8
บทที่ 8
วิวาห์เกือบล่ม
หลังจากศรียุดากับแก้วกลับไปแล้ว คิรากรก็หายไปกับดานิกานานร่วมชั่วโมงจนไออุ่นถามหา
“คุณพ่อหายไปไหนคะแม่เอิงขา”
“คุณพ่อลงไปคุยกับน้าพายที่ร้านกาแฟข้างล่างค่ะ อีกแป๊บเดียวเดี๋ยวคุณพ่อก็ขึ้นมาแล้วนะคะ” อลีนาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงตอบคำถามเด็กหญิงด้วยคำตอบเดิมเป็นครั้งที่ห้าอย่างใจเย็นเหมือนไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่ในใจกำลังกระวนกระวายอยู่ไม่สุข หญิงสาวบอกตัวเองว่าเธอไม่ได้หึงหวง เพราะรู้ตัวว่ายังไม่มีสิทธิ์ถึงขั้นนั้น แต่พอคิดถึงคำพูดที่สนิทสนมและสายตาที่คิรากรกับดานิกามองกันก็อดคิดมากไม่ได้
“ไม่แป๊บค่ะ” ไออุ่นแย้งเสียงเบา หน้ามุ่ย ปกติเวลาจะเข้านอนคุณพ่อต้องอยู่กับเธอเสมอ “ไออุ่นอยากให้คุณพ่อเล่านิทานให้ฟัง”
“แม่เอิงเล่าให้หนูฟังตั้งสองเรื่องแล้ว ยังอยากฟังอีกเหรอคะ” หญิงสาวยิ้มเอ็นดูเด็กไม่ยอมนอนทั้งที่ตาปรือจนแทบลืมไม่ขึ้น แต่คงเป็นเพราะความเคยชินที่ต้องมีคุณพ่อส่งเข้านอนทุกคืนเธอจึงรอ
“ไออุ่นอยากให้คุณพ่อเล่าให้ฟังค่ะ คุณพ่อเล่าตลก”
“คุณพ่อเนี่ยนะคะตลก” อลีนานึกภาพไม่ออกเลยว่าผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาเคร่งขรึมอย่างคิรากรมีวิธีเล่านิทานยังไงลูกถึงได้บอกว่าตลก
“ใช่ค่ะ คุณพ่อเล่าตลกสุดๆ เลยค่ะ” ไออุ่นบอกอย่างภูมิใจในตัวคุณพ่อของเธอเป็นอย่างยิ่ง
“นินทาอะไรคุณพ่อให้แม่เอิงฟังคะลูกสาว” คิรากรยิ้มหน้าระรื่นขณะเดินเข้ามานั่งที่ขอบเตียงฝั่งเดียวกับที่อลีนานั่งอยู่ เขาเห็นหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาตำหนิเขาที่ขึ้นมาช้าด้วยสายตาแวบหนึ่ง และเหมือนมีคำถามบางอย่างซ่อนอยู่ในดวงตาคู่สวยด้วย เขารู้ว่าเธอคงอยากรู้เรื่องของดานิกา เขาต้องเล่าให้เธอฟังแน่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้
“ไออุ่นอยากให้คุณพ่อเล่านิทานให้ฟังค่ะ”
“ได้เลยค่ะ” คิรากรตอบรับด้วยเสียงสองที่ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน ซึ่งเป็นน้ำเสียงที่เขาใช้พูดกับลูกสาวอยู่เสมอ “ป้าแก้วบอกว่าเตรียมอุปกรณ์มาให้คุณพ่อแค่สามเรื่อง มีเรื่องลิตเติ้ลเมอร์เมด หนูน้อยหมวกแดง แล้วก็สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด ไออุ่นอยากฟังเรื่องอะไรคะ”
เด็กหญิงครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนตอบเสียงใส “ลิตเติ้ลเมอร์เมดค่ะ”
“โอเค” เมื่อตอบรับลูกสาวออกไปแล้ว คิรากรก็ชะงักไปนิดหนึ่งเพราะเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้เขาไม่ได้เล่านิทานให้ไออุ่นฟังแค่คนเดียว แต่มีอลีนาร่วมฟังด้วย แม้จะรู้สึกอายมาก แต่เพื่อลูกสาวเขายอมได้ “ไออุ่นรอแป๊บนึงนะคะ คุณพ่อขอไปเตรียมตัวก่อน”
“ค่ะ มาเร็วๆ นะคะคุณพ่อ”
“ไม่เกินสามนาทีการแสดงจะเริ่ม คุณผู้ชมตัวน้อยตั้งตารอดูได้เล้ยยย” คิรากรจุ๊บที่แก้มป่องของลูกสาวแล้วเดินไปหยิบถุงอะไรบางอย่างในตู้เสื้อผ้าก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ครู่หนึ่งก็แง้มประตูออกมาอย่างเชื่องช้า ชายหนุ่ม
หลบอยู่หลังประตูอย่างทำใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมความกล้าแล้วเดินทิ้งสะโพกออกมาอย่างมาดมั่นในชุด ‘นางเงือก’ พร้อมกับทำเสียงเล็กเสียงน้อยราวกับหญิงสาวผู้อ่อนหวานให้เข้ากับชุดที่สวมใส่ “เจ้าหญิงแอเรียล เงือกน้อยแสนสวยมาแล้วค่าาา”
“เย้ๆ นางเงือกมาแล้ว”
ไออุ่นลุกขึ้นนั่งปรบมือด้วยความดีใจ อาการง่วงงุนงอแงหายไปเป็นปลิดทิ้ง ในขณะที่อลีนามองตะลึงตาค้างไม่คิดว่าจะได้เห็นคิรากรในเวอร์ชันนี้ หญิงสาวรู้ว่าเขากำลังอายหนักมาก เพราะเขาไม่ยอมสบตาเธอเลย
“สู้ๆ นะคะเจ้าหญิงเงือกน้อยแสนสวย” อลีนาส่งยิ้มให้กำลังใจและบอกเขาด้วยสายตาว่า สิ่งที่เขากำลังทำอยู่ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยสักนิด ในทางตรงกันข้าม มันน่ารักมากด้วยซ้ำที่คนเป็นพ่อยอมทำอะไรแบบนี้เพื่อลูกสาว
คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวจำเป็นเล่านิทานให้ลูกสาวฟังอย่างออกรสออกชาติ น้ำเสียงและลีลาประกอบก็สุดเลิศ ชนิดที่ถ้าทีมงานดิสนีย์ออนไอซ์มาเจอจะต้องขอซื้อตัวไปร่วมแสดงด้วยแน่นอน
เมื่อการเล่านิทานเรื่องลิตเติ้ลเมอร์เมดภาคพิสดารที่สนุกที่สุดในโลกจบลง ไออุ่นก็หัวเราะร่าพร้อมปรบมือรัวๆ ให้คุณพ่อของเธอ “เย้ๆ นิทานของคุณพ่อสนุกที่สุดในโลกเลยค่า”
“นิทานจบแล้ว ทีนี้ก็นอนได้แล้วนะคะเด็กดี” คิรากรประคองร่างเล็กนุ่มนิ่มที่นั่งอยู่กลางเตียงให้นอนลงและห่มผ้าให้ เขาแตะหลังมือลงบนหน้าผากของลูกสาวและพบว่าอุณหภูมิในร่างกายของเด็กป่วยไม่สูงเท่าเมื่อวานแล้ว “ลุงหมอบอกว่าอีกสองวันไออุ่นก็กลับบ้านได้แล้ว ดีใจมั้ยคะ”
“ไม่ดีใจค่ะ” เด็กหญิงตอบเสียงเบา สีหน้าเศร้าสร้อยลงทันใด
“ทำไมล่ะคะ” คุณพ่อของเธอถามอ่อนโยน
“ที่บ้านไม่มีแม่เอิง”
อลีนาได้ยินดังนั้นจึงจับมือเล็กของเด็กหญิงมากดแนบกับแก้มของตัวเองแล้วบอกด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “แม่เอิงจะไปอยู่กับไออุ่นที่บ้านนะคะ”
“จริงเหรอคะ” เด็กหญิงยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“จริงสิคะ แม่เอิงรักไออุ่น แม่เอิงจะไปนอนกอดไออุ่นที่บ้านแบบนี้ทุกคืนเลย” หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วโน้มตัวลงกอดเด็กหญิงตัวน้อย และไม่คาดคิด เธอถูกนางเงือกยักษ์โอบกอดซ้อนทับอีกที
“คุณพ่อก็จะนอนกอดไออุ่นแบบนี้ทุกคืนเหมือนกัน”
“เย้ๆ กอดกันสามคนแบบนี้ทุกคืนเลยนะคะ”
“เราจะนอนกอดกันสามคนแบบนี้ทุกคืนเล้ยยย” คิรากรตอบรับลูกสาวน้ำเสียงสดใส หรือจะเรียกอีกอย่างว่าระริกระรี้น่าหมั่นไส้ก็คงไม่ผิด ถ้าไม่เห็นว่าไออุ่นกำลังดีใจและมีความสุขมาก อลีนาคงจะดีดคนฉวยโอกาสให้ลอยไปติดผนังแล้ว “แต่ตอนนี้เจ้าหญิงตัวน้อยของคุณพ่อต้องนอนได้แล้วนะคะ”
“ค่า...” ไออุ่นตอบรับเสียงใสแล้วหลับตาลงอย่างว่าง่าย
“ฝันดีนะคะเด็กดีของคุณพ่อ” ชายหนุ่มก้มหน้าลงจุ๊บที่หน้าผากของไออุ่น ทำให้แก้มของเขาแนบชิดกับแก้มนุ่มของหญิงสาวอีกคนที่อยู่ในอ้อมกอด สัมผัสที่ผิวเนื้อเสียดสีกันสร้างความรู้สึกอุ่นวาบขึ้นในโพรงอกของทั้งคู่
“คุณพ่อจุ๊บแม่เอิงด้วยสิคะ แม่เอิงจะได้ฝันดีเหมือนไออุ่น” เด็กหญิงลืมตาโพลงขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่ต้องจุ๊บก็ได้ค่ะ แม่เอิงยังไม่นอนตอนนี้” อลีนารีบบอกแล้วจะดันตัวออก แต่ถูกวงแขนแข็งแกร่งที่โอบอยู่รอบกายกักเอาไว้ เธอหันไปบอกเขาด้วยสายตาว่าให้ปล่อย แต่เขากลับทำหน้าซื่อตาใสไม่รู้ไม่ชี้
“ไออุ่นอยากให้คุณพ่อจุ๊บแม่เอิงตรงไหนคะ” เขาถามลูกสาว แต่สายตากลับไม่ละไปจากใบหน้าเรียวสวยที่อยู่ห่างกันเพียงแค่เสี้ยวมิลลิเมตรเลย
“ตรงนี้ค่ะ” ไออุ่นใช้นิ้วเล็กป้อมจิ้มที่หน้าผากของตัวเอง ซึ่งเป็นจุดเดียวกันกับที่คุณพ่อจุ๊บเธอ
“อ๋อ...ไออุ่นอยากให้คุณพ่อจุ๊บเหม่งแม่เอิงเหรอคะ” เขาแกล้งแซวไปอย่างนั้นเอง ความจริงหน้าผากของอลีนาสวยได้รูปและไม่ได้กว้างจนเกินไปเลยสักนิด
“คุณพ่อจุ๊บแม่เอิงเลยค่ะ แม่เอิงจะได้ฝันดี”
คิรากรยิ้มพรายเมื่อเห็นแก้มทั้งสองข้างของอลีนาแดงระเรื่อลามไปถึงใบหูเหมือนทุกครั้งที่เธอเขินอาย ชายหนุ่มเลือกที่จะจุ๊บที่หน้าผากของหญิงสาวอย่างรวดเร็วแล้วผละออกแทนการกดจูบเนิ่นนานอย่างที่อยากทำ เพราะรู้ว่าการเล่นบทสวาทต่อหน้าลูกเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง
แต่ถ้าลูกหลับ...ถึงไหนถึงกัน!
คิรากรรอจนไออุ่นหลับสนิทแล้วจึงรีบขอตัวไปอาบน้ำก่อนที่พยาบาลเวรดึกจะเข้ามาเช็กอาการของคนไข้แล้วเห็นว่าเขายังอยู่ในชุดนางเงือกแสนสวย แค่อลีนาเห็นคนเดียวเขาก็อายมากพอแล้ว ขืนให้พยาบาลเห็นอีก คราวหน้าเขาคงต้องพาไออุ่นไปรักษาที่อื่น ชายหนุ่มหายเข้าไปในห้องน้ำพักใหญ่แล้วออกมาในชุดนอนแบบเสื้อยืดสีขาวเข้าคู่กับกางเกงผ้าฝ้ายสีเทาเข้ม ส่วนอลีนาอาบน้ำมาจากบ้านเรียบร้อยแล้ว แค่เพียงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนแบบเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงขายาวลายลูกแมวน้อยสีชมพูก็นอนได้
“พยาบาลเข้ามาเช็กอาการไออุ่นหรือยัง” เขาถามพลางขยับผ้าห่มให้ลูกสาวที่นอนหลับตาพริ้มน่ารักน่าเอ็นดู ที่อาการของเด็กหญิงดีขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้ คงเพราะได้รับกำลังใจชั้นดีจากหญิงสาวที่กำลังจัดหมอนและผ้าห่มให้เข้าที่เพื่อเตรียมตัวเข้านอนอยู่บนโซฟา
“มาแล้วค่ะ เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เอง”
“งั้นก็ทางสะดวก” ชายหนุ่มพูดพลางเดินไปนั่งที่ปลายโซฟาด้วยรอยยิ้มไม่น่าไว้วางใจ
“มานั่งทำอะไรตรงนี้” อลีนาถอยหนีไปชิดขอบโซฟาอีกด้านอย่างระวังตัว “ไปนอนที่คุณโน่นเลย คุณแม่คุณให้คนเอาเตียงปิกนิกมาให้ คุณน่าจะหลับสบายกว่าเมื่อคืนนี้มาก”
“ถ้าคุณไม่ถามผมเรื่องที่คุณกำลังอยากรู้ คุณจะนอนหลับเหรอ”
“ฉันไม่ได้อยากรู้อะไรสักหน่อย” อลีนาตอบเสียงเบา พยายามเก็บซ่อนความวุ่นวายใจเรื่องดานิกาเอาไว้ให้มิดชิดที่สุด
“ผมนึกว่าคุณกำลังอยากรู้เรื่องพายอยู่ซะอีก” คิรากรเสยผมเปียกชื้นที่ตกลงมาปรกหน้าขึ้นด้วยท่วงท่าสบายๆ เขาพร้อมจะตอบทุกคำถามที่เธออยากรู้
“ฉันไม่อยากรู้หรอกว่าคุณกับคุณพายจะสนิทกันมากแค่ไหน ฉันอยากรู้แค่ว่าคุณพายรู้จักเอยได้ยังไง แล้วรู้เรื่องของเอยกับไออุ่นมากแค่ไหน”
ชายหนุ่มยิ้มละมุนให้คนตรงหน้าแล้วขยับตัวเข้าใกล้เธออีกนิด การที่เธอออกตัวว่า ‘ไม่อยากรู้’ นั่นหมายความว่าเรื่องนี้กำลังรบกวนจิตใจเธออยู่และเธอก็กำลัง ‘อยากรู้’ มาก
“ผมกับพายไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่คุณคิดหรอก”
“ฉันไม่ได้คิดอะไร” เธอคิดว่าตัวเองซ่อนความรู้สึกได้ดีแล้ว แต่เขาก็ยังดูออก
คิรากรเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับดานิกาให้อลีนาฟังโดยละเอียดว่าครอบครัวของเขากับครอบครัวของดานิกาสนิทกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า ส่วนดานิกากับเปรมอนันต์ที่มีอายุเท่ากันก็ได้หมั้นหมายกันตั้งแต่เรียนจบชั้นมัธยมปลาย จากนั้นก็เดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกาพร้อมกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดำเนินไปด้วยดี จนกระทั่งเปรมอนันต์ได้รู้จักกับอันนา
อันนาเข้ามาหว่านเสน่ห์ใส่เปรมอนันต์เพื่อหลอกใช้เขาให้ช่วยทำการบ้านและรายงานวิชายากๆ ให้ ดานิการู้เข้าก็ไม่พอใจไปต่อว่าอันนาให้เลิกยุ่งกับเปรมอนันต์ อันนาจึงเอาคืนด้วยการแย่งเปรมอนันต์ไป ดานิการู้ว่าอันนาไม่ได้จริงจังกับเปรมอนันต์ ในขณะที่เปรมอนันต์ทั้งรักทั้งหลงอันนา
“พายรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเอยและไออุ่น ตอนแรกพายก็ช่วยเปรมปิดผมเพราะกลัวผมโกรธ แต่สุดท้ายเรื่องก็มาแดงตอนที่เปรมถูกยิง” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แม้เรื่องราวจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ทุกครั้งที่พูดถึงเขาก็ยังเจ็บปวดอยู่มาก “ตอนเปรมตาย พายเป็นคนช่วยดูแลไออุ่นระหว่างรอผมไปรับ หลังจากเรียนจบกลับมาเมืองไทย พายก็มาเยี่ยมไออุ่นบ่อยๆ เขาสองคนก็เลยสนิทกันมากอย่างที่คุณเห็น ถ้าคุณถามไออุ่นว่าน้าพายกับแกเป็นอะไรกัน แกก็จะบอกว่าน้าพายเป็น ‘เพื่อน’ ของแก”
“แล้วกับคุณ?...” หญิงสาวถามเสียงอู้อี้เพราะใบหน้าครึ่งล่างซุกอยู่กับหมอนใบใหญ่ที่กอดแนบอก เธอพยายามห้ามตัวเองไม่ให้ถามแล้ว เพราะไม่อยากเปิดเผยความรู้สึกให้เขารู้มากเกินไป แต่ก็อดไม่ได้
“ผมคิดกับพายแค่น้องสาว”
“แต่คุณพายไม่น่าจะคิดกับคุณแค่พี่ชาย” เธอดูสายตาที่ดานิกามองคิรากรออกว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่มากกว่าความเป็นพี่น้อง
“คิดมาก”
อลีนาอยากสวนกลับมากว่าเขา ‘คิดน้อย’ เกินไป แต่ก็กลัวจะเป็นการหาเรื่องชวนทะเลาะ อย่างน้อยคำตอบของเขาก็ทำให้เธอสบายใจไปเปลาะหนึ่งแล้วว่า เขาไม่ได้คิดอะไรกับดานิกา แต่ถ้าดานิกาจะคิดอะไรกับเขา นั่นก็เป็นปัญหาของผู้หญิงคนนั้น หรือไม่ก็เป็นปัญหาของเธอที่จะต้องรักษาสถานภาพครอบครัวเอาไว้ให้มั่นคงที่สุดเพื่อไออุ่น
ในเมื่อเธอยอมลงทุนแต่งงานกับเขาแล้ว เธอจะไม่ยอมให้ครอบครัวที่ตั้งใจสร้างเพื่อหลานสาวกำพร้าต้องพังลงง่ายๆ แน่นอน
ด้วยอำนาจเงินและเส้นสายที่ตระกูล ‘นรเศรษฐ์ธาดา’ ของคิรากรมี ทำให้งานแต่งงานหรูเลิศอลังการถูกเนรมิตขึ้นได้ภายในสองวัน อีกทั้งเหล่าไฮโซเซเลบริตีทั่วฟ้าเมืองไทยต่างก็ยินดีมาร่วมงานกันอย่างคับคั่งแม้งานจะจัด
ขึ้นอย่างกะทันหัน หลายคนยอมยกเลิกนัดสำคัญ หลายคนยอมเลื่อนการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อที่จะมาร่วมงานเลี้ยงฉลองสมรสของนักธุรกิจหนุ่มผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในแวดวงอสังหาริมทรัพย์
การแต่งงานครั้งนี้มีเพียงงานเลี้ยงตอนเย็นเพื่อประกาศให้คนในสังคมรับทราบถึง ‘สถานะครอบครัว’ ที่กำลังจะเกิดขึ้นของคิรากรและอลีนาเท่านั้น ส่วนพิธีทางศาสนาตอนเช้าและการแห่ขันหมาก เจ้าสาวขอร้องว่าไม่ต้องมี เพราะเป็นแค่การแต่งงานกันแต่ในนามเท่านั้น จุดนี้ทำให้พ่อและแม่ของอลีนารวมถึงอันนาบ่นกันอุบอิบว่า แต่งงานทั้งทีแต่ไม่มีเงินสินสอดสักบาท
“แต่งตัวเสร็จหรือยังจ๊ะเจ้าสาว” อันนาเปิดประตูเข้ามาในห้องแต่งตัวของเจ้าสาวพร้อมกับกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส
“เสร็จแล้ว” อลีนาตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเช่นเดียวกัน ความเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน โดยเฉพาะเป็นแฝดไข่ใบเดียวกันทำให้ทั้งคู่ไม่เคยโกรธกันนานแม้จะทะเลาะกันบ่อยมากแค่ไหนก็ตาม “เอยมานานหรือยัง”
“เพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง มาถึงก็ขึ้นมาหาเอิงก่อนเลย”
“แล้วพ่อกับแม่ล่ะ” ถามน้องสาวแล้วก็หันไปบอกช่างแต่งหน้าและช่างทำผมที่ทำงานเสร็จแล้วให้ออกไปข้างนอกก่อน
“ถ่ายรูปอยู่ข้างล่าง เห็นบ่นว่าเอิงไม่ยอมให้เชิญญาติฝ่ายเรามางานสักคน พ่อกับแม่ก็เลยจะถ่ายรูปไปอวดว่าลูกสาวได้แต่งงานในโรงแรมหรูขนาดนี้” อันนากลั้นขำแล้วพูดยกตัวข่มพี่สาวตามนิสัย “แต่เอยว่าก็ไม่เท่าไหร่นะ งานแต่งเอยต้องยิ่งใหญ่อลังการกว่านี้ร้อยเท่า”
“พูดแบบนี้แปลว่าเอยจะยอมแต่งงานกับพี่พอลตามเดิมแล้วใช่มั้ย” อลีนาชินกับการถูกน้องสาวข่มมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่ได้เก็บคำพูดนั้นมาเป็นอารมณ์
“ใครจะโง่แต่งงานกับผู้ชายถังเกือบแตกแบบนั้น” อันนาปฏิเสธลั่น “ถ้าคืนนี้เขามางานเอิง เอยก็จะบอกเลิกเขาคืนนี้แหละ”
“เอาที่เอยสบายใจเลย เพราะต่อให้เอิงห้ามยังไงเอยก็คงไม่ฟังอยู่แล้ว” อลีนาลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วเดินไปหมุนตัวที่หน้ากระจกแบบตั้งพื้นบานใหญ่ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของชุดเจ้าสาวแบบกระโปรงสุ่มยาวกรุยกรายสีงาช้างที่คิรากรเป็นคนเลือกให้ “แล้วนี่เอยเจอไออุ่นหรือยัง”
“ไม่เห็นอยากเจอเลย”
อลีนาถอนหายใจเอือมระอา ก่อนหันมามองหน้าน้องสาวผู้ใจดำ “เอยไม่อยากเห็นหน้าลูกสักครั้งเหรอ ไออุ่นเป็นเด็กน่ารักมากนะ”
“ไม่อ้ะ” อันนาเดินหนีไปกระแทกตัวลงนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแทนที่พี่สาว “เอยยกให้เอิงแล้ว เอิงก็ดูแลกันเอาเองก็แล้วกัน”
“เอยจำคำพูดของตัวเองเอาไว้ให้ดีนะ ถ้าวันนึงเอยมาขอไออุ่นคืน เอิงไม่คืนนะ”
“ไม่มีวันนั้นแน่นอน” อันนาโบกไม้โบกมืออย่างมั่นใจเกินร้อย “แล้วนี่คุณลุงเจ้าบ่าวของเอิงอยู่ไหน เอยยังไม่เคยเห็นหน้าเลย”
“นั่นไง พูดถึงก็มาพอดี” อลีนาพยักพเยิดไปทางชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่าในชุดทักซิโดสีดำเนี้ยบกริบที่เพิ่งเดินพ้นประตูห้องเข้ามา
“เนี่ยเหรอคุณลุงที่เอิงเคยพูดถึง” อันนาถามอย่างไม่แน่ใจ
“อื้อ” อลีนาส่งเสียงตอบรับในลำคอแล้วเดินไปนั่งที่ปลายเตียงเพื่อจะสวมรองเท้าส้นเข็ม ความสูงสามนิ้วครึ่งที่เจ๊ปุยฝ้าย สไตลิสต์คู่ใจเตรียมไว้ให้ และย้ำว่าต้องสวมคู่นี้เท่านั้น เวลายืนคู่กับเจ้าบ่าวความสูงจะได้ไม่ต่างกันมาก ถ่ายรูปออกมาจะได้สวยๆ
“ผู้ชายคนนี้เนี่ยนะที่เอิงกำลังจะแต่งงานด้วย” อันนามองตะลึงตาค้าง เขาทั้งหล่อและสมาร์ต เธอเพิ่งเห็นข่าวการเปิดตัวห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาของเขาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ยังแอบคิดอยู่เลยว่า ต้องหาโอกาสเข้าไปทำความรู้จักกับเขาสักวัน
“ใช่ คุณคิม คุณลุงของไออุ่น” อลีนาก้มหน้าก้มตาตอบขณะพยายามจับชายกระโปรงสุ่มที่ยาวกองกับพื้นออกเพื่อจะสวมรองเท้า แต่ก็ทำได้ไม่ถนัดนัก
“ผมช่วย” คิรากรเดินผ่านอันนาไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามองราวกับเธอไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้นแล้วไปนั่งคุกเข่าบนพื้นพรมตรงหน้าอลีนาแล้วบรรจงจับเท้าเรียวเล็กของเธอขึ้นมาสวมรองเท้าให้อย่างไม่รังเกียจ เสร็จแล้วจึงเงยหน้าขึ้นสบตากับคนหน้าหวานด้วยแววตาที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาภูมิใจในตัวเจ้าสาวมากแค่ไหน “วันนี้คุณสวยมาก”
“วันนี้คุณก็หล่อมากค่ะคุณลุง” อลีนาแซวกลับด้วยรอยยิ้มที่แสดงความชื่นชมอย่างเปิดเผย
“คุณแม่ให้ผมเอาของมาให้คุณ แต่ผมขอคุยกับน้องสาวคุณก่อนนะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วหันไปเผชิญหน้ากับอันนาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ต้องการเงินเท่าไหร่”
“ค่าอะไร” อันนาไม่เข้าใจ
“ค่าซื้อความเป็นแม่ ผมต้องการความแน่ใจว่าคุณจะไม่มายุ่งกับไออุ่นอีก และเรื่องที่คุณเป็นแม่ตัวจริงของไออุ่นก็จะต้องเป็นความลับตลอดไป”
“คุณคิดว่าเด็กคนนั้นมีค่าแค่ไหนก็จ่ายมาเท่านั้นก็แล้วกัน” อันนาได้ทีฉวยโอกาสเรียกราคาให้คุ้มกับที่เธอเจ็บตัวเบ่งคลอดไออุ่นออกมา “ฉันไม่ได้คิดจะขายลูกกินนะ คุณเป็นคนเสนอเงินให้ฉันเอง ฉันแค่ไม่อยากให้คุณเสียน้ำใจ” หญิงสาวแสร้งออกตัวทั้งที่ตอนนี้ในสมองคิดไปไกลแล้วว่าจะเอาเงินที่ได้ไปหาความสุขใส่ตัวอย่างไรบ้าง
คิรากรจุกจนพูดไม่ออก ถ้าจะให้เขาจ่ายตามที่เธอเรียกร้อง เขาคงไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่ลมหายใจ
“ระดับมหาเศรษฐีอย่างคุณ จ่ายมาสักร้อยล้านก็คงไม่สะดุ้งสะเทือนหรอกมั้ง” อันนาลองหยั่งเชิงเมื่อเห็นเขาเงียบไป
“ตกลง ได้เงินไปแล้วก็อย่ามายุ่งกับไออุ่นอีกก็แล้วกัน” ชายหนุ่มกัดฟันบอกด้วยน้ำเสียงกดต่ำน่ากลัว ผู้หญิงคนนี้นอกจากจะใจดำแล้วยังเห็นแก่เงินอย่างน่ารังเกียจที่สุด
“บาทเดียวก็ไม่ต้องจ่าย!” อลีนาพูดโพล่งออกมาอย่างสุดทน “ไออุ่นไม่ใช่สินค้าที่ใครจะมาตกลงราคาซื้อขายกัน ถ้าเอยยังพอมีความเป็นคนหลงเหลืออยู่บ้างก็สงสารแกเถอะ ในฐานะเพื่อนร่วมโลก ไม่ต้องในฐานะแม่ก็ได้!”
“นี่เอิงจะมาด่าเอยทำไม ด่าว่าที่สามีตัวเองโน่นสิ เขาเสนอเงินให้เอยเอง เอยไม่ได้เป็นคนเรียกร้องสักหน่อย” อันนาโยนความผิดทั้งหมดไปให้คิรากรหน้าตาเฉย ทั้งที่ตัวเองเป็นคนระบุจำนวนเงินที่ต้องการอย่างมหาศาล
“ผิดทั้งคู่นั่นแหละ” อลีนาหันไปตำหนิชายหนุ่มที่ยืนข้างกันด้วยสายตาแล้วหันมาตกลงกับอันนาต่อ “เราเคยตกลงกันแล้วนะว่าเอยจะไม่ยุ่งกับไออุ่นและจะไม่บอกแกว่าเอยเป็นแม่ ขอให้รักษาสัญญาด้วย”
“พูดอย่างกับเอยอยากให้คนรู้นักนี่” อันนาเหยียดยิ้มแล้วเชิดหน้าเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์เสียที่เงินร้อยล้านที่ลอยอยู่ตรงหน้าถูกอลีนาปัดทิ้งไปต่อหน้าต่อตา
“คุณแน่ใจเหรอว่าน้องสาวคุณจะไม่สร้างปัญหาให้ไออุ่นในอนาคต” คิรากรถามอย่างไม่สบายใจ
“แล้วคุณแน่ใจเหรอว่าถ้าจ่ายเงินให้เอยแล้วเอยจะไม่พูด” อลีนาย้อนถามเพื่อให้เขาได้ขบคิด
“ผมก็ไม่แน่ใจหรอก แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเพื่อปกป้องไออุ่นเลย”
“คุณรู้มั้ยว่าสิ่งที่คุณทำจะเพิ่มบาดแผลในใจให้ไออุ่นในอนาคต แค่ถูกแม่ทิ้งแกก็เจ็บปวดมากพอแล้ว ถ้าวันนึงแกรู้ว่าแม่ขายแกให้คุณในราคาร้อยล้าน คุณลองคิดดู ว่าแกจะเจ็บปวดกว่าเดิมมากแค่ไหน”
ชายหนุ่มนิ่งเงียบอย่างจำนนด้วยเหตุผล อลีนามองปัญหานี้ได้ลึกซึ้งกว่าเขามาก
“ฉันเชื่อว่าความลับไม่มีในโลก สักวันไออุ่นต้องรู้ความจริง ฉันหวังแค่ว่าแกจะรู้ในวันที่พร้อมเผชิญหน้ากับความจริงเท่านั้นเอง”
“ขอบคุณนะเอิง” น้ำเสียงของเขาทอดยาวนุ่มนวล ความซึ้งใจซึมซาบอยู่เต็มอก
“ขอบคุณอะไรคะ” อลีนางุนงง ที่อยู่ๆ เขาก็เปลี่ยนโหมดกะทันหัน
“ขอบคุณที่คุณเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมกับไออุ่น” คิรากรรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่ได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นแม่ของลูกและเป็นภรรยา ถึงแม้วันนี้เธอจะเป็นแค่ภรรยาในนาม แต่เชื่อเถอะว่าอีกไม่นาน เขาจะต้องทำให้เธอเป็นภรรยาของเขาอย่างแท้จริงให้ได้