ว่าเรื่องมันจะกลับตาลปัตรแบบนี้” ศกุนตลาตอบเสียงเครียด

เพราะเธอต้องการตัวคันฉัตรมาเป็นเขยขวัญ เลยวางแผนหลอกล่อให้ชายหนุ่มเดินทางมาที่นี่ และให้พุฒิจัดการแยกเขมวันต์กับบุตรสาวออกจากกัน

ซึ่งเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของพุฒิก็ไม่รู้ ที่เขาได้มีโอกาสไปเจอกับพี่เลี้ยงเพียงขวัญ ตอนไปด้อมๆ มองๆ เพื่อสืบข่าวของนายแพทย์หนุ่มที่ห้วยผาเซาะ พุฒิเลยรู้ว่าลาโพมีจุดมุ่งหมายเดียวกับเขา ทั้งคู่จึงหันมาร่วมมือกัน โดยศกุนตลาที่รู้เรื่องนี้ได้ตกปากรับคำว่าจะให้รางวัลชิ้นใหญ่ เป็นการชอปปิงที่ห้างหรือร้านสะดวกซื้อในเครือเอวาลอนกรุ๊ปฟรีตลอดชีวิต

ซึ่งแผนที่ว่านี้คงสำเร็จลงด้วยดี ถ้าเพียงแต่เขมวันต์ไม่นึกสะดุดใจ และจำหน้าพี่เลี้ยงของเพียงขวัญได้เสียก่อน ขณะที่ถ้าคันฉัตรจะไม่เรื่องมาก และวนิษาจะไม่ตะกละดื่มน้ำองุ่นจนหมดเหยือก แล้วอาเจียนออกมาเพราะพะอืดพะอม จนชายหนุ่มสังเกตเห็นตะกอนยานอนหลับที่ก้นแก้ว เลยจับพิรุธพุฒิได้ จนรู้มาว่า เดหลีเองก็ถูกขังอยู่ที่อีกฟากของรีสอร์ตเช่นกัน

ในอาหารของหญิงสาวก็มียานอนหลับ เพราะศกุนตลาต้องการให้พุฒิจัดฉากให้บุตรสาวนอนหลับอยู่กับคันฉัตรตอนที่เดินทางมาถึงพร้อมโรม

แผนการตื้นๆ ที่ใช้กันได้ผลมาหลายยุคหลายสมัย เพียงแต่คันฉัตรไม่คิดว่าคนที่วางแผนนี้จะเป็นแม่ของฝ่ายหญิงเสียเอง และคิดว่าต่อให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง เดหลีก็คงไม่มีวันยอมแต่งงานกับเขา เขมวันต์ก็คงไม่ปล่อยมือจากคนที่รักง่ายดายถึงเพียงนั้น

แต่ดูเหมือนทิฐิกับความถือดีจะบังตาศกุนตลาจนมองไม่เห็นความจริงข้อนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของเดหลีกับเขมวันต์ก็สุกงอมเต็มทีแล้ว

ถ้าศกุนตลาไม่เสี่ยงทำอะไรสักอย่าง ก็ไม่ใช่เธอแล้ว

ทว่าพอทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน ซ้ำเดหลียังมาหายตัวไป ทำให้คนวางแผนพูดไม่ออก ครั้นจะสารภาพกับโรมถึงเรื่องทั้งหมดก็ไม่กล้าพอ ศกุนตลาเลยได้แต่ยอมก้มหน้ารับผิดอย่างเงียบงัน

ส่วนหนึ่งเพราะกลัวเดหลีจะถูกทำร้าย และอีกส่วนก็คงกลัวบุตรสาวจะถูกจับไปเรียกค่าไถ่ด้วย

คันฉัตรเลยตัดสินใจไม่เอ่ยถึงเรื่องที่เขาถูกลูกน้องของศกุนตลาวางยา เพราะพอคิดอีกมุมหนึ่ง ครอบครัวศกุนตลาก็มีพระคุณกับครอบครัวเขา

เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เธอก็คงรู้แล้วว่าเขาเองก็รู้ถึงตื้นลึกหนาบางเช่นกัน ดังนั้นการที่คันฉัตรเลือกที่จะไม่สืบค้นความจริงต่อ ก็เหมือนการยอมถอยหลัง เว้นที่ให้ฝ่ายนั้นได้มีโอกาสหายใจบ้าง ก็ถือว่าเป็นการทดแทนบุญคุณครั้งสุดท้ายแล้ว

ต่อแต่นี้ไป เขาจะได้ไม่ต้องถูกผูกติดกับคำนี้ ทีนี้ก็เหลือแค่ศกุนตลา จะตามหาตัวเดหลีเจอเร็วแค่ไหน...

และเขมวันต์จะทำอย่างไรให้ชนะใจแม่ยาย
 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น