‘นางในฝัน’
คำนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวหนุ่มอเมริกันเชื้อสายยิว เพราะเพื่อนรักฝากทิ้งไว้ให้คิดเมื่อคืนนี้เอง
ตอนนี้เขานึกขอบคุณดาหวันที่มาหาเมื่อคืน เพื่อช่วยให้เขาแน่ใจว่าความสวยกับเซ็กซ์ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายสำหรับชีวิต
จัสตินเดินทางไปร่วมประชุมที่บริษัทในช่วงเช้า เขาเพิ่งเริ่มต้นลงทุนธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์โดยเข้าถือหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ในบริษัทขนาดใหญ่มูลค่าหลายพันล้าน เป็นธุรกิจสร้างและจำหน่ายคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ โดยเขาเป็นผู้บริหารที่อายุน้อยที่สุดในห้องประชุมวันนี้
หลังออกจากห้องประชุมก่อนเที่ยงวันเพียงไม่กี่นาที ชายหนุ่มไม่แวะไปที่ห้องทำงาน เพราะไม่มีงานต้องทำนอกจากประชุมและอ่านรายงานสรุปต่างๆ เท่านั้น จัสตินคุ้นเคยกับการทำงานที่ใช้เวลาไม่มากในแต่ละวันแต่ทำเงินได้มหาศาลอย่างเช่นการเล่นหุ้น หรือการลงทุนโดยให้เงินทำงานและดอกผลงอกเงยเอง
เขาแตะหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ตั้งใจจะโทร. หารอนเพื่อคุยเรื่องเมื่อคืนต่อ แต่คิดได้ว่าเพื่อนน่าจะอยู่ที่ทำงาน รอนเป็นทายาทเจ้าของธุรกิจในเครือโรงแรมชื่อดังและปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้บริหารด้านการตลาด จึงอาจไม่ว่างพอจะรับฟังเรื่องของใครได้ตลอดเวลา แม้จะสนิทสนมกันมานานแต่จัสตินก็มีมารยาทและรู้กาลเทศะ ยิ่งสนิทก็ยิ่งต้องเกรงใจกันถึงจะคบกันได้นาน
เขาจึงตัดสินใจโทร. หานาตาลี คนรักเก่าที่เลิกรากันไปได้สักระยะ ซึ่งในระยะเกือบห้าเดือนมานี้แทบไม่เคยติดต่อกันเพราะเขาคบหาติดพันอยู่กับดาหวันจนแทบไม่ได้นึกถึงใคร แต่ตอนนี้รสรักระหว่างตนเองกับสาวร้อนอย่างดาหวันดูเหมือนจะจืดชืดลงไปมากกว่าครึ่ง กระทั่งจัสตินเริ่มรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าสนใจอีกต่อไป
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนาตาลีไม่เหมือนที่มีต่อดาหวัน อาจเป็นเพราะฝ่ายแรกมีความเป็นตะวันตกคล้ายๆ กันจึงทำให้คุยกันเข้าใจง่ายกว่า ต่างจากดาหวันที่คบหากันเพราะถูกใจกันเรื่องเซ็กซ์เท่านั้น พอรสรักที่ปรนเปรอให้กันเริ่มจาง ความผูกพันอื่นก็แทบไม่มีเหลือ แล้วที่เขาต้องห่างจากนาตาลีจนกระทั่งดาหวันแทรกเข้ามานั้นก็เป็นเพราะเธอรับงานมากขึ้นในฐานะพิธีกรและนักแสดง แม้ไม่ใช่ระดับนางเอกแถวหน้า แต่นาตาลีก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนในประเทศนี้
“จัสติน!” หญิงสาวเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงสดใสเจือความประหลาดใจ
“งานยังยุ่งอยู่ไหมครับ” เขาถามเรื่องนี้ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะไม่อยากรบกวนคนที่กำลังวุ่นวายเรื่องธุรกิจการงาน แม้ช่วงที่คบหากันนาตาลีก็ไม่เคยว่างเว้นจากการทำมาหากิน ทั้งที่เขาพร้อมจะให้เธอได้ทุกอย่างโดยไม่ต้องร้องขอ แต่หญิงสาวก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่าอยากเป็นตัวของตัวเอง
“นิดหน่อยค่ะ แล้วคุณล่ะ”
“ผมก็เรื่อยๆ แต่ชีวิตส่วนตัวไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่” เขาบอกไปตามจริงที่รู้สึกอยู่ในตอนนี้
“ถ้าคนอย่าง จัสติน บราวน์ ไม่โอเค แล้วใครจะโอเคกันล่ะนี่ เอ...อย่าบอกนะคะว่าอกหัก ไม่เชื่อเด็ดขาด” หญิงสาวคนสวยเอ่ยขำๆ
“คุณว่างรึเปล่านาตาลี คือ...ผมมีเรื่องอยากปรึกษา”
“โอ้ว...จริงหรือคะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าลีจะได้รับเกียรติเป็นที่ปรึกษาชีวิตให้คนระดับมิสเตอร์บราวน์” สาวลูกครึ่งว่าแล้วหัวเราะคิก เพราะไม่เชื่อว่าเขาจะอยากปรึกษาเรื่องอะไรกับเธอจริงจังนัก นอกจากเหงาและอยากได้สาวสวยสักคนไปแก้เหงาชั่วครั้งชั่วคราวตามประสาหนุ่มเศรษฐีที่อยู่คนเดียวไม่ได้
“ผมกำลังมีปัญหาจริงๆ ครับ” จัสตินย้ำอีกหน
“ก็ได้ค่ะ ช่วงนี้งานอีเวนต์ของลีน้อยลงแล้ว เจอกันที่ไหนดี”
“ตอนนี้คุณอยู่ไหน”
“อยู่ที่คอนโดค่ะ วันนี้ลีไม่มีงาน”
“แล้วไม่ออกไปไหนหรือครับ”
“ทีแรกตั้งใจจะพักผ่อนค่ะ เพราะปกติมีงานต้องออกจากบ้านเกือบทุกวัน”
“งั้นผมไปหา คุณจะได้ไม่ต้องเหนื่อยออกไปไหน”
“ก็ได้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ แล้วพบกัน”
เขาวางสายแล้วรีบบึ่งรถไปที่ห้องชุดราคาแพงของพิธีกรสาวชื่อดังทันที โดยไม่เข้าใจว่าทำไมตนจึงนึกถึงหญิงสาวคนนี้ขึ้นมา จัสตินค่อนข้างมั่นใจว่านาตาลีไม่ใช่ผู้หญิงในฝันของเขา เธอมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ถูกใจแต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด แต่เหตุใดวันนี้เขาจึงนึกถึงเธอ หรือเป็นเพราะว่าตอนนี้ไม่มีใคร
นี่เขาโหยหาความรักขนาดนั้นเชียวหรือ ถึงขนาดต้องมีคนอยู่ใกล้ๆ ทุกวันและทุกเวลา
แล้วชายหนุ่มก็ได้คำตอบอย่างรวดเร็วว่าไม่ใช่อีกนั่นแหละ บางครั้งเขาเคยอยู่ตามลำพังนานหลายวันและรู้สึกปลอดโปร่งเสียด้วยซ้ำ นั่นเป็นข้อพิสูจน์มานานแล้วว่าเขาไม่ได้เสพติดเซ็กซ์และไม่ใช่คนขาดรักไม่ได้!
จัสตินมาถึงห้องชุดของนาตาลีภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง เธอจัดเตรียมอาหารกลางวันไว้รอต้อนรับตามสมควร เขาจึงบอกว่าเย็นนี้จะพาออกไปดินเนอร์เป็นการตอบแทน
“มีอะไรกลุ้มใจคะ เห็นบอกว่ามีเรื่องอยากปรึกษาลี” หญิงสาวเอ่ยถามหลังจากรับประทานมื้อกลางวันกันเรียบร้อยแล้วเดินออกมานั่งคุยต่อในห้องโถงรับแขกซึ่งตกแต่งอย่างทันสมัย
“ผมกำลังตามหานางในฝัน”
นาตาลีกำลังจิบน้ำส้มคั้นเย็นๆ จึงแทบสำลักด้วยความคาดไม่ถึงว่านั่นคือคำตอบของชายหนุ่มผู้แสนร่ำรวยและเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น
“อะไรกันคะจัสติน” หญิงสาวถามหลังจากกระแอมไอไปหลายที
“ผมไม่ได้พูดเล่นนะ”
“แหม...คนอย่างคุณนี่ต้องตามหาสาวในฝันอีกเหรอ แล้วไอ้ที่เจอๆ มานั่นยังไม่หนำใจอีกรึไงคะ” นาตาลีอดประชดไม่ได้ที่เขามีหน้ามาพูดจาราวกับเป็นหนุ่มน้อยเพิ่งย่างเข้าสู่วัยรุ่นและไม่ประสีประสา
“ที่ผ่านมาทั้งหมดคือความผิดพลาดในชีวิต”
“ตายแล้ว นี่คุณว่าลีด้วยใช่ไหมที่เป็นหนึ่งในความผิดพลาดของคุณ” หญิงสาววางแก้วน้ำส้มแล้วถลึงตาใส่หนุ่มหล่อทันที
“ไม่ นาตาลี เราเป็นเพื่อนกันได้ ผมถึงได้มาหาคุณไง” เขาบอกอย่างคนที่ยังสับสนในตัวเอง
“ขอบคุณนะคะที่จัดลีไว้เป็นเพื่อน” หญิงสาวยิ้มรับ เพราะไม่ได้คาดหวังสิ่งใดจากชายหนุ่มคนนี้อีกแล้วนับตั้งแต่เขาไปมีคนอื่นเพื่อแสวงหาคนที่ใช่ในชีวิต แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังหาไม่เจอจนถึงตอนนี้
ดาหวันไม่น่าใช่คนที่ผู้ชายอย่าง จัสติน บราวน์ ปรารถนา แม้ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับหญิงสาวคนนั้น แต่เท่าที่เคยพบเห็นเพียงไม่กี่ครั้งก็พอมองออกว่าดาหวันต้องการอะไรจากจัสติน ซึ่งไม่น่าใช่ความรักแน่ๆ แล้วผู้ชายที่ฉลาดเป็นกรดอย่างเขาหรือจะดูไม่ออก นาตาลีจึงเดาว่าตอนนี้ความรักของทั้งคู่อาจไม่หวานเท่าที่ควรเสียแล้ว
“แสดงว่าลีเองก็ไม่ใช่คนในฝันของคุณ” สาวลูกครึ่งถามเขาทีเล่นทีจริง ในเมื่อเขาเลือกมาหาเธอในวันนี้พร้อมกับการตามหานางในฝัน
“นาตาลี ผม...เอ่อ...ไม่ได้ต้องการให้คุณรู้สึกแย่นะ” จัสตินเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจว่ามาหาถูกคนหรือไม่
“ลีไม่รู้สึกอะไรแล้วค่ะ อย่าลืมนะว่าคุณหายไปตั้งกี่เดือน” หญิงสาวอดตัดพ้อไม่ได้ที่เขาเล่นหายไปแล้วปล่อยให้เธอมารู้ทีหลังว่าเขาไปมีคนใหม่ แถมยังเป็นสาวไทยทรงร้อนอย่างดาหวันอีกด้วย
แม้ดาหวันไม่ใช่คนในวงการบันเทิง แต่ขยันทำตัวเป็นสาวฮอตโดยการเข้าสังคมชั้นสูงอยู่เป็นประจำพร้อมด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับราคาแพง รวมไปถึงรถยนต์หรูที่เปลี่ยนบ่อยได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งที่พื้นเพเดิมของดาหวันมาจากครอบครัวฐานะปานกลางเท่านั้น
“ผมขอโทษ ที่จริงผมไม่น่ามาหาคุณอีก” เขาเริ่มสำนึกได้ว่าอาจทำร้ายจิตใจหญิงสาวเกินไป
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ที่ผ่านมาหลายเดือนลีก็ไม่ได้นั่งรอคุณนะคะ” นาตาลีว่ายิ้มๆ เพื่อปรับอารมณ์และบรรยากาศในการสนทนา
“แล้วคุณเป็นไงบ้าง”
“อืม...อยู่ในช่วงดูใจค่ะ ยังไม่มีอะไร”
“หมายถึง...” เขาเลิกคิ้วนิดๆ ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเข้าใจมาตลอดหลายเดือนที่ห่างกันไปว่าเธอกำลัง ‘งานเข้า’
“ค่ะ ลีกำลังดูใจกับคนอิตาลีน่ะ”
“เขาคงไม่ว่าใช่ไหมที่ผมมาหาคุณอีก”
“ไม่หรอกค่ะ เรายังไม่ได้ตกลงอะไรกัน แค่เริ่มต้นคุยกันมาได้สักเดือนเท่านั้นเอง ลีเองก็ยังไม่แน่ใจค่ะ แล้วตอนนี้เขาก็กลับไปดูแลธุรกิจทางโน้น”
“ผมดีใจด้วยนะที่คุณกำลังเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน”
“ขอบคุณค่ะ แต่คุณก็รู้ว่าลีไม่ซีเรียสเรื่องพวกนี้มากนัก ถ้าเจอเมื่อไหร่ก็คงใช่”
“นั่นสินะ คุณกำลังจะบอกว่าผมเครียดเกินไปใช่ไหม”
“ลีไม่ได้คิดแบบนั้นเลยค่ะ ดีใจด้วยซ้ำที่คุณคิดจะจริงจังกับความรักขึ้นมา มันอาจถึงเวลาแล้วก็ได้นะคะ ถ้าคุณอยากเจอคนที่ใช่จริงๆ แสดงว่าคุณคิดอยากลงหลักปักฐานกับใครแล้วละ” นาตาลีออกความเห็น และยิ้มให้กำลังใจคนที่เคยหวานชื่นกันอยู่ช่วงหนึ่ง เพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น
จัสตินทำให้เธอติดใจได้ไม่ยาก แต่กลับลืมเขาไม่ได้ง่ายๆ แต่สุดท้ายคนที่มีสมองอย่างนาตาลีก็ต้องตัดใจเพื่อมองหาคนใหม่ที่อาจเป็นเรื่องง่ายกว่า
“แล้วเรื่องที่จะปรึกษาลีคือเรื่องนี้หรือคะ”
“มีอีกเรื่องครับ”
“แหม...เรื่องเยอะจังเลย เมื่อก่อนไม่เห็นคุณมีเรื่องอะไรให้คิดนอกจากเรื่องงาน”
“พ่อผมกำลังจะแต่งงาน”
“จริงหรือคะ” นาตาลีมองหน้าเขางงๆ พ่อเขาจะแต่งงานแล้วจะต้องมาปรึกษาเธอทำไม
“ผมจะเล่าให้คุณฟังทั้งหมด แล้วค่อยวิจารณ์หรือออกความเห็น” เขารีบแทรกขึ้นมาก่อนที่นาตาลีจะทันอ้าปาก
“เพื่ออะไรคะ”
“ผมอยากรู้ว่าคุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นผู้หญิง”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวพยักหน้าแล้วยอมนิ่งฟัง จัสตินจึงเริ่มเล่าเรื่องที่บิดากำลังจะแต่งงานเป็นครั้งที่สองแบบไม่ปรึกษาใครและเป็นการตัดสินใจอย่างรีบร้อน แถมว่าที่เจ้าสาวยังอายุเพียงแค่ยี่สิบหกปีเท่านั้น
“คุณกังวลเกี่ยวกับคุณพ่อหรือคะ” นาตาลีถามหลังจากเขาเล่าจบไปได้ไม่กี่อึดใจ เธอพอสรุปได้ว่าเขาเป็นห่วงบิดา ทั้งที่ก่อนหน้านี้แทบจะใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่มาโดยตลอด ตามสไตล์ฝรั่งที่มักแยกตัวจากครอบครัวเดิมเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่เพื่อไปสร้างฐานะและมีชีวิตของตนเองตามลำพัง
“ใช่ คุณฟังที่ผมเล่าแล้วรู้สึกไหมว่ามันมีอะไรแปลกๆ”
“ค่ะ ก็พอรู้สึกได้ถ้าคิดแบบเป็นกลางๆ ไม่เข้าข้างใคร อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ลีหมายความว่าคุณหญิงพราวรัมภาอาจจะรักคุณพ่อของคุณจริงๆ หรืออาจจะแค่อยากหาคนมาล้างหนี้ให้เท่านั้นเอง”
“คุณคงไม่เห็นด้วยที่ผมจะเข้าไปแทรก”
“ไม่เห็นด้วยค่ะ แต่ลีเป็นแค่คนนอก ส่วนคุณเป็นลูกก็อาจจะคิดไปอีกแบบด้วยความเป็นห่วง”
“คุณพูดคล้ายกับรอน เพื่อนผมเลย”
เขาว่าแล้วยักไหล่ ทำให้คนที่มองอยู่รู้ว่าเขาได้ตัดสินไปแล้วว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
“เท่าที่ลีรู้หรือเคยได้ยินมา คุณหญิงพราวไม่เคยมีเรื่องเสียหายอะไรนะคะ”
“คุณรู้จักคุณหญิงนั่นด้วยเหรอ” เขาถามอย่างคาดไม่ถึง คิ้วดกหนาขมวดนิดๆ ด้วยความสงสัย
“แหม...ธาดาเทพจัดว่าเป็นไฮโซชื่อดังตระกูลหนึ่งเลยนะคะ แถมเครือญาติในสายตระกูลก็มีเยอะอีกด้วยเพราะเป็นนามสกุลเก่าแก่ ถึงคุณหญิงจะค่อนข้างเก็บตัว แต่ออกงานแต่ละทีก็ฮือฮาแทบทุกครั้ง”
“ทำไม”
“เพราะเธอสวยหยาดฟ้ามาดินน่ะสิ คุณก็เห็นแล้ว” นาตาลีเป็นผู้หญิงด้วยกันยังอดชื่นชมในความสวยที่ทั้งอ่อนหวานและสง่างามของพราวรัมภาไม่ได้
“แสดงว่าคุณเคยเจอกับคุณหญิงพราว”
“เคยค่ะ หลายหนด้วยแต่ไม่เคยคุยกันสักที ก็อย่างที่บอก คุณหญิงเป็นคนวางตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใครง่ายๆ บางคนก็เลยหาว่าหยิ่ง แต่ลีกลับมองว่าเธอเป็นตัวของตัวเองดีนะคะ”
“งั้นเหรอครับ”
“คุณพ่อของคุณตาถึงนะ”
“คุณคิดอย่างนั้นหรือ แต่ผมไม่ชัวร์ว่าตกลงพ่อตาถึงหรือหน้ามืดกันแน่”
“นี่...พูดอย่างกับมิสเตอร์บราวน์เป็นคนแก่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ที่ไหนได้...” นาตาลีไม่อยากเอ่ยจนจบอย่างที่ใจคิด
รู้หรอกน่าว่าพอกันทั้งพ่อทั้งลูก!
“นาตาลี ผมอยากให้คุณช่วย”
“ช่วยอะไรคะ”
“เรื่องพ่อกับคุณหญิงนั่น” เขาเริ่มมองเห็นทางเมื่อรู้ว่านาตาลีรู้จักและเคยพบพราวรัมภามาก่อน
“ลีจะช่วยอะไรได้”
“ได้สิ ผมอยากให้คุณเป็นที่ปรึกษาช่วยผมวางแผน” เขาลุกจากเก้าอี้มาหาเจ้าของห้องซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว
“ขนาดต้องวางแผนการเลยหรือคะ” สาวลูกครึ่งถามอย่างเหลือเชื่อ แม้จะพอรู้ว่าเขาเป็นนักวางแผนงานจนประสบความสำเร็จด้านธุรกิจมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องในครอบครัวก็ต้องวางแผนด้วย
“ผมอยากรู้จักกับคุณหญิงพราวรัมภา”
“จัสติน...” หญิงสาวจ้องมองเขาอย่างค้นหา ไม่แน่ใจว่าเขาต้องการรู้จักกับพราวรัมภาด้วยวัตถุประสงค์ใดกันแน่
“ผมรู้ว่าคุณช่วยผมได้ แล้วรับรองว่าผมไม่ให้ช่วยเปล่าแน่”
“เอ่อ...ฉัน...” นาตาลีมีท่าทีลังเล แม้จะรู้ว่าชายหนุ่มชาวอเมริกันคนนี้เป็นคนพูดจริงทำจริง
“ถ้างานนี้สำเร็จเป็นไปตามแผน ผมมีรางวัลให้คุณ”
“จริงหรือคะ” นาตาลีชักสนใจ เพราะรางวัลของเขามักไม่ธรรมดา
“อยากได้อะไรล่ะ คิดไว้ล่วงหน้าได้เลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ลีจะช่วยแบบไม่ต้องให้อะไรก็ได้” นาตาลีระงับสติอารมณ์ได้ในที่สุดเพื่อไม่ให้เขามองว่าเห็นแก่ได้จนเกินงาม
“คุณน่ารักเสมอเลยนาตาลี”
“แต่คุณก็ไม่รัก” หญิงสาวยิ้มบางๆ อย่างคนที่ทำใจได้มาสักระยะหนึ่งแล้ว
“ดูเหมือนคุณเหงาๆ นะ” เขาอดเป็นห่วงไม่ได้ตามประสาคนคุ้นเคยกันมาก่อน จึงยื่นมือไปสัมผัสหลังมือหญิงสาวเพื่อให้กำลังใจ
“ไม่เหงาหรอกค่ะ งานยุ่งจะตาย แต่วันนี้เจอคุณแล้ว...ไม่รู้สิ” สาวลูกครึ่งยักไหล่ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “คนไทยเขาเรียกถ่านไฟเก่าน่ะ”
“ผมไม่เข้าใจ แต่เอาเป็นว่าคุณตอบตกลงทำงานให้ผมแล้วนะ”
“ค่า...” นาตาลียิ้มรับพลางจ้องตาเขาอย่างมีความหมาย
“กับหนุ่มอิตาลีเป็นไงบ้าง” เขาอดถามไม่ได้
“ก็บอกแล้วไงคะว่ายังไม่ถึงไหน แค่คุยกันค่ะ”
“งั้นวันนี้ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนไหม” จัสตินถามทีเล่นทีจริงตามประสาหนุ่มโสดที่คุ้นกับการใช้ชีวิตแบบเต็มที่มาตลอดหลายปี
“นี่รึเปล่าคะ รางวัลของคุณ”
“แล้วแต่คุณจะเรียก”
นาตาลีขยับเข้ามาใกล้เขาด้วยท่าทางตื่นเต้น จึงถูกรวบเข้ามากอดไว้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้จัสตินอยากรู้ว่าผู้หญิงแบบไหนกันเล่าที่เขาต้องการ และดูเหมือนว่าสาวลูกครึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระก็พร้อมแล้วสำหรับการพิสูจน์
หญิงสาวจึงไม่ได้ลงจากโซฟาตัวยาวอีกนาน กระทั่งเขาได้รับคำตอบแล้วเรียบร้อยหลังจากที่ปลดปล่อยอารมณ์หนุ่มกับเธออย่างเต็มคราบ สิ่งนี้เองที่เธอยังรู้สึกติดใจในตัวเขา แม้จะไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องความรักเลยก็ตาม
ความคิดเห็น |
---|