8

บทที่ 8

 

บทที่ 8 

ค่ำคืนนี้ ณ บ้านริมน้ำ คนในบ้านหลับสนิท ไฟสีส้มอมเหลืองตรงระเบียงชั้นบนถูกเปิดไว้เหมือนเช่นวันก่อนๆ  ตุ๊กตาไล่ฝนนับร้อยตัวแกว่งไปมาเมื่อลมพัดอ่อน เจ้าแมวสีขาวขนฟูนอนตากลมอยู่บนขอบระเบียงอย่างสบายอารมณ์ ถ้าวันฝนตกมันจะนอนอยู่ใกล้ชลิตาไม่ยอมไปไหน แต่ในวันที่ฟ้าปลอดโปร่งมันจะมานอนเล่นที่ระเบียง หรือไม่ก็ออกท่องราตรี เป็นยามเฝ้าบ้าน วิ่งตามอะไรที่เคลื่อนไหวได้ในบริเวณบ้าน รวมถึงบ้านโมเดิร์นหลังข้างๆ แล้วทันทีที่รถของต้าฟงแล่นเข้าไปจอด มันก็รีบกระโดดลงจากระเบียง พุ่งผ่านสนามหญ้าไปทันที

ช่วงเกือบตีห้านี้เป็นเวลาตื่นปกติของพิมพ์พร ทันทีที่ลืมตาตื่น สิ่งแรกที่พิมพ์พรทำคือหันไปมองสามีที่หลับอยู่บนเตียงนอนไฟฟ้าสำหรับคนป่วย จากนั้นจึงจะลุกเข้าไปดูใกล้ๆ ห่มผ้าให้อย่างอาทร เบามือที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของสามี เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจึงออกไปเตรียมอาหารเช้าให้คนในครอบครัว เมนูที่ตั้งใจวันนี้คือข้าวต้มหมู กะว่าจะรีบทำชลิตาจะได้ทานก่อนจะออกไปข้างนอก  

“สมูทตี้...สมูทตี้ อยู่ไหน  แมวอ้วน แกอยู่ไหน เหมียวๆ” เสียงร้องเรียกใสๆ ดังมาจากหัวบันได “ป้าพิมพ์เห็นสมูทตี้มั้ยคะ สมูทตี้ไปนอนกับจุ๋นเจี๋ยมั้ยคะ”

“ไม่เห็นนี่ลูก คงออกไปปีนต้นมะม่วงใหญ่ไล่จับตุ๊กแกเล่นเหมือนเคยละมั้งจ้ะ” 

ต้นมะม่วงใหญ่ที่ว่านั้นอยู่ริมรั้ว เป็นมะม่วงแก้วต้นใหญ่ แผ่กิ่งก้านสาขากว้าง มีอายุสิบกว่าปีแล้ว จึงกลายเป็นบ้านของบรรดากระรอก นก จิ้งจก ตุ๊กแก และสัตว์ตัวน้อยมากมาย ซึ่งหลังๆ สมูทตี้ยึดพวกมันให้เป็นเพื่อนเล่นไปแล้ว ถึงอีกฝ่ายจะไม่เต็มใจก็ตาม  เพราะเจ้าเหมียวอ้วนขนฟูชอบไล่ตะครุบพวกมันเล่น จับได้ก็ปล่อย แรกๆ เล่นหนักถึงขั้นหางขาดไปหลายตัว เคยโดนนายสาวตีมือไปหลายหน หลังๆ จึงเบามือเพื่อนเล่นแทบไม่มีบาดแผล

“เมื่อวานเจ้าตัวยุ่งก็ไปไล่จับกระรอกขาวที่มาอยู่ใหม่ทั้งวัน เรียกก็แทบไม่ยอมกลับ”

“งั้นก็คงอยู่ที่ต้นมะม่วงนั่นล่ะค่ะ  เดี๋ยวเบลล์ไปรับกลับดีกว่านะคะ” ว่าพลางจะผละไป แต่ผู้มากวัยกว่าขันอาสาแทน “หนูรีบไปอาบน้ำเถอะ  เดี๋ยวลูกโป่งกับบอลลูนก็จะมาแล้วนี่”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้ายังไม่สว่างดี ป้าพิมพ์ตาไม่ค่อยดีด้วย เดี๋ยวหกล้ม เบลล์ไปเองดีกว่าค่ะ วิ่งไปแป๊บเดียว ป้าพิมพ์ไปเตรียมอาหารให้จุ๋นเจี๋ยเถอะค่ะ”

พิมพ์พรอมยิ้มไม่ได้แย้งใดๆ ยืนมองเด็กสาวที่เดินไปทางต้นมะม่วงริมรั้วที่อยู่ติดกับบ้านโมเดิร์นหลังงาม ซึ่งเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวเพิ่งมาถึงบ้านเมื่อก่อนหน้านี้สักชั่วโมง อาการ ‘เจ็ทแล็ก’ ทำให้นอนไม่หลับ ยิ่งบวกกับความตื่นเต้นที่จะได้เจอน้องสาวยิ่งทำให้ข่มตาหลับไม่ลง เช่นเดียวกับต้าฟงที่ตอนนี้มองผ่านม่าน เห็นเด็กสาวในชุดนอนกำลังเดินตรงไปที่ต้นมะม่วง ซึ่งใครบางคนกำลังนั่งเล่นอยู่กับสมูทตี้อยู่ใกล้บริเวณนั้น  ยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเจ้าของตัวจริงสมูทตี้กำลังเดินเข้าไปใกล้ ตอนนี้ห่างไม่ถึงสิบเมตร

“สมูทตี้  แกก็อยู่นิ่งๆ สิ จะเสร็จแล้ว” จะเสร็จแล้วที่ว่าคือการใส่ผ้าพันคอผืนใหม่ให้เจ้าเหมียวอ้วน “โอเค เสร็จแล้ว หล่อมาก ฉันว่าแล้ว มันต้องเหมาะกับแก...ชอบล่ะสิ ยังมีอีกหลายตัวเลยนะ ไว้เดี๋ยวเอาไปให้ มีของที่น้องเบลล์อยากได้ด้วย”

แสงจากไฟริมรั้วทำให้บริเวณนั้นสว่างพอจะเห็นสิ่งรอบๆ  สองบ้านมีรั้วต้นไม้สูงระดับสายตากั้น  เด็กสาวสายตาจับอยู่ที่ต้นมะม่วง โดยไม่รู้ว่ามันอยู่กับพี่ชายข้างบ้านที่รั้วฝั่งตรงข้าม

“สมูทตี้แกอยู่แถวนี้มั้ย”

เสียงเรียกที่ดังขึ้นด้านหลังทำเอาชายหนุ่มที่นั่งแต่งตัวให้สมูทตี้ตรงโต๊ะไม้ข้างรั้วแทบหยุดหายใจ รีบอุ้มสมูทตี้ไว้แนบอก แล้วขยับเข้าไปชิดรั้วต้นไม้ ตรงมุมที่มืดที่สุด ไม่คิดว่าชลิตาจะมาที่นี่เวลานี้

“สมูทตี้...เจ้าเหมียวอ้วนข้ามไปบ้านโน้นรึเปล่า เหมียวๆ เจ้าเหมียว เหมียว”

ในขณะที่ไกลออกไปต้าฟงละสายตาจากนายน้อยไปครู่หนึ่งเพราะติดสายโทรศัพท์ หันกลับมาอีกทีก็เห็นสถานการณ์ลำบากของผู้เป็นนาย เป็นสถานการณ์ที่คนตัวใหญ่ กอดแมวสีขาวแอบอยู่ข้างรั้ว โดยมีเด็กสาวในชุดนอนสีชมพูแหววชะโงกหน้ามองหาอะไรบางอย่างบนต้นมะม่วง

“เหมียวๆ เหมียวๆ สมุทตี้”

เสียงเรียกที่คุ้นเคยทำให้เจ้าตัวขาวในอ้อมกอดชายหนุ่มร้องรับ เขารีบยกมือขึ้นปิดปากมัน แต่ดูจะไม่ทันเพราะเด็กสาวได้ยินเสียงตอบรับนั้น

“เข้าไปบ้านนั้นอีกแล้วเหรอ เจ้าแมวอ้วน บอกแล้วว่าห้าม กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”  

ทำเสียงดุก็เป็นด้วย  คนปิดปากสมูทตี้แอบคิด ในขณะที่แนบตัวเข้าไปหลบในมุมมืดมากขึ้นเมื่อเจ้าของเสียงพูดดุๆ นั้นเดินมาชิดรั้วต้นไม้

“สมูทตี้อยู่ไหน กลับออกมาเลยนะ ไปเล่นบ้านพี่ชายได้ยังไง บอกแล้วว่าห้าม ต้องขออนุญาตเขาก่อนนะ รู้มั้ย...สมูทตี้ เหมียวๆ เหมียวๆ” ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา เพราะสมูทตี้โดนปิดมือบีบปากไว้ “เรียกไม่กลับใช่มั้ย เดี๋ยวเถอะ จับได้นะจะจัดชุดใหญ่เลย...เรียกไม่กลับต้องให้ลงมือใช่มั้ย”

 

คนซ่อนตัวอยู่นิ่วหน้าเพราะไม่รู้ว่าเด็กสาวคิดจะทำอะไร แต่ต้าฟงที่แอบมองอยู่ภายในบ้านเห็นชัดว่า น้องสาวแสนเรียบร้อยของนายน้อยกำลังปีนต้นมะม่วง ท่าทางดูคล่องแคล่วว่องไว ดูก็รู้ว่านี่ไม่ใช่การปีนครั้งแรกของเธอ เผลอแป๊บเดียวเจ้าของร่างระหงก็ไปอยู่บนกิ่งมะม่วงที่สูงระดับเดียวกับรั้วต้นไม้ เพียงเธอก้าวขาไปอีกนิด ก็จะเห็นแล้วว่ามีใครคนหนึ่งหลบอยู่ตรงนั้น พร้อมทำท่าเหมือนจะจับสมูทตี้เป็นตัวประกัน

“เหมียวๆ สมูทตี้”  เรียกพลางลุกขึ้นเหนี่ยวกิ่งมะม่วงเดิน กิ่งไม้โยกไหวทำให้คนที่อยู่ข้างล่างเงยหน้าขึ้นมอง เห็นภาพชวนหวาดเสียว ความตกใจทำให้ผุดลุกอย่างลืมตัว

“ขึ้นไปทำอะไรบนนั้น! เดี๋ยวก็ตกลงมาหรอก!” เพราะตกใจทำให้ตะโกนเสียงดุ “จับนิ่งๆ อยู่ตรงนั้นนะ ไม่ต้องขยับ! รอฉันไปรับ!”

 สมูทตี้ถูกปล่อยลงพื้น มันเหมือนรู้งานลอดรั้วต้นไม้ข้ามมาฝั่งบ้านริมน้ำ ในขณะที่ชายหนุ่มเจ้าของบ้านโมเดิร์นกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่แนวรั้วปูนปีนข้ามมาเพื่อช่วยเด็กสาวที่ยืนอึ้งที่ถูกดุ ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำผิดอะไร แต่ก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายบอก คืออยู่นิ่งๆ รออยู่อย่างนั้น กระทั่งพี่ชายเสียงดุเดินมาถึงโคนต้นมะม่วงยื่นสองมือออกมาให้เธอ

“ค่อยๆ ลงมานะ”  น้ำเสียงพูดคราวนี้ต่างไปจากตอนแรก “ไม่ต้องกลัวค่อยๆ ส่งมือมา สัญญาว่าจะรอรับ ไม่ให้ตกหรอก...”

คำพูดอย่างนี้ น้ำเสียงอย่างนี้เหมือนเธอเคยได้ยินมาก่อน เคยมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นมาก่อน เมื่อนานแสนนาน ครั้งหนึ่งมีพี่ชายคนหนึ่งยื่นมือมารอรับเธออย่างนี้

‘มาค่ะ น้องเบลล์ ไม่ต้องกลัว พี่รอรับอยู่ สัญญาว่าจะไม่ให้น้องเบลล์เจ็บ เชื่อพี่นะคะ...’

ความรู้สึกปลอดภัยที่ได้รับในวันนั้นดูไม่ต่างกับวันนี้ ผิดแค่วันนี้เธอไม่ได้มีความกลัว เธอไม่ได้ติดอยู่บนต้นไม้เหมือนในวันนั้น แต่เพราะการรับรู้ความห่วงใยทำให้เธอกล้าที่จะยื่นมือไปให้คนที่กำลังรอรับอยู่ข้างล่าง คอยประคองตัวเธออย่างแผ่วเบา โอบอุ้มจนลงมาถึงพื้นอย่างปลอดภัย

‘เห็นมั้ยคะ ไม่ได้น่ากลัวเลย...น้องเบลล์เก่งมากรู้มั้ยคะ ทั้งที่กลัวความสูงแต่ก็ยอมปีนต้นไม้ไปช่วยเจ้าเหมียว มันคงดีใจที่จะได้กลับไปหาเจ้าของมันได้แล้ว’

ต้าฟงอมยิ้มกับภาพที่เห็น ภาพที่แสนอบอุ่น พี่ชายที่แสนดีกำลังพาน้องสาวที่รักลงจากต้นไม้ โดยมีเจ้าแมวตัวขาวฟูยืนมองอยู่ใกล้ๆ ช่างดูงดงาม อยากให้เอรอนมาเห็นภาพนี้ด้วย เพื่อนคงรู้สึกมีความสุขอย่างที่เขามี นายน้อยที่เฝ้าอมทุกข์และหวาดกลัวการเข้ามาอยู่ใกล้ชลิตา วันนี้นายน้อยได้ทำลายกำแพงกั้นนั้นแล้วคนสองคนกำลังสบตากัน  เขาไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาและเอรอนสัญญากันไว้แล้วว่าจะปกป้องสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้านี้ไว้ เพื่อให้นายน้อยที่พวกเขารักและเคารพได้พบความสุข

“โทร.มาถูกจังหวะเลยนะเอเจ” ระหว่างที่เฝ้าดูอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “อยากรู้ล่ะสิ...ถามว่าดีมั้ยเหรอ คิดว่าดีนะ นายน้อยได้เจอกับคุณหนูเบลล์แล้ว และกำลังจะ...”

คำพูดของต้าฟงชะงักไปเพราะภาพที่เขาเห็นต่อมา ดูเหมือนสถานการณ์จะต่างไปจากที่คิด

“เอ๊ย!  ทำไมทำอย่างนั้นล่ะ! ฉันว่านายน้อยพลาดแล้วว่ะเอเจ...”

 

“น้องเบลล์เป็นอะไรลูก ทำไมทำหน้าจ๋อยอย่างนั้นล่ะ” ป้าพิมพ์รู้สึกตกใจเมื่อเห็นเด็กสาวที่อุ้มสมูทตี้เดินกลับเข้ามามีสีหน้าเศร้า แววตามีกังวล ยังคงไม่พูดอะไร  “สมูทตี้เป็นอะไรรึเปล่า”

เสื้อพร้อมผ้าพันคอใหม่ของสมูทตี้ทำให้พิมพ์พรนิ่วหน้า หรือว่าน้องเบลล์จะเจอ...

“เปล่าค่ะ สมูทตี้ไม่เป็นอะไร แต่เบลล์เป็น”

“หนูเป็นอะไร” ความห่วงใยทำให้รีบเข้าไปดู สำรวจตัวเด็กสาวแต่ไม่เห็นสิ่งผิดปกติอะไร “เป็นอะไรบอกป้าสิ อย่าเอาแต่นิ่ง”

“เบลล์ไปทำเรื่องมาค่ะ...เบลล์เจอพี่ชายข้างบ้านแล้ว แต่ว่า...”

“แต่ว่า...”

“เขาดุเบลล์”

สีหน้าของป้าพิมพ์เวลานี้ไม่ต่างกับตอนรู้ว่าลูกโป่งจะมาขับรถพาไปตลาด “หนูเจอคุณเคย์? แล้วโดนดุ...หนูไปทำอะไรให้พี่เขาดุ”

เด็กสาวส่ายหน้า ก่อนจะก้มมองสมูทตี้ที่ตอนนี้มีเสื้อใหม่ ผ้าพันคอใหม่เข้าชุดกัน มันเอียงคอส่งเสียงร้องเหมียว “คงโกรธที่เบลล์ปล่อยสมูทตี้ไปที่บ้านเขามั้งคะ”

ไม่มีทางจะเป็นอย่างนั้น พิมพ์พรมั่นใจ “คงไม่ใช่หรอกลูก คุณเคย์ดูเอ็นดูแมวจะตาย มาคราวก่อนยังมาเล่นกับสมูทตี้เลย”

“เหรอคะ งั้นเขาจะโมโหเบลล์เรื่องอะไร”

“แล้วหนูไปทำอะไรน่ะ ตอนเจอพี่เขาน่ะ”

“เบลล์ปีนต้นมะม่วงค่ะ ก็สมูทตี้ไปบ้านโน้น เรียกไม่ยอมกลับ เบลล์ก็เลยปีนดู ยังไม่ได้ข้ามไปฝั่งโน้นเลยนะคะ แค่ชะโงกหน้าดูเท่านั้นเอง” เด็กสาวดูจ๋อยๆ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้มากวัยกว่าฟัง ตั้งแต่ต้นจนจบ “พอเขาช่วยรับเบลล์ลง ยังไม่ทันที่เบลล์จะพูดขอบคุณ เขาก็มองหน้าเบลล์ดุๆ แล้วบอกว่า อย่าทำอย่างนี้อีก! กลับบ้านไปได้แล้ว” คนเล่าทำเสียงเข้มประกอบการเล่า “เบลล์ก็ยังอึ้งๆ พี่เขาก็พูดซ้ำอีก แถมชี้มือไล่ด้วยค่ะ”

พิมพ์พรเข้าใจเรื่องราว นายน้อยของป้าคงตกใจที่เห็นน้องสาวที่เคยเข้าใจว่าเรียบร้อย อ่อนหวาน ปีนต้นไม้เป็นลิงเป็นค่าง 

“อะไรกันคะ เบลล์ยังเครียดๆ อยู่นะ ทำไมป้าพิมพ์ขำล่ะคะ”

“ขอโทษจ้ะ ป้าแค่ขำหนูน่ะ”

“ขำเบลล์? ไม่ขำนะคะ เจอครั้งแรกก็โดนดุแบบนี้ เบลล์จะไปคุยดีๆ กับพี่เขาได้ไง”

“พี่เขาเป็นผู้ใหญ่ลูก เดี๋ยวเจอกันคราวหน้า หนูก็ค่อยไปขอโทษพี่เขาละกัน ทีหลังก็อย่าไปทำอะไรแบบนั้นอีกล่ะ”

“แบบนั้นคือแบบไหนคะ”

“ก็พวกทำตัวเป็นทโมน ซนปีนป่ายนั่นนี่เหมือนสมูทตี้นั่นล่ะ ดูเหมือนพี่เขาจะไม่ชอบเด็กซนๆ น่ะ”

ชลิตาดูเหมือนไม่ค่อยจะเข้าใจ แต่ก็ยอมพยักหน้า แล้วก็ก้มลงบ่นสมูทนี้

“เพราะแกเลยเจ้าอ้วน ถ้าไม่แอบไปบ้านโน้น ฉันก็คงไม่โดนดุ”

พิมพ์พรอมยิ้ม “ว่าแต่หนูโกรธพี่เขามั้ยลูก”

เด็กสาวทำตาโต “ทำไมต้องโกรธคะ เบลล์ว่าพี่เขาคงห่วงแหล่ะ คงกลัวเบลล์ตกลงมาเจ็บ เบลล์โล่งใจซะอีก ทีแรกนึกว่าเขาจะไม่ชอบแมว เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะแย่แน่เลยค่ะ สมูทตี้ยิ่งชอบไปเที่ยวบ้านโน้น ดีจังเนอะสมูทตี้”

“จ้ะ สมูทตี้คงแค่ไปทักทายพี่เขา” พิมพ์พรบอกพลางก้มมองแมวตัวขาวในชุดใหม่เอี่ยม  “น่ารักเชียวนะ สมูทตี้ ได้ของฝากก่อนใครเพื่อนเลย”

“ของฝาก? หมายถึงชุดนี้เหรอคะ ไม่ใช่ป้าพิมพ์ซื้อให้เหรอ” พิมพ์พรส่ายหน้า “มิน่าล่ะ เบลล์ก็ว่าถ้าป้าพิมพ์ซื้อให้สมูทตี้ใหม่ เบลล์ก็ต้องรู้ ที่แท้พี่ชายก็ซื้อมาฝากนี่เอง”

“น่าจะอย่างนั้นจ้ะ” พิมพ์พรรู้สึกดีเมื่อเห็นชลิตายิ้มเต็มหน้า

“พี่เขาใจดีจังนะคะ อุตส่าห์นึกถึงสมูทตี้ แกโชคดีมากเลยรู้มั้ยเจ้าตัวอ้วน พี่ชายเอ็นดูแกแล้ว ฉันก็อยากให้พี่ชายเอ็นดูฉันเหมือนแกบ้างจัง...”

“ถ้าหนูเป็นเด็กดี พี่เขาก็คงเอ็นดูล่ะจ้ะ” พิมพ์พรให้กำลังใจ

“ค่ะ เบลล์จะพยายามไม่ปีนต้นมะม่วงอีกแล้วค่ะ” พูดกับผู้มากวัยกว่าก่อนจะวางสมูทตี้ลงกับพื้น “ไหนมาดูชุดใหม่สิ น่ารักมากๆ เลย เดี๋ยวถ่ายรูปไว้ดีกว่าเนอะ...”

“ป้าว่าก่อนจะถ่ายรูป หนูไปอาบน้ำได้แล้วมั้ง สายมากแล้ว เดี๋ยวลูกโป่งกับบอลลูนมาคอยนานนะ”

“จริงด้วย แย่แล้วๆ สายแล้วๆ...” เด็กสาวเหมือนเพิ่งรู้ตัวก็ตอนนี้ รีบวิ่งขึ้นไปบนห้อง โดยมีสมูทตี้วิ่งตามไป ไม่ยอมห่าง โดยมีสายตาผู้มากวัยกว่าตามไปจนคล้อยหลัง

“ป่านนี้ทางนั้นจะเป็นไงบ้างหนอ...” 

 

ทางนั้นที่ถูกเอ่ยถึงดูเหมือนจะตีหน้าเครียด นั่งเซ็งอยู่บนโซฟาโดยมีต้าฟงยืนหัวเราะขณะคุยโทรศัพท์กับเอรอนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คู่หูฟังอย่างสนุกสนาน ต่อให้ไม่ได้ยินเสียงของพ่อทนายจอมขี้บ่น แต่เควินก็พอเดาได้ว่าเวลานี้เอรอนจะหัวเราะดังแค่ไหน

“ฉันละอยากให้นายมาเห็นด้วยตาตัวเอง ตอนอยู่กับคุณหนูเบลล์ละเก๊กดุเชียว พอเดินกลับมาสีหน้าเปลี่ยน ซีดยิ่งกว่า...อะไรนะสำนวนไทย อ้อ ซีดยิ่งกว่าไก่ต้ม...นายมีอะไรจะฝากถึงนายน้อยเหรอ ฉันว่านายพูดเองดีกว่า”

ต้าฟงเปิดเสียงโฟนพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาที่นายน้อย

“ครั้งนี้พลาดไม่เป็นไรนะครับ โอกาสหน้าเอาใหม่ ผมเอาใจช่วยสู้ๆ ครับ!”

คำพูดดูจริงจังหนักแน่น แต่เสียงหัวเราะที่ตามมาทำให้นายน้อยที่ว่าฉุน แต่ไม่กล้าตอบโต้อะไร เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงแยกตัวกลับเข้าห้องไป แต่ยังไม่วายหันกลับมาตวาดใส่ลูกน้อง

“นายบอกว่าจะหายตัวไปทันทีที่มาถึงบ้านริมน้ำไม่ใช่เหรอ ต้าฟง!”

“ครับ—บบ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ...ผมจะสแตนบายอยู่ไม่ไกล มีอะไรเรียกได้ทันทีนะครับ...” 

“ไสหัวไปให้ไกลเลย!” 

ต้าฟงยิ้มรับคำสบถไล่ แววตามีแผนตลกร้ายที่นายน้อยดูจะหัวเสียเกินจะทันสังเกตเห็น...

 

รถตู้โฟล์คคลาสสิกสีเขียวที่เข้ามาจอดรับชลิตาเคลื่อนออกไปลับตาแล้ว พิมพ์พรเดินเกลับเข้ามาในบ้าน ปกติจะเดินเข้าครัวไปเตรียมให้อาหารเช้าให้จุ๋นเจี๋ย แต่วันนี้หญิงวัยกลางคนกลับเดินตัดสวนไปที่รั้วบ้านทรงโมเดิร์น มีใครคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับเจ้าสมูทตี้วิ่งนำหน้าหญิงมากวัยมาก่อน หลังจากที่ส่งนายสาว

“พิมพ์ว่าแล้วนายน้อยคงยังไม่นอน”

“ฉันนอนไม่หลับ...ผู้ชายที่แต่งตัวแปลกๆ นั่นใช่มั้ยที่ชื่อลูกโป่ง” เควินรู้เรื่องพี่น้องอู่พองลมบ้างแต่ไม่ได้ลงรายละเอียดมาก โดยเฉพาะลูกโป่ง ที่ถ้าไม่รู้จักแล้วตัดสินจากภาพลักษณ์คงไม่อยากให้คนในครอบครัวไปสนิทด้วย “ไม่เห็นพิมพ์เล่าว่าเป็นคนไม่น่าไว้ใจ แล้วพวกเด็กซิ่งที่ไปด้วยนั่นอีก มันอะไรกัน...”

“เห็นอย่างนั้น ลูกโป่งกับลูกน้องเป็นคนดีนะคะ จิตใจดี มีน้ำใจค่ะ พวกเขาอาจจะดูแปลกๆ ขาดๆ เกินๆ ไปนิด แต่ไว้ใจได้ค่ะ” 

“ฉันว่าไม่นิดนะ...” น้ำเสียงพูดและสีหน้าดูจริงจัง “ขับรถไว้ใจได้รึเปล่า ใบขับขี่มีมั้ย ซื้อมารึเปล่า”

พิมพ์พรพูดไม่เต็มปาก “อาจจะขับหวาดเสียวหน่อย แต่ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุนะคะ”

“น้องเบลล์ไปกับนายลูกโป่งนั่นบ่อยมั้ย”

“ก็บ่อยค่ะ แต่ไม่เคยไปลำพังนะคะ จะมีหนูบอลลูนไปด้วย นายน้อยไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ลูกโป่งไว้ใจได้ค่ะ เด็กของลูกโป่งก็ไว้ใจได้ ถ้าพวกเขาไม่ดี พิมพ์ไม่ให้น้องเบลล์ไปกับพวกเขาหรอกค่ะ”

“ก็ขอให้ไว้ใจได้จริงๆ ไม่งั้นล่ะก็...”

พิมพ์พรเติมคำที่ละเว้นไว้นั้นได้ ไม่กล้าพูดแย้งอะไรประจวบกับที่ใครคนหนึ่งที่เดินลัดสนามมาทางศาลาริมน้ำ ใครคนหนึ่งที่ทำให้ความหงุดหงิดของนายน้อยเปลี่ยนเป้าหมาย

“อย่าด่านะครับ ผมปรากฏตัวเพราะเห็นนายน้อยโมโห นึกว่าจะเรียกใช้น่ะครับ”

พิมพ์พรมองหน้านายน้อยที่ถูกเบรกแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ ไม่ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้นานแล้ว แต่เมื่อนายน้อยหันหน้ามาสบตาก็รีบปรับสีหน้าและรีบพูดขอโทษ 

“ถ้าพิมพ์ทำอะไรให้นายน้อยไม่พอใจ พิมพ์ก็ขอโทษนะคะ”

เควินอ้าปากจะบอกว่าไม่ใช่ความผิดป้า แต่ถูกอีกคนพูดแซงขึ้น  “ไม่หรอกครับ นายน้อยโกรธผมต่างหาก คงหงุดหงิดและอิจฉานายลูกโป่งนั่น ที่คุณหนูเบลล์เรียก พี่ลูกโป่งๆ น่ะครับเลยพาล”

“โถ...อีกหน่อยน้องเบลล์ก็ต้องเรียกนายน้อยว่าพี่เหมือนกันล่ะค่ะ ตอนนี้เธอก็เรียก พี่ชาย พี่เขา หรือพี่ชายข้างบ้านตลอดนะคะ”

“อ้าว ไม่ได้เรียกพี่เคย์เหรอครับ ผมนึกว่าคุณหนูเบลล์จะเรียกนายน้อยว่า พี่เคย์ซะอีก”

“พิมพ์ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ แต่เธอเรียกพี่ชาย เธอให้เหตุผลว่าเธอมีเพื่อนที่โรงเรียนชื่อนี้อยู่แล้ว  เธอบอกว่าไม่สนิทปาก แล้วรู้สึกไม่ชินที่จะเรียกเพื่อนเธอว่าพี่”

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง เรียกพี่ชาย พี่ชายก็ดูน่ารักดีนะครับนายน้อย”

ต้าฟงยังแกล้งทำเป็นไม่เห็นสายตาพิฆาต ในขณะที่พิมพ์พรรู้สึกเกร็งๆ จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “อ้อ...พิมพ์บอกนายน้อยไปรึยังคะว่า พิมพ์เคยพาน้องเบลล์ไปไหว้คุณเปมิกามาแล้ว เธอเอาดอกลิลลี่สีขาวไปให้คุณเปมิกาด้วยนะคะ พิมพ์เล่าให้เธอฟังครั้งเดียวก็จำได้...”

“น้องเบลล์ช่างจดช่างจำมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ”

ได้ผลความสนใจของเควินกลับมาที่เรื่องน้องสาว ต้าฟงรอดตัวไป

“แล้ววันนี้นายน้อยจะกลับมากี่โมงคะ  ส่วนน้องเบลล์คงกลับเย็นๆ เมื่อเช้าเธอดูจ๋อยๆ ไปครู่หนึ่งนะคะ กลัวว่าจะถูกโกรธจริง เย็นนี้คงตั้งใจจะมาขอโทษพี่ชายล่ะค่ะ ถ้าเป็นไปได้พิมพ์อยากให้นายน้อยอยู่เจอนะคะ”

ทั้งต้าฟงและพิมพ์พรรอคำตอบ ต่างจ้องมองกดดันนายน้อยสุดๆ

“หลังไหว้คุณแม่ ฉันมีธุระต้องไปทำต่อ...แต่คิดว่าไม่เกินเที่ยงก็เสร็จใช่มั้ยต้าฟง”

“ครับ” ต้าฟงรู้ว่าธุระนั้นคืออะไร “แค่ไปทักทายคนรู้จักเก่า ใช้เวลาไม่นาน”

“งั้นเดี๋ยวพิมพ์จะเตรียมกับข้าวไว้นะคะ นายน้อยอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ แต่ออกตัวไว้ก่อนเลยนะคะว่า อาจไม่ถูกปากเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับเชฟอย่างนายน้อย”

“งั้นฉันจะทำให้ทุกคนทาน” ใบหน้าคมนั้นมีรอยยิ้มอบอุ่น “จะเลือกทำของโปรดของทุกคน ทั้งพิมพ์ จุ๋นเจี๋ย และน้องเบลล์”

“ลืมใครไปรึเปล่าครับ” ต้าฟงเสนอหน้า

“อ้อ ลืมจริงๆ สมูทตี้ด้วย” ต้าฟงอ้าปากค้างในคำตอบ พิมพ์พรหัวเราะคิก “เดี๋ยวจะเปิด ‘บ้านนาฬิกาทราย’ ไว้ตอนรับ เวลาตั้งโต๊ะทุ่มหนึ่ง ช้าไปมั้ย”

“เวลาตั้งโต๊ะบ้านริมน้ำพอดีค่ะ พิมพ์จะรีบโทร.บอกน้องเบลล์ เธอคงดีใจมากที่พี่ชายจะเปิดบ้านเลี้ยง”

“งั้นไว้เจอกันตอนมื้อค่ำนะ” 

“ค่ะ” พิมพ์พรหันไปสบตากับต้าฟงที่อมยิ้มมีความสุขเช่นกัน...    

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น