9

ดั่งนรกชัง...หรือสวรรค์แกล้ง?


ดั่งนรกชัง...หรือสวรรค์แกล้ง?
รถยนต์สีดำมันปลาบค่อยๆ แล่นมาจอดรอตรงหน้ามุขของบ้านรติรักษ์ จังหวะเดียวกันนั้นธนนท์กำลังแสร้งประคองสาวคนรักของเขาออกมาจากห้องโถง ต่างฝ่ายต่างกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่เพิ่งร่วมมือกันโกหก เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าณจันทร์ไม่ได้มีความผิดปกติใดๆ เกี่ยวกับมดลูก
เมื่อรามิลเปิดประตูลงมาจากรถยนต์คันหรู คนถูกเพื่อนยัดเยียดให้เป็นช็อกโกแลตซีสต์จึงเริ่มใจคอไม่ดี ในขณะที่ธนนท์เองก็เกร็งจนมือทั้งสองข้างเย็นเฉียบ
“ไปสิ ขึ้นรถ” รามิลเห็นเด็กๆ ยังเอาแต่ยืนนิ่งจึงพยักพเยิดบอกให้หลานชายพาแฟนไปนั่งเบาะหลัง สีหน้าราบเรียบเช่นเดียวกับน้ำเสียง
“เอ่อ...จริงๆ แล้วลุงมิลไม่ต้องลำบากก็ได้นะครับ” เกย์หนุ่มพยายามเปลี่ยนความตั้งใจของอีกฝ่าย เพราะรู้ดีว่าการไปตรวจที่โรงพยาบาลจริงๆ คือความเสี่ยง “เย็นๆ แบบนี้รถติด เมื่อเช้าลุงมิลบอกว่ากำลังดูแผนธุรกิจที่มีคนอยากให้เราร่วมทุนไม่ใช่เหรอครับ ถ้าต้องพาเกี่ยวก้อยไปหาหมอจะเสียเวลาลุงมิลเปล่าๆ”
“จริงด้วยค่ะ ก้อยไปกับนนท์เองก็ได้” หญิงสาวรีบปั้นหน้าเกรงใจ แต่ก็ไม่ลืมที่จะทำตัวงอพลางเอามือกุมท้องน้อยไว้ตลอดเพื่อความสมจริง
“เจ็บป่วยเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องงานเอาไว้ทีหลังเถอะ” รามิลมั่นใจว่าเขาจัดลำดับความสำคัญของงานในมือได้ “ขึ้นรถ”
“เอ่อ...” ณจันทร์หน้าเสีย เร่งคิดหาทางออกอื่นๆ มาเปลี่ยนใจเขา จนในที่สุดก็โพล่งออกไป “ก้อยมีหมอประจำตัวค่ะ”
รามิลเลิกคิ้วน้อยๆ คล้ายกำลังตั้งคำถามว่า...แล้วไง?
“ก็...หมอของก้อยอยู่โรงพยาบาลกลางเมือง กว่าจะฝ่ารถติดไปถึงก็น่าจะนาน” หญิงสาวพอจะรู้ว่าย่านนี้มีโรงพยาบาลเอกชนตั้งอยู่ เขาอาจคิดว่าฝ่ารถติดไม่เท่าไรก็ถึง เพราะฉะนั้นการอ้างว่ามีหมอประจำตัวอยู่โรงพยาบาลไกลๆ บ้านน่าจะเป็นทางออกที่ดี
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาครับ ห่วงก็แต่คุณจะต้องตัดมดลูกทิ้งเพราะมัวแต่ยืนคุยกันตรงนี้มากกว่า”
ณจันทร์ถึงกับอ้าปากค้าง ไม่อาจงัดข้ออ้างใดๆ มาทัดทาน และไม่อาจแน่ใจด้วยว่าเขาเป็นห่วงสุขภาพมดลูกของหล่อนจริงๆ หรือสาแก่ใจกันแน่ เพราะดวงตาคมๆ คู่นั้นมีประกายเร้นลับชอบกล แต่เมื่อไม่อาจเปลี่ยนใจรามิลได้ง่ายๆ ธนนท์จึงค่อยๆ ประคองร่างบางลงบันไดมาด้วยกัน
เจ้าของรถอำนวยความสะดวกด้วยการเปิดประตูหลังให้ แต่ยังไม่ทันที่ณจันทร์จะเข้าไปนั่ง เสียงรถยนต์อีกคันหนึ่งก็แว่วมากระทบโสต
แม้ยังไม่รู้ว่ารถของใคร แต่อย่างน้อยๆ การมีแขกมาบ้านรติรักษ์ในเวลานี้อาจช่วยให้รามิลล้มเลิกความตั้งใจจะพาหล่อนไปส่งโรงพยาบาลได้
ณจันทร์เริ่มยิ้มออกเล็กน้อย ผิดกับธนนท์ที่เพียงแค่เห็นรถเบนซ์คันโก้กำลังค่อยๆ แล่นมาจอดต่อท้ายรถของรามิล เขาก็รู้สึกเหมือนหายนะกำลังคืบคลานมาใกล้
เมื่อชายคนขับลงไปเปิดประตูให้ผู้ที่นั่งอยู่เบาะหลัง หญิงวัยกลางคนในชุดผ้าไหมสีครีมก็ค่อยๆ ก้าวลงมา ใบหน้าแน่นด้วยเครื่องสำอาง ส่วนทรงผมรวบเป็นมวยเนี้ยบกริบให้อารมณ์แบบผู้ลากมากดีในสายตาณจันทร์ แต่ไม่มีเวลาได้มองสำรวจนานนัก หญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ ในชุดกระโปรงสีชมพูหวานก็ก้าวตามลงมาติดๆ และโครงหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับคนแรกพอจะช่วยให้เดาได้เลาๆ ว่าเป็นคู่แม่ลูก
“พี่บุศ” รามิลยิ้มทักทายเล็กน้อยตามมารยาท ก่อนจะยกมือไหว้หญิงวัยกลางคนที่เพิ่งมาถึง บ่งบอกให้รู้ถึงระดับความสำคัญของผู้มาเยือน
ณจันทร์หันไปมองเกย์หนุ่มเพื่อนซี้ที่กำลังทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างสุภาพ และไม่ลังเลที่จะทำตาม
“สวัสดีจ้ะ” หญิงวัยกลางคนรับไหว้ทุกคนอย่างยิ้มแย้ม ส่วนทางลูกสาวที่ตามมาติดๆ ก็ไม่ลืมไหว้รามิลกับหลานชายของเขาเช่นกัน “กำลังจะไปไหนกันหรือจ๊ะ”
“พาเพื่อนตานนท์ไปโรงพยาบาลน่ะครับ” รามิลพยักพเยิดไปทางคนแกล้งปวดท้อง ไม่ได้ลงรายละเอียดในเชิงลึกว่าเป็นคนรักของหลานชาย เพราะมองว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเท่าไร
“ตายจริง!” หญิงวัยกลางคนอุทานเบาๆ แล้วหันไปหาณจันทร์ด้วยท่าทางประหนึ่งว่าห่วงใย “ปวดท้อง เป็นอะไรมากหรือเปล่าจ๊ะหนู”
“นิดหน่อยค่ะ”
“ถ้านิดหน่อยจริงๆ จะต้องไปโรงพยาบาลด้วยหรือ กินยาธาตุสักประเดี๋ยวก็น่าจะดีขึ้น”
“เกี่ยวก้อยมีปัญหาเกี่ยวกับระบบภายในน่ะครับ คุณป้า” ธนนท์อธิบายเพิ่มประหนึ่งวิญญาณคนรักที่ดีเข้าสิง เพราะไม่อยากให้รามิลสังเกตเห็นพิรุธ
“แล้วต้องไปกันสามคนเลยหรือจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนเลิกคิ้ว ก่อนจะถอนหายใจนิดๆ ยามบุ้ยใบ้ไปทางลูกสาวที่ยืนเยื้องอยู่ใกล้ๆ ทางด้านหลัง “เสียดายจริงเชียว...น้องพลอยอุตส่าห์ตั้งใจทำขนมมาฝากพี่นนท์”
ชื่อของพลอยใสทำให้ณจันทร์รู้ทันทีว่าการมาเยือนของคนทั้งสองอาจไม่น่ายินดีดังเช่นที่คาด
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ พี่เกี่ยวก้อยเป็นเพื่อนพี่นนท์นี่คะ” พลอยใสมีสีหน้าเกรงใจยามเหลือบมองคนปวดท้อง “ส่วนขนมพวกนี้เดี๋ยวฝากไว้ที่บ้านก็ได้ค่ะ พี่นนท์กลับมาเมื่อไรค่อยชิม”
“แต่ลูกพลอยอุตส่าห์ทำตั้งหลายชั่วโมง...” บุศรามองกระเช้าขนมในมือลูกสาวอย่างแสนเสียดาย
“ผมว่าเอาอย่างนี้ดีไหมครับ” รามิลคิดหาทางออกให้ทุกฝ่าย “ไหนๆ น้องพลอยก็อุตส่าห์ตั้งใจทำมาฝากตานนท์ ให้ตานนท์อยู่ดูแลน้องที่นี่ ส่วนคุณเกี่ยวก้อย...เดี๋ยวลุงพาไปหาหมอเอง”
เขาหันไปพูดประโยคหลังกับคู่รักกำมะลอ คนทั้งสองมีสีหน้าอึ้งๆ โดยเฉพาะธนนท์นั้นถึงขั้นเผยอปากเตรียมจะปฏิเสธ
“แต่ว่า...”
“อย่าให้น้องต้องเสียน้ำใจเลยนะจ๊ะ” บุศราเป็นฝ่ายขัด ใบหน้าฉาบไว้ด้วยรอยยิ้ม ทว่าดวงตาบอกชัดว่าไม่ต้องการคำปฏิเสธ และถ้าเขาปฏิเสธจริงๆ คนที่ลำบากใจคงไม่พ้น...คุณย่า
“ก็ได้ครับ” ธนนท์จำต้องรับคำในที่สุด เล่นเอาคนแกล้งปวดท้องถึงกับมีสีหน้าเหลอหลา “เกี่ยวก้อยไปโรงพยาบาลกับลุงมิลนะครับ ไว้นนท์จะโทร. หา”
หญิงสาวได้แต่ประท้วงทางสายตา ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มน้อยๆ เป็นนัยว่า...เชื่อมือ! แล้วหันไปผายมือเชิญสองแม่ลูก
“เข้าไปข้างในก่อนดีกว่าครับ คุณย่าน่าจะดีใจที่คุณป้ากับน้องพลอยแวะมาเยี่ยม”
“ไปจ้ะลูกพลอย” บุศราหันไปพยักหน้าชักชวนบุตรสาว ก่อนจะพากันขึ้นบันไดหน้ามุขไปในห้องโถง ทิ้งให้คนแกล้งปวดท้องได้แต่หน้าเสีย เพราะไม่อยากเชื่อเลยว่าธนนท์จะทิ้งหล่อนให้รับมือกับมนุษย์ลุงเพียงลำพังได้ลงคอจริงๆ
ทันใดนั้นเสียงปิดประตูรถเบาๆ ก็ทำเอาณจันทร์สะดุ้ง หันกลับไปหาชายหนุ่มที่เพิ่งขยับตัวจากประตูหลังมาเปิดประตูข้างเบาะคนขับให้แทน
“คุณนั่งข้างหน้าดีกว่า เผื่อเป็นอะไรขึ้นมากลางทาง ผมจะได้ช่วยเหลือทัน” รามิลยิ้มน้อยๆ ในเชิงเอื้อเฟื้อ ผิดกับหญิงสาวที่ยิ้มไม่ออกสักนิด และไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่าเดินหน้าซีดเข้าไปนั่งในรถอย่างไม่ต้องเสแสร้งด้วย
นนท์นะนนท์...คนทรยศ!
หญิงสาวแอบค่อนขอดในใจพร้อมกับที่รามิลปิดประตูรถให้ และเมื่อเขาเดินอ้อมมานั่งประจำตำแหน่งคนขับ ใบหน้าหล่อเหลาที่หันมามองหล่อนด้วยแววตาคล้ายจะยิ้มได้นั้นก็ชวนให้รู้สึกราวกับนั่งอยู่ใกล้ๆ เงามืดของราหูไม่มีผิด!
ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์แกล้ง...ณจันทร์ถึงต้องมานั่งอยู่บนรถของมนุษย์ลุงขี้เก๊กในสถานะแฟนหลานชายเขาแบบนี้ แม้รามิลจะไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ว่าจำได้ เพราะอาจคาดไม่ถึงว่าสาวนุ่งสั้นในคืนนั้นจะกลับกลายเป็นแม่ชี แต่สายตาแปลกๆ ของเขาก็ทำให้คนมีชนักติดหลังระแวงระวังตัว
“ตรวจเจอมานานหรือยังครับ”
จู่ๆ เขาก็ชวนคุยระหว่างทาง เล่นเอาคนโกหกเอาไว้หลายเรื่องถึงกับกะพริบตาปริบๆ เพราะคิดตามไม่ทันแล้วว่ารามิลหมายถึงเรื่องอะไร
“ที่ว่าเป็นช็อกโกแลตซีสต์?”
“อ๋อ...” ณจันทร์หัวเราะน้อยๆ แก้เก้อ พยายามปั้นหน้าเจ็บปวดพลางเอามือลูบท้องไปด้วย “ก็...ไม่นานเท่าไรหรอกค่ะ ว่าแต่ลุงมิลรู้จักช็อกโกแลตซีสต์ด้วยเหรอคะ”
“คุณแม่ผมเคยเป็นน่ะครับ เมื่อปีก่อนนี้เอง”
มิน่าเล่า...ธนนท์ถึงได้โมเมให้หล่อนเป็นโรคนี้ขึ้นมา ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะสนใจเรื่องสุขภาพภายในของผู้หญิง เพราะต่อให้มีหัวใจเป็นหญิง แต่ก็ไม่ได้มีมดลูกจริงๆ เสียหน่อย
“คุณเกี่ยวก้อยคงอาการไม่รุนแรง หมอถึงให้ยามากินก่อน” รามิลหันมาชวนคุยยิ้มๆ คล้ายอยากให้ผ่อนคลาย ทว่าการตกอยู่ในสายตาเขาบางจังหวะกลับทำให้หายใจติดขัดมากกว่า และหล่อนก็ไม่กล้าออกความเห็นอะไรมากด้วย
เขารู้ลึกรู้จริงขนาดนี้ พูดมั่วๆ อาจโป๊ะแตกตั้งแต่ยังไม่ต้องเจอหน้าหมอด้วยซ้ำ
ทำอย่างไรดีนะ...
หญิงสาวสอดส่ายสายตามองรถราด้านนอก การจราจรที่ค่อนข้างติดขัดพอจะช่วยถ่วงเวลาคิดหาทางเอาตัวรอดได้บ้าง ในที่สุดแผนการบางอย่างจึงค่อยๆ เดินทางมาสู่สมอง
“จะว่าไป...ตอนนี้ก้อยเหมือนจะดีขึ้นแล้วเลยค่ะ” ณจันทร์หันไปปดดื้อๆ ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายมองมาด้วยแววตาเหลือเชื่อ
แหงละ! เมื่อสักพักยังปวดจะเป็นจะตาย มาตอนนี้หายง่ายๆ ย่อมน่าสงสัยอยู่แล้ว
“สงสัยยาเพิ่งออกฤทธิ์แน่ๆ” หล่อนยิ้มน้อยๆ ยามหาเหตุผลมารองรับเพิ่ม แต่ถึงอย่างนั้นรามิลกลับยังไม่หายคาใจอยู่ดี
“กินยาไปตอนไหนเหรอครับ”
ณจันทร์ได้แต่นั่งยิ้มค้าง เพราะลืมคำนึงถึงจุดนี้ไปเสียสนิท แต่ไม่นานนักสมองที่คิดพลอตนิยายบ่อยๆ ของหล่อนก็ดลบันดาลไอเดียหนึ่งเข้ามา
“ตอนที่...นนท์พาออกมาจากห้องไงคะ”
แม้จะเป็นไอเดียที่ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไรนัก เพราะตรงทางเดินไม่มีน้ำดื่ม ทว่าหากไม่ใช่ตรงนั้นก็คงไม่มีตรงอื่นให้หล่อนได้แวะกินยาอีก
“ก้อยเป็นคนกินยาง่ายมากๆ น่ะค่ะ เอาใส่ปากปุ๊บกลืนลงคอปั๊บเลย”
“ยาหรือขนมครับ” รามิลหลุดขำ ไม่อยากเชื่อว่าหล่อนจะกินยาง่ายดายเพียงนั้น
“จริงๆ นะคะ” หญิงสาวปั้นหน้าจริงจัง เพราะมั่นใจว่าเขาคงไม่อุตริท้าพิสูจน์ด้วยการขอให้กินยาให้ดูเป็นแน่ “ถ้าคราวหลังปวดอีก ก้อยจะหยิบกินให้ดูต่อหน้าเลยค่ะ”
“ตกลงว่าคุณไม่ปวดแล้ว?”
“ค่ะ” ณจันทร์พยักหน้าหงึกๆ พร้อมยิ้มระรื่น ดวงตาแป๋วๆ มองสบตาเขาเพื่อจะได้ดูไม่มีพิรุธ แต่พอเห็นนัยน์ตาวิบวับที่คล้ายๆ จะรู้ทันของชายหนุ่มนานเข้าก็อดหลบสายตาไปทางถนนด้านหน้าไม่ได้ “ถ้ายังไงลุงมิลจอดส่งก้อยตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปส่งที่บ้านได้” เป็นความเอื้อเฟื้อที่ทำเอาณจันทร์ได้แต่หันกลับไปมองเขาอีกครั้งอย่างเหนือความคาดหมาย
“มันไกลมากนะคะ ก้อยเกรงใจ”
“แต่ผมคงไม่สบายใจที่จะทิ้งคุณไว้ข้างทาง” ชายหนุ่มหันมายิ้มพราย ผิดกับหญิงสาวที่อยากบ้าตายให้รู้แล้วรู้รอด
สุภาพบุรุษอะไรเบอร์นี้!
ไม่สิ...สุภาพบุรุษจริงๆ คงไม่แอบจับนมหล่อนคืนนั้น เขาคงกำลังสร้างภาพเป็นคนดีต่อหน้าแฟนหลานชายมากกว่า
“คือ...ก้อยว่าจะทำธุระต่อด้วยน่ะค่ะ” หญิงสาวพยายามปั้นหน้าให้ดูเจี๋ยมเจี้ยมที่สุด เพราะไม่อยากอยู่กับเฒ่าหัวงูตามลำพังนานๆ และคนกำลังสร้างภาพเป็นสุภาพบุรุษอย่างเขาคงไม่ละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของสตรีมากนัก
“คุณเพิ่งหายปวดท้องไม่ใช่เหรอครับ”
แล้วไง?
“ถ้าไม่ใช่ธุระสำคัญจริงๆ ผมว่ากลับไปพักที่บ้านก่อนดีไหม”
“สำคัญค่ะ!” หล่อนรีบร้อนยืนยันจนชายหนุ่มอึ้ง และสายตาที่เหมือนกำลังจับพิรุธของเขาก็ทำให้คนโกหกต้องรีบหัวเราะกลบเกลื่อน “คือ...ก้อยจำได้ว่าข้างหน้ามีห้าง เลยอยากแวะซื้อของใช้จำเป็นน่ะค่ะ เอาเป็นว่าลุงมิลส่งก้อยแค่ที่ห้างข้างหน้านี่แหละ...เนอะ!”
นี่หล่อนยิ้มหวานพอหรือยังนะ... สาวแสนกะล่อนได้แต่แอบถามตัวเองในใจ เพราะปกติแล้วยิ้มหวานๆ แบบนี้มักใช้ได้ดีกับพวกหนุ่มๆ เสมอ
“ครับ” เขาตอบรับง่ายๆ พลางเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนเลนแล่นเข้าห้างสรรพสินค้า
หญิงสาวที่นั่งหายใจไม่ทั่วท้องมานานแทบอยากจะยกกำปั้นขึ้นเหมือนนักกีฬาเวลาได้ชัยชนะ แล้วร้องตะโกนดังๆ ว่า...เยส! แต่หล่อนก็ยังมีสติมากพอที่จะยิ้มเจี๋ยมเจี้ยม
ปลอม...ปลอมมาก
ประกายตาขบขันของเขาคล้ายๆ จะบอกอย่างนั้น แต่คนมั่นใจในตัวเองอย่างณจันทร์มีหรือจะหวั่น เพราะอีกไม่นานหล่อนก็จะรอดพ้นจากเงามืดของราหูแล้ว
รถยนต์สีดำมันปลาบแล่นเข้ามาในอาคารจอดรถด้านหลังห้างสรรพสินค้า แต่แทนที่จะจอดส่งหญิงสาวลงตรงหน้าประตูทางเข้า รามิลกลับเลี้ยวขึ้นไปยังชั้นบนต่อ ดวงตาคมสอดส่ายสายตามองรอบๆ ราวกับจะหาที่ว่างสำหรับจอดรถ หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ จึงชักสังหรณ์ใจไม่ดี แต่ไม่ทันได้เอ่ยถามอะไร รามิลก็เห็นที่ว่างใกล้ๆ ประตูเข้าห้างสรรพสินค้า และไม่รอช้าที่จะค่อยๆ ตั้งลำเพื่อถอยรถเข้าซอง
“ลุงมิลจอดรถทำไมเหรอคะ” ณจันทร์ถามด้วยสีหน้าเหลอหลา ทว่าชายหนุ่มกลับหันมามองหน้าเหมือนถามอะไรที่ไม่ควรถาม
“ก็คุณจะแวะซื้อของไม่ใช่เหรอ”
หญิงสาวถึงกับอ้าปากค้าง ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ อย่างไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาอย่างไร เพราะเขาไม่ได้สนิทสนมกับหล่อนถึงขั้นที่จะมานั่งรอเสียหน่อย แต่การที่รามิลดับเครื่องยนต์ก็ราวกับจะเป็นเครื่องยืนยันชัดเจน
“เชิญครับ” ชายหนุ่มหันมายิ้มน้อยๆ แล้วนำลงจากรถไปก่อน
คนอยากหลบฉากให้พ้นๆ ไม่รอช้าที่จะตามลงไปทันที เมื่อปิดประตูรถเรียบร้อย ร่างบางในชุดกระโปรงสุภาพเหมือนสาวยุค 2500 จึงรีบตรงไปหาคนตัวโตที่กำลังยืนรอ
“ลุงมิล...หมายความว่าไงคะ”
“คุณเพิ่งหายปวดท้องใหม่ๆ ไม่ควรถือของหนัก ผมช่วย” รามิลยิ้ม ผิดกับหญิงสาวที่รู้สึกเหมือนไม้หน้าสามฟาดลงตรงกลางศีรษะอย่างแรง!
พระเอกไปอีก...
“โหย...” หล่อนหัวเราะน้อยๆ พยายามเรียกสติมารับมือกับคนหวังดี “ถึงขั้นจะช่วยถือของเลย เกรงใจแย่ค่ะ ก้อยเป็นคนเลือกของนานด้วย”
“คุณเกี่ยวก้อยตามสบายเลยครับ เย็นนี้ผมว่าง”
“แต่...” ณจันทร์อึกอัก ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะมีน้ำใจกับคนเพิ่งรู้จักเบอร์นี้ ตาลุงนี่ชักจะสร้างภาพเก่งไปแล้ว “นนท์บอกว่าลุงมิลมีงานต้องทำไม่ใช่เหรอคะ”
“ผมรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร และที่สำคัญ...ตานนท์อุตส่าห์วางใจฝากให้ผมช่วยมาส่งคุณแทนเขา ถ้าผมไม่ส่งคุณถึงบ้านอย่างปลอดภัย แล้วเกิดคุณเป็นอะไรขึ้นมา ตานนท์จะว่าผมเอาได้”
ราวกับเงาของราหูกำลังปกคลุมโลกทั้งใบของหล่อนจนมืดสนิท! แต่ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มเอื้อเฟื้อของเขาก็ทำให้หล่อนจำต้องยิ้มรับประหนึ่งกำลังซาบซึ้ง ก่อนจะเดินนำไปยังประตูห้างสรรพสินค้า โดยมีมนุษย์ลุงร่างสูงก้าวตามหลังมาติดๆ
เจ้ากรรมนายเวรชัดๆ!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น