10

จะแต่งดีไหม


10

จะแต่งดีไหม

นอกจากชอบไปดูดวงในเวลาว่างแล้ว กิจกรรมอีกอย่างที่คุณมลฤดีและคุณพิสมัยมักจะชวนกันมาทำก็คือนอนดูซีรีส์เกาหลีที่บ้านนั่นเอง

วันเสาร์นี้หญิงสูงวัยทั้งสองมีนัดกันที่บ้านของคุณพิสมัย หลังจากคราวที่แล้วไปนอนดูซีรีส์พลางเมาท์มอยกันตามประสาเพื่อนสนิทที่บ้านของคุณมลฤดี

หลังเกษียณถือเป็นช่วงเวลาแห่งการปลดปล่อยของพวกเธอ สมัยสาวๆ ทำงานกันตัวเป็นเกลียว และยังต้องรักษาภาพลักษณ์ให้ดูน่าเคารพนับถือมาตลอดหลายสิบปี เมื่อไม่มีหัวโขนแล้ว เลยเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ หรือจะเรียกว่าพวกเธอ ‘ปล่อยสาว’ ก็ได้ ขอใช้คำนี้แทนปล่อยแก่แล้วกันนะ เพราะพวกเธอยังไม่รู้สึกว่าตัวเองแก่เลยสักนิด ถึงผิวจะเหี่ยวย่น หน้ามีรอยตีนกา สายตายาวขึ้นตามกาลเวลา แต่บอกเลยว่าใจยังสดใสปิ๊งๆ เหมือนสาววัยแรกรุ่นอยู่เลย

“กรี๊ดดด! ดูแล้วฉันอยากสิงร่างเลขาฯ มินจังพรีมมี่”

“นั่นสิ มีเจ้านายหล่อแบบนี้ให้ทำงานฟรีก็ยอม”

ต่างคนต่างเอ่ยด้วยแววตาเคลิบเคลิ้ม ส่วนสองมือก็จิกหมอนไปด้วยจนหมอนแทบขาดขณะกำลังดูฉากเลิฟซีนสุดโรแมนติกที่ท่านประธานหนุ่มสุดหล่อจูบเลขาฯ สาวอย่างนุ่มนวล ทว่าเร่าร้อนอยู่ในที ก่อนที่ฉากนั้นจะจบลง และมีเพลงประกอบซีรีส์กับเอนด์เครดิตขึ้นมา ปิดท้ายด้วยตัวอย่างตอนต่อไป

“โอ๊ยยย ขออีพีต่อไปเลยได้ไหมมม” คุณพิสมัยโอดครวญเมื่อต้องรออีกหนึ่งสัปดาห์ถึงจะได้ดูตอนใหม่

“ก็บอกแล้วว่ารอจบเรื่องค่อยดูรวดเดียว”

“ใครจะอดใจไหวล่ะ ตัวอย่างน่าดูซะขนาดนั้น” ตอนแรกคุณพิสมัยก็ว่าจะดูอีพีแรกแค่อีพีเดียวเป็นน้ำจิ้มก่อน แต่ตอนจบทิ้งท้ายไว้น่าลุ้นมากจนเผลอกดดูไปเรื่อยๆ จนมาถึงอีพีหกซึ่งเป็นตอนล่าสุดนี่ละ “จะดูเรื่องอะไรกันต่อดีมอลลี่ ช่วยกันเลือกเร็ว”

“เดี๋ยวขอกินก่อนดีกว่า หิวแล้ว” คุณมลฤดีมองนาฬิกาบนฝาผนังที่บอกเวลาเที่ยงครึ่ง

“เออ เที่ยงแล้วนี่นา ดูซีรีส์จนลืมเวลาเลย”

ว่าแล้วก็สั่งให้แม่บ้านไปเตรียมอาหารเที่ยง ก่อนที่สิบห้านาทีต่อมาพวกท่านจะเคลื่อนย้ายจากห้องนั่งเล่นออกไปยังห้องรับประทานอาหารที่มีกับข้าวกลิ่นหอมหน้าตาน่ากินรออยู่แล้ว

“วันนี้มีผัดเปรี้ยวหวานปลากะพง แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ส้มตำไทย แล้วก็ยำกุนเชียงนะคะคุณพริ้ม คุณมล” แม่บ้านวัยต้นสี่สิบเอ่ยอย่างสุภาพ ก่อนจะตักข้าวให้หญิงสูงวัยทั้งสอง

“ขอบคุณจ้ะจิ๋ว ไปพักผ่อนตามสบายได้เลยนะ เดี๋ยวอีกสักครึ่งชั่วโมงค่อยมาเก็บโต๊ะ” คุณพิสมัยบอกเสียงเมตตา

“ค่ะคุณพริ้ม” จิ๋วค้อมศีรษะ ก่อนจะเดินออกไป

จากนั้นเธอกับเพื่อนสนิทก็เริ่มกินพลางพูดคุยเรื่องลูกๆ หลานๆ กันไปด้วย

“นี่ก็ผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว ตาก้องคงไม่มีปัญหาเรื่องการแต่งงานแล้วละเนอะ” คุณมลฤดียังแอบกังวลอยู่นิดๆ ว่าเจ้าลูกชายตัวดีอาจกำลังวางแผนบางอย่างเพื่อยกเลิกงานวิวาห์ แต่เธอก็ขอให้ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะการแต่งงานครั้งนี้สำคัญต่อชีวิตของก้องบดินทร์มาก

“ตาก้องรักเธอมากนะมอลลี่ แกคงไม่ทำอะไรที่ทำให้เธอไม่สบายใจหรอก”

“เฮ้อ ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ฉันละไม่เข้าใจลูกเลยจริงๆ ทั้งที่หนูกอหญ้าก็น่ารัก นิสัยดี แถมยังเป็นแม่ศรีเรือนออกอย่างนั้น ทำไมตาก้องถึงใจแข็งไม่ยอมตกหลุมรักน้องสักที ถ้าฉันเป็นตาก้องคงตกหลุมรักหนูกอหญ้าไปตั้งนานแล้ว”

“ตาก้องอาจจะเป็นพวกปากหนักเหมือนคุณเกียรติก็ได้นะ ตอนนั้นคุณเกียรติก็ทำเป็นไม่สนใจเธอ แต่ไม่รู้ว่าไม่สนใจยังไงถึงได้มาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา แล้วก็จีบเหมือนไม่ได้จีบ จนเธอไม่แน่ใจว่าเขาคิดยังไงกับเธอกันแน่ กว่าจะยอมบอกรักได้ก็นู่น วันรับปริญญา ให้เธอรอตั้งสามปี” คุณพิสมัยเอ่ยถึงความหลังสมัยที่พ่อของก้องบดินทร์มาจีบเพื่อนของเธอ

“พูดถึงคุณเกียรติแล้วหมั่นไส้ นี่ถ้าฉันไม่ได้ชอบเขา คงไม่รอนานถึงสามปีหรอก เพราะตอนนั้นก็มีรุ่นพี่วิศวะที่หล่อแซ่บมาจีบฉันเหมือนกัน”

“แหมมม ยายคนสวยเลือกได้”

“แน่นอน แล้วฉันก็เลือกถูกด้วย เพราะคุณเกียรติเป็นคนดีมาก ไม่เคยนอกใจฉันเลย หวังว่าตาก้องจะเป็นคนซื่อสัตย์กับคนรักเหมือนพ่อของเขาด้วยนะ ไม่ใช่เอาแต่ความปากหนักมาอย่างเดียว”

“เรื่องนั้นน่าจะสบายใจได้ เพราะเราก็ไม่เคยเห็นตาก้องทำตัวเจ้าชู้ที่ไหนเลยนี่นา วันๆ เอาแต่ทำงาน เที่ยวกลางคืนก็ไม่ค่อยไป นอกจากโอกาสสำคัญ”

“ว่าแต่ถ้าตาก้องเหมือนพ่อ แล้วหนูกอหญ้าแสบเหมือนเธอไหม” คุณมลฤดีแซวพลางนึกถึงความแสบและแซ่บของเพื่อนรักสมัยยังสาว

“แน่นอนสิจ๊ะ ฉันเลี้ยงมากับมือ ถ้าฉันเป็นคุณยายวรนาถ หญ้าก็ถือเป็นทายาทอสูรอันดับหนึ่งของฉัน” คุณพิสมัยยิ้มอย่างภูมิใจในตัวหลานสาว

คนฟังหัวเราะครืน “ฟังดูน่ากลัวจัง”

“ถ้าฉันน่ากลัว เราคงไม่เป็นเพื่อนกันมานานขนาดนี้หรอกย่ะ”

“เออ นั่นสิ หรือเพราะเราน่ากลัวพอๆ กันเลยอยู่ด้วยกันได้”

การกินข้าวเป็นไปอย่างเพลิดเพลินเคล้าด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนสูงวัย ที่บั้นปลายก็ไม่ต้องการอะไร มากมายนอกจากใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และเห็นลูกหลานเป็นฝั่งเป็นฝาก็เท่านั้น

 

ก้องบดินทร์ลงมานั่งดื่มกาแฟที่ร้านใกล้ๆ กับคอนโดในช่วงบ่าย วันนี้เขานัดพีรวัสซึ่งเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยออกมาเจอ เพราะมีเรื่องอยากปรึกษาอีกฝ่าย และหวังว่าพีรวัสจะหาทางออกให้เขาได้

ชายหนุ่มสั่งอเมริกาโนร้อนหนึ่งแก้วมานั่งจิบระหว่างรอ พลางเปิดแอปพลิเคชันยูทิวบ์ในแท็บเล็ตเพื่อดูตัวอย่างหนังเรื่องใหม่ที่จะเข้าฉายในสัปดาห์นี้

เขาเป็นคนชอบดูหนังมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะหนังผีและการ์ตูนแอนิเมชัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดูหนังแนวอื่นเลย แนวบู๊ ดรามา ไซไฟ หรือแม้กระทั่งหนังรักโรแมนติกเขาก็ดูเช่นกัน เพียงแต่น้อยกว่าหนังสยองขวัญและการ์ตูนแอนิเมชันเท่านั้นเอง

หลังจากกาแฟพร่องไปครึ่งแก้ว คนที่เขานัดไว้ก็มาถึง พีรวัสเปิดประตูเข้ามาในร้านและโบกมือให้ จากนั้นจึงไปสั่งเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์ ก่อนจะเดินมายังโต๊ะริมผนังกระจกที่เขานั่งอยู่

“ไงเสี่ย มีเรื่องอะไรจะปรึกษากูวะ” ชายหนุ่มร่างสูง เจ้าของใบหน้าตี๋แบบอินเตอร์ถามยิ้มๆ และนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“แม่จะให้กูแต่งงาน” ก้องบดินทร์เข้าประเด็นทันที

“หา? จริงเหรอวะ” พีรวัสทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“จริงสิวะ” ใบหน้าหล่อเหลาจริงจัง

“แล้วทำไมจู่ๆ ป้ามลถึงจะให้มึงแต่งงาน มันต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างดิ” ดวงตาชั้นเดียวหรี่ลงพลางคิดวิเคราะห์

“ใช่ แม่มีเหตุผล” แค่คิดถึงเหตุผลข้อนั้นเขาก็เซ็งแล้ว

“เหตุผลอะไร”

“ก็ท่านไปดูดวงมา หมอดูบอกว่ากูมีดวงจะตายเพราะอุบัติเหตุ แต่มีทางแก้คือต้องแต่งงานภายในสามเดือน ทีนี้แม่ก็เลยรีบหาเจ้าสาวให้กู”

“เรื่องนี้จะไม่มีปัญหาเลยถ้ามึงมีคนที่รักอยู่แล้ว” พีรวัสพูดถูกเผง เพราะถ้าก้องบดินทร์มีคนรักอยู่แล้ว เขาก็แค่แต่งงานกับเธอ เรื่องก็จบ

“แต่กูไม่มีไง แม่เลยหาผู้หญิงที่คิดว่าเหมาะสมมาแต่งงานกับกู โดยไม่สนใจว่ากูจะรักผู้หญิงคนนั้นไหม”

“ใครวะ”

“ญาติมึงนั่นแหละ ยายกอหญ้า”

“กูก็คิดว่าอย่างนั้นเพราะแม่มึงกับป้าพริ้มสนิทกันมาก แล้วมึงกับน้องกอหญ้าก็รู้จักกันมาแต่เด็ก” นักธุรกิจหนุ่มไม่แปลกใจเลยสักนิด “ที่มึงนัดกูมาเนี่ยก็เพื่อจะถามว่า ถ้าเป็นกูจะทำไงใช่ไหม”

“อืม”

“ถ้าเป็นกูก็แต่งสิวะ น้องน่ารักขนาดนี้” พีรวัสตอบแบบไม่ต้องคิด

“ง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ” ก้องบดินทร์ทำหน้าทึ่ง

“เออ! ถ้ากูใกล้ชิดน้องกอหญ้าแบบมึง กูว่ากูตกหลุมรักน้องไปนานแล้ว นี่ขนาดนานๆ เจอทีกูยังหวั่นไหวเลย” ดวงตาเรียวเป็นประกายพราวพร่าง

“ยายนั่นน่ารักจริงเหรอวะ มึงไม่ได้สายตาสั้นใช่ไหมไอ้วอร์ม”

“ไอ้ควาย! มึงนั่นแหละอะไรตำตาถึงมองว่าน้องไม่น่ารัก”

“ก็...”

ขณะนั้นพนักงานนำเครื่องดื่มของหนุ่มตี๋มาเสิร์ฟพอดี ก้องบดินทร์เลยแกล้งลืมประเด็นนั้นไป

“นี่กูควรจะแต่งจริงๆ เหรอวะ”

“เพื่อความสบายใจของแม่มึง แต่งๆ ไปเถอะ เจ้าสาวที่แม่มึงหาให้ก็ไม่ได้แย่อะไรเลย” พีรวัสบอกพลางยกแก้วเอสเพรสโซร้อนขึ้นมาจิบ

“มึงก็คิดว่ากูจะตายถ้าไม่แต่งงานงั้นเหรอ”

“ใครจะไปรู้วะ ไม่ได้มีไทม์แมชีนนั่งไปดูอนาคตสักหน่อย”

“แล้วมันมีทางอื่นไหมที่กูจะไม่ต้องแต่งงานกับยายกอหญ้า แต่ก็ทำให้แม่สบายใจได้เหมือนกัน”

“ปัญหาทุกอย่างมันมีทางออกมากกว่าหนึ่งทางอยู่แล้ว” ผู้บริหารของพฤกษ์อนันต์การ์เมนต์ว่า ริมฝีปากหยักลึกกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์

ก้องบดินทร์ได้ยินอย่างนั้นก็เริ่มยิ้มออก “งั้นรีบบอกกูมาเลย”

“เดี๋ยวกูจะจีบน้องกอหญ้าเอง น้องจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับมึง ดีไหม” ดวงตาเรียวเปล่งแสงพราวระยับ

“ไม่ได้นะเว้ย!” คนที่ไม่อยากแต่งงานรีบตอบแบบร้อนรนจนน่าสงสัย

“ทำไมวะ ก็มึงไม่ได้รักน้องไม่ใช่เหรอ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว วิน-วินทั้งสองฝ่าย กูได้น้องกอหญ้ามาเป็นแฟน ส่วนมึงก็ไม่ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักแล้วก็ไปหาผู้หญิงคนอื่นที่มึงอยากจะแต่งงานด้วยมาแต่งแทน”

“แต่มึงกับยายนั่นเป็นญาติกัน จะแต่งงานกันได้ยังไง”

“เป็นญาติกันก็จริง เพราะป้าพริ้มเป็นเมียของลุงกู แต่กูกับน้องกอหญ้าไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเลย เพราะงั้นแต่งกันได้อยู่แล้ว แถมพ่อแม่กูยังจะดีใจด้วย เรือล่มในหนองทองจะไปไหน” พีรวัสมองเพื่อนเขม็งอย่างจับผิด “หรือว่าจริงๆ มึงก็ชอบน้อง เลยไม่อยากให้กูจีบ”

“เฮ้ย เปล่านะเว้ย กูก็แค่...” นัยน์ตาของอีกฝ่ายลอกแลก

“แค่อะไรวะ” หนุ่มตี๋มองคาดคั้น

“แค่ยังหาผู้หญิงที่ดีกว่ายายนั่นไม่ได้ กูเลยคิดว่าอาจจะแต่งไปก่อนก็ได้ เพื่อความสบายใจของแม่”

“เอ้า แล้วมึงจะเรียกกูมาทำแป๊ะไรเนี่ย ในเมื่อมึงก็ตัดสินใจเองได้”

“ก็เผื่อมึงมีไอเดียดีกว่ากูไง แต่ฟังแล้วไม่เข้าท่า เพราะงั้นเอาตามที่กูคิดนี่แหละ ไม่ต้องไปจีบยายกอหญ้านะ เดี๋ยวมึงจะโดนคนประณามว่าแย่งเมียเพื่อน!”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น