5

บทที่ 5 ยี่ฉิบฉี่ชั่วโมง

          13.20 น.

          BMW X6 เทียบจอดข้างๆ FORD RANGER คันสีแดงสดที่ติดสกู๊ปสีดำด้านหน้าเสริมความโหดจนสุดติ่ง อินทะหรี่ตาสู้แสงแดดในเวลาบ่าย มองป้ายสติ๊กเกอร์ที่ติดไว้ท้ายรถว่า ‘รถคันนี้สีชมพู’ กับป้ายแขวนกรอบคิตตี้ที่ห้อยออกจากกันสาดในลานจอดรถขนาดกว้าง

          มันเขียนไว้ว่า ‘ที่จอดรถคุณเอิ้ง’ 

          รถเอิ้งสินะ รถแม่งลุคโหดไม่แพ้เจ้าของเลย...

          แล้วเป็นบ้าอะไรไม่ตอบไลน์ เขาอุตส่าห์บอกแล้วว่าจะเข้ามาที่ร้านวันนี้...

          ส่ายหัวให้คนที่ไม่ยอมตอบกลับข้อความมาตั้งแต่เช้า หลังเสร็จธุระทานอาหารกลางวันกับครอบครัว เอิ้งเอิ้งจะรู้บ้างมั้ยว่าเขารีบตรงดิ่งมาหาทันที แอบห่วงนิดๆ ว่าอาจจะเจ็บป่วยหรือไม่สบาย เหยียบคันเร่งเท่าที่พอจะเหยียบได้เพื่อมาให้ถึงสถานที่ที่ไม่เคยมาแบบเร็วๆ

          เพราะบ้านอคราเป็นบาร์เลยหาไม่ยาก ทว่าย่านอโคจรในเวลากลางวันให้ความรู้สึกเงียบสงบ อินทะไม่ได้ใส่ใจบรรยากาศรอบๆ มาก เขาเพียงเอื้อมมือไปหยิบกล่องอาหารที่สั่งเพิ่มสำหรับนำมาฝาก คาดเบลท์มาอย่างดีที่เบาะด้านข้าง รับรองไม่มีหกเลอะเทอะ จากนั้นก็ควานหาสติ๊กเกอร์วัดท่าไม้ อันที่จริงตั้งใจจะฝากแค่กับข้าว แต่เห็น ‘รถคันนี้สีชมพู’ แล้วรำคาญลูกตา

          ศิษย์วัดท่าไม้แบบบีเอ็มพี่ดีกว่า คันนี้ศิษย์พี่ คันเอิ้งศิษย์น้อง...เป็นดีลที่ ‘ดือ’

          พอคิดเองดีลเองเสร็จสรรพก็ดับเครื่องยนต์ ขายาวเหยียดข้างหนึ่งก้าวนำออกไปก่อน ไม่นานอินทะก็ออกมาอยู่ด้านนอกรถ ยืนกวาดสายตามองสำรวจไปรอบตัว

          ป้าย ปิดปรับปรุง ไม่มีกำหนด ขนาดใหญ่เขียนด้วยลายมือง่ายๆ ติดไว้ด้านหน้า อินทะเห็นมันมาตั้งแต่ก่อนเลี้ยวรถเข้ามายังที่จอดรถ ส่วนป้ายชื่อร้าน The Crowd Bar จากในภาพถ่ายที่อคราเคยให้ดูหายไป แต่คนความจำดีก็พอจะบอกได้ ว่าตรงไหนคือบ้านของอครา

          อยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่จอดรถ ประตูปิดสนิท...

          เอ่อ...ที่จริงไม่สนิท

          ลงมือลองผลักเบาๆ ก็พบว่าประตูบานสวิงหน้าบ้านไม่ได้ล็อก อินทะเลยแง้มออกแล้วเดินเข้าไปอย่างถือวิสาสะ สถานที่ตรงหน้าดูต่างจากที่เห็นในภาพถ่ายมาก ตอนกลางคืนดูคึกคัก ส่วนเวลากลางวันเก้าอี้กับโต๊ะหลายตัวถูกดันเก็บไว้ในที่ร่มนอกตัวบ้าน น่าจะเป็นส่วนที่เตรียมไว้ใช้สำหรับโซน Out door พอเดินต่อก็พบโซน In door ที่ถูกจัดตกแต่งอยู่ภายในบ้านอิฐสไตล์คลาสสิคสามชั้น ชั้นล่างกรุกระจกรอบด้าน ประตูเปิดกว้าง มีเวทีวางเครื่องเสียงและเครื่องดนตรี

          มีส่วนที่เป็นบาร์และห้องครัว มีโต๊ะและเก้าอี้ทรงสูงวางอยู่ประปราย โต๊ะด้านในไม่มาก เดาว่าร้านน่าจะเน้นบริการในโซนด้านนอกมากกว่า

          อินทะเหลือบมองตู้แช่เครื่องดื่ม ก่อนละสายตามองกระป๋องเบียร์สามสี่กระป๋องที่ถูกวางทิ้งอยู่หลังเคาน์เตอร์คิดเงินที่อยู่ติดกันกับตู้แช่

          บางกระป๋องยังมีหยดน้ำเกาะให้เห็น แม้เพียงเล็กน้อยก็พอให้คาดเดาได้ว่าอคราเพิ่งเปิดดื่มไป

          เจ้าตัวอยู่บ้าน...อยู่แน่!

          พอคิดว่าห้องส่วนตัวของเจ้าของร้านน่าจะอยู่ชั้นบนก็ไม่รีรอที่จะออกเดินอีกครั้ง อินทะพาตัวเองขึ้นไปยังบันไดคับแคบ แล้วพบว่าร้านของอคราค่อนข้างใหญ่ ที่ชั้นสองมีโต๊ะสนุ้กคูลๆ ให้เล่นด้วย

          เพราะฉะนั้นเจ้าตัวน่าจะอยู่ชั้นสามซึ่งเป็นชั้นสุดท้าย...และเป็นจริงดังคาด เพราะเขาเจอประตูที่ห้อยป้ายใส่กรอบคิตตี้ว่า

          ‘ห้องคุณเอิ้ง ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต’

          เอาล่ะ อารามบอยผู้มีอารยะ...ยืนสงบนิ่งแล้วเคาะประตู

          ก๊อก ก๊อก ก๊อก

          “อินกเหรอ...เข้ามาเลย”

          “...” เสียงอู้อี้เพราะน่าจะเพิ่งตื่นตอบกลับมา นกคือใคร นกสินจัยปะวะ

          “นอนอยู่กูไม่ลุกนะ ใครวะ เข้ามาดิ!” พออินทะเงียบนิ่งไม่ได้ขานตอบ คุณเอิ้งเจ้าของห้องก็ออกอาการโวยวาย

          “จะชกกูแล้วมั้ง...” งึมงำกับตัวเองอีกครั้ง แล้วบิดลูกบิดประตู “กูเอง”

          “เฮีย?...อ่อ...เฮีย เฮียนั่นเอง เออใช่เฮียบอกว่าจะมาวันอาทิตย์ ขอโทษครับ นึกว่าเด็กในร้าน” โผล่หน้าออกจากผ้าห่มที่ปลายเตียง ตาอคราลืมแทบไม่ขึ้น ผมชี้กระดกไปคนละทาง...แขนข้างที่มีรอยสักควานหาโทรศัพท์ ตบปุ๊ๆ ไปบนที่นอนนุ่ม พอหาไม่เจอก็มองหน้าอินทะ สมองประมวลผลนึกย้อนไปสองสามวัน ก่อนจะจำได้ว่ามีนัดหมายกับอารามบอย “วันนี้วันอาทิตย์นี่เนอะ กี่โมงแล้ววะเฮีย มือถือน้องไปไหนไม่รู้”

          “บ่ายครึ่ง” กวาดตามองรอบห้องแล้วหาที่วางของ ห้องนอนของอคราเป็นห้องนอนธรรมดา ไม่รกค่อนข้างสะอาด มีเตียง มีตู้เสื้อผ้า มีห้องน้ำ มีโต๊ะทำงาน แล้วก็ชั้นวางของอีกนิดหน่อย 

          แต่เตียงที่มีหมอนหลายใบกับผ้านวมนุ่มๆ น่านอนมาก อินทะอยากทิ้งตัว แต่ตัวโตๆ ของอครากินพื้นที่จนไม่รู้จะทิ้งตัวลงนอนตรงไหน

          นอกจาก...นอนทับกัน

          “เพิ่งบ่ายครึ่ง...ปกติกูตื่นบ่ายสาม” บ่นออกมาพร้อมขยี้ตา แอร์เย็นฉ่ำทำให้ยังไม่อยากลุกออกจากผ้าห่ม

          “ขอโทษแล้วกันที่มาปลุก สัญญาเรื่องร้านของกูล่ะ”

          “ใจเย็นดิ น้องเพิ่งกลับมาถึงเมื่อคืน...ขอเวลาน้องหน่อย”

          “แปลว่าไม่มีสัญญาใช่มั้ย”

          “...ทำไมต้องทำเสียงโหด”

          “ใช่ กูโหด...ไม่มีสัญญาก็เอาตัวมาขัดดอก!” พูดจบก็ทิ้งตัวลงนอนทับอคราในผ้าห่ม อินทะคิดว่าอีกฝ่ายจะดิ้นหนีหรือผลักเขาออก แต่เปล่าเลย อครามุดหน้ากับเตียง แล้วอยู่นิ่งๆ “เอิ้ง...มึงหลับต่อเหรอ”

          “เปล่า กูกำลังซึมซับผลบุญจากเนื้อตัวคนที่ไปทอดกฐินมาอยู่...”

          “เออเอาบุญมาฝาก...กูไปมาตั้งหลายวัน บุญเยอะอยู่มั้ง...แต่วัดอยู่ไกลมาก มือถือแม่งไม่มีสัญญาณเลยไม่ได้ติดต่อมึงเลย แต่ที่บอกไป จริงจังจริงใจทั้งหมดนะ”

          “จริงจังเท่าไหนไม่สำคัญ กูอยากรู้ว่าการทอดกฐินนั้นสำคัญไฉน”

          “สำคัญเพราะแม่กูเป็นเจ้าภาพ มึงรู้มั้ยการทอดกฐินเนี่ยเป็นบุญพิเศษทำได้แค่ปีละครั้ง กำหนดหนึ่งเดือนตามพุทธบัญญัติ อานิสงส์มาก...”

          “กูได้กลิ่นของกิน...รู้สึกหิว” ลุกพรวดขึ้นนั่งเพราะทนฟังวิชาพระพุทธศาสนาจากปากอินทะไม่ได้ คนตัวโตที่นอนทับหลังเขาอยู่เลยกลิ้งลงไปนอนข้างๆ ผ้าห่มหลุดออก อินทะเลยรู้ว่าอคราไม่ได้ใส่เสื้อนอน...ร่องรอยทำรักจากเมื่อสองสามวันก่อนเลยออกมาโชว์ตัวให้คนทำเห็น “เฮียมีอะไรมาให้กินสักหน่อยมั้ย”

          “มี...แต่มึงนอนไม่ใส่เสื้อ ประตูบ้านไม่ล็อก ห้องก็ไม่ล็อก...นี่ตั้งใจอ่อยกูปะ”

          “ถ้าอ่อย อินกมันเป็นผัวน้องไปละ”

          “ใครคือ...อินก?” ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย แล้วค่อยๆ กระดึ๊บไปนอนที่ตักของอครา มันเกาพุงแกรกๆ ข้างหู โชว์กล้ามหน้าท้องเป็นลอนให้เห็น

          “เพื่อนน้องเอง...หิวอะ”

          “นี่หิวจริงๆ ใช่มั้ย”

          “เออดิ ได้กลิ่นกับข้าวชัดมาก เฮียหิ้วอะไรเข้ามา ญาณทิพย์ของน้องสัมผัสได้ว่ามันเป็นมื้อเช้าของน้องกู”

          “บะหมี่หมูแดง ไปกินข้าวกับที่บ้านก่อนมาหามึง เลยซื้อติดมือมาเผื่อ”

          “ไม่น่า...แต่งตัวดีเชียว” กวาดตามองคนที่นอนหลับตาบนตัก

          อิเวง เป็นอะไรกับกูวะ มานอนตักเนี่ย...

          แต่ไม่เป็นไร เขาจะยอมไม่ถือสาก็ได้ เพราะวันนี้อารามบอยหล่อมากจริงๆ ผมถูกเซตจนเผยให้เห็นกรอบหน้าชัด จมูกโด่งเป็นสันยังเตะตา ปากอวบอิ่มน่าจูจุ๊บ สวมเสื้อตัวในสีขาว ทับด้วยสูทที่ดูไม่เป็นทางมากสีชมพูพาสเทล กางเกงสีเดียวกัน...เสื้อสีขาวตัวในสอดทับในกางเกง ดูคุณหนูสุดๆ

          เข้ากั๊นเข้ากันกับรองเท้าหนังสีขาวสะอาดสะอ้าน...

          “เฮีย...”

          “ขอนอนตรงนี้สามนาที...สบายจัง”

          “ทำไมเฮียไม่ถอดรองเท้าก่อนเข้าห้องน้อง”

          “...”

          “ใส่ขึ้นมานอนบนเตียงด้วย ลงไปจากเตียงเดี๋ยวนี้เลย!!!”

          ...โครม! 

          “เอิ้ง! มึงกล้าผลักกูตกเตียงเหรอ!”

          “ก็เฮียไม่ถอดรองเท้าอะ” พออินทะขึ้นเสียงอคราก็ขดขาขึ้นมากอดบนเตียงกว้าง มองหน้าตาแกล้งๆ โกรธจัดของอินทะที่ลุกขึ้นมาตั้งหลักเรียบร้อย เขาแอคติ้งว่ากลัวอีกนิดหน่อย... “ทำไมต้องขึ้นเสียง ทำไมต้องทำหน้าดุ...จะทำอะไรน้อง!? กลัวน้า~”

          “เย็ดมึง!” ตอบด้วยน้ำเสียงดุดัน คิ้วขมวดจนหัวคิ้วสองข้างชิดติด อินทะไม่รู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกมา พอได้สติก็ชะงัก แล้วกลบเกลื่อนด้วยการทำหน้านิ่งๆ “กูพูดเล่น”

          “...”

          “...”

          “...น้องกูรับไม่ได้ อย่านะ อย่านะ...อย่าเข้ามา เอิ้งกลัวแล้ว เอิ้งยอมแล้ว...เมตตาเอิ้งด้วย”

          ท่าทางบนเตียงคือเชิญชวนอย่างขัดขืน...อาจเป็นซิงเกิ้ลใหม่ของ Getsunova อคราดึงผ้าห่มคลุมร่างกาย ดีดดิ้น ทว่าแววตาล้อเลียนอารามบอยเต็มที่

          พอจะเดาออกว่าเฮียแกหลุดเก๊ก ปางบาปออกมาแล้วแม่มึง

          ขำเฮียว่ะ...หัวเราะ

          อินทะถอนหายใจ ก่อนเอ่ยถามเปลี่ยนเรื่องด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “กูถอดรองเท้าตรงไหนได้บ้าง”

          “เปลี่ยนเรื่องเก่ง...ถอดข้างนอกห้องไง มีชั้นวางรองเท้า”

          “โอเค”

          “บะหมี่นี่กูแกะกินได้เลยใช่ปะ”

          “อืม...มีร้านน้ำชงขายอยู่หน้าบ้าน กูคอแห้งนิดหน่อย...อยากกินน้ำหวาน เอาอะไรมั้ย”
           “เอาชามะนาวค่ะ ลุงทำนานนะเตือนไว้ก่อน”

          “ได้ เดี๋ยวขึ้นมา”

          “เฮีย” 

          “ว่า...”

          “เมื่อกี้จะพูดว่าเย็บใช่ปะ ไม่ได้ตั้งใจจะพูดว่าเย็ดถูกมะ”

          ไม่มีเสียงตอบรับจากการเย้าแหย่ อินทะเปิดประตูออกไปแล้วงับปิดมันเสียงเบา หลังจากนั้นไลน์ของอคราก็เข้า เขาควานหาโทรศัพท์บนเตียงจนเจอ ก็พบว่าส่งตรงมาจากแอมอินที่ยืนกดส่งข้อความอยู่หน้าประตู

          ‘...yed แหละ กูไม่ได้พูดผิด’

          “คนบาป!” ตะโกนออกไปนอกห้อง แล้วต้องทำหน้าตาเลิ่กลั่กเมื่ออินทะตะโกนตอบกลับมา

          “ก็ผัวมึง!”

 

          จนกระทั่งอคราลุกขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย อินทะก็ยังไม่กลับขึ้นมา เขาไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะร้านน้ำชงที่อีกฝ่ายบอกว่าจะลงไปซื้อคนชงเป็นคุณลุงคนหนึ่ง แล้วลุงแม่งชงนานชนิดที่ว่าสั่งชาตินี้ได้แดกอีกทีชาติหน้า...

          อคราเช็ดผมที่เปียกชื้นอย่างลวกๆ กดปิดแอร์แล้วลากพัดลมกลางเก่ากลางใหม่มาเปิดไล่ร้อน เขาเปิดม่านและกระจกบานเลื่อนรับอากาศระอุอุ่นในยามบ่าย ก่อนจะเดินมาหิ้วถุงบะหมี่หมูแดงกลับไปนั่งกินที่พื้นติดระเบียง

          ลงมือแกะกินพร้อมมองไปยังลานจอดรถที่เป็นวิวด้านหน้า สังเกตว่าบีเอ็มหรูหราจอดอยู่ข้างรถเขา แน่นอนว่าเป็นรถของอินทะ ตอนนี้อารามบอยนั่งรอน้ำชงด้วยท่าทางเหมือนจะหลับ มือเท้าคางหลับตาอยู่นิ่งๆ

          เขาเลยลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปได้ไม่กี่คำ กดส่งข้อความพร้อมมองอินทะที่นั่งบนเก้าอี้พลาสติกลืมตาล้วงมือถือออกมาดู

 

The Crowd Bar : มองหนูที่ข้างบนหน่อยค่ะ

          

หน้านิ่งๆ เงยขึ้นมาสบตา อคราโบกตะเกียบในมือทักทาย แต่อินทะหันกลับไปรับเครื่องดื่มสองแก้วโดยไม่สนใจ

          อ้าว...

          “เฮีย!!!” ตะโกนเรียกจากชั้นสามแม่งเลย กล้าเมินกูได้ไง

          “อะไร!”

          “รีบขึ้นมา จะออกไปข้างนอก”

          อินทะไม่ได้ตอบ คนตัวสูงในชุดสีพาสเทลแค่ยัดกระเป๋าเงินลงในกระเป๋ากางเกงลวกๆ จากนั้นก็ย่ำเท้ากลับเข้ามาในตัวบ้าน อครามองตาม พอไม่เห็นตัวแล้วก็ก้มลงกินบะหมี่ในกล่องต่อ...จนหมดลงในเวลาอันรวดเร็ว

          หมด ก่อนที่อินทะจะเปิดประตูกลับเข้ามาในห้องเสียอีก

          “จะออกไปไหน”
           “ห้าง...เดี๋ยวน้องเอาสัญญาให้เฮียดูก่อน มันมีของเก่าอยู่...อยากปรับแก้ตรงไหนก็มาคุยกัน” ลุกขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงานเพื่อเปิดคอมพ์ แล้วก็ต้องเหลือบมองคนที่ลากเก้าอี้มานั่งซ้อนด้านหลังพร้อมวางแก้วเครื่องดื่มให้ใกล้ๆ ตัว

          อินทะเท้าแขนลงบนขอบเก้าอี้ตัวที่อครานั่ง ใบหน้าอยู่ห่างกันแค่คืบ

          “ไปทำอะไรที่ห้าง”

          “ซื้อของกินมาตุน ช่วงปิดร้านกูกะนอนดูหนังไม่ออกไปไหน เฮียเอาสัญญากลับไปดูที่บ้านก็ได้”

          “ดูที่นี่แหละ กูไม่รีบ ไม่มีนัดต่อที่ไหนแล้ว”

          “ได้ เอาบุหรี่ปะ” เอี้ยวหน้ามาถาม ไม่ได้ขัดเขินกับความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น แต่จังหวะการหายใจทำให้ได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ออกจากตัวอินทะ 

          อคราเปิดลิ้นชักหยิบซองบุหรี่ออกมาโยนบนโต๊ะ แล้วหันกลับมาเลื่อนหาไฟล์สัญญาต่อ

          “ไม่เอา ไม่อยาก”

          “เฮีย...” ควันบุหรี่พวยพุ่งออกจากปากหยัก อคราหมุนเก้าอี้มาทางอินทะ จ้องสบตาอย่างจริงจังจนคนถูกจ้องรู้สึกแปลกๆ ใจเต้นตึกๆ จนได้ยิน

          อินทะเลยเขยิบเก้าอี้เข้าใกล้อีกนิด... “ว่า?”

          “ถามได้มั้ยว่าเราอยู่ในสถานะไหนกันวะ”

          “มึงอยากให้กูอยู่สถานะไหนก็สถานะนั้นแหละ”

          “คือ...กูยังไม่พร้อมเริ่มใหม่กับใคร รอได้มั้ย” พอเจอไฟล์ที่ค้นหาก็กดสั่งปริ๊นต์ ระหว่างรอเอกสารก็เอาแต่มองหน้าอินทะ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาอ่อนโยน

          “ก็ไม่ได้รีบร้อนนี่ ลองคุยกันไปก่อนก็ได้”

          “จะไม่หลอกกูใช่ปะ”

          “ก็...ลองดู”

          “งั้นเรียกสถานะคนคุย”

          “อืม” อคราว่าไงอินทะก็ว่าตาม

          “ไม่เอาๆ เอาสถานะแบบเซเว่นดีกว่า”

          “อะไรของมึง” ขยี้ผมที่ยังชื้นอยู่นิดๆ เล่น ยกยิ้มกับท่าทางสับสนของอครา

          “ก็แบบเฮียหิวเมื่อไหร่ก็แวะมาไง...”

          “มาเอากันอะเหรอ”

          “เออ อิเวง พูดซะตรงเชียว...”

          “กูหิวบ่อยนะ”

          “ได้ๆ กูเปิดรอยี่สิบสี่ชั่วโมง” พูดเองแล้วก็ขำ อคราดึงกระดาษเอสี่ออกจากเครื่องปริ๊นต์แล้วส่งให้อินทะ คนในชุดหล่อกวาดตาอ่าน จากนั้นก็วางเอกสารลงที่ตัก

          “มีอะไรจะถาม บ้านหลังนี้มึงเช่าเขาใช่มั้ย”

          “ใช่...”

          “กูอยากได้บ้าน เจ้าของเขาขายมั้ย”

          “...” อคราชะงัก เหลือบหางตากลับมามอง บ้านหลังนี้เขาเช่าทำร้านมาหลายปี เคยคิดว่าจะซื้อขึ้นไว้เหมือนกัน แต่แผนพังลงก่อน เพราะเงินโดนเชิดไป

          “น้องเอิ้ง...ตกลงเจ้าของบ้านเขาขายมั้ย”

          “ขาย เขาอยากขายจะตาย ที่เปล่าที่ติดกันเขาก็ขายเพราะจะย้ายไปอยู่เมืองนอกถาวร กูทำเรื่องซื้อขายกับเขาเมื่อหลายเดือนก่อน ที่บอกว่าจะขยายร้านอะ...แต่ว่าตอนนี้ไม่มีตังค์แล้ว เดี๋ยวค่อยไปคุยกับเจ้าของเขาอีกที ว่าจะคืนที่ข้างๆ เช่าแค่บ้านตรงนี้กับที่จอดรถเหมือนเดิม”

          “ขยายไปตามเดิมแหละ กูได้เงินเพิ่มมาอีกแล้ว”

          “...”

          “พี่ชายกูมันอยากได้คอนโดฯที่กูซื้อไว้ ว่าจะขายทิ้งอยู่พอดี ตอนแรกตั้งใจว่าจะใช้เป็นเรือนหอ แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้ใช้แล้ว ให้ไปอยู่ก็แสลงใจ”

          “ถ้าเฮียซื้อบ้าน...แล้วกูจะไปอยู่ไหนอะ”

          “ก็อยู่ที่นี่แหละ กูทำร้านไม่เป็น...ให้มึงดูแลแล้วกัน ส่วนกูคอยใช้เงินแก้ปัญหาอย่างเดียว” พูดติดตลก อคราอัดบุหรี่เข้าปอดหนักๆ

          “เดี๋ยวไปคุยกับเจ้าของให้ แต่ถ้าบ้านเป็นชื่อเฮีย งั้นเราก็ต้องแก้สัญญากันใหม่หมด”

          “กูมีเพื่อนจบกฎหมาย เดี๋ยวจ้างมันร่างสัญญา”

          “ชอบใช้เงินแก้ปัญหาจริงๆ ด้วย” อคราเริ่มยิ้มออกเมื่อเห็นอินทะยักไหล่ เขาพยายามผ่อนคลาย

          เอาไงก็เอากันวะ มันคงไม่แย่ไปกว่าที่เป็นอยู่ 

          “อยากไปสวนจตุจักร ไปเป็นเพื่อนหน่อย แล้วค่อยไปห้างซื้อของของมึง”

          “เฮียจะไปชุดนี้?”

          “เดี๋ยวแวะบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” อินทะมองเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วพบว่ามันไม่เหมาะกับการเดินเล่นที่สวนจตุจักรเลยจริงๆ

          “บ้านอยู่ไหนล่ะ ไกลมะ?”

          “นนทบุรีค่ะ”

          “งั้นเอาเสื้อน้องไปใส่ก็ได้ บ้านน้องใกล้สวนจตุจักรกว่า น่าจะใส่ด้วยกันได้แหละ” กะจากขนาดตัวก็คิดว่าใส่เสื้อผ้าด้วยกันได้ อคราย่นคิ้วให้สีชมพูพาสเทลก่อนลุกขึ้นเดินไปทางตู้เสื้อผ้า “วันนี้สีมงคลสีชมพูน้องกูจำได้...น่าจะมีเสื้อสีชมพูอยู่นะ กางเกงสีดำละกัน สีดำวันนี้ไม่เป็นกาลกิณี”

          อินทะพยักหน้าลงหงึกๆ มองแผ่นหลังคนที่ใส่เสื้อยืดคอกลมสีดำกับกางเกงขาสามส่วนสีครีม เขาชอบอครา   นึกถูกใจรอยยิ้มกว้างกับลักษณะการพูดการจาตั้งแต่ครั้งแรกที่คุยกัน ยิ่งรู้จักยิ่งชอบ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน

          ชอบ...มีเสน่ห์ดี

           “สีอะไรก็ได้ กางเกงในกูใส่สีมงคลมาละ”

          “...สีชมพูอะนะ”

          “อื้อ” ยืนยันความมงคลด้วยการถอดเสื้อผ้าชุดเก่าออกจากตัวจนเหลือแต่กางเกงใน อินทะยกยิ้มให้อคราที่ส่งเสื้อผ้ามาให้ ตาคมของเอิ้งเอิ้งจดจ้องอยู่ที่เป้ากางเกงก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตา

          เขายกนิ้วโป้งยอดเยี่ยมให้อารามบอยหนึ่งครั้ง ขยิบตาเดาะลิ้นจนเกิดเสียง

          “เฮียกูแม่งเฮียกูจริงๆ รอข้างล่างนะ ห้องไม่ต้องล็อก” ว่าจบก็หมุนตัวหันหลัง ตัดใจจากแปดนิ้วในกางเกงในสีมงคล รวบข้าวของที่จำเป็นอีกนิดหน่อย จากนั้นก็เดินออกไปนอกห้องโดยไม่มองที่อินทะอีก

          บาปบริสุทธิ์ มันเป็นแบบนี้นี่เอง...

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น