1

บทที่ 1


1

ว่ากันว่าชีวิตของผู้คนที่นี่มักจะเริ่มต้นเมื่อตะวันลับฟ้าไปแล้ว คืนนี้ก็เช่นกัน ตามท้องถนนผู้คนขวักไขว่ หลากหลายชีวิตถูกปลุกให้ตื่นจากหลับใหล ทั่วทั้งเมืองสว่างไสวราวกับกลางวัน ที่นี่คือริยาร์ ประเทศเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในดินแดนที่ใครๆ ก็ส่ายหน้าหากนึกถึงทะเลทรายที่ทอดยาวสุดสายตา แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าริยาร์คือดินแดนแห่งความมั่งคั่งและสมบูรณ์พูนสุขไปด้วยทรัพยากร น้ำมัน ทองคำ และแร่ธาตุอื่นๆ

แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่รินดามายืนอยู่ตรงนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นคนตัดสินใจขอทำภารกิจนี้เอง แต่เมื่อถึงเวลาจริง รินดาก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้ เพราะชีวิตขลุกอยู่แต่กับห้องสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยกลิ่นยา ทว่าด้วยนิสัยที่เป็นคนชอบโลดโผน ทุกคนจึงไม่แปลกใจเมื่อผู้กองสาวชาวไทยยกมือขึ้นขอมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานเฉพาะกิจครั้งนี้ด้วยความสมัครใจ

เสาไฟข้างถนนดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายแรกที่ผู้กองสาวชาวไทยใช้เป็นที่ทำมาหากิน ด้วยความสูงที่เกินกว่ามาตรฐานหญิงไทย และส่วนสัดที่สามารถไปเดินบนแคตวอล์กได้อย่างไม่อาย เธอจึงกลายเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครที่ผ่านไปมา แม้จะรู้สึกเคอะเขินที่จะต้องทำตัวเป็นผู้หญิงขายบริการ แต่หน้าที่และความตั้งใจที่อยากทำอะไรให้มันมีชีวิตชีวา มีสีสันมากไปกว่าการเป็นหมอทหาร ทำให้รินดายิ้มสู้ เธอกำลังโปรยยิ้มและทำท่าเชิญชวนผู้ชายที่ผ่านไปมาด้วยความอดทน

การขอมาเป็นทหารแลกเปลี่ยนประสบการณ์ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่นี่เป็นอะไรที่รินดาไม่เคยคิดมาก่อน หากไม่ถูกทรยศหักหลังจากคนที่เธอรักถึงสองคน ความผิดหวังเสียใจทำให้เธอต้องระเห็จตัวเองมาไกลถึงนี่

ป่วยการที่จะไปคิดถึง รินดาดึงสติของตัวเองให้กลับมาสู่ภารกิจที่ได้รับมอบหมายอีกครั้ง กระจกที่ร้านตรงหน้าสะท้อนให้เห็นเธอในอีกบุคลิกหนึ่ง ผู้หญิงไทยที่ปล่อยผมยาวทิ้งตัวลงเลยกลางแผ่นหลัง กับการแต่งหน้าที่ดูจัดจ้านกว่าที่เคยเป็น ชุดเดรสที่แม้จะยาวก็จริง แต่ด้านข้างก็ถูกผ่าสูงขึ้นไปจนถึงสะโพก ชุดที่แม้ผู้หญิงเองก็ยังอดจะหันกลับมามองเป็นครั้งที่สองไม่ได้

รินดาผิวปากล้อเลียนตัวเอง ก่อนจะสำรวจปืนพกกระบอกเล็กของเธอที่เหน็บไว้ที่ขาอ่อนอีกด้าน กองหนุนที่ช่วยให้เธออุ่นใจหากว่ามันจะเกิดอะไรที่ร้ายแรงจนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

คืนนี้เธอได้รับภารกิจสั้นๆ ง่ายๆ คือ ‘เป็นอีตัว’ การลักลอบขายบริการของผู้หญิงต่างด้าวกำลังเป็นปัญหาต่อริยาร์อย่างหนัก เพราะภาพลักษณ์ของเมืองที่สวยงาม สะอาด สงบ ปลอดภัย เหมาะแก่การท่องเที่ยว แต่เพราะความเป็นเมืองที่ร่ำรวย ผู้ชายสามารถมีภรรยาได้หลายคน รวมทั้งมีฮาเร็มเป็นของตัวเอง ทำให้เศรษฐีหรือผู้ชายบางคนมีความมักมาก ต้องการเสาะแสวงหาความสุขแปลกๆใหม่ๆ กับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ผู้ชายเหล่านี้จึงนิยมออกมาหาความสำราญเพื่อเปลี่ยนรสชาติกับผู้หญิงข้างถนน เพราะว่ากันว่าการบริการของพวกเธอถึงอกถึงใจยิ่งกว่าภรรยาที่บ้านหลายเท่านัก และที่สำคัญไม่มีการผูกมัด หรือต้องเลี้ยงดูพวกเธอเหล่านั้นให้เป็นปัญหากับบรรดาสาวๆ ที่บ้าน ด้วยเหตุนี้ธุรกิจการลักลอบขายบริการจึงมีให้เห็นอยู่เสมอ

ผู้กองสาวในมาดของอีตัวกวาดสายตาไปยังท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและรถราที่วิ่งกันพลุกพล่าน ที่นี่คนรวยก็รวยเว่อร์วังอลังการ ภาพของรถหรูราคาแพงจึงมีให้เห็นแทบจะทุกๆ ห้านาที

รินดากวาดสายตามองไปรอบๆ บริเวณที่เธอยืนอยู่ นอกจากเสาไฟข้างถนนที่เธอยึดเป็นทำเลแล้ว ฝั่งตรงกันข้ามยังมีรถยนต์ของลูกทีมที่จอดซุ่มคอยช่วยเหลือ ถัดไปสองสามบล็อกมีผู้หญิงขายบริการตัวจริงค่อยๆ ทยอยออกมาจากมุมมืดสองสามคน นี่คือธุรกิจที่ปราบอย่างไรก็ไม่หมด พวกเธอเหล่านี้มักจะเข้าริยาร์ในนามของนักท่องเที่ยว แต่แท้จริงแล้วคือจงใจเข้ามาขายบริการ หากถูกจับได้ก็แค่ถูกเนรเทศกลับประเทศบ้านเกิดเมืองนอน แต่กว่าจะโดนจับพวกเธอก็สามารถหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ แล้วก็เปลี่ยนชื่อหมุนเวียนขอ

วีซาเข้ามาเสี่ยงแบบนี้อีก มันเป็นวัฏจักรที่ไม่สามารถจะถอนรากถอนโคนได้ เพราะฉะนั้นมาตรการจับผู้ซื้อบริการจึงถูกนำมาใช้ เมื่อไม่มีผู้ซื้อก็ย่อมไม่มีผู้ขาย

ความเย็นเริ่มแผ่กระจายปกคลุม อากาศที่นี่กลางวันร้อนจัด ส่วนกลางคืนก็เย็นจัดจับขั้วหัวใจ แทบจะเป่าควันออกจากปากได้ รินดายังยืนอยู่ที่เดิม คืนนี้ดูเหมือนภารกิจแรกของเธอจะล้มเหลว เพราะยังไม่มีรถคันไหนจอด ความหนาวเริ่มแผ่ซ่านมาอีกระลอก จนหญิงสาวสั่นสะท้าน เธอคิดว่าคงไม่มีผู้ชายหน้าไหนเข้ามาติดกับเพราะเวลาที่ล่วงเลย แต่รินดาก็ยังไม่ถอดใจ มันน่าจะมีใครสักคนที่หลงเข้ามาให้เธอได้แสดงฝีมือไว้ลายแม่เสือสาวจากเมืองไทยสิน่า

แล้วก็เหมือนโชคจะเข้าข้างไม่ให้ภารกิจของเธอล้มเหลว เมื่อรถหรูราคาแพงของใครคนหนึ่งแล่นผ่านหน้าเธอไป

ดวงตาคมกริบกับใบหน้าที่หล่อคมเข้ม นี่เขาช่างกล้าเปิดกระจกรถลงจนเธอมองเห็น และรถเป้าหมายก็ยังตีโค้งจงใจขับผ่านหน้าเธออีกเป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้เขาขับรถช้าๆ ผ่านหน้าเธอไป จนรินดามองเห็นความหล่อคมเข้มของเขาเต็มๆ ตา ไม่รู้ว่าความสวยหรือท่ายืนที่ยั่วยวนของหญิงสาวกันแน่ที่ทำให้รถเจ้ากรรมคันนั้นแล่นผ่านหน้าเธอไปอีกเป็นครั้งที่สาม

“สงสัยปลาจะฮุบเหยื่อ”

รินดากรอกเสียงเบาๆ ผ่านไมโครโฟนตัวจิ๋วที่ซ่อนอยู่ในร่องอก มีความเคลื่อนไหวในรถของลูกทีมบอกถึงการรับทราบ ดวงตาสีนิลยังจับจ้องไปที่รถหรูเจ้าปัญหาอย่างมีนัย ไม่ว่าเขาจะจอดแล้วเรียกผู้หญิงคนใดก็ตาม เธอและลูกทีมก็พร้อมที่จะเข้าแสดงตัวจับกุม แต่ก็ต้องระมัดระวัง เพราะก่อนมาปฏิบัติการได้รับคำเตือนว่าหลายต่อหลายครั้งที่ไม่มีหลักฐานจะจะ ผู้ชายหื่นกามเหล่านี้ก็จะลอยนวลจากไปอย่างหน้าตาเฉย เพราะฉะนั้นคืนนี้เธอกับลูกทีมจึงวางแผนกันมาอย่างดี และก็มีหวัง เพราะรถยนต์สีดำสนิทคันนั้นยังแล่นเอื่อยๆ วนเวียนไปมาราวกับเสือดำเยื้องย่างรอเวลาตะครุบเหยื่ออย่างใจเย็น

“ท่าทางไอ้หมอนี่จะช่างเลือก” ผู้กองสาวกรอกเสียงไปอีกครั้ง

“หรือไม่ก็ไม่เคยเห็นอีตัวที่สวยที่สุด” เสียงตอบจากลูกทีมของรินดาที่ซุ่มดูอยู่ไม่ห่าง

รถจากัวร์ยังแล่นผ่านหน้าเธอไปอย่างช้าๆ แล้วก็เหมือนคนขับจะตัดสินใจอย่างกะทันหัน เพราะจู่ๆ รถก็หยุดกึก แล้วถอยหลังมาจอดตรงหน้าหญิงสาว กระจกที่ลดระดับลงจนสุดทำให้เห็นความหล่อเหลาที่รินดาแทบจะลืมหายใจเมื่อเขามาอยู่ในระยะใกล้ นัยน์ตาคมกริบรับกับจมูกที่โด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูป หนวดเคราเขียวครึ้มที่อยู่เหนือริมฝีปาก และปลายคางของเขาก็มีอิทธิพลพอที่จะทำให้รินดาลืมหน้าที่ไปชั่วขณะ ถ้าพูดถึงความหล่อตามแบบฉบับมาตรฐานของชายแถบทะเลทราย ไอ้หื่นกามของเธอหล่อกว่านั้นหลายร้อยพันเท่า

“สนใจอยากนั่งรถเล่นกับฉันไหม” เสียงตะโกนถามดังออกมาจากคนในรถ

“ฉันจะให้ค่าเสียเวลา คิดมาว่าทั้งคืนเท่าไร”

“ทั้งคืน? ว้าว!” รินดาทวนคำอย่างไม่เชื่อหู เกิดมาก็เพิ่งจะมาหัดเป็นอีตัวอ่อยผู้ชายอยู่ข้างถนนก็ครั้งนี้แหละ

“ใช่ ทั้งคืนจะเอาเท่าไรก็ว่ามา ฉันจ่ายไม่อั้น” ชายคนนั้นบอกพร้อมกับพยักพเยิดให้เธอขึ้นรถ

รินดายังตื่นเต้นไม่หาย เธอคืออีตัว เตือนตัวเองไว้ ถ้าไอ้หมอนี่ควักเงินจ่ายค่าตัวเธอขึ้นมาเมื่อไรเป็นโดนจับแน่

แล้วก็เหมือนโรคเก่ากำเริบ เมื่อเห็นผู้ชายหน้าตาดีเข้าหน่อยเธอเป็นต้องเงอะๆ งะๆ งุ่มง่ามขึ้นมาทันที จนอยากเขกกบาลตัวเองนัก กระโปรงที่แหวกขึ้นจนสุดคงจะเปิดชะเวิกชะวากตอนที่เธอก้าวขาขึ้นรถ จึงเห็นตาอันคมกริบของเขาตวัดมองแวบหนึ่ง ก่อนจะกระชากรถออกไปด้วยความรวดเร็ว ไม่กี่นาทีรถของเขาก็ทิ้งห่างจากลูกทีมของรินดาอย่างไม่เห็นฝุ่น

“บ้าเอ๊ย!” รินดาสบถอย่างหัวเสียเมื่อเห็นแสงไฟของรถลูกทีมค่อยๆ ลับหายไปจากสายตา

“มองอะไร” เขาถามขณะที่สายตาจับจ้องไปยังการจราจรบนท้องถนน

“มองหารถที่ขับตามเรามาอย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงเหมือนรู้ทัน

“เปล่า” รินดารีบปฏิเสธ แม้ใจจะคิดกังวล เพราะเธอไม่รู้ว่าเขาพามาเส้นทางไหน แต่ยังไม่ทันจะได้คิดแผนสอง รถก็หยุดนิ่งสนิท “ที่นี่ที่ไหนคะ”

“จะสนไปทำไมเล่า”

“ฉัน...” ยังไม่ทันจะได้อ้าปากถาม เธอก็ถูกเขายกตัวลอยข้ามมาคร่อมบนตัก ก่อนจะจูบเธออย่างดูดดื่ม

รินดาเบิกตาโพลง เธอไม่เคยถูกจูบแบบช่ำชองอย่างนี้มาก่อน อย่างเก่งก็หอมแก้ม แต่กับไอ้หื่นกามคนนี้ ลิ้นร้อนๆ ของเขากำลังบังคับหญิงสาวให้จูบตอบ ริมฝีปากที่บดเบียดลงมาลดระดับความหิวโหยลง แปรเปลี่ยนเป็นเนิบนาบนุ่มนวลและหยอกเย้า รินดาหูอื้อตาลาย หญิงสาวสั่นสะท้านไปทั้งตัวเมื่อเขาจูบเธออีกครั้ง มีเสียงครางเบาๆ อย่างพอใจจากลูกค้า

รินดาพยายามดึงสติกลับ แม้ร่างกายจะอ่อนปวกเปียกเพราะพิษสงจากจูบของเขาซึ่งร้ายนัก แต่หญิงสาวก็ยังมีสติพอ เธอเตือนตัวเองอีกครั้งพร้อมกับขยับมือหาปืนพกในที่ซ่อน แต่สองมือถูกเขาตรึงขึ้นเหนือศีรษะ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ผสมผสานกับกลิ่นของความเป็นบุรุษเพศ เขากำลังรุกคืบเพราะเข้าใจว่าเธอเป็นผู้หญิงขายตัว เสียงเหมือนเขากำลังรูดซิปกางเกง มันผิดแผน รินดาพยายามดิ้นรนเบี่ยงตัวหนีเมื่อจมูกโด่งๆ ไล่เรื่อยไป และสุดท้ายก็ซุกหน้าอยู่กับทรวงอกของหญิงสาว

“ช้าก่อน...เงิน...ฉันต้องการเงิน” รินดาละล่ำละลักบอก

“เธอได้แน่แม่สาวน้อย บอกแล้วว่าฉันจ่ายไม่อั้น บอกค่าตัวของเธอมาสิ”

“ก็ไหนว่าจ่ายไม่อั้น แก เอ๊ย! คุณก็เอาเงินมาให้ฉันก่อนสิ”

“ฉันจ่ายแน่ หลังจากดูสินค้าเรียบร้อยแล้ว” จมูกโด่งๆ ซุกไซ้ตรวจดูสินค้าต่ออย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม

ถึงนาทีนี้รินดาก็ไม่ขอทนรออีกแล้ว ในเมื่อเขาพร้อมจ่ายแค่นี้ เธอก็สามารถแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่จับกุมเขาได้เช่นกัน

“หยุดนะ ฉันเป็น...” ยังไม่ทันจะได้บอกว่าเป็นใคร ใบหน้าคมสันก็เงยขึ้น แล้วเขาก็ตะคอกถามเสียก่อน

“นี่อะไร”

รินดาไม่อยากจะมองไมโครโฟนตัวจิ๋วที่อยู่ในปากของเขา บ้าฉิบ! เธอถูกจับได้

“ฉันถามว่านี่มันคืออะไร”

“ไมโครโฟน” หญิงสาวตอบอย่างไม่ยี่หระ

“ฉันรู้” เสียงที่ตอบหงุดหงิด

“แต่ที่ฉันไม่รู้คือมันอยู่บนตัวเธอได้อย่างไร ให้ตายสิ! ฉันไม่อยากเชื่อเลย” ไอ้หื่นของเธอเสยผมสองสามที แล้วจับเธอใส่กุญแจมือด้วยความรวดเร็ว

“เดี๋ยวๆ แกจะทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ” รินดาร้องเสียงหลง มันผิดแผนไปหมดตั้งแต่รถของทีมสนับสนุนที่ตามมายังไม่ถึง หรือแทนที่เธอจะเป็นฝ่ายจับไอ้หื่นกามใส่กุญแจมือ กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เป็นเธอเองที่ถูกไอ้หื่นกามจับ มันตาลปัตรไปได้อย่างไร รินดาอยากจะร้องกรี๊ดๆ นัก

“ทำแบบนี้น่ะ แบบไหนไม่ทราบ”

“ก็ที่แกใส่กุญแจมือฉันอยู่นี่”

“ฉันคิดว่าเธอชอบเสียอีก”

“จะบ้าหรือ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว ฉันเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษ แกถูกจับแล้ว”

“เจ้าหน้าที่พิเศษ?” อีกคนกวาดสายตามองอย่างเย้ยหยัน

“อย่างเธอนี่นะ เจ้าหน้าที่พิเศษ”

“อย่างฉันนี่แหละ นายถูกจับแล้ว ข้อหาซื้อบริการทางเพศ”

“เก่งนี่” ไอ้หื่นของเธอหรี่ตามอง

“เข้าใจเอาตัวรอด จะปฏิเสธฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่อย่าแอบอ้างหน่วยเขาให้เสียชื่อไปด้วยเลย”

“ฉันไม่ได้แอบอ้าง ฉันเป็น...”

“อีตัว!” เสียงเข้มๆ ต่อให้

“ฉันไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้พวกเธอพัฒนาไปไกลกว่าที่คิด ไมโครโฟนนี่คงบอกสถานที่ที่พวกพ่อเล้าทั้งหลายจะตามเธอมาได้ และสุดท้ายก็อาจชิงทรัพย์หรือปล้นฆ่าเอาทรัพย์สินของลูกค้าไป มิน่าเธอถึงถามฉันว่าที่นี่ที่ไหน ฉลาดเป็นกรดเลยนะแม่คุณ”

“จะบ้าเหรอ ฉันจะไปทำอย่างนั้นทำไม ในเมื่อฉันเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษ ฉันมาจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวทะเลทราย เพื่อกวาดล้างไอ้หื่นอย่างพวกแกอย่างไรล่ะ”

“ฉันดูออกหรอกว่าคนไหนเป็นหน่วยพิเศษ และคนไหนเป็นอีตัว อย่ามามั่วหน่อยเลย” นัยน์ตาคมกริบของคนดูออกกวาดมองหญิงสาวอย่างจาบจ้วง

“ฉันก็ดูออกว่าหน้าตาอย่างนี้เป็นไอ้พวกหื่นกามตัณหากลับ หน้าตาก็ดีหรอกนะ ไม่นึกว่าจะมีนิสัยหาเศษหาเลยข้างถนน หรือว่าคนที่บ้านไม่ชอบใช้กุญแจมือ แกถึงได้เร่มาหาความสุขที่ข้างถนนแบบนี้”

“นอกจากกุญแจมือแล้วฉันยังมีแส้ด้วย จะเอาไหมล่ะ” อีกคนยังยั่ว

รินดายังนั่งหันหน้าเข้าหาเขาอย่างจนตรอก ขยับเขยื้อนหนีก็ไม่ได้

“เธอถูกจับแล้ว ข้อหาขายบริการ”

“แกก็ถูกจับข้อหาซื้อบริการ และสนับสนุนให้มีการขายบริการทางเพศ”

“แต่เป็นเธอที่ถูกฉันใส่กุญแจมือ เธอถูกจับแล้วแม่สาวน้อย” ริมฝีปากได้รูประบายยิ้มน้อยๆ

“แกนั่นแหละถูกจับ รีบๆ ปล่อยฉัน ก่อนที่พวกของฉันจะตามมาดีกว่า หรือว่าแกอยากจะโดนอีกข้อหาคือกักขังหน่วงเหนี่ยว และโดยเฉพาะฉันที่เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษ คุกหัวโตเลยละ ฉันจะบอกให้”

มีเสียงหัวเราะจากคนที่จะติดคุกหัวโต นัยน์ตาคมกริบพราวระยับ จับจ้องริมฝีปากของหญิงสาวอย่างมีนัย

“ความจริงเรานั่งท่านี้ด้วยกันทั้งคืนก็ดีนะ”

“บ้า!” รินดาร้องเสียงหลง นั่งคร่อมอยู่บนตักไอ้หื่นนี่นะ “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นแกโดนดีแน่”

“หมดสภาพอย่างนี้ยังปากเก่งอีกนะแม่คุณ” อีกคนขู่ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาพ่นภาษาริยาร์ลงไปด้วยความรวดเร็ว

“รอสักครู่ ไม่นานเดี๋ยวเธอก็จะรู้ว่าใครกันแน่ที่จะโดนจับ”

“แกนั่นแหละที่จะโดน”

“แล้วตรานี้พอจะทำให้ฉันรอดคุกได้ไหม”

ไอ้หื่นของเธอชูตราหรา ตราที่บ่งบอกว่าเขาเป็นทหาร เป็นเธอเองที่ลืมพกตรามา บ้าฉิบ!

“ฉัน...เอ่อ...แต่ฉันเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษจริงๆ”

“ไว้ไปแก้ตัวกับตำรวจเถอะ”

“แต่ฉันเป็นเจ้าหน้าที่จริงๆ ไม่เชื่อคุณโทร. หาเจ้านายฉันได้”

“แล้วทำไมฉันจะต้องเสียเวลาฟังเรื่องโกหกของเธอด้วย เก็บปากไว้ไปแก้ตัวกับตำรวจเถอะแม่สาวน้อย”

“แต่ฉันเป็นเจ้าหน้าที่จริงๆ”

“มีอะไรยืนยัน” ตาคมกริบไล่มองตั้งแต่ใบหน้าเธอ ก่อนจะมาหยุดนิ่งอยู่ที่เนินอกที่อวดความขาวรำไร

“เธอมีอะไรยืนยัน นอกจากไอ้หน้าอกตูมๆ นี่ เธอมีอะไรที่ฉันพอจะเชื่อได้ว่าเธอไม่ใช่อีตัว”

“แล้วจะมีอีตัวคนไหนที่พกปืนล่ะ” รินดาเชิดหน้าบอก นึกถึงปืนพกกระบอกจิ๋วที่ซ่อนอยู่ที่ขาอ่อนโดยมีซองปืนรัดต้นขาไว้

“ปืน?” คนเสียงทุ้มทวนคำ ก่อนที่มือของชายหนุ่มจะสำรวจเรือนร่างของหญิงสาวแล้วมาสะดุดที่ปืนกระบอกจิ๋วซึ่งมีตราสัญลักษณ์ของหน่วยพิเศษที่ปลายกระบอก

“เชื่อฉันได้หรือยังล่ะ” รินดาได้ทีเชิดหน้าถาม

“เธอเป็นใคร”

“ฉันชื่อ ริน-นะ-ดา ร้อยเอก แพทย์หญิงรินดา นายทหารแลกเปลี่ยนมาปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่พิเศษเหยี่ยวทะเลทราย เป็นไงล่ะ ฉันร่ายยาวมาขนาดนี้ ทีนี้แกเชื่อได้หรือยัง แล้วแก เอ๊ย! นายล่ะ เป็นใคร”

“ฉัน...ผู้พันฮอว์ค”

“ผู้พันฮอว์ค!” รินดาทวนคำ

“ใช่! ฉันเป็นคนเดียวกับผู้พันมาลิก แต่ใครๆ ชอบเรียกว่าผู้พันฮอว์ค หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือเหยี่ยวทะเลทรายที่เธอกำลังอ้างถึงอยู่นี่แหละ”

“ถ้างั้น...งั้น...นายก็คือ...”

“พันโทมาลิก บิน อัสฟาน บิน ฟาอิส ซัมมาล หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวทะเลทราย หรือนัยหนึ่งก็คือหัวหน้าของเธอด้วยเช่นกัน หากว่าเธอจะเป็นนะแม่สาวน้อย” มีเสียงหัวเราะหึๆ ในลำคอ และรอยยิ้มขบขันอย่างพอใจจากผู้พัน

‘กรี๊ดๆๆ’ ถ้าเธอสามารถกรีดร้องได้ รินดาก็คงจะลุกขึ้นกระทืบเท้ากรีดร้องด้วยความอับอาย จากคิดจะวาดลวดลายแม่เสือสาวจากเมืองไทย กลายเป็นเสียหน้าอย่างมากถึงมากที่สุด รินดาอยากจะหาปี๊บสักใบมาคลุมหัวเสียจริงเชียว!

 

การอาบน้ำและถูสบู่ รวมทั้งใช้น้ำหอมเท่าที่มีประพรมไปทั่วตัว ไม่ทำให้ผู้กองสาวรู้สึกดีขึ้นมาได้

หน็อยแน่! ล่อจับผู้หญิงขายบริการ แล้วไอ้การที่เขาจูบเธอนั่นละ มันคืออะไร อย่าบอกนะว่าเป็นหนึ่งในการแสดงเพื่อล่อซื้อ รินดาจะเถียงคอเป็นเอ็นเลยละ

ผู้ชายนะผู้ชาย ถึงจะบอกว่าเป็นการล่อซื้อ แต่ก็ยังเป็นผู้ชายวันยังค่ำ เห็นผู้หญิงหน่อยเป็นไม่ได้ เธอเกือบจะถูกเขาจัดการอยู่บนรถเสียแล้ว นึกถึงสัมผัสของเขาขึ้นมา รินดาก็ทั้งโกรธทั้งเกลียด ท้ายสุดคือความอับอาย ตั้งแต่เกิดมาจนอายุยี่สิบห้าปี เธอไม่เคยถูกผู้ชายจู่โจมแบบถึงเนื้อถึงตัวอย่างนี้มาก่อน จูบของผู้พัน ฝ่ามือร้อนๆ ของเขา และลมหายใจที่เรียกร้อง

ไอ้ผู้พันบ้า ไอ้ผู้พันหื่นกาม...รินดาได้แต่ฮึดฮัดอยู่ในใจ เพราะถึงอย่างไรวันนี้เธอก็ต้องไปเผชิญหน้ากับเขาที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวทะเลทรายอยู่ดี

 

เสียงพูดคุยถึงปฏิบัติการของค่ำคืนที่ล้มเหลวเงียบลง เมื่อร่างสูงเพรียวในชุดลายพรางทหารของผู้พันฮอว์คก้าวอาดๆ เข้ามาในห้องด้วยความเข้มแข็ง พร้อมกับนายทหารติดตาม ดวงตาคมกริบราวกับดวงตาของพญาเหยี่ยวกวาดมองไปรอบห้องประชุม ก่อนจะมาหยุดนิ่งที่ใบหน้าของหญิงสาวชาวไทยเพียงหนึ่งเดียว สายตาที่นิ่งเฉยราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อนทำให้รินดาใจชื้นขึ้น อย่างน้อยเขาก็ยังไว้หน้า ไม่ส่งยิ้มล้อเลียน หรือแสดงอาการอะไรออกมาให้เธออับอายขายหน้า

“ฉันอยากรู้ว่ามันเป็นความคิดของใคร ที่ใช้เจ้าหน้าที่ของเราไปเป็นตัวล่อเมื่อคืนนี้” มาลิกเปิดฉากถามขึ้นทันที แม้การปฏิบัติงานของหน่วยจะได้รับความเห็นชอบจากเขาแล้วก็ตาม

“เท่าที่จำได้ แผนของเราไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงเกี่ยวข้องเลยสักคน แล้วเมื่อคืนนี้มันคืออะไร เธอเป็นทหารแลกเปลี่ยนประสบการณ์ จำเป็นด้วยหรือที่จะต้องไปทำภารกิจอย่างนั้น”

“คือ...เรา...”

“ไม่ว่าจะเป็นความคิดของใคร ฉันถือว่าพวกนายทำไปโดยพลการ และขัดคำสั่งของฉัน”

“ครับผม” ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนก้มหน้ารับผิด

“คงรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพวกนาย”

“ครับผม”

“เอ้อ...ผู้พันคะ เป็นเพราะฉันเองที่อาสาขอทำภารกิจนี้” รินดาเอ่ยขึ้นอย่างขลาดๆ แต่มันก็เป็นความจริง ทหารอย่างเธอควรจะได้ทำภารกิจที่หลากหลายนอกเหนือไปจากการทำงานในห้องพยาบาล ที่อย่างมากก็แค่ทำแผลหรือจ่ายยาแก้ปวดเล็กๆ น้อยๆ ให้แก่เพื่อนร่วมงาน และอีกอย่าง เธออยากพิสูจน์ให้เพื่อนร่วมงานในริยาร์เห็นว่าทหารไทยก็มีดีไม่แพ้ชาติใดในโลกเช่นกัน

“เพราะคำว่าทหารแลกเปลี่ยนประสบการณ์ มันเปิดโอกาสกว้างๆ ให้ฉันได้ทำภารกิจที่นอกเหนือไปจากห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่มีแต่กลิ่นอับๆ ของยาและน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ฉันก็เลยขออาสาไปกับหมวดอามีนด้วยค่ะ”

“เพราะอยากได้...ประสบการณ์...” มาลิกลากเสียงทวนคำ

ดูเหมือนรินดาจะเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเขา ก็ใช่...ประสบการณ์ แต่เธอก็ยอมรับว่าตัวเธอประมาทไปหน่อยที่ไม่คิดว่าจะเจอประสบการณ์แบบถึงเนื้อถึงตัวอย่างนั้น

“แล้วเป็นไง เมื่อคืนเธอได้ประสบการณ์อะไรบ้างล่ะ”

“ฉัน...” ผู้กองสาวอึกอัก เพราะภารกิจบ้านั่นทำให้เธอได้จูบมากกว่าจะได้แสดงฝีมือ

“เธอคือทหารแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากประเทศไทย” มาลิกกวาดตามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจดเท้า วันนี้เธอไม่มีเค้าของแม่ยั่วเมืองให้เห็น

“ค่ะ ฉัน ร้อยเอก แพทย์หญิงรินดา หรัญพฤกษ์ ฉันมารายงานตัวที่นี่ก็วันที่ผู้พันลาพักร้อน”

“เธอเลยไม่ได้เจอกับฉัน และก็คงไม่มีใครบอกเธอว่าทหารแลกเปลี่ยนที่มาอยู่ที่นี่จะต้องอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของฉัน และที่สำคัญ ต้องฟังคำสั่งจากฉันเพียงคนเดียว แล้วเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่มีใครบอกฉันสักคน”

มีความเงียบเข้ามาปกคลุมทั่วทั้งห้องประชุม ผู้พันขาโหดของเธอกำลังใช้สายตาและท่าทางตำหนิการกระทำของลูกน้องที่ไม่กล้าแม้จะขยับตัวหรือโต้ตอบเลยสักคน

“เราไม่คิดว่าผู้พันจะกลับก่อนกำหนดครับ ก็เลยไม่ได้รายงาน”

“ขอบคุณสวรรค์ที่ดลใจให้ฉันกลับมาดูการทำงานของพวกนาย” มาลิกยังเกรี้ยวกราด

“ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันคงไม่รู้ว่าพวกนายอ่อนหัดกับเรื่องนี้กันนัก กับอีแค่จับผู้หญิงข้างถนน งานง่ายๆ สบายๆ พวกนายยังคว้าน้ำเหลว คงถนัดแต่งานฆ่าสินะ”

ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนขยับตัวอย่างอึดอัด

“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกนายถึงตามฉันไม่ทัน”

“รถของเรายางรั่วครับ”

“ตลกร้าย” ดวงตาคมกริบยังจับจ้องแทบจะมองทะลุตัวผู้ใต้บังคับบัญชา

“อ่อนหัด รู้ไปถึงไหนอายเขาถึงนั่น อย่าบอกใครนะว่าพวกนายอยู่หน่วยเดียวกันกับผู้พันฮอว์คขาโหด”

“เอ้อ...ความจริง...”

“ความจริงคือพวกนายประมาท เพราะเห็นว่าเป็นงานง่ายๆ แค่ไล่จับผู้หญิงและไอ้แก่ตัณหากลับสักคน พวกนายก็เลยประมาท แล้วถ้าเมื่อคืนไม่ใช่ฉันอะไรจะเกิดขึ้นกับผู้กอง”

“อย่าตำหนิหมวดอามีนเลยค่ะ เป็นเพราะฉันที่ขอไปทำภารกิจนี้เองค่ะ”

“อะไรทำให้เธอมั่นใจว่าจะเอาพวกผู้ชายหน้ามืดอยู่” มาลิกตั้งคำถาม

“ฉันมีวิธีของฉันก็แล้วกันค่ะ”

“ฉันเห็นแล้ว วิธีของเธอ” มาลิกหรี่ตามองเธอ “แต่มันใช้ไม่ได้ผล”

“ฉัน...”

“เอาละ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันรู้ว่าเธอจะแก้ตัวให้กับไอ้พวกนี้ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องถูกลงโทษตามกฎของหน่วยอยู่ดี”

“ครับผม” ทหารหลายนายนั่งก้มหน้ายอมรับในชะตากรรม

รินดาบังคับตัวเองให้มองเพียงแค่จมูกโด่งได้รูปและหนวดเคราที่ตัดเล็มอย่างดี เธอไม่อยากมองเลยขึ้นไปสบกับดวงตาอันแรงกล้าของเขา

มาลิกยังคงกวาดสายตาไปยังผู้ใต้บังคับบัญชา เรือนร่างที่สูงเพรียวทรงอำนาจอย่างเจ้าทะเลทรายอยู่ในเครื่องแบบลายพรางสีน้ำตาล หมวกเบเร่ต์สีเขียว เหนือกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายติดเหรียญตราบ่งบอกความสามารถที่ไม่ได้มาอย่างง่ายๆ หลายเหรียญ

การพบหน้ากับ พันโทมาลิก บิน อัสฟาน บิน ฟาอิส ซัมมาล อย่างเป็นทางการเต็มไปด้วยความอึดอัด ภาพของชีคหนุ่มเจ้าสำราญที่เคยอ่านเจอในนิยายมลายหายไปในพริบตา

บ้าเอ๊ย! รินดา เธอต้องเงยหน้ามองเขา อย่าหลบตาทำเป็นกลัวหงออย่างนี้สิ

“ฉันไม่อยู่หลายวัน เป็นไงบ้าง สบายดีไหม” ไม่นานมาลิกก็ปรับน้ำเสียงและท่าทีให้อ่อนลง

“สบายดีครับผม” เสียงตอบกลับของลูกน้อง

“พักร้อนเป็นไงบ้างครับผู้พัน”

“สนุกดี เล่นวินด์เซิร์ฟกันทั้งวัน ขอบใจที่ถามนะ เอาละ เรามาเข้าประเด็นในวันนี้เลยดีกว่า” มาลิกเริ่มการประชุมโดยหยิบแฟ้มขึ้นมา “ปฏิบัติการอีตัวเมื่อคืนล้มเหลวไม่เป็นท่า”

มีเสียงกระแอมและขยับตัวอย่างอึดอัดจากผู้ใต้บังคับบัญชาอีกครั้ง

“ปฏิบัติการไร้เงาครับผู้พัน ไม่ใช่อีตัว” อามีนเป็นคนเดียวที่กล้าจะแย้ง

“ไร้เงา?” มาลิกโยนแฟ้มลง

“ไร้เงาของไอ้หื่น หรือว่าไร้เงาของนาย...นาย...นาย...และนาย” ผู้พันหนุ่มชี้ไปที่ผู้ใต้บังคับบัญชาทีละคน

“ภารกิจของพวกนายทำให้ฉันต้องกลับจากพักร้อนเร็วขึ้น เมื่อคืนฉันลองขับรถไปตามแผนการของเรา เพราะฉันอยากรู้ว่าพวกนายจะสามารถจัดการกับผู้ซื้อและผู้ขายบริการอย่างไร”

“มิน่า พวกผมไม่คุ้นรถของผู้พันเลย”

“แน่นอน! ถ้าฉันขับรถของฉันไป แล้วฉันจะรู้หรือว่าพวกนายประมาทเลินเล่ออย่างไร ฉันบอกพวกนายแล้วว่าทุกภารกิจมีความสำคัญเพียงใด อย่าคิดว่าการไล่จับผู้หญิงจะเป็นงานง่ายๆ ถ้าพวกนายคิดอย่างนั้นมันคือหายนะ”

“ถ้าพวกเราไม่เจอผู้พันแผนการก็คงได้ผล”

“แต่มันก็ล้มเหลว ก็เพราะพวกนายประมาท ไม่ก็ถนัดแต่งานฆ่าอย่างเดียว งานง่ายๆ แบบนี้ถึงทำอะไรไม่เป็น ภารกิจล้มไม่เป็นท่า”

“ครับผม!”

“ส่วนเธอ” นัยน์ตาคมกริบมองผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียว

“อย่าบอกนะว่าต้องให้ฉันไปหัดยืนโพสท่าเชิญชวนที่เสาไฟใหม่”

มีเสียงหัวเราะเล็กน้อยจากผู้ร่วมทีม ก่อนจะรีบก้มหน้าเมื่อเห็นสายตาดุๆ จากผู้พันจอมเฮี้ยบ

“เปล่า! แต่จะว่าไป เธอต้องส่งสายตาเชิญชวนให้มากกว่านี้เวลาเห็นเป้าหมาย”

“แต่เป้าหมายก็ยังมาติดกับ”

“ฉันไม่ได้ติดกับ” มาลิกปฏิเสธ “ที่ฉันเรียกเธอขึ้นรถก็เพราะฉันล่อซื้อเพื่อจับเธอต่างหาก”

“ล่อซื้อนี่นะ” รินดาขึ้นเสียงด้วยความลืมตัว ขนาดล่อซื้อนะ แล้วถ้าซื้อจริงเธอมิน่วมไปทั้งตัวเลยหรือ

“ใช่! ฉันล่อซื้อ หรือเธอคิดว่าฉันหิ้วเธอขึ้นรถเพราะเหตุผลอื่น”

“เปล่าค่ะ”

“เข้าใจก็ดีแล้ว และจำไว้ด้วยว่า ต่อไปนี้ทุกภารกิจของเธอจะต้องได้รับคำสั่งหรือเห็นชอบจากฉันคนเดียวเท่านั้น”

“รับทราบค่ะ”

มาลิกยังคงตำหนิผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาตลอดการประชุม ก่อนจะเสร็จสิ้น และอนุญาตให้ออกไปจากห้องได้ แต่ก็ไม่ทั้งหมดเพราะคนที่ยังนั่งอยู่ตรงหน้าผู้พันหนุ่มมีเพียงรินดา ผู้หญิงหนึ่งเดียวของหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ชื่อว่าเหยี่ยวทะเทราย


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น