9

จีบต่อไม่รอแล้วนะ


9

จีบต่อไม่รอแล้วนะ

 

กิรฏาไม่ได้เจอก้องบดินทร์มาสี่วันแล้ว เพราะต่างคนต่างยุ่งกับงานของตัวเอง เธอได้แต่ส่งข้อความไปจีบเขาเป็นระยะ และหวังว่าคนหน้าดุจะยอมเดินลงมาในหลุมรักที่เธอบรรจงขุดไว้สักที แต่ส่งไปกี่ข้อความก็เหมือนเดิม สิ่งที่เธอได้รับกลับมาคือสติกเกอร์หมีบราวน์เตะกระต่ายโคนี่ตัวเดิม ทำไมต้องเกรี้ยวกราดใส่น้องด้วยก็ไม่รู้

ช่างเถอะ ยังไงตอนนี้เธอก็ยืนอยู่ในฐานะว่าที่เจ้าสาวของเขา ถึงก้องบดินทร์จะไม่รัก แต่เธอก็ไม่มีวันหมดแพสชันในตัวเขาแน่นอน เพราะกอหญ้ารักจริงหวังแต่ง!

อีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงข้างหน้านี้เธอจะได้เจอผู้ชายที่เธอคิดถึง เพราะเขาจะเข้ามารับที่ร้านและพาไปกินอาหารเย็นด้วยกัน แน่นอนว่า...เป็นคำสั่งของป้ามลฤดีอีกตามเคย แต่กอหญ้าไม่สนหรอก ขอแค่ได้ใช้เวลากับพี่ก้องก็พอใจแล้ว

ติ๊ง!

กิรฏาที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์สีชมพูพาสเทลหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือน

Gong : อีกหนึ่งไฟแดงจะถึง ออกมารอริมถนนเลยนะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเลี้ยวเข้าไปหาที่จอด

Koryaa : พี่ก้องไม่เข้ามาดูร้านหญ้าก่อนเหรอคะ

Gong : ไว้วันหลัง

Koryaa : ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวหญ้าออกไปรอเลยนะคะ

หลังจากส่งข้อความไปแล้ว กิรฏาก็หันไปบอกติณณาที่กำลังจัดขนมเข้าตู้โชว์กระจกอยู่

“พี่ตุ๊กติ๊ก หญ้าไปแล้วนะคะ ฝากปิดร้านด้วยค่า”

“ได้เลยค่ะ ทานข้าวให้อร่อยนะคะ” ติณณายิ้มอวยพร

บอกลาผู้ช่วยสาวเสร็จ เธอก็คว้ากระเป๋าสะพายรีบเดินออกไปยืนรอก้องบดินทร์ตามที่เขาบอก ไม่นานก็เห็นรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสคลาสสีดำแล่นมา

เมื่อรถหรูจอดเทียบริมฟุตพาท กิรฏาก็เอื้อมมือไปเปิดประตูและสอดตัวเข้าไปนั่งข้างคนขับ

“สวัสดีค่ะพี่ก้อง” คนตัวเล็กยกมือไหว้พร้อมยิ้มสดใส ดวงตากลมโตมองคนหล่อที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมสามเม็ดจนเห็นกล้ามอกตึงแน่นรำไรกับกางเกงสแล็กสีดำ และรองเท้าหนังสีเดียวกัน ส่วนเสื้อสูทและเนกไทของเขาวางกองไว้ที่เบาะหลัง

ก้องบดินทร์พยักหน้าส่งๆ ตอบรับก่อนออกรถพร้อมเอ่ยเสียงขรึม “คาดเข็มขัดด้วย”

“ค่า ใจเย็นๆ หญ้าเพิ่งขึ้นมานั่งก้นไม่ทันร้อนเลย” กิรฏาเอี้ยวตัวไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดตามคำสั่งของคนตัวโต แม้ปากจะบ่น แต่นัยน์ตาหวานเป็นประกายพร่างพราว “ขอบคุณที่เป็นห่วงหญ้านะคะ”

“เปล่า กลัวโดนตำรวจจับ”

“แหม เป็นห่วงก็บอกว่าเป็นห่วงเถอะค่ะ ทำไมต้องปากแข็งด้วย” หญิงสาวแกล้งเย้าไปอย่างนั้น เพราะรู้ว่าก้องบดินทร์หมายความอย่างที่พูดนั่นละ ถ้าเขาห่วงเธอนะ วันนี้พายุคงถล่มกรุงเทพฯ ชัวร์!

“พูดมาก ไม่มีสมาธิขับรถ”

“ดุจริง แต่ให้อภัยค่ะ เพราะหล่อ” กิรฏายิ้มหวาน บอกแล้วไงว่าถึงพี่ก้องจะดุจะว่ายังไง เธอก็ไม่โกรธหรอก เพราะชินแล้ว “เอ๊ะ ว่าแต่...พี่ก้องกำลังอ่อยหญ้าหรือเปล่าคะ”

เจ้าของใบหน้าคมคายขมวดคิ้วหนาเข้าหากัน “อ่อยอะไร ฉันก็ขับรถของฉันอยู่ดีๆ”

“ก็ไม่รู้สิคะ เห็นกล้ามอกแน่นๆ ของพี่ก้องแล้วใจมันบาง อยากจะโผเข้าไปซบให้หายหนาว” ว่าแล้วดวงตากลมโตก็มองผ่านรอยแยกของสาบเสื้อเข้าไปอย่างแทะโลม ถ้ามองทะลุลงไปถึงซิกซ์แพ็กได้ก็คงทำไปแล้ว เธอยังไม่ลืมภาพกล้ามหน้าท้องเป็นลอนคลื่นสุดเซ็กซี่ของชายหนุ่มในวันนั้นเลย คิดแล้วหัวใจก็ซู่ซ่า หน้าร้อนฉ่าเหมือนคนกำลังจะเป็นไข้

“เธอนี่มันลามกจริงๆ!” เขาก็แค่ทำงานมาร้อนๆ เลยปลดกระดุมเพื่อระบายความร้อน ไม่ได้คิดจะอ่อยยายนี่เลยสักนิด

“ตัวเองโชว์เอง มาว่าคนอื่นซะงั้น มีของดีพรีเมียมให้ดูฟรี ไม่ดูก็โง่สิคะ บาทเดียวดูเพลิน อะไรไม่เกินนมชมพู บาทเดียวดูเพลิน อะไรไม่เกินนมชมพู ลูบได้คลำได้ ลูบได้คลำได้ แต่อย่าเอาไม้แหย่นม วู้!” คนตัวเล็กร้องเพลงแบบมั่วๆ พลางส่ายหัวโยกตัวไปมาอย่างเริงร่า พอร้องท่อนสุดท้ายก็ชูนิ้วชี้ขึ้นทำท่าเหมือนจะพุ่งตรงเข้าไปแหย่นมเขา

“เฮ้ย!” ชายหนุ่มร้องเสียงดังและเอียงตัวหลบ

“ฮ่าๆๆ” กิรฏาหัวเราะอย่างมีความสุขที่ได้หยอกคนตัวโตให้ตกใจเล่น

“อย่าแหย่นะเว้ย” ดวงตาคมกริบมองมาอย่างข่มขู่

“ทำไมคะ ถ้าแหย่จะทำอะไร”

“จะ...” ก้องบดินทร์ชะงัก ปกติเวลามีคนจะมาแกล้งอะไรเรา เราก็จะต้องบอกว่าเดี๋ยวทำแบบนั้นกลับบ้าง แต่นี่ยายกอหญ้าเป็นผู้หญิง เขาคงพูดแบบนั้นไม่ได้ เพราะมันไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย

“จะอะไรคะ”

“จะ...จะบีบปากให้เจ่อเลย!” ปกติเคยได้ยินแต่จะจูบปากให้เจ่อ บีบปากให้เจ่อได้ไหมวะ ได้แหละ ทำไมจะไม่ได้

“น่ากลัวจัง” คนตัวเล็กทำหน้าหวาดหวั่น แต่ดูก็รู้ว่าแกล้งทำ

ก้องบดินทร์เลยเพิ่มดีกรีความโหดให้มากขึ้น “เอ้า! ถ้าแหย่มา ฉันบีบจริงนะเว้ย ไม่ได้ขู่เล่น”

“แหม ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ ไม่แหย่หรอกน่า ผู้หญิงเรียบร้อยอย่างหญ้าหรือจะกล้าแหย่นมผู้ชาย แค่ดูก็พอแล้วค่า” สาวหน้าใสยิ้มทะเล้น

ก้องบดินทร์ทำหน้าอ่อนใจ ผู้หญิงเรียบร้อยอะไรพูดจาน่าเกลียด ถ้าไม่กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ เขาจะปล่อยมือจากพวงมาลัยมาติดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อยตอนนี้เลย แต่เพราะกำลังขับรถอยู่ เลยต้องจำใจโดนไอ้หื่นลวนลามทางสายตาโดยไม่มีทางเลือก

“อยากไปกินไหน” ก้องบดินทร์ถามเสียงเรียบ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีวี่แววสนุกสนานไปกับเพลงเมียงู

“ตามใจพี่ก้องเลยค่ะ”

“แน่ใจ?”

“แน่ค่ะ พี่ก้องคงไม่แกล้งหญ้าหรอกมั้ง เพราะตัวเองก็ต้องกินด้วย”

“ฉันอยากกินหมูกระทะ” พูดจบท้องของชายหนุ่มก็ร้องโครกครากขึ้นเสียงดัง บ่งบอกว่ากำลังหิวมากจริงๆ

“อุ๊ย! เสียงอะไรนั่น” เธอทำตาโตและมองหาที่มาของเสียง “มาจากไหนน้า รู้สึกจะแถวๆ นี้แหละ”

“ไม่เคยได้ยินเสียงท้องร้องหรือไง” คนหิวจัดทำหน้าเข้มเสียงเข้มกลบเกลื่อนความอาย ก่อนจะเอื้อมมือไปกดเปิดเพลงเพื่อไม่ให้รถเงียบเกินไป

กิรฏาหัวเราะเสียงใสและเอ่ยแซว “งั้นรีบขับเลยค่ะ เดี๋ยวท้องร้องอีก”

“ไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยง มันก็ต้องหิวเป็นธรรมดา”

“แล้วทำไมไม่บอกหญ้าล่ะคะ หญ้าจะได้เอาข้าวไปส่ง ปล่อยให้ท้องหิวไม่ดีนะคะ เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะขึ้นมาจะยุ่งกว่าเดิม” หญิงสาวมองเขาอย่างห่วงใย

“ฉันหากินเองได้”

“ยังจะเถียงหญ้าอีก ถ้าหากินเองได้แล้วทำไมไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็นแบบนี้ล่ะคะ หญ้ารู้ค่ะว่างานสำคัญสำหรับพี่ก้อง แต่ถ้าไม่ดูแลสุขภาพตัวเองแล้วล้มป่วยขึ้นมา งานสำคัญแค่ไหนก็ไปทำไม่ได้นะคะ เพราะงั้นพี่ก้องควรจะให้ความสำคัญกับสุขภาพมาเป็นอันดับหนึ่งค่ะ”

“เป็นแม่ฉันหรือไง”

“เป็นเมียค่ะ อุ๊บ! ยังไม่ได้เป็นนี่นา แค่ว่าที่เจ้าสาว ลืมไป” กิรฏาแกล้งทำเหมือนลืม แต่จริงๆ ตั้งใจพูดจีบแบบอ้อมๆ เอ๊ะ หรือว่าตรงๆ นะ

ก้องบดินทร์ส่ายหน้าไปมาอย่างรำคาญก่อนจะเงียบไป เมื่อเขาไม่พูดอะไร หญิงสาวจึงนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือเงียบๆ

การจราจรบนท้องถนนในช่วงเลิกงานตอนเย็นวันศุกร์ติดหนึบเข้าขั้นวิกฤติ แม้ว่าจุดหมายปลายทางร้านหมูกระทะจะอยู่ไกลออกไปแค่ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร แต่ดูห่างไกลราวกับร้อยกิโลเมตรเมื่อรถเคลื่อนตัวได้เชื่องช้าเหมือนทากเป็นตะคริว

“จะติดอะไรนักหนาวะเนี่ย!” มือหนาทุบพวงมาลัยอย่างหงุดหงิด

กิรฏาเห็นอย่างนั้นก็รู้ว่าสุดหล่อของเธอกำลังโมโหหิว และหากเข้าไปแหย็มตอนนี้อาจโดนหลังมือฟาดได้ เลยค่อยๆ เลียบเคียงถาม

“หญ้าหิว จะลงไปซื้ออะไรในเซเว่นมารองท้อง พี่ก้องเอาด้วยไหมคะ” เธอพยักพเยิดไปยังร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ริมทางไม่ไกลจากจุดที่รถจอดอยู่ “ไม่ต้องกลัวว่าหญ้าจะกลับมาไม่ทันนะคะ เพราะรถติดขนาดนี้ ห้านาทีผ่านไปพี่ก้องก็ยังไปไม่ไกลจากตรงนี้หรอก สั่งพิซซ่ามากินยังทันเลยค่ะ”

“แล้วถ้าเธอกลับมาไม่ทันล่ะ” ดวงตาคมกล้าฉายแววลังเล

“ทันสิคะ หญ้าไปแป๊บเดียว หรือถ้าไม่ทันจริงๆ เดี๋ยวนั่งมอ’ไซค์ตามไปแยกหน้าก็ได้ค่ะ สบายมาก” หญิงสาวยิ้มกว้าง เพื่อพี่ก้องเธอทำได้ทุกอย่างนั่นละ

“ฉันควรเป็นคนลงไปซื้อมากกว่า”

“ไม่ได้หรอกค่ะ หญ้าขับรถไม่เป็น ถ้าเกิดไฟเขียวขึ้นมาแล้วรถยังจอดนิ่ง คันหลังบีบแตรไล่แน่ๆ” คนเขาอุตส่าห์เปิดช่องขนาดนี้ แถมตัวเองก็กำลังหิวจัด ยังจะลีลาอีกนะ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันอดทนเอา”

“แต่หญ้าไม่ทนค่ะ หญ้าหิว!” ว่าแล้วกิรฏาก็ปลดล็อกและเปิดประตูรถเดินลงไป

ก้องบดินทร์มองตามร่างบางด้วยแววตาเป็นกังวล เพราะอาจจะมีมอเตอร์ไซค์วิ่งเบียดแทรกมาตามช่องแคบระหว่างรถยนต์และเฉี่ยวชนเธอเข้าได้

“ยายบ้าเอ๊ย หิวขนาดนั้นเลยเหรอ” สายตาของชายหนุ่มยังคงจดจ่ออยู่กับคนตัวเล็กจนเธอหายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ

ปิ๊นๆๆ

เสียงบีบแตรรัวๆ จากรถคันหลังทำให้ก้องบดินทร์เพิ่งรู้ตัวว่าไฟเขียวแล้ว เพราะมัวแต่มองประตูเซเว่นอีเลฟเว่น ชายหนุ่มจำต้องเลื่อนรถไปข้างหน้าอย่างไม่มีทางเลือก

“บอกแล้วว่าอย่าลงไปๆ จะมองหารถเจอไหมเนี่ย” เจ้าของใบหน้าคมคายบ่นอุบ

รถเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองในจังหวะที่รถของชายหนุ่มอยู่แถวหน้าสุดพอดี

จริงๆ ถ้าจะเหยียบคันเร่งข้ามสี่แยกไปก่อนที่ไฟจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก็ยังทัน แต่ก้องบดินทร์กลับขับช้าๆ เหมือนกำลังกินลมชมวิวอยู่บนถนนริมทะเล ทำเอาคันหลังบีบแตรไล่อย่างหงุดหงิด

ปิ๊นๆๆ!

ชายหนุ่มไม่ใส่ใจ มือหนาเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือจากช่องเก็บของมากดโทร. หากิรฏาซึ่งอาจกลับออกมาจากร้านสะดวกซื้อแล้วและมองไม่เห็นรถของเขา เสียงสัญญาณดังเพียงหนึ่งครั้ง หญิงสาวก็กดรับ

“หญ้าซื้อของเสร็จแล้วค่าพี่ก้อง กำลังกลับไปที่รถ”

“ตอนนี้ฉันจอดอยู่แถวหน้าสุดเลย รีบมา ไม่งั้นเธอต้องนั่งมอ’ไซค์ตามไป”

“ค่ะๆ กำลังวิ่งไปค่ะ” เสียงมอเตอร์ไซค์และเสียงบีบแตรดังแทรกเข้ามาในสาย

“ระวังรถด้วย ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะลำบาก” ไม่ได้ห่วงหรอกนะ แต่ป้าพริ้มและแม่ต้องดุเขาแน่ๆ ที่ปล่อยให้ยายกอหญ้าเป็นอันตราย

“ค่า” อีกฝ่ายรับคำเสียงใส

ก้องบดินทร์กดวางสาย และหันกลับไปดูด้านหลัง แต่ยังไม่เห็นวี่แววของยายลูกแมวสักนิด “กลับมาถูกหรือเปล่าวะเนี่ย”

ชายหนุ่มตัดสินใจเปิดประตูลงจากรถ และสอดส่ายสายตามองหายายตัวแสบ ไม่นานก็เห็นร่างเล็กกำลังมองหารถของเขาอยู่เช่นกัน

“กอหญ้า ทางนี้” เจ้าของร่างสูงหนาโบกมือส่งสัญญาณ

เมื่อกิรฏาเห็นเขาก็ยิ้มแฉ่งและรีบวิ่งมาหา จังหวะนั้นสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี

ทั้งสองคนรีบขึ้นรถ ก่อนที่ก้องบดินทร์จะออกรถอย่างว่องไวเพื่อไม่ให้โดนบีบแตรไล่อีก

“ตื่นเต้นจังเลย” หญิงสาวเอ่ยพลางหอบแฮกๆ ยกมือขึ้นมาทาบอกข้างซ้ายที่ยังสั่นระรัวเพราะรีบร้อนวิ่งมาเมื่อครู่

“ยังจะเห็นเป็นเรื่องสนุกอีก คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก เข้าใจไหม” ชายหนุ่มหันมาดุ ก่อนจะกลับไปมองท้องถนนเบื้องหน้า

“ค่า คราวหน้าหญ้าจะเตรียมขนมติดตัวไว้ตลอดเวลา เผื่อหิวบนรถจะได้กินขนมรองท้อง” กิรฏารับคำพลางยิ้มแป้น พี่ก้องเป็นห่วงเราใช่ไหมเนี่ย แต่ถ้าถาม เจ้าตัวก็คงบอกว่าไม่ใช่เหมือนเดิมนั่นละ

เมื่อข้ามสี่แยกมาได้อีกนิด รถก็จอดติดไฟแดงอีกครั้ง กิรฏาใช้โอกาสนั้นหยิบซาลาเปาหมูสับไข่เค็มออกมาจากถุงของร้านสะดวกซื้อ และยื่นให้คนตัวโต

“หญ้าซื้อมาฝากค่ะ”

ก้องบดินทร์มองซาลาเปาสลับกับใบหน้ากลมแป้นอย่างลังเลเล็กน้อย ก่อนที่สุดท้ายจะรับไป

“ขอบใจ” เขาบอกเรียบๆ และจัดการกับซาลาเปาลูกใหญ่หมดภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ในขณะที่หญิงสาวเพิ่งกินหมดไปครึ่งลูกเท่านั้น

“รับขนม ‘จีบ’ เพิ่มไหมคะ” กิรฏายิ้มหวานพร้อมยื่นถุงขนมจีบกุ้งร้อนๆ ให้ชายหนุ่ม เธอหาโอกาสเล่นมุกนี้มานาน วันนี้ได้เล่นสักที

คนหล่อส่ายหน้าไปมา “พอแล้ว”

“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ”

“เธอจะอิ่มเหรอ”

“อิ่มค่ะ หญ้ากินแค่ซาลาเปาก็พอแล้ว ขนม ‘จีบ’ ซื้อมาให้พี่ก้องโดยเฉพาะรับ ‘จีบ’ กุ้งของหญ้าไปสิคะ” หญิงสาวกะพริบตาปิ๊งๆๆ และส่งสายตาออดอ้อนให้เขา

“มุกเสี่ยวๆ”

“อ้าว นึกว่าพี่ก้องไม่เก็ต เลยเล่นหลายๆ รอบ ถึงมุกจะเสี่ยว แต่รักเดียวของหญ้าคือพี่ก้องนะคะ” กิรฏาไม่ปล่อยให้โอกาสในการหยอดหลุดลอยไป

“เก็ตตั้งแต่รอบแรกแล้ว ขี้เกียจเล่นด้วย”

“ขี้เกียจเล่นก็เอาจริงๆ ไปเลยสิคะ หญ้าก็ไม่ได้เล่นเน้อ”

“ไม่เว้ย! หยุดเล่นมุกน้ำเน่าสักที ยังไงฉันก็ไม่อินไปกับเธอหรอก”

“เว้ยกับน้องอีกแล้ว พูดเพราะๆ หน่อยสิคะ” กิรฏาทำปากยื่นและย่นจมูกใส่เขา

“กินขนมจีบไปเลยไป จะได้ไม่ต้องพูดมาก”

เมื่อโดนคนตัวโตเอ็ด เธอเลยนั่งกินต่อเงียบๆ จนหมดทั้งซาลาเปาและขนมจีบ จากนั้นก็สงบปากสงบคำจนมาถึงร้านหมูกระทะในซอยแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งรวมอาหารการกินแบบบ้านๆ นอกจากร้านหมูกระทะแล้ว แถวนี้ก็ยังมีร้านลาบก้อย ร้านแจ่วฮ้อน ร้านส้มตำ และอื่นๆ อีกมากมาย

“คนละอารมณ์กับครั้งก่อนที่เราไปกินกันเลยนะคะ จากกรุงโซลมายโสธร” กิรฏาเอ่ยขำๆ

“วันนี้อยากกินแนวนี้” คนตัวสูงกว่าบอก และเดินนำไปยังร้านบุฟเฟต์หมูกระทะที่มีลูกค้านั่งเต็มร้าน

“สวัสดีค่ะ กี่คนคะ” พนักงานสาวชุดแดงมีโลโก้ร้านและผู้สนับสนุนที่เป็นเบียร์ยี่ห้อหนึ่งบนอกเสื้อยกมือไหว้ต้อนรับ

“สองครับ”

“เดี๋ยวเชิญทางนี้เลยค่ะ”

ก้องบดินทร์และกิรฏาเดินตามไปพลางมองบรรยากาศแสนคึกคักภายในร้าน นอกจากเสียงคนพูดคุยกันดังเซ็งแซ่แล้วยังมีเสียงเพลงลูกทุ่งเปิดเคล้าคลอสร้างความครึกครื้นให้มากขึ้น และยังมีทีวีจอใหญ่ติดตั้งบนเสาเป็นระยะเพื่อให้คอบอลได้ดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลระหว่างรับประทานอาหารอีกด้วย

หญิงสาวโยกตัวตามจังหวะเพลงคึกคักไปตามทางจนกระทั่งเดินมาถึงโต๊ะ

“อายคนไหมเนี่ย” ก้องบดินทร์ปรายตามองอย่างอ่อนใจขณะนั่งลง

“อายทำไมคะ ก็หญ้าสนุก ถ้ามีเวทีจะขึ้นไปเต้นแล้วเนี่ย”

ชายหนุ่มส่ายหน้าเชิงบอกว่าเอาที่สบายใจ ก่อนจะหยิบกระดาษที่มีรายการอาหารมาเขียนว่าจะเอาอะไรเท่าไรบ้าง

กิรฏามองคนที่กำลังหิวจัดที่แม้จะได้ซาลาเปารองท้องไปหนึ่งลูกแล้วเขียนยุกยิกลงไปในใบรายการอาหารแทบทุกบรรทัด

“กินไม่หมดโดนปรับนะคะ”

“หมดอยู่แล้ว หิวโคตร”

“เอาอะไรไปแล้วบ้างคะ”

“เนื้อสันใน เนื้อหนอก เสือร้องไห้ ลูกมะพร้าว ลิ้นวัว หอยเชลล์อบเนย เบคอน กุ้ง ปลาหมึก ปลาดอลลี่อย่างละสอง เธอจะเอาอะไรเพิ่มไหม”

หญิงสาวได้ยินที่เขาไล่เลียงมาแล้วส่ายหน้า เพราะแค่นี้ก็เยอะแล้ว “ยังดีกว่าค่ะ เดี๋ยวกินรอบแรกหมดแล้วถ้ายังไม่อิ่มหญ้าค่อยสั่งเพิ่ม

“อืม” ก้องบดินทร์ส่งเสียงตอบในลำคอ และชูมือขึ้นเรียกพนักงานมารับออร์เดอร์ไป

เมื่อเนื้อชนิดต่างๆ ที่สั่งไว้มาถึง ทั้งสองคนก็ช่วยกันย่างทันที เพราะระหว่างรอได้กลิ่นหอมจากโต๊ะอื่นจนท้องร้องหลายรอบแล้ว

ทันทีที่เนื้อซึ่งแล่มาแบบไม่หนาไม่บางสัมผัสกับผิวกระทะที่ร้อนจัดก็เกิดเสียงฉ่าๆ และตามมาด้วยกลิ่นหอมหวนชวนน้ำลายสอ รอจนเนื้อสุกได้ที่จึงคีบมาจิ้มกับน้ำจิ้มรสเด็ดและส่งเข้าปาก อร่อยเหาะอย่าบอกใครเชียวละ

อาหารที่สั่งมารอบแรกหมดอย่างรวดเร็ว กิรฏาจึงเป็นคนสั่งเพิ่ม

“เอาอย่างละสองเหมือนเดิมนะ” คนที่กำลังพลิกเนื้อบนกระทะบอก

“จะหมดเหรอคะ หญ้าเริ่มอิ่มแล้วนะเนี่ย”

“ฉันยังไม่อิ่มเลย ถ้าเธอไม่สั่งอย่างละสอง ฉันจะกินเธอแทน”

คำพูดที่มาพร้อมสายตาดุๆ ทำให้กิรฏารีบเปลี่ยนจากเลขหนึ่งเป็นเลขสองแทบไม่ทัน

เอ๊ะ แต่เมื่อกี้พี่ก้องบอกว่ายังไงนะ จะกินเธองั้นเหรอ แอร๊ยยย!

“เป็นอะไร” ก้องบดินทร์ขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันเมื่อเห็นอีกฝ่ายกรีดร้องแบบไม่มีเสียง

“เมื่อกี้พี่ก้องบอกว่าจะกินหญ้าเหรอคะ” คนตัวเล็กเงยหน้าที่มีสีแดงระเรื่อระบายอยู่ขึ้นถาม

ชายหนุ่มอยากยกมือขึ้นมาทึ้งหัว “ฉันหมายถึงจะเอาเธอมาย่างเหมือนเนื้อบนเตาเว้ย ไม่ได้กินแบบที่เธอคิด ไอ้คนทะลึ่ง!”

“ไม่รู้สิ หญ้าก็คิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนแหละ ถ้าพี่ก้องจะกินหญ้าจริงๆ จะได้ไม่สั่งตามที่พี่ก้องบอก” นัยน์ตาหวานฉายแววซุกซน

“ฉันไม่กินหญ้า เพราะฉันไม่ใช่ควาย” ก้องบดินทร์ประกาศกร้าว

“ก็ไม่ใช่ควายอย่างเดียวที่กินหญ้าได้นะคะ ม้าก็กินหญ้าได้”

ขณะกำลังหยอดว่าที่เจ้าบ่าวอยู่นั้น เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น

“คุณกอหญ้า”

กิรฏาหันไปมองก็พบว่าเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงสวมแว่น สวมเสื้อยืดสีดำ นุ่งกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้ม และสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวกำลังเดินเข้ามาหาเธอ

“อ้าว คุณวิน มากินที่นี่เหมือนกันเหรอคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างและถามเสียงประหลาดใจ

“ครับผม มากับเพื่อนๆ หลายคนเลย” เขาชี้ไปทางโต๊ะที่มีผู้ชายกลุ่มใหญ่ประมาณสิบกว่าคน “พอดีวันนี้มีนัดประชุมที่บริษัท เสร็จแล้วเลยมากินหมูกระทะกันครับ”

“มิน่า ไม่เห็นไปที่ร้านเลย”

กราฟิกดีไซเนอร์หนุ่มยิ้ม “พรุ่งนี้ไปครับ คุณกอหญ้าเข้าร้านหรือเปล่า”

“เข้าค่า พรุ่งนี้ไม่มีนัดอะไร” เธอตอบพลางชำเลืองมองคนที่กำลังก้มหน้าก้มตากินหมูกระทะอยู่

“งั้นเจอกันครับ”

“โอเคค่า อ้อ นี่พี่ก้องค่ะคุณวิน พี่ก้องคะ นี่คุณวิน ลูกค้าของหญ้าค่ะ” หญิงสาวแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน

“หวัดดีครับ” หนุ่มแว่นเอ่ยทักทายอย่างมีอัธยาศัย

“หวัดดีครับ” คนตัวโตตอบตามมารยาท

“พี่ก้องเป็น...” กิรฏาหันไปมองว่าที่เจ้าบ่าวอย่างลังเลว่าควรจะแนะนำเขาในฐานะอะไรดี

“แฟนกอหญ้า” ‘แฟน’ ของเธอตอบเสียงขรึม

“อ้าว คุณกอหญ้ามีแฟนแล้วเหรอครับ” ลูกค้าหนุ่มหน้าเสียไปในทันที

“เอ่อ...ใช่ค่ะ” เมื่อก้องบดินทร์เปิดมาอย่างนั้น เธอก็ต้องตามน้ำไป

หนุ่มแว่นยิ้มแห้ง “อ๋อ ครับ งั้นผมไม่รบกวนแล้ว ตามสบายนะครับ”

“ครับผม” ก้องบดินทร์ยิ้มอย่างผู้ชนะ

เมื่อฝ่ายนั้นเดินออกไปแล้ว กิรฏาก็หันมาถามเขาอย่างงุนงง “ที่พี่ก้องพูดเมื่อกี้...”

“ฉันก็แค่อยากให้ไอ้หน้าจืดนั่นมันอกหักเล่น” คนหล่อยักไหล่ และดวงตาสีเข้มก็ฉายแววสะใจที่ทำสำเร็จ

“คุณวินไม่ได้หน้าจืดสักหน่อย ออกจะหล่อ” หญิงสาวค้านสุดตัว

“แบบนั้นเรียกว่าหล่อแล้วเหรอ” คิ้วหนาเลิกขึ้นแบบขำๆ หน้ายังกับเต้าหู้หมดอายุโดนรถสิบล้อวิ่งทับ หล่อตรงไหน

“ก็หล่อนะ”

“ถ้างั้นฉันคงโคตรของโคตรหล่อเลยละ” ก้องบดินทร์พูดจบก็ใช้ตะเกียบคีบเนื้อบนกระทะมาจิ้มน้ำจิ้ม ก่อนส่งเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย

“อันนี้ไม่ปฏิเสธค่า พี่ก้องคือที่หนึ่งในใจหญ้าอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความหล่อ ความเก่ง ความหุ่นดี ความ...อุ๊บ” กิรฏาพูดต่อไม่ได้เมื่อโดนอีกฝ่ายเอาเบคอนยัดปาก ดีที่หายร้อนแล้ว ไม่งั้นปากเธอพองแน่

“กินเข้าไป จะได้ไม่ต้องพูดมาก” ริมฝีปากหยักลึกสีระเรื่อโค้งขึ้น ดวงตาคมกริบเปล่งแสงพราวระยับ

“แกล้งน้องตลอดเลยอ้ะ” เธอเอ่ยประท้วงทั้งที่ยังมีเบคอนอยู่ในปาก

“แล้วจะทำไม จะไปฟ้องไอ้วินเหรอ” เขาถามอย่างพาลๆ

“คุณวินเกี่ยวไรด้วยคะ”

“ไม่รู้ดิ หน้าตามันคล้ายๆ ไอ้ตาม บางทีเธออาจจะนึกชอบมันขึ้นมาเพราะหน้าเหมือนแฟนเก่า”

“โอ๊ย ไม่หรอกค่ะ หญ้าไม่ชอบใครอีกแล้ว นอกจากพี่ก้อง นี่นั่งนับวันรอเลยว่าเมื่อไหร่จะถึงงานแต่งงานของเรา หญ้าอยากเข้าหอแล้ว”

“ก็เข้าดิ ไม่มีใครห้าม”

หญิงสาวยิ้มแฉ่ง แต่ประโยคต่อมาก็ทำให้หุบยิ้มแทบไม่ทัน

“หอพักแถวนี้เยอะแยะ เธอจะอยู่หอพักชายหญิง หรือหอพักสตรีก็เลือกตามสบาย” ประกายในดวงตาคู่คมบ่งบอกว่าเขากำลังสนุกสนานกับการเย้าแหย่เธอเป็นอย่างมาก

“ค่า คุณพี่!” กิรฏาส่งค้อนวงใหญ่ให้เขา

“โกรธเหรอ”

“จะบอกให้หญ้าถอนหมั้นอ้ะดิ”

“ใช่”

“ไม่มีทางค่ะ หญ้า-จะ-เป็น-เมีย-พี่-ก้อง!” หญิงสาวบอกเสียงหนักแน่นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ แกล้งได้แกล้งไป ยังไงเธอก็จะรักพี่ก้องคนเดียวไม่เปลี่ยนแปลง!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น