4

เด็กขาดแม่

บทที่ 4 เด็กขาดแม่

 

กีกี้ : รู้จักคนชื่อสหกรณ์ไหม

โยนหินลงทะเลเป็นเช่นนี้นี่เอง กังสดาลค้นพบมานานแล้วว่าในกรุ๊ปเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเธอเหมือนไร้ตัวตน อาจเพราะเธอเป็นหนึ่งเดียวที่เรียนไม่จบ หรืออาจเพราะเธอหายหน้าไปพักใหญ่เนื่องจากเฟซบุ๊ก ไลน์ และอีเมลของเธอสูญหายติดต่อใครไม่ได้ รวมไปถึงข่าวฉาวเมาแล้วขับชนคนแถมยังทะเลาะวิวาทที่เพิ่งเกิดไม่นาน ทุกคนจึงพากันทำเป็นไม่รู้จักเธอเพื่อกันไม่ให้ตัวเองติดร่างแหไปด้วย แต่อย่างน้อยก็ควรส่งสติกเกอร์ไลน์ว่าอ่านแล้วมาให้เธอบ้าง หญิงสาวคันมืออยากพิมพ์ข้อความกวนประสาทลงไป ตอนมีคนตอบกลับมา

น้ำหวาน : ชื่อคุ้นๆ นะ ไปเจอเขามาเหรอ

อย่างน้อยก็มีหนึ่งคนสนใจจะตอบเธอ กังสดาลเกือบยิ้มถ้าไม่เห็นรูปโพรไฟล์ใบหน้าแอ๊บแบ๊วของวาสินี หรือน้ำหวาน ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลาย เพื่อนร่วมคณะนิเทศศาสตร์ และเพื่อนร่วมวงการบันเทิง แถมยังเคยอยู่แวดวงสังคมเดียวกัน ต่างแค่เธอเป็นนางร้ายกึ่งตัวประกอบดาวดับ ส่วนอีกคนเป็นนางเอกชื่อดังดาวเด่น แต่ประเด็นสำคัญคือคนคนนี้เป็นอดีตเพื่อนสนิทที่เธอเพิ่งจับได้ไม่นานว่าชอบแทงข้างหลัง ด้วยการให้ผู้จัดการส่วนตัวเอาเรื่องแย่ๆ ของบ้านเธอไปบอกคนในวงการ หนำซ้ำยังเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เธอกลายเป็นหมาหัวเน่าในกลุ่มเพื่อนๆ แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐาน กังสดาลก็ต้องกัดฟันทำเป็นไม่รู้ต่อไป

กีกี้ : เจอวันนี้ เขารู้จักฉัน แต่ฉันจำไม่ได้

น้ำหวาน : จำคนผิดหรือเปล่า

วาสินีตอบมาแค่ห้าคำแต่ทำไมกังสดาลถึงรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก ลางสังหรณ์ของสัตว์เล็กบอกว่างูพิษตัวนี้กำลังแลบลิ้นสองแฉกใส่เธออยู่ หญิงสาวเอามือลูบคางพิจารณาประโยคสั้นๆ ตรงหน้า ขณะใคร่ครวญว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ดีหรือจี้ถามดี อีกฝ่ายก็แชตไลน์ส่วนตัวมาหา

น้ำหวาน : ไปเจอเขาที่ไหน

น้ำหวาน : เขาพูดอะไรบ้าง

น้ำหวาน : เธอจะเจอเขาอีกหรือเปล่า

หลังจากรัวถามแล้วไม่ได้คำตอบ วาสินีก็โทร. ผ่านไลน์มาหาทันที กังสดาลไม่แน่ใจว่าตัวเองจะเล่นละครเก่งเท่าอีกฝ่ายหรือเปล่าเลยตัดสายทิ้ง แล้วพิมพ์ตอบด้วยระบบออกเสียงแล้วแปลงเป็นตัวอักษรเนื่องจากการจราจรเริ่มเคลื่อนไปข้างหน้า 

กีกี้ : ถามอะไรเยอะแยะ ฉันจำเป็นต้องตอบไหม (มีมแมวน้อยไม่พอใจ.jpg) 

ถ้าไม่เจอกันซึ่งหน้า สกิลกวนประสาทผ่านตัวอักษรของกังสดาลเกินร้อย โดยเฉพาะเมื่อเจอคนที่หลอกถามแต่ยังทำเป็นวางอำนาจใส่เธอ จากประโยคแรกที่ว่าคุ้นๆ จากวาสินี กังสดาลแน่ใจว่าอีกฝ่ายรู้จักสหกรณ์ แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ แล้วทำไมเธอต้องซื่อบื้อตอบคำถามตามตรงด้วย

น้ำหวาน : ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องมากวน

กีกี้ : (มีมแมวน้อยมองเหยียด.jpg)

กังสดาลแทบจะมองเห็นใบหน้าโกรธเคืองของวาสินีผ่านหน้าจอ แต่จากคำถามรัวๆ ก่อนหน้านี้เธอแน่ใจว่าต่อให้กัดฟันอีกฝ่ายก็จะต้องแชตมาถามอีก ทิ้งระยะพอสมควรกังสดาลก็ได้รับอีกหลายข้อความจากวาสินีซึ่งถามอ้อมๆ ถึงสหกรณ์และการเจอกันของทั้งสองไม่หยุด 

กีกี้ : บังเอิญเจอ

น้ำหวาน : แล้วไปเจอกันได้ไง

กีกี้ : ในห้าง

กังสดาลไม่ลังเลที่จะโกหกผ่านตัวอักษร แล้วมองหน้าจอเลื่อนไหลไปอย่างรวดเร็วเพราะการรัวคำถามของวาสินี ซึ่งเป็นคำถามซ้ำๆ อยากรู้ว่าเธอกับสหกรณ์คุยอะไรกันบ้าง ท้ายสุดถึงขั้นส่งข้อความเสียงมาตะคอกผ่านหน้าจอ

“เล่ามาให้ฟังหน่อยไม่ได้หรือไงว่าไปเจอกันที่ไหนยังไง ทำไมต้องให้ถามทีละอย่าง”

น้ำเสียงวาสินีวางอำนาจมาก กังสดาลเลยใช้ความเงียบปล่อยให้อีกฝ่ายหงุดหงิดต่อไป แต่ก็ต้องทนกับข้อความที่ส่งมาหาไม่ได้หยุด ขับผ่านไปอีกสองไฟแดงก็ยังคงเป็นคำถามแนวเดิม เมื่อไม่น่าจะได้ข้อมูลอะไรใหม่ๆ เธอก็ตอบรวดเดียวเพื่อตัดบท

กีกี้ : เขาแค่ทัก ฉันจำเขาไม่ได้ เขาทำท่าไม่พอใจ แล้วบอกว่าเราคงไม่เจอกันแล้ว

มีสัญลักษณ์แสดงว่าวาสินีอ่านข้อความแล้ว แต่เมื่อกังสดาลพิมพ์ว่าสหกรณ์บอกว่าจะไม่เจอกันอีก ก็เหมือนอดีตเพื่อนจะหมดเรื่องคุย

หรือว่าทั้งคู่จะรู้จักกัน นึกถึงเรื่องนี้กังสดาลก็คาดเดาความเป็นไปได้ถึงแผนการสมคบคิดอันร้ายกาจ โดยมีวาสินีกับสหกรณ์ร่วมมือกัน จึงเปิดเข้าหน้าเฟซบุ๊กผ่านโทรศัพท์มือถือค้นหาเฟซไทม์ของเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรอุปสรรคก็มาเยือน   

ปึง!

มีเหตุผลดีทีเดียวสำหรับการบังคับใช้กฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ กังสดาลมองกระโปรงรถบีเอ็มดับเบิลยูของตนกำลังจูบท้ายรถแท็กซี่แล้วไม่ต้องพึ่งสัญชาตญาณก็รู้ว่าเรื่องนี้จบไม่สวยเหมือนหน้าของเธอแน่ แต่ก็ยังพยายามปั้นหน้ายิ้มสวยแล้วลงจากรถ เพราะนาทีนี้กล้องหน้ารถคงช่วยอะไรไม่ได้ ยกเว้นบอกต่อชาวโลกว่าเธอไม่สนใจขับรถให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ด้วยสภาพจราจรติดขัด การชนแทบไม่ต่างจากการกระทบกระแทก กระทั่งแอร์แบ็กรถเธอยังขี้เกียจทำงาน ส่วนกันชนรถแท็กซี่ผ่านประสบการณ์โชกโชนดูไม่ออกว่าแผลใหม่หรือแผลเก่า แต่ชายคนขับที่มีประสบการณ์ด้านนี้ไม่ต่างจากรถของตนชิงโวยวายเอาเรื่อง

“ขับรถประสาอะไร! อ้าว...นี่มันกีกี้ที่เมาแล้วขับวันก่อนไม่ใช่เหรอ มาชนผมอีกได้ไง” คนขับแท็กซี่เตรียมด่ามาแต่ไกล พอเห็นหน้าคู่กรณีชัดๆ ก็เสียงดังประจาน

สิ่งที่แม่สอนมาตลอดชีวิตกระตุ้นให้แผ่นหลังของกังสดาลเหยียดตรง แม่บอกเสมอว่ายอมรับความชอบที่ไม่ได้ทำอย่างหน้าไม่อายได้ แต่อย่ายอมรับความผิดที่ตนไม่ได้ก่อ หรือก่อจริงก็ให้หน้าด้านหงายการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไว้ก่อน ต่อให้ใครบอกว่าเธอหยิ่ง ก็อย่าให้ใครมาสมเพชเวทนา 

“ชนเมื่อเดือนก่อน แล้วก็ไม่ได้เมาค่ะ”

กังสดาลแก้ต่างให้ตนเองพร้อมกับเตรียมจะอธิบาย น่าเสียดายที่ความไวของการพูดเธอยังไม่เร็วเท่าบรรดากล้องจากโทรศัพท์มือถือและคำวิจารณ์จากรถที่ติดอยู่ข้างๆ ไม่ต้องรอนานก็มีคนจำเธอได้ ถ้าเป็นเมื่อครึ่งเดือนก่อนเธอคงปลื้มใจ แต่ตอนนี้เธอสุดจะเศร้าใจ

“ดาราที่เมาแล้วขับไง!”

“ยังไม่โดนยึดใบขับขี่อีกเหรอ”

“ว้ายๆ จะตบลุงคนขับแท็กซี่แล้ว!”

“ร้ายจริงๆ เลย”

นาทีนี้กังสดาลไม่รู้ว่าควรหนี ควรยิ้ม หรือควรทำอะไร แต่ที่แน่ๆ ไม่ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้ คลิปลูกสาวอดีตนางร้ายขับรถป่วยจิตจะต้องว่อนเน็ต เธอคิดแฮชแท็กได้เลย #กีกี้ตบแท็กซี่ ต้องมา

 

#กีกี้ซิ่งนรก 

สหกรณ์อยากถอนใจใส่โทรศัพท์มือถือกับพฤติกรรมดึงดูดปัญหาเข้าตัวของกังสดาล แถมเขายังต้องรู้เรื่องเธอผ่านข่าวฉาวเสมอ แต่เขาต้องอดกลั้นเอาไว้เพราะเกรงว่าคุณครูตรงหน้าจะคิดว่าเขาถอนใจใส่การรายงานพฤติกรรมเด็กของเธอ 

สหกรณ์รู้ว่ามันเสียมารยาทที่เล่นโทรศัพท์ไปสนทนาไป แต่ถ้าครูโรงเรียนอนุบาลจะทำเขาเสียเวลาเพราะควบคุมเด็กอายุห้าถึงหกขวบกลุ่มหนึ่งในห้องเรียนไม่ได้ เขาก็ไม่คิดว่านี่เป็นความผิดเขาเสียทีเดียว อย่างน้อยเขาก็แค่ผิดเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ที่ไม่อาจควบคุมเด็กห้าขวบคนเดียวในบ้านได้

“มันก็แค่เด็กๆ ทะเลาะกัน แต่ดอลลาร์บอกว่าควรให้ผู้ปกครองรับทราบค่ะ แล้วคุณปู่ของดอลลาร์ก็บอกให้คุณพ่อมา”

ครูวัยยี่สิบกลางๆ ท่าทางยังอ่อนต่อโลก สหกรณ์จึงอภัยที่เธอโดนเด็กห้าขวบหลอก 

“รบกวนเวลาครูแย่เลยครับ ทีหลังส่งเป็นอีเมลไปก็ได้” สหกรณ์สาบานได้ว่าเขาจะตั้งใจอ่านแล้วค่อยตีก้นสหรัฐ 

“เด็กเล็กต้องการการเอาใจใส่จากพ่อแม่มากกว่าที่คิดนะคะ” คุณครูพยายามพูดด้วยเหตุผลกับสหกรณ์ 

เขารู้ว่าครูพูดถูกจึงไม่โต้แย้ง แต่คนที่นั่งข้างๆ เขาไม่เห็นด้วย

“พ่อไม่มีเวลาครับ แล้วแม่ก็ไม่มาหาผมซะที” สหรัฐไม่ลังเลที่จะเผยปัญหาในครอบครัวให้คนนอกร่วมรับรู้ ตามด้วยจุดประเด็นความน่าสงสาร “ไม่มีใครดูแลผมเลยครับ ผมคิดถึงแม่”

สหกรณ์ก้มหน้า ถลึงตาเตือนลูกชายไม่ให้ดึงดรามา ส่วนสหรัฐเงยหน้ามองพ่อแล้วดวงตากลมโตก็สั่นไหวน้อยๆ ดูน่าเวทนาจนครูทนมองไม่ได้ 

“น้องดอลลาร์ยังเล็กนะคะ เขาไม่เข้าใจปัญหาของผู้ใหญ่หรอกค่ะ”

“เขาฉลาดกว่าที่คุณครูคิดครับ” นี่ไม่ใช่การโต้แย้ง แต่เป็นการบอกความจริง ทว่าสหกรณ์มองออกว่าครูไม่เชื่อ

“เด็กยังไงก็คือเด็กค่ะ ที่เขาทะเลาะกับเพื่อนๆ ก็เพราะอยากให้พ่อแม่สนใจ ถ้ายังไงคุณพ่อลองคุยกับคุณแม่เรื่องช่วยกันดูแลลูกดีไหมคะ ถึงเลิกกันแล้วก็หันหน้ามาคุยกันได้”

ครูเข้าใจว่านี่เป็นปัญหาพ่อแม่หย่าร้าง แม่ไม่อยู่บ้าน พ่อเอาแต่ทำงาน ซึ่งนั่นถูกแค่ครึ่งเดียว ที่สำคัญเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้ทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่เพื่อกดดันพ่อให้ไปพาแม่กลับมา ให้ไว!

เด็กน้อยน่าสงสารในสายตาครูก้มหน้า แต่สหกรณ์เปลี่ยนหน้าจอมือถือเป็นกล้องแล้วลดลงไปส่องดูพบว่าสหรัฐกำลังแอบยิ้มตามคาด พอถูกเปิดโปงว่าก่อการจลาจลในโรงเรียนเพื่อเรียกร้องให้พ่อยอมทำตามใจตัวเอง เจ้าตัวร้ายก็ยังไม่สะทกสะท้าน กล้าเลิกคิ้วใส่พ่อผ่านหน้าจอโทรศัพท์ แล้วเปลี่ยนสีหน้าฉับพลันเหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสีเงยมองครูอ้อนวอนเสียงนุ่ม

“ผมขอโทษครับ ผมไม่อยากทะเลาะกับเพื่อนนะครับ แต่เขาหาว่าผมโกหก แล้วก็บอกว่าแม่ของผมเป็นคนไม่ดี”

น้ำเสียงที่ควบคุมให้เครือน้อยๆ บีบหัวใจครูจนต้องคาดคั้นผู้ปกครองอีกรอบ แถมยังละเลยการลงโทษเจ้าเด็กแสบที่แอบถีบนักเรียนรุ่นพี่ระหว่างทะเลาะวิวาท

“ผมจะคุยกับแม่ของดอลลาร์อีกทีครับ”

สหกรณ์ตัดบทการอบรมของครูเรื่องการดูแลเด็ก แล้วก็ลากเจ้าเด็กแสบนรกออกไป และคราวหน้าเมื่อเขาเจอกังสดาล เขาจะเอาคำพูดครูที่ว่าพ่อแม่ควรดูแลลูกโยนใส่เธอบ้าง 

“พ่อยิ้มเหมือนตัวโกงเลยครับ” สหรัฐเอ่ยแทรกจนคนคิดแผนการใหญ่ชะงัก

“ลูกจะไม่ได้ดูละครอีกจนกว่าจะมีสิทธิ์เลือกตั้ง”

“มองอีกที พ่อหล่อกว่าพระเอกละครอีกครับ” สหรัฐทำตาแป๋วมองสหกรณ์แล้วออดอ้อน ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ดูละคร 

ชายหนุ่มเค้นเสียงหัวเราะใส่ตัวเองที่มักจะถูกหลอกเพราะลูกไม้แบบนี้ แบบเดียวกับที่กังสดาลเคยใช้กับเขา จนเขาเผลอตกหลุมรักเธอเมื่อเจ็ดปีก่อน


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น