10

บทที่ 10


รูปครอบครัวรูปแรก
คิรากรลุกขึ้นจากเตียงมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ยังไม่หกโมง เขาไม่ได้ตื่นเช้า แต่นอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืน หลังออกจากห้องนอนของอลีนาตอนประมาณตีหนึ่งกว่า เขาต้องไปยืนใต้เรนชาวเวอร์ขนาดใหญ่ ให้สายน้ำเย็นเฉียบรินรดตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าอยู่นานเกือบชั่วโมงกว่าที่ความร้อนรุ่มในร่างกายจะบรรเทา เขานึกว่าตัวเองจะนอนได้ แต่พอหลับตาลงคราใด ภาพเรือนร่างแสนเซ็กซี่ก็ตามมาปั่นป่วนความรู้สึกจนข่มตาหลับไม่ลงอยู่ร่ำไป
ชายหนุ่มเดินผ่านหน้าห้องนอนของหญิงสาวแล้วหยุดชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเคาะประตูเรียกเธอดีหรือไม่ แต่แล้วก็ตัดใจเดินเลยไปยังห้องนอนของลูกสาวซึ่งอยู่ติดกัน เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไป ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของเขาก็คือ อลีนาที่อยู่ในชุดนอนแบบเสื้อเชิ้ตแขนสั้นและกางเกงขายาวผ้าซาตินสีชมพูกำลังนอนกอดไออุ่นอยู่ เธอน่าจะเข้ามานอนกับลูกตั้งแต่เมื่อคืน
คิรากรยิ้มให้แก่ภาพน่ารักตรงหน้าแล้วแทรกตัวเข้าไปนอนขนาบอีกด้านของไออุ่น วันนี้เป็นวันเสาร์ นักเรียนตัวน้อยไม่ต้องไปโรงเรียน ดังนั้นเขาจะปล่อยให้เธอนอนหลับอย่างเต็มอิ่ม รวมถึงเจ้าสาวป้ายแดงที่เมื่อคืนนี้เขาปอกเปลือกเธอออกจนเกือบหมดแต่ก็ไม่ได้แอ้มนั่นด้วย
ชายหนุ่มลูบศีรษะของลูกสาวด้วยความรักอย่างแผ่วเบา ถ้าเด็กที่โหยหาความรักจากแม่มาตลอดตื่นมาเห็นว่าวันนี้มีแม่นอนกอดอยู่ ต้องดีใจมากแน่ๆ
คิรากรรวบกอดทั้งแม่และลูกไว้ในวงแขนอย่างเงียบงันอยู่พักใหญ่ กว่าที่อลีนาจะรู้สึกตัวตื่น
“มอร์นิงครับคุณภรรยา” ชายหนุ่มโน้มตัวข้ามลูกสาวที่ยังนอนหลับสนิทไปจุ๊บที่หน้าผากของคนที่ยังงัวเงียอยู่
“คุณคิม!” เธอดุเสียงเบาแต่ตาเขียวปั๊ด ความสะลึมสะลือหายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นรอยยิ้มและแววตาเจ้าเล่ห์แพรวพราวของเขา
“ผมแค่ใช้สิทธิ์ของตัวเองให้เต็มที่ คุณจะมาว่าผมไม่ได้นะ”
“แต่คุณจะใช้สิทธิ์พร่ำเพรื่อแบบนี้ไม่ได้”
“ไม่รู้ละ ถ้าผมอยากทำ ผมก็จะทำ มันเป็นสิทธิ์ของผม ผมต้องใช้ให้คุ้ม” ว่าแล้วก็โน้มตัวไปเพื่อจะจูบที่ริมฝีปากของหญิงสาวให้หายอยากสักหน่อย แต่เสียงเล็กสดใสก็ดังขัดจังหวะขึ้น
“คุณพ่อขา แม่เอิงขา”
คิรากรกับอลีนาดีดตัวออกจากกันทันทีราวกับถูกไฟชอร์ตแล้วก้มหน้าลงจูบที่หน้าผากของเด็กหญิงพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทำให้ใบหน้าของทั้งคู่ชนกัน อลีนารีบดันตัวออกห่างก่อนด้วยท่าทางเก้อเขิน ชายหนุ่มแอบยิ้มเอ็นดู เมื่อคืนนี้เธอกับเขาถือว่าข้ามขั้นไปไกลพอสมควร แต่เช้านี้เธอยังเขินอายกับการสัมผัสกันเพียงเล็กน้อยแค่นี้อยู่อีก
“มอร์นิงค่ะ เมื่อคืนไออุ่นฝันดีมั้ยคะ” คุณพ่อถามลูกสาวด้วยเสียงสองที่ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยนเหมือนเคย
“ฝันดีค่า” เด็กหญิงตอบสดใสไม่เหมือนเด็กที่เพิ่งตื่นนอนเลย
“ฝันว่าอะไรคะ” คุณพ่อถามต่อ
“ไออุ่นฝันว่าแม่เอิงมานอนกอดไออุ่นค่ะ”
“ไออุ่นไม่ได้ฝันลูก เมื่อคืนแม่เอิงมานอนกับไออุ่นจริงๆ” อลีนาขยับตัวเข้าไปกอดร่างเล็กนุ่มนิ่มแนบอกอีกครั้ง “แล้วแม่เอิงก็กอดหนูไว้แบบนี้ทั้งคืนเลย”
“ไออุ่นดีใจที่สุดในโลกเลยที่แม่เอิงกลับมาหาไออุ่น” วงแขนเล็กสวมกอดคุณแม่เอาไว้แน่นให้สมกับที่รอคอยวันนี้มาเนิ่นนาน
“แม่เอิงขอโทษที่มาหาหนูช้าไป” อลีนากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นแล้วจูบที่เส้นผมนุ่มลื่นของเด็กหญิงด้วยความรักและรู้สึกผิดที่น้องสาวของเธอทำร้ายความรู้สึกของเด็กน่ารักคนนี้อย่างไม่น่าให้อภัย
คิรากรมองสองแม่ลูกกอดกันกลมด้วยความตื้นตันใจ เขาเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีวันนี้
“คุณพ่อขา” ไออุ่นผละจากอ้อมกอดของคุณแม่แล้วลุกขึ้นนั่งหันหน้าไปทางคุณพ่อของเธอ ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนต้องลุกขึ้นตามไปด้วย
“ว่าไงคะ”
“ไออุ่นรักคุณพ่อค่ะ คุณพ่อไม่ผิดสัญญา” ร่างเล็กโถมตัวเข้ากอดคอคุณพ่อของเธอไว้แน่นพลางดีดตัวอย่างร่าเริงจนคนเป็นพ่อแทบหงายหลัง
“สัญญาเรื่องอะไรคะ” คิรากรกอดตอบลูกสาวเอาไว้หลวมๆ แล้วหอมแก้มเด็กขี้อ้อนไปหนึ่งฟอด
“สัญญาว่าจะพาคุณแม่มาหาไออุ่นไงคะ ไออุ่นรักคุณพ่อที่สุดในโลกเล้ยยย”
“คุณพ่อก็รักไออุ่นที่สุดในโลกเหมือนกัน”
“แล้วไม่รักแม่เอิงเหรอคะ” อลีนาแกล้งถามด้วยรอยยิ้มปลื้มใจที่เห็นเด็กน้อยมีความสุขกับการมาของเธอมากขนาดนี้
“รักค่า ไออุ่นรักคุณพ่อ รักแม่เอิงด้วย” เด็กหญิงหันมาบอกด้วยรอยยิ้มสดใส แต่แล้วก็ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ “แม่เอิงขา ทำไมคุณน้าคนที่ดุๆ เมื่อคืนนี้หน้าเหมือนแม่เอิงเปี๊ยบเลย”
อลีนาลอบมองสบตากับคิรากรอย่างลำบากใจนิดหนึ่ง ก่อนจะปั้นหน้ายิ้มแย้มกับเด็กหญิง “น้าเอยเป็นน้องสาวฝาแฝดของแม่เอิงค่ะ”
“ไออุ่นไม่ชอบน้าเอย น้าเอยดุไออุ่น ผลักไออุ่นด้วย”
คำพูดของลูกสาวทำให้คิรากรกรุ่นโกรธขึ้นมาอีกครั้ง “ถ้าไออุ่นเจอผู้หญิงคนนั้นอีก อย่าไปเข้าใกล้นะลูก เขาจะเป็นอันตรายกับหนู”
“คุณคิม ทำไมสอนลูกแบบนั้นคะ” อลีนาปรามเสียงเบา ถึงแม้อันนาจะเป็นแม่ที่ไม่ดี แต่เขาก็ไม่ควรสอนให้ลูกเกลียดแม่ เพราะมันจะเป็นบาปติดตัวเด็กไปโดยไม่รู้ตัว
“ผมสอนให้ลูกรู้จักดูแลตัวเอง ใครที่จะเป็นอันตรายกับแก แกควรต้องรู้เพื่อจะได้ไม่เฉียดไปเข้าใกล้”
“ไออุ่นไม่เข้าใกล้น้าเอยหรอกค่ะคุณพ่อ น้าเอยดุ ไออุ่นกลัวน้าเอย” เด็กน้อยซุกตัวเข้าหาอ้อมอกอบอุ่นของคุณพ่อด้วยท่าทางหวาดกลัวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“ไออุ่นไม่ต้องกลัวนะลูก แม่เอิงจะไปบอกน้าเอยว่าไม่ให้ดุหนูแบบนั้นอีก” อลีนาบอกพลางลูบศีรษะปลอบขวัญเด็กน้อยด้วยสีหน้าไม่สบายใจ เธอคงต้องหาทางจัดการกับอันนาไม่ให้มาทำร้ายจิตใจลูกได้อีก
ตอนบ่ายโมงกว่า ที่บ้านสองชั้นขนาดกลางในหมู่บ้านจัดสรรแถวรามอินทรา อันนาเดินงัวเงียลงมาจากชั้นบนทั้งชุดนอนแบบกระโปรงสั้นสายเดี่ยวเซ็กซี่สีแดง โดยมีเสื้อคลุมสวมทับอีกชั้น
“ตื่นแล้วเหรอเอย หิวมั้ยลูก เดี๋ยวแม่หาอะไรให้กิน” พรกมลที่นั่งดูซีรีส์เกาหลีอยู่หันมาถามอย่างเอาใจ “แล้วเมื่อคืนแอบกลับมาตอนไหน ทำไมไม่อยู่รอให้เสร็จพิธีก่อน”
อันนาหรี่ตามองมารดาด้วยความแปลกใจนิดหนึ่ง ก่อนจะเดาได้ว่าอลีนาคงไม่ได้เล่าเรื่องโกลาหลที่เกิดขึ้นในงานให้มารดาฟัง พี่สาวเธอแสนดีแบบนี้เสมอ ไม่ขี้ฟ้อง และคอยตามล้างตามเช็ดเรื่องไม่ดีที่เธอก่อไว้ให้อย่างสะอาดหมดจดตั้งแต่เล็กจนโต แม้กระทั่งยอมรับเป็นแม่ของลูกที่เธอไข่ทิ้งไว้อลีนาก็ยอมทำ ซึ่งกรณีนี้เป็นเรื่องน่าอิจฉาที่สุด เพราะพี่สาวของเธอดันได้ ‘คุณลุง’ ที่ทั้งหนุ่ม ทั้งหล่อ และรวยระดับหมื่นล้านเป็นของแถมติดมือไปด้วย คิดแล้วก็เจ็บใจที่เปรมอนันต์ไม่เคยบอกเธอเลยว่าครอบครัวของเขารวยขนาดนี้
“เมื่อคืนเอยได้เจอหนูไออุ่นมั้ย” ผู้เป็นมารดาถามขึ้นอีกครั้งเมื่อลูกสาวไม่ยอมตอบคำถามก่อนหน้านี้ “เด็กอะไรก็ไม่รู้น่ารักมากเลย พูดก็เก่ง อ้อนก็เก่ง พ่อเรานี่หลงหนักมากถึงขั้นอยากให้เอิงมีลูกของตัวเองเร็วๆ”
“ก็งั้นๆ ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหนเลย” อันนาแอบกลอกตามองบนที่ใครๆ ต่างก็รุมรักเด็กคนนี้
“แต่แปลกนะที่ไออุ่นหน้าเหมือนเอิงกับเอยตอนเด็กๆ มาก” พรกมลพูดพลางมองไปที่กรอบรูปมากมายของลูกสาวสองคนในวัยเด็กที่ติดอยู่บนผนังห้องรับแขก
“แม่เลิกพูดถึงเด็กคนนี้สักทีได้มั้ยคะ เอยไม่อยากฟัง” อันนาลุกพรวดพราดขึ้นแล้วเดินหนีกลับขึ้นบนโดยที่ยังไม่ได้กินอะไรทั้งที่ท้องหิวจนร้องโครกคราก การได้เห็นหน้าหรือแม้แต่ได้ยินเรื่องของไออุ่นมันทำให้เธอเจ็บ เด็กคนนี้เปรียบเสมือนตราบาปในชีวิตที่ตอกย้ำว่าเธอเคยทำ ‘เลว’ มามากขนาดไหน
“เออนี่เอย ตกลงงานแต่งงานของเอยกับพอลได้โรงแรมหรือยัง ถ้ายัง ไปจัดที่โรงแรมเดียวกับเอิงมั้ย หรูหราใหญ่โตดี”
อันนาชะงักกึก สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อข่มความหงุดหงิดใจแล้วหันกลับมาตอบมารดาที่ถามไล่หลังด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “เอยไม่แต่งกับพี่พอลแล้วค่ะแม่”
“อ้าว...ทำไมล่ะ”
“ธุรกิจเขากำลังจะเจ๊ง แม่จะให้เอยแต่งกับเขาแล้วไปช่วยเขาหาเงินใช้หนี้เหรอคะ”
“พอลไม่เฮิร์ตตายไปเลยเหรอเนี่ย เขารักเอยมากนะ”
“แม่นี่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย พี่พอลไม่ได้รักเอยเท่าไหร่หรอก เขารักเอิง รักมาก่อนที่จะมาคบกับเอยอีก ตอนนี้เขาก็ยังรักเอิงอยู่”
“เอ้า! แต่เอิงแต่งงานแล้วนะ” พรกมลร้องเสียงหลง
“แต่งกันได้ก็เลิกกันได้ค่ะแม่”
“อย่าพูดเป็นลางไม่ดีแบบนั้น เอิงเพิ่งแต่งงานเมื่อวานนี้เองนะ”
“แม่คอยดูก็แล้วกัน เอิงกับคุณคิมอยู่ด้วยกันได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็เลิกกัน” อันนากระตุกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มร้ายกาจเหมือนมีแผนการบางอย่างอยู่ในใจ
“อย่าแม้แต่จะคิดนะเอย” ผู้เป็นมารดาบอกเสียงเข้มอย่างรู้ทันความคิดของลูกสาว “แม่ยอมให้เอยเอาเปรียบเอิงทุกอย่าง เพราะเห็นว่าเอยไม่แข็งแรงเท่าเอิง แต่เรื่องจะมาแย่งสามีของพี่สาวแม่รับไม่ได้”
“เอยก็ไม่ได้เลวถึงขั้นนั้นหรอกนะคะแม่” อันนาแย้งเสียงแหลมด้วยความโกรธปนน้อยใจที่มารดาผู้อยู่ข้างเธอมาทั้งชีวิตย้ายข้างไปปกป้องอลีนา
“ถ้าเอิงกับคุณคิมรักกันจริง เอยจะไม่ยุ่ง แต่แม่เชื่อเอยเถอะว่าเขาสองคนไม่ได้รักกัน ที่เอิงยอมแต่งงานกับคุณคิมก็เพราะ...” คำพูดนั้นชะงักไปกลางคันเมื่อหญิงสาวรู้ตัวว่าเกือบหลุดความลับที่แม่ไม่ควรรู้ออกไป
“เพราะอะไร” พรกมลสงสัย เพราะเธอก็เอะใจอยู่เหมือนกันที่อลีนาปุบปับแต่งงานทั้งที่ไม่เคยมีวี่แววมาก่อน
“เพราะอะไรก็ช่างเถอะค่ะ เอาเป็นว่าเอยรู้ก็แล้วกันว่าเอิงกับคุณคิมไม่ได้รักกัน” อันนาเฉไฉแล้วรีบวิ่งหนีขึ้นชั้นบนก่อนจะถูกซักไซ้ไปมากกว่านี้
“สวัสดีค่ะคุณพอล”
เสียงหวานของหญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยทักทายอย่างเป็นทางการเมื่อศิวภัทรก้าวเข้ามาในจิวเอลรีชอปแบรนด์ดัง ซึ่งตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาของคิรากรที่เพิ่งเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อสัปดาห์ก่อน
“คุณ...” ชายหนุ่มจำได้ว่าเธอคือคนที่ยืนอยู่เคียงข้างเจ้าบ่าวของอลีนาเมื่อคืนนี้
“ฉันพายค่ะ ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคะ” ดานิกาแนะนำตัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรและตามด้วยการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเองเมื่อเห็นเขาทำหน้าประหลาดใจที่อยู่ๆ เธอก็ทักทายเขาก่อน
“ฉันเป็นเจ้าของร้านค่ะ” จะบอกว่าเป็นเพียงเจ้าของร้านก็ไม่ถูกเสียทีเดียว ครอบครัวของเธอทำธุรกิจส่งออกจิวเอลรีมานานร่วมยี่สิบปี และมีหน้าร้านอยู่ตามห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์หลายสาขา รวมถึงสาขานี้ที่เพิ่งเปิดใหม่พร้อมห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ด้วย
“คุณรู้จักผมได้ยังไง”
“คุณไม่รู้ตัวเหรอคะว่าคุณเป็นคนดัง”
“ผมเนี่ยนะคนดัง” ชายหนุ่มประหลาดใจ เขาเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างๆ มาบ้างก็จริง แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นที่สนใจและมีคนจำได้
“ในวงการธุรกิจไม่มีใครไม่รู้จักรองประธานกรรมการบริหารช่อง 66 HD หรอกค่ะ” ดานิกาบอกพลางผายมือเชิญเขาไปนั่งที่โต๊ะรับรองลูกค้าแล้วเปิดการขายทันที “คุณจะมาเลือกซื้อเครื่องประดับประเภทไหนคะ แหวน ต่างหู หรือสร้อยคอ แล้วสนใจสไตล์ไหน ฉันจะให้พนักงานหยิบมาให้เลือก หรือถ้าคุณอยากเดินดูที่ตู้เองก็ไม่ขัดข้องค่ะ”
“ผมไม่ได้มาซื้อ ผมมาขาย” ศิวภัทรวางกล่องแหวนเพชรพร้อมซองใบ GIA Certificate ลงตรงหน้าหญิงสาวเจ้าของร้าน ซึ่งใบ GIA Certificate ก็คือใบรับรองคุณภาพเพชรที่ออกโดยสถาบัน GIA ซึ่งเป็นเหมือนรายงานบอกว่าเพชร
เม็ดนั้นมีคุณลักษณะอย่างไรบ้าง ทั้งในเรื่องของขนาด ความขาว ความสะอาด และการเจียระไน “แหวนวงนี้ผมซื้อมาจากร้านของคุณเมื่อเดือนก่อน แต่เป็นอีกสาขานึง”
ดานิกาหยิบกล่องแหวนไปเปิดดูแล้วเงยหน้าขึ้นถาม “แหวนแต่งงาน?”
“คุณนี่สมกับเป็นเจ้าของร้านจริงๆ”
“แหวนวงนี้ฉันเป็นคนออกแบบเองค่ะ ดีไซน์เฉพาะเพื่อเป็นแหวนแต่งงาน” หญิงสาวบอกด้วยความภูมิใจ “เครื่องประดับในร้าน ฉันก็เป็นคนออกแบบเกือบทั้งหมด”
“คุณจะรับซื้อแหวนวงนี้คืนมั้ย” ความจริงตอนที่ขับรถกลับบ้านเมื่อคืนนี้ เขาเกือบจะปาแหวนทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยาระหว่างที่ขับรถข้ามสะพานแบบพระเอกในละครแล้ว แต่ก็ยังมีสติพอจะคิดได้ว่าแหวนวงนี้มีมูลค่าเกือบสิบล้านบาท ถ้ามันตำตาตำใจมากนักก็เอาไปขายแล้วเอาเงินไปบริจาคเพื่อการกุศลจะมีประโยชน์กว่า ถือเป็นการทำบุญกรวดน้ำคว่ำขันกับอันนาด้วย
“คุณไม่แต่งงานแล้วเหรอคะ” เธอย้อนถามแล้วฉุกคิดได้ว่าอาจจะเป็นการละลาบละล้วงเกินไป “ขอโทษค่ะ เรื่องส่วนตัวของคุณ ฉันไม่ควรเสียมารยาท”
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีตอบ” ชายหนุ่มบอกด้วยรอยยิ้มโล่งใจไม่เหมือนคนที่เพิ่งยกเลิกงานแต่งงานกะทันหันสักนิด “ผมกับว่าที่เจ้าสาวเพิ่งรู้ตัวว่าเราสองคนไม่ได้รักกัน ว่าที่เจ้าสาวของผมก็คือคนที่มีเรื่องกับคุณคิมในงานแต่งงานเมื่อคืนนี้”
“คุณคิดถูกแล้วที่ยกเลิกการแต่งงาน ผู้หญิงแบบเอยนี่ถอยให้ห่างดีที่สุดค่ะ”
“คุณรู้จักเอยด้วยเหรอ”
“ตอนเรียนที่เมกา เราอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันค่ะ แล้วเราก็เคยมีเรื่องกันมาก่อนด้วย” ดานิกาบอกอย่างเปิดเผย “ฉันขอเดาได้มั้ยคะว่าทำไมคุณกับเอยถึงไม่แต่งงานกันแล้ว”
“ได้ครับ” เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงคนนี้รู้จักอันนาดีแค่ไหน
“ฉันคิดว่าเอยคงขอเลิกกับคุณ เพราะปัญหาทางธุรกิจที่ครอบครัวของคุณกำลังเผชิญอยู่”
“ผมเชื่อแล้วว่าคุณรู้จักเอยดี” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “แล้วคุณรู้จักเอิงด้วยหรือเปล่า”
“ฉันเพิ่งรู้จักคุณเอิงเมื่อไม่กี่วันนี่เอง คุณเอิงเป็นคนน่ารักมากนะคะ อุตส่าห์ยอมแต่งงานกับพี่คิมทั้งที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วันเพื่อที่จะรับเป็นแม่ให้ลูกของน้องสาวตัวเอง”
“คุณว่าไงนะ!” ศิวภัทรกระตุกหัวคิ้วสีเข้มเข้าหากันด้วยความข้องใจ เขานึกอยู่แล้วว่าการแต่งงานครั้งนี้ต้องมีวาระซ่อนเร้น เพราะเขารู้จักอลีนามานาน แต่เธอไม่เคยพูดถึงคิรากรให้ฟังเลยสักครั้ง “ไออุ่นเป็นลูกของเอยเหรอ แล้วที่เอิงกับคุณคิมแต่งงานกันไม่ใช่เพราะรักกันใช่มั้ย”
“ตายจริง คุณยังไม่รู้เรื่องนี้เหรอคะ” ดานิกาตกใจที่เผลอแพร่งพรายความลับที่คิรากรกำชับนักหนาว่าไม่ให้บอกใครออกไป
“ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย” ศิวภัทรตาลุกวาว เขาไม่สนใจเรื่องที่อันนาเคยมีลูกมาก่อน แต่สนใจเรื่องที่อลีนาแต่งงานกับคิรากรโดยที่ไม่ได้รักมากกว่า
คืนนี้เสียงหัวเราะของไออุ่นในยามที่ฟังคุณพ่อเล่านิทานก่อนนอนให้ฟังดังกว่าทุกครั้งเพราะมีคุณแม่ร่วมฟังอยู่ด้วย ส่วนคิรากรเองก็ไม่ค่อยเขินเหมือนครั้งก่อน เพราะวันนี้เขาแต่งตัวเป็นเจ้าชายกบตัวเขียว ลีลาการเล่านิทานของเขายังแพรวพราวและตลกรั่วเหมือนเดิม พอถึงตอนใกล้จบเขาก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อลีนาที่กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงอยู่กับไออุ่น โดยมือข้างหนึ่งของหญิงสาวโอบกอดเด็กหญิงตัวน้อยที่นอนซบอกเธออยู่
“เจ้าหญิงเอิงช่วยจุ๊บเจ้าชายกบหน่อยนะคร้าบบบ” ชายหนุ่มดัดเสียงอู้อี้เป็นตัวการ์ตูนน่าขบขัน แต่คนฟังหน้าแดงจัด หัวใจเต้นแรง
เขาจะเล่นแบบนี้ต่อหน้าลูกไม่ได้!
“แม่เอิงจุ๊บเลยค่ะ จุ๊บเลยๆๆๆ”
อลีนาอึ้งไปเมื่อลูกสาวเงยหน้าขึ้นมาบอกด้วยแววตาตื่นเต้นและเร่งเร้าให้เธอจุ๊บคุณพ่อที่อยู่ในชุดเจ้าชายกบเร็วๆ
“จุ๊บเลยค่ะแม่เอิงขา กบตัวเขียวจะได้แปลงร่างเป็นเจ้าชาย”
“แม่เอิงว่าปล่อยให้เป็นกบแบบนี้ก็น่ารักดีนะคะ” หญิงสาวอดหมั่นไส้คนที่ยังยื่นหน้ารอคอยการจูบอยู่แทบชิดปลายจมูกเธอไม่ได้ เธอน่าจะเอะใจว่าเขามีแผนการร้ายกาจอยู่ในใจตั้งแต่ตอนที่ไออุ่นบอกว่าอยากฟังเรื่องหนูน้อยหมวกแดง แต่เขากลับเกลี้ยกล่อมลูกให้ฟังเรื่องเจ้าชายกบแทนแล้ว
“ไออุ่นสงสารเจ้าชายค่ะ ไออุ่นไม่อยากให้เจ้าชายเป็นกบตลอดชีวิต” เด็กหญิงที่อินกับนิทานมากบอกเสียงอ่อย น้ำตาคลอเบ้า
“ก็ได้ค่ะ แม่เอิงยอมเพื่อไออุ่นนะ ไม่อย่างนั้นแม่เอิงจะจับกบเจ้าเล่ห์ย่างเกลือไปเลย” อลีนาบอกพลางลูบแก้มกลมนุ่มนิ่มของเด็กหญิงในอ้อมกอดเพื่อปลอบใจให้หายเศร้า
“เย้ๆ แม่เอิงใจดีที่สุดเลย”
“จุ๊บเร็วๆ อ๊บๆๆๆ กบรอนานแล้วนะคร้าบบบ” คิรากรลอยหน้าลอยตาส่งเสียงเร่งเร้าอย่างน่าหมั่นไส้
อลีนายอมแนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากหยักสวยของเจ้าชายกบแล้วถอนออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นชายหนุ่มในชุดกบสีเขียวปี๋ก็ลุกขึ้นกางแขนหมุนตัวเป็นวงกลมหลายรอบด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขพร้อมกับถอดชุดเจ้าชายกบเหวี่ยงออกแล้วกลายร่างเป็นเจ้าชายสุดหล่อ
“เจ้าชายกบกลายเป็นคนแล้ว เย้ๆ” ไออุ่นปรบมือรัวๆ อย่างสนุกสนาน โดยไม่เห็นว่าคุณแม่กำลังส่งสายตาพิฆาตให้คุณพ่อจอมเจ้าเล่ห์ที่กำลังยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่
“นิทานจบแล้ว ไออุ่นก็ต้องนอนได้แล้วนะคะ” คุณพ่อบอกกับลูกสาวอย่างอ่อนโยนก่อนจะเปิดลิ้นชักที่โต๊ะเตี้ยข้างเตียงแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา “คุณพ่อทำกรอบรูปอันใหม่มาให้ รูปนี้มีไออุ่นกับคุณพ่อแล้วก็แม่เอิงอยู่ด้วยกัน ไออุ่นชอบมั้ยคะ”
“ชอบที่สุดเลยค่า” เด็กหญิงรับกรอบรูปไปเพ่งมองด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขสมหวังที่มีพ่อแม่อยู่พร้อมหน้า ในรูปเธอถูกคุณพ่ออุ้มขึ้นมาให้ช่วยตัดเค้กแต่งงานในบรรยากาศอบอุ่นและอบอวลไปด้วยความรักที่ทั้งพ่อและแม่มอบให้แก่เธอ
“รูปครอบครัวรูปแรกของเรา”
อลีนาส่งยิ้มหวานละมุนให้คนที่ส่งสายตาอบอุ่นข้ามตัวลูกสาวมายังเธอ ผู้ชายคนนี้ละเอียดอ่อนมากอย่างไม่น่าเชื่อ เขาพยายามลบทุกร่องรอยที่ขาดวิ่นและเติมเต็มหัวใจดวงน้อยที่แห้งผากของไออุ่นด้วยความรักอย่างบริสุทธิ์ใจ
“ต่อไปไออุ่นไม่ต้องนอนกอดกรอบรูปแล้วนะ” คิรากรหยิบกรอบรูปในมือลูกสาวไปวางที่โต๊ะหัวเตียง ซึ่งกรอบรูปอันเดิมได้ถูกเก็บออกไปตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว “เพราะไออุ่นมีแม่เอิงตัวจริงให้กอดแล้ว” ชายหนุ่มจับแขนเล็กๆ ของลูกสาวไปโอบกอดคุณแม่ของเธอไว้ และเขาก็ฉวยโอกาสกอดภรรยาเอาไว้พร้อมกันด้วย
อลีนาเริ่มชินกับการตอดเล็กตอดน้อยของเขาแล้วจึงคร้านจะโกรธ เธอยอมให้เขากอดพร้อมกับลูกสาว จากนั้นไม่ถึงสิบห้านาที ไออุ่นก็หลับอย่างง่ายดายภายใต้อ้อมกอดอบอุ่นของพ่อและแม่
“คืนนี้คุณจะนอนห้องลูกหรือเปล่า” คิรากรกระซิบถามเสียงเบา
“นอนค่ะ” หญิงสาวตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่วินาทีเดียว การนอนกับไออุ่นน่าจะปลอดภัยสำหรับเธอมากกว่ากลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง
“ไม่อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปนอนห้องผมบ้างเหรอ”
“ขอคิดดูก่อนนะคะ”
เขารู้ว่าเธอแค่พูดเล่น แต่ก็อดยิ้มพรายอย่างมีความหวังว่าสักวันเธอจะใจอ่อนไม่ได้ “ผมขอไปเคลียร์งานหน่อยนะ ไม่ได้เข้าออฟฟิศหลายวัน เลขาฯ ส่งเอกสารด่วนมาให้เป็นตั้งเลย” ว่าแล้วก็ลุกออกจากเตียงอย่างแผ่วเบาไม่ให้เด็กน้อยที่เพิ่งหลับรู้ตัว
“อย่าทำงานดึกนักนะคะ” อลีนาเตือนด้วยความเป็นห่วง หลายวันที่อยู่ด้วยกัน เขาทำหน้าที่พ่อไปพร้อมกับหน้าที่ CEO ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แม้ไม่ได้เข้าบริษัท แต่ก็โทรศัพท์สั่งงานเลขานุการและลูกน้องอยู่เป็นระยะ เขาอุทิศเวลาทุกนาทีให้ลูกและงาน เธอยังไม่เคยเห็นเขาทำอะไรเพื่อความสุขส่วนตัวเลยสักครั้ง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น