8

ในภาวะที่การลงทุนมีความเสี่ยง

8

ในภาวะที่การลงทุนมีความเสี่ยง

 

ความจริงแล้วแหนมเนืองจัดเป็นอาหารที่ค่อนไปทางรักสุขภาพ เน้นผักใบเขียว มีโปรตีนจากเนื้อสัตว์ มีคาร์โบไฮเดรตจากแป้ง นอกจากนั้นยังมีโซเดียมที่จำเป็นต่อร่างกายในน้ำจิ้ม นั่นแหละ รินลดาถือคติที่ว่าของอร่อยมีความจำเป็นต่อร่างกายเสมอ 

เสียแต่ว่าของอร่อยที่เธอเข้าข้างตัวเองว่ารักษาสุขภาพมื้อนี้ถูกจัดการอย่างเต็มคราบ เลือกซื้อชุดใหญ่ไม่พอ แถมยังเพิ่มเนื้อหมูมาหลายไม้จนกินต่อแทบไม่ไหว เธอรู้สึกว่าร่างกายรับปริมาณแคลอรี่เข้าไปหลายพันกิโลแคลอรี่จนแน่นตื้อไปหมด

แต่เรื่องนี้ถือว่าช่วยไม่ได้ เพราะอาหารอร่อยมักมาคู่กับอะไรแบบนี้เสมอนั่นแหละ

คนรักของอร่อยอย่างรินลดาคิดพลางยิ้มแฉ่งให้กำลังใจตัวเอง มือเล็กๆ ก็ห่อผักและเนื้อหมูที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำอีกครั้ง คราวนี้เธอไม่ใช่แผ่นแป้งเพราะอยากลดคาร์โบไฮเดรต ถัดจากนั้นก็ค่อยๆ หยอดน้ำจิ้มลงไปเล็กน้อย ก่อนจะส่งทั้งหมดเข้าปากแล้วเคี้ยวหนุบหนับอย่างเอร็ดอร่อย 

ท่าทางนั้นทำเอาเแก้มที่กลมอยู่แล้วของเธอยิ่งกลมเข้าไปอีก ขยับพองเข้าพองออกคล้ายหนูแฮมสเตอร์ตัวเล็กที่ตุนเมล็ดทานตะวันไว้จนแทบล้นทะลักดูน่าขัน ทว่าพอมองอีกทีก็น่ารักน่าเอ็นดูไปอีกแบบ แน่นอนว่าฟิลเตอร์ในสายตาธีรดนย์เป็นเช่นนั้น เพราะไม่ว่ารินลดาจะทำอะไรก็เหมือนจะน่ามองสำหรับเขาไปเสียหมด จนตอนนี้เขาแทบจะมองเธอแทนการรับประทานอาหารตรงหน้าอยู่แล้ว

เขานับถือในความกินเก่งของรินลดาเอามากๆ และคงต้องยอมรับว่าระบบเผาผลาญของคนวัยนี้ยังดีมากอยู่เช่นกัน เพราะแม้รินลดาจะกินเก่งแค่ไหน รูปร่างของเธอกลับไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยสักนิด ตัวเล็กอย่างไรก็ยังตัวเล็กอยู่อย่างนั้น

“อ้าม อาธีอ้าปากค่ะ เดี๋ยวรินป้อนนะ อ้าม”

แต่แล้วอยู่ๆ คนที่ตกเป็นเหยื่อความอิ่มของหญิงสาวก็ถูกเรียกอีกครั้ง ธีรดนย์ยิ้มขำเมื่อมองเห็นผักห่อใหญ่ยื่นมาจ่อตรงปาก แถมรินลดายังทำท่าทางให้เขาอ้าปากรับมันไว้ราวกับหลอกล่อเด็กตัวเล็กๆ 

แน่นอนว่าเขารู้ทัน 

ธีรดนย์รู้ว่ากำลังถูกใช้เป็นตัวช่วย เพราะอีกฝ่ายเริ่มอิ่มแล้ว แต่แม้จะรู้เขายังยอมอ้าปากรับห่อผักเข้ามาอยู่ดี เขาทนเสียงอ้อนของรินลดาไม่ไหวหรอก 

“อร่อยไหมคะ”

รินลดาถามพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เธอแอบขำเล็กน้อยที่เห็นแก้มของคนตัวโตพองขึ้นยุบลงเป็นจังหวะ แต่ที่เธอสงสัยคือทำไมท่ากินของเขาไม่ตะกละตะกลามเหมือนเธอ สันกรามของเขายังคมชัด แถมยังดูหล่อเหลาจนเธอทนมองไม่ไหว ต้องหลบตาเป็นพัลวัน ก็สายตาของเขาน่ะธรรมดาเสียที่ไหน ถูกเขามองแบบนี้ทีไร ร่างกายมันร้อนวูบวาบทุกที

“อร่อยครับ ขออีกคำได้ไหม”

คุณอาหนุ่มอ้อนขอเสียงเบา เขาขยับเข้าใกล้เด็กน้อยที่อยู่ๆ ก็เงียบไปกะทันหันแล้วกระซิบอีกครั้ง ที่ทำแบบนี้ได้เพราะเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวข้างๆ ไม่ใช่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะรับประทานอาหารอย่างเช่นทุกครั้ง ทำเลนี้ธีรดนย์คิดว่าเหมาะแก่การแกล้งให้อีกฝ่ายเขินจริงๆ 

รินลดาหันหน้าหลบคนที่ขยับมาใกล้ เธอรู้ว่าถูกแกล้ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้นแรง สุดท้ายจึงรีบเฉไฉโดยหยิบผักกับหมูขึ้นมาห่อให้ตามคำขออีกครั้ง แต่ไม่วายได้สายตาล้อเลียนจากคนตัวสูงอยู่ดี

“อะ…อะไรคะ”

ถูกจ้องมากๆ เธอก็เขินเหมือนกันนะ ขนาดเสียงถามยังตะกุกตะกักจนเขาน่าจะจับสังเกตได้ 

“เปล่า อาแค่สงสัยน่ะ พอรินทำให้แล้วอร่อยกว่าเดิมได้ยังไงก็ไม่รู้ แปลกดี”

‘อะไรเล่า!’ รินลดาโวยวายในใจ เธอไม่ได้เตรียมใจมารับความหวานระหว่างกินแหนมเนืองแบบนี้สักหน่อย แบบนี้ไม่ได้แล้ว 

ไม่ได้การแล้วรินลดา!

“ไม่ต้องมาปากหวานเลย”

คนปากหวานหัวเราะน้อยๆ เพราะถูกจับได้ ธีรดนย์เห็นแก้มของคนเด็กกว่าขึ้นสีชมพูจางๆ น่าพอใจ เขาจึงหยุดแกล้งในที่สุด

“มาค่ะ อ้าม”

รินลดาไม่ได้จะเอาคืนแต่อย่างใด แต่เธอรู้สึกว่าห่อผักคำนี้จะคำใหญ่กว่าเดิมไม่น้อยเลย หญิงสาวหัวเราะคิกเมื่อเห็นอีกฝ่ายส่งสายตาคาดโทษมาให้ แค่นี้เธอก็รู้สึกราวกับยกนี้ตัวเองได้รับชัยชนะ หารู้ไม่ว่าผู้ชนะตัวจริงยังคงอิ่มอร่อยกับห่อผักหน้าตาน่ารับประทานต่ออีกหลายคำ 

โดยเฉพาะคำที่รินลดาป้อนให้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอร่อยถูกใจเขาแค่ไหน

ในที่สุดมื้ออาหารสุดหวานของวันก็จบลงด้วยการที่รินลดาอาสาเก็บโต๊ะและล้างจานเช่นเคย ถึงเธอจะทำอาหารไม่เก่ง แต่เรื่องทำความสะอาดเธอเก่งมาก 

รินลดาเคยได้ยินหรือได้อ่านมาจากที่ไหนสักแห่งว่าการทำความสะอาดถือเป็นการพักผ่อนจิตใจอย่างหนึ่ง ซึ่งเธอค่อนข้างเห็นด้วย ตรงข้ามกับเฟื่องฟ้าที่เคยส่ายหน้าและไม่ขอเอาด้วยเลย

“อาธีไปเตรียมตัวเถอะนะคะ อีกไม่ถึงชั่วโมงก็จะได้เวลาคอนเฟอเรนซ์แล้ว รินไม่อยากให้อาธีสาย” รินลดาหันไปพูดกับคนตัวโตที่ยังดื้อถือจานชามตามเธอเข้ามาในครัวเพราะอยากช่วย ถ้าเป็นปกติเธอคงไม่อิดออดและใช้โอกาสนี้สวีตหวานไปแล้ว คนหนึ่งล้างจาน อีกคนคอยช่วยเช็ดให้แห้ง ใกล้ชิดกันดีจะตาย 

แต่วันนี้เธอจำได้ว่าอีกฝ่ายมีประชุมกับทีมต่างประเทศ ซึ่งดูจากไทม์โซนเวลาแล้วเธอคิดว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ

“นะคะ อาธีไปเถอะ ตรงนี้รินทำได้จริงๆ รับรองว่าไม่ทำจานแตกแน่นอน”

ธีรดนย์หลุดขำเมื่อได้ฟังคำสำทับหนักแน่นว่าเธอจะไม่ทำอะไรพัง เขาไม่ได้กังวลเรื่องนี้เพราะรู้ดีว่ารินลดาเก่งอยู่แล้ว

“ก็ได้ครับ งั้นอาไปเตรียมตัวก่อนนะ”

สุดท้ายพอเถียงอะไรไม่ได้เขาจึงต้องพยักหน้ารับแล้วทำตามคำสั่งของอีกฝ่าย พอคุณอาหนุ่มกลับเข้าไปเตรียมตัว ก็ได้เวลาสำหรับคลาสดนตรีสดของรินลดาทันที 

กว่าจะจัดการทุกอย่างจบเธอก็อ้อยอิ่งอยู่เป็นนาน เพราะนอกจากล้างจานแล้วเธอยังถือโอกาสทำความเคาน์เตอร์ครัวไปพลางๆ ด้วย ผ่านไปราวๆ ชั่วโมงกว่าสุดท้ายคนตัวเล็กก็ได้ฤกษ์อาบน้ำชำระร่างกายเพื่อเตรียมตัวเข้านอนเสียที

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบห้าทุ่ม แต่รินลดารู้สึกว่าเธอยังไม่ง่วง หลังออกมาจากห้องน้ำเธอจึงใช้เวลาในการทาครีมบำรุงทั้งผิวหน้าและผิวกายอีกระยะหนึ่ง ระหว่างนั้นก็มองสำรวจตัวเองในกระจกพลางยกยิ้มพอใจ 

แอบเขินเล็กน้อยตอนเห็นตัวเองในชุดนอนผ้าลื่นสายเดี่ยวที่เฟื่องฟ้าซื้อให้เป็นของขวัญ รายนั้นเล่นจัดชุดนอนสีอ่อนมาให้เธอเกือบสิบตัวตั้งแต่ย้ายเข้ามาใหม่ๆ เรียกว่าหยิบมาใส่ได้ทั้งสัปดาห์โดยไม่มีซ้ำ แต่ถือว่าเพื่อนรักยังปรานีเธออยู่บ้าง จึงไม่ได้ซื้อ ‘ชุดนอนไม่ได้นอน’ มาให้

‘ย้ายไปอยู่กับผู้ชายทั้งที จะมาใส่ชุดนอนลายหมีบราวน์มันก็ไม่ได้ไหม’

รินลดาหลุดยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงประโยคที่เพื่อนว่าหน้าตาจริงจัง หลังจากนั้นเธอจึงจำต้องบอกลาชุดนอนลายการ์ตูนน่ารักไปโดยปริยาย แรกๆ เธอยอมรับว่ายังไม่ชินเท่าไรกับการแต่งตัวแนวนี้ต่อหน้าเขา แต่พอผ่านไประยะหนึ่งก็เหมือนจะปรับตัวได้ และคิดว่าตัวเองทำได้ดีเสียด้วยสิ

“บ้าไปแล้วริน”

คนเผลอชมตัวเองหลุดขำอีกครั้ง รินลดายอมรับว่าช่วงนี้ชีวิตของเธอมีความสุขจนล้นอก ไม่ว่าจะมองไปทางไหนบรรยากาศก็ราวกับสีชมพูพาสเทลหวาน ยิ้มบ่อยจนบางทีเฟื่องฟ้ามักจะแซวปนค่อนแคะเธอว่าเป็นคนคลั่งรัก 

เรื่องนี้รินลดายอมรับและไม่มีข้อโต้แย้ง แต่พอเธอแซวคืนเรื่อง ‘ผู้ชาย’ ของเพื่อนบ้าง รายนั้นก็ทำหน้ามุ่ยใส่จนเธอต้องยอมแพ้ 

คิดๆ ดูแล้วก็ตลกดีเหมือนกัน เพราะชะตากรรมของเธอกับเพื่อนสนิทเรียกว่าไม่ต่างกันนักในตอนแรก เธอแอบรักคุณอาข้างบ้าน ในขณะที่เฟื่องฟ้าก็มีคนที่ ‘ปักใจ’ อยู่เช่นกัน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคุณธีรดนย์ถือว่าราบรื่นเป็นเส้นตรงเลยก็ว่าได้ถ้าเทียบกับของเฟื่องฟ้ากับผู้ชายที่ชื่อ ‘ปฐพี’ คนนั้น

เรื่องวุ่นๆ แสนซับซ้อนระหว่างพวกเขาทำเอาเธอปวดหัวแทนเพื่อนเป็นพักๆ ถึงอย่างนั้นเฟื่องฟ้าก็ดูมีความสุขเวลาพูดถึงคนที่เจ้าตัวปักใจ เธอจึงไม่เคยห้ามปราม แต่เป็นฝ่ายสนับสนุนมาเรื่อยๆ แทน คงเหมือนกับเฟื่องฟ้าที่เอาใจช่วยเรื่องของเธอกับคุณธีรดนย์มาตลอดนั่นเอง เธออยากเห็นเพื่อนมีความสุข และได้แต่ภาวนาว่าวันนั้นจะมาถึงโดยเร็ว

บางทีรินลดาก็คิดว่าเพราะช่วงนี้ชีวิตเธอราบรื่นเกินไปหรือเปล่า เธอถึงอยากหาอะไรมาให้ตื่นเต้นเร้าใจ ซึ่งเรื่องที่กำลังฮอตฮิตและไม่พูดถึงไม่ได้เลยในช่วงนี้ก็คือการลงทุนในหุ้น ซึ่งเธอแอบศึกษากับเรื่องนี้มาสักพักแล้วแต่ยังกลัวเรื่องความเสี่ยง ทว่าเพราะอยากลองดู เธอจึงคิดจะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินคนเก่งที่อยู่ใกล้ตัวเธอนั่นเอง

แน่นอนว่าคนที่จะช่วยเธอได้คือคุณอาข้างบ้านที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นคนรัก เธออยากขอคำปรึกษาจากเขาและคิดว่าวันนี้สบโอกาส เมื่อครู่เธอแอบแง้มประตูออกไปดูก็เห็นว่าเขาน่าจะทำงานเสร็จแล้ว เพราะเสียงพูดคุยภาษาต่างประเทศหายไป เหลือเพียงเจ้าของร่างสูงที่ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวโปรด 

ถ้าให้เดา ตอนนี้เขาคงอ่านข่าวจากทั่วทุกมุมโลกอยู่ อย่างที่บอกว่านอกจากเขาจะเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินแล้วเขายังเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ จึงไม่น่าแปลกที่เขาจะอัปเดตความเป็นไปของโลกอยู่เสมอ และเห็นจริงจังแบบนั้น เชื่อไหมว่าเขาไม่เคยเอางานเข้ามาทำในห้องนอนเลย ธีรดนย์แยกเวลางานออกจากกันอย่างชัดเจน คงเพราะปกติเขาทำงานอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ การแยกพื้นที่ทำงานกับพื้นที่ส่วนตัวจึงเป็นเรื่องสำคัญ 

อีกเรื่องที่เธอสังเกตได้คือคุณธีรดนย์ของเธอไม่มีห้องทำงาน โต๊ะทำงานของเขาเป็นเพียงโต๊ะขนาดพอดี ซึ่งตั้งอยู่ในมุมสบายๆ มุมหนึ่งของห้องเท่านั้น อย่างเช่นบ้านหลังเก่า โต๊ะทำงานของเขาก็จัดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ใช่ห้องสี่เหลี่ยมเช่นกัน รินลดาจำได้ว่าเขาเคยบอกเธอว่าไม่ชอบบรรยากาศแบบนั้น เพราะชวนอึดอัดและหัวไม่แล่น ไม่แปลกใจที่เขาเลือกทำงานอยู่บ้านมากกว่าจะมีห้องทำงานที่บริษัท 

อีกเรื่องที่รินลดาชอบใจมากที่สุดเห็นจะเป็นโต๊ะทำงานของเธอที่วางอยู่ใกล้ๆ โต๊ะทำงานของเขา ไม่รู้เพราะแบบนี้หรือเปล่าที่ทำให้เธอไม่ค่อยอิดออดเวลาต้องทำงานหรืออ่านหนังสือนานๆ ความน่ารักของคุณธีรดนย์อยู่ตรงที่เขามักจะมานั่งเงียบๆ ข้างเธออยู่อย่างนั้น อ่านข่าวบ้าง หรือไม่ก็ทำงานตัวเองบ้าง แต่เขาจะอยู่ตรงนั้นจนกว่าเธอจะทำงานเสร็จและเข้านอนพร้อมกัน 

ด้วยเหตุนี้ทำให้เธอติดนิสัยไม่อยากเอางานเข้ามาทำในห้องนอนเหมือนเขา แต่การเล่นโทรศัพท์หรือเช็กความเคลื่อนไหวทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ยังมีอยู่ เพียงแต่นิสัยที่เธอพยายามฝึกให้ชินคือการไม่ทำงานหรืออ่านหนังสือบนเตียงนอน 

เมื่อมั่นใจว่าตัวเองจะไม่ไปรบกวนการทำงานของอีกฝ่าย รินลดาก็ค่อยๆ เดินเข้าไปหาคนที่ยังจดจ่อกับไอแพด ในห้องที่มีชั้นหนังสือซึ่งอัดแน่นด้วยหนังสือทั้งจากฝั่งของเธอและเขา เพราะทั้งเขาและเธอชอบอ่านหนังสือทุกประเภทเหมือนกัน แต่หนังสือของเขาบนชั้นจะหลายแนวมากกว่า ทั้งการเงิน การลงทุน รวมถึงหนังสือจิตวิทยาอื่นๆ ที่บางทีเธอก็เข้าไม่ถึง 

ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกว่าการย่องของเธอจะได้ผลไม่น้อย ธีรดนย์ยังไม่รู้ตัวว่าจะถูกจู่โจม เขาอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วก่อนทำงาน สวมกางเกงวอร์มผ้าเนื้อนิ่ม แต่ด้านบนเป็นเสื้อยืดโปโลเพราะเพิ่งคุยงานเสร็จ มองๆ แล้วก็เป็นการแต่งตัวที่ให้ความรู้สึกขัดแย้งอยู่หน่อยๆ แต่ยังเป็นความขัดแย้งที่ดูดีสำหรับคนมองอย่างเธออยู่ดี 

ยิ่งตอนที่เขาจดจ่อกับอะไรบางอย่าง ยิ่งทำให้มีเสน่ห์ในสายตาของเธอมาก รินลดามองคนที่นั่งไขว้ขา ท่วงท่าสง่างามไม่ต่างจากผู้บริหารระดับสูงที่เห็นตามข่าวบ่อยๆ แผ่นหลังกว้างพิงอยู่กับพนักเก้าอี้ สวมแว่นสายตา มองไปมองมาก็มีส่วนคล้ายอาจารย์มหาวิทยาลัยอยู่หน่อยๆ 

“อาธีขา”

คนถูกเรียกชื่อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ธีรดนย์วางไอแพดลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันไปยิ้มให้เมื่อเห็นว่าคนรักเดินเข้ามาใกล้

“ว่าไงครับ ยังไม่ง่วงเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมทั้งยื่นมือออกไปหา ท่อนแขนแข็งแรงค่อยๆ โอบประคองคนตัวเล็ก ให้เข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม

รินลดาส่ายหน้าว่าเธอยังไม่ง่วง เธออมยิ้มเล็กน้อยตอนได้เห็นท่านั่งของตัวเองที่ถูกคนอายุมากกว่าจัดแจงให้ คุณธีรดนย์วางขาลงแล้วแยกออกว้าง ก่อนเขาจะค่อยๆ โอบประคองเธอให้นั่งลงบนต้นขาข้างหนึ่งของเขา 

“รินมีเรื่องอยากขอคำแนะนำ”

รินลดาบอกความต้องการพร้อมกับขยับร่างกายให้นั่งในท่าที่ถนัดและคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่เมื่อยเกินไป ทว่าชุดนอนผ้าลื่นที่สวมอยู่ก็เป็นอุปสรรคไม่น้อย มันเลิกสูงจนเธอต้องคอยดึงมันลงไป รินลดาพยายามแล้ว แต่เพราะมันสั้นแค่ระดับเข่า พอเธอนั่งลงจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเห็นต้นขาขาววับๆ แวมๆ 

หญิงสาวได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วจากคนด้านหลังดังมาเป็นระยะ ดูเหมือนเขาจะชอบอกชอบใจกับชุดนอนของเธอเป็นพิเศษ 

“อาธีทำงานเสร็จแล้วใช่ไหมคะ”

“ครับ ไม่มีอะไรสำคัญแล้ว” 

รินลดาสาบานว่าเธอไม่ตั้งใจจะใส่ชุดนี้มายั่วยวนหรืออะไรทั้งนั้นในวันนี้ ดังนั้นพออีกฝ่ายจูบเบาๆ บนหัวไหล่ที่เปลือยเปล่าจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมา

สายบางๆ ที่เกาะอยู่บนไหล่ แค่สะกิดเพียงนิดเดียวก็หล่นได้ไม่ยาก แต่โชคที่ดีนอกจากจูบเบาๆ แล้วอีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรอีก เธอจึงหายใจหายคอได้คล่องขึ้น

“ไหน มีอะไรจะถามอานะ” ธีรดนย์หยุดแกล้งคนบนตักก่อนจะเอ่ยถามถึงเรื่องที่เธอบอกว่าอยากขอคำแนะนำจากเขา 

“รินอยากเปิดพอร์ตหุ้น”

“หืม? แล้วกองทุนรวมที่อาสอนไปคราวก่อนล่ะ ไม่เวิร์กแล้วเหรอ”

“ไม่ใช่ค่ะ”

รินลดาส่ายหน้า ความจริงกองทุนรวมที่เขาสอนไปเมื่อหลายปีก่อนเธอยัง DCA มาอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ช่วงนี้เธออยากลงทุนแนวอื่นบ้าง ซึ่งการลงทุนในหุ้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวสำหรับคนที่อายุยังน้อยแบบเธอ

“อันนั้นยังเวิร์กอยู่ค่ะ แต่ช่วงนี้รินมีศึกษาเรื่องหุ้นบ้างนิดหน่อย”

เดิมทีเธอไม่คิดจะมาแนวนี้เพราะค่อนข้างกังวลเรื่องความเสี่ยงและความผันผวนของตลาดหุ้น แต่พอเธอได้ยินประโยคที่ว่า ‘การลงทุนคือความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนเลยเสี่ยงยิ่งกว่า’ แนวคิดที่ว่าจึงค่อยๆ เปลี่ยนไป

เธอรู้สึกว่าตัวเองชอบประโยคนี้และค่อนข้างเห็นด้วย เพราะที่ได้ชัดเลยคืออัตราดอกเบี้ยเงินฝากสมัยนี้ที่ต่อให้มีเงินฝากนอนนิ่งในธนาคาร แต่ก็ยากจะเอาชนะเงินเฟ้อ รวมถึงทำให้เติบโตและงอกเงยจนกลายเป็นเงินก้อนโต 

ไหนๆ เธอก็มีบัญชีหุ้นตอนเปิดกองทุนรวมมาอยู่แล้ว การเปิดพอร์ตลงทุนคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร 

“อาธีว่ารินจะทำได้ไหม” 

ที่สำคัญเลย นอกจากขอคำแนะนำแล้ว รินลดายังอยากได้ความมั่นใจจากเขาอีกด้วย 

“ได้สิ ไม่ยากหรอก รินทำได้อยู่แล้ว”

คนได้รับกำลังใจเต็มเปี่ยมยิ้มกว้าง รินลดาเอียงหน้ามองคนตัวโตกว่าพร้อมกับค้นหาความจริงว่าเขาไม่ได้แกล้งพูดเพื่อให้กำลังใจเธอเล่นๆ 

“อะไร ไม่เชื่ออาเหรอ”

“เปล๊า”

เพราะตอบกลับด้วยเสียงสูงลิ่วแบบนั้น เธอจึงถูกทำโทษโดนขโมยหอมแก้มไปแรงๆ หลายทีติด รินลดาหัวเราะคิกคัก เอียงใบหน้าหลบทั้งปากและจมูกเขาเป็นพัลวัน แน่นอนว่าเธอหนีไม่พ้นอยู่แล้ว เพราะช่วงเอวยังถูกท่อนแขนหนักๆ เกี่ยวไว้อย่างแน่นหนา 

สุดท้ายคนเหนื่อยหอบก็ได้แต่ยกมือยอมแพ้ ติดสินบนโดยการจูบแก้มเขาคืนเบาๆ หนึ่งที จึงกลับมาคุยเรื่องที่คุยค้างไว้ต่อได้

“แต่รินรู้ใช่ไหมว่าหุ้นมีความเสี่ยงกว่ากองทุนที่รินเคยซื้อมาตลอด”

“รินรู้ค่ะ” 

“โอเคครับ งั้นข้อถัดมา เราต้องมาคุยกันก่อนว่าที่รินอยากลงทุนระยะยาว หรือซื้อหุ้นเพราะอยากได้กำไรเร็วๆ”

“แหะ”

แน่นอนว่าที่เธอคิดมาคือข้อหลังอย่างไม่ต้องสงสัย พอถูกถามจี้ตรงจุดเธอถึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ แทนคำตอบ แล้วระบายยิ้มบางอย่างเอาอกเอาใจบนใบหน้าสวย 

“งั้นเรื่องที่อาแนะนำได้ตอนนี้คงมีแค่ให้ลงเงินก้อนเล็กๆ ไปก่อน” 

“พอขาดทุนจะได้ไม่เจ็บมากใช่ไหมคะ”

“ใช่ครับ”

“โถ่”

ธีรดนย์หัวเราะเบาๆ ในลำคอเมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบรับเสียงอ่อย ใบหน้าสวยหวานหม่นลงเล็กน้อยจนเขาสงสาร อยากเติมเงินลงพอร์ตให้ แม้คำตอบนี้อาจเป็นอะไรที่ใจร้ายไปหน่อย แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันคือความจริง เป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องเรียนรู้และยอมรับให้ได้ 

มีกำไรก็ย่อมมีขาดทุนเป็นธรรมดา คนที่เพิ่งเริ่มศึกษาเรื่องการลงทุนจะไปเอาชนะคนที่อยู่ในตลาดหุ้นมาเป็นสิบๆ ปีได้อย่างไร แต่แน่นอนว่าทุกเรื่องเรียนรู้ได้ ค่อยๆ ศึกษาและเรียนรู้ไปก่อน เพราะพอถึงวันหนึ่งนักลงทุนจะรู้เองว่าตัวเองมาถูกทางหรือยัง 

“แต่พอถึงวันหนึ่งที่รินเลือกหุ้นเป็น จิตใจเข้มแข็งมากพอ ถึงตอนนั้นผลตอบแทนที่รินได้มันจะคุ้มค่ามากครับ”

ธีรดนย์อดให้กำลังใจคนน้อยบนตักไม่ได้ รินลดาอายุยังน้อยอยู่ เธอยังมีโอกาสเรียนรู้อีกมากในตลาดการลงทุนแห่งนี้ ต่อให้วันนี้ขาดทุน แต่วันหน้ายังมีโอกาสให้แก้ตัวใหม่ 

“จริงเหรอคะ”

ได้ยินแบบนั้นคนใจแป้วก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง รินลดาขยับนั่งตัวตรงอีกครั้ง หลังจากเมื่อครู่ที่ได้ฟังความจริงจนหมดแรงจนซบลงกับอกของคนตัวโตกว่า 

“ครับ”

“แบบนี้ค่อยมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย”

คนได้รับกำลังใจยิ้มหวานอีกครั้ง เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาก่อนจะกดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันสำหรับเริ่มต้นลงทุนอย่างรวดเร็ว ท่าทางจริงจังนั้นทำเอาคนมองอยู่หลุดยิ้มบาง ธีรดนย์ส่ายหน้าช้าๆ แต่สุดท้ายก็ให้คำแนะนำไปอยู่ดี

“อยากได้ทุนสักก้อนไหม”

รินลดาเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเข้มข้างหู ก่อนจะหลุดยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ เพราะเห็นว่าจิตวิญญาณคนรักสายเปย์เข้าร่างคุณอาหนุ่มของเธออีกแล้ว 

“ไม่เอาแล้วค่ะ รินก็มีเงินเก็บของรินนะ อาธีให้รินได้ใช้เงินตัวเองบ้างเถอะ ป่านนี้ล้นบัญชีไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้”

คนกลัวเงินล้นบัญชีว่าขำๆ สุดท้ายเลยโดนบีบจมูกไปหนึ่งทีโทษฐานที่เธอปฏิเสธคนรักสายเปย์ซึ่งๆ หน้า แต่ที่เธอบอกว่าตัวเองมีเงินเก็บนั้นไม่ได้เกินจริงนัก เพราะในแต่ละเดือนเธอได้รับเงินค่าขนมจากคุณลุงคุณป้าในจำนวนที่มากทีเดียว จึงพอมีเงินเหลือเก็บอยู่บ้าง 

แถมตอนย้ายมาอยู่กับคุณธีรดนย์แล้วเธอยังได้ค่าขนมจากเขาอีกด้วย เรียกว่าวันๆ หนึ่งเธอแทบไม่ได้ใช้เงินตัวเองเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นเธอจึงตกลงกับเขาว่าเงินที่ได้มาเธอจะเอามาเป็นค่าส่วนกลาง ไว้ใช้จ่ายและซื้อของจำเป็นเข้าบ้าน ซึ่งแรกๆ แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ยินยอม แต่เพราะเธอยื่นคำขาดว่าจะไม่รับ สุดท้ายจึงได้ข้อสรุปว่าเขาจะจ่ายให้ในโอกาสอื่นๆ ที่เหมาะสม ส่วนเธอเองก็เลือกซื้อของเข้าบ้านตามต้องการ 

“ว่าแต่ว่า...” รินลดาชะงักไปเล็กน้อย เธอลังเลอยู่ว่าควรจะถามเรื่องนี้ขึ้นมาหรือไม่ 

“หืม?”

“ไม่เอาแล้วค่ะ รินไม่ถามแล้วดีกว่า”

เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวเกินไป ออกแนวละลาบละล้วงจนต้องรีบส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน

“ถามได้ รินก็รู้ว่าอาไม่เคยมีความลับกับริน”

“แต่ว่า”

“ถามได้ครับ ไหน อยากรู้อะไร” 

ธีรดนย์ลูบฝ่ามือลงบนต้นแขนคนบนตักเบาๆ เขายินดีตอบทุกคำถามของรินลดาอยู่แล้ว ปกติเจ้าตัวไม่ค่อยลังเลที่จะถามหากมีเรื่องสงสัย พอเห็นท่าทางแบบนี้ของเธอเขาจึงยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่ ว่าแท้จริงแล้วรินลดาอยากถามเขาเรื่องอะไรกันแน่

“ทำแบบนี้อาจะนอนไม่หลับเอานะ”

สุดท้ายรินลดาก็หลุดหัวเราะจนได้ จากเรื่องที่เธออยากรู้ กลายเป็นเรื่องที่จะทำให้อีกฝ่ายนอนไม่หลับได้อย่างไรกัน

“รินแค่อยากเห็นพอร์ตหุ้นของอาธีน่ะค่ะ” รินลดาบอกอ้อมแอ้ม

“แต่ถ้าอาธีไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ รินเข้าใจเลย รินโอเค” เธอเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว เพราะอย่างนั้นจึงค่อนข้างกลัวว่าจะไม่เหมาะ 

ก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้าใจผิดไปไกล ธีรดนย์จึงต้องเอ่ยขัดขึ้นพลางยิ้มน้อยๆ 

“ให้อาตอบบ้างสิครับ อายังไม่ได้บอกเลยว่าให้ดูไม่ได้”

ธีรดนย์วางมือลงบนเส้นผมของอีกฝ่ายแล้วลูบเบาๆ อย่างที่ชอบทำ ยิ่งสัมผัสความกังวลทั้งจากแววตาและน้ำเสียงของเธอ ยิ่งอยากปลอบโยนให้ผ่อนคลาย ย้ำให้เธอมั่นใจเขาไม่ได้คิดมากเลยสักนิด ถ้ารินลดาอยากเห็น แน่นอนว่าเขาพร้อมจะเปิดให้เธอดูอยู่แล้ว มันไม่ใช่ความลับอะไร เพียงแต่ที่ไม่เคยให้ดูเพราะคิดว่ามันไม่จำเป็นเท่านั้น 

“ให้รินดูได้จริงๆ เหรอคะ” 

“ได้ครับ”

“ไม่เป็นความลับเหรอ”

“ไม่แน่นอน”

รินลดาคิดว่าตัวเองคงยิ้มกว้างจนเห็นฟันเกือบครบทุกซี่ตอนได้ยินคำตอบ เธอผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก เพราะยอมรับว่ากลัวเขาโกรธอยู่เหมือนกัน ทว่าพอได้ยินคำยืนยันเช่นนั้นก็เผลอแสดงความตื่นเต้นออกมา

ยิ่งในตอนที่อีกฝ่ายหยิบไอแพดขึ้นมาแล้วเปิดเข้าไปยังหน้าที่แสดงข้อมูล เธอยิ่งตื่นเต้น เธอไม่เคยเห็นพอร์ตหุ้นของอีกฝ่ายเลยสักครั้ง เธอรู้แค่ว่าเขาลงทุนมานานตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่น เพราะคุณพ่อของเขาทำงานด้านการเงินเช่นกัน จึงไม่แปลกที่เขาจะคลุกคลีและซึมซับกับเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็ก

“โอ้โฮ!”

แม้เธอจะคาดเดาไว้แล้วว่าพอร์ตของเขาคงเติบโตและมีกำไรหลายเท่า ทว่าตัวเลขที่ปรากฏตรงหน้าช่างต่างจากจินตนาการที่เธอคิดไว้หลายร้อยเท่า 

รินลดาตาโตแทบถลนเมื่อเห็นตัวเลขสีเขียวเหล่านั้น แต่ที่น่าตกใจคือเปอร์เซ็นต์บวกด้านหลังที่แทบไม่มีอันไหนต่ำกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์เลยสักตัว บางตัวบวกไปมากจนเธอแทบจะเป็นลมเพราะคำนวณตัวเลขไม่ไหว สมมุติว่าเขามีเงินในพอร์ตหนึ่งร้อย ตอนนี้กำไรคงพุ่งไปมากกว่าเดิมหลายเท่าทีเดียว 

“โอ้...” 

ริมฝีปากของรินลดาอ้าค้างตอนที่อีกฝ่ายเลื่อนไปมาให้ดูข้อมูล เธอรู้สึกว่ามือของตัวเองสั่นนิดๆ ตอนกดดูยอดรวมที่สรุปอยู่ด้านล่าง เธอแทบจะยื่นไอแพดคืนเขาเพราะกลัวว่าจะมือสั่นจนเผลอทำมันหลุดมือเสียก่อน ถ้าเป็นในนิยายจีนโบราณที่เธอชอบอ่าน คุณธีรดนย์คงถือเป็น ‘ต้นขาทองคำ’ อย่างไม่ต้องสงสัย คนที่นางเอกต้องเกาะไว้แล้วจะสุขสบายไปทั้งชาติ 

แน่นอนว่ารินลดาคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกในนิยายจีนพวกนั้น หรือในจุดนี้ให้เธอเป็นแค่คนรับใช้ก็ได้ เพราะคิดว่าน่าจะสบายไม่ต่างกัน

“รินจะเกาะติดอาธีไม่ปล่อยแน่ๆ”

ท่าทางแสนตลกและน่าเอ็นดูของคนตัวเล็กบนตักทำเอาธีรดนย์หลุดขำเบาๆ เขาดีดหน้าผากเธอไปหนึ่งที โทษฐานที่ค่อนข้างจะเว่อร์เกินไปหน่อย นักลงทุนหลายคนที่เขารู้จักพอร์ตไปไกลว่านี้หลายเท่า แต่ธีรดนย์ต้องรับว่าเขาค่อนข้างพอใจที่เห็นรินลดามั่นใจว่าเขาสามารถดูแลเธอได้ตลอดชีวิต แม้ไม่ต้องทำงานหนักชนิดปากกัดตีนถีบ

“ครับ เกาะไว้ให้แน่นๆ นะ ห้ามปล่อยมือเด็ดขาด”

เพราะถึงรินลดาอยากปล่อยมือ เขาก็จะพยายามรั้งเธอไว้อย่างสุดความสามารถ ส่วนคนไม่รู้ตัวว่าจะถูกรั้งไว้กำลังทำหน้าเพ้อฝันขั้นสุด รินลดายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทั้งยังนึกตลกตัวเองที่เผลอทำอะไรเปิ่นๆ ออกไป 

“ทีนี้เปลี่ยนใจอยากได้ทุนจากอาหรือยัง” 

ธีรดนย์กระชับท่อนแขนให้คนบนตักขยับมานั่งดีๆ เพราะเธอเกือบจะหล่นลงไปแล้ว เขาถามยิ้มๆ แล้วต้องยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อคนที่ตื่นเต้นกับตัวเลขก่อนหน้า ส่ายหน้าไปมาพลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“รินจะใช้เงินตัวเองค่ะ รินจะทำให้พอร์ตโตเท่าของอาธีเลยคอยดู”

สายตาของรินลดาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและฮึกเหิม แรงใจที่มีมากอยู่แล้วเหมือนจะมากขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเห็นตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จ หรือจริงๆ แล้วก็คือตัวเลขผลกำไรที่เธอกวาดตามองคร่าวๆ เมื่อครู่นั่นเอง 

หนทางสู่วิถีรวยอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว!

“ทำหน้าอะไรแบบนั้นฮึเรา นี่กำลังคิดอะไรอยู่”

แน่นอนว่าเขารู้ดีเชียวว่ารินลดาคิดอะไรอยู่ ดวงตาเป็นประกายของเธอแทบจะตอบคำถามในใจทั้งหมดแล้ว พอเห็นแบบนั้นก็ไม่อยากเอ่ยขัดทำลายความตั้งใจ เขาหวังแค่ว่าคำแนะนำที่ให้ไปก่อนหน้าจะได้ผลไม่มากก็น้อย 

“รินว่ารินเห็นทางรวยแล้วค่ะ!”

เป็นครั้งแรกของวันที่ธีรดนย์หลุดขำเสียงดังขนาดนี้ คำพูดน่าเอ็นดูของคนบนตักทำให้เขารู้สึกผิดเล็กน้อยที่กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ 

“อาธีไม่เชื่อรินเหรอคะ” 

“เปล่าๆ อาเชื่อครับ” 

เขาเชื่อ แต่ไม่ได้พูดต่อว่ารินลดาอยู่บนเส้นทางรวยอยู่แล้วเพราะเธอมี ‘ว่าที่สามี’ รวย สมบัติของสามีแน่นอนว่าย่อมเป็นของภรรยาอย่างไม่ต้องสงสัย 

“ถ้าพอร์ตโตแล้วอย่าลืมเอามาให้อาดูนะ”

“แน่นอนค่ะ รินจะให้อาธีดูเป็นคนแรกเลย” รินลดาสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ เธอหันให้ไปฉีกยิ้มให้คนด้านหลังพร้อมทั้งหอมแก้มเขาซ้ำๆ หลายที 

เหมือนว่าวันหยุดสุดสัปดาห์นี้จะมีกิจกรรมให้เธอทำหลายอย่างเลยทีเดียว เพราะภาพในหัวของนักลงทุนมือใหม่ไหลวนเป็นฉากๆ ด้วยความมุ่งมั่น รินลดายิ้มกริ่มทั้งที่ยังไม่ได้เจาะลึกศึกษาหุ้นตัวไหนเลยสักตัว ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังรับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่าง ซึ่งพลังงานที่ว่าก็คือพลังแห่งความรวยนั่นเอง!

“แต่ตอนนี้เศรษฐีนีคนเก่งคงต้องไปนอนแล้วครับ จะเที่ยงคืนแล้ว พรุ่งนี้รินมีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ”

“ว้า รินยังไม่ง่วงเลย”

ธีรดนย์บีบจมูกรั้นๆ ของคนที่หันมาเถียงเขาหน้ามุ่ย เขาจึงทำโทษสถานเบาก่อนค่อยๆ พยุงเธอให้ลุกขึ้นเพื่อกลับเข้าไปในห้องนอน ระหว่างนั้นเจ้าของเสียงเจื้อยแจ้วยังถามเรื่องการลงทุนเป็นระยะ ธีรดนย์ส่ายหน้าพลางยิ้มขำ แต่สุดท้ายก็ยอมตอบทุกคำถามของเธออยู่ดี

“ขึ้นไปบนเตียงก่อนครับ อาจะปิดไฟ”

เขาเดินไปเปิดโคมไฟดวงเล็ก ก่อนจะหันมาออกคำสั่งคนดื้อที่ยังเดินวนไปวนมารอบตัวเขา ท่าทางของรินลดาไม่ต่างจากลูกไก่ตัวน้อยคอยเดินตามตูดแม่ไก่เลยสักนิด เสียแต่ว่าแม่ไก่อย่างเขาหันไปทำตาดุ เธอถึงได้ยอมปีนขึ้นไปนั่งบนเตียง

รินลดาย่นจมูกใส่แผ่นหลังคุณอาจอมดุอย่างหมั่นไส้ แต่พอเขาหันกลับมาเธอก็รีบเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานเอาใจทันที เธอยังมีอีกหลายคำถามที่อยากถามเขาในคืนนี้ ซึ่งคงนอนไม่หลับถ้ายังไม่ได้คำตอบ

“มานอนกันค่ะ”

คนอารมณ์ดีตบปุๆ ลงบนเตียงนอนหลังจากเธอนอนลงและดึงผ้าห่มมาคลุมมิดชิด เครื่องปรับอากาศที่ตั้งอุณหภูมิไว้ต่ำกว่าปกติทำให้เธอซุกใบหน้าลงกับผ้านวมผืนใหญ่ โผล่พ้นมาแค่ดวงตา แสงสีนวลจากโคมไฟบนหัวเตียงทำให้เธอเห็นร่างสูงใหญ่ของคนที่มาหยุดยืนอยู่ข้างๆ เขาขึ้นมาบนเตียงก่อนจะสอดตัวเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกัน

“อาธีว่ารินควรเลือกหุ้นตัวไหนดีคะ”

ธีรดนย์อยากดุ แต่ก็ดุไม่ลงเมื่อเห็นดวงตาใสแจ๋วของคนข้างกายที่มองมาอย่างออดอ้อน พอเขานอนลงก็กลายเป็นว่ารินลดาโผเข้ามากอดเขาแน่น ท่อนแขนเล็กๆ คล้องเอวคล้ายจะไม่ให้เขาหลบหนี ซึ่งปกติรินลดาก็มักนอนกอดเขาอยู่แล้ว แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะทำหน้าอ้อนตาหวานเหมือนอย่างวันนี้เลย

“ขอรางวัลก่อนครับ”

คนอายุมากกว่าวางกลลวงเอาไว้ดัก ใช่ว่าเขาไม่อยากตอบ แต่เรื่องนี้เขาอยากให้รินลดาค่อยเป็นค่อยไป หุ้นบางตัวเขาซื้อมาตอนที่ราคามันถูกมากๆ เขาถือมาเกินสิบปีจนตอนนี้มูลค่ามันสูงเกินกว่ามือใหม่จะซื้อตามเพื่อทำกำไร ดังนั้นเขาจึงพยายามบ่ายเบี่ยง และคิดว่าจะค่อยๆ สอนเธอเรื่องการดูข้อดีข้อเสียอื่นดีกว่า

ทว่าคนที่หมายมั่นไว้แบบนั้นเกือบต้องเสียความตั้งใจ เมื่อหญิงสาวยื่นหน้าเข้ามาจูบแผ่วเบา แตะปลายลิ้นเล็กๆ บนกลีบปากของเขาอย่างยั่วเย้า รินลดาพยายามเลียนแบบตามบทเรียนที่เขาพร่ำสอน แม้จะยังเก้ๆ กังๆ แต่ก็ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงได้ไม่ยาก 

เสียแต่ว่าคราวนี้เขายอมแพ้ไม่ได้เท่านั้นเอง 

“ยังไม่พอครับ”

ธีรดนย์ไม่ยอมแพ้ ทว่าถ้าสังเกตให้ดีคงจับได้ว่าเสียงของเขาสั่นพร่าในท้ายประโยค และก่อนที่อีกฝ่ายจะได้โต้แย้ง เขาก็เลือกเอ่ยประโยคซึ่งเป็นหมัดฮุกออกไป

“ออนท็อปให้อาสิ”

คนอายุมากกว่ายิ้มขำเมื่อเห็นคนที่หมายมั่นปั้นมือจะให้รางวัลเขาชะงักไปทันที 

“แบบนี้คือแกล้งรินแล้วนี่!” 

เพียงไม่นานเสียงโวยวายและแรงทุบเบาๆ ก็กระหน่ำลงบนอกเขา ธีรดนย์ไม่พยายามกลั้นรอยยิ้มเอาไว้อีกแล้วเมื่อเขารู้ตัวว่าเป็นฝ่ายชนะ ชายหนุ่มรวบฝ่ามือเล็กๆ ที่กำลังประทุษร้ายเอาไว้แล้วเป็นฝ่ายดึงเธอเข้ามากอดแทน

“เรื่องลงทุนรินต้องใจเย็นๆ เดี๋ยวอาจะค่อยๆ สอน อย่าเพิ่งใจร้อน” คุณอาหนุ่มกระซิบบอกให้อีกฝ่ายใจเย็นลง ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มนุ่มของเธอก่อนจะระบายยิ้มอบอุ่น

วันนี้รินลดาอาจจะใจร้อน อยากเรียนรู้ อยากเข้าใจ เพราะเห็นตัวเลขผลกำไรซึ่งเป็นที่น่าพอใจของเขา แต่สิ่งที่รินลดาต้องเรียนรู้คือประสบการณ์ระหว่างทางก่อนที่เขาจะประสบความสำเร็จ รินลดาเป็นเด็กมีเหตุผล และเขาเชื่อว่าเธอจะยอมรับฟังคำพูดของเขา

“ก็ได้ค่ะ รินเข้าใจแล้ว”

“เก่งมาก”

คนได้รับคำชมยิ้มกว้างอย่างพอใจ รินลดาดึงมือที่ถูกเขากุมไว้ออก ก่อนจะเลื่อนไปสวมกอดเขาไว้เช่นเดิม ใบหน้าสวยหวานของคนเด็กกว่าซบลงบนแผ่นอกแกร่งเพื่อหาความอบอุ่นตามความคุ้นเคย ต่อให้วันนี้ยังไม่รวย แต่เธอขอนอนกอดคนรวยไปก่อนก็แล้วกัน!

หญิงสาวคิดอย่างมาดมั่น โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนอารมณ์ดีเพราะเธอเช่นกัน 

แม้ธีรดนย์จะรู้ดีว่าอนาคตอันใกล้นี้คงจะมีเรื่องวุ่นๆ ตามมาอีกมากมายเพราะนักลงทุนมือใหม่คนนี้ แต่แน่นอนคนเป็นว่าที่สามีอย่างเขาย่อมต้องการให้ ‘ว่าที่ภรรยา’ มีความมั่นคงทางการเงินเช่นกัน

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น