10
เถ้าแก่เนี้ยถูกหวย
รู้ตัวอีกที ลดาก็เดินเตร็ดเตร่ออกมาไกลแล้ว...
หญิงสาวไม่แม้แต่จะบอกกล่าวเตชิตเหมือนทุกครั้ง เธออยากเดินหนีไปให้ไกลเพียงลำพัง จะเป็นอันตรายไหมเธอไม่สน ช่างหัวมันปะไร
สาวร่างบางสะพายกระเป๋าผ้าเดินบนฟุตพาทผ่านหน้าร้านรวงต่างๆ ในชุมชนเจริญกรุง เธอมีสภาพเปียกมะล่อกมะแล่กเหมือนคนโดนสาดน้ำใส่แล้วเพิ่งเริ่มแห้ง ฝนด้านนอกยังไม่หยุดตก แต่ก็เบาลงกว่าเดิมแล้ว
ลดารู้สึกตกใจตัวเองที่สามารถพูดแบบนั้นกับเฮียบิ๊กออกไปได้ ตกใจที่ตัวเองตัดสินใจรวดเร็วและง่ายดายโดยไม่ได้ไตร่ตรองมาก่อนล่วงหน้าเลยว่าจะทำการนี้ ถึงกระนั้นเธอก็ไม่รู้สึกเสียใจ ความอดทนของคนเรามันมีขีดจำกัด เธอไม่จำเป็นต้องอดทนกับอะไรก็ตามที่มัน Toxic ต่อตัวเธอเอง
หญิงสาวเดินมาหยุดหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง นั่งพักบนม้านั่ง เธอเหนื่อยเกินกว่าจะเดินต่อไปไหว ข้าวกลางวันก็ยังไม่ได้ตกถึงท้อง คิดได้ดังนั้นจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปข้างในร้านสะดวกซื้อ ซื้อแซนด์วิชกับนมกล่องหนึ่งมานั่งกินรองท้อง ขณะนั้นเองหญิงสูงวัยผู้หนึ่งก็ได้เดินมานั่งบนม้านั่งตัวเดียวกับเธอ
หญิงสูงวัยรูปร่างผอมแต่งกายมิดชิด เป็นคนขายลอตเตอรี่ ลดามองแผงลอตเตอรี่ของอีกฝ่ายที่ยังเต็มแน่นอยู่เลย ไม่พร่องลงสักนิด
คนขายลอตเตอรี่สังเกตได้ว่าเธอมองจึงเอ่ยทักขึ้น “สนใจซื้อลอตเตอรี่สักชุดมั้ยหนู วันนี้ยายยังขายไม่ได้เลย”
“เสียใจด้วยนะคะที่ขายไม่ได้ หนูก็เพิ่งลาออกจากงานมาเหมือนกันค่ะ” ลดาคาบหลอดไว้ในปาก ดูดนมรสจืดจากกล่อง เลื่อนสายตาอันเหม่อลอยมองออกไปข้างนอก ไม่รู้เหตุผลที่บอกออกไป เธอแค่อยากบอกใครสักคน
“ทำไมหนูถึงลาออกล่ะ”
ลดาเลิกคิ้ว ไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะถามกลับ “เหนื่อยค่ะ ก็เลยอยากลาออก”
“ถ้าลาออกแล้วจะทำอะไรล่ะลูก เศรษฐกิจแบบนี้งานมันหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรอีกนะ ทำมาค้าขายก็ลำบาก” หญิงสูงวัยถอนหายใจ หลุบตามองลอตเตอรี่ในแผงของตัวเอง
“หนูไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าออกแล้วจะทำอะไร แต่คิดว่าพอจะมีที่ไปอยู่” สาวหมวยวางนมกล่องไว้ข้างตัว ล้วงกระเป๋าสตางค์จากกระเป๋าผ้ามาเปิดออกดู
“หนูเอาใบนี้ค่ะ” เธอสุ่มชี้ไปที่ลอตเตอรี่ชุดหนึ่งซึ่งมีสองใบ ไม่ได้ดูว่าเลขสวยหรือไม่ ถูกใจหรือเปล่า
“ถ้าหนูไม่อยากซื้อไม่ต้องซื้อก็ได้นะลูก เก็บเงินไว้ซื้อข้าวเถอะ เพิ่งลาออกจากงานด้วย” หญิงสูงวัยผู้ขายลอตเตอรี่ยังไม่ยอมรับน้ำใจง่ายๆ ด้วยเห็นอกเห็นใจหญิงสาวที่มีชะตากรรมเศร้าสร้อยในวันหม่นหมองเช่นเดียวกับตนเอง
“หนูยังมีเงินเก็บอีกค่ะไม่ต้องห่วง หนูไม่เดือดร้อนขนาดนั้น ถือว่าเราช่วยๆ กันนะคะ ไม่แน่ว่าหวยสองใบนี้อาจเป็นรางวัลที่หนึ่งก็ได้” ลดาเผยยิ้มละมุนละไมท่ามกลางวงหน้าซีดขาว เธอจับมือยายขายลอตเตอรี่มาแบออกแล้ววางเงินของเธอลงไป
“ดึงใบนี้ให้หนูด้วยนะคะ”
หญิงสูงวัยรู้สึกปลื้มปีติในใจ ดึงลอตเตอรี่ใบที่สาวหน้าอ่อนต้องการส่งให้
“ขอบคุณนะหนู”
“สู้ๆ กันต่อไปนะคะคุณยาย ขอให้ครึ่งวันที่เหลือคุณยายขายลอตเตอรี่หมด” ลดาเก็บลอตเตอรี่ใบดังกล่าวใส่กระเป๋าสะพายพลางลุกขึ้นยืน
“หนูไปก่อนนะคะคุณยาย”
“โชคดีจ้ะ อายุมั่นขวัญยืน ขอให้ถูกหวยนะหนูนะ” หญิงสูงวัยกล่าวอวยชัยให้พร
“ค่ะ”
ลดาโบกมือลา เดินหันหลังมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านของเธอ ไม่เดินหนีเตร็ดเตร่อีกต่อไปแล้ว พลังใจของเธอเพิ่มพูนขึ้นเพียงเพราะบทสนทนาอันเล็กน้อยกับคนแปลกหน้าและความรู้สึกที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นทำให้เธออิ่มเอมใจ โดยไม่ได้คาดหวังเลยสักนิดว่าลอตเตอรี่ใบที่นอนอุ่นอยู่ในกระเป๋าเธอนั้นจะเป็นรางวัลที่หนึ่ง
“อ้าว กลับบ้านแล้วเหรออาดา เพิ่งจะบ่ายสองโมงเองนะ”
ลาวัลย์ทักลูกสาวที่เดินเข้าร้านมา สภาพดูไม่ได้เท่าไร
“มีอะไรให้ดาช่วยบ้างคะ” ลดาไม่ตอบคำถามมารดา เดินเข้าไปหลังเคาน์เตอร์แล้ววางสัมภาระลง จัดการรวบผมยุ่งเหยิงเป็นมวยกลางศีรษะ
“เอ่อ...” ลาวัลย์มือนิ่งค้างในถาดทองรูปพรรณ หันมองหน้าสามีที่นั่งอยู่อีกฝั่งอย่างต้องการจะหาคำตอบ
จังหวะเดียวกันนั้น มีลูกค้าหนุ่มสาวพากันเดินเข้ามาในร้าน
“สวัสดีค่า ห้างทองพริ้มพรรณยินดีต้อนรับค่ะ” ลดาคลี่ยิ้มหวานให้ลูกค้าทั้งสอง
“มาดูแหวนแต่งงานน่ะครับ” ลูกค้าหนุ่มบอกความต้องการพลางหันไปยิ้มให้แฟนสาวของตน
“ได้เลยค่ะ ร้านเรามีให้เลือกเยอะเลย ช่วงนี้มีโพรโมชันพิเศษสำหรับคู่รักด้วยนะคะ”
“หืม โพรโมชัน...” มงคลเลิกคิ้ว จำได้ว่าร้านของตัวเองไม่เคยมีโพรโมชันใดๆ เลย ทว่าก่อนจะได้เอ่ยปากทักท้วงอะไร ลูกสาวก็เอ่ยขึ้นก่อน
“ป๊าช่วยเอากล่องแหวนมาให้ลูกค้าเลือกหน่อยสิ” ลดาหันมายิ้มให้คู่รักอีกครั้ง “เลือกได้ตามสบายเลยนะคะไม่ต้องรีบ เดี๋ยวไปเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ค่ะ”
“ได้ค่ะ/ครับ” หนุ่มสาวพยักหน้ารับพร้อมกัน เถ้าแก่ร้านทองเดินนำกล่องบรรจุแหวนทองรูปแบบต่างๆ มาวางให้เลือกบนตู้กระจก
ลาวัลย์ได้แต่อึ้งกิมกี่ มองลูกสาวที่หายเข้าไปหลังบ้านแล้วกลับมาหน้าร้านพร้อมน้ำสองแก้วเสิร์ฟให้ลูกค้า เพราะมัวแต่เหม่อลอยจึงไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีลูกค้าอีกคนเป็นชายสูงวัยเดินเข้ามาในร้าน กระทั่งลูกสาวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหวานใสชัดเจนแจ่มแจ้ง
“สวัสดีค่า ห้างทองพริ้มพรรณยินดีต้อนรับค่ะคุณตา”
“เอ่อ...เอาทองมาขายครับ”
“เอาทองมาขายเหรอคะ เชิญด้านนี้เลยค่ะ เดี๋ยวหนูจัดการให้น้า” ลดาเดินไปประจำหน้าเครื่องช่างดิจิทัลด้วยความรวดเร็ว อีกมือก็ถือเครื่องคิดเลขเตรียมพร้อม
ตลอดบ่ายวันนั้นจนถึงหนึ่งทุ่มครึ่ง เถ้าแก่ร้านทองกับภรรยาได้แต่มองหน้ากันเพราะไม่เข้าใจการกระทำอันแสนแปลกประหลาดของลูกสาวคนเดียว ซึ่งจู่ๆ ก็ดูขยันขันแข็งผิดปกติ ทำงานในร้าน ดูแลลูกค้าแบบไม่เกี่ยงงอนเหมือนที่ผ่านมา พวกเขาแทบไม่ต้องทำอะไรเลยช่วงคนน้อยๆ ลูกสาวจัดการให้หมดทุกอย่าง
“สรุปลื้อจะบอกป๊ากับม้าได้หรือยังว่าทำไมถึงกลับมาตอนบ่าย” มงคลตัดสินใจเปิดประเด็นขึ้นในระหว่างช่วยกันเก็บร้าน
“ดาลาออกจากงานแล้ว”
“หา!!!”
ลดามีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย เก็บสร้อยทองรูปพรรณที่จัดเรียงไว้สวยงามเหมือนเดิมแล้วเข้าตู้กระจก เตรียมปิดล็อกประตูนิรภัย
“ลื้อ... ลื้อลาออกแล้วจริงเหรอ” มงคลถามเสียงตะกุกตะกัก
“จริง” ลดาเงยหน้าสบตาบิดาด้วยสายตาจริงจัง “ดาตัดสินใจแล้ว ถ้าป๊ากับม้าอยากให้ดาสืบทอดกิจการที่ร้านดาก็จะทำ จะทำให้ร้านทองของเราเป็นอันดับหนึ่งของเยาวราชเลย”
“ลื้อพูดเล่นหรือเปล่าเนี่ยอาดา” แม้แต่ลาวัลย์เองยังส่ายหน้า ลูกสาวเธอหัวดื้อมาตั้งแต่เกิด จู่ๆ ก็อยากจะทำตามความปรารถนาของพ่อแม่งั้นหรือ
“ไม่ได้พูดเล่น ดาจริงจัง แต่ดามีข้อแลกเปลี่ยน” ลดาเคาะมือลงบนตู้กระจกเบาๆ
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไรของลื้อ” มงคลกอดอก
“ป๊ากับม้าต้องยอมให้ดาเรียนต่อศิลปะ ดาจะทำงานที่ร้านเราสองปีแล้วไปเรียนต่อ เรียนจบแล้วดาจะกลับมารับช่วงต่อเอง ดาขออำนาจในการตัดสินใจทุกอย่างเมื่อดาเป็นเจ้าของร้านแล้ว ป๊ากับม้าจะช่วยด้วยก็ได้ แต่ทุกอย่างที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจของร้านเรา ดาจะเป็นคนตัดสินใจเอง ดาจะเป็นเถ้าแก่เนี้ยแล้วก็เป็นศิลปินด้วย ป๊ากับม้ารับได้มั้ย”
เถ้าแก่ร้านทองนิ่งคิดพักหนึ่ง หันไปมองภรรยาคู่ชีวิตที่พยักหน้ากลับมาจึงหันมาบอกกับลูกสาว
“ได้ ป๊าตกลง ลื้อทำให้ได้ตามที่พูดแล้วกัน”
“ค่ะ ดาจะทำให้ได้”
ลดาพยักหน้า แววตาเต็มเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ต่อให้ลึกๆ ไม่ชอบธุรกิจค้าทองของครอบครัวเลยแม้แต่น้อย ทว่าเธอไม่มีทางเลือก หากอยากไปรอดเธอต้องหาทางประนีประนอมกับพวกเขา ยอมทำสิ่งที่ไม่ชอบครึ่งหนึ่งเพื่อให้ได้ทำสิ่งที่รักครึ่งหนึ่งก็ยังดี และเธอก็ตั้งใจจะทำสองสิ่งนี้ให้เจริญรุ่งโรจน์ไม่แพ้กันเลยทีเดียว
เช้าวันอาทิตย์ อธิษฐ์ตื่นแต่เช้ามืดมาออกกำลังกายในห้องฟิตเนส จากนั้นก็อาบน้ำ รับประทานอาหารเช้า แล้วก็ออกมารดน้ำต้นไม้ตรงพื้นที่ชั้นดาดฟ้าใต้หลังคายกสูง ใช้เวลาดูแลและอยู่กับพวกสิ่งมีชีวิตน้อยๆ อย่างสงบ สูดกลิ่นไอดินกับกลิ่นชื้นในอากาศ คลอเคล้าด้วยเสียงดนตรีบรรเลงขับกล่อมจากหูฟังไร้สาย
ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำของเตชิตหยุดยืนอยู่ตรงริมสระว่ายน้ำ ทอดสายตามองเจ้านายในชุดเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มที่กำลังเพลิดเพลินกับการเปลี่ยนแคคตัสที่เจริญเติบใหญ่ใส่ลงกระถางใบใหม่ ไม่อยากรบกวนเวลาส่วนตัวของอีกฝ่ายนัก แต่เขามีเรื่องสำคัญต้องรายงาน
“อรุณสวัสดิ์ครับ” อธิษฐ์แลเห็นบอดีการ์ดคนสนิทตั้งแต่เดินลัดเลาะสระว่ายน้ำมาทางเขาด้วยหางตาแล้ว เขาเอ่ยปากทักทาย แต่ยังไม่ละความสนใจจากต้นไม้ของเขาเสียทีเดียว
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณไอซ์” เตชิตค้อมศีรษะเล็กน้อย “ขอโทษที่มารบกวนนะครับ พอดีผมกลับมาช่วยนายกั้งเคลียร์เอกสารที่ค้างอยู่ แล้วก็...มีเรื่องสำคัญจะเรียนคุณไอซ์ด้วยครับ”
ความกระอักกระอ่วนแฝงในน้ำเสียงของลูกน้องชัดเจน กระตุ้นความใคร่รู้ของรองประธานหนุ่มแห่งโรงแรม STK Hotel จนต้องวางต้นไม้ในมือลง แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่ยืนตรงหน้า
“ว่ามาเลยครับ”
เตชิตหลุบตามองต่ำ “คุณดาบอกให้ผมไม่ต้องเป็นบอดีการ์ดให้เธออีกต่อไปแล้ว”
“ทำไม” หรือเป็นเพราะรู้ว่าเขาออกเดต ลดาก็เลยประชดประชันด้วยการทำแบบนี้
“เธอลาออกจากงานแล้วครับ เธอบอกว่าจะออกมาช่วยทำกิจการร้านทองของที่บ้านอย่างเต็มตัว ไม่มีความจำเป็นต้องออกไปไหนบ่อย เธอบอกว่าเธอระวังตัวเองได้”
“อวดดี” อธิษฐ์ยิ้ม ทว่าหาใช่ยิ้มแบบรื่นเริง แต่เป็นยิ้มเยาะ ดวงตาบนใบหน้าหวานดุกร้าว
บอดีการ์ดหนุ่มถอนหายใจยาว “เธอยืนกรานแบบนั้นครับ ผมพูดยังไงเธอก็ให้คำตอบเดิม”
“คอยตามเธอห่างๆ ไปก่อนสักระยะหนึ่ง เรายังวางใจไม่ได้ขนาดนั้น”
“ได้ครับ” เขาพยักหน้ารับคำ
“ผมเข้าบ้านก่อนดีกว่า”
ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นยืน ก้าวเท้ายาวๆ เดินกลับเข้าไปในเพนต์เฮาส์ เขาหัวเสียเกินกว่าจะนั่งอยู่กับต้นไม้ด้วยอารมณ์สุนทรีอีกต่อไป ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาต้องรู้สึกหงุดหงิด อาจจะเป็นเพราะความอวดดีของลดาที่บอกว่าสามารถดูแลตัวเองได้ ทั้งๆ ที่เพิ่งไปมีเรื่องมีราวกับนักเลงใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลได้ไม่กี่สัปดาห์ด้วยซ้ำ
ไม่ว่าเธอทำแบบนั้นเพราะต้องการประชดประชันเขา หรือเรียกร้องความสนใจ เขาก็จะยอมอดทน ไม่ตอบโต้เสีย ถึงอย่างไรในคืนนั้นเขาก็ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์แล้ว เขาต้องมีหน้าที่รับผิดชอบเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ฮายบรา~~”
เสียงทักทายภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันของหญิงสาวดังมาแต่ไกล อธิษฐ์ที่กำลังดื่มน้ำอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์หันมอง
เป็นอลินในชุดเสื้อยืดแบรนด์ดังกับกางเกงยีนเข้ารูป สวมรองเท้าส้นเข็มทำให้ร่างดูระหงราวกับนางแบบ มือขวาถือกระเป๋าลากใบใหญ่ ส่วนมือซ้ายถอดแว่นกันแดดออกก่อนโปรยยิ้มหวานจากริมฝีปากสีแดงสดให้เขา
“ดีใจที่ยังมีชีวิตรอดกลับมาได้นะ” อธิษฐ์ชูแก้วน้ำขึ้นเป็นเชิงฉลองชัย
“นี่เป็นคำทักทายของพี่ชายที่ไม่ได้เจอหน้ากันสองสัปดาห์หรือไง” อลินเบะปากใส่พี่ชาย หันไปค้อมศีรษะขอบคุณสาวใช้ที่เข้ามาช่วยเก็บกระเป๋าสัมภาระให้
“แล้วไหนของฝาก” ชายหนุ่มเท้าเอวถามยิ้มๆ
“ไม่มี” ดาราสาวยักไหล่ เดินเข้ามาหาพี่ชาย จัดการเทน้ำจากเหยือกบนเคาน์เตอร์บาร์ใส่แก้ว ยกขึ้นดื่ม
“เป็นยังไงบ้างคะ” เธอถามเสียงหอบหลังจากลดแก้วลงจากริมฝีปากแล้ว
“ก็สบายดี อิงค์ไม่อยู่พี่ก็เหงานิดหน่อย ไม่มีคนให้ทะเลาะด้วย”
“อิงค์ไม่ได้หมายถึงภาพรวมชีวิตพี่ไอซ์ อิงค์หมายถึง ‘คู่เดต’ ของพี่ไอซ์เป็นยังไงบ้างคะ ความสัมพันธ์คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว” คิ้วงามที่บรรจงเขียนไว้อย่างดีเลิกสูงขึ้น สีหน้าแววตาและน้ำเสียงเรียบเฉย
“ใครบอกอิงค์ว่าพี่ออกเดต ดาเหรอ”
อลินหัวเราะขบขันเมื่อได้ฟังดังนั้น “เรื่องแบบนี้ไม่ต้องให้ไอ้ดาบอกหรอกค่ะ คุณแม่โทร. มาโม้ให้ฟังตั้งแต่อิงค์อยู่โน่นละ ว่าพี่ไอซ์กับพี่จิ๋วเหมาะสมกันมากกก”
“คุณแม่นี่นะ” อธิษฐ์สั่นศีรษะเอือมระอา
“แล้วสรุปเป็นยังไงคะ” อลินถามต่อ
“ก็เรื่อยๆ ไม่รีบร้อน เพิ่งจะเดตกันได้ไม่กี่วัน”
“แล้วพี่ไอซ์ชอบหรือเปล่า”
“น้องจิ๋วเขาก็เป็นคนน่ารักและอัธยาศัยดีคนหนึ่ง อยู่ด้วยแล้วก็สบายใจดี”
“พี่ไอซ์ตอบไม่ตรงคำถามนะ อิงค์ถามว่าชอบ หรือไม่ชอบ”
“ไม่รู้ ก็...ชอบมั้ง” ชายหนุ่มตอบเสียงแผ่วเบา หลบตาน้องสาวที่มองจ้องมาอย่างต้องการจะค้นหาอะไรบางอย่าง
“อ๋อ” อลินพยักหน้า “ก็ดีค่ะ เอาจริงๆ แล้วพี่ไอซ์ก็เหมาะจะคบใครสักคนที่ทำให้พี่ไอซ์มีความสุขสักที เพราะชีวิตที่ผ่านมาของพี่ไอซ์มีแต่งานกับงาน”
“แปลกไปนะอิงค์” อธิษฐ์เลื่อนสายตามองน้องสาวอีกครั้งเพราะคำพูดเมื่อสักครู่ “แน่ใจนะว่าไม่ได้ไปสมองกระทบกระเทือนที่อเมริกามา”
“อ้าว แล้วมันแปลกยังไงกันล่ะคะ” อลินขมวดคิ้ว เท้าแขนข้างหนึ่งลงบนเคาน์เตอร์บาร์
“พี่นึกว่าอิงค์จะโวยวายเพราะพี่หักอกเพื่อนตัวเองเสียอีก”
“โอ๊ยพี่ไอซ์” หญิงสาวกลอกตามองบน “อิงค์จะโวยก็ต่อเมื่อพี่ไอซ์ทำตัวใจร้ายกับดามันเกินเหตุเท่านั้น แต่นี่พี่ไอซ์แค่มีคนคบหาดูใจนี่ อิงค์จะโวยทำไม”
“...”
“อิงค์น่ะแค่อยากเห็นดามันสมหวังก็เลยเชียร์มาตลอด ประกอบกับพี่ไอซ์ไม่มีใครด้วย แต่ตอนนี้อิงค์ไม่เชียร์แล้วละ อิงค์มีมารยาทและเคารพการตัดสินใจของพี่ไอซ์มากพอจะไม่ทำแบบนั้น อีกอย่างนะ... ดามันก็คงตัดใจแล้วเหมือนกันนั่นแหละ มันเคยบอกอิงค์ว่ามันจะจีบพี่ไอซ์ไปเรื่อยๆ แต่ถ้ารู้ว่าพี่ไอซ์เริ่มจริงจังกับใครเมื่อไหร่ มันจะไม่ดันทุรัง”
“...”
อลินถอนหายใจระหว่างช่องบทสนทนาของตนกับพี่ชายขาดหาย เธอยกนาฬิกาข้อมือสตรีเรือนหรูขึ้นดูเวลา
“อิงค์ไปก่อนนะ มีนัดกับไอ้ดา”
“อืม แล้วไม่นอนพักผ่อนก่อนเหรอ เพิ่งลงเครื่องมาหมาดๆ ไม่เจ็ตแล็กหรือไง”
“ชิล เดี๋ยวค่อยกลับมานอน อิงค์ไปละ”
อธิษฐ์มองตามร่างระหงของน้องสาวที่เดินคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวเขาหันหลังแยกตัวกลับไปพักผ่อนในห้องนอนให้สมกับเป็นวันหยุด
“บทแกจะตัดนี่ก็ตัดง่ายดายเลยเนอะ ฉันทึ่งว่ะ” อลินเอ่ยขณะกำลังนั่งเก้าอี้ทรงสูง มือเท้าคางบนตู้กระจกโชว์ทองคำ มองเพื่อนสนิทหน้าหมวยที่นั่งข้างๆ กัน
“ฮึ” ลดาเลิกคิ้ว ดวงตาใต้แว่นกรองแสงจดจ่อกับหน้าจอไอแพด เธอกำลังสร้างเพจให้ร้าน ตั้งใจจะโพรโมตผ่านโซเชียลมีเดียเต็มที่ พอกันทีร้านขายทองแบบดั้งเดิมโบราณกาล ต่อไปนี้จะเป็น ‘ห้างทองพริ้มพรรณโฉมใหม่’
ก็ไลฟ์สดขายทองไปด้วยเลยสิคะ...ถึงเธอจะยังขายของไม่เก่ง ไม่ใช่แม่ค้ามืออาชีพเท่าไรนัก แต่เธอจะลองฝึกฝนสกิลดู
“ฟังฉันอยู่ป้ะเนี่ย” อลินขมวดคิ้วมุ่นเมื่อถูกละเลยความสนใจ ยื่นมือไปกางกั้นระหว่างสายตาของลดากับหน้าจอ
“เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ พูดอีกที” เถ้าแก่เนี้ยมือใหม่จับมือขาวๆ ของเพื่อนรักออกไปให้พ้นครรลองสายตา
“ฉันบอกว่า” ดาราสาวพูดเสียงดังฟังชัดกว่าปกติ “บทแกจะตัดใจจริงๆ นี่ก็ตัดง่ายเลยเนอะ”
“อ้อ” ลดาพยักหน้า “ก็ฉันทนมากพอแล้วนี่ ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงสักที อย่างน้อยทำตามใจที่บ้านสักครั้งแลกกับการได้เงินสนับสนุนไปเรียนต่อ ถึงช้าหน่อยก็ยังพอมีหวัง”
“แล้วเรื่องพี่ชายฉันอะ แกพอด้วยป้ะ” อลินพูดยิ้มๆ
“ไม่อยากพอก็ต้องพอ ทำไงได้วะ เขามีคนของเขาแล้ว” สาวหมวยกล่าวเสียงเศร้าสร้อย ใบหน้าเผยความเซื่องซึมออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“เอาจริงๆ นะ ฉันเองก็ยังตัดใจจากพี่ไอซ์ไม่ได้หรอก ชอบมาตั้งแปดปีใครจะตัดใจได้ง่ายๆ ฉันยังชอบพี่ไอซ์อยู่เหมือนเดิม แต่ไม่ได้อยู่ในจุดที่มีความหวังให้ตัวเองเหมือนที่ผ่านมาแล้ว”
“ฉันเข้าใจแกดา” อลินพยักหน้า ดึงมือของเพื่อนสนิทมากุมไว้มั่น
“ไม่ว่ายังไงฉันก็อยู่ข้างแกเสมอนะ แกเป็นเหมือนครอบครัวของฉัน แกน่ะสำคัญกับฉันไม่แพ้พี่ไอซ์เลย”
“พูดแบบนี้ เดี๋ยวพี่ไอซ์ก็ตัดแกออกจากกองมรดกหรอก” ลดากระเซ้า
“ชิ อย่างพี่ไอซ์น่ะเหรอจะกล้า” ทายาทคนรองของเศรษฐกุลทำปากยื่น
“เออนี่” อลินนึกขึ้นได้ หยิบถุงกระดาษใบเล็กออกมาจากกระเป๋าถือ
“ฉันมีของฝากให้แกจากอเมริกา”
“หืม อะไรอะ” ลดาคะเนดูจากถุงกระดาษแล้วน่าจะเป็นของแบรนด์เนมอะไรสักอย่าง
“แถ่นแถ้นนน~” อลินหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินในถุงกระดาษมาเปิดออก
“โห” ลดาอ้าปากค้างกับสิ่งที่ตาเห็น ข้างในกล่องเป็นนาฬิกาข้อมือสตรีแบบหรูหรา สีบรอนซ์เงินสลับบรอนซ์ทอง ข้างในตัวเรือนนาฬิกาเป็นสีน้ำเงินมีเพชรเม็ดเล็กๆ ประดับประดาสวยงาม
“ของแก ไว้ใส่คู่กับฉัน” อลินโชว์นาฬิกาข้อมือของตัวเองที่เป็นแบบคล้ายๆ กันให้ดูบ้าง
“กี่บาทเนี่ย ถ้าแพงมากฉันคงรับไว้ไม่ได้” สาวหมวยขมวดคิ้ว หยิบกล่องกำมะหยี่ขึ้นมาสำรวจดูนาฬิกาดังกล่าวใกล้ๆ
“ไม่สำคัญ ฉันอยากให้” ดาราสาวสายเปย์ไหวไหล่ “รับไว้เหอะน่า กับพี่ไอซ์ฉันยังไม่เปย์ขนาดนี้เลย ของไอ้วิวก็มีแต่ฉันยังไม่ได้ให้ ไว้ให้วันแต่งงานมันทีเดียว”
งานแต่งของวาดฟ้าจะเกิดขึ้นในวันศุกร์นี้แล้ว เพื่อนรักอีกคนของพวกเธอจึงวุ่นหัวหมุนคูณสอง เพราะงานแต่งนี้เป็นงานใหญ่แห่งปีเลยก็ว่าได้ จากที่วุ่นกับการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว ลดน้ำหนัก ประทินผิว เสริมความงามอย่างเดียว ตอนนี้ต้องทำมากกว่านั้นหลายสิบอย่าง
“ถือว่าเป็นของรับขวัญเถ้าแก่เนี้ยคนใหม่ของห้างทองพริ้มพรรณ นาฬิกาเรือนนี้จะนำความโชคดีมาให้แก มาฉันใส่ให้”
อลินดึงข้อมือข้างขวาของลดามาบรรจงใส่นาฬิกาให้ นาฬิกาข้อมือที่เธอเลือกช่างเหมาะสมกับข้อมือของเพื่อนเธอเหลือเกินราวกับนางฟ้าแม่ทูนหัวเสกมาเป็นของขวัญ
“ขอบคุณมากนะอิงค์” ลดามองนาฬิกาพร้อมยิ้มอ่อนโยน “ฉันชอบมากเลย”
“เห็นมะ” อลินพยักพเยิด ฉับพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นลอตเตอรี่สองใบที่ถูกปากกาไอแพดวางทับอยู่ข้างๆ ตัวเพื่อน
“ดา แกซื้อหวยด้วยเหรอ”
“อื้อ ช่วยยายคนนึงซื้อมา”
“ไหนขอดูเลขหน่อยซิ” อลินหยิบใบลอตเตอรี่มาดูใกล้ๆ
“หวยออกวันนี้ด้วยนี่ แกไม่เช็กล่ะ”
“ไม่อะ ฉันแค่ซื้อมาไว้อย่างนั้นแหละ โอกาสที่คนเราจะถูกหวยมันมีแค่ 0.0001% เท่านั้นเอง” ลดาไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ กลับมาทำเพจร้านในไอแพดต่อ
“แกไม่เช็ก ฉันเช็กเอง” อลินหยิบสมาร์ตโฟนออกมาด้วยท่าทีร่าเริง
“ใครจะรู้ แกอาจจะถูกรางวัลที่หนึ่ง เป็นเศรษฐินีคนใหม่บินไปเรียนต่อได้เลยชิคๆ ไม่ต้องรอทำงานให้ครอบครัวถึงสองปี”
“โอ๊ย...ถ้าได้ก็ดีน่ะสิ”
ลดาหัวเราะในลำคอ คิดเล่นๆ ว่าถ้าเธอถูกหวยจะทำอะไรบ้าง ทำตัวร่ำรวยฟุ้งเฟ้ออย่างที่ใฝ่ฝันมาตลอด ชอปปิง เรียนภาษา เรียนทุกอย่างที่อยากเรียนแล้วก็บินไปเรียนศิลปะต่อ เรียนต่อแล้วอาจจะทำงานที่นั่นก่อนสักปีแล้วค่อยกลับมาหาลู่ทางต่อยอดอาชีพ
แต่การถูกหวยรางวัลที่หนึ่งมันก็เป็นแค่ฝันลมๆ แล้งๆ ของคนไม่มีต้นทุนชีวิตมากพอเท่านั้นละ... ขนาดเธอไม่ถึงกับไม่มีต้นทุนขนาดนั้น แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันคือฝันลมๆ แล้งๆ อยู่ดี
“ดา” อลินเรียกเสียงสั่น ดวงตากลมโตที่จ้องหน้าจอสมาร์ตโฟนกับมือที่ถือใบลอตเตอรี่อยู่สั่นระริก
“หืม”
“ฉัน ฉันว่า... แกถูกรางวัลที่หนึ่งว่ะ”
คราวนี้ลดาปล่อยเสียงหัวเราะดังกว่าเดิม “อิงค์แกอย่ามาอำฉันน่า ฉันไม่เชื่อแกหรอก”
“ฉันพูดจริงๆ ก็ผลตรวจของเว็บไซต์มันบอกว่าแกถูกรางวัลที่หนึ่ง แล้วฉันก็ตรวจสอบกับเว็บไซต์อื่นแล้วด้วย เลขของแกมันตรงกับรางวัลที่หนึ่งงวดนี้หมดเลย”
อลินยื่นสมาร์ตโฟนให้เพื่อนรักดูเลขที่ตนเช็กในเว็บไซต์
“ไหน ถ้าแกอำนะ ฉันจะดีดหน้าผากแก” สาวหมวยลุกจากเก้าอี้ รับสมาร์ตโฟนของเพื่อนมาดู แล้วก็หยิบใบลอตเตอรี่ของตนเองมาเทียบ
ในวินาทีนั้นลดารู้สึกเสียววูบในช่องท้อง หัวใจเต้นถี่รัวจนแทบระเบิดออกมา เมื่อตระหนักรู้ว่าคำบอกกล่าวของอลินนั้นหาใช่คำลวงหลอก แต่เป็นความจริง
เธอถูกรางวัลที่หนึ่ง! สิบสองล้านบาท หักภาษีแล้วก็ยังเหลือสิบเอ็ดล้านเก้าแสนสี่หมื่นบาทอยู่ดี
เถ้าแก่เนี้ยพ่วงด้วยตำแหน่งเศรษฐินีคนใหม่ถึงกับหน้ามืดเมื่อจินตนาการถึงเงินมหาศาลที่กำลังหล่นมาทับเธอ จากนั้นสติสัมปชัญญะก็ดับวูบลงทันที
“เฮ้ย! ไอ้ดาเป็นลม ป๊าคะ ม้าคะ มาช่วยหน่อย ไอ้ดาเป็นลม!”
อลินส่งเสียงร้องตะโกน ตกใจจนแทบสิ้นสติตามไปด้วย รีบลงไปช่วยประคองเพื่อนที่หมดสติล้มพับลงไป โชคดีที่ข้างล่างเป็นพื้นพรมนุ่ม ไม่งั้นเพื่อนรักของเธออาจหัวฟาดพื้นตายก่อนได้ใช้เงินล้าน
ไม่นานนักมงคลกับลาวัลย์ที่รับประทานอาหารอยู่หลังร้านก็รีบวิ่งออกมาด้วยท่าทีตื่นตระหนก
“อาดาเป็นอะไรน่ะอิงค์” ลาวัลย์ถามพลางเข้ามาช่วยประคองลดาอย่างลนลาน
“มันกำลังจะเป็นเศรษฐีค่ะ ก็เลยเป็นลม”
ความคิดเห็น |
---|