5

ช่วยชีวิต

5

ช่วยชีวิต

 

โฮมสเตย์สำเริงสำราญเป็นบ้านไม้โบราณหลังใหญ่ยกใต้ถุนสูง ตัวบ้านแบ่งเป็นสองฝั่งคือ ปีกซ้ายและปีกขวา ด้านที่หันไปทางทิศตะวันออกเป็นฝั่งห้องพักของนักท่องเที่ยว ส่วนอีกฝั่งคือที่พักอาศัยของเจ้าของ ตรงกลางบ้านเป็นโถงโล่งๆ ไม่มีหลังคา ใต้ถุนบ้านปูกระเบื้องเป็นที่นั่งพักผ่อน และมีโต๊ะรับประทานอาหาร นอกตัวบ้านต่อเติมเป็นครัวไทย 

เหมือนมาลีใช้เวลาร่วมเดือนกว่าจะจัดข้าวของและทำความสะอาดเสร็จ เพื่อกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหนึ่ง บ้านหลังนี้ใหญ่จนเหมือนมาลีคาดการณ์ได้ว่าอดีตคงจะเป็นที่พักอาศัยของครอบครัวใหญ่ แต่ครอบครัวใหญ่ครอบครัวนี้กลับไม่เหลือใครถึงขนาดที่ว่าสมบัติชิ้นตกทอดมาถึงมือเธอได้ ทั้งที่สายเลือดนั้นห่างกันมาก 

ซ้ำเธอยังไม่เคยเจอกับปู่แกแบบเป็นๆ มาก่อน นอกจากภาพถ่ายเพียงไม่กี่ใบในบ้านหลังนี้ 

คิดไปหัวใจหญิงสาวก็โหวงราวกับภายในกลวงไปหมด เธอกับปู่สำเริงไม่มีความทรงจำใดต่อกัน การที่เธอต้องมาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจได้ง่ายเลย เธอใช้เวลาอยู่นานกว่าจะชินกับมัน 

ซึ่งจริงๆ แล้วก็ต้องยอมรับว่าสภาพความเป็นอยู่ตอนนี้ ถ้าไม่นับเรื่องความไม่ชิน ก็ถือว่าดีกว่าเดิมมาก 

เธอเกิดในชุมชนแออัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และโตมาอย่างยากลำบาก อดมื้อกินมื้ออยู่กับบิดาที่ติดเหล้างอมแงม ส่วนมารดานั้นทิ้งเธอไปตั้งแต่ยังเล็กมาก พอบิดาเสียไปอีกคน เธอก็ไร้ญาติขาดมิตรอย่างสิ้นเชิง 

หากเธอรู้ว่าสายเลือดของเธอยังเชื่อมโยงกลับใครบางคนที่นี่ เธอคงไม่ต้องดิ้นรนไปหาความสุขกับเงินทองจนทำลายจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์ของตัวเอง 

“อรุณสวัสดิ์ครับ” 

เสียงที่ดังขึ้นขณะที่เหมือนมาลีเหม่อลอยนั้นทำเอาหญิงสาวสะดุ้งตัวโยน เธอวางมือจากมีดที่กำลังหั่นผักแล้วหันไปล้างมือ 

“คุณ ตื่นเช้าจังเลยนะคะ อาหารเช้ายังไม่เรียบร้อยเลย” 

“ไม่เป็นไรครับ ยังเช้าอยู่เลย ปกติผมทานมื้อเช้าตอนสายหน่อย”

“งั้นกาแฟกับปาท่องโก๋ร้อนๆ ค่ะ ซื้อมาจากตลาดเมื่อเช้า ของบ้านๆ แต่รสชาติใช้ได้เลยนะคะ” เหมือนมาลียกแก้วกาแฟกับจานปาท่องโก๋มาเสิร์ฟ “แรกๆ ฉันติดกาแฟสดมาก ต้องมาดื่มกาแฟโบราณแบบนี้ไม่ถูกปากเลย แต่ตอนนี้ชินแล้ว ราคาก็ถูกกว่าเยอะเลย ไปๆ มาๆ กลับไปดื่มกาแฟแบบเดิมไม่ได้แล้วละค่ะ”

ชนกันต์ซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะก่อนแล้วมองคนพูดตาไม่กะพริบ เหมือนมาลีเผลอประสานสายตากับเขาพอดี ทำเอาเธอชะงักงัน 

สาบานได้ว่าเธอไม่เคยหวั่นไหวกับผู้ชายคนไหนเหมือนที่เป็นกับผู้ชายคนนี้เลย ที่หล่อมากกว่านี้ รวยมากกว่านี้เธอก็เคยเจอมามากเมื่อครั้งทำงานเป็นนักข่าว แต่ไม่เคยมีใคร...ทำให้รู้สึกวูบวาบได้เพียงแค่สบตา 

“ทานด้วยกันสิครับ คุณ...อ้อ! ผมลืมไปเลยว่าผมยังไม่รู้จักชื่อคุณ” 

เหมือนมาลีพยายามระงับความประหม่าอันน่าอายแล้วบอกชื่อกับเขา 

“ฉันชื่อเหมือนมาลีค่ะ เรียกแยมเฉยๆ ก็ได้”

“ชื่อแปลกนะครับ มาลีแปลว่าดอกไม้ เหมือนมาลี แปลว่าอะไร”

“เหมือนดอกไม้มั้งคะ” เธอตอบพลางหย่อนตัวนั่งลงตรงข้าม ไม่กล้ามองตา เมื่อคืนที่กล้าคุยกับเขาได้เป็นวรรคเป็นเวรคงเพราะความมืดกระมัง เพราะแน่ใจว่าเขาจะไม่เห็นสีหน้าของเธอ 

มือเล็กหยิบกาน้ำร้อนมาเทใส่แก้วสำหรับชงชา พยายามจดจ่ออยู่กับสิ่งของตรงหน้า เพราะไม่อยากมองหน้าเขาให้ตัวเองเสียอาการอีก 

‘พอๆ เลิกคิดเลยเหมือนมาลี เดี๋ยวได้อกหักฟรีๆ แน่’

“เหมือนดอกไม้ งั้นแสดงว่าไม่ใช่ดอกไม้น่ะสิ”

“แหม...คุณพูดเหมือนคนอื่นๆ เลยค่ะ น่าเสียใจนะคะ แค่จะเป็นดอกไม้สักดอกยังได้แค่เหมือนเอง” 

ชนกันต์ยิ้ม เหมือนมาลีใจกระตุกวาบ 

บ้าจริงเชียว...

แค่เขายิ้มก็หวั่นไหวแล้วหรือเนี่ย ใจง่ายจริงเลย

“เรียกผมว่ากันต์ก็ได้นะครับ”

“เห็นแบบนี้แยมอยากเปลี่ยนชื่อใหม่ไปชื่อกันต์บ้างแล้วนะคะ จะได้เป็นกันและกัน” หญิงสาวชี้นิ้วมาที่ตัวเองก่อนวาดนิ้วไปที่เขา

ชนกันต์ปั้นยิ้มกลับไปแล้วยกกาแฟขึ้นดื่มอย่างไม่สนใจ รสชาติหวานจัดกลับไม่อาจลดความข่มปร่าในใจของเขาได้เลย 

ยิ่งเห็นว่าเหมือนมาลีมีความสุขมากเท่าไรก็ยิ่งเจ็บใจ เขาไม่เห็นว่าเธอจะเดือดร้อนกับสิ่งที่ทำตรงไหน เท่าที่เห็นก็ดูสุขสบายดี 

เหมือนมาลีเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบอะไรก็ทำเอาหน้าชาไปทั้งแถบ ถูกผู้ชายเมินอย่างชัดเจนเป็นรอบที่สองแล้ว 

‘ดูท่าจะไม่รุ่ง’ 

ขณะที่ความเงียบเข้าปกคลุม หลายวินาทีแห่งความอึดอัดนั้นชนกันต์เป็นคนพูดขึ้นก่อน 

“แถวนี้มีรถมอ’ไซค์ให้เช่าขับเที่ยวบ้างมั้ยครับ”

“มีค่ะ ไม่ต้องเช่าเลย ของเรามีบริการให้ฟรี แค่เติมน้ำมันก็พอ”

“คุณคิดค่าห้องราคานี้ รวมค่าเช่ามอเตอร์ไซค์อีก เอากำไรจากตรงไหนครับ” 

“ได้กำไรอยู่แล้วค่ะ ไม่มากอะไรแค่พออยู่พอกิน ไม่ต้องไปดิ้นรน บางครั้งความสุขในชีวิตของคนเราก็ไม่ใช่เงินเสมอไปนะคะ”

“ที่พูดนี่เพราะคิดแบบนั้นจริงๆ หรือเพราะพูดต่อหน้าลูกค้า...ครับ” ชนกันต์หลุดปาก เพราะทนความเสแสร้งของพวกชอบสร้างภาพไม่ไหว

หลังจากงานศพภควัตผ่านพ้นไป เขาตามสืบจนรู้ว่าเหมือนมาลีทำอะไรไว้บ้าง เธอรับเงินหลังบ้านเขียนข่าวอวยนักการเมือง ผลักดันตัวเองมาตลอดเพื่อตำแหน่งที่สูงขึ้น ยอมทำทุกอย่างเพื่อเงินที่มากขึ้น คนประเภทนี้ไม่เคยเสียสละอะไรเพื่อส่วนรวม คิดถึงแต่ประโยชน์ของตัวเอง จะมีความคิดดีๆ แบบนี้ได้จริงๆ หรือ...ไม่มีทาง

“จริงสิคะ ทำไมคุณกันต์ถึงมองว่าแยมโกหกล่ะคะ” เหมือนมาลีตอบ ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือไม่ เธอรู้สึกว่าน้ำเสียงของชนกันต์นั้นแฝงด้วยความเย้ยหยันแปลกๆ ราวกับว่าเขาไม่พอใจอะไรเธอ แต่จะไม่พอใจเรื่องอะไร เพิ่งเจอกันไม่กี่วัน 

เขาคงไม่ได้เจตนา... 

“ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ เพราะว่าผมเคยเจอแต่คนประเภทหิวเงิน ทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน ไม่สนใจว่าใครจะเป็นจะตายยังไง”

เหมือนมาลีนิ่งไป แววตาของเขาที่มองมานั้นคล้ายจะเขย่าตะกอนในใจเธอให้ฟุ้งขึ้นอีกครั้ง ดวงตาหญิงสาววูบไหวเมื่อสิ่งที่เธอพยายามลืมแจ่มชัดในความคิด 

“ฉันขอตัวก่อนนะคะ ถ้าคุณหิวก็ตักข้าวต้มกินได้เลย”

ร่างบางรีบลุกออกไปจากตรงนั้น ชนกันต์ที่เริ่มสติหลุดต้องกำหนดลมหายใจเข้าออกช้าๆ ไม่ให้ลุกตามไป เพราะอีกแค่นิดเดียวเขาคิดว่าเขาต้องสติหลุดพูดทุกอย่างออกมาแน่ๆ หากเช่นนั้นแผนการทุกอย่างคงพังไม่เป็นท่า 

ในจังหวะที่เขากำลังพยายามข่มใจอยู่นั้นสายหนึ่งก็โทร. เข้ามาพอดี 

“ว่าไงไอ้ณัฐ” 

ปลายสายคือผู้การณัฐพล ในระหว่างปฏิบัติภารกิจลับ ทุกคนในหน่วยจะไม่เรียกชื่อ ยศ และตำแหน่งกัน แม้ว่าผู้การซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยจะอายุมากกว่าเขาถึงสองรอบ ชนกันต์ก็เรียก ‘ไอ้’ ได้อย่างไม่กระดากปาก 

ความจริงสะใจเล็กน้อยด้วย 

“เอ่อ...” คนเรียกชินแล้ว แต่คนถูกเรียกกลับยังไม่ชินเสียที ต้องใช้เวลาพักหนึ่งกว่าจะปรับน้ำเสียงตัวเองได้ 

“ว่าไงวะ มีอะไรก็พูดมา”

“ไอ้กันต์ ฉันเห็นว่าแกพูดอะไรสักอย่างกับคุณเหมือนมาลี แล้วเขาหน้าเสียเดินออกไปเลย แกพูดอะไรฮะ” 

ชนกันต์ไม่ได้มาที่หมู่บ้านเนินมะปรางเพียงลำพัง แต่ทีมของเขาสองสามคนกระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ และไม่ว่าเขาจะทำอะไร ทุกอย่างอยู่ในสายตาของทีม 

“เปล่า”

“ตามแผนการที่วางเอาไว้ ภารกิจแรกของแกคือต้องตีสนิทกับเจ้าของโฮมสเตย์นะ ไม่ใช่ทำให้เขาไล่แกออกจากบ้าน”

ชนกันต์ทำหน้าเมื่อย 

“เป็นแก แกจะทนพูดดีกับยายนั่นได้หรือไงวะ” 

“แต่แกกำลังทำแผนเราพังรู้บ้างมั้ยเนี่ย เอางี้มั้ย ถ้าไม่ไหวก็ถอนตัว ฉันจะส่งคืนอื่นไปแทน” 

ชนกันต์กัดฟันกรอด สีหน้าเคร่งเครียด ต่อให้เป็นตายร้ายดีอย่างไร การถอนตัวจากภารกิจไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำ ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหน เขาก็จะไม่ล้มเลิกง่ายๆ นั่นเป็นปณิธานในการทำงานของเขา 

“ว่าไง ถ้าไม่ไหวก็รีบบอกลาที่นั่น แล้วออกมาตอนนี้เลย”

“ไม่! เอาเป็นว่าฉันจะพยายามให้มากกว่านี้ก็แล้วกัน” 

“ไม่ใช่แค่พยายาม แต่ต้องทำให้ได้”

“เออ รู้แล้วไม่ต้องย้ำเยอะ” เขากระแทกเสียงกลับไป 

“นี่ ไอ้กันต์ นี่การแสดง ไม่ต้องเนียนมากก็ได้นะ”

“สปิริตหน่อยสิวะไอ้ณัฐ แค่นี้นะ” 

ชนกันต์กดวางสาย ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขึง 

‘ให้มันได้อย่างนี้สิวะ’ 

 

นับวันยิ่งแปลก 

เหมือนมาลีสวมชุดมิดชิด พร้อมหมวกสานปีกว้าง พร้อมสำหรับการถอนวัชพืชที่แปลงผักสวนครัว แต่ขณะที่ถอนต้นหญ้าออกทีละต้นนั้นในหัวกลับยังคิดถึงหน้าของชนกันต์อย่างไม่อาจสลัดให้หลุดออกจากความคิดได้ 

จริงอยู่ว่าชนกันต์นั้นโดดเด่นด้วยรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลา แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจเธอได้ไม่ใช่สิ่งเหล่านี้เลย หากจะให้อธิบายว่าอะไรกันที่ทำให้เหมือนมาลีจิตใจจดจ่ออยู่กับเขา เธอก็บอกไม่ได้เหมือนกัน รู้แต่ว่ามีบางอย่างตรึงความสนใจเธอเอาไว้ 

อาจจะเป็นนัยน์ตาคู่นั้นที่เธอรู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

“คุณแยมคะ คุณแยมคะ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยลูกสาวฉันด้วยค่ะคุณแยม” 

เสียงร้องเรียกอันร้อนรนนั้นทำให้เหมือนมาลีหยุดคิดเรื่องของชนกันต์ทันทีแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อมองหาต้นเสียง เห็นว่านางน้อยวิ่งมาหาเธอพลางทำหน้าตาตื่น 

“มีอะไรจ๊ะน้า”

เหมือนมาลีถาม นางน้อยก็เอาแต่ร้องไห้ หญิงสาวจึงจับมือของนางแล้วบีบมือนั้นเบาๆ ให้คลายความกังวล นางน้อยเป็นเพื่อนบ้านซึ่งมีอาณาเขตที่ดินติดกัน ที่ดินของนางปู่สำเริงมีพื้นที่ประมาณสองไร่ครึ่ง นับว่ากว้างพอสมควร หากเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนบ้านก็ต้องยอมรับว่ายากที่จะเห็นหรือได้ยิน ตัวบ้านตั้งค่อนมาทางด้านหน้า ด้านหลังเป็นพื้นที่ทำสวน ปลูกผัก ผลไม้ เลี้ยงไก่ ดังนั้นที่นางน้อยวิ่งหน้าตื่นมาถึงบ้านเธอได้ก็คงเป็นเรื่องใหญ่มากทีเดียว 

“ลูกสาวฉัน มันเป็นอะไรไม่รู้คุณ อยู่ดีๆ ก็ชัก ฉันเรียกตั้งนานก็ไม่ได้สติ ตอนนี้นิ่งไปแล้วค่ะ”

“จริงเหรอ งั้นน้ารีบพาฉันไปดูเลย เร็วสิ”

นางน้อยไม่รอช้ารีบวิ่งนำไป เหมือนมาลีถอดถุงมือโยนทิ้งไปข้างทางแล้ววิ่งตามไปติดๆ 

เสียงโหวกเหวกโวยวายทำให้ชนกันต์ผุดลุกจากเก้าอี้ตามไปดู เห็นเหมือนมาลีวิ่งหน้าตื่นตามใครสักคนออกจากบ้านไป สัญชาตญาณทำให้เขารีบตามออกไปกระทั่งถึงบ้านหลังหนึ่ง สิ่งที่เห็นคือเหมือนมาลีกำลังปั๊มหัวใจให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง 

“ลูกแก้ว อย่าเป็นอะไรไปนะลูก” 

“ลูกแก้ว ลูกแก้ว!”

เหมือนมาลีน้ำตาร่วง กลัวว่าเด็กน้อยจะเสียชีวิต เธอเคยอบรมการช่วยชีวิตเบื้องต้นมาก่อน แม้จะตกใจแทบแย่ แต่หญิงสาวก็พยายามนึกถึงสิ่งที่เรียนมา เธอประสานมือทาบหน้าอกของเด็กหญิง แล้วกดลง

ชนกันต์เห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปนั่งลงข้างๆ หากว่าเหมือนมาลีปั๊มสัญญาณชีพขึ้นมาไม่ได้ ครบสองร้อยครั้งจะต้องเปลี่ยนคนช่วยปั๊มหัวใจ เพราะถ้าคนช่วยเหลือหมดแรงไปก่อน อาจจะมีผลต่อโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วย ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมโทร. แจ้งหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน

“สวัสดีครับแจ้งเหตุฉุกเฉิน เด็กอายุประมาณสิบสองปีหัวใจหยุดเต้น ตอนนี้ทำการปั๊มหัวใจ แต่ยังไม่ได้สติ ครับ บ้านเลขที่...” ชนกันต์รีบถามนางน้อยแล้วแจ้งที่อยู่ไป 

“หนึ่ง สอง สาม ร้อยสิบเอ็ด หนึ่ง สอง สาม ร้อยสิบสอง” เหมือนมาลีนับแล้วกดมือลงไปอย่างต่อเนื่องนับร้อยครั้ง ครั้งนี้เองที่เด็กหญิงรู้สึกตัวขึ้นในที่สุด “ฟื้นแล้ว” 

ชนกันต์เห็นดังนั้นก็รีบดึงตัวเหมือนมาลีออกมา เพราะเธอดูลนลานและสติเกือบจะหลุดเต็มที 

“คุณ ใจเย็นๆ”

“ฉันช่วยได้แล้ว ฉันช่วยได้แล้ว เอารถออก รีบพาไปส่งโรงพยาบาลเถอะ เร็วเข้า” 

“รถฉุกเฉินกำลังมา บนรถมีอุปกรณ์ช่วยชีวิต เรารอก่อนจะดีต่อคนป่วยมากกว่าพาไปเอง คุณขยับออกมาเถอะ อย่าร้องไห้ คุณทำดีแล้วคุณเหมือนมาลี คุณทำดีมากๆ” 

เหมือนมาลีนิ่งไปเมื่อมือหนาวางลงบนแก้มทั้งสองข้าง บังคับใบหน้าเธอหันไปมองหน้าเขา ดวงตาสีนิลมองสบมาทำให้เธอนิ่งลงได้อย่างอัศจรรย์ 

เหมือนมาลีค่อยๆ หายใจช้าลงจนเป็นจังหวะปกติในที่สุด 

“คุณทำดีแล้ว”

เหมือนมาลีสงบสติอารมณ์ได้ในตอนนั้น พร้อมกับเสียงรถฉุกเฉินวิ่งมาจอดหน้าบ้าน ทีมแพทย์พร้อมอุปกรณ์ตรงเข้ามานำร่างเด็กหญิงขึ้นรถฉุกเฉินไป นางน้อยยังร้องไห้ไม่หยุดกระทั่งขึ้นรถไปกับทีมแพทย์ 

เหมือนมาลีหัวใจเต้นรัว น้ำตาร่วงอีกระลอก มือไม้สั่นเทา ไม่กี่ครั้งที่ชีวิตเธอได้เข้าใกล้ความเป็นความตายขนาดนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นนักข่าวสายอาชญากรรม ทว่าทุกครั้งที่เธอเข้าในที่เกิดเหตุ ทุกอย่างคืองาน เธอไปเพื่อทำงานของตัวเองให้เสร็จเพียงเท่านั้น 

ภาพความทรงจำตอนเกิดเหตุคนร้ายปล้นธนาคารครั้งก่อนหวนกลับมา ทำนบน้ำตาเธอก็ร่วงอย่างไม่อาจกลั้นเอาไว้ได้ 

ประตูรถฉุกเฉินปิดลง เหมือนมาลียืนมองกระทั่งรถวิ่งห่างออกไปจนลับตา 

ชนกันต์มองเหมือนมาลีด้วยความรู้สึกอันแสนยากจะบรรยาย หากไม่ใช่เพราะเขารู้จักเธอดี เขาคงจะเชื่อว่าเหมือนมาลีเป็นคนดี แต่เพราะเขารู้ การที่เห็นเธอช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่งไว้ได้ จึงเป็นคนละส่วนกับที่เธอทำให้เพื่อนรักของเขาต้องตาย

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น