1

เรารักไซบีลิง

เรารักไซบีลิง

 

เฟซบุ๊ก เรารักไซบีลิง

กลุ่มสาธารณะ 5.8 หมื่นคน

 

ลานไพลิน แม่แสนแซ่บ :

   ‘แสนแซ่บไม่ใช่หมา แสนแซ่บเป็นลิงตัวนึง! #ไซบีลิง’

<ภาพประกอบ สุนัขไซบีเรียนฮัสกีสีเงินแซมเทาอ่อนจางๆ และขาว หรือที่เรียกว่าสีซิลเวอร์ยืนเด่นสง่าอยู่บนหลังคาโรงรถซึ่งอยู่ติดกับตัวบ้าน มันเอียงคอมองกล้องอย่างใสซื่อราวกับนี่เป็นเรื่องสามัญธรรมดาที่ไม่เห็นจะน่าตกใจตรงไหน>

 

ความคิดเห็นล่าสุด

 

เฮียหมี ห้าวเป้ง :

   ‘ไซบีลิงเหมือนกันครับ หัวใจจะวายรายวัน’

<ภาพประกอบ สุนัขไซบีเรียนฮัสกีสีดำน้ำหมึกตัดกับขนสีขาวบริเวณใบหน้าช่วงล่างจนถึงใต้ท้องและครึ่งขาล่าง มันนอนท่าเดียวกับสฟิงซ์หน้าพีระมิดในอียิปต์ แต่ต่างกันตรงที่มันอยู่บนกระบะต้นไม้แกะสลักลวดลายบนหินอ่อนสีขาวริมหน้าต่างชั้นสองของคฤหาสน์หลังงาม>

 

Ally Angel :

   ‘เพราะทุกที่คือรันเวย์’

<ภาพประกอบ สุนัขไซบีเรียนฮัสกีสีขาวปลอดเดินเชิดๆ อยู่บนขอบระเบียงชั้นสองซึ่งทำไว้เพื่อเชื่อมบ้านแฝดสองหลังให้ติดกัน>

 

เหมียวโฮ่งกรูมมิง รับตัดขนแมวและสุนัข:

   ‘เราคือเจ้าป่า บรู๊วววว์!!!’

<ภาพประกอบ สุนัขไซบีเรียนฮัสกีสีเทาแซมน้ำตาลและเหลืองอ่อนหรือสีเทาหมาป่า กำลังแหงนหน้าขึ้นฟ้า อ้าปากหอนอยู่บนกันสาด ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดงสีส้มแดง>

 

ครูบัว Lotus Bua :

   ‘แสนแซ่บลูกกกกก ไม้เรียวในมือแม่สั่นใหญ่แล้ว!’

 

แซมมี่ สโรชินี :

   ‘สำเนาถูกต้อง!’

<คลิปวิดีโอแมวกับสุนัขไซบีเรียนฮัสกีสีซิลเวอร์และสีเทาธรรมชาติหลายตัวปีนป่ายอยู่บนหลังคากระเบื้องลอนของบ้านหลังงามที่กำลังปรับปรุงซ่อมแซม เห็นได้จากนั่งร้านซึ่งติดตั้งอยู่ข้างตัวบ้านกล้องแพนไปยังอดีตนางงามสาวประเภทสองชื่อดังเธอปีนหน้าต่างออกไปต้อนพวกมันให้กลับเข้าบ้านภาพค่อนข้างสั่นเนื่องจากคนถ่ายคลิปหัวเราะไปด้วยและมีเสียงกรี๊ดกร๊าดของแซมมี่ สโรชินี ซึ่งกลัวความสูง แต่ทำใจสู้เพื่อช่วยสัตว์เลี้ยงให้ปลอดภัย>

 

KhramSk :

   ‘ยินดีด้วยครับ เจ้าไซของคุณเป็นพันธุ์แท้แน่นอน’

<ภาพประกอบถูกถ่ายโดยช่างภาพซึ่งอยู่ภายในตัวบ้านแต่แหงนหน้าขึ้นไปถ่ายรูปสุนัขไซบีเรียนฮัสกีสีน้ำตาลแดงเข้มตัดกับขาวที่ยืนเหยียบอยู่บนหลังคากระจกใสเหนือศีรษะของเขา มันก้มหน้าลงมองกล้องและแลบลิ้นให้ด้วย!>

 

“บรู๊วววว์!”

เสียงหอนของเจ้าไซบีเรียนฮัสกีสีน้ำตาลแดงเข้มตัดขาววัยสองขวบในภาพล่าสุดดังขึ้นข้างๆ หูของชายหนุ่มที่เพิ่งโพสต์รูปดังกล่าวลงในเฟซบุ๊กของกลุ่ม ‘เรารักไซบีลิง’ หนึ่งในศูนย์รวมคนรักสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกีซึ่งศิคาลเข้าไปติดตามและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบ่อยที่สุด

สมาชิกในกลุ่มมีจำนวนห้าหมื่นแปดพันกว่าคน ประกอบไปด้วยคนเลี้ยงไซบีเรียนฮัสกี และผู้ที่ยังไม่ได้เลี้ยงแต่หลงใหลในความมีเอกลักษณ์ของหนึ่งในสุนัขสายพันธุ์เก่าแก่ซึ่งมีประวัติยาวนานหลายพันปี 

ในอดีตพวกมันถูกเพาะพันธุ์โดยชาวชุกชี (Chukchi) ชนพื้นเมืองซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือสุดของไซบีเรีย สหพันธรัฐรัสเซีย ชาวชุกชีเลี้ยงดูไซบีเรียนฮัสกีไว้เป็นเพื่อน เป็นสุนัขเฝ้ายาม และฝึกฝนพวกมันให้กลายเป็นสุนัขลากเลื่อนบนพื้นน้ำแข็งหรือหิมะ สามารถพามนุษย์และสัมภาระอันหนักอึ้งเดินทางไปไหนต่อไหนได้อย่างรวดเร็วท่ามกลางสภาพอากาศอันหนาวเหน็บในแถบอาร์กติก

แม้ไซบีเรียนฮัสกีถูกจัดอยู่ในกลุ่มสุนัขขนาดกลาง แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาที่สง่างามหยิ่งผยองน่าเกรงขามและมีความคล้ายคลึงกับหมาป่า ทำให้ผู้คนซึ่งไม่ได้สัมผัสพวกมันอย่างใกล้ชิดถูกภาพลักษณ์ภายนอกหลอกตา 

ทั้งที่ความจริงแล้วไซบีเรียนฮัสกีเป็นสุนัขที่...

“ไอ้หมาติงต๊อง!”

ศิคาลซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาโวยวายเมื่อสุนัขตัวแสบเอาขาหลังเหยียบขึ้นมาบนหน้าตักของเขาเพื่อใช้เป็นฐานในการปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคอของชายหนุ่ม มันตะเกียกตะกายพาดตัวไปกับพนักพิงด้านหลังและอ้อมศีรษะมาเกยคางลงบนหัวไหล่อีกข้างของศิคาลราวกับเป็นผ้าพันคอขนมิงก์ที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าตัวมิงก์จริงๆ หลายเท่า

“อะไรวะเนี่ย มันหนักนะโว้ยยิมโน!” ศิคาลเอ็ด การปีนป่ายของมันบังคับให้เขาต้องก้มตัวลงและทำโทรศัพท์มือถือร่วงหล่นลงบนเบาะโซฟาระหว่างหน้าขาทั้งสองของตน

เจ้าหมาเพื่อนยากส่งเสียงครวญครางราวกับคนช่างเถียง เพื่อประท้วงว่ามันจะปักหลักอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ไปไหนแน่นอน ชายหนุ่มจำใจยอมแพ้ เขายกมือขึ้นยีหัวยิมโนด้วยความมันเขี้ยวแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

ภาพล็อกหน้าสว่างวาบขึ้น เผยให้เห็นรูปของเจ้าไซบีเรียนฮัสกีซึ่งมีสีขนโดดเด่นอย่างที่เรียกเป็นภาษาทางการว่า ‘สีคอปเปอร์’ เจ้าขนสีทองแดงนี้ขึ้นเป็นวงรอบดวงตาและสันจมูกตัดกับขนสีขาวบริเวณใบหน้าจนดูละม้ายว่ามันสวมแว่นตาอยู่ทั้งยังขับเน้นให้เห็นดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลเด่นชัดขึ้นอีกด้วย

ศิคาลไม่อยากจะคุย แต่บอกไว้หน่อยก็แล้วกัน เจ้ายิมโนของเขาหล่อจนใครๆ อยากได้ไปเป็นพ่อพันธุ์ เพราะมันถือกำเนิดมาจากพ่อแม่ระดับแชมเปียนเลยทีเดียว

เขาได้ยิมโนมาเลี้ยงเนื่องจากไปออกแบบและตกแต่งภูมิทัศน์ให้แก่คอมมิวนิตีมอลล์สำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง เจ้าของทำฟาร์มสุนัขไซบีเรียนฮัสกีด้วย มันตั้งอยู่ในพื้นที่แยกต่างหากใกล้ๆ กันศิคาลได้รับมอบหมายให้ปรับปรุงภูมิทัศน์ในส่วนนั้นด้วย เขาคุมโพรเจกต์ดังกล่าวอยู่เป็นปีๆ คนที่ผูกพันกับสุนัขมาตั้งแต่เด็กอย่างศิคาลจึงถูกลูกหมาไซบีเรียนฮัสกีเกือบร้อยตัวล่อลวงเข้าให้จนต้องอุ้มกลับบ้านมาตัวหนึ่งในราคาหลายหมื่น

ตอนนี้เจ้าตัวแสบโตเป็นหนุ่มแล้ว แต่ยังชอบปีนป่ายขึ้นมาอยู่บนหัวของเขาเหมือนเด็กไม่รู้จักโต

“บรู๊ว์...บรูว์” ยิมโนตะเกียกตะกายลงมานั่งข้างๆ บนโซฟาและมองหน้าเขา

“อะไร”

มันหอนตอบพร้อมชูขาหน้าสะบัดหัวขึ้นไปบนเพดาน

“อยากไปข้างบน?”

ศิคาลชี้ไปยังเพดานซึ่งส่วนหนึ่งถูกเจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ติดกระจกสกายไลต์ทำจากกระจกลามิเนตใส เพื่อให้แสงจากธรรมชาติภายนอกส่องลอดจากหลังคาเข้ามาในตัวบ้านอย่างพอเหมาะ ช่วยให้บ้านดูโปร่งสบาย

“บรู๊ว์” ยิมโนผงกหัว

“ไม่เอาละ พ่อเหนื่อย เมื่อกี้เราเพิ่งไปวิ่งจ็อกกิงกันมาเอง” เขาแกล้งปฏิเสธ

ยิมโนโอดครวญอีกยืดยาว พลางเอาเท้าหน้ามาเขี่ยมือศิคาลอย่างคะยั้นคะยอ

“อยากไปมากเลยเหรอ”

“โฮ่ง!” คราวนี้มันเห่าสั้นๆ ตามด้วยครวญครางออดอ้อนและทำตาปรอยใส่

“ถ้าจะไปก็ขอมือก่อน” เขาแบมือรอ

ยิมโนวางเท้าหน้าบนมือเขา

“อีกมือหนึ่งด้วย” ศิคาลอมยิ้ม

มันเปลี่ยนเป็นเท้าอีกข้างหนึ่งตามคำสั่ง

“เก่งมาก ไหนหอมแก้มพ่อด้วยสิ” ศิคาลเอียงหน้าให้ยิมโนเลียแก้มจนน้ำลายเปียกชุ่ม

“เยี่ยมมากไอ้ลูกชาย” ชายหนุ่มหัวเราะพลางยีหัวมัน แล้วลุกขึ้นยืน “มา! ไปข้างบนกัน”

“โฮ่ง!” ยิมโนกระโดดลงจากโซฟาอย่างกระตือรือร้น หางฟูๆ สีน้ำตาลแดงสลับขาวกระดิกถี่ๆ 

มันวิ่งนำหน้าศิคาลขึ้นบันไดไม้บีชซึ่งมีที่กั้นกับราวทำจากแผ่นกระจกใส เข้ากับบ้านสไตล์โมเดิร์นที่ชายหนุ่มออกแบบร่วมกับเพื่อนสถาปนิก ทันทีที่ถึงชั้นบนยิมโนก็กระโดดและหมุนตัวไปมา ทั้งหอนทั้งเห่าราวกับจะเร่งให้เขารีบมาเปิดประตู

ศิคาลหัวเราะเมื่อลูกชายสี่ขาวิ่งถลาออกไปยังสวนบนชั้นลอยทันทีที่ประตูเปิดออก สถาปนิกหนุ่มจัดแต่งบริเวณนี้ให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางสวนสวยๆ ซึ่งเขาชอบมานั่งดื่มกาแฟทุกเช้า บ้างก็พาเพื่อนฝูงมาสังสรรค์ดีดกีตาร์ร้องเพลง ดื่มเหล้าและย่างบาร์บิคิวไปด้วยกัน

ชายหนุ่มจัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งบนนี้ทำเป็นแปลงผักสวนครัว สวนไม้แดด และยังมีโรงเรือนเล็กๆ สำหรับเลี้ยงกระบองเพชร นี่ยังไม่นับสวนพรรณไม้หลากหลายชนิดที่อยู่ภายนอกตัวอาคาร ทั้งหมดเป็นการทดลองปลูกต้นไม้และจัดสวนตามประสาภูมิสถาปนิกที่ต้องมีความรู้เกี่ยวกับพืชชนิดต่างๆ เพื่อจะได้นำไปใช้กับสวนของลูกค้าได้ การเลี้ยงต้นไม้จึงเป็นกิจกรรมที่ศิคาลโปรดปรานไปโดยปริยาย

ชื่อ ‘ยิมโน’ ก็ย่อมาจากชื่อกระบองเพชรสายพันธุ์ Gymnocalycium มันฟังดูน่ารักที่สุดท่ามกลางชื่อต้นไม้มากมายที่ศิคาลเอามาเป็นตัวเลือกตอนตั้งชื่อของมัน

แต่เจ้ายิมโนที่เป็นสุนัขไม่ได้ชื่นชอบต้นไม้เลย สิ่งที่มันโปรดปรานเวลาขึ้นมาบนชั้นลอยคือระเบียงซึ่งมองเห็นทิวทัศน์รอบรั้วบ้านที่มีอาณาเขตเกือบสามไร่ เนื่องจากมีอาคารอันเป็นที่ตั้งของบริษัทแลนด์สเคปสถาปนิกของศิคาลรวมอยู่ในนี้ด้วยในวันหยุดไม่น่ามีใครมาทำงาน แต่ยิมโนก็ชอบไปเกาะระเบียงส่องดูเผื่อจะเห็นใครสักคน

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นใคร

“อะไรของแกเนี่ย โทร. มาหาฉันเป็นสิบรอบแล้ว”

“ฉันตื่นเต้น!”

แค่ได้ยินเสียงของดินแดน ศิคาลก็รู้เลยว่าเพื่อนรักคงเดินไปเดินมาราวกับหนูติดจั่น ซึ่งเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อวานตอนที่เจ้าตัวแอบกลับเมืองไทยและโทร. หาเขาเป็นคนแรก

ศิคาลกับดินแดนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ ป.๑ ถึง ป.๖ พวกเขายังเบื่อหน้ากันไม่พอจึงเข้าเรียนในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเดียวกัน หลังเรียนจบทั้งคู่ไปทำงานในบริษัทออกแบบและรับเหมางานภูมิสถาปัตยกรรมในประเทศสิงคโปร์ แล้วไปเรียนต่อระดับปริญญาโท ณ สหรัฐอเมริกาด้วยกันอีก พวกเขามาแยกย้ายกันจริงๆ ตอนที่ต่างฝ่ายต่างเข้าทำงานคนละบริษัทซึ่งตั้งอยู่ต่างมลรัฐ ก่อนที่ศิคาลจะกลับเมืองไทยมาเปิดบริษัทของตนเอง

ดินแดนยังอยู่ที่สหรัฐอเมริกาต่ออีกหลายปีหลังจากนั้น เขาพบรักกับบัวชมพู แฟนสาวซึ่งไปเรียนปริญญาโทปีที่แล้วเธอกลับมาสานต่อกิจการโรงเรียนเอกชนของครอบครัวในประเทศไทย ทั้งคู่จึงต้องคบกันในระยะไกล แต่ตอนนี้ดินแดนกำลังจะกลับมาเป็นหุ้นส่วนในบริษัทของศิคาล และมีแผนจะเซอร์ไพรส์ขอบัวชมพูแต่งงานในวันนี้ โดยที่แฟนสาวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาแอบกลับมา

“แค่ขอผู้หญิงแต่งงาน มันยากตรงไหนวะ” ศิคาลปรามาส

“แกต้องลองมีแฟน จะได้เข้าใจฉันเสียที”

“ฉันมีลูกตัวเดียวก็วุ่นวายพอแล้ว”

สถาปนิกหนุ่มมองไอ้ลูกชายที่ยืนสองขาเกาะราวระเบียงเพื่อมองดูทิวทัศน์และบ้านหลังอื่นซึ่งตั้งอยู่ไกลๆ พร้อมกับเห่าหอนทักทายชาวบ้าน สุนัข แมว นก หรืออาจจะกระรอกบนยอดไม้ที่มันชอบนักหนา

“แกฟังเสียงลูกฉันสิ ฉันโคตรเกรงใจเพื่อนบ้านเลย” ศิคาลบ่น

“หมากับเมียจะเทียบกันได้ยังไงวะ” ดินแดนหัวเราะ “ให้ฉันแนะนำสาวๆ ให้มั้ย เพื่อนน้องบัวที่ยังโสดมีตั้งหลายคน”

“ไม่ละ แกอย่ามาทำตัวเป็นป้าฉันอีกคนหนึ่งเลย” ศิคาลเหนื่อยใจกับป้าแท้ๆ ของตนที่ชอบเป็นแม่สื่อแม่ชักให้เขาเพราะอยากอุ้มหลานเต็มที

“ท่านยังไม่เลิกหาเมียให้แกอีกเหรอวะ”

“ยัง เวลาป้าโทร. มาทีไร ฉันกลัวทุกทีบอกตรงๆ เพราะฉะนั้นแกอย่ามาเป็นพ่อสื่ออีกคนเลย ถ้าฉันชอบใคร ฉันจะจีบเอง”

“เออ ไอ้หล่อเลือกได้ เอาที่แกสบายใจเลย ไม่แน่นะ คืนนี้แกอาจจะเจอสาวที่ถูกใจเข้าสักคนก็ได้ เพื่อนของน้องบัวสวยๆ เพียบ”

“แกไม่ต้องมาห่วงความโสดของฉันหรอก ระวังตัวแกเองไว้ดีกว่า เรื่องที่แกขอให้แก้วมาช่วยจัดงานวันนี้ ฉันว่าผู้หญิงไม่น่าจะโอเคนะถ้าแฟนของเรายังคุยกับแฟนเก่าอยู่ แล้วยังขอให้แฟนเก่ามาช่วยเป็นธุระจัดงานเซอร์ไพรส์ขอเราแต่งงานอีก”

แก้วกัลยาเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนเก่าของพวกเขา และเป็นแฟนคนแรกของดินแดนสมัย ม.๕ ทั้งสองเลิกรากันหลังเข้ามหาวิทยาลัยได้ไม่นานเนื่องจากแก้วกัลยาไปเรียนต่อระดับปริญญาตรีในต่างประเทศ แต่ละคนแยกย้ายกันไปเจอสังคมและเพื่อนฝูงใหม่ๆ ทั้งคู่จึงค่อยๆ ห่างและจากกันด้วยดีแบบไม่เกลียดขี้หน้ากัน โดยที่นานๆ ครั้งก็ยังทักทายกันบ้างตามโซเชียลมีเดีย

ศิคาลไม่ได้ติดต่อแฟนเก่าของเพื่อนรักเลยจนกระทั่งไปเจอเธอในงานเลี้ยงรุ่นเมื่อสองปีก่อน แก้วกัลยามาขอคำปรึกษาเรื่องการรีโนเวตโรงแรมของครอบครัว ดินแดนรู้เข้าจึงกลับมาคุยกับแก้วกัลยาบ่อยกว่าศิคาลเสียอีก ศิคาลเตือนเพื่อนรักมาหลายรอบแล้วตั้งแต่เขาทราบว่าดินแดนจองสวนบริเวณริมน้ำในโรงแรมของแก้วกัลยามาจัดงานฉลองวันคล้ายวันเกิดของบัวชมพูและจะเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน

“ฉันกับแก้วบริสุทธิ์ใจโว้ย น้องบัวไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยหรอก”

“แต่ฉันมีน้องสาว ครีมเคยอาละวาดบ้านแตกมาแล้วตอนที่รู้ว่าสามีแอบไปคุยกับแฟนเก่า”

ศิคาลรู้ซึ้งถึงพลานุภาพแห่งความหึงหวงของน้องสาวที่เพิ่งตั้งครรภ์อ่อนๆ เธอแอบเห็นข้อความว่าสามีติดต่อกับอดีตคนรัก แม้จะเป็นการถามสารทุกข์สุกดิบธรรมดา เธอก็โมโหถึงขั้นหอบผ้าผ่อนหนีจากบ้านสามีที่ต่างจังหวัดมาอยู่กับศิคาลที่กรุงเทพฯ นานเป็นสัปดาห์เลยทีเดียวกว่าสามีจะง้องอนได้สำเร็จ

“น้องแกกำลังตั้งท้อง มันอาจเป็นเพราะฮอร์โมนคนท้องก็ได้”

“ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่อยากให้แกเสี่ยง”

“เอาน่า ยังไงมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ถ้าไม่มีใครกระโตกกระตากบอกน้องบัว เธอก็ไม่รู้หรอก”

“ไม่มีความลับอยู่ในโลกหรอกนะไอ้ดิน”

“แกอย่าพูดให้ฉันใจเสียสิ ฉันต้องการกำลังใจจากแกนะโว้ย”

“โอเคๆ ฉันให้กำลังใจ ขอให้ทุกอย่างราบรื่น ไม่มีอะไรผิดพลาดก็แล้วกัน” ศิคาลภาวนา

 

สถาปนิกหนุ่มเดินทางไปถึงโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมกีตาร์คู่ใจ ก่อนเวลาที่ดินแดนนัดหมายเล็กน้อย

ตามแผนแล้วบัวชมพูจะมารับประทานอาหารเย็นกับเพื่อนที่โรงแรมแห่งนี้ โดยที่หญิงสาวไม่รู้เลยว่าบริเวณจัดเลี้ยงในสวนริมแม่น้ำถูกเตรียมไว้สำหรับค่ำคืนอันพิเศษ 

ทีมงานหลายสิบคนกำลังกลุ้มรุมตกแต่งสถานที่ทั่วทุกมุมสวนให้เต็มไปดอกบัวสีชมพู บ้างก็ช่วยกันโยงไฟประดับไปตามต้นไม้เวทีซึ่งยกพื้นเตี้ยๆ ขึ้นมาเพียงหนึ่งฟุตจำนวนสองเวที ถูกสร้างขึ้นตามที่ดินแดนทุ่มเทออกแบบอย่างที่คิดว่าแฟนสาวน่าจะชอบ เวทีแรกมีขนาดใหญ่กว่า ใช้สำหรับวงดนตรีอะคูสติก ขณะที่อีกเวทีซึ่งเป็นทรงกลมตั้งอยู่ติดแม่น้ำจะเป็นจุดที่ดินแดนใช้ขอบัวชมพูแต่งงาน 

ศิคาลมองหาเพื่อนรัก ไม่สนใจสาวน้อยสาวใหญ่ซึ่งต่างก็แอบมองตน เขามักดึงดูดสายตาสาวๆ อยู่เสมอด้วยความที่มีใบหน้าหล่อคมคายและรูปร่างสูงใหญ่ เข้าสไตล์ ‘ดาร์ก ทอล แอนด์ แฮนด์ซัม’ ยิ่งวันนี้สถาปนิกหนุ่มสวมเสื้อยืดแขนสั้นขนาดพอดีตัวกับกางเกงยีนและรองเท้าผ้าใบสุดเท่ สายสะพายกล่องกีตาร์แนบไปกับตัวเสื้อจนเห็นกล้ามเป็นมัดๆ มีเส้นเลือดปูดโปนอยู่บนท่อนแขนแข็งแรง สาวๆ หลายคนตาลุกวาวด้วยความชื่นชม

“คราม!” เสียงหวานใสของแก้วกัลยาดังขึ้น 

ทายาทเจ้าของโรงแรมยิ้มย่องผ่องใสให้เขา เธอสวมแพนต์สูทสีขาวงาช้างตัดเย็บเข้ารูปไปกับแนวโค้งมนของเรือนร่างและเอวคอดกิ่วอย่างพอดิบพอดี แต่เซ็กซี่เต็มตาด้วยเสื้อเกาะอกแนบเนื้อ อวดร่องอกเบียดชิด เป็นความเปรี้ยวที่ดูแพงตั้งแต่หัวจดเท้าสมศักดิ์ศรีคุณหนูแก้วกัลยาดาวเด่นของโรงเรียน ซึ่งปัจจุบันเป็นสาวไฮโซที่ได้ชื่อว่า สวย รวย เก่ง เพอร์เฟกต์

“ทำไมครามไม่ใส่สูทมา” แก้วกัลยาตีต้นแขนเขาดังเผียะราวกับคุณครูที่ทำโทษเมื่อนักเรียนแต่งกายผิดระเบียบ

“มันอยู่ในรถ เดี๋ยวผมค่อยไปเอา”

“ค่อยยังชั่ว อย่าลืมเชียวนะว่าวันนี้ครามเองก็ต้องหล่อเหมือนกัน” เธอเตือนด้วยใบหน้าดุๆ 

“ผมกลัวจะหล่อกว่าไอ้ดินน่ะสิแก้ว ว่าแต่ตอนนี้ไอ้ดินมันอยู่ไหนเหรอ” ชายหนุ่มกวาดตาไปรอบๆ 

“ในห้องโน้น” แก้วกัลยาชี้ไปยังห้องแอร์ในตัวอาคาร “เดี๋ยวแก้วพาไป”

ศิคาลเดินตามหญิงสาวไปหาดินแดนซึ่งโผกอดเขาทันทีราวกับคนกำลังจมน้ำที่เจอห่วงยางลอยมา

“ไอ้คราม แกมาเสียที ฉันตื่นเต้นจนฉี่จะราดแล้วเนี่ย เพื่อนคนอื่นทำไมยังไม่มาอีกวะ”

“เว่อร์ไปแล้วแก เดี๋ยวพวกมันก็มา” เขาผละจากอ้อมกอดน่าขนลุกของไอ้เพื่อนซี้

“ฉันกลัวซ้อมไม่ทัน” ดินแดนหมายถึงซ้อมร้องเพลงกับวงดนตรี ซึ่งเขากับเพื่อนๆ ร่วมกันก่อตั้งในสมัยมัธยม แต่ละคนแยกย้ายกันไปหลังเรียนจบ และมารวมตัวกันเฉพาะกิจเพื่อวันสำคัญนี้

“ทันสิวะ พวกฉันซ้อมกันเองมาแล้ว เหลือแค่ซ้อมกับแกนี่แหละ แต่แกมันมืออาชีพอยู่แล้วนี่ จะกลัวอะไร”

“ฉันต้องกลัวสิ กลัวไปหมดทุกอย่างเลย กลัวมีอะไรผิดพลาด กลัวน้องบัวไม่ตอบตกลง” นี่ไม่น่าจะใช่คำตอบของดินแดนผู้รักปาร์ตีและเจนจัดต่อการร้องเพลงบนเวทีในงานต่างๆ 

“ไม่เห็นต้องกลัวเลย ดินหล่อ รวย ครบเครื่อง หน้าที่การงานก็เลิศ ผู้หญิงคนไหนไม่อยากได้ดินก็โง่เต็มทีแล้ว แก้วก็เตรียมการทุกอย่างมาให้ดินตั้งขนาดนี้ น้องเขาไม่ตอบตกลงก็ให้มันรู้ไป เอาแค่ดอกบัวที่ดินพับเองนี่ก็ชนะเลิศแล้วจ้า... ครามยังไม่เห็นใช่มั้ย ดินพับดอกบัวเอง จัดช่อเองกับมือด้วยนะ ดินมาขอให้แก้วหาคนมาช่วยสอนน่ะ” แก้วกัลยาชี้ไปยังดอกบัวสีชมพูช่อโตซึ่งมีถุงพลาสติกใสห่อหุ้มกันลมไว้อย่างดี เพื่อไม่ให้กลีบบัวเปลี่ยนเป็นสีคล้ำก่อนเวลาอันควร

“โอ้โห ทำไมแกไม่ใส่ธูปเทียนไปด้วยเลยวะ” ศิคาลแซว

“ฉันลืม เฮ้ย! ไม่ใช่ ฉันขอน้องบัวเป็นเมีย ไม่ได้ให้เป็นแม่นะโว้ย แกไม่มีแฟน แกไม่เข้าใจหรอก”

“เออ ฉันไม่เข้าใจ แล้วถึงฉันจะมีแฟน ฉันก็จะไม่ทำอะไรเลี่ยนๆ แบบนี้ด้วย แต่แกทำดีแล้วละ น้องบัวจะต้องภูมิใจในตัวแกและตอบตกลงอย่างแน่นอน” ศิคาลตบบ่าเพื่อน

“สาธุ สมพรปาก แต่ฉันขอแช่งแกหน่อยนะไอ้คราม ขอให้แกมีแฟนชื่อมะลิ จำปี จำปา ดอกแก้ว ดอกรัก หรือดอกอะไรเทือกๆ นั้น แล้วแกก็ต้องไปหัดร้อยพวงมาลัยให้เธอตอนขอแต่งงาน”

“มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นกับฉันหรอกโว้ย!” ศิคาลพูดอย่างมั่นใจ

“เออ ฉันจะคอยดู!” ดินแดนยิ้มหยัน เช่นเดียวกับแก้วกัลยาที่หัวเราะคิกคักไปด้วยอีกคน

 

เวลาหนึ่งทุ่มตรง เพื่อนของบัวชมพูแอบส่งข้อความมาว่ากำลังจะเดินทางมาถึง ครอบครัวและญาติมิตรสนิทสนมที่ได้รับเชิญมาเป็นสักขีพยานจึงรีบเข้าประจำที่ 

สวนสวยริมแม่น้ำซึ่งศิคาลเป็นคนออกแบบภูมิทัศน์ทั้งหมดถูกเนรมิตให้ดารดาษไปด้วยดอกบัวสีชมพู ไฟประดับสีนวลซึ่งระโยงระยางอยู่ตามต้นไม้ให้บรรยากาศสุดแสนโรแมนติก ศิคาลกับเพื่อนอีกสามคนยืนอยู่บนเวทีเตี้ยๆ พร้อมเครื่องดนตรีอะคูสติกตามที่บัวชมพูชอบ ศิคาลเล่นกีตาร์โปร่ง ส่วนเพื่อนคนอื่นมีทั้งเบสโปร่ง คีย์บอร์ดและกลองไฟฟ้า ทุกคนสวมแจ็กเกตสูทสีเทาอ่อนคล้ายศิคาล ขณะที่นักร้องนำซึ่งสวมสูทสีขาวทั้งชุดอย่างหล่อเหลาจำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ข้างหลังก่อน

“มาแล้วค่ะๆ!”

เพื่อนคนหนึ่งของบัวชมพูประกาศกับแขกเหรื่อหลังได้สัญญาณลับจากเพื่อนซึ่งมาพร้อมเจ้าของวันเกิด ทุกคนจึงพากันเงียบกริบ ศิคาลเผลอลุ้นตามไปด้วยจนแทบลืมหายใจ 

จากการแอบมองในระยะไกล มือกีตาร์หนุ่มเห็นบัวชมพูเดินเข้างานมา เธอสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นจากฝูงชนที่รออยู่

“แฮปปีเบิร์ทเดย์!”

“ว้าย! ทำไมทุกคนมาอยู่ที่นี่คะ พ่อกับแม่ด้วย ไหนว่าไม่ว่างไง”

บัวชมพูต่อว่าบิดามารดาซึ่งโป้ปดว่าจะไปต่างจังหวัดกับเพื่อน เจ้าหล่อนอุทานเป็นระยะอย่างอัศจรรย์ใจขึ้นเรื่อยๆ ที่เห็นญาติและเพื่อนๆ มารวมตัวกันโดยไม่คาดหมาย ทุกคนหัวเราะกันอย่างครื้นเครง

ร่างอ้อนแอ้นของบัวชมพูเริ่มชัดเจนขึ้นกว่าเดิมในคลองจักษุของศิคาล เมื่อเธอก้าวมาถึงจุดที่ครอบครัวของดินแดนรออยู่ ร่างเพรียวสวมเดรสสั้นเกาะอกตัดเย็บจากผ้าพิมพ์ซึ่งไล่เฉดจากสีขาวไปจนถึงสีชมพูอ่อน กระโปรงสั้นแบบสุ่มบานสวยหวานสมกับคนที่กำลังจะได้เป็นว่าที่เจ้าสาวโดยไม่รู้ตัว

แต่สิ่งที่ดูขัดๆ คือลูกสุนัขไซบีเรียนฮัสกีสีน้ำตาลแอปริคอตซึ่งบัวชมพูอุ้มมาอย่างทุลักทุเล

ศิคาลรู้จักเจ้าเทียนหอม หมาน้อยขนปุยตัวนี้ดี ดินแดนมอบหมายให้เขาช่วยไปเลือกลูกสุนัขมาจากฟาร์มที่เคยได้เจ้ายิมโนมา และฝากให้เอาไปให้บัวชมพูเนื่องในโอกาสครบรอบสามปีที่เป็นแฟนกัน เพราะหญิงสาวหลงรักสุนัขพันธุ์นี้ของเพื่อนคนหนึ่งเอามากๆ และบ่นอยู่บ่อยๆ ว่าอยากได้มาเลี้ยงไว้สักตัว นั่นคือเหตุการณ์เมื่อประมาณหนึ่งเดือนก่อน 

เทียนหอมติดบัวชมพูมาก และหญิงสาวก็เฝ้าทะนุถนอมมันประดุจลูกน้อย ดินแดนทราบดี เขาจึงแอบกระซิบให้เพื่อนสนิทของแฟนสาวหลอกล่อเธอให้พามันมาอยู่ร่วมในโอกาสสำคัญนี้ด้วย แม้ว่าแก้วกัลยาจะไม่ค่อยอยากให้สุนัขเข้ามาในโรงแรมของตนสักเท่าไร แต่เมื่อดินแดนขอร้องเนื่องในโอกาสพิเศษของเขา เธอจึงยอมให้สักครั้ง

ทว่าตอนนี้เทียนหอมซึ่งสวมปลอกคอและติดสายจูงสีชมพูกลิตเตอร์อ่อนๆ เข้ากับสีชุดของบัวชมพูคงไม่อยากอยู่ในอ้อมกอดของเธอนัก มันจึงดิ้นรนพร้อมกับเห่าหอน น่าจะอึดอัดที่ใครๆ มากอดบัวชมพูและพานโอบรัดร่างหนักอึ้งของมันไปด้วย

ตอนนั้นเองที่หญิงสาวอีกคนซึ่งเดินตามหลังบัวชมพูมาตลอดปราดเข้ามาช่วยอุ้มลูกสุนัขไว้แทน

เทียนหอมดีใจอย่างออกนอกหน้า มันกระดิกหางดิ๊กๆ เลียพวงแก้มของหญิงสาวอย่างให้รางวัล เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มหัวเราะชอบใจ เธอไม่แสดงท่าทางรังเกียจน้ำลายของมันเลยสักนิด ดูเหมือนจะชอบเสียด้วย 

ปฏิสัมพันธ์ที่น่ารักระหว่างคนกับสุนัขทำให้ศิคาลเผลอยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัว

หญิงสาวไม่ใช่คนสวยงามละมุนละไมราวกับภาพวาดของนางในวรรณคดีแบบบัวชมพู และไม่ใช่สาวเปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟันอย่างแก้วกัลยา แต่เธอมีใบหน้าจิ้มลิ้มออกไปทางน่ารักเสียมากกว่า ดวงตากลมโตมีชีวิตชีวา จมูกรั้น แก้มป่อง เรียวปากแต้มยิ้มอยู่ตลอด และผมยาวสลวยซึ่งถูกมัดเป็นหางม้าที่กวัดแกว่งไปตามการเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่วทำให้สาวน้อยผู้นี้เหมาะกับคำว่าบ้องแบ๊วน่าเอ็นดู

ร่างอ้อนแอ้นสวมชุดแส็กแขนกุดสีนู้ดแบบเรียบๆ แต่เก๋ไก๋เข้ากับผิวสีน้ำผึ้งของคนใส่ ความยาวของชายกระโปรงเลยเข่าลงมาเล็กน้อยอย่างเรียบร้อย เธอคงไม่อยากโดดเด่นเกินหน้านางเอกของงาน แต่ถึงกระนั้นก็ยังดึงดูดสายตาของหนุ่มๆ หลายคนอยู่ดี ไม่เว้นแม้แต่ศิคาล

‘เพราะว่าเธออุ้มเทียนหอมยังไงล่ะ!’

สถาปนิกหนุ่มให้เหตุผลแก่ตนเองโดยไม่เสียเวลาคิด คนรักสุนัขก็ต้องมองสุนัข แล้วเลยไปถึงคนอุ้มสุนัขซึ่งแสดงกิริยาน่ารักต่อสุนัขตัวนั้น

“สุขสันต์วันเกิดนะหนูบัว” บิดาของดินแดนกล่าวกับเจ้าของวันเกิดที่กำลังซาบซึ้งจนน้ำตาคลอหน่วย

“ดินฝากแฮปปีเบิร์ทเดย์มาด้วยนะจ๊ะ เดี๋ยวจะมีของขวัญจากเขาตามมาด้วยจ้ะ” มารดาของแฟนหนุ่มยิ้มกริ่ม

“ขอบพระคุณค่ะ บัวอยากให้พี่ดินกลับมาเร็วๆ มากกว่า คิดถึงจะตายอยู่แล้ว” บัวชมพูโอดครวญ

“ตาดินก็คงคิดถึงลูกเหมือนกันแหละจ้ะ” มารดาของบัวชมพูเดินเข้ามากอดเอวบุตรสาว โดยมีบิดาตามมาติดๆ 

“แต่พี่ดินหายไปทั้งวันเลยนะคะ ป่านนี้ก็ยังไม่โทร. มาเลย” บัวชมพูตัดพ้อ พานให้แขกในงานลอบยิ้มให้กันและกัน

“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอเชิญน้องมาดูของขวัญวันเกิดชิ้นแรกจากดินกันเลยดีกว่าค่ะ” แก้วกัลยาเดินแหวกฝูงชนเข้ามาด้วยมาดนางพญา

‘เชี่ย!’ ศิคาลสบถในใจ...ตามที่ตกลงกันไว้ ผู้ทำหน้าที่นี้คือทีมงานของโรงแรม ไม่ใช่เจ้าของ ‘แล้วแก้วจะมาอยากมีส่วนร่วมอะไรกันตอนนี้วะ!’

“คุณคือ...” บัวชมพูขมวดคิ้ว

“แก้วกัลยา เป็นเพื่อนสนิทของดิน และเป็นเจ้าของโรงแรมนี้ค่ะ แต่วันนี้พี่ยกริเวอร์ไซด์การ์เดนให้เป็นของขวัญวันเกิดของน้องชั่วคราวตามคำขอของดินค่ะ”

บัวชมพูย่นหัวคิ้ว แต่ก็ยอมทำตามแรงคะยั้นคะยอของบิดามารดาดินแดนที่ให้เธอก้าวตามเจ้าของสถานที่มายังหน้าเวทีซึ่งศิคาลกับเพื่อนๆ ยืนคอยอยู่ 

ความกังวลของมือกีตาร์หนุ่มคลายลงเมื่อเขาเห็นว่าเจ้าเทียนหอมเห่าอย่างดีใจทันทีที่เห็นตน มันกระโจนลงจากอ้อมแขนของเพื่อนบัวชมพูโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว แล้ววิ่งลากหญิงสาวซึ่งจับสายจูงของมันอยู่ให้มาหาศิคาลด้วยกัน ชายหนุ่มหัวเราะและก้มลงทักทาย

“เทียนหอม!” เสียงหวานๆ ปรามเจ้าหมาน้อยอย่างอ่อนใจ

ศิคาลเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะสบประสานกับเขา 

“ขอโทษด้วยนะคะ” เธอยิ้มแหยพลางค้อมศีรษะให้ และรีบอุ้มเทียนหอมออกไป 

แม้เป็นเพียงชั่วเวลาสั้นๆ ที่หญิงสาวและศิคาลสบตากัน ชายหนุ่มก็สังเกตได้ทันว่าในวงหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรานั้นมีลักยิ้มบุ๋มน่ารักประดับอยู่ด้วย

“พี่คราม!” น้ำเสียงตื่นเต้นของบัวชมพูดึงสติเจ้าของชื่อให้หันไปมองเธอแทน “พี่เชษฐ์ พี่จ๋อง พี่ฮุน พวกพี่ก็มาด้วยเหรอคะ”

“คร้าบ วันนี้วันเกิดน้องบัว พวกพี่จะพลาดได้ยังไง” มือกลองพูดออกไมโครโฟนพร้อมกับยิ้มทะเล้น

“งื้อ ขอบคุณมากนะคะ” บัวชมพูกระพุ่มมือไหว้ ดวงตาแวววาวอย่างคาดหวัง

“พอดีว่าไอ้ดิน เอ๊ย! ดินแดนมาขอให้พวกเรารวมตัวกันเฉพาะกิจเพื่อเล่นดนตรีเพลงหนึ่งที่เขาบอกว่าน้องบัวชอบให้เป็นของขวัญวันเกิดน้องบัวครับ มาฟังไปด้วยกันนะ”

ศิคาลพยักหน้าให้เพื่อน มือกลองจึงส่งสัญญาณก่อนที่เพลงรักจะบรรเลงขึ้น

น้ำตาของบัวชมพูเอ่อคลอ และไหลพรั่งพรูทันทีที่เธอเห็นนักร้องนำถือดอกบัวช่อโตขึ้นมาบนเวทีทรงกลมที่ตั้งอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย 

“พี่ดิน!” หญิงสาววิ่งถลาเข้าไปกอดดินแดนจนร่างสูงเซไปข้างหลัง

บรรยากาศซาบซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ดินแดนซึ่งโอบเอวแฟนสาวไว้แน่นถึงกับร้องเพลงต่อไม่ได้อยู่ครู่หนึ่ง ทุกคนในงานพากันซับน้ำตาและแย้มยิ้มอย่างตื้นตันใจ ไม่เว้นแม้แต่สาวน้อยซึ่งยืนลูบขนปุกปุยของเจ้าเทียนหอมอยู่ข้างเวทีที่ศิคาลเล่นดนตรีอยู่

ดินแดนซับน้ำตาให้แฟนสาวและตนเอง เขาพยายามฮึดสู้จนร้องเพลงบอกรักบัวชมพูต่อได้จนจบสมความตั้งใจท่ามกลางเสียงปรบมืออย่างกึกก้องของทุกคนในงาน

“พี่ดินแอบมาก็ไม่บอก” บัวชมพูต่อว่าด้วยน้ำเสียงอู้อี้ 

“พี่อยากเซอร์ไพรส์หนูไงคะ สุขสันต์วันเกิดนะคะที่รัก ดอกบัวช่อนี้พี่พับเองและจัดช่อเองกับมือเลยนะคะ”

“จริงเหรอคะ พี่ดินทำเองทั้งหมดนี่เลยเหรอ” หญิงสาวเบิกตามองดอกบัวในอ้อมแขน

“จริงค่ะ แต่มันเละจนพี่ต้องแอบทิ้งไปหลายดอกเลย” ชายหนุ่มยิ้มเขินๆ 

“แค่นี้ก็เป็นช่อดอกบัวที่สวยที่สุดตั้งแต่หนูเคยเห็นมาแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่รัก แล้วขอบคุณพี่ๆ ทุกคนด้วยค่ะ” บัวชมพูยกมือไหว้ศิคาลและเพื่อนร่วมวง ตลอดจนทุกคนที่มาในงาน

“ที่จริงแล้วพี่มีของขวัญอีกชิ้นหนึ่งเตรียมมามอบให้หนูด้วยค่ะ” ดินแดนคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น

เสียงอุทานดังขึ้นทั้งจากบัวชมพู และแขกเหรื่อที่แม้ว่าจะรู้กันอยู่แล้วแต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้

“พี่ไม่อยากอยู่ห่างจากที่รักอีกแล้ว เรามาอยู่ด้วยกันตลอดไปเลยได้มั้ยคะ” ชายหนุ่มล้วงเข้าไปในอกเสื้อ หยิบกล่องแหวนจากแบรนด์เครื่องประดับดังระดับโลกออกมา

“พี่ดิน...” บัวชมพูยกมือข้างที่ไม่ได้ถือช่อดอกบัวขึ้นมาปิดปาก ดวงตาสั่นระริกด้วยน้ำตาที่รื้นขึ้นมาอีกครั้ง

“แต่งงานกับพี่นะคะ”

ดินแดนเปิดฝากล่องแบบพับได้ และยื่นกล่องออกไปข้างหน้า แหวนเพชรสีชมพูสะท้อนแสงไฟจนเกิดประกายวับวาว ทุกคนในที่นั้นแทบจะกลั้นหายใจด้วยความลุ้น

บัวชมพูสะอื้นฮัก และพยักหน้าแรงๆ 

“ค่ะ!” หญิงสาวยื่นมือข้างที่ถนัดออกไปอย่างลืมตัว

“ผิดมือๆ” เสียงตะโกนดังขึ้นจากกลุ่มคนซึ่งร่วมลุ้นอยู่ด้านล่าง

ว่าที่เจ้าสาวหัวเราะแก้เก้อ เธอยื่นมือข้างซ้ายออกไปเพื่อให้ดินแดนสวมแหวนอย่างบรรจง

ศิคาลกับเพื่อนในวงผลัดกันตีมือกันและกัน ภารกิจสำคัญสำเร็จลงอย่างงดงาม เขาเห็นสาวน้อยในชุดเดรสสีนู้ดยิ้มเบิกบาน เธอจูบหัวเทียนหอมสองสามทีและผลัดกันซับน้ำตากับเพื่อนๆ ที่ยืนลุ้นอยู่ด้วยกัน

“น้องลินครับ ช่วยพาเทียนหอมมาที่นี่หน่อยนะครับ” ดินแดนประกาศออกไมโครโฟน

ศิคาลได้รู้เสียทีว่าสาวน้อยร่างกะทัดรัดมีชื่อว่า ‘ลิน’ และตอนนี้เธอกำลังจูงเทียนหอมไปหาบัวชมพูกับดินแดนซึ่งยืนรอลูกน้อยสี่ขาอยู่

หญิงสาวเดินกลับมาโดยที่ยังยิ้มไม่หุบ ลักยิ้มบุ๋มจึงแต่งแต้มอยู่บนพวงแก้มทั้งสองข้างอย่างน่าเอ็นดู จังหวะนั้นเธอเบนสายตามาทางศิคาลซึ่งเผลอมองอยู่อย่างชื่นชมพอดี ดวงตาสองคู่จึงสบประสานอีกครั้ง

“ผมจะมีเมียแล้วคร้าบ!” ดินแดนตะโกนก้องอย่างมีความสุข “อย่างนี้มันต้องจุดพลุฉลอง!”

“พลุเหรอคะ!” เสียงบัวชมพูดังลอดเข้ามาในไมโครโฟน

“ครับ พี่จัดพลุชุดใหญ่เป็นของขวัญให้หนูเลยนะ...เซอร์ไพรส์!”

“ไม่นะ!” น้อง ‘ลิน’ ส่ายหน้ารัวๆ ด้วยความตื่นตระหนก

ก่อนที่ศิคาลจะได้คำตอบว่าทำไมเธอจึงมีท่าทางตกใจถึงเพียงนั้น เสียงระเบิดกัมปนาทของพลุชุดใหญ่ก็แผดก้องขึ้นตามด้วยเสียงร้องโหยหวนอย่างตื่นกลัวจนถึงขีดสุดของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง!

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น