7
บทที่ 7
First Kiss
“ถ้าคุณอารมณ์ไม่ดีก็นั่งสงบสติอารมณ์เงียบๆ คนเดียวไปก่อนนะคะ ฉันขอเอาของขึ้นไปเก็บข้างบนก่อน รอให้คุณอารมณ์เย็นกว่านี้แล้วเราค่อยมาคุยกัน” อลีนาบอกอย่างใจเย็นแล้วหอบถุงชุดแต่งงานของอันนาเดินหนีขึ้นชั้นบน ถ้าไม่จำเป็นเธอก็ไม่อยากทะเลาะกับเขา โดยเฉพาะในบ้านของตัวเองที่มีพ่อกับแม่นั่งดูซีรีส์เกาหลีกะหนุงกะหนิงกันอยู่อีกห้องหนึ่ง
คิรากรพยายามจะนั่งนับหนึ่งถึงสิบในใจ แต่ก็ทนไม่ไหวนับได้แค่สอง เขาลุกพรวดพราดขึ้นแล้วเดินตามเธอขึ้นไปชั้นบนด้วยความร้อนใจ เขาตามมาทันในจังหวะที่หญิงสาวกำลังจะปิดประตูห้องนอนพอดี คนใจร้อนไม่รอช้ารีบเบียดตัวผ่านช่องแคบๆ ของบานประตูเข้าไปแล้วกดล็อก
“คุณคิม!” อลีนาเผลออุทานเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ
ชายหนุ่มผู้บุกรุกรีบยกมือขึ้นปิดปากเธอไว้ ไม่รู้ว่ามือเขาใหญ่หรือหน้าเธอเล็ก เพราะฝ่ามือที่ทาบทับลงมานั้นกินพื้นที่ไปครึ่งใบหน้าเธอเลยทีเดียว
หญิงสาวส่งเสียงอู้อี้อย่างขัดเคืองใจแล้วปัดมือที่ปิดปากเลยไปถึงจมูกเธอออก “ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ผมไม่ออก เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เขาบอกเสียงหนัก ในดวงตาสีน้ำตาลเข้มคมกริบมีความกระวนกระวายใจคุกรุ่นอย่างเห็นได้ชัด
“เราจะคุยกันค่ะ แต่ต้องเป็นตอนที่คุณอารมณ์ปกติมากกว่านี้” อลีนาเดินหนีมาที่กลางห้องแล้ววางชุดแต่งงานอันหนักอึ้งของน้องสาวลงที่ปลายเตียง แล้วหันมาย้ำด้วยน้ำเสียงเข้มดุ “ออกไปก่อนที่พ่อกับแม่ของฉันจะขึ้นมาเห็น”
“ถึงเห็น พ่อกับแม่คุณก็ไม่ว่าอะไรหรอก เมื่อกี้พ่อคุณยังบอกให้เรารีบมีลูกกันอยู่เลย” เขาบอกหน้าตายพลางก้าวยาวๆ เข้ามายืนตรงหน้าเธอ
“คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย” อลีนาถอยหลังหนีไปสองก้าวก็ชนกับขอบเตียง
คิรากรสืบเท้าตามไปประชิดตัวเธอแบบใกล้มากชนิดที่ปลายเท้าแทบจะชนกันแล้วย้อนถามด้วยสีหน้านิ่งเรียบดังเดิม “คุณไปไหนมา ทำไมกลับถึงบ้านช้า คุณออกจากออฟฟิศตั้งแต่บ่ายสามโมง ก็น่าจะถึงบ้านไม่เกินสี่โมงครึ่ง นี่มันหกโมงเย็นแล้ว คุณหายไปไหนมาตั้งชั่วโมงครึ่ง”
ใช่...เขากำลังระแวงว่าเธอจะหายไปกับผู้ชายคนอื่น เพราะคำพูดประโยคสุดท้ายที่เธอบอกเขาตอนคุยโทรศัพท์กันคือ ‘พี่พอลโทร. มา’
“ฉันแวะไปหาพี่พอลมา”
คำตอบที่ได้รับทำให้เขาต้องกำหมัดทั้งสองข้างแน่น พยายามสงบสติอารมณ์เต็มที่เพราะรู้ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด คนที่ผิดคือเขาเองที่ ‘หวง’ เธอมากเกินไป “ทำไมต้องไปหา”
“พี่พอลมีปัญหากับเอยนิดหน่อยเลยอยากคุยกับฉัน” อลีนาพยายามบังคับเสียงตัวเองให้เป็นปกติมากที่สุด ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะแสดงอารมณ์ขุ่นเคืองที่โดนไล่บี้ แต่เป็นเพราะจุดที่เธอยืนอยู่มันชวนให้ใจวาบหวิว ข้อพับขาด้านหลังของ
เธอชิดกับขอบเตียง ลำตัวด้านหน้าแทบจะแนบสนิทไปกับร่างกายกำยำของชายหนุ่มที่สูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบสามเซนติเมตร ไอร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้ช่องท้องเธออุ่นวาบเหมือนมีพลังงานแปลกประหลาดบางอย่างวิ่งวนอยู่ภายใน
หญิงสาวทนตกอยู่ในสถานการณ์วาบหวามแบบนี้ต่อไปไม่ไหว เธอเบี่ยงตัวออกไปทางช่องว่างด้านข้างเพื่อจะก้าวออกไปหาพื้นที่โล่งที่จะทำให้หายใจได้คล่องขึ้น แต่มือใหญ่ร้อนผ่าวทั้งสองข้างของคนตรงหน้าก็คว้าหมับเข้าที่เอวบางยึดเธอไว้ให้อยู่กับที่
“อย่าเดินหนีผม” เขาก้มหน้าลงมาสบตากับคนตัวเล็กที่สูงเพียงแค่ไหล่แล้วตรึงเธอไว้ด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาอย่างเข้มข้น ผู้หญิงคนนี้มีแรงดึงดูดมหาศาล ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้กอดเธอเพราะอุบัติเหตุในซอยข้างโรงเรียนของไออุ่น เขาก็ไม่เคยหยุดความต้องการที่มีต่อเธอได้เลย
“ปล่อยฉัน” หญิงสาวประท้วงเสียงแผ่วหวิว แต่สิ่งที่เธอได้รับคือการทำตรงกันข้าม
เขาดึงตัวเธอเข้าสู่อ้อมกอด
“คุณทำให้ผมนั่งไม่ติดเก้าอี้จนต้องตามมาหาคุณที่นี่” ชายหนุ่มแนบแก้ม สารภาพพึมพำกับเรือนผมนุ่มสลวยสีมะฮอกกานีที่ยาวถึงกลางหลังของคนในอ้อมกอด พลางลูบไล้ฝ่ามือร้อนผ่าวไปบนผิวเนื้อสีน้ำนมอมชมพูนุ่มนิ่มบริเวณต้นแขนเรียว
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย” อลีนาตอบเสียงเบาพลางออกแรงต้านเล็กน้อยเมื่อถูกวงแขนแข็งแกร่งที่โอบอยู่รอบตัวกอดกระชับแน่นขึ้นอย่างอ่อนโยน อ้อมกอดของเขาทำให้เธอหายใจติดขัด ไม่ใช่เพราะอึดอัดที่ถูกโอบรัด แต่เป็นเพราะกระแสพลังงานบางอย่างที่ส่งผ่านออกมาจากตัวเขา มันทำให้อากาศรอบตัวคล้ายเต็มไปด้วยประจุไฟฟ้าที่แล่นแปลบปลาบมากระทบผิวเนื้อจนเธอรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาว เธอเคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่งตอนที่ถูกเนื้อต้องตัวกับเขาครั้งแรก ทว่าครั้งนี้รุนแรงกว่าหลายเท่า
“คุณทำให้ผมหวง” เขาจับปลายคางเล็กมนให้เชิดขึ้นเพื่อจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตสีน้ำตาลวับวาวน่าหลงใหล “รู้มั้ย เวลาที่ผมหวง ผมจะทำยังไง”
“คุณจะทำอะไร” แววตาที่เต็มไปด้วยประกายความเร่าร้อนของเขาทำให้เสียงหวานที่เปล่งออกมาคล้ายติดอยู่แค่ในลำคอ
แทนคำตอบ เขาเคลื่อนใบหน้าลงมาใกล้ ตรึงเธอไว้ด้วยสายตาอันมีเสน่ห์และทรงพลัง แล้วในที่สุด ริมฝีปากอบอุ่นของเขาก็ประทับลงบนเรียวปากของเธอ เขาออกแรงกดสลับดูดเม้มอย่างเชื่องช้า ทว่ามั่นใจและเต็มไปด้วยความช่ำชองไปตามขอบโค้งของกลีบปากนุ่ม เขารุกเร้าบดเบียดอย่างแนบสนิท ดูดกลืนเสียงประท้วงของเธอไปจนหมดสิ้น
อลีนาแทบล้มทั้งยืน แข้งขาชาวาบไร้ความรู้สึก สองมือเล็กที่พยายามออกแรงผลักดันแผงอกกว้างให้ถอยห่างในทีแรกเปลี่ยนเป็นขยุ้มปกเสื้อสูทของเขาไว้แน่นเมื่อเขารุกเร้าเข้ามาอย่างเอาแต่ใจ ทว่านุ่มนวลอ่อนหวาน หญิงสาวไม่เคยยอมให้ใครจูบมาก่อน แต่กับผู้ชายคนนี้ เธอกลับเต็มใจมอบ ‘จูบแรก’ ให้เขาอย่างน่าละอาย
คิรากรส่งเสียงครางทุ้มลึกในลำคอด้วยความพึงพอใจเมื่อหญิงสาวเริ่มโอนอ่อนผ่อนตาม เขาเอียงศีรษะเล็กน้อยในองศาที่พอเหมาะเพื่อจะจูบเธอได้ล้ำลึกมากยิ่งขึ้น ริมฝีปากช่ำชองของเขาหยอกเย้าและหลอกล่อให้เธอเผยอริมฝีปากขึ้นแล้วฉวยโอกาสแทรกปลายลิ้นเข้าไปลูบโลมภายใน
อลีนาส่งเสียงครางแผ่วหวาน ร่างกายสั่นสะท้านไปกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เขาทำให้เธออ่อนเปลี้ยและร้อนผ่าวแทบหลอมละลาย
ชายหนุ่มบรรจงจูบดูดดื่มเนิ่นนานกว่าจะบังคับตัวเองให้ถอนริมฝีปากออกอย่างแสนเสียดาย ความจริงเขาอยากจูบเธอให้นานกว่านี้ อยากประคองร่างบอบบางให้เอนตัวลงนอนบนเตียงด้านหลังแล้วทิ้งตัวลงทาบทับ แต่ก็รู้ดีว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ทั้งด้วยเรื่องของสถานที่ และความพร้อมทางด้านจิตใจของหญิงสาว หากจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง เขาอยากให้มันเกิดขึ้นเพราะความรักที่เขาและเธอมีให้แก่กัน ไม่ใช่เพราะการใช้ประสบการณ์ที่เหนือกว่าหลอกล่อชักจูง
“ถ้าคุณทำให้ผมหวงอีก ผมก็จะจูบคุณอีกเพื่อย้ำเตือนให้คุณไม่ลืมว่าคุณเป็นของผม” คิรากรก้มหน้าลงพูดกับหญิงสาวที่ปักหน้าผากอยู่กลางอกเขา ลมหายใจเธอหอบสะท้าน ร่างกายอ่อนเปลี้ยเหมือนจะยืนไม่อยู่ หากไม่มีวงแขนของเขาโอบประคองไว้ เขาแน่ใจว่าเธอต้องทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นแน่
คำพูดอย่างถือสิทธิ์นั้นเรียกสติที่หลุดลอยของอลีนาให้กลับคืนมา เธอดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขา พยายามยืนให้มั่นคงที่สุดบนแข้งขาที่สั่นระริกของตัวเองแล้วจ้องหน้าเขานิ่งนานด้วยสับสนในความรู้สึกของตัวเอง เธอควรโกรธเขา แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธว่าลึกๆ แล้วเธอพอใจกับรสจูบที่เขามอบให้
“คุณจะตบผมก็ได้นะ” เขาบอกเมื่อไม่สามารถอ่านความรู้สึกในแววตาของเธอออก
อลีนาเงื้อมือขึ้นกะจะฟาดเต็มแรงให้สมกับความเอาแต่ใจของเขา แต่เมื่อเห็นประกายความปรารถนาร้อนแรงที่ยังคงเต้นเร่าอยู่ในนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มก็เปลี่ยนใจลดมือลงมาทุบที่อกเขาเบาๆ เธอไม่ได้ใสซื่อจนมองไม่ออกว่าเขาต้องข่มใจตัวเองมากแค่ไหนที่จะไม่ล่วงเกินเธอมากกว่านี้ เขายอมหยุดแค่จูบ ก็นับว่าเป็นผู้ชายที่มีความยับยั้งชั่งใจอย่างน่าชื่นชม
ที่สำคัญเขากำลังถูกความปรารถนาที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อยของตัวเองลงโทษอยู่ เท่านี้ก็ทรมานมากพอแล้ว
“คุณลงไปรอฉันข้างล่างก่อน ฉันขออยู่คนเดียวสักพัก” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงติดจะสั่นเล็กน้อย เธอต้องการเวลาคูลดาวน์ตัวเอง ตอนนี้หัวใจของเธอเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมานอกอก คาดว่าต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะทำให้จังหวะหัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติได้
“ผมยังไม่ได้คุยเรื่องที่ทำให้ผมไม่สบายใจเลย” เขาจับคนตัวเล็กให้นั่งลงที่ขอบเตียงเพราะกลัวเธอจะล้มพับไป
“คุณไม่สบายใจเรื่องอะไร” เธอถอยหนีไปนิดหนึ่งอย่างไม่ไว้ใจ
“ไม่ต้องกลัวผมขนาดนั้นหรอกน่า” คิรากรยิ้มเอ็นดูคนที่ยังหน้าแดงระเรื่อไปถึงใบหู “เวลาคุณเขิน หูคุณแดงทุกครั้งเลย”
“ไม่ต้องมายุ่งกับหูฉัน” หญิงสาวดุเสียงหวานพลางยกมือขึ้นปิดใบหูทั้งสองข้าง “คุณมีอะไรไม่สบายใจก็พูดมาสิคะ แล้วคราวหน้าก็อย่าเกเรหาเรื่องฉวยโอกาสกับฉันแบบนี้อีก”
“ถ้าคราวหน้าผมจะจูบคุณก็เพราะอยากจูบ ไม่ต้องมีข้ออ้าง”
“ถ้ามีคราวหน้าฉันตบคุณจริงด้วย”
“เอาสิ คุณตบ ผมจูบ” ชายหนุ่มไหวไหล่อย่างอารมณ์ดีขึ้นมาก “ผมจูบคุณทีนึง แต่จะยอมให้คุณตบผมสองที คุณได้กำไรเห็นๆ เลยนะ”
อลีนาค้อนขวับกับการคำนวณต้นทุนกำไรด้วยสูตรที่เธอขาดทุนทุกทาง “คุณนี่เจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจจริงๆ”
“ผมก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี” เขายิ้มรับอย่างภูมิใจทั้งที่ไม่น่าภูมิใจเลยสักนิด
“ไม่ต้องมาเล่นลิ้น” เธอดุจริงจังอีกครั้งเมื่อเขาพาเธอออกนอกเรื่องไปไกล “ถ้าคุณไม่พูดเรื่องที่คุณไม่สบายใจก็ออกไปได้แล้วค่ะ”
“โอเคๆ ผมเลิกล้อเล่นแล้ว” คิรากรปรับท่านั่งให้ดูเป็นการเป็นงานมากขึ้นราวกับกำลังจะคุยดีลธุรกิจพันล้าน “ผมอยากรู้ว่าคุณกับพอลเกี่ยวข้องกันยังไง ทำไมพอเขาโทร. มาแล้วคุณต้องรีบไปหา โดยเฉพาะคืนนั้นที่ลานจอดรถในโรงแรม ทำไมเขาต้องโอบเอวคุณอย่างนั้นด้วย รู้มั้ยว่าผมหวง!” เขาย้ำหนักที่ประโยคสุดท้าย
หญิงสาวที่นั่งตีหน้าขรึมหลุดขำพรืดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “คืนนั้นเรายังไม่รู้จักกันเลย คุณจะมาหวงฉันย้อนหลังไม่ได้”
“ก็คนมันหวง จะให้ทำยังไง” เขาบอกหน้ามุ่ยราวกับเด็กชายที่กำลังไม่ได้ดั่งใจ
“ไม่ต้องหวงค่ะ ฉันกับพี่พอลไม่ได้มีอะไรกันแล้ว”
“ไม่มีอะไรกันแล้ว แปลว่าเคยมี!?” เขาหรี่ตามองอย่างข้องใจ
“ฉันกับพี่พอลเจอกันเพราะหนังสือของฉันไปขอสัมภาษณ์เขาในฐานะนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองเมื่อสองปีก่อน มีการถ่ายรูป ถ่ายแฟชั่นนิดหน่อย ฉันเลยไปช่วยดูแล หลังจากนั้นเขาก็มาตามจีบฉันอยู่พักนึง แต่พอเขาเจอเอยเขาก็เปลี่ยนใจไปจีบเอยแทน” ถ้าจะพูดให้ถูก ต้องบอกว่าอันนาเข้ามาหว่านเสน่ห์ใส่ศิวภัทรจนทำให้เขาเปลี่ยนใจไปจากเธอ ซึ่งเจอร์รี่และเจ๊ปุยฝ้ายเคยบอกว่า อันนาตั้งใจแย่งศิวภัทรเพราะอยากเอาชนะ ไม่อยากให้พี่สาวได้ดีกว่า แต่อลีนาก็ไม่อยากมองน้องสาวตัวเองในแง่ร้ายขนาดนั้น
“ผู้ชายแบบนี้คุณยังจะทนคบอยู่อีกเหรอ”
“คบแบบเพื่อนเท่านั้นค่ะ”
“แค่เพื่อนก็ไม่น่าคบ”
“เขาเป็นแฟนเอย จะให้ฉันตัดขาดกับเขาไปเลยก็คงไม่ได้”
“คุณเฮิร์ตมั้ยตอนที่เขาทิ้งคุณไป” อยู่ๆ เขาก็อดรู้สึกสงสารเธอขึ้นมาไม่ได้ ผู้หญิงน่ารักคนนี้ไม่สมควรถูกทำร้ายจิตใจ
“ไม่เลยค่ะ เพราะ ฉัน-ไม่-ได้-ชอบ-พี่-พอล” เธอจงใจย้ำชัดทุกคำเพื่อให้คนขี้หวงสบายใจ “ฉันโล่งอกด้วยซ้ำที่พี่พอลหันไปชอบเอย” เธอเห็นเขายิ้มกว้างเมื่อฟังมาถึงตรงนี้ “สบายใจแล้วใช่มั้ยคะ”
“มากกก” เขาลากเสียงยาวอย่างเปิดเผยชนิดที่ไม่กลัวเสียฟอร์มเลย
“แต่...” อลีนาเว้นจังหวะเพื่อแกล้งยั่วคนขี้หวง
“แต่อะไร”
“ตอนนี้พี่พอลกับเอยทำท่าว่าจะเลิกกัน พี่พอลบอกว่าถ้าเลิกกับเอยแล้วจะขอกลับมาคบกับฉัน”
“ข้ามศพผมไปก่อนเถอะ!” ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ลองมายุ่งกับผู้หญิงของเขาสิ เขาไม่เอาไว้แน่
“ต่อไปนี้ หน้าที่ของคุณคือคอยกันพี่พอลไม่ให้มายุ่งกับฉัน โอเคมั้ยคะ” เมื่อเห็นคนตรงหน้าขมวดคิ้วงุนงง เธอจึงให้เหตุผลเพิ่มเติม “ฉันไม่อยากปวดหัวกับเรื่องไร้สาระ ฉันอยากมีเวลาให้ไออุ่นอย่างเต็มที่”
“เรื่องกันนายพอลอะไรนั่นไม่มีปัญหา เพราะถึงคุณไม่บอก ผมก็ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้คุณอยู่แล้ว” คิรากรสบายใจขั้นสุดที่หญิงสาวเปิดทางให้เขาแสดงความหึงหวงได้เต็มที่แบบไม่มีกั๊ก “แต่คุณก็อย่าลืมแบ่งเวลาให้พ่อของไออุ่นด้วยก็แล้วกัน” เขาสะกิดแขนเธอพลางทำตาปริบๆ โหยหาความรักความเมตตา
อลีนาลงมาบอกพ่อกับแม่ว่าวันนี้ต้องไปนอนเฝ้า ‘ลูกเพื่อน’ ที่โรงพยาบาลอีกคืนหนึ่ง แต่หลังจากถูกซักไปซักมาความก็แตกว่าลูกเพื่อนที่พูดถึงก็คือลูกสาวของคิรากรนั่นเอง
“ทำไมไม่บอกว่ามีลูกมีเมียอยู่แล้ว” แม่ถามเสียงขุ่นอย่างไม่ชอบใจ
“ผมมีแต่ลูกครับ ไม่มีภรรยา”
“เลิกกันแล้วเหรอ แล้วเมียเก่าคุณจะตามมาฉีกอกลูกสาวฉันมั้ย” แม่ยังคงไม่วางใจ
“แม่คะ ไออุ่นไม่ใช่...” อลีนาตั้งใจจะบอกว่าไออุ่นไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคิรากร แต่เป็นลูกของน้องชายที่เสียชีวิตไปแล้วของเขา แต่คิรากรก็ชิงพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อนเพราะไม่อยากให้ใครรู้ความจริงเรื่องนี้มากนัก เนื่องจากกลัวจะหลุดเข้าหูไออุ่นในวันที่เด็กหญิงยังไม่พร้อมรับฟัง
“เรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นแน่นอนครับ คุณพ่อคุณแม่วางใจได้” ชายหนุ่มให้สัญญาหนักแน่น
มันจะเกิดขึ้นได้ยังไงในเมื่อเขาไม่เคยมีภรรยามาก่อน!
หลังจากถูกซักฟอกอยู่พักใหญ่จนพ่อกับแม่ยอมวางใจในระดับหนึ่ง คิรากรก็นัดหมายเวลาที่จะพามารดาของเขามาสู่ขออลีนาอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ จากนั้นจึงขอตัวพาคุณแม่สวมรอยไปหาลูกสาวที่โรงพยาบาล
รถของคิรากรเคลื่อนออกไปจากบ้านไม่ถึงหนึ่งนาที อันนาก็นั่งแท็กซี่กลับมาที่บ้าน หญิงสาวให้คนขับรถช่วยขนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบกับใบเล็กอีกหนึ่งใบเข้ามาในบ้านแล้วจ่ายเงินค่ามิเตอร์บวกทิปไปอีกเป็นพันอย่างคนกระเป๋าหนัก
“ไปทัวร์ยุโรปทำไมกลับมาเร็วนักล่ะเอย” พ่อแปลกใจ แต่ก็แอบปล่อยมุกตามประสาคนอารมณ์ดี
“กลับมาเร็วอะไรล่ะคะพ่อ เอยไม่ได้ไปแล้ว” อันนาเดินไปกระแทกตัวนั่งที่โซฟาอย่างหัวเสียเต็มที่ แต่ก็เรียกใช้แม่เสียงอ่อนเสียงหวาน “แม่ขา เอยอยากได้น้ำส้มคั้นเย็นๆ จังเลยค่ะ”
“ได้จ้า แม่คั้นใส่ตู้เย็นไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า ป่านนี้คงเย็นเฉียบชื่นใจแล้วละ” เสียงแม่ตะโกนตอบกลับมาจากด้านใน ครู่หนึ่งเจ้าตัวก็เดินออกมาพร้อมกับน้ำส้มคั้นแก้วใหญ่ “นี่จ้ะลูกสาวคนสวยของแม่ ดื่มน้ำส้มเย็นๆ ให้สบายใจก่อนนะ”
“แล้วทำไมเอยไม่ไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วล่ะ พ่ออุตส่าห์แอบเบิกเงินเก็บออกมาให้ตั้งหลายแสน” พูดแล้วพ่อก็มองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวงทั้งที่รู้ว่าลูกสาวคนโตออกจากบ้านแล้ว แต่ก็อดกลัวไม่ได้ ถ้าอลีนารู้ว่าพ่อยังไม่เลิกสปอยล์อันนาต้องโวยวายบ้านแตกแน่
“เอยขี้เกียจไปแล้วค่ะ” อันนาไม่ยอมบอกความจริงกับพ่อแม่ว่าที่ทริปล่มกะทันหันเป็นเพราะมาร์ชรู้จากเพื่อนของเธอที่ไปส่งที่สนามบินว่า เธอกำลังจะแต่งงานกับศิวภัทร อันนาพยายามอธิบายแล้วว่ากำลังจะขอยกเลิกการแต่งงานแต่เขาก็ไม่ฟัง เขาโกรธมาก หาว่าเธอหลอกลวงสวมเขาให้เขาและประกาศตัดขาดกับเธอทันที
“เอยอยู่บ้านก็ดีแล้ว จะได้ไปงานแต่งงานของเอิงด้วย” แม่ดีใจที่ครอบครัวจะได้อยู่กันพร้อมหน้าในวันสำคัญ
“เอิงจะแต่งงาน!” อันนาตกใจแทบช็อกที่พี่สาวฝาแฝดผู้บ้างานและไม่เคยชายตาแลผู้ชายคนไหนมาก่อนจะแต่งงานสายฟ้าแลบแบบนี้ “แต่งกับใครคะ!”
“พ่อม่ายลูกติด เห็นว่ามีลูกสาวคนนึง อายุสี่ขวบ ชื่อไออุ่น” แม่ไม่ค่อยปลื้มว่าที่ลูกเขยเท่าไรหลังจากรู้ว่าเขามีตำหนิ “แต่ท่าทางรวยอยู่นะ ขับรถหรูมาเลย แถมยังซื้อของแพงๆ มาฝากพ่อกับแม่ตั้งหลายอย่าง”
อันนาฟังแล้วแอบกลอกตามองบน นึกรู้ทันทีว่าคนที่อลีนากำลังจะแต่งงานด้วยคือ ‘คุณลุง’ ที่รับอุปการะไออุ่นนั่นเอง หญิงสาวอดทึ่งไม่ได้ที่อลีนาทุ่มเททำเพื่อให้หลานมีแม่ถึงขนาดยอมแต่งงานกับคนแก่
“ทำไมคุณไม่บอกความจริงเรื่องไออุ่นกับพ่อแม่ฉัน พวกท่านเป็นตากับยายแท้ๆ ก็มีสิทธิ์รู้เหมือนกันนะ” อลีนาถามขณะอยู่บนรถกับคิรากรตามลำพัง
“ผมอยากให้คนรู้เรื่องนี้น้อยที่สุด”
“คุณบอกฉันเองว่า เราจะปิดบังความจริงกับใครก็ได้ แต่ไม่ควรปิดบังคนในครอบครัว”
ชายหนุ่มที่กำลังขับรถอย่างระมัดระวังเพราะมีบรรดาสิงห์มอเตอร์ไซค์คอยขับเบียดมาตลอดทางหันมายิ้มให้เธออย่างเข้าใจ เป็นธรรมดาที่เธอจะไม่พอใจ ในเมื่อเขาบอกความจริงทุกอย่างกับมารดาของตัวเอง แต่เธอกลับบอกครอบครัวได้แค่ครึ่งเดียว
“อย่าเรียกว่าปิดบังเลย เรียกว่ายังบอกความจริงไม่หมดดีกว่า”
“เจ้าเล่ห์” เธอต่อว่าเสียงเบา แต่เขาก็ได้ยิน และส่งเสียงหัวเราะในลำคอตอบกลับมา
“คุณนี่ใจร้อนเหมือนกันนะ”
“ฉันไม่ได้ใจร้อน ฉันแค่ไม่เข้าใจคุณ”
“ผมต้องบอกพ่อกับแม่คุณอยู่แล้ว แต่ขอเวลานิดนึง เรื่องบางเรื่องต้องค่อยเป็นค่อยไป ส่วนเรื่องที่ผมต้องรีบบอกความจริงกับคุณแม่เรื่องคุณ ผมก็บอกเหตุผลไปแล้วว่าผมไม่อยากให้คุณแม่มองคุณไม่ดี ที่สำคัญ ผมไม่อยากให้มีปัญหาแม่สามีกับลูกสะใภ้” ประโยคสุดท้ายเขาจงใจพูดเพื่อให้เธอหายขุ่นเคือง และก็ได้ผล เธอยิ้ม แต่ไม่รู้ว่ายิ้มเพราะเขิน หรือยิ้มเพราะเข้าใจเหตุผลมากขึ้นแล้วกันแน่
คิรากรพาอลีนามาถึงโรงพยาบาลตอนสองทุ่มกว่า เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงหน้าประตูห้องพักผู้ป่วยก็ได้ยินเสียงหัวเราะร่าเริงของไออุ่นดังแว่วออกมา
“ไออุ่นหัวเราะเสียงดังได้ขนาดนี้แสดงว่าอาการดีขึ้นมากแล้วนะคะ” หญิงสาวยิ้มอย่างสบายใจ
“เวลาอยู่กับคุณย่าก็เป็นแบบนี้แหละ คุณย่าตามใจ”
“ไออุ่นโชคดีมากที่มีคุณกับคุณย่าเลี้ยงดู” เพียงแค่คิดว่าถ้าหลานสาวตัวน้อยถูกทิ้งให้เป็นเด็กเร่ร่อนที่นิวยอร์กขอบตาของเธอก็ร้อนผ่าวแล้ว
“ตอนนี้แกก็โชคดีมากขึ้นไปอีกที่มีคุณเป็นแม่” เขาหันมายิ้มอบอุ่นใส่นัยน์ตาคนข้างกายแล้วโอบวงแขนแข็งแกร่งไปรอบเอวเธอ
“เอามือคุณออกไปค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นอย่างระวังตัว การถูกจูบแบบไม่ทันตั้งตัวยังทำให้เธอใจสั่นไม่หาย
“ไม่” เขาตอบด้วยรอยยิ้มอย่างถือสิทธิ์ “ผมจะลบทุกร่องรอยที่พอลเคยทำไว้บนตัวคุณ”
“พูดจาน่าเกลียด พี่พอลแค่โอบเอวเพื่อปกป้องฉัน เพราะคืนนั้นหน้าคุณดุ น่ากลัวมาก”
“ผมก็แค่โอบเอวว่าที่เจ้าสาวของตัวเอง ผิดตรงไหน” เขาไหวไหล่อย่างน่าหมั่นไส้ โดยไม่ยอมปล่อยมือแถมยังกอดกระชับแน่นขึ้นกว่าเดิมอีก
“นี่คุณ ทำไมเป็นคนแบบนี้เนี่ย” อลีนาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจแล้วแอบบิดที่หลังมือเขาเบาๆ “ปล่อยได้แล้วค่ะ”
คิรากรแกล้งสะดุ้งสุดตัวทั้งที่แรงบิดนั้นทำให้เจ็บน้อยกว่ามดกัดหลายร้อยเท่า “หูยคุณ...แค่นี้ไม่เห็นต้องรุนแรงเลย”
“เลิกล้อเล่นได้แล้วค่ะ ไออุ่นรออยู่” หญิงสาวดุเสียงเข้มแล้วเปิดประตูเดินนำเข้าไปก่อนแล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอนั่งเล่นตุ๊กตาเจ้าหญิงอยู่กับไออุ่นอย่างสนิทสนม และสิ่งที่ทำให้อลีนาประหลาดใจมากกว่านั้นก็คือ คำพูดที่ผู้หญิงคนนั้นกล่าวทักทายเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอ
“เอย...”
ก่อนที่ผู้ใหญ่จะทันได้แก้ไขความเข้าใจผิดกัน เด็กหญิงตัวน้อยก็ยิ้มร่าพร้อมอ้าแขนเรียกร้องอ้อมกอดจากแม่
“แม่เอิงขา แม่เอิงมาหาไออุ่นแล้ว”
“แม่เอิงมาแล้วค่ะ” อลีนาเดินเข้าไปสวมกอดเด็กหญิงที่นั่งอยู่กลางเตียงแล้วหอมแก้มทั้งสองข้างของเธออย่างรักใคร่ “ไออุ่นงอแงกับคุณย่าหรือเปล่าคะ”
“ไม่งอแงค่า ไออุ่นไม่ดื้อ ไม่ซนด้วย”
เสียงตอบเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงทำให้คุณย่าของเธอยิ้มด้วยความเอ็นดูก่อนจะหันมาต่อว่าว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยสีหน้าเย็นชา “มัวทำอะไรอยู่ ทำไมมาเอาป่านนี้ ไออุ่นบ่นหาเธอจนเกือบจะร้องไห้ ดีที่หนูพายมาเล่นด้วย ไม่งั้นคงร้องไห้จนเอาไม่อยู่”
“เอิงขอโทษค่ะ” อลีนายกมือไหว้ศรียุดาแล้วหันไปยิ้มทักทายหญิงสาวรูปร่างปราดเปรียวแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดที่เพิ่งรู้ว่าชื่อ ‘พาย’
“คุณไม่ใช่เอยเหรอ” พายหรือดานิกาถามด้วยสีหน้างุนงง “แต่หน้าเหมือนมากเลย”
“แม่เอิงเป็นแม่ของไออุ่นค่ะน้าพาย” เด็กหญิงบอกอย่างภาคภูมิใจที่มีแม่เป็นของตัวเองเหมือนเพื่อนๆ แล้ว
ดานิกางงหนักยิ่งกว่าเดิมและทำท่าจะซักต่อ แต่คิรากรพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“พาย เดี๋ยวพี่อธิบายทุกอย่างให้ฟังเอง”
อลีนาสะดุดหูกับการแทนตัวเองว่า ‘พี่’ ของคิรากร เขากับผู้หญิงคนนี้น่าจะสนิทกันมากทีเดียว