10
เจ้ากรรมนายเวร
เจ้ากรรมนายเวร
พนักงานเปิดประตูกระจกใสต้อนรับคู่หนุ่มสาวที่มาใช้บริการห้างสรรพสินค้า ณจันทร์ค่อยๆ เดินนำรามิลเข้ามา ประกายตาวูบไหวอย่างคิดไม่ตกว่าจะเดินไปแผนกไหนต่อ เพราะของใช้จำเป็นต่างๆ ก็ยังมีตุนอยู่ในห้อง ส่วนของฟุ่มเฟือยนั้นตัดทิ้งไปได้เลย ช่วงนี้โปรแกรมชอปปิงไม่เคยวนเวียนมาในสมองหล่อน
ใช่ว่าเป็นคนพอเพียง...แต่เงินในกระเป๋ามันไม่เพียงพอ!
เมื่อคิดอะไรไม่ออก หญิงสาวก็ตัดสินใจตรงไปยืนรอลิฟต์ในพื้นที่ใกล้ๆ ทางเข้าห้าง ก่อนจะหันไปยิ้มให้เจ้ากรรมนายเวรหนุ่มหล่อที่เสนอตัวตามมาช่วยถือของ เพราะไม่อยากให้เขาระแคะระคายใดๆ
รามิลยิ้มตอบเล็กน้อย เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูลิฟต์เปิดออกกว้าง ณจันทร์จึงนำเข้าไปกดเลือกชั้นใต้ดิน เพราะถ้าจำไม่ผิด...กระเป๋าสตางค์หล่อนตอนนี้น่าจะมีเงินติดอยู่ไม่ถึงห้าร้อย ของใช้เล็กๆ น้อยๆ ในซูเปอร์มาร์เกตจึงเป็นทางออกที่เข้าท่าสุดๆ ส่วนเงินสามหมื่นที่ธนนท์เพิ่งโอนเข้าบัญชีมาเป็นค่าจ้าง หล่อนยังต้องเก็บไว้ชำระค่าเช่าห้อง ค่าส่วนกลาง และค่าน้ำค่าไฟอีก
ยอดโหลดอีบุ๊กเรื่องล่าสุดไม่พุ่ง เดือนนี้หล่อนจะใช้เงินมือเติบไม่ได้
เมื่อลิฟต์เคลื่อนลงมาได้หนึ่งชั้น เสียงเตือนในลิฟต์ก็พลันดังขึ้น บ่งบอกให้รู้เลาๆ ว่ามีคนกดเรียกลิฟต์จากด้านนอก
ทันทีที่ประตูเปิดออก ลูกค้ากว่าสิบคนที่ยืนรออยู่ก็ทำให้ณจันทร์กับรามิลต้องขยับเข้าไปชิดผนังลิฟต์ด้านในตามมารยาท แต่ดูเหมือนคนมาทีหลังจะไม่ค่อยมีมารยาท แม้ลิฟต์จะเต็มแน่นจนแทบไม่มีที่ยืนแล้ว ผู้หญิงคนสุดท้ายที่ถือข้าวของพะรุงพะรังอยู่นั้นก็ยังพยายามแทรกตัวเข้ามาจนเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ยืนอยู่ข้างหน้าณจันทร์เผลอถอยมาชน
“อุ๊ย!”
“ขอโทษครับ”
เสียงหนุ่มวัยรุ่นที่หันมาหาไม่ได้อยู่ในความสนใจของณจันทร์เท่าไรนัก เพราะสติของหล่อนแทบจะกระเจิงไปตั้งแต่ที่เซล้มมาชนอกรามิล
หอมจัง...เป็นความรู้สึกแรกที่ลอยเข้ามาในสมอง ก่อนจะรู้สึกได้อีกอย่างหนึ่งว่าจังหวะนรกเมื่อครู่ทำให้มือเขาแตะประคองเอวหล่อน
แม้จะแตะเอาไว้เฉยๆ แต่กลับทำให้ร้อนๆ หนาวๆ ชอบกล
ณจันทร์ค่อยๆ เงยหน้ามองคนตัวโต คิดว่าควรจะขอโทษหรือไม่ก็ขอบคุณเขา แต่ดวงตาคมๆ ที่มองหล่อนอยู่นั้นก็คล้ายมีมนตร์สะกดที่ทำให้พูดไม่ออก ส่วนหนึ่งอาจเพราะร่างกายที่แนบชิดกันในเวลานี้ แล้วไหนจะหนุ่มวัยรุ่นข้างหลังหล่อนที่พยายามถอยร่นมาเบียดอีกครั้งเพื่อให้ประตูลิฟต์ปิดลงได้ มือใหญ่เทอะทะที่แตะเอวหล่อนอยู่ในคราแรกจึงขยับไปโอบด้านหลังเพื่อกันไม่ให้ถอยมาชิดเกินไป
แน่ละ...มันกลับกลายเป็นว่าใบหน้าหล่อนแทบจะชนชิดกับแผงอกเขาแทน
กว่าประตูลิฟต์จะปิดลงได้ก็เล่นเอาอึดอัดกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะหญิงสาวที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกกอด...ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วรามิลก็แค่ป้องกันหล่อนจากคนแปลกหน้า
ณจันทร์ได้แต่ยืนก้มหน้านิ่ง หวังจะไล่ความอึดอัดตื่นเกร็งออกไปได้ ทว่ากลิ่นหอมอ่อนๆ จากแผงอกเขาที่ลอยมากระทบปลายจมูกนั้นกลับทำให้ลมหายใจปั่นป่วนไปหมด
มันเป็นกลิ่นหอมสะอาดที่ปะปนมาพร้อมกับฟีโรโมนของบุรุษเพศ หอม...หอมจนอยากให้คนข้างหน้าเบียดมาอีก
บ้า...ทำไมเป็นคนแบบนี้นะเกี่ยวก้อย
หญิงสาวพยายามไล่ความคิดเลอะเทอะ ปลอบโยนตัวเองว่าไม่ได้หื่น แต่แค่แตกตื่นกับความชิดใกล้ เพราะถ้าไม่นับคนในครอบครัวและเพื่อนเกย์คนสนิทอย่างธนนท์ หล่อนก็ไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนแบบนี้มาก่อน ส่วนจูบในคืนหรรษานั้นมันก็รางเลือนในความรู้สึกเกินไป
กว่าจะลงมาถึงชั้นใต้ดิน ณจันทร์ก็ต้องกลั้นใจเพื่อดึงสติให้อยู่กับร่องกับรอยมากขึ้น กระทั่งคนในลิฟต์ค่อยๆ ทยอยออก ชายหนุ่มถึงค่อยปล่อยร่างบางออกจากวงแขนแข็งแกร่ง
“ถึงแล้วครับ”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโต พยายามกลบเกลื่อนอารมณ์เลอะเทอะของตัวเองด้วยการยิ้มแห้งๆ
“ค่ะ” หล่อนหมุนตัวออกจากลิฟต์มาก่อน โดยไม่รู้สักนิดว่าแก้มใสๆ ที่เจือสีแดงระเรื่อเมื่อครู่ทำเอารามิลยิ้มมุมปาก ดวงตาคมมีประกายวิบวับยามก้าวตามหลัง
ไม่ๆๆ เราจะต้องไม่หวั่นไหวกับเจ้ากรรมนายเวร!
ณจันทร์พยายามสะกดจิตตัวเองยามมุ่งหน้าไปทางซูเปอร์มาร์เกตโดยไม่รอเขา เพราะไม่ว่าเขาจะหล่อออร่าขนาดไหน แต่พระเจ้าก็แค่มอบภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบให้เขาเพื่อปกปิดความมืดบอดภายในจิตใจเท่านั้น ณจันทร์ยังไม่เคยลืมว่าธาตุแท้ของรามิลน่าชังขนาดไหน
คืนนั้นเขาป้อนแห้วหล่อนในผับ สร้างภาพเป็นคนดีมีน้ำใจช่วยต่อสายหาเพื่อน แต่จริงๆ แล้วแอบอุ้มหล่อนไปทำมิดีมิร้ายที่เพนต์เฮาส์กลางกรุง
เขาไม่ใช่ผู้ชายน่าคบเลยสักนิดเดียว!
เหนือสิ่งอื่นใดคือตอนนี้เขาได้ชื่อว่าเป็นลุงแท้ๆ ของธนนท์ การหวั่นไหวไปกับเสน่ห์ของเขาคงมีแต่จะทำให้หล่อนกลายเป็นผู้หญิงร่านรัก คิดจะรวบเอาทั้งลุงทั้งหลาน ภาพลักษณ์ใสๆ แบ๊วๆ ที่ธนนท์อุตส่าห์ปลุกปั้นหล่อนมาอาจพังทลายลงในพริบตา ซึ่งแน่นอนละว่าหล่อนอาจไม่อยากรับงานนี้เท่าไร แต่หล่อนจะไม่ยอมกลับไปใช้หนี้พี่ชายที่สวนลำไยแน่นอน
ตั้งสติได้ดังนั้น...สองเท้าของณจันทร์ก็พลันชะงักกึก หล่อนเพิ่งฉุกคิดได้ว่าการเดินนำผู้ใหญ่โดยไม่รอเป็นเรื่องเสียมารยาท
บ้าจริง! ก่อนหน้านี้ธนนท์ก็ย้ำแล้วย้ำอีกว่าต่อหน้าคนในครอบครัวนางต้องสำรวม!
ดวงตากลมโตมีประกายไหววูบยามคิดหาข้อแก้ตัว เป็นเวลาเดียวกับที่เหลือบเห็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่ตกแต่งอย่างน่ารักด้านข้างบันไดเลื่อนทางหางตา ความคิดบางอย่างจึงค่อยๆ เดินทางมาสู่สมอง
หล่อนหันขวับกลับไปหาชายหนุ่มที่เพิ่งเดินตามมาถึงจุดที่ยืนอยู่
“ลุงมิล...นั่งรอที่ร้านกาแฟตรงนั้นก็ได้นะคะ” หญิงสาวพยักพเยิดไปยังเป้าหมายซึ่งเป็นร้านกาแฟเล็กๆ บรรยากาศร่มรื่น “ก้อยเลือกของนานน่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ คุณเกี่ยวก้อยเลือกได้ตามสบาย ผมเพิ่งกินกาแฟมาจากที่บ้าน ถ้ากินอีกมีหวังตาค้างทั้งคืน”
คนต้องการอิสระได้แต่ยืนยิ้มค้าง แววตาที่ราวจะยิ้มได้ของเขาราวกับกำลังบอกเป็นนัยว่าจะไปช่วยถือของให้หล่อนจริงๆ ไม่รู้ว่ามีน้ำใจหรือเจตนาตามจับผิดกันแน่ เพราะหล่อนรู้ตัวดีว่าก่อนหน้านี้สติพังจนเล่นละครไม่เนียนเท่าไร แต่ที่แน่ๆ คือหากเป็นอย่างหลัง การพยายามหนีหน้าคงยิ่งก่อพิรุธ
ณจันทร์ตัดสินใจยิ้มรับแบบหวานหยด ก่อนจะหมุนตัวนำเข้าไปในซูเปอร์มาร์เกตอย่างคิดไม่ตกว่าจะรับมืออย่างไร หากเป็นนิยายของจันทร์ฝันหวาน...นางเอกคงตรงไปยังแผนกขายชุดชั้นใน เพราะคนขี้เก๊กอย่างเขาคงไม่อุตริตามเข้าไปช่วยถือแน่ๆ แต่ในซูเปอร์มาร์เกตแบบนี้ไม่น่ามีโซนเฉพาะสำหรับผู้หญิง
หรืออาจจะมี...
ดวงตากลมโตมีประกายวิบวับเมื่อฉุกคิดถึงของใช้บางอย่างขึ้นมาได้ ณจันทร์ชะเง้อชะแง้มองหาสินค้าที่อยู่ในใจ ไม่นานก็พบว่าซูเปอร์มาร์เกตแห่งนี้จัดไว้เต็มสองฝั่งช่องทางเดินเลยทีเดียว
หล่อนไม่ลังเลสักนิดที่จะหันกลับไปหาคนตัวโตอีกครั้ง
“เลือกได้ตามสบายจริงๆ นะคะ”
รามิลมีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
“งั้นก้อยไปเลือกเลยนะ” ว่าแล้วหล่อนก็หมุนตัวนำไปยังเป้าหมายปลายทาง ได้ยินเสียงฝีเท้าชายหนุ่มตามหลังมาเหมือนเดิม แต่พอหล่อนเลี้ยวเข้าล็อกขายผ้าอนามัยหลากหลายยี่ห้อ เสียงฝีเท้าของเขาก็หยุดนิ่งไปจนไม่ได้ยินอีก
ณจันทร์ยิ้มกริ่ม ทำทีเป็นเลือกสินค้าบนชั้นวางของแล้วแอบหันไปชำเลืองมองตรงหน้าทางเข้า ซึ่งนาทีนี้ไม่มีแม้เงาของเจ้ากรรมนายเวรสุดหล่อด้วยซ้ำ
นึกว่าจะแน่...
สาวเจ้าเล่ห์หันกลับมาทางชั้นวางสินค้าอีกครั้ง ตั้งใจจะแกล้งเลือกนานๆ เพราะถ้าเขาเบื่อก็อาจเป็นฝ่ายขอตัวกลับบ้านไปเอง หรือไม่แน่ว่าหากมีจังหวะเหมาะๆ หล่อนก็อาจจะแอบกลับก่อน เหตุผลง่ายๆ คือซื้อของเพลินจนคลาดกัน แล้วหล่อนก็ไม่มีเบอร์สำหรับติดต่อถามว่าเขารอตรงไหนด้วย
ช่วยไม่ได้...อยากเอาความเป็นผู้ใหญ่มากดดันดีนัก ก็ต้องเจอเด็กแอ๊บแบ๊วแบบนี้แหละลุง
หญิงสาวคิดอย่างภาคภูมิใจในชัยชนะได้ไม่ทันไร เสียงคนเข็นรถเข้ามาตามทางเดินในล็อกขายผ้าอนามัยก็ทำเอาสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างประหลาด แล้วพอหันไปมองก็ถึงกับตัวชาวาบ อยากคิดว่าตัวเองตาฝาด แต่ภาพที่รามิลกำลังหยุดรถเข็นตรงหน้าก็ราวกับจะตอกย้ำว่าเขามาจริงๆ
ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ มาให้ ผิดกับหญิงสาวที่ยังยิ้มไม่ออก
“นี่มัน...อะไรกันคะ” หล่อนกะพริบตาปริบๆ ยามมองเขาสลับกับรถเข็นตรงหน้า
รามิลเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง ดวงตาคมมีประกายวูบไหวเหมือนไม่คาดคิดว่าหล่อนจะถาม “รถเข็น”
ให้ตาย ใครบ้างจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาเอามาคือรถเข็น แต่หล่อนก็แค่ไม่เข้าใจว่าเขาเอามาทำอะไรในล็อกขายผ้าอนามัยแบบนี้ต่างหาก
“ลุงมิลคงไม่ได้คิดจะ...เอามาให้ก้อยใส่ของหรอกใช่ไหมคะ”
“ถ้าไม่เอามาให้คุณใส่ของ แล้วผมจะเอามาทำไมตรงนี้ล่ะครับ” รามิลเหลือบตามองบรรดาผ้าอนามัยหลากหลายยี่ห้อบนชั้นสินค้าใกล้ๆ เหมือนไม่เข้าใจคำถาม “คงไม่ซื้อไปใช้เองมั้ง”
คนบ้านี่! ยังจะมีหน้ามาขำ
“ก้อยไม่ได้หมายความแบบนั้นค่ะ แต่คือ...” หล่อนยังไม่รู้จะเรียบเรียงสิ่งที่อยู่ในสมองออกมาอย่างไรดี เพราะจริงๆ แล้วคิดว่าเขาควรเดินหลบไปรอที่อื่นมากกว่า “ตรงนี้ไม่มีผู้ชายที่ไหนเขาเข้ามาเดินนะคะ มันเป็นของใช้สำหรับผู้หญิงเท่านั้น”
“แต่นั่นก็ผู้ชาย” รามิลพยักพเยิดไปทางด้านหลังหล่อน
ณจันทร์หันตามไปมองก็พบว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งเข็นรถตามหลังหญิงสาวเข้ามา ในรถมีสินค้าประเภทอื่นๆ วางอยู่ก่อนหลายอย่าง บ่งบอกให้รู้ว่ามาซื้อของใช้เข้าบ้านด้วยกัน
“เขาน่าจะเป็นสามีภรรยากัน มาซื้อของแบบนี้ด้วยกันมันก็ปกติค่ะ” ณจันทร์หันกลับมาหาชายหนุ่มตรงหน้า ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเรื่องนี้เข้าใจยากตรงไหน “แต่ก้อยกับลุงมิลไม่ได้เป็นอะไรกัน ใครเขามาซื้อของแบบนี้ด้วยกันล่ะคะ”
“คุณเป็นแฟนหลานชายผมก็เหมือนแฟนผม”
“คะ?”
“เหมือนหลานผม” ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ประหนึ่งว่าเมื่อครู่แค่ลิ้นพันกัน ณจันทร์จำต้องแกล้งทำทีหัวเราะตาม แต่ไม่อยากเชื่อสักนิดว่าเขาไม่เจตนา เพราะแววตาที่คล้ายๆ กำลังยิ้มได้ของรามิลดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด
อ่อยไม่รู้กาลเทศะ ประเดี๋ยวแม่อ่อยกลับให้รู้แล้วรู้รอด!
“จริงๆ แล้วผมเคยมาซื้อของเป็นเพื่อนคุณแม่บ่อยก็เลยชินน่ะครับ”
“คุณแม่หรือแม่คุณคะ” ณจันทร์อดไม่ได้ที่จะยอกย้อนไปตามประสา
รามิลยิ้มมุมปากเล็กน้อย ดวงตาที่มีประกายวิบวับนั้นมองลึกมาในดวงตาหล่อน “คราวหลังอาจจะต้องลองมาด้วยกัน จะได้รู้ว่าคุณแม่หรือแม่คุณ”
หัวใจดวงน้อยๆ เต้นแรง แก้มใสเห่อแดงเป็นปื้น เพราะไม่บ่อยนักที่จะมีหนุ่มหล่อในสเปกมาเล่นเกมจ้องตากับหล่อนแบบนี้
ไม่ๆๆ เขาเป็นซาตาน!
อย่าปล่อยให้เสน่ห์ของซาตานมาล่อลวงหล่อนลงไปในกับดัก เพราะไม่แน่ว่าเขาอาจต้องการลองใจคนรักของหลานชายก็เป็นได้ หรือถ้าแบบพีกๆ อีกนิดก็อาจกำลังวางแผนแยกหล่อนออกจากธนนท์เพื่อจะได้ไม่เป็นอุปสรรคความรักของพลอยใส
โอ๊ย! ใช่เวลาได้พลอตนิยายตบจูบเรื่องใหม่ไหม
“ลุงมิล...เป็นคนตลกนะคะ” หญิงสาวแสร้งหัวเราะเล็กน้อยเหมือนเด็กสาวแบ๊วๆ ที่ไม่เคยรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมใครเขา ก่อนจะทำทีเป็นหันไปหยิบผ้าอนามัยบนชั้นมาดูเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ลึกๆ แอบนึกหมั่นไส้มนุษย์ลุงจอมวายร้ายจนอยากแกล้งชอปปิงหนักๆ ให้สมกับที่เขาแกล้งทำเป็นคนดีมีน้ำใจมาช่วยถือ เพราะมันคงให้อารมณ์เหมือนนางพญาเวลามีหนุ่มหล่อหอบของพะรุงพะรังเต็มสองมือเดินตามหลังต้อยๆ
ดูสวยและรวยมากสุดๆ!
แต่พอนึกถึงเงินไม่ถึงห้าร้อยในกระเป๋าสตางค์แล้ว...มาดนางพญาแสนสวยและรวยมากในจินตนาการก็พลันแตกสลายไป
ณจันทร์ได้แต่เหลือบมองป้ายราคาผ้าอนามัยตรงหน้า ซึ่งเป็นราคาแบบไม่มีส่วนลด ปกติหล่อนเองก็ถูกจริตกับยี่ห้อนี้ แต่ครั้งก่อนมีโพรโมชันลดราคาเลยซื้อไปเตรียมไว้ที่ห้องนับสิบห่อ หากไม่จำเป็นจริงๆ ก็ยังไม่อยากรีบซื้อเพิ่มเลย
อารมณ์เสีย!
ขณะกำลังตัดใจวางผ้าอนามัยแบบราคาเต็มลงในรถเข็นเพื่อซื้อกลับบ้าน พลันเสียงคนคุ้นเคยก็แว่วมากระทบโสต
“เกี่ยวก้อย! เกี่ยวก้อยใช่ไหม”
เจ้าของชื่อชะเง้อไปทางต้นเสียงด้านหลังรามิล ก่อนจะใจหายวาบเพราะสองสาวหุ่นเซียะที่กำลังตรงมาคือเพื่อนร่วมคลาสเต้นออกกำลังกายที่หล่อนเป็นสมาชิกอยู่ชั้นบนสุดของห้างแห่งนี้ ปกติไม่ค่อยสนิทกันเท่าไรนัก แต่เจอกันก็ทักบ้างพอเป็นพิธี
“เห็นข้างๆ เกือบจำเกี่ยวก้อยไม่ได้ ไม่สบายเหรอวันนี้ ทำไมหน้าโทรมจัง”
หยาบคายมาก...บ้านไม่เคยสอนมารยาทเลยหรือไงว่าไม่ควรทักใครแบบนี้ อีกอย่างหล่อนแค่ไม่แต่งหน้าเท่านั้นเอง ทักซะเหมือนคนป่วยเป็นลูคีเมีย!
“นั่นสิ ตอนแรกคิดว่าไม่ใช่เกี่ยวก้อย”
“เอ่อ...” ณจันทร์ได้แต่หัวเราะน้อยๆ เพราะมากับผู้ชายไม่อยากตอบโต้อะไรให้เสียลุคนางเอก อย่างน้อยๆ การที่สองคนนี้ไม่ทักเรื่องสีผมที่เปลี่ยนไปด้วยก็นับว่ายังโชคดี “ก็ประมาณนั้นแหละ”
“ว่าแต่...มากับใครอะ”
นั่นปะไรล่ะ! ไม่สนใจเรื่องสีผม แค่อยากทักเรื่องหน้าสดให้เสียเซลฟ์เพราะมีจุดประสงค์เข้ามาอ่อยผู้ชายข้างๆ หล่อนนี่เอง
“แฟนเหรอ”
พี่ชายมั้ง หน้าตาพิมพ์เดียวกันซะขนาดนี้...ได้แต่แอบคิดประชดในใจ เพราะไม่มีโครงหน้าส่วนไหนของหล่อนกับรามิลที่ใกล้เคียงกันเลย แต่ครั้นจะแกล้งตู่ว่าเขาเป็นผัวแบบคราวก่อนก็ทำไม่ได้ สถานะแฟนกำมะลอของหลานชายเขามันค้ำคอ
“ใช่ที่ไหนเล่า” ณจันทร์จำต้องปฏิเสธ แม้จะหมั่นไส้สองสาวเพื่อนร่วมคลาสเต้นที่เอาแต่มองเขาตาเป็นมันก็ตาม “ลุงน่ะ”
“ลุง?”
สองสาวสายอ่อยอุทานอย่างอึ้งๆ เพราะหน้าตาชายหนุ่มยังไม่แก่ถึงขั้นจะเป็นลุงได้เลยสักนิด ในขณะที่รามิลเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน
เขาอาจจะเป็นลุงของธนนท์ แต่ไม่ใช่ลุงของหล่อน
“ถ้ายังไงก้อยขอตัวก่อนนะจุ๊บแจง จีจี้ พอดีมีธุระต้องจัดการต่อ” หญิงสาวถือโอกาสที่ทุกคนกำลังงงๆ คว้าแขนคนตัวโตหลบฉากออกมา แน่นอนละว่าไม่เสียเวลาลากรถเข็นด้วยซ้ำ เพราะขืนชักช้ามีหวังต้องตอบคำถามอีกนาน ซึ่งถ้าหนึ่งในคำถามเหล่านั้นมีเรื่องสีผมของหล่อนคงได้โป๊ะแตกละสิไม่ว่า
“เดี๋ยวก่อนครับ” รามิลตามมาได้พักหนึ่งก็ตัดสินใจยื้อมือเอาไว้จนคนตัวเล็กที่กำลังเดินดุ่มๆ จูงเขาอยู่ข้างหน้าต้องหันกลับมาหา “ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้นด้วย อีกอย่างทำไมคุณถึงแนะนำ...”
“โอ๊ย! ปวดท้องๆ” ณจันทร์แกล้งอุทานขัดพลางกุมหน้าท้องเอาไว้ด้วยสีหน้าเหยเก “หา...”
“ปวดฉี่ค่ะ เรารีบไปกันดีกว่านะคะ” หญิงสาวไม่อยากให้เขาถามอะไรตรงนี้ เพราะเกรงเพื่อนในคลาสเต้นจะตามออกมาชวนคุยอะไรอีก ยิ่งเหลือบเห็นเคาน์เตอร์แคชเชียร์อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ยิ่งอดไม่ได้ที่จะรีบคว้ามือคนตัวโตให้ตามไปชำระเงินด้วยกัน
ณจันทร์วางห่อผ้าอนามัยลงบนเคาน์เตอร์ ชะเง้อชะแง้มองสองสาวหุ่นเซียะที่เพิ่งออกมาจากล็อกสินค้าเมื่อครู่ นึกอุ่นใจนิดหนึ่งที่พวกนั้นไม่สนใจตามมาอีก แต่ครั้นหันมาประสานสายตากับชายหนุ่มที่กำลังยิ้มในหน้า ไออุ่นที่มีอยู่น้อยนิดในใจก็ระเหิดไปจนสิ้น
“ซื้อของแค่นี้เหรอครับ”
“เอ่อ...” ณจันทร์อึกอัก ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าผ้าอนามัยห่อเดียวซื้อที่เซเว่นก็ได้ อีกทั้งหล่อนยังเป็นฝ่ายบอกเขาเองทีแรกว่าจะซื้อของนาน “มันเย็นแล้วค่ะ กว่าจะถึงคอนโดก้อยก็น่าจะอีกเป็นชั่วโมง คิดไปคิดมาก้อยเกรงใจลุงมิล เลยว่าเอาแค่นี้ดีกว่า”
เป็นเวลาเดียวกับที่พนักงานหันมาบอกราคาสินค้าพอดี ณจันทร์จึงถือโอกาสก้มลงเปิดกระเป๋าสะพายข้างใบเก่งเพื่อหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาชำระเงิน โดยไม่รู้ตัวสักนิดว่าธนบัตรฉบับละหนึ่งร้อยบาทที่มีอยู่สองฉบับในกระเป๋าทำเอารามิลขำ เพราะมองออกว่าหล่อนไม่ได้ตั้งใจจะแวะซื้ออะไรแต่แรกอยู่แล้ว