4

บทที่ 4


 

บทที่ ๔

 

“ผมลืมไปเสียสนิทเลย ผม...จุลภาคครับ เรียกว่า จุล ก็ได้ครับ”

            “หน่อยค่ะ อมรา” หญิงสาวเผยยิ้มกว้างตามแบบฉบับของตนเอง “ไปกันเลยไหมคะ คุณนำไปเลยค่ะ”

หญิงสาวชี้ชวน รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันทีเมื่อมีคนเก่งภาษาไปไหนมาไหนคล่องอยู่กับตัว

            แล้วมันผิดจากที่คิดเสียที่ไหน เขาพาเธอขึ้นลงสถานีรถไฟได้อย่างคล่องแคล่ว เพียงไม่นานอมราก็ได้มายืนอยู่หน้าลูกโลกขนาดใหญ่ที่กำลังหมุนรอบตัวเอง มีไอหมอกสีขาวพ่นออกมาเป็นระยะ ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างก็จับจองพื้นที่เพื่อหาที่ถ่ายรูปที่บันทึกภาพเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก อารามดีใจทำให้อมราคว้ามือของจุลภาค พาเขาวิ่งไปยังจุดที่ว่างอยู่

ชายหนุ่มก้มมองมือเล็กที่จับมือของเขาเอาไว้แน่น พร้อมกับรอยยิ้มบนริมฝีปากที่ค่อยๆ เผยกว้างขึ้น และกว้างขึ้น

“ถ่ายรูปกันค่ะ” หญิงสาวหันกลับมาชักชวน นำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเซลฟีไปเสียหลายรูป ทั้งตัวเองและภาพคู่ที่โมเมถือวิสาสะถ่ายเก็บไว้แบบรัวๆ

งานนี้ต้องมีอวด...หญิงสาวกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ภายในใจ นึกถึงสีหน้าตื่นเต้นแกมอยากรู้อยากเห็นของสามสาวเพื่อนรักออกทันทีหากเธอนำภาพที่ถ่ายไว้ไปอวด

“ผมถ่ายให้คุณไหมครับ”

หญิงสาวหันมายิ้มหวาน พยักหน้ารับแทบจะทันที

“เรียกหน่อยก็ได้ค่ะ” หญิงสาวบอกพร้อมวางโทรศัพท์มือถือของตนลงบนมือของจุลภาคด้วยความไว้ใจ แล้ววิ่งผละไปตั้งท่าอยู่ยังจุดที่คิดว่าใกล้ลูกโลกมากที่สุด

“พร้อมนะครับ”

“ค่ะ”

แทนที่หญิงสาวจะโพสท่าสวยงาม จิกเท้าวางมือวางไม้สวยงามแบบสาวๆ คนอื่น อมรากลับยกแขนขึ้นทั้งสองข้างราวกับจะโอบโลกจำลองไว้ทั้งใบ แล้วยังกระโดดตัวลอย ทำเอาคนถ่ายรูปถึงกับกลั้นยิ้มไม่อยู่เมื่อแต่ละท่าของหญิงสาวมันชวนให้ยิ้มและหัวเราะออกมา แม้แต่ผู้คนที่ถ่ายรูปอยู่ใกล้ๆ กันยังมีการเลียนแบบท่าทางของหญิงสาว ดูน่าหัวเราะ

“ไหนๆ สวยไหมคะ” หญิงสาววิ่งกลับมายื่นหน้าเข้าไปดูภาพในโทรศัพท์มือถือใกล้ๆ

จุลภาคขยับออกห่างเมื่อใบหน้าของอมราเข้ามาใกล้เขาจนแทบชิดโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด เพราะมัวแต่ห่วงจะดูรูปที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ ในขณะที่มือของเธอวางอยู่บนท่อนแขนเขาราวกับทำไปตามธรรมชาติ ไม่มีจริตจะก้าน ท่าทางเหมือนเขาเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกับเธอมาเนิ่นนาน ดวงตาคมที่มีขนตาหนาเหลือบมองซีกหน้าผุดผ่องของอมรา แก้มหญิงสาวเปลี่ยนสีเป็นแดงระเรื่อตามสภาพอากาศ รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าส่งให้ชวนมอง ยามเมื่อเห็นหญิงสาวเขากลับนึกไปถึงลักษณะท่าทางของหลานสาว ลูกสาวคนเดียวของจิดาภาพี่สาวคนกลาง ที่ซุกซน สดใส อารมณ์ดี กระตือรือร้นไปกับทุกสิ่งที่ได้เจอ

“คุณถ่ายรูปเก่งจังค่ะ ฉันถ่ายรูปให้คุณบ้างนะคะ” อมราดึงโทรศัพท์มาถือไว้ แล้วพยักพเยิดให้จุลภาคไปยืนอยู่ตรงจุดที่เธอเคยยืน

โห...แค่ยืนเฉยๆ ยังดูดี...หญิงสาวกดชัตเตอร์รัวๆ มือไม้สั่นไปหมดเมื่อบันทึกภาพในโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่ง

แล้วโทรศัพท์มือถือในมือก็ค่อยๆ ถูกลดลง เมื่อเห็นชายหนุ่มยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่ซึมออกมาตามใบหน้าและลำคอ ในขณะที่ตัวเธอใช้หลังมือเช็ดยามมีเหงื่อออก ไม่ได้พกผ้ามาบรรจงเช็ดเหมือนที่จุลภาคทำ

ฟ้ากับเหว...

“เข้าไปข้างในกันเลยไหมครับ” เขาหันมาชวน พร้อมกับเดินนำไปต่อแถว แถมยังเปิดทางให้เธอไปยืนข้างหน้าอีกต่างหาก

อยากกรีดร้อง...นี่มันสุภาพบุรุษชัดๆ

และมันก็ดีมากๆ ที่วันนี้เป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันหยุด ผู้คนที่มาท่องเที่ยวยังสถานที่แห่งนี้เลยไม่มาก คิวเครื่องเล่นต่างๆ รอไม่นานก็ได้เล่น ไม่ต้องไปยืนเข้าแถวขดไปขดมาแบบที่เคยอ่านตามเว็บบอร์ดพาเที่ยวต่างๆ

“คุณมาที่นี่หลายหนแล้วหรือคะ” อมราหันไปถามเขาด้วยความสงสัย เพราะเขาดูคล่องแคล่วไปหมด 

‘ดูสิขนาดเหงื่อออก กลิ่นตัวยังหอมเลย’ หญิงสาวพยายามเก็บอาการ ไม่ไล่ดมกลิ่นหอมๆ ที่ลอยล่องออกมาจากตัวของจุลภาค ดวงตาที่พยายามสะกดอารมณ์และความรู้สึกเพ่งพิจารณาชายหนุ่ม เขาดูมีอายุมากกว่าเธอหลายปี ดูเป็นคนมีความรู้มีความสามารถ ลักษณะท่าทางสุขุมเยือกเย็น เป็นที่พึ่งพาได้ และที่สำคัญคือหล่อมากๆ

“ผมมาที่สวนสนุกแห่งนี้เป็นครั้งแรก แต่ถ้าเป็นสิงคโปร์นี่หลายครั้งแล้ว ก่อนหน้านี้ผมมาประชุม หนนี้ก็มาประชุม พอดีเมื่อเช้าไม่ค่อยมีอะไร ช่วงสายเลยว่าง ก็พอดีกับที่คุณชวนออกมา”

“แต่ท่าทางคุณคล่องและเก่งภาษามากเลยนะคะ หน่อยเลยนึกว่าคุณมาที่นี่หลายหนแล้ว”

“เพราะไม่เคยมา พอคุณชวนผมเลยนึกสนุกอยากมา และอีกอย่างก็คงดีกว่าการนอนอยู่ที่โรงแรมเฉยๆ”

อมรายิ้มแฉ่ง “งั้นวันนี้เรามาตะลุยไปด้วยกันเลยค่ะ”

หญิงสาวชักชวนด้วยท่าทางกระตือรือร้น ทำเอาคนร่วมทางพลอยนึกสนุกตามไปด้วย

 

พอได้เข้ามาภายใน อมราก็ตื่นตาตื่นใจไปเสียหมดทุกอย่าง เพราะตึกที่ถูกออกแบบให้สวยงาม มีเอกลักษณ์ เต็มไปด้วยตัวการ์ตูนและร้านค้าขายของที่ระลึกมากมายชวนให้เสียเงินได้ทุกร้าน และหลายครั้งเหลือเกินที่อมราเผลอฉุดกระชากลากแขนดึงจุลภาคเข้าไปในร้านรวงต่างๆ เข้าร้านโน้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น ไม่เว้นแม้แต่เครื่องเล่นต่างๆ ทั้ง Transformers The Ride 3D ซึ่งเป็นรถคันเล็กๆ วิ่งไปบนราง ขณะเล่นต้องสวมแว่นสามมิติ ผจญภัยแบบในฉาก Transformers มีเหวี่ยง ถอยหลัง ตกลงจากบนตึก หรือ Revenge of the Mummy ที่เป็นรถไฟเหาะผจญภัยในที่มืด เหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวา ถอยหลัง ลงเนิน มีเปลวไฟ เรียกเสียงกรีดร้องจากอมราได้ตั้งแต่เริ่มจนจบ

“สนุกจังเลย สนุกจังเลย ร้องจนแสบคอไปหมด” อมราเดินแกมกระโดดออกมาตามทางออก ผิดกับอีกคนที่เดินออกมาสีหน้านิ่งๆ จนอมราสังเกตได้ “คุณเก่งจังเลย ไม่ร้องเลยสักคำ ฉันนี่กลัวแทบตายแน่ะค่ะ ตอนที่มันดิ่งลงมาเก้าสิบองศาเนี่ยร้องกรี๊ดเลย”

จุลภาคส่งยิ้มให้อมรา ในขณะที่ข้อมือถูกฉุดกระชากเบาๆ อีกครั้ง

“ไปเล่นอันนั้นกันเถอะค่ะ” อันนั้นของอมราคือรถไฟเหาะรางสีน้ำเงินแบบที่นั่งห้อยขาที่มีรางลอยฟ้าวนไปวนมาดูน่าหวาดเสียว แต่หนนี้คนตัวสูงไม่เดินตามไปเธอไปง่ายๆ เหมือนเช่นหนก่อน กลับรั้งหญิงสาวเอาไว้ พร้อมกับพาเดินไปอีกทาง

“คิวยาว พวกเราไปเล่นอย่างอื่นเถอะ”

ทีแรกอมราตั้งท่าจะค้านแต่พอเห็นดวงหน้าขาวๆ ขาวซีดลงผิดปกติเลยร้องอ๋อในใจ แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ยอมตามเขาไป เขาพาไปไหนก็ไป จนกระทั่งไปต่อแถวเล่น Madagascar: A crate Adventure ซึ่งเป็นเรือนั่งล่องไปตามสายน้ำ ผ่านฉากต่างๆ ของการ์ตูนเรื่อง Madagascar ถ้าเธอเป็นเด็กตัวเล็กอายุสิบขวบก็คงจะหัวเราะชอบใจ แต่นี่เธออายุเลยยี่สิบห้าไปแล้วเลยไม่ค่อยรู้สึกอะไรสักเท่าไร แต่ก็ทำเป็นชี้ชวนสนุกสนาน ยิ่งเห็นใบหน้านิ่งๆ ของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ยิ่งสนุก

“สนุกเนอะ” หญิงสาวเงยหน้าถามคนตัวสูงทันทีที่ก้าวขึ้นมาจากเรือเมื่อนั่งครบรอบแล้ว พร้อมกับกลั้นยิ้มเอาไว้ เมื่อเห็นสายตาของจุลภาคมองไปที่เด็กๆ ประถมที่คงมาทัศนศึกษาต่อคิวเข้าแถวเล่นสิ่งที่พวกเธอเพิ่งเล่นมา

“เดี๋ยวผมจะพาไปดูเมอร์ไลออนตัวที่สามที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์” ชายหนุ่มรู้สึกตัวว่าพลาดไปเสียแล้ว ที่เดินนำหญิงสาวมาต่อแถวเล่นเครื่องเล่นอันนี้ ก็ทีแรกเห็นว่าคนน้อยและไม่ได้อ่านรายละเอียดให้ชัดเจนเสียก่อน เลยรู้สึกเสียหน้านิดๆ ที่พาหญิงสาวมาเล่นเครื่องเล่นแบบเด็กๆ เลยพยายามจะชดเชยให้หญิงสาวข้างกาย เพื่อเป็นการขอบคุณที่หล่อนทนเล่นเครื่องเล่นนี้เป็นเพื่อนเขา

“ตัวที่ใหญ่สุดไม่ใช่ตัวที่พ่นน้ำที่อยู่เมอร์ไลออนพาร์ก ย่านมารีนาเบย์หรือคะ”

“ไม่ใช่ครับ เมอร์ไลออนตัวนี้ใหญ่สุด ถูกสร้างขึ้นเป็นตัวที่สามที่เกาะเซ็นโตซาแห่งนี้ และเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเซ็นโตซาอีกด้วย ภายในตัวของเมอร์ไลออนมีทั้งหมดสิบสองชั้น หากจะเข้าไปภายในต้องเสียเงินเข้าไปชม คุณอยากเข้าไปไหม”

อมราส่ายหน้าเพราะนาทีนี้ต้องประหยัด “สรุปสิงโตมีกี่ตัวคะเนี่ย”

“เมอร์ไลออนมีทั้งหมดสามตัวครับ ตัวแรกที่พ่นน้ำได้หันหน้าออกไปยังอ่าวมารีนา นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูปด้วย อยู่ที่ย่านมารีนาเบย์ สูงเกือบสิบเมตร ตัวที่สองสูงสองเมตรเท่านั้น นักท่องเที่ยวมักจะคิดว่าเมอร์ไลออนตัวที่สองคือลูกของเมอร์ไลออนตัวแรก แต่จริงๆ แล้วเมอร์ไลออนทั้งหมดเป็นตัวผู้ เพราะสิงโตตัวผู้เท่านั้นที่มีขนบริเวณหัวและลำคอ ถ้าคืนนี้ไม่ดึกมากผมจะพาคุณไปดู เพราะบรรยากาศตอนกลางวันกับตอนกลางคืนนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง”

“งั้นเรารีบไปดูสิงโตตัวที่สามก่อนไหมคะ จะได้ไปดูตัวที่หนึ่งกับสองต่อ” เรื่องอะไรจะปล่อยให้โอกาสหลุดมือเล่า อมราส่งยิ้มที่หวานที่สุดไปให้อีกฝ่าย

“แล้วแต่คุณเลยครับ”

‘ให้มันได้แบบนี้สิ’ อมรายิ้มอย่างเป็นสุข

การท่องเที่ยวครั้งแรกของเธอไม่น่าเบื่อเลยสักนิด และแม้จุลภาคจะบอกว่าเขามาที่นี่เพราะเรื่องงานเสียส่วนใหญ่แต่เขาก็ดูจะรู้ประวัติเมืองนี้อยู่มากพอสมควร รวมถึงอาหารขึ้นชื่อจำพวกข้าวมันไก่ ซึ่งไก่ของที่นี่จะเย็นๆ ต่างกับเมืองไทยที่ไก่จะต้องร้อนๆ ถึงจะกินอร่อย น้ำจิ้มเป็นซีอิ๊วหวานกับซอสเผ็ด ต้องกินผสมกัน แกล้มด้วยถั่วงอกลวกที่เอามากินกับข้าวมันไก่

และที่พลาดไม่ได้เลยคือบักกุ๊ดเต๋ มันคือกระดูกหมูที่ถูกตุ๋นจนนุ่มแทบจะละลายในปาก มื้อเย็นวันนี้เรียกได้ว่าจัดเต็มจนแทบจะต้องปลดตะขอกางเกงกันเลยทีเดียว แถมจุลภาคยังใจดีเลี้ยงอาหารเธอด้วย แม้อมราจะพูดจาขอเอี่ยวค่าอาหารครึ่งหนึ่ง แต่อีกฝ่ายก็บ่ายเบี่ยงเปลี่ยนเรื่องจนเธออ่อนใจ สุดท้ายก็ต้องยอมให้ชายหนุ่มออกค่าอาหารเพียงคนเดียว แถมตลอดทางเขายังใจดี ซื้อโน่นนิดนี่หน่อยให้เธอกินไปตลอดทางจนอมราเกิดความเกรงใจ แต่พอเจอคำคะยั้นคะยอหนักเข้าก็ต้องรับมาแบบไม่เต็มใจเสียทุกครั้งไป

สิ่งที่ทำเอาความรู้สึกของอมราต้องสั่นคลอนและไม่มั่นใจถึงความเป็นชายของอีกฝ่ายอีกหนก็คือ ทิชชูเปียกและแอลกอฮอล์เจลสำหรับล้างมือที่จุลภาคล้วงออกมาจากกระเป๋าเป้ พร้อมทั้งมีน้ำใจยื่นส่งให้เธอได้ใช้ร่วมกับเขาเพื่อทำความสะอาดมือก่อนและหลังการกินอาหารเย็น รวมถึงตลอดการเดินทางร่วมกันด้วย

นี่อมรายังคิดขำๆ...ถ้าเธอเผลอไปจับตัวอีกฝ่ายเข้าแล้วเขาหยิบผ้ามาเช็ดๆ ถูๆ ตรงที่ถูกจับ เธอจะทำหน้าอย่างไร

ถ้าจะอนามัยขนาดนี้...

 

ย่านมารีนาเบย์ยามค่ำคืนสวยงามตามคำบอกเล่าของจุลภาคจริงๆ แสงไฟสว่างไสวไปทั่ว อาคารสถานที่ต่างๆ ก็ถูกประดับประดาไปด้วยไฟหลากขนาดหลากสีด้วยเช่นกัน ทางเดินคลาคล่ำเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เธอเดาว่าคงมากพอๆ กับตอนกลางวัน ถนนหนทางไม่เปลี่ยวเลยสักนิด รถราแล่นไปมาบนถนนไม่ขาดสาย แถมยิ่งดึกคนยิ่งเพิ่มขึ้น ที่ลานกว้างมีการแสดงดนตรี ให้บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ

หลังจากถ่ายภาพและเช็กอินคู่กับเมอร์ไลออนเรียบร้อยช่ำใจ จุลภาคก็พาเธอมานั่งอยู่ในจุดที่มองเห็นอ่าวมารีนาและเมอร์ไลออนพ่นน้ำ มีฉากหลังเป็นตึกสูงที่เปิดไฟสวยงาม แลเห็นเวทีแสดงดนตรีอยู่ไกลๆ

“ขอบคุณนะคะที่มาเป็นเพื่อนกันในวันนี้ สนุกสุดๆ ไปเลยค่ะ” อมราหันไปหาชายที่นั่งเอาขาไขว้กัน ถ้าเป็นผู้หญิงก็เรียกว่าไขว่ห้าง ในขณะที่มือของเขาจับประสานกันอยู่ที่หัวเข่าของขาเรียวขาว มือของเขาเรียว เล็บตัดเจียนเข้ารูปสวยสะอาด ทำเอาหญิงสาวค่อยๆ ขยับขาที่กางอ้าของตนให้ชิดติดกัน เอามือประสานจับไว้ที่เข่าเช่นเดียวกับเขา หลายสิ่งหลายอย่างที่เธอเห็นด้วยสายตาทำให้อมราค่อนข้างมั่นใจเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่าจุลภาคน่าจะไม่ใช่ชายเต็มร้อยแน่ๆ เพราะเขาสำอางเกินไป ละมุนเกินไป ไม่มีแววตาเจ้าชู้ล่อกแล่ก ส่อแววตุกติกแบบที่เธอเคยเห็นบรรดาพี่ชายของเธอทำเลยสักนิด

แต่...เธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชอบอัธยาศัยของเขา และรักน้ำใจที่เขาเข้ามาช่วยเหลือดูแลเธอแม้จะไม่รู้จักกันเลยก็ตามที

“ไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมก็สนุกมากเช่นกัน”

“ถ้าไม่ได้คุณ หน่อยคงพลาดอะไรไปหลายๆ อย่าง รวมทั้งวิวที่เห็นตรงหน้านี้ด้วย เพราะที่วางแผนเอาไว้คือจะมาเที่ยวที่นี่พรุ่งนี้ตอนบ่ายๆ”

“ยินดีครับ แล้วพรุ่งนี้จะไปเที่ยวไหนอีกครับ”

“ช่วงเช้าจะไป Garden By The Bay ค่ะ”

“ผมเคยไปตอนมาที่นี่ครั้งแรก ถ้าให้แนะนำผมอยากให้คุณไปที่นั่นช่วงบ่ายๆ เพราะช่วงเกือบสองทุ่มจะมีการแสดง แสง สี เสียงที่ Super Tree ด้านหลังจะมี Marina Bay Sands เป็น Background ถ่ายรูปออกมาสวยมาก ผมคิดว่าคุณน่าจะชอบ”

“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับทั้งๆ ที่ใจจริงอยากจะชวนเขามาเที่ยวด้วยอีกวัน แต่แค่นี้ก็ดีมากแล้วไม่ใช่หรือ อีกอย่างตัวเขาเองก็คงมีธุระปะปังเรื่องการงานของเขา จะเห็นแก่ตัวเพื่อการท่องเที่ยวของตัวเองก็ใช่ที่

อมราเหลือบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาและหวานกว่าผู้หญิง โชคชะตาอาจกำหนดให้เธอได้เจอผู้ชายดีๆ แต่บุญคงมีไม่มากพอเลยไม่มีวาสนาได้เคียงคู่กับใคร ไม่ว่าจะเป็นชาญหรือจุลภาค พอคิดถึงตรงนี้ก็นึกน้อยใจในวาสนาของตนนัก...

นามบัตรใบเล็กถูกยื่นส่งมาตรงหน้า

“นี่นามบัตรผม เผื่อคุณมีปัญหา หรือหากกลับเมืองไทยแล้วอยากโทร. หาผม”

อมราหัวเราะออกมา พร้อมกับรับมันไว้ทันที “นี่หน่อยดูช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในสายตาคุณขนาดนั้นเลยหรือคะ”

ชายหนุ่มหัวเราะในคอ

“ผมคิดว่าถ้าคุณอยู่ที่ไทย คุณคงเก่งพอตัว แต่ที่นี่คุณติดเรื่องภาษาเท่านั้น แต่เรื่องความกล้าผมยกนิ้วให้เลย” จุลภาคยกนิ้วให้อมราจริงๆ อย่างคำที่เขาพูด

ความรู้สึกเช่นนี้อมรารู้ว่าเธอไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน เมื่อสบตาคมที่มองตรงมาที่เธออย่างชื่นชม แก้มของเธอก็ร้อนผ่าวแต่มือไม้เย็นเฉียบในขณะที่กำนามบัตรเอาไว้แน่น เก็บเกี่ยวความรู้สึกอบอุ่นละมุนใจ ณ เวลานี้เอาไว้ในความทรงจำที่สวยงาม

 

นับตั้งแต่นาทีที่แยกจากจุลภาคจนกลับมาถึงห้อง อมราก็รู้สึกหดหู่ใจเหลือจะกล่าว เมื่อรู้ว่าพรุ่งนี้เธอจะไม่ได้พบกับชายหนุ่มอีกหรือบางทีอาจจะตลอดไป ความใจดีของเขามันซื้อใจเธอเอาไว้ได้ ขนาดไม่รู้จักกันเขายังมาช่วยเหลือดูแลราวกับสนิทสนมกันมาเป็นแรมปี

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนมาใส่ชุดใหม่ แล้วคลานขึ้นมานั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ใช้ปลายนิ้วเลื่อนเปลี่ยนรูปภาพในโทรศัพท์ที่ถ่ายวันนี้ไปเรื่อยๆ พร้อมกับทอดถอนใจออกมาเป็นระยะๆ...หน้าตาแบบนี้ รูปร่างแบบนี้ นี่มันชายในฝันของเธอชัดๆ ยิ่งเวลาเขายิ้มด้วยแล้ว...

“เฮ้อ...ใจละลาย” อมรากดส่งรูปทุกรูปที่ไม่มีจุลภาคให้เพื่อนๆ ได้ดู อยากเก็บภาพของชายหนุ่มเอาไว้ดูคนเดียว การสนทนากับผองเพื่อนที่เคยทำให้อารมณ์เบิกบาน วันนี้กลับไม่ทำให้เธอยิ้มได้เหมือนเคย เหมือนใจมันหายไป...หายไปอยู่กับใครบางคน

คิ้วเรียวขมวดเมื่อนึกถึงนามบัตร

แม้จะหาแทบตาย แต่นามบัตรที่เธอคิดว่าเก็บไว้เป็นอย่างดีนั้นกลับหายไป อมราจำได้ว่าเธอกำเอาไว้แน่นตอนที่ได้รับจากมือของจุลภาค ก่อนจะเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง แถมตลอดทางเธอยังเอามือทั้งจับ ทั้งลูบ ทั้งคลำมันอยู่เลย แต่ตอนนี้มันหายไปไหน...หญิงสาวสะบัดเสื้อกับกางเกงที่สวมใส่ และกระเป๋าที่ใช้ในวันนี้อีกรอบ แต่ก็ไม่พบสิ่งที่กำลังตามหาอยู่ โชคชะตาไม่เข้าข้างเธอเลยสักนิด

“หายไปไหน จำได้ว่าเอาใส่กระเป๋ากางเกงไว้อย่างดีนี่” อมราสะบัดกางเกงที่สวมใส่มาทั้งวันอีกหน “ดู...ดู๊ ขนาดได้ทั้งเบอร์ ทั้งชื่อ ฟ้าดินยังไม่เป็นใจให้ฉันเลยสักนิด สลายหายไปเสียเฉยเลย คิดแล้วเศร้าชะมัด”

เมื่อค้นอย่างไรก็หาไม่พบ สุดท้ายก็นั่งลงทำหน้าตูม หมดอารมณ์จะทำสิ่งใดๆ ได้แต่นอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงเล็กภายในห้องพักของตน


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น