5

มีนรกก็ย่อมมีสวรรค์

5

มีนรกก็ย่อมมีสวรรค์

 

ณลิสามีความรู้เกี่ยวกับแองเคอเรจน้อยมาก แล้วก็ไม่คิดว่าจะต้องออกไปเจอโลกภายนอกเร็วขนาดนี้ แต่โชคดีที่คุณหมอแทนไทรับอาสาพาเธอไปที่จัดกิจกรรมวาดรูปด้วยกัน หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวออกไปข้างนอก ณลิสาคิดว่าตัวเองมั่นใจในเสื้อกันหนาวขนเป็ดตัวหนาแล้ว แต่พอยืนอยู่หน้าบ้านนานๆ กลับรู้สึกว่าร่างกายกำลังแข็ง จนต้องขยับแขนขา กระโดด เดินวนไปมา ส่วนแอนดี้กลับยืนกอดอยู่กับหมีควายด้วยท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“จะเอาหมาไปด้วยหรือไง” ณลิสาถามเด็กชาย

“ไม่พูดกับยักษ์”

“ไม่พูดกับเด็กเหมือนกัน พูดคนเดียว” หญิงสาวกอดอก รู้สึกหนาวจนหน้าแข็งไปหมด ดูเหมือนครีมบำรุงผิวที่พกมาด้วยจะใช้ไม่ค่อยได้ผล รออยู่สักพักรถเอสยูวีสีขาวคันหนึ่งก็มาจอดหน้าบ้าน กระจกถูกลดลงพร้อมกับปรากฏใบหน้าของเด็กชายลูกครึ่งคนหนึ่งที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับแอนดี้ เมื่อณลิสาพิจารณาดูใบหน้าของเด็กคนนี้แล้วก็พบว่าเขามีใบหน้าที่ฉายแววความหล่อเหลาไม่ผิดจากคุณหมอแทนไทนัก 

ถ้าเดาไม่ผิดนี่คงเป็นลูกชายของคุณหมอแน่

“แอนดี้” เด็กชายบนรถร้องเรียกเพื่อนวัยเดียวกัน

“จันทโครพ” แอนดี้ตอบกลับ

ณลิสาหันมามองหน้าเด็กที่วันๆ เอาแต่คิดเรื่องละครพื้นบ้าน ขนาดเธอเป็นผู้ใหญ่ที่อยู่มาเกือบสามสิบปียังแทบจำไม่ได้เลยว่าจันทโครพคือใคร จำได้แต่ชื่อที่เคยผ่านหูมาเท่านั้น แต่ก็เลือนรางมากจนเกือบลืมไปแล้ว

“ขึ้นมาเลยครับ” แทนไทโผล่หน้ามาบอก 

เมื่อเจ้าของรถอนุญาตแล้ว หญิงสาวก็เปิดประตู พอหันมามองเด็กที่เธอต้องดูแลก็ถอนหายใจ 

“แอนดี้ขึ้นรถ” เธอว่า

“ไม่ไปกับยักษ์”

ณลิสาได้แต่ขบฟันแน่น อากาศหนาวขนาดนี้ยังมาลีลาน่ารำคาญ ยิ่งเห็นเจ้าของรถหันมามอง เธอก็ยิ่งกดดัน พยายามคิดหาวิธีการที่จะทำให้แอนดี้ขึ้นรถมาโดยไม่ต้องใช้กำลังอยู่สักพัก จนในที่สุดก็นึกออก

“สังข์ทองขึ้นรถ เดี๋ยวจะพาไปหารจนา” เธอว่า

นี่เป็นเรื่องที่ปัญญาอ่อนที่สุดที่เธอเคยทำมาในชีวิตเลย...แถมยังได้ยินเสียงหัวเราะจากคุณหมอหนุ่มคนขับอีกต่างหาก ไม่คิดว่ามาวันแรกเธอก็ต้องกลายเป็นคนบ้าไปตามแอนดี้แล้ว

“รจนา...” แอนดี้ยืดตัวขึ้น ปล่อยให้หมีควายนั่งอยู่ที่พื้นแล้วตัวเองกระโดดขึ้นมาบนรถด้วยท่าทางดีอกดีใจ 

ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถณลิสาก็สังเกตว่าลูกชายของคุณหมอนั่งอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ไม่ได้ส่งเสียงหรือโวยวายเหมือนเด็กข้างกายของเธอ 

“สี่กุมาร หาญกล้า ตรี คฑา จักร สังข์...” ถึงเสียงของแอนดี้จะไม่ได้ดังมาก แต่ก็ยังคงสร้างความน่ารำคาญได้เสมอต้นเสมอปลาย ทั้งที่เด็กสองคนในรถคันนี้ก็ดูจะอายุเท่ากัน แต่ทำไมความสามารถในการควบคุมตนเองถึงได้ต่างกันนัก

“แอนดี้นี่ร่าเริงตลอดเลย ซันดูไว้นะลูก เวลาไปเล่นกับเพื่อนต้องเอนจอยหน่อย” แทนไทหันไปพูดกับลูกชาย

“ผมอายนี่ครับ ไม่กล้าแสดงออกเหมือนแอนดี้” เด็กชายว่า

“นายต้องเฟรนด์ลีกว่านี้นะ ไม่งั้นก็ไม่มีเพื่อนคบ” แอนดี้ยื่นหน้าไปที่เบาะของเด็กชายด้านหน้า 

ณลิสาย่นคิ้วเข้าหากัน เดี๋ยวนะ...คนที่ควรจะไม่มีเพื่อนคบต้องเป็นแอนดี้ไม่ใช่เหรอ

 

“ละครเวทีเมื่อต้นปี แอนดี้ก็เป็นคนออกความคิดให้เล่นเรื่องเกราะกายสิทธิ์แทนโรมิโอแอนด์จูเลียต เพื่อนที่โรงเรียนชอบกันใหญ่เลย” เด็กชายอีกคนพูดด้วยน้ำเสียงที่แสนจะภาคภูมิใจ 

ส่วนคุณหมอแทนไทก็หัวเราะชอบใจ ก่อนจะเอ่ยชมแอนดี้ราวกับอีกฝ่ายเป็นเด็กฉลาดน่ารัก

เรื่องฉลาดนั้นณลิสาไม่แน่ใจ...แต่เรื่องน่ารักนี่ดูจะไม่ค่อยใกล้เคียง

ใช้เวลาเดินทางประมาณสิบกว่านาทีก็ถึงที่หมาย สถานที่ใช้ทำกิจกรรมนั้นเป็นโบสถ์แห่งหนึ่ง ซึ่งแทนไทอธิบายว่าอยู่ในเขตเบย์ชอร์-คลัตต์ (Bayshore-Klatt) ซึ่งเป็นเขตหนึ่งในเมืองแองเคอเรจ อยู่ติดทะเลทางทิศใต้ ด้านหลังมีป้ายบอกว่ามีกิจกรรมวาดภาพของนักเรียนประถม 

“คุณลิซลงไปก่อนนะครับ ผมไปจอดรถข้างหน้าแป๊บนึง” แทนไทว่า

ณลิสาไม่มีทางเลือกนอกจากพยักหน้าแล้วจูงเด็กสองคนลงมาจากรถ บรรยากาศในตอนนี้ทำเธอประหม่า ไหนจะอากาศเย็นเฉียบที่ทำให้เธอศีรษะเย็นจนคิดอะไรไม่ออก

“เขาจะวาดรูปกันข้างนอกจริงๆ เหรอ” ณลิสาหันไปถามเด็กน้อยอีกคน

“ครับ ให้วาดรูปคุณพ่อคุณแม่กับธรรมชาติ ใครชนะก็จะได้รางวัลเป็นรองเท้าสเกตเอาไว้เล่นสเกตตอนหน้าหนาวครับ” 

ฟังเด็กคนนี้พูดจบแล้วณลิสาก็หันไปมองแอนดี้ เขาดึงหมวกไหมพรมมาปิดที่หน้าแล้วหัวเราะ ทั้งที่เป็นเด็กเหมือนกัน แต่ทำไมถึงแตกต่างกันขนาดนี้ ในขณะที่เธอกำลังนึกชื่อของเขาอยู่ เด็กน้อยก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

“ผมชื่ออาทิตย์ครับ เรียกซันก็ได้ อยู่เกรดสี่” เขาพูดด้วยภาษาไทยที่ชัดถ้อยชัดคำกว่าคนที่เติบโตในประเทศไทยอย่างเธอเสียอีก หรือบางทีเธออาจจะขอย้ายบ้านไปเลี้ยงอาทิตย์แทนดีนะ

“พี่ชื่อลิซ เรียกลิซก็ได้”

“นั่นชื่อจริงเหรอครับ ทำไมสั้นจัง ปกติชื่อคนไทยจะยาวไม่ใช่เหรอครับ” อาทิตย์เอียงคอถามอย่างน่ารัก 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ณลิสาเจอเด็กน่าเอ็นดู แต่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเด็กแล้วรู้สึกถูกชะตา เด็กคนนี้คล้ายกับน้องสาวของเธอตอนยังเล็ก เป็นเด็กบริสุทธิ์และช่างสงสัย

“พี่ชื่อณลิสา” เธอว่า

“เพราะจังครับ เหมาะกับพี่มากเลย” อาทิตย์พูดด้วยรอยยิ้ม 

เธอเองก็คิดว่าชื่อของเด็กคนนี้เหมาะกับเขาเหมือนกัน แต่ไม่ได้พูดออกไป คำพูดเลี่ยนๆ นอกจากในต้องพูดในละครโทรทัศน์แล้ว เธอก็ไม่เคยคิดพูดจาแบบนั้นในโลกความเป็นจริงเลย

“แล้วนี่...เราต้องไปตรงไหน” เธอถามอาทิตย์ เพราะดูเหมือนว่าคงไม่ได้อะไรจากแอนดี้นัก เผลอครู่เดียวเขาก็วิ่งเข้าไปเล่นกับเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างโบสถ์ พวกนั้นหัวเราะแอนดี้ที่ทำท่าจะตีลังกาอยู่บนพื้นหญ้า แต่เมื่อมองมาทางเด็กชายข้างกายแล้วก็สงสัย

“เข้าไปนั่งรอตรงนั้นก็ได้ครับ มีเก้าอี้อยู่” เด็กชายตอบ

“แล้วเราไม่ไปเล่นกับแอนดี้เหรอ” ณลิสาถาม

“ไม่ดีกว่าครับ ผมไปแล้วเพื่อนๆ คงจะหมดสนุก” เด็กชายตอบ 

พอได้ฟังคำพูดที่ดูเหมือนจะโตกว่าอายุของอาทิตย์แล้วแทนที่เธอจะรู้สึกดีที่เจอกับเด็กน้อยที่เรียบร้อยควบคุมตัวเองได้ กลับรู้สึกหดหู่แทน อายุเท่านี้ทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบไว้ได้ยังไงกัน

“จะหมดสนุกได้ยังไง มีเพื่อนมาเล่นด้วยเพิ่ม ทุกคนก็ต้องยิ่งสนุกไม่ใช่เหรอ” ณลิสาว่า ถึงแม้ตลอดชีวิตของเธอจะไม่ได้มีช่วงเวลาที่ได้เล่นกับเพื่อนเลยก็ตาม แต่เธอกลับไม่คิดว่าเด็กๆ จะคิดมากเรื่องที่อาทิตย์กังวลหรอก 

อาทิตย์ทำท่าลังเลใจ ดูเหมือนเขาก็อยากจะเล่นกับคนอื่นเหมือนกัน แต่ติดตรงที่เป็นเด็กขี้อาย และไม่มีความกล้า ท่าทางของเด็กชายทำให้ณลิสานึกถึงวันจันทร์ตอนยังเด็กอีกครั้ง เธอเป็นพี่สาวที่จิกหัวใช้น้องตั้งแต่จำความได้ เพราะด้วยน้องสาวของเธอเป็นคนง่ายๆ ใครให้ทำอะไรก็ทำ เกรงใจคนโน้นคนนี้ไปหมด ไม่มีปากเสียง และไม่ค่อยมีเด็กคนไหนมาเล่นด้วย หรือต่อให้มีก็เป็นการหลอกใช้เสียมากกว่า แต่ในยามที่มีใครมารังแกวันจันทร์ เธอก็จะจัดการทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายก็ตาม นั่นคือข้อดีของการมีพี่น้อง อย่างน้อยก็ในความคิดของเธอ

“นี่เด็กน้อย มีพี่ชายหรือพี่สาวไหม” ณลิสาถามขึ้น

“ผมมีพี่ชายคนเดียวครับ ชื่อซี”

“ซี?” หญิงสาวทวนอีกครั้ง เหมือนว่าเธอเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนมาก่อน คนที่นี่เป็นยังไงกันนะถึงได้ตั้งชื่อลูกได้โหลขนาดนี้ 

“ครับ”

“แล้วเขาไปไหนล่ะ ถ้าไม่มีเพื่อนก็เล่นกับพี่ชายได้นะ” เธอเสนอ

“พี่ซีไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกครับ ทำงานอยู่เมืองอื่น นานๆ ถึงจะได้กลับมาที” เขาอธิบาย นั่นทำให้ณลิสาสงสัยว่าพี่ชายของอาทิตย์ทำอาชีพอะไรกันแน่ แต่เธอก็ไม่ได้อยากรู้ถึงขนาดจะถามต่อ พี่ชายของอีกฝ่ายจะทำมาหากินอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของเธอสักหน่อย ว่าแต่คนชื่อ ‘ซี’ นี่มีอยู่เยอะเหลือเกิน เพิ่งมาที่นี่ได้ไม่ถึงสองวัน ชื่อนี้ก็เข้าหูมาสองครั้งแล้ว

แทนไทเดินเข้ามานั่งข้างลูกชายหลังจากที่จอดรถเสร็จเรียบร้อย ท่าทางของเขาเหมือนคุณพ่อวัยหนุ่มแสนอบอุ่น การที่อาทิตย์เป็นเด็กสุภาพน่ารักคงได้อิทธิพลมาจากคนเป็นพ่อแน่ เป็นความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เธอไม่ค่อยได้เจอในชีวิตจริงนัก อาจเป็นเพราะนอกจากครอบครัวของตัวเองแล้วเธอไม่ได้สนใจครอบครัวของคนอื่นเลย แล้วเธอกับวันจันทร์สมัยเด็กก็ไม่ได้เรียบร้อยน่ารักแบบนี้

“แล้วแอนดี้ล่ะครับ” แทนไทถามขึ้น

“เล่นอยู่กับเพื่อนตรงนั้นค่ะ” ณลิสาตอบด้วยท่าทางสุภาพ ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้ทำงานเกี่ยวข้องกับเธอหรือเป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันไม่นานก็แทบไม่มีทางเห็นหญิงสาวในภาคนางมารร้ายอย่างแน่นอน ถึงเธอจะเป็นคนอารมณ์ร้าย แต่ก็ไม่ได้ใส่อารมณ์กับใครมั่วซั่ว โดยเฉพาะกับคนที่สุภาพอย่างแทนไทด้วยแล้ว 

เวลาผ่านไปสักพักก็มีหญิงสาวที่ดูแล้วน่าจะเป็นคุณครูเดินมาเรียกให้เด็กทุกคนไปนั่งรวมกัน แอนดี้วิ่งมานั่งเก้าอี้ข้างแทนไทแล้วหันมาแลบลิ้นใส่ณลิสา ซึ่งเธอก็ได้แต่เม้มปากเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ หลังจากนั้นคุณครูก็อธิบายว่าต้องทำอะไร ณลิสาฟังออกบ้าง ไม่ออกบ้าง ยังดีที่อาทิตย์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ช่วยอธิบาย

“คุณครูบอกว่าถ้าเป็นครอบครัวเดียวกันวาดแค่รูปเดียวก็ได้ครับ” ราวกับว่าเด็กชายจะรู้ว่าเธอกำลังปรับหูให้ชินกับสำเนียงของคุณครู 

ไม่รู้ณลิสาคิดไปเองหรือเปล่า แต่ภาษาอังกฤษของคุณครูนั้นฟังแล้วแปลกๆ 

“คุณครูมาจากควิเบกน่ะ เลยติดสำเนียงฝรั่งเศสมา” แทนไทเป็นคนอธิบายขึ้นมาเหมือนรู้ว่าเธอมีปัญหากับการฟัง 

แต่นอกเหนือจากเรื่องภาษาแล้ว ณลิสาคิดว่าตัวเองมีปัญหากับเรื่องความรู้รอบตัวด้วย เพราะเมื่อเธอพึมพำคำว่า ‘ควิเบก’ ขึ้นมาอีก อาทิตย์ก็กระซิบเบาๆ แบบไม่ให้ใครได้ยินว่า

“ควิเบกอยู่ในแคนาดาครับ ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาหลัก อาจจะฟังยากนิดหน่อยนะครับ” อาทิตย์ว่า

เธอหันไปยิ้มให้เด็กชายโดยไม่ได้รู้สึกเสียหน้าหรืออะไรเลย กลับเอ็นดูอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก อาทิตย์เป็นเด็กคนแรกที่ณลิสามองว่าเป็นเด็กน่ารัก

“เดี๋ยวเราวาดด้วยกันก็ได้นะครับ จะได้วาดแค่ใบเดียว ให้ซันกับแอนดี้ช่วยกันวาดก่อน แล้วเราค่อยลงสีพื้นหลัง” แทนไทเอ่ยขึ้น จากนั้นเขาก็กวักมือเรียกอาทิตย์ให้เดินมานั่งข้างแอนดี้ ในขณะที่เด็กคนหนึ่งกำลังใช้ดินสอวาดรูปต้นไม้อย่างใจเย็น แต่เด็กอีกคนวาดบางอย่างที่เหมือนสัตว์สี่ขาสีดำลอยอยู่เหนือต้นไม้

“นี่อะไรเหรอแอนดี้” อาทิตย์ถามขึ้น

“ม้านิลมังกร” แอนดี้ตอบ

“ฮะ?”

“ไม่รู้จักเหรอ Black dragon horse” 

ณลิสาอ้าปากค้างเพราะชื่อภาษาอังกฤษของม้านิลมังกร จะว่าไปก็จริงอย่างที่แอนดี้พูด แต่ม้านิลมังกรเกี่ยวกับการวาดรูปธรรมชาติตรงไหนกัน

“แอนดี้เก่งมากเลย งั้นเดี๋ยวน้าวาดพญานาคเอาไว้ตรงนี้คู่กันเลยดีไหม” แทนไทยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วชี้ชวนให้แอนดี้คล้อยตามเขาเรื่องที่จะวาดพญานาคเอาไว้ใกล้กับจุดที่วาดม้านิลมังกร แล้วทั้งสามคนก็ช่วยกันละเลงสีบนกระดาษด้วยท่าทางมีความสุข

“พ่อครับ พญานาคคืออะไร” อาทิตย์ถามขึ้นตอนที่ภาพพญานาคของแทนไทเริ่มจะเสร็จสมบูรณ์ 

ดูเหมือนว่าคุณสัตวแพทย์หนุ่มใหญ่จะไม่มีความสามารถทางศิลปะเท่าไร เพราะภาพที่เขาบอกว่าเป็นพญานาคนั้นดูคล้ายกับสาหร่ายวากาเมะในหม้อสุกี้มากกว่า

“เอาไว้พ่อจะกลับไปหารูปให้ดูนะ ต้องเช็กข้อมูลนิดหน่อย พ่อไม่แน่ใจว่าจะตอบถูกหรือเปล่า” แทนไทตอบ 

อาทิตย์พยักหน้าแล้ววาดรูปต่อ การถามตอบของสองพ่อลูกดูเรียบง่ายและไม่เยิ่นเย้อ ซึ่งดูเหมือนคนที่โตแล้วสองคนพูดกันมากกว่าจะเป็นผู้ใหญ่กับเด็ก

ณลิสามองภาพนั้นอย่างเพลิดเพลิน ไม่คิดว่าจะได้เจอครอบครัวที่ดูอบอุ่นขนาดนี้ นึกสงสัยอยู่ว่าทำไมมารดาของอาทิตย์ไม่มาวาดรูปด้วยกัน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องของเธอจึงไม่ได้เก็บความสงสัยนั้นไว้นาน

หลังจากทั้งสามคนวาดรูปเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เป็นหน้าที่ของหญิงสาวที่ต้องลงสีพื้นหลัง ซึ่งเธอเองก็ไม่คิดว่าจะมีฝีมือทางด้านศิลปะมาก่อน จนกระทั่งวันนี้

“น่าเกลียดชะมัด เด็กเกรดหนึ่งยังระบายสีดีกว่านี้อีก” แอนดี้เอ่ยขึ้นหลังจากที่พี่เลี้ยงมือใหม่ของเขาลงสีเสร็จ 

ณลิสาเม้มปากแน่น ในใจนึกอยากจะเอาพู่กันในมือโยนทิ้งเพื่อบีบคอเด็กนี่แล้วยอมติดคุก แต่ณลิสาคนใหม่ที่จิตใจดีมีเมตตาจะไม่ทำแบบนั้น เธอจะต้องกลับไปอย่างสง่างาม และประกาศให้คนทั้งประเทศได้รับรู้ว่าเธอไม่ใช่แค่ดาราขี้วีนที่ไร้การศึกษา

“ไม่เห็นเป็นไรเลย พี่ลิซเขาอาจจะไม่ค่อยชอบวาดรูปก็ได้ ใช่ไหมครับ” อาทิตย์เอ่ยขึ้นแล้วหันมามองณลิสาที่ได้แต่ยิ้มแห้งๆ อันที่จริงเธอไม่รู้เลยต่างหากว่าตัวเองชอบทำอะไร แต่ที่แน่ๆ...

...ไม่ใช่การเลี้ยงเด็กแสบอย่างแอนดี้แน่นอน

“แบบนี้ก็โอเคนะ แค่สีท้องฟ้าจริงๆ มันอ่อนกว่านี้นิดหน่อย” แทนไทว่า

“ยังดีที่มีม้านิลมังกรกับพญานาคอยู่ ไม่อย่างนั้นรูปนี้ต้องแย่แน่” แอนดี้ส่ายหน้าก่อนจะวิ่งไปเล่นกับเด็กคนอื่นที่สนามต่อ ในขณะที่แทนไทส่ายหน้าไปมาแล้วหัวเราะ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ถือสาสิ่งที่แอนดี้พูดเลย

“ปกติแอนดี้ก็เป็นอย่างนี้เหรอคะ” ณลิสาถามขึ้น

“ก็แบบนี้แหละครับ ดีนะครับ สดใสดี เป็นเด็กที่มีจินตนาการสูง ต้องมีหัวครีเอทิฟแน่” เขาว่าก่อนจะหันมาทางหญิงสาวแล้วพูดต่อ “เข้าใจเขาหน่อยนะครับ แอนดี้ไม่ใช่เด็กไม่ดีหรอก แค่ต้องรอให้คุ้นเคย เรื่องคำพูดที่ไม่เหมาะสมบางทีเราค่อยๆ อธิบายตอนที่สนิทกับเขาแล้วก็ได้”

ราวกับแทนไทรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่ไอ้การ ‘สนิท’ ที่ว่านี่เป็นสิ่งที่เธอนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อแค่พูดกันด้วยประโยคธรรมดาโดยไม่มีเรื่องละครพื้นบ้านเข้ามาเกี่ยวข้องยังทำได้ยาก บางทีแอนดี้ก็เหมือนกับเด็กซนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว บางครั้งก็เหมือนผีผู้ใหญ่กำลังสิงเขาอยู่

แต่จะเอาอะไรมาก...เธอมาที่นี่ยังไม่ทันถึงวันด้วยซ้ำ 

“ค่ะ ลิซสนิทกับคนง่าย” ณลิสาเสแสร้งยิ้มเพื่อให้แทนไทเลิกสนใจเรื่องนี้แล้ววาดรูปต่อไป ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบให้ใครมาสั่งสอน แต่ไม่อยากจะสร้างความสนิทกับเด็กชายที่กำลังกระโดดขาเดียวอยู่บนสนามหญ้ากับเพื่อนๆ วัยเดียวกัน ที่เธอต้องทำก็แค่ดูแลไม่ให้เขาก่อเรื่องยุ่งยากเท่านั้น

“ได้ยินคุณลิซพูดแบบนี้ก็สบายใจครับ เห็นว่าแอนดี้เปลี่ยนพี่เลี้ยงมาหลายคนแล้ว ผมกลัวว่าแอนดี้จะรู้สึกว่าตัวเองมีปัญหา” 

คำพูดของแทนไททำให้ณลิสารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนใจร้ายที่แอบด่าเด็กนั่นในใจตลอดเวลาตั้งแต่มาที่นี่ อีกอย่าง คนที่จะมีปัญหาน่าจะเป็นเธอมากกว่าแอนดี้ เมื่อมองไปยังเด็กชายที่กำลังหัวเราะร่วนอยู่กับเด็กวัยเดียวกันแล้วก็ถอนหายใจ บางทีเธอควรจะลองคิดว่าเด็กสังข์ทองนั่นเป็นน้องชายตัวเล็กที่น่ารักดู ถ้าเลี้ยงดีๆ เขาอาจจะน่ารักเหมือนกับอาทิตย์ก็ได้

“คุณแทนไทเลี้ยงอาทิตย์ยังไงให้เป็นเด็กน่ารักแบบนี้คะ” ณลิสาเอ่ยถาม

“ก็เลี้ยงปกติแหละครับ ผมเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว เลยไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกเท่าไหร่ เลยให้แกช่วยเหลือตัวเองมากกว่า เมื่อก่อนยังดีหน่อยที่พี่ชายของซันเขาช่วยเลี้ยงน้อง แต่ตอนนี้ทำงานแล้วต้องเดินทางบ่อย กลายเป็นว่าตอนนี้ซันดูแลผมมากกว่าผมดูแลเขาอีก” เขาว่า

“อ้อค่ะ” ณลิสาเข้าใจคำว่า ‘พ่อเลี้ยงเดี่ยว’ ดี นั่นหมายความว่าหนุ่มหล่อคนนี้เลิกรากับภรรยา หรือไม่อีกฝ่ายก็เสียชีวิตแล้ว เธอไม่ได้คิดจะถามต่อเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่สิ่งที่น่าสนใจคือเด็กชายที่ไม่มีมารดาคอยเลี้ยงดูอย่างอาทิตย์เติบโตมาได้ดีมากทีเดียว

“เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอกครับ แล้วแต่นิสัยของเขาด้วย อย่างซันเนี่ยเลี้ยงง่าย ส่วนพี่ชายของเขาตอนเด็กๆ น่ะซนจนบางทีผมกับแม่ของเขาเกือบจะยกให้คนอื่นเลี้ยงเลยครับ” ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมา แต่ก็ปรากฏรอยยิ้มที่ใบหน้าเมื่อนึกถึงลูกชายคนโตตอนยังเด็ก ส่วนณลิสาก็นึกถึงตัวเธอกับน้องสาว เดาว่าพ่อแม่ของเธอโชคดีมากที่เธอกับวันจันทร์ไม่ได้ดื้อขนาดที่จะยกให้คนอื่นเลี้ยง

“โชคดีนะคะที่ซันเป็นเด็กเลี้ยงง่าย” ณลิสายิ้มบางๆ หลังจากคุยกับแทนไทแล้วก็สรุปได้ว่าไม่มีวิธีการอะไรที่จะจัดการกับแอนดี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม เธอเลิกคิดเรื่องนี้ชั่วคราวแล้วมองไปรอบๆ ระหว่างที่รอคุณครูมาให้คะแนนรูปภาพ แทนไทบอกว่านี่เป็นกิจกรรมเสริมที่ใครเลือกจะมาหรือไม่มาก็ได้ แต่ผู้ปกครองเด็กส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือเพราะจัดขึ้นในวันหยุดพอดี 

“วันอาทิตย์ช่วงเช้าที่โบสถ์จะมีการสวดมนต์และร้องเพลงกัน บางครอบครัวก็จะพาเด็กๆ มาโบสถ์ในวันอาทิตย์ คุณลิซนับถือพุทธใช่ไหมครับ” แทนไทอธิบายก่อนจะถามต่อ

“ค่ะ”

“อ้อ เห็นว่าเมืองนี้มีวัดไทยอยู่สองที่นะครับ ถึงวันสำคัญทางพุทธศาสนาก็จะมีการจัดงาน ผมไม่เคยไป แต่พี่ศรีนวลเขาไปบ่อย ถ้าคุณลิซสนใจก็ลองถามพี่เขาดูนะครับ” 

พอแทนไทพูดอย่างนั้นณลิสาก็หัวเราะแห้งๆ ขนาดตอนอยู่ที่ไทยเธอยังไม่ค่อยได้เข้าวัดเลย มาอยู่ต่างประเทศแบบนี้คงไม่ได้ทำให้เธอใกล้ชิดพระพุทธศาสนามากขึ้นหรอก แค่ใช้ชีวิตไม่ให้ใครเดือดร้อนก็น่าจะพอแล้วสำหรับคนอย่างเธอ

“คุณแทนไทนับถือพุทธหรือเปล่าคะ” หญิงสาวว่า

“ผมเปลี่ยนศาสนาตอนแต่งงานกับแม่ของลูกสองคนนี่แหละครับ ตอนนี้เป็นคริสเตียน” เขาตอบเสียงเรียบ 

ณลิสาพยักหน้ารับรู้ เธอไม่คิดจะถามซอกแซกเรื่องเปลี่ยนศาสนา แต่ก็สงสัยอยู่นิดหน่อยว่าการแต่งงานเป็นเหตุผลหลักที่ต้องทำอย่างนั้นหรือเปล่า ต้องโทษความรู้เท่าหางอึ่งของเธอที่นอกจากงานที่ตัวเองทำแล้วก็ไม่รู้อะไรอีกเลย

“คนที่นี่นับถือศาสนากันหลากหลายครับ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแบปติสต์3 โบสถ์ที่เราอยู่ตอนนี้ก็เป็นโบสถ์แบปติสต์ครับ จะไม่มีรูปปั้นเหมือนคาทอลิก โบสถ์ที่ทำพิธีให้ตอนนั้นค่อนข้างซีเรียสน่ะครับ ก็เลยเปลี่ยนมานับถือศาสนาเดียวกับภรรยา” ชายหนุ่มอธิบายราวกับรู้ว่าคู่สนทนาสงสัยเรื่องอะไรอยู่ การเปลี่ยนศาสนาเพราะต้องการจะแต่งงานไม่ใช่เรื่องแปลก มีหลายคู่บนโลกใบนี้ที่เต็มใจทำแบบนั้น เพราะไม่ว่าศาสนาหรือความเชื่อใดก็ล้วนมีแนวทางให้ผู้ที่ศรัทธายึดมั่นในความดีทั้งนั้น

ณลิสาพยักหน้าหงึกๆ เธอจะจำและเรียนรู้เอาไว้...

หลังจากคุยกันอยู่ไม่นานคุณครูชาวแคนาดาก็เดินมาดูรูปวาดของเธอกับแทนไท สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ยินก็คือคุณครูชมว่าม้านิลมังกรของแอนดี้เป็นสัตว์ที่มหัศจรรย์ และคนวาดก็จินตนาการล้ำเลิศมาก ส่วนณลิสาได้แต่ยิ้มบางๆ เธออยากจะบอกคุณครูว่านี่ไม่ใช่จินตนาการของแอนดี้ เป็นของ ‘สุนทรภู่’ ต่างหาก แต่เธอกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้จักนี่สิ

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น