9

ฉันใส่ปุ๋ยให้เธอ เธอใส่ปุ๋ยให้ฉัน

ฉันใส่ปุ๋ยให้เธอ เธอใส่ปุ๋ยให้ฉัน

 

โรงเรือนสะสมแม่พันธุ์ไม้ใบในเขตร้อนชื้นของโพธิ์แบ่งเป็นหลายโรงเรือนเพื่อให้เหมาะกับสภาพของต้นไม้แต่ละชนิด ซึ่งต้องควบคุมปริมาณแสง ความชื้นและการให้น้ำที่แตกต่างกัน โดยมีรั้วรอบขอบชิดและประตูล็อกแน่นหนาป้องกันโจรขโมย สัตว์ต่างๆ รวมถึงเจ้าสุนัขจอมซน

“ผมต้องกั้นรั้วระหว่างบ้านกับโรงเรือนไว้อีกชั้นก็เพราะแสนแซ่บนี่แหละครับ มันซนจะตาย โดยเฉพาะตอนเล็กๆ นี่มันซนน้อยลงไปเยอะแล้วนะ เมื่อก่อนรอบบ้านมีต้นไม้มากกว่าที่คุณเห็น แต่แสนแซ่บชอบแอบไปพังสวนเล่น ผมเลยต้องย้ายต้นไม้มาปลูกไว้ในโรงเรือนแทน กว่าเราจะฝึกมันไม่ให้ขุดดินกัดต้นไม้ได้ก็ตั้งนานแน่ะ” โพธิ์เล่าขำๆ 

“เหมือนกันเลยครับ เจ้าไซฯ ของผมชื่อยิมโน มันชอบรื้อต้นไม้ที่บ้านจนต้องแต่งสวนใหม่ประจำทั้งที่ผมไม่ได้ขอให้มันช่วยรื้อเสียหน่อย” ศิคาลหัวเราะ 

สองหนุ่มต่างวัยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการฝึกเจ้าฮัสกีทั้งสองที่เคยทำตัวไม่ต่างจากการเป็นศัตรูพืช กว่าพวกเขาจะสอนสั่งมันได้ เบี่ยงเบนให้มันหันไปเล่นของเล่นอย่างอื่นก็เกือบสูญเสียต้นไม้ไปหลายต้น

โพธิ์พาศิคาลลัดเลาะไปตามชั้นวางต้นไม้ในโรงเรือนซึ่งจัดเป็นล็อกๆ อย่างมีระเบียบ แต่ละชั้นมีกระถางไม้ประดับเรียงยาวเป็นพืด บางต้นวางอยู่บนพื้น ทั้งยังมีพวกต้นเฟิร์นชนิดต่างๆ แขวนไว้เหนือศีรษะอีกด้วย

ศิคาลตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง มีต้นไม้มากมายที่เขาไม่เคยเห็นตามท้องตลาดมาก่อนเนื่องจากไม่ใช่ไม้ในกระแสที่คนทั่วไปนิยมปลูก แต่จะอยู่กับในกลุ่มนักสะสมต้นไม้เท่านั้น โพธิ์สนุกสนานต่อการเอามาอวด บางครั้งก็ใช้กรรไกรตัดกิ่งที่ใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทิ้งไป เป็นการพาชมต้นไม้และดูแลต้นไม้ไปในตัว

ทั้งสองเดินผ่านชั้นวางต้นหน้าวัวใบสายพันธุ์ต่างๆ มันไม่เหมือนหน้าวัวดอกที่คนเอามาจัดแจกันตรงที่หน้าวัวใบมีความโดดเด่นที่ใบซึ่งมีรูปร่างแปลกตาแต่ละต้นมีใบขนาดมหึมาอย่างน่าทึ่งถัดไปเป็นกลุ่มฟิโลเดนดรอนนานาพันธุ์ เอกลักษณ์ของพวกมันคือรูปทรงใบที่โดดเด่นและหลากหลาย บางต้นมีลวดลายด่างเพิ่มความงดงามอันน่าอัศจรรย์ราวกับมีจิตรกรเอาสีมาแต้มหรือสาดใส่

“ต้นไม้พวกนี้เป็นต้นแม่ ผมเอาไปขยายพันธุ์เป็นต้นลูกๆ ไว้ขายมาหลายรุ่นแล้ว แต่ต้นทั้งหมดที่คุณเห็นในโรงเรือนนี้ผมไม่ขายให้ใครหรอกถึงแม้จะมีคนมาขอซื้อก็ตาม เพราะกว่าผมจะประคบประหงมจนพวกเขาเจริญเติบโตมาได้ขนาดนี้ก็ตั้งนานแน่ะ”

โพธิ์อวดต้นไม้ที่เด่นๆ ไปทีละต้นอย่างไม่รีบร้อน แล้วจึงพาศิคาลไปชมมอนสเตอรา หรือพลูฉีก ที่ใครๆ ขนานนามว่าเป็นราชินีไม้ใบ แน่นอนว่าโพธิ์รวบรวมไว้หลายสายพันธุ์อย่างที่หาได้ยากจากสวนทั่วไป มีทั้งใบด่างและใบเขียว บางสายพันธุ์ซึ่งเป็นใบสีเขียวมีราคาสูงลิบยิ่งกว่าไม้ด่างในสายพันธุ์อื่นๆ เสียอีก เพราะมันหายาก เติบโตช้า นอกจากนี้โพธิ์ยังสะสมต้นไม้ที่มีรูปร่างลักษณะผิดแผกไปจากปกติอีกด้วย

“ในสายตาของนักสะสม ความแปลกของต้นไม้คือความพิเศษของมัน” โพธิ์ให้เหตุผล

เจ้าของสวนพาชายหนุ่มมาหยุดตรงหน้ามอนสเตอราใบด่างขนาดยักษ์ซึ่งเขาเอาเสาไม้มาค้ำเป็นหลักไว้ให้มันเลื้อยสูงขึ้นไปจนเกือบถึงหลังคาโรงเรือน ยิ่งสูงใบก็ยิ่งใหญ่โตมโหฬาร ขอบใบฉีกออกเป็นเส้นโค้งเว้าอย่างงดงาม และแผ่ออกไปกว้างๆ ช่างอลังการยิ่งนัก

“นี่มอนฯ ด่างมินต์ใช่มั้ยครับ ต้นใหญ่มากเลย”

ศิคาลแหงนมองมอนสเตอราด่างมินต์ หนึ่งในสี่มอนสเตอราด่างซึ่งหายากและมีราคาแพงที่สุด เนื่องจากความด่างซึ่งเป็นสีเขียวมินต์หรือสีเขียวจางๆ เกิดขึ้นได้น้อยมาก มันจึงเป็นที่ต้องการอย่างสูงในตลาดนักสะสมระดับโลก ราคาต่อใบแค่เพียงใบจิ๋วๆ ก็เริ่มต้นที่หลักแสนแล้ว ขณะที่ต้นซึ่งมีรูปฟอร์มสวยสมบูรณ์อย่างที่ศิคาลเห็นตรงหน้าคงมีราคาหลายล้านเลยทีเดียวหากโพธิ์คิดจะขาย

“นี่เป็นต้นแม่ที่ผมปลูกไว้หลายปีแล้ว ตั้งแต่เขายังไม่ฮิตทั้งมอนฯ ทั้งไม้ด่างกันเลยคุณ ตอนที่ผมได้มาใหม่ๆ เขายังมีแค่ใบเดียว...ขนาดเล็กเท่านี้เอง...” โพธิ์ทำมือให้ดู 

“น้าโพธิ์เลี้ยงเก่งมากเลยครับ” ศิคาลอยากสรรเสริญและปรบมือให้

“เนอะ ผมก็ว่างั้นแหละ” ชายสูงวัยยักคิ้วให้อย่างไม่ถ่อมตนเลย “กว่าผมจะเลี้ยงเขามาได้ขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยก็อย่างที่คุณรู้แหละ ไม้ด่างเกิดจากความผิดปกติ เขาจึงเติบโตช้า ความผิดเพี้ยนของต้นไม้คือความไม่สบายอย่างหนึ่ง เขาจึงต้องการการดูแลเป็นพิเศษ...ใช่มั้ยลูก”

โพธิ์พูดเสียงสองกับต้นไม้ พลางลูบปลายใบใหญ่ยักษ์อย่างทะนุถนอม

“มีคนมาขอซื้อเขาด้วยนะ แต่ผมไม่ขายหรอก เราอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน มันเป็นความผูกพันที่ผมจะต้องเข้ามาทักทายเขา เขาก็คงรอที่จะทักทายผมเหมือนกัน...เนอะลูกเนอะ”

ศิคาลอมยิ้ม เขาเห็นความสุขระบายอยู่แทบทั้งวงหน้าของชายสูงวัยที่เป็นผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูบุตรสาวที่น่ารักอย่างลานไพลิน

“ที่จริงแล้วน้าโพธิ์ชอบเล่นไม้ด่างหรือไม้เขียวมากกว่ากันครับ” ศิคาลชวนคุย อยากได้ลูกเสือก็ต้องตีสนิทกับพ่อเสือก่อน

“ผมชอบทั้งหมดเลยคุณ” พ่อเสือยิ้มในหน้า “ต้นไม้ทุกต้นมีเสน่ห์ในตัวเขาเอง ไม่ว่าจะใบด่างหรือใบเขียว เราชอบต้นไหนต้นนั้นก็มีค่า เขาสวยด้วยกันทั้งนั้น มูลค่าของความเป็นต้นไม้เท่ากันหมดทุกต้น แต่ต้นไหนที่มีอยู่เยอะ ราคาที่คนเขาตั้งให้ในท้องตลาดมันก็จะถูกหน่อย ต้นไหนมีน้อย หายาก ราคาก็แพง เป็นสัจธรรมของโลกนี้ใช่มั้ยล่ะ”

“ครับ” ศิคาลตอบรับ “ดีจังเลยนะครับ น้าโพธิ์ได้อยู่กับต้นไม้ทั้งวัน น่าจะเป็นการทำงานที่มีความสุขเลยละ เมื่อก่อนผมชอบดูแม่ปลูกต้นไม้ มันไม่ใช่ต้นไม้แพงๆ หรอกครับ แค่ผักสวนครัวในแปลงหลังบ้านน่ะ แต่แม่มีความสุขมากเลย ผมสงสัยว่าทำไมแม่ถึงอยู่ในสวนได้เป็นชั่วโมงๆ และดูดีใจมากเวลาที่ได้เก็บผักพวกนั้นมาทำกับข้าวให้เรากิน ตอนหลังแม่เลยให้ผมช่วยรดน้ำแทนท่านทุกวัน มันก็เพลินดีจริงๆ แหละครับ”

“ใช่มั้ยล่ะ ตอนนี้คุณก็เลยได้ทำงานอยู่กับต้นหมากรากไม้เพราะแม่คุณช่วยปลูกฝังเลยนะเนี่ย”

“ครับ เพราะแม่ผมเลยผูกพันกับต้นไม้ ทีแรกผมเคยลังเลด้วยละว่าจะเป็นสถาปนิกออกแบบบ้านดีกว่ามั้ย แต่ผมอยากเอาธรรมชาติเข้ามาอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่า พื้นที่สีเขียวในเมืองมีอยู่น้อยมาก ผู้คนห่างไกลธรรมชาติกันไปเรื่อยๆ ทั้งที่พวกเขาใช้ประโยชน์จากมัน แต่น้อยคนจะคืนพื้นที่สีเขียวขึ้นมาทดแทน เมื่อธรรมชาติถูกรุกล้ำมากเกินไปก็เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ผมเลยอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ แม้จะเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี ผมเลยเลือกเป็นภูมิสถาปนิกครับ”

“เยี่ยมมากคุณ เพราะต้นไม้เลยนะ เราเลยได้มาเจอกัน” โพธิ์ยิ้มหัว

“จริงครับ เพราะต้นไม้เลย”

“ต้นไม้ทำให้เราได้เจอเพื่อนดีๆ และความสุขจากการเลี้ยงต้นไม้ก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวเงิน การได้เฝ้าดูเขาเติบโตได้รดน้ำใส่ปุ๋ยให้เขาคือความสุขของผม บางทีผมก็ร้องเพลงให้พวกเขาฟังด้วยนะ” โพธิ์หัวเราะ

“มิน่าล่ะครับ ต้นไม้ที่นี่ถึงเจริญเติบโตได้ดีขนาดนี้” ศิคาลมองไปรอบๆ โรงเรือนอย่างชื่นชม

“ถ้าเราดูแลเขาด้วยความสุข ต้นไม้ก็จะมีความสุข เรารดน้ำใส่ปุ๋ยให้เขา เขาก็รดน้ำใส่ปุ๋ยให้เราเหมือนกัน ด้วยการออกดอกออกใบสวยๆ ให้เราได้ชื่นชม และภูมิใจว่าเขาเติบโตมาอย่างสวยงามสมกับที่เราตั้งใจดูแล” ชายชราลูบใบไม้ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดอย่างอ่อนโยน “ปลูกต้นไม้ต้องปลูกด้วยความสุข อย่าไปคิดถึงเงินทองหรือธุรกิจ แต่ถ้ามันมาด้วยกันได้ก็ถือว่าวิน-วิน”

“ผมเห็นด้วยครับ” ศิคาลคลี่ยิ้ม

แสงแดดซึ่งลอดผ่านรอยปรุของสแลนสีดำที่ใช้คลุมโรงเรือนอ่อนลง เสียงนกการ้องเซ็งแซ่เตรียมบินกลับรัง กลิ่นดินชื้นๆ เข้มข้นขึ้นบ่งบอกว่าเวลาเย็นย่ำกำลังมาเยือน โพธิ์จึงชวนสถาปนิกหนุ่มออกจากโรงเรือน 

“ต้นไม้ของน้าโพธิ์มีเยอะจริงๆ ครับ สงสัยผมคงต้องขอมารบกวนอีกจะได้มั้ย” ศิคาลถามขณะช่วยโพธิ์ปิดประตูโรงเรือนและคล้องกุญแจ

“มาเลยคุณ มีคนคุยถูกคออย่างคุณมาหา ผมจะได้ไม่เหงา”

พ่อเสือติดกับเขาจนได้

“ขอบคุณครับ” ศิคาลยิ้มแต้ “วันนี้น้าโพธิ์มีลูกค้ามาเยี่ยมที่สวนเหมือนกันใช่มั้ย ผมเห็นรถเขาขับสวนออกไปพอดีตอนที่ผมมา”            

“อ๋อ คุณหมี” โพธิ์เรียกอย่างสนิทสนม

“เขาเป็นสถาปนิกหรือเปล่าครับ ผมมีรุ่นพี่ชื่อหมีเหมือนกัน ชอบต้นไม้ ไม่แน่ใจว่าคนเดียวกันมั้ย” ศิคาลแสร้งถาม

“ไม่ใช่ คุณหมีคนนี้ไม่ใช่สถาปนิกหรอก ที่จริงผมก็เพิ่งเคยเจอแกวันนี้แหละแต่คุยกันถูกคอดี ผมเลยพาแกชมสวนนิดหน่อย แต่ไม่มากเท่าที่ให้คุณดูหรอกนะ แกไม่ได้เห็นมอนฯ มินต์ของผมด้วยซ้ำ” โพธิ์ขยิบตาให้ “เออแต่คุณหมีแกมีหมาไซบีเรียนเหมือนกับพวกเราเลย ชื่อว่าแพนดา”

“หมาชื่อหมีแพนดาเหรอครับ” หึ! แค่ได้ยินก็ตลกแล้ว ศิคาลอดมีอคติไม่ได้

“ครับ มันน่ารักมากเลย ขี้อ้อนเรียบร้อยกว่าแสนแซ่บเยอะ จนผมกับยายลินแอบคิดกันว่ามันเป็นไซฯ ปลอมหรือเปล่า” โพธิ์หัวเราะ

ศิคาลฟังแล้วฉุน ไอ้คุณหมีกับหมาแพนดาอย่างนั้นหรือ...เขากับยิมโนไม่ยอมแพ้หรอกโว้ย!

 

ชายต่างวัยเดินกลับบ้านและเห็นสุนัขไซบีเรียนฮัสกีสองตัววิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ลานไพลินกับมารดาของเธอนั่งมองพวกมันอยู่ตรงใต้ถุน ศิคาลยิ้มออกทันทีที่เห็นว่าลานไพลินโบกมือให้ สุนัขทั้งสองพร้อมใจกันวิ่งมาหาเขาและโพธิ์ 

“ว่าไงยิมโน ซนหรือเปล่าเรา” ศิคาลลูบหัวลูกชาย

มันเห่าเถียงว่าไม่แล้วผละจากเขาไปอ้อนโพธิ์ต่อ แสนแซ่บจึงมาคลอเคลียสถาปนิกหนุ่มแทน โพธิ์หัวเราะเอิ๊กอ๊ากเกาคอให้ยิมโนไม่หยุด ท่าทางว่าจะหลงรักลูกชายเขาเข้าแล้ว

“ลูกๆ เราเข้ากันได้ดีกว่าที่คิดนะครับ”

ศิคาลกล่าวกับลานไพลินเมื่อโพธิ์ขอตัวไปห้องน้ำ ส่วนทับทิมไปเตรียมอาหารเย็นและได้ชวนชายหนุ่มให้กินข้าวด้วยกัน

“ค่ะ มันเล่นกันสนุกเลย เมื่อกี้ลินพาเด็กๆ ไปเดินเล่นรอบสวนมาด้วยนะ ยิมโนตื่นเต้นมาก จะลงน้ำท่าเดียวเลยค่ะ” เธอหมายถึงอ่างเก็บน้ำของสวน

“มันชอบว่ายน้ำครับ” ศิคาลหัวเราะ “น้องลินไม่เหนื่อยแย่เหรอ พาไซบีลิงสองตัวไปเดินพร้อมกัน”

“พี่ครามดูดีๆ สิคะ ลินอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่แล้วค่ะ” เธอกางแขนพลางยิ้มแป้นจนเห็นแก้มบุ๋มๆ  

ศิคาลหัวร่อชอบใจ หญิงสาวเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้วจริงๆ เธอใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสามส่วนและรองเท้าแตะแบบรัดส้น

“ขอบคุณนะที่ช่วยดูลูกชายพี่”

“ด้วยความยินดีค่ะ ยิมโนน่ารักจะตาย ไม่แสบเท่ายายแสนแซ่บ”

“น้องลินอย่าเพิ่งชมมันครับ พี่กลัวยิมโนจะดีแตกเสียก่อนแต่ถ้าน้องลินโอเคกับลูกชายพี่ วันหลังพี่พามันมาอีกได้มั้ย” ศิคาลมองหญิงสาวด้วยสายตาล้ำลึก

“ได้สิคะ แสนแซ่บคงดีใจที่มีเพื่อน” ลานไพลินเสหลบดวงตาคมกล้า

“มันดีใจมากกว่าตอนได้เจอแพนดามั้ย”

“แพนดา?”

“หมาไซฯ ของลูกค้าที่เพิ่งกลับไปก่อนที่พี่จะมาไงครับ น้าโพธิ์เล่าให้ฟัง”

“อ๋อ เจ้าแพนดา” ลานไพลินพยักหน้าและยิ้มละไม

“แสนแซ่บชอบมันหรือเปล่า” ศิคาลถามอย่างระแวง

“ลินก็ไม่แน่ใจค่ะ พวกมันยังไว้เชิงกันอยู่” หญิงสาวย่นจมูก แล้วยิ้มพราย “แพนดาเป็นตัวเมียเหมือนกันค่ะ ลินบอกแล้วไงว่าแสนแซ่บชอบแต่ผู้ชาย”

“แล้วแสนแซ่บชอบคุณหมีอะไรนั่นมั้ย”

“มันก็ดมๆ เขาแต่ไม่เข้าไปใกล้ เพราะกำลังคุมเชิงกับแพนดาค่ะ” ลานไพลินยิ้มขำ

“แล้วไป ดีแล้วที่แสนแซ่บไม่สนใจคุณหมีกับแพนดา” ชายหนุ่มโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง

“ทำไมคะ”

“พี่จะได้ขอจีบลูกสาวของน้องลินให้ลูกชายของพี่น่ะสิครับ”

“ลูกสาวลินยังเด็กอยู่เลยนะคะ” คนเป็นแม่ตั้งท่าหวงแหนขึ้นมาทันที

“ยิมโนรอได้ครับ พี่เองก็รอได้เหมือนกัน” เขาทอดมองหญิงสาวอย่างมีความหมาย

“ถ้าอย่างนั้น...พี่ครามรอไปก่อนนะคะ เรื่องแบบนี้มันต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป” พวงแก้มที่มีลักยิ้มน่ารักแดงระเรื่อ

“ได้สิครับ นานแค่ไหนพี่ก็จะรอ” ศิคาลประสานสายตากับหญิงสาวอย่างอ่อนหวาน

“อะแฮ่ม! อาหารเย็นพร้อมแล้ว” โพธิ์ยืนเท้าสะเอวท่าทางขึงขัง

“เดี๋ยวลินไปช่วยแม่ยกอาหารก่อนนะคะ”

หญิงสาวไม่ทันได้ไปไหน สุนัขสองตัวก็เห่าเสียงขรมและวิ่งออกไปยังลานจอดรถหน้าบ้าน ทุกคนจึงเดินไปดูว่าใครมาเอาป่านนี้ 

เพียงเห็นรถยุโรปสีแดงสดแล่นเข้ามา โพธิ์กับบุตรสาวก็นิ่วหน้า และพลันเคร่งเครียดเมื่อผู้ชายหน้าตี๋คนหนึ่งก้าวลงจากที่นั่งคนขับ เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงสแล็กและรองเท้าหนัง ดูเป็นนักธุรกิจสุดเนี้ยบที่ไม่เข้ากับบรรยากาศบ้านสวนเลย

“มาทำไม ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ!” โพธิ์ตะคอก ไม่ยอมแม้แต่จะรับไหว้ผู้มาเยือน

แสนแซ่บกับยิมโนเห่ากรรโชกอย่างที่ไม่เคยทำกับใคร โดยเฉพาะแสนแซ่บนั้นแยกเขี้ยวดุดันไม่ต่างจากหมาป่า มันตั้งท่าจะกระโจนเข้าใส่แขกไม่ได้รับเชิญถ้าลานไพลินไม่ดึงปลอกคอของมันไว้

“ผมแค่อยากมาเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ และมีเรื่องจะคุยกับลินครับ” ชายคนนั้นชี้แจงโดยไม่สนใจท่าทางเกลียดชังจากเจ้าของบ้าน

“ผมมีลูกแค่สองคน แล้วไพลินลูกสาวผมก็ไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ!” โพธิ์ตวาด

“ไม่เป็นไรค่ะพ่อ เขาอยากคุย ลินก็จะคุยกับเขาให้มันจบๆ” ลานไพลินแตะแขนบิดา

“จะไปพูดกับมันทำไม!” โพธิ์ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด แสนแซ่บกับยิมโนเห่าดังลั่นตามคุณตา

“ลินคุยกับเขาแค่แป๊บเดียวค่ะ พ่อไม่ต้องห่วง ฝากแสนแซ่บด้วยนะคะ” เธอส่งแสนแซ่บให้โพธิ์ช่วยรั้งตรงปลอกคอ

ชายชรากัดริมฝีปากแน่น มือข้างที่ว่างกำหมัด เขามองบุตรสาวเดินนำหน้าผู้ชายคนนั้นไปยังศาลากลางสวนซึ่งเคยใช้รับรองศิคาลและดินแดน

ทับทิมที่เห็นทุกคนหายเงียบไปตามมาดู เธอลูบแขนของสามีด้วยสีหน้าตึงเครียดพอๆ กันเมื่อพบว่าผู้ใดมาเยือน

“เขาเป็นใครเหรอครับ” ศิคาลถาม

“แฟนเก่าของไพลิน!” โพธิ์กัดฟันกรอด

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น