5

คนที่ไม่ควรเจอ

คนที่ไม่ควรเจอ

 

‘ลานไพลิน แม่แสนแซ่บได้เพิ่มรูปภาพใหม่’

ศิคาลคลี่ยิ้มเมื่อเห็นการแจ้งเตือนจากเฟซบุ๊กของลานไพลิน ต่อด้วยการแจ้งเตือนจากอินสตาแกรมซึ่งเขาเพิ่งกดติดตามไปหลังค้นพบช่องทางโซเชียลมีเดียอีกแพลตฟอร์มของเธอ

ชายหนุ่มเลือกเข้าไปดูในเฟซบุ๊กก่อน...

 

   ‘ตรงเวลายิ่งกว่านาฬิกาปลุก!’

<รูปใบหน้าชัดๆ ของแสนแซ่บจ้องเขม็งเข้ามาในกล้อง ด้านหลังของมันคือเพดานห้องที่มีแสงสลัว>

 

   ศิคาลหัวเราะ ลานไพลินจะต้องถ่ายรูปนี้บนเตียงอย่างแน่นอน แสนแซ่บยืนค้ำอยู่บนตัวเธอหรือไม่ก็นอนทับราวกับเจ้ากรรมนายเวรที่มาข่มขู่ในยามเช้า

   สถาปนิกหนุ่มกด ‘หัวใจ’ ให้แก่รูปภาพ และเข้าไปเขียนคอมเมนต์ด้วยการลงรูปใบหน้าเหวี่ยงๆ ของยิมโนที่ยืนค้ำเตียงปลุกเขาในตอนเช้าแต่ศิคาลแกล้งไม่ยอมลุก

‘นาฬิการุ่นเดียวกันเลยครับ’

พิมพ์เสร็จ เขาก็ย้ายแพลตฟอร์มเข้าไปกดหัวใจให้รูปนี้ในอินสตาแกรมอีกทาง ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดเน่าๆ ตัวหนึ่งกับกางเกงขาสั้นสำหรับออกกำลังกาย พลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีไปด้วย  

ตั้งแต่เมื่อคืนศิคาลไล่ดูรูปเก่าๆ ในโซเชียลมีเดียของลานไพลินด้วยความเพลิดเพลิน แม้จะบอกตนเองว่าชอบดูแสนแซ่บและต้นไม้สวยๆ ที่เธอโพสต์ แต่หญิงสาวเองก็น่ารักดี แคปชันที่เธอเขียนตลอดจนการพูดคุยโต้ตอบกับคนอื่นๆ ทำให้เขารู้จักตัวตนของเธอและวีรกรรมแสบๆ ของเจ้าแสนแซ่บมากขึ้น

สถาปนิกหนุ่มปิดประตูห้องแต่งตัว แล้วเดินลงบันไดไปชั้นล่างพร้อมกับยิมโนซึ่งร่ำร้องอย่างกระตือรือร้นที่จะได้ไปเที่ยว ไฟเซนเซอร์ตามทางเดินสว่างขึ้นเมื่อเขาเดินผ่านทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ในบ้านชัดเจนเนื่องจากท้องฟ้าด้านนอกยังมืดสลัวเพราะยังเป็นเวลาเช้ามืด

หน้าจอโทรศัพท์มีการแจ้งเตือนขึ้นมาอีกครั้ง ศิคาลยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าลานไพลินกด ‘หัวเราะ’ ให้รูปของยิมโนในคอมเมนต์ตน ชายหนุ่มจึงเปิดเฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์แล้วพิมพ์ข้อความ

‘สวัสดีครับน้องลิน ขอบคุณที่รับแอดนะครับ’

ระหว่างรอเธอตอบ เขาเตรียมน้ำดื่มให้ยิมโนและอุปกรณ์อื่นๆ สำหรับพามันไปออกกำลังกาย อึดใจหนึ่งหญิงสาวก็กดไลก์ให้แก่คำทักทายของเขา 

‘ขอบคุณพี่ครามที่แอดมาเช่นกันค่ะ’

ศิคาลส่งรูปภาพของยิมโนหลับตาพริ้มและฉีกยิ้มยิงฟันให้ ลานไพลินกด ‘หัวใจ’ ให้ภาพดังกล่าว

‘น้องน่ารักจัง ชื่ออะไรคะ’

‘ยิมโนครับ’

‘ชื่อหล่อสมตัวเลย’

มีสาวมาชมลูกชาย คนเป็นพ่อย่อมภาคภูมิใจเหมือนเธอชมเขาซึ่งเป็นคนตั้งชื่อให้มันด้วย ศิคาลแอบเข้าข้างตนเอง เขายิ้มจนเมื่อยแก้มและกด ‘หัวใจ’ ให้คำชมของหญิงสาว 

‘ลินต้องไปแล้วค่ะ แสนแซ่บชวนไปขี่จักรยาน’

ลานไพลินส่งรูปแสนแซ่บคาบสายจูงมาให้ดู

‘โอเคครับ พี่ต้องพายิมโนไปวิ่งเหมือนกัน’

เขาถ่ายรูปยิมโนที่รออยู่หน้าประตูส่งไปให้เธอ ลานไพลินกด ‘หัวใจ’ ให้มัน แต่หัวใจของศิคาลกลับแกว่งไกวในจังหวะแปลกๆ ราวกับได้รับหัวใจจากเธอเสียเอง

ชายหนุ่มเปิดประตูออกจากบ้าน แสงเรื่อเรืองของดวงอาทิตย์เริ่มปรากฏอยู่บนท้องฟ้า ยิมโนเห่าอย่างเริงร่า ศิคาลกระชับสายจูง เหยียดยืดร่างกายเพื่อวอร์มอัป ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับมัน 

เขานึกถึงใครอีกคนที่คงขี่จักรยานพาแสนแซ่บวิ่งอยู่เหมือนกัน...นี่เป็นการเริ่มต้นเช้าวันจันทร์ที่ดีจริงๆ 

 

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ลานไพลินนัดเจอบัวชมพูที่ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าซึ่งตั้งอยู่ในละแวกเดียวกันกับโรงเรียนเอกชนที่เพื่อนรักทำงานอยู่ แทนที่หญิงสาวจะได้ช่วยแก้ปัญหาหัวใจของเพื่อน เธอกลับถูกบัวชมพูจี้ถามแทน

“เธอกับพี่ครามนี่มันอะไรยังไง ไหนเล่าซิ”

“อะไรยังไงหมายความว่ายังไง”

“ฉันเห็นนะ เธอกับพี่ครามคุยกันทุกวันเลยในเฟซฯ ในไอจี และในกลุ่มเรารักไซบีลิงด้วย เขาตามกดเลิฟคอมเมนต์เธอทุกโพสต์เลยด้วย เธอไปสนิทกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะเพื่อนรัก” บัวชมพูยิ้มล้อเลียน

“สนิทอะไรกันล่ะ เขาแค่มาดูรูปแสนแซ่บ แล้วก็ส่งรูปยิมโนกลับมาให้ตามประสาคนรักหมา เธอเองยังแปะรูปเทียนหอมมาใต้รูปแสนแซ่บบ่อยๆ เลย พวกเราก็เป็นคนอวดหมาเหมือนกันนั่นแหละ”

ลานไพลินแสร้งคนน้ำแข็งในแก้วน้ำมะนาวโซดาเล่นโดยไม่สบตาบัวชมพู ถ้าเพื่อนรู้ว่าศิคาลชอบมาชวนคุยในเฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์ด้วยเจ้าหล่อนจะว่าอย่างไร

“เขามาขอแอดเฟรนด์เธอตั้งแต่วันที่ไปบ้านเธอน่ะเหรอ” บัวชมพูรู้เพราะลานไพลินเล่าให้ฟัง เผื่อว่าเพื่อนรักจะเห็นใจดินแดนที่ร้อนรนจนต้องพาศิคาลไปหาเธอถึงบ้าน

“ฮื่อ วันนั้นแสนแซ่บติดเขาแจเลยละ อ้อนขอกลับบ้านด้วย พี่ครามเลยหลงลูกสาวฉันแล้วก็มาอวดลูกชายของตัวเองนี่ฉันเพิ่งรู้นะว่าเขาอยู่ในกลุ่มเรารักไซบีลิงเหมือนกัน แถมเรายังเคยคุยกันในกรุ๊ปนั้นด้วย”

“พรหมลิขิตของคนรักหมาชัดๆ” บัวชมพูยิ้มเผล่

“เพ้อเจ้อ ฉันว่าเขาอยากจีบลูกสาวฉันให้ลูกชายเขาต่างหาก” ลานไพลินจิบน้ำมะนาวโซดาแก้เก้อ

“แน่ใจว่านะว่าจีบแต่ลูก ไม่ได้จีบแม่” เพื่อนรักยิ้มกรุ้มกริ่ม

“แน่ใจสิ เธอไม่ต้องมาเชียร์เลย” ลานไพลินแสร้งขึงตาใส่

“แล้วถ้าเขาจีบเธอจริงๆ ล่ะ เธอจะเปิดใจมั้ย” บัวชมพูจี้ถามอย่างไม่ลดละ

“เธอเป็นอะไรของเธอเนี่ย เขาไม่ได้จีบฉัน” ลานไพลินเน้นเสียงด้วยความรู้สึกทั้งขำทั้งฉุนกับความเจ้ากี้เจ้าการของคุณครู

“ก็ถ้าเขาจีบเล่า” บัวชมพูไม่ยอมแพ้ “พี่ครามเป็นคนดีนะ ไม่เจ้าชู้เลย พี่ดินยังเคยบอกเลยว่าใครได้พี่ครามไปเป็นแฟนนี่ยิ่งกว่าถูกหวยอีก”

“เอาไว้ถ้าเขามีท่าทีว่าจะจีบฉันขึ้นมาจริงๆ เธอค่อยมาถามใหม่ก็แล้วกัน”

“สัญญานะว่าเธอจะเล่าให้ฉันฟัง” บัวชมพูยังคงคาดคั้น

“อืม” ลานไพลินทำเสียงในลำคออย่างขอไปที

“แล้วเธอก็ต้องสัญญาด้วยว่าอย่าปิดกั้นตัวเองเพียงเพราะเคยเจอความรักห่วยๆ แค่ครั้งเดียว ผู้ชายดีๆ มีอีกถมเถไป” บัวชมพูแนะนำอย่างจริงจัง

“จ้ะ” ลานไพลินพยักหน้า รับรู้ถึงความห่วงใยของเพื่อนรัก “ฉันจะไม่เอาอนาคตไปผูกไว้กับอดีตที่ไม่น่าจดจำหรอก ผู้ชายไม่ได้เหมือนกันทั้งโลก ฉันรู้”

“เยี่ยมมากค่ะเพื่อนรัก ชีวิตคนเราต้องเดินไปข้างหน้า ถ้าเธอได้เป็นแฟนกับพี่คราม เธอจะไม่ผิดหวังแน่นอน” บัวชมพูยิ้มละไม

“เธอนี่นะ ฉันบอกแล้วว่าพี่ครามไม่ได้มาจีบฉัน มาพูดเรื่องของเธอกับพี่ดินดีกว่า เธอเป็นยังไงบ้าง ฉันเป็นห่วง”

“ไม่รู้สิ...” สีหน้าของบัวชมพูเคร่งขรึมลงทันใด 

“พี่ดินยังมาหาเธออยู่ใช่มั้ย”

“มาทุกวันเลย แต่ฉันยังไม่พร้อมเจอเขา”           

ดินแดนเล่าให้ลานไพลินฟังว่าไปดักรอบัวชมพูทั้งที่บ้านและที่ทำงานทุกวัน แต่เธอไม่ยอมให้พบ เขาจึงได้แต่นั่งรออยู่กับบิดามารดาของคนรัก และพยายามทำความคุ้นเคยกับเทียนหอมตามที่ลานไพลินกับศิคาลแนะนำ

“เขาเสียใจมากเลยนะ เห็นชัดๆ ว่าเขาแคร์เธอ เธอไม่คิดจะให้โอกาสเขาบ้างเหรอ”

“ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อม เมื่อวานฉันยังเห็นยายคุณแก้วกัลยาไปคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กของเขาอยู่เลย” บัวชมพูย่นจมูก

“แต่พี่ดินไม่ได้ตอบนี่” ลานไพลินแอบสอดส่องความประพฤติของแฟนเพื่อนอยู่เหมือนกัน

“เขาไม่ได้ตอบให้เราเห็น แต่จะคุยกันลับหลังหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“ฉันว่าพี่ดินคงไม่กล้าแล้วละ เขาสัญญากับฉันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะรักษาระยะห่างจากเพื่อนคนนี้ และจะแสดงให้เห็นว่าเธอคือคนสำคัญที่สุด เขาจะไม่ทำให้เธอเสียใจอีก”

บัวชมพูเงียบงันไป แต่ดวงตาที่ไหวระริกบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก

“เธอยังรักพี่ดินอยู่มั้ยบัว”

“รักสิ”

“เธอไม่ได้อยากเลิกกับเขาจริงๆ ใช่มั้ย”

“ฉันไม่เคยอยากเลิกกับเขา แต่ฉันแค่ไม่แน่ใจ...”

“ไม่แน่ใจอะไร” ลานไพลินถามหลังจากเพื่อนเงียบไปเป็นครู่

“ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองสามารถรับทุกอย่างที่เป็นตัวตนของเขาจริงๆ ได้หรือเปล่า ในทางกลับกันฉันก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะรับความงี่เง่าของฉันได้จริงๆ มั้ย ตอนเราอยู่อเมริกามันเป็นแค่สังคมเล็กๆ พี่ดินทำงานอยู่ในเมืองนั้น ส่วนฉันก็แค่ไปเรียนและกลับบ้าน แต่ที่เมืองไทยมันคือชีวิตจริงที่เราต้องอยู่ไปจนวันตาย เราต่างคนต่างมีครอบครัว เพื่อนฝูง และสังคมที่กว้างขึ้น ฉันอาจรับเพื่อนเขาและสังคมของเขาไม่ได้ก็ได้”

“เพราะเธอเจอยายคุณแก้วกัลยาเข้าไปไง ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันก็รับไม่ได้เหมือนกันแหละ”

“แต่พวกเขาคบกันมานาน ดูสนิทสนมกันมากเหลือเกิน ถ้าพี่ดินต้องเลิกคบกับเขาเพราะฉัน ฉันเกรงว่าพี่ดินอาจเสียใจในวันข้างหน้าแล้วมาโทษว่าเป็นเพราะฉันคนเดียว”

“เธอไม่มั่นใจในความรักของพี่ดินเหรอ”

“ฉัน...ไม่รู้...”

“เธอลองให้โอกาสพี่ดินพิสูจน์ความรักที่เขามีต่อเธอดูดีมั้ย ยอมเจอเขาสักหน่อย ถ้าเธอกับเขาไม่ได้เจอกัน เธอก็ไม่ได้คำตอบเสียทีนะบัว”

“ฉันรู้ ฉันคงจะยอมเจอเขาสักวัน แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”

การสนทนาชะงักลง เพราะมีกลุ่มคนเดินผ่านโต๊ะของเธอไปและนั่งลงที่โต๊ะซึ่งอยู่ตรงกันข้าม สี่คนจากห้าคนในนั้นเขม้นมองลานไพลินเป็นตาเดียว หญิงสาวไม่คิดว่าชาตินี้จะต้องมาเจอกับคนพวกนี้อีก 

ลานไพลินไม่ยกมือไหว้หญิงสูงวัยซึ่งเธอเคยรู้จัก และเป็นคนที่เธอชิงชังพอๆ กับที่เจ้าหล่อนเกลียดชังเธอ ฝ่ายนั้นเชิดใส่ แต่ลานไพลินไม่รู้สึกเจ็บปวดเท่าเมื่อก่อนอีกแล้ว

“ตายยากกันจริงๆ เราเพิ่งพูดถึงความรักห่วยๆ กันอยู่หยกๆ เธอโอเคมั้ยลิน อยากย้ายร้านหรือเปล่า” บัวชมพูถามด้วยความเป็นห่วง

“ฉันโอเค ไม่ต้องย้ายร้านหรอก พวกเรามาก่อน และฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” ลานไพลินยิ้มอย่างไม่ยี่หระ

เธอพยายามทำตัวให้ร่าเริงตามปกติ นึกถึงลูกชายของผู้หญิงคนนั้น...ผู้ชายที่ทำให้เธอชอกช้ำที่สุด

 

ราตรีคือมารดาของธีรเดช เขาเป็นบุตรชายคนเดียวที่เธอภาคภูมิใจเสมอมา แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เขาเคยทำให้คนเป็นแม่ผิดหวัง ทว่าสุดท้ายธีรเดชก็กลับตัวกลับใจได้

ตอนนี้ลูกชายผู้แสนดีเพิ่งมารับตำแหน่งระดับบริหารของบริษัทในเครือมีเกียรติเบฟเวอร์เรจ บริษัทใหญ่ยักษ์ของไทยผู้ผลิตเบียร์สุรา เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และอาหาร โดยมีสาขาอยู่ในหลายประเทศแทบทุกมุมโลก แม้แต่ชาวต่างชาติก็ยังรู้จัก เนื่องจากผลิตภัณฑ์เบียร์ของมีเกียรติเบฟเวอร์เรจได้สิทธิ์เป็นผู้สนับสนุนทีมสโมสรฟุตบอลชื่อดังในสหราชอาณาจักร

นั่นไม่ใช่ความภูมิใจทั้งหมดที่ราตรีมีต่อบุตรชาย เพราะที่สำคัญกว่านั้นคือเขาหมั้นหมายกับหลานสาวเจ้าของมีเกียรติเบฟเวอร์เรจ ต่อไปจะยิ่งเติบโตอย่างคนที่เป็นหนึ่งในเครือญาติอภิมหาเศรษฐีพึงได้รับสิทธิ์

ราตรีเชิดใส่ผู้หญิงในอดีตของธีรเดชซึ่งไม่มีความคู่ควรกับเขาเลยสักนิด แล้วยิ้มเยื้อนให้อารดาว่าที่ลูกสะใภ้ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม

อารดาเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อม ชาติตระกูลดี เรียนหนังสือเก่ง เพิ่งจบปริญญาโทมาพร้อมๆ กับบราลีฝาแฝดคนน้องซึ่งนั่งอยู่ติดกัน ทั้งคู่เป็นฝาแฝดกันก็จริงแต่เกิดจากไข่คนละใบ หน้าตาจึงไม่เหมือนกัน อุปนิสัยใจคอก็แตกต่าง อารดาช่างพูดช่างคุยและคล่องแคล่ว ขณะที่บราลีเรียบร้อยและพูดน้อยกว่าฝาแฝดคนพี่ 

ราตรีเห็นเด็กทั้งสองมาตั้งแต่เล็ก เนื่องจากเธอเป็นเพื่อนกับมัทรีมารดาของสองฝาแฝด อีกทั้งสามีของราตรีก็ทำงานกับบริษัทในเครือมีเกียรติเบฟเวอร์เรจมาช้านาน

“นั่นมันยายเด็กคนนั้นนี่” มัทรีทักขึ้น      

“ใครเหรอคะ” สีวลีถาม เธอเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่เพิ่งมาสนิทกันได้สักสองสามปีนี่เอง เพราะเจอกันบ่อยๆ ตามงานสังคมแล้วคุยกันถูกคอ

“ยายเออีบริษัทโฆษณาที่เคยมาหลอกตาธีไงคะ” ราตรีตอบพลางมองเหยียดหญิงสาวซึ่งทำเป็นหยิ่งจองหองทั้งที่เมื่อก่อนละไหว้เธอปลกๆ 

ธีรเดชรู้จักกับลานไพลินเพราะงานของเขา เนื่องจากลานไพลินเป็น account executive หรือผู้บริหารงานลูกค้าของบริษัทโฆษณาที่หญิงสาวทำงานอยู่ มีหน้าที่คอยประสานงานระหว่างทีมของธีรเดชในมีเกียรติเบฟเวอร์เรจกับทีมงานบริษัทโฆษณาของเธอ 

“อ๋อ พี่จำได้แล้ว คนที่น้องๆ เคยเล่าให้ฟังว่ามาเกาะแกะตาธีใช่มั้ยคะ” สีวลีซักต่อ

“ใช่ค่ะ ตอนนั้นไม่รู้ว่านางมาขายโฆษณาหรือขายอย่างอื่นด้วย” ราตรีแบะปาก

“นี่เขานั่งกันอยู่สองคน น้องหมายถึงคนที่ใส่เสื้อสูทหรือว่าคนที่ใส่เสื้อแขนกุดล่ะคะ” สีวลีเพ่งมอง

“คนที่ใส่เสื้อแขนกุดค่ะ มาห้างระดับไฮเอนด์แบบนี้แต่งตัวไม่แพงเลย แต่จะว่าไปนางก็เป็นแค่ลูกชาวสวนชาวนา คนระดับนั้นจะไปรู้กาลเทศะได้ยังไง ตรีได้ยินมาด้วยนะคะว่าตอนนี้นางไม่ได้ทำงานบริษัทโฆษณาแล้ว สงสัยจะถูกไล่ออกเพราะไปหลอกผู้ชายที่ไหนอีก” ราตรีใส่ไฟเต็มที่

“ตายจริง หน้าตายังเด็กๆ อยู่เลย” สีวลียกมือขึ้นทาบอก

“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจหรอกค่ะ โชคดีจริงๆ ที่ตาธีไหวตัวทัน” ราตรีแค่นเสียงอย่างดูถูก

“นั่นสินะ น้องธีเลยได้มาเจอผู้หญิงที่เพียบพร้อมไปหมดอย่างหนูเอ” สีวลียิ้มให้ฝาแฝดคนโตอย่างชื่นชม

อันที่จริงแล้วกว่าธีรเดชจะยอมเลิกรากับลานไพลิน ราตรีแทบหืดขึ้นคอ ในตอนแรกเขาไม่ยอมท่าเดียว เดชะบุญที่อารดาเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดหลังไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่จบไฮสกูล ธีรเดชซึ่งไม่เจออารดามาหลายปีจึงหันมาสนใจในตัวเธอโดยที่อารดาเองก็แอบชอบเขามาตั้งแต่เด็กแล้ว ชายหนุ่มจึงทิ้งลานไพลินทันทีที่เจอเพชรแท้อันงดงาม

มัทรีร่วมสนับสนุนเด็กๆ ทั้งสองด้วยการขอร้องให้สามีซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงและน้องชายเจ้าของบริษัททำเรื่องโยกย้ายชายหนุ่มไปประจำสาขาซึ่งดูแลกิจการในภาคพื้นยุโรป มีฐานอยู่ในกรุงลอนดอนที่อารดาและบราลีเรียนอยู่พอดี ธีรเดชจึงได้สานสัมพันธ์กับอารดาอย่างเต็มที่สมกับที่ทุกคนต้องการ

“เอไม่ได้ดีไปกว่าใครหรอกค่ะ ผู้หญิงที่เพียบพร้อมไปหมดทุกอย่างน่าจะเป็นบีมากกว่านะคะคุณป้าวลี”

“โถ ถ่อมตัวเสียด้วย หนูสองคนเพียบพร้อมด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละค่ะ ถ้าป้ามีลูกชายก็คงอยากได้ลูกสะใภ้แบบหนูนี่แหละ”

สีวลีเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ไม่ได้แต่งงาน แต่ถึงกระนั้นเธอก็เป็นเศรษฐินีเจ้าของตลาดและที่ดินผืนงามๆ อีกมากมายซึ่งเพียงเก็บเงินจากผู้เช่าก็มีกินมีใช้สบายไปทั้งชาติ สีวลีมีหลานชายและหลานสาวอย่างละคนซึ่งเป็นลูกของน้องสาวแท้ๆ เป็นที่รู้กันว่าเธอรักพวกเขาประดุจแก้วตาดวงใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามรดกทั้งหมดของสีวลีจะส่งมอบไปให้ใครในอนาคต

“ป้ามีหลานชายอยู่คนหนึ่งชื่อคราม เป็นสถาปนิกเจ้าของบริษัทออกแบบแลนด์สเคป ห้างนี้ครามก็เป็นคนออกแบบพื้นที่ตรงสวนชั้นล่างที่เราเดินผ่านมาไงคะ พ่อคนนี้ทำแต่งาน แฟนเฟินไม่มีสักคน หนูบีสนใจสถาปนิกบ้างมั้ยคะ”

“บียังไม่คิดเรื่องนั้นหรอกค่ะคุณป้า” บราลียิ้มเขินๆ 

“ไม่คิดได้ยังไงคะ หนูเอก็จะแต่งงานแล้วนะ หนูบีน่าจะหาแฟนเหมือนกันนะคะ เรามานัดหลานๆ ให้เจอกันเถอะค่ะ” ราตรียุยง

“จะดีเหรอคะ” มัทรีออกตัวแทนบุตรสาวอย่างไม่จริงจังนัก

“ดีค่ะ เชื่อตรีเถอะ ลูกหลานเรามาดองกันเองน่ะดีที่สุดแล้ว เราจะได้สบายใจว่าแต่ละคนเป็นเด็กดีแน่นอน พ่อแม่น้าป้าก็รู้จักกันหมด ไม่ต้องมาระแวงว่าใครจะมาปอกลอกลูกเรา จริงมั้ยคะพี่วลี” ราตรีพยักพเยิด

“จริงที่สุดเลยค่ะน้องตรี” สีวลียิ้มรับ

“แต่เราน่าจะถามความสมัครใจของเด็กๆ ก่อนนะคะ” มัทรีมองลูกสาวคนเล็กยิ้มๆ 

“หนูบีขัดข้องที่จะเจอพี่ครามเปล่าคะ” สีวลีถามทันที

“เอ่อ...” บราลีอึกอัก

“ถ้าปล่อยให้เด็กๆ ตัดสินใจกันเอง เขาคงเขินกันอยู่นั่นแหละค่ะ เรื่องนี้เราตัดสินใจให้เลยดีกว่า...หนูบีคะ ถ้าหนูเจอหลานชายคุณป้าวลีแล้วไม่ชอบ หนูก็แค่เป็นพี่เป็นน้องกับเขาเท่านั้นเองค่ะลูก ไม่ต้องกลัว เราไม่คลุมถุงชนให้หรอกถ้าพวกหนูไม่เต็มใจ” ราตรีอธิบาย

“น้องบีตกลงมั้ยคะลูก” มัทรีจี้ถาม

“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ” บราลีพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเหนียมอาย

“เดี๋ยวป้าจะนัดพี่ครามให้เลย รับรองว่าหนูจะไม่ผิดหวังในตัวพี่เขา ครามเองก็ชอบผู้หญิงเรียบร้อย ป้ารู้จักหลานตัวเองดี เขาต้องชอบหนูบีอย่างแน่นอนค่ะ”

สีวลีต่อโทรศัพท์หาหลานชายเพียงคนเดียวอย่างกระหยิ่มใจ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น