10

บทที่ 10

๑๐


ในชั่วโมงว่าง ปภังกรมักอ่านบทความ ข่าวสารต่างๆ หรือไม่ก็ฝึกหัดภาษาใหม่ๆ ทักษะใหม่ๆ สิ่งเหล่านี้จำเป็นสำหรับงานที่ทำอยู่ คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเวลาไหน หรือแขกคนไหน จะเกิดอยากชวนคุยเรื่องอะไร หรือเรียกร้องใดๆ ขึ้นมา...ไม่สิ อย่าถึงต้องใช้คำว่า ‘เรียกร้อง’ เลย เขาไม่ปล่อยให้แขกได้ทำอย่างนั้นแน่ๆ ความพึงพอใจของแขกคือปรารถนาอันสูงสุดของเขา คนอย่างปภังกรไม่ได้ทำงานแค่เพื่อเงิน 

‘เรารู้ว่านายไม่ได้รู้สึกว่าเสียเวลาพักผ่อน แต่มันก็ควรจะมีช่วงที่นายได้เว้นจากเรื่องงานบ้างนะ’ แฟนหนุ่มชอบพูดอย่างนั้นพร้อมเดินมาตบก้นงอนๆ ของเขาอย่างรักใคร่

เจ้าตัวเป็นบุรุษพยาบาลอยู่ในโรงพยาบาลบนเกาะนี้เอง ปภังกรได้เจอครั้งแรกเมื่อพาแขกวีไอพีรายหนึ่งไปโรงพยาบาลเนื่องจากอาการแพ้อาหาร การคบหาในวัยนี้ไม่มีกุ๊กกิ๊ก แค่คุยกันรู้เรื่องก็พัฒนาความสัมพันธ์ไปว่องไว ปภังกรรักที่อีกฝ่ายตามใจและห่วงใยยิ่ง ชีวิตเขาไม่เคยมีใครทำให้อย่างนี้ นอกจากนั้นยังจริงจังแน่วแน่ รบเร้าให้พาไปพบแม่ซึ่งเป็นครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวที่เขายังเหลืออยู่ ทว่าปภังกรได้แต่ผัดผ่อน แม่พอจะรับได้ที่เขาชอบผู้ชาย แต่แม่ไม่เคยทำให้เขามั่นใจว่าแม่จะรับได้ ถ้าเขาพาผู้ชายที่ตัวเองชอบไปแนะนำกับแม่จริงๆ     

เมื่อถูกแฟนเตือน เขาจะพลิกตัวหัวเราะขำ จากนั้นปิดเว็บบทความ เปลี่ยนไปผ่อนคลายด้วยการเล่นเกมแทน ก่อนจะกลายเป็นคร่ำเคร่งอีกครั้งอยู่นั่นเอง 

‘นายนี่มันติดเครียดจริงๆ’ 

‘เครียดที่ไหน เกมง่ายๆ ทั้งนั้น’

ใช่ เขาชอบเกมต่ออัญมณี เกมไพ่ หรือไม่ก็เกมบวกเลข เกมที่ได้แข่งกับตัวเอง 

‘มันมี hint ให้ช่วย นายก็ไม่ใช้ เส้นเลือดที่ขมับนายจะระเบิดออกมาแล้ว ไม่เชื่อไปส่องกระจกเลย’

เขาจะปล่อยให้ปลายนิ้วนุ่มของอีกฝ่ายกดนวดที่ขมับให้เบาๆ หัวเราะเคล้า ‘ก็ถ้าเล่นไม่ชนะแล้วจะเล่นไปทำไมล่ะ’  

เวลานี้ หน้าจอโทรศัพท์ปรากฏบทความเรื่องการสนทนาภาษาจีนที่เขาอ่านค้างไว้เมื่อวันก่อน บัตเลอร์หนุ่มพยายามออกเสียงตามคำอ่าน แต่ความ ‘คร่ำเคร่ง’ ที่แฟนหนุ่มเคยวิจารณ์มีอันแตกไป ค่าที่จู่ๆ เสียงประตูอาคารสปาเปิดดังขึ้น

ตกใจเมื่อพบว่าผู้ที่กระวีกระวาดออกมาคือแขกสำคัญที่ตัวเองเพิ่งพามาส่ง แถมรายนั้นยังอยู่ในชุดคลุมขาว

“คุณโด!” 

ได้ยินเสียงเขา คนที่กำลังจ้ำอ้าวก็ผ่อนฝีเท้าลง หันมา 

“เกิดอะไรขึ้นครับ”

“ของหาย!” 

“ของ?”

ผู้ถูกถามมุ่นคิ้วร้อนรน “ผมไม่แน่ใจ แต่เพิ่งนึกได้ว่าเมื่อกี้ตอนอยู่ในห้องไม่เห็นมันเลย!”

พูดจบ คนพูดก็ออกวิ่งต่อ 

ปภังกรร้อง “เดี๋ยวครับคุณโด!” เขากำลังจะวิ่งตามไป แต่นึกขึ้นได้เสียก่อน รีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา เรียกหาเพลงทราย… 


“ค่ะ เข้าใจแล้ว!” ดนีย์นาถพยายามกดเสียงตัวเอง ทั้งที่สิ่งที่ได้ฟังทำให้ทุกขุมขนตื่นตัว 

หญิงสาวกดตัดสายแล้วบอกคนข้างๆ “เราต้องรีบออกไปแล้วค่ะ!”   

ทว่าแขกวีวีไอพีในชุดแม่บ้านยังคงตื่นตากับสรรพสิ่งของโด

“คุณเงินยวงคะ!”

คราวนี้เจ้าตัวจึ๊กจั๊ก “ทำไมเร่งกันจัง” 

“คุณโดกำลังมาค่ะ เธอบอกว่ามีของหาย” ว่าพลางช่วยเก็บของที่อีกฝ่ายรื้อออกมา ขนาดว่าก่อนหน้านี้ก็พยายามเก็บไปด้วยแล้ว 

“หายได้ยังไง!” อีกฝ่ายทำหน้า ทำเสียงไม่อยากจะเชื่อ “เมื่อเช้าฉันยังไม่ได้เอาอะไรไปเลย”

คนฟังหันขวับ แต่มือยังไม่หยุดวุ่นวาย “หมายความว่ายังไงคะ!”

“เปล่าๆ” เจ้าตัวหันกลับไป เชิดคาง ลอยหน้า ทำท่าจะช่วยเก็บของ 

แต่หญิงสาวไม่ยอม กรากเข้าไปกวาดสายตาสำรวจรอบตัวอีกฝ่าย “คุณเงินยวงเอาอะไรของคุณโดไปรึเปล่าคะ”

“ฉันก็แค่อยากชื่นชม” คุณเงินยวงกระแทกเสียงกระเง้ากระงอด ยอมล้วงมือเข้าในช่องแหวกหว่างหน้าอก 

สิ่งที่ติดออกมาคือลิปบาล์มรักษ์โลกที่เธอหามาให้โดนั่นเอง!

‘...ตัวเองใช้รุ่นนี้เถอะนะ มันเป็นผลิตภัณฑ์วีแกน ใช้สารสกัดจากพืชออร์แกนิก แล้วบรรจุภัณฑ์เป็นกระดาษรีไซเคิลด้วย’

ผลิตภัณฑ์วีแกน (Vegan Products) หรือผลิตภัณฑ์มังสวิรัติ ไม่ใช้ส่วนผสมใดๆ จากสัตว์ แต่อาจประกอบด้วยสารสังเคราะห์ ดนีย์นาถต่อต้านการใช้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ มิใช่แค่เพราะมันคือความโหดร้าย แต่การทำปศุสัตว์ยังกระตุ้นให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่า โลกร้อนมากขึ้น เธอเป็นมนุษย์มังมาตั้งแต่อายุแค่สิบห้า ถ้ามื้อไหนโดมากินด้วยกันก็มักถูกคะยั้นคะยอให้กินมังสวิรัติในมื้อนั้น จนไปๆ มาๆ เจ้าตัวเริ่มรู้สึกว่าอาหารผักก็รสดีได้ และกลายเป็นคนช่วยพีอาร์แนวทางนี้อีกคนหนึ่ง

ส่วนผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก (Organic Products) นั้น เป็นยิ่งกว่าผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ (Natural Products) คนมักเข้าใจว่าอย่างหลังคือธรรมชาติ ๑๐๐% ทั้งที่จริงอาจมีส่วนผสมจากธรรมชาติแค่เล็กน้อย แต่ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกจะใช้เฉพาะสารสกัดจากธรรมชาติ ครอบคลุมถึงการไม่ใช่เครื่องจักร การทดลองในสัตว์ ปราศจากสารเคมีและสารอันตราย 

“ไม่ได้นะคะ” ตั้งใจจะตะครุบลิปบาล์มจากมือแขก แต่แขกก็ทันหันซ่อน  

“ถ้าทาลิปนี้ มันก็จะเหมือนได้จูบโดไปด้วย นี่เขาบอกว่าของหาย ก็แสดงว่ามันต้องไม่ใช่ชิ้นนี้ เขาไม่มีทางนึกถึงลิปนี่หรอกน่า ต่อให้นึกได้ เขาอาจจะคิดว่าตัวเองทำหายไปพร้อมกันกะอันนั้นก็ได้นี่”

“แต่ถ้าของที่คุณโดคิดว่าหายคือลิปนี้ล่ะคะ เมื่อเช้าเราเข้ามาในห้องเขา เขาอาจจะคิดว่าเราเป็นคนขโมยก็ได้”

“งั้นเราก็เป็นคนขโมยจริงๆ!”

“แต่ว่า...”

“รู้แล้วละน่า” เจ้าตัวยอมทิ้งของในมือลงพื้น ดนีย์นาถต้องรีบก้มตะครุบเพราะเกรงอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ “ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้นแหละ แหม!”

กว่าจะจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยก็ผ่านไปอีกนาทีกว่า ดนีย์นาถกวาดตาสำรวจสภาพห้องอีกครั้ง ต่อเมื่อมั่นใจแล้วจึงเรียกพาคุณเงินยวงหลบออกไปยังประตูสำหรับพนักงานที่หลังสระว่ายน้ำส่วนตัว เธอหมุนลูกบิดผลุบเข้าไปก่อน คุณเงินยวงกำลังจะตามมา ทว่า...

“หยุดก่อน!”

ร่างคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของประตูค่อนข้างใหญ่โตจนบดบังมองไม่เห็นอะไร แต่ถึงอย่างนั้นดนีย์นาถก็ตอบตัวเองได้ 

นั่นเสียงโด!

คุณเงินยวงหันไปโดยอัตโนมัติ พร้อมๆ กับที่ประตูด้านหลังเจ้าหล่อนวาดตัวปิดเองเช่นกัน ดนีย์นาถมัวแต่ตกใจจนไม่ได้ดันบานประตูไว้ เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของอดีตแฟนหนุ่มก้าวใกล้มาทางนี้ ก่อนหยุดห่างไปเล็กน้อย 

“นี่เป็นประตูของเจ้าหน้าที่สินะ”

ระหว่างที่คิดว่าจะทำยังไงดี และคุณเงินยวงจะเอาตัวรอดโดยไม่ให้แผนทุกอย่างพังพินาศได้หรือไม่ - ใช่ รวมถึงแผนส่วนตัวของดนีย์นาถเองด้วย เสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น ไกลออกไป น่าจะห่างไปทางบันไดหน้าชาน 

“ใช่ครับคุณโด” คนพูดค่อนข้างกระหืดกระหอบ หญิงสาวจินตนาการเห็นภาพคุณบัตเลอร์ปภังกรรีบแจ้นตามขายาวๆ ของโดมาตั้งแต่ที่อาคารสปา 

คนตอบน่าจะค่อยๆ เดินมารวมกลุ่มหน้าประตูนี่ “เวลาแม่บ้านมาทำความสะอาด หรือรูมเซอร์วิซมาส่งของ เราจะใช้ทางเดินด้านหลัง เพื่อไม่ต้องอ้อมไปลงหาดหน้าบังกะโลรวมกับแขกของรีสอร์ตครับ เราทำเป็นประตูซ่อนไว้เพื่อความสวยงาม” 

โดคงไม่สนใจ คำถามใหม่พุ่งเจาะเฉพาะคุณเงินยวง “เมื่อเช้าคุณทำห้องผมใช่มั้ย คุณเพลงทราย” 

“ค่ะ” 

นึกไม่ออกเลยว่าคุณเงินยวงกำลังรู้สึกยังไง ตื่นเต้นเพราะกำลังจวนตัว หรือตื่นเต้นเพราะได้เจอโดระยะประชิดอีกครั้ง 

“ผมจำได้ เมื่อเช้าคุณบอกว่าคลีนห้องผมเสร็จแล้วนี่ มันเกิดคราบอะไรขึ้นมาอีกเหรอ”

เกิดความเงียบคั่นชั่วอึดใจ บางทีคนถูกยิงคำถามจะกำลังหาคำตอบ หรืออาจกำลังมองตาคุณปภังกรที่พยายามให้ตัวช่วย 

ดนีย์นาถรู้สึกว่า หัวใจตัวเองจะต้องกระเด็นหล่นนอกอกแน่ๆ ถ้าคุณเงินยวงไม่ตอบขึ้นเสียก่อน

“มาตรวจงานก่อนออกกะค่ะ”

“คุณเข้าออกงานกี่โมง”

“เจ็ดโมงถึงบ่ายสามโมงครึ่งค่ะ แต่เดี๋ยวตอนบ่ายสองโมงครึ่ง แม่บ้านกะบ่ายจะเริ่มเข้ามารับงานต่อ”

รายละเอียดเหล่านั้นไม่มีทางที่คุณปภังกรจะบอกใบ้ได้ แม้แต่ดนีย์นาถซึ่งเป็นคนอธิบายข้อมูลต่างๆ ให้คุณเงินยวงฟังด้วยตัวเอง ยังแทบไม่อยากเชื่อหู

“แล้วเพื่อนคุณไม่มาตรวจเหรอ เรียกออกมาสิ จะได้พูดกันทีเดียว”

“คะ…คือ…”

หัวใจที่เต้นช้าลงเมื่อครู่กลับมากระหน่ำใหม่ ดนีย์นาถถึงกับหลับตาหยี ถ้าเธอถูกเรียกออกไปปรากฏตัวตอนนี้ ทุกอย่างก็จบเห่ เราไม่มีทางปิดบังตัวเองได้แล้ว! 

“หมะ…ไม่ได้ครับคุณโด” คุณปภังกรตอบเสียงสั่น “ผมเพิ่งบอกให้เขาไป clock out ก่อนเมื่อกี้” 

“แต่นี่เพิ่งจะ…บ่ายโมงสี่สิบ?”

“พอดีวันนั้นของเดือน แม่บ้านคนนั้นปวดท้องตั้งแต่เช้า ตอนบ่ายหนักขึ้นครับ คุณโดมีอะไรรึเปล่า”

โดถอนหายใจแรงจนดนีย์นาถได้ยินเลยทีเดียว นั่นหมายความว่าเขาไม่ปักใจเชื่อเท่าไหร่ 

“ผมคิดว่ามีของหาย!” 

“มันคืออะไรเหรอครับ” 

“ปากกาที่เป็นไส้แบบ refill น่ะ”

มันเป็นของอีกชิ้นที่ดนีย์นาถซื้อให้ ตัวด้ามทำด้วยอะลูมิเนียม ไส้เป็นหมึกจากถั่วเหลือง สามารถเติมได้ 

อันที่จริงไม่ใช่แค่ปากกา ดนีย์นาถสนับสนุนให้ดนตรีใช้สินค้าทุกอย่างแบบเติมได้ เพราะมันจะช่วยลดขยะบรรจุภัณฑ์ นอกจากนั้นเธอยังใช้เว็บไซต์ของตัวเองกับเพื่อน รวมถึงสื่อต่างๆ ของพันธมิตร ช่วยสนับสนุนธุรกิจแบบ refill ที่เริ่มผุดมากขึ้นด้วย   

หญิงสาวพินิจในใจ เมื่อครู่ที่เธอรับของจากคุณเงินยวง แม้จะมีช่วงใจลอยบ้าง แต่ก็แน่ใจว่าไม่มีปากกาด้ามนั้นผ่านตา

“ผมจำได้ว่าหยิบออกมาใช้ครั้งสุดท้ายตอนเซ็นเอกสารเข้าพักที่เคาน์เตอร์รีเซปชัน จากนั้นก็เก็บใส่กระเป๋าถือส่งให้คุณเพลงทรายกับเบลพากลับเข้าห้อง” โดอธิบายแล้ววรรคนิดหนึ่ง อย่างจะให้ผู้ฟังจินตนาการภาพเหตุการณ์ตามได้ “ปากกาด้ามนี้มันเป็นปากกาติดมือผมเลย แฟนคลับร้องขอกันทุกงาน แต่ผมให้ใครไม่ได้ เพราะมันเป็นของที่ใครคนหนึ่งให้ผมไว้ แล้วผมก็ใช้มันเขียนเพลงให้เขา ถ้าไม่มีมัน ผมอาจเขียนไม่ได้อีก”

คำบอกเล่านั้นดูสามัญ แต่กลับทำให้ดนีย์นาถใจหาย 

เปล่า ไม่ใช่เพราะอาลัย แต่การถูกพาดพิงว่าโดเขียนเพลงให้ นั่นต่างหากจะทำให้เกิดเรื่อง!

แต่ไหนมา โดไม่เคยเปิดตัวว่าคบหากับเธอ เพลง ‘กุญแจโด’ นั้นเขาให้สัมภาษณ์ทำนองว่าเขียนเพื่อแฟนคลับทุกคน การที่โดตอบแบบนี้กับแฟนคลับตัวยงอย่างคุณเงินยวง ประเดี๋ยวจะเป็นเรื่อง!

อย่างไรก็ดี คนที่ดนีย์นาถหวั่นใจกลับตอบเพียง “ปากกาแบบนั้นไม่เห็นมีตกอยู่เลยนะคะ มันอาจจะอยู่ในซอกกระเป๋าอะไรรึเปล่า”

“เรียกเพื่อนคุณมาแล้วเราจะพูดเรื่องนี้พร้อมๆ กัน!”


ด้วยความไวเต็มฝีเท้า แค่ไม่กี่นาทีต่อมาผู้เป็นที่ต้องการตัวก็แจ้นมาถึงห้องล็อกเกอร์ อันเป็นห้องสำหรับเปลี่ยนชุดและเก็บของใช้ส่วนตัวของเหล่าแม่บ้าน 

ดนีย์นาถหยุดยืนหอบหายใจอยู่หน้าล็อกเกอร์ของตัวเอง ความเหนื่อยและใจร้อนทำให้มือสั่นจนเสียบลูกกุญแจเฉมาเฉไปไม่เข้าร่องแม่กุญแจที่คล้องล็อกอยู่ เสียเวลาพักหนึ่งกว่าจะเปิดออก

โทรศัพท์ในกระเป๋ากระโปรงสั่นอืดๆ อีกครั้ง ครั้นล้วงออกมาเห็นเป็นชื่อคุณบัตเลอร์ก็กดรับ เหน็บมันไว้ข้างแก้ม เพื่อใช้สองมือกวาดควานไปในล็อกเกอร์หาสิ่งสำคัญ

“ดิฉันได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้วค่ะ” เธอตอบไปก่อนที่อีกฝ่ายจะเล่าจบด้วยซ้ำ “ไม่ต้องกังวลนะคะ ดิฉันพอจะมีทางออก”

‘ทางออก’ ตกอยู่ในมือพอดี ดนีย์นาถหยิบมันออกมาส่องกับแสงข้างนอก 

โชคดียังเป็นของเรา! 

หญิงสาวพกปากกาอยู่ในกระเป๋าส่วนตัว แน่นอน มันเป็นปากกา refill แบบเดียวกับที่ซื้อให้โดนั่นละ! 

รีบปิดล็อกเกอร์ ปากก็ยังอธิบายสิ่งที่คิดไว้ให้คุณบัตเลอร์ฟัง เจ้าตัวรับคำด้วยเสียงสงบลง จากนั้นวางสายไปรับหน้าแขกต่อ ส่วนดนีย์นาถออกวิ่งอีกครั้ง วิ่งกลับไปให้ทันแก้สถานการณ์ 

ระหว่างทาง ผู้คนหันมาเป็นตาเดียว เธอรู้ว่านี่เสี่ยงต่อการถูกเรียกตำหนิข้อที่ทำตัวไม่เรียบร้อยในสถานที่ทำงาน แต่ตอนนี้ อะไรก็ได้ แค่ไปให้ทัน เธอยอม! 

ขณะกำลังจะเลี้ยวเข้าเส้นทางสำหรับพนักงาน ซึ่งทอดไปด้านหลังบังกะโลสวีต พื้นต่างระดับทำให้ดนีย์นาถสะดุดล้ม เธอกางมือค้ำได้ทันก่อนคางจะกระแทกขอบหิน ถึงกระนั้นของที่ถือก็หลุดมือกระดอนหาย

แย่แล้ว!

ยิ่งรีบก็ยิ่งช้า พยายามหันหาก็ยังไม่เห็น กระทั่งหมุนกลับมองหลังนั่นละ 

ค่อยยังชั่ว!  

ไม่ทันเอื้อมมือตะครุบ เท้าใหญ่ในรองเท้าแตะคู่หนึ่งก็ย่ำมาหยุดตรงหน้า เมื่อมองขึ้นไป พบท่อนขายาวอันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและขนหน้าแข้งรุงรัง มันถูกปกปิดไว้ด้วยชายเสื้อคลุมขาว เสื้อคลุมแบบที่ใช้ในห้องสปา!

ชายผู้นั้นก้มลงหยิบปากกาตัดหน้าเธอ


หลังจากปลายสายวางไป ปภังกรยังแสร้งถือโทรศัพท์แนบหูต่อ พูดถ่วงเวลาต่อหน้าดนตรีและคุณเงินยวงในชุดแม่บ้าน ไม่ลืมตีหน้านิ่ว “...พอจะให้คนไปตามได้มั้ยครับ...ใช่ มีเรื่องด่วน - อ้าวเหรอ - ครับ ผมจะถือสายรอ”

เขาแสร้งปิดปากโทรศัพท์ บอกคนที่รออยู่ทั้งสองว่า “แม่บ้านคนนั้น clock out ไปพักใหญ่ เราคงตามไม่ทันแล้วครับ นี่ให้คนลองโทร. ตามเขา สักครู่นะครับ”

ดนตรีพยักหน้าเรียบนิ่ง เจ้าตัวเป็นชายหน้าหวาน ดูเยาว์กว่าอายุจริงมากโข โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้เซตผมหรือแต่งหน้าเช่นในเวลานี้ แต่เพราะความมุ่งมาดบางอย่าง รังสีมืดทึมแผ่ออกมาจนคนเป็นบัตเลอร์ยังไม่กล้าพูดให้อารมณ์ดี 

ปภังกรแสร้งประกบหูโทรศัพท์คืน นิ่งรออีกนิด 

นับว่าโชคดีมาก จากจุดที่ยืนอยู่ในห้องพักเอสอง ตอนนี้บัตเลอร์หนุ่มสามารถมองผ่านผนังกระจกออกไปเห็นเหตุการณ์ข้างนอกได้ถนัด ในขณะที่แขกเจ้าของห้องกับคุณเงินยวงยืนหันหน้าเข้าผนังทึบด้านใน

“ฮัลโหล” ไม่เพียงกรอกเสียง ปภังกรแสร้งเบิกตาขึ้นเล็กน้อยอย่างกระตือรือร้น ใครคนหนึ่งเคยว่าไว้ บัตเลอร์ก็เป็นงานที่ต้องอาศัยการแสดงเช่นกัน “อ้าว! เหรอครับ” เขาขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้า “โอเคๆ ถ้ายังไง มีคนเจอตัวให้รีบพามาที่บังกะโลเอสองนะครับ”

อย่างใจจดจ่อรออยู่แล้ว ทันทีที่เขาดึงโทรศัพท์ลงมากดตัดสาย คุณโดซัก “ว่าไงครับ”

“ไม่รับสายครับ สงสัยกำลังนั่งรถเลยไม่ได้ยินเสียง” 

คุณเงินยวงที่หันมาหันไปด้วยความกังวลพักใหญ่ ช่วยย้ำ “แต่แก้มใหญ่เป็นคนดีจริงๆ ไม่มีทางขโมยของแขกหรอกค่ะ” 

ชื่อที่ฝ่ายหญิงใช้ ทำให้แขกชายทำหน้าแปลกๆ แต่มันก็ควรรู้สึกแปลกไม่ใช่เหรอ

ปภังกรสรุปว่า “เอาอย่างนี้มั้ยครับ ระหว่างรอ ผมจะหารอบๆ บริเวณนี้อีกที เผื่อจะหลงหู หลงตาไป”

“ไม่ต้องหรอก!” ดนตรียังเสียงแข็ง “ในห้องนี่ผมดูละเอียดแล้ว”

“แต่น่าจะยังไม่ได้ดูข้างนอกรอบๆ ใช่มั้ยครับ” เขาถามตามที่ยายเพลงทรายตัวจริงแนะนำมาเมื่อครู่ “จำได้ว่าเมื่อเช้ามีหมาของแขกท่านอื่นหลุดเข้ามา บางทีมันอาจจะเห็นปากกาหล่นอยู่แล้วเผลอคาบติดปากไปทิ้งไว้แถวๆ นี้ก็ได้นะครับ”

“อาจจะเป็นอย่างที่คุณบอกก็ได้” เจ้าของปากกายอมพยักพเยิด อย่างที่น่าจะคิดว่า ยังไงก็หาไม่เจอมากกว่า

ปภังกรค้อมศีรษะน้อยๆ “ถ้าไม่เจอ ผมจะไปแจ้งเรื่องที่ lost and found และพรุ่งนี้เราจะเรียกตัว…แก้ม มาคุยครับ”

คนทั้งสามเดินตามกันออกไปยังนอกชาน ปภังกรเป็นผู้นำก้าวออกไปรอบๆ สู่ฝั่งซึ่งเป็นโต๊ะเก้าอี้ก่อน แต่ดนตรีชี้บอก “เมื่อเช้าหมามันไม่ได้วิ่งมาตรงนี้ มันอ้อมสระว่ายน้ำไปทางนู้น”

“ขอบคุณครับ” บัตเลอร์หนุ่มพยักหน้ารับแล้วหันตามคำบอก ไม่กี่ก้าวเขาก็หยุด ร้อง “เจอแล้ว!”

คนที่ก้าวตามถึงกับรีบปรี่เข้ามาล้อม 

ปภังกรหยิบของที่แม่บ้าน ‘แก้ม’ ลอบเข้ามาวางทิ้งไว้เมื่อครู่ ชูแสดงต่อหน้าแขกทั้งสอง “ด้ามนี้ใช่มั้ยครับ ปากกาของคุณโด”

ดนตรีดูงุนงงอย่างเห็นได้ชัด มากกว่างุนงงคือเหมือนไม่อยากจะเชื่อ 

คนที่คว้าไปดูก่อนกลายเป็นคุณเงินยวง

“ปากกา refill จริงๆ ด้วย น่าจะเป็นของคุณโดนะคะ แขกคนก่อนไม่ได้ใช้ของแบบนี้แน่ๆ”

ศิลปินหนุ่มรับไว้ พินิจดูแค่อึดใจ ดวงตาเคลือบแคลงก็กลับกระจ่างขึ้นอย่างพึงใจ “ใช่แล้วละ”

“นั่นไง” คุณเงินยวงยิ้มร่า “ดีใจด้วยนะคะ ตอนนี้คุณโดก็จะแต่งเพลงต่อได้แล้ว อยากฟังซะแล้วละค่ะ”

ปภังกรเอื้อมมือแตะข้อแขนคนพูดไว้แทนคำเตือน ก่อนที่เจ้าตัวจะหลุดกิริยาออกไปมากกว่านั้น 

ดนตรีไม่ถือสา แถมยังยิ้มรับ “ผมต้องขอโทษพวกคุณด้วยแล้วกันที่ทำให้วุ่นวาย ปากกา ‘ด้ามนี้’...” เจ้าตัวเน้นเสียงแปลกๆ “มีความสำคัญกับผมมากจริงๆ”

“ไม่เป็นไรเลยครับ” บัตเลอร์ค้อมศีรษะพินอบพิเทา “แต่คุณโดเลยไม่ได้นวดเลย”

“เดี๋ยวค่อยกลับไปต่อก็ได้” เจ้าตัวยักไหล่อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ


ร่างสูงในชุดเสื้อคลุมก้าวกลับมายังอาคารสปา เจ้าหน้าที่ต้อนรับทักเขาว่า ‘เจอของมั้ยคะ คุณโด’ ชายหนุ่มพยักหน้ารับแล้วตรงมายังห้องที่เขาผลัดเสื้อผ้าวางเก็บไว้แต่แรก

สอดนิ้วลงในกระเป๋าอกเสื้อด้วยความมั่นใจ และ ใช่ เป็นเช่นความมั่นใจ มันยังอยู่ตรงนั้น  

เขาหยิบมันออกมาเทียบกับสิ่งที่อยู่ในมือแต่แรก 

ปากกา refill สองด้ามเหมือนกันอย่างหมดจด!

ดนตรีไม่ได้มีอาชีพนักแสดง แต่เขาเป็นนักแสดงมืออาชีพ กะอีแค่มุกโทรศัพท์ปลอม กับสายตาที่บัตเลอร์ปภังกรมองผ่านเขากับแม่บ้านร่างใหญ่นั่นไปด้านหลัง ทะลุผนังกระจกไปสู่จุดที่เจอปากกาด้ามสำคัญ นั่นแทบไม่ต้องใช้ความสามารถใดๆ ก็จับได้ชัดแล้ว

แล้วเขาก็นึกถึงคำที่แม่บ้านคนนั้นพูดถึงเพื่อน 

‘แก้มใหญ่เป็นคนดีจริงๆ ไม่มีทางขโมยของแขกหรอกค่ะ’

‘แก้มใหญ่’ อย่างนั้นเหรอ…

รอยยิ้มจุดขึ้นตรงมุมปากเขา ทำให้ดวงหน้าอ่อนเยาว์คล้ายเด็กน้อยดูกรุ้มกริ่มกลายเป็นเด็กชายน่ารักตัวแสบขึ้นแทน 

ต้องขอบคุณคำของคามินทร์ที่ทำให้เขานึกได้

‘เธอได้คอลายเซ็นคุณรึยัง’

ใช่ ปากกา refill ด้ามนั้น! 

ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มสงสัยในตัวแม่บ้านที่ผลุบๆ โผล่ๆ รายนั้น แม่บ้านผู้ซ่อนใบหน้าไว้หลังหุ่นสลัก! เขาสร้างแผนการเล็กๆ ขึ้นมา เพียงกะให้เจ้าหล่อนเผยโฉมหน้า อย่างไรก็ดี การที่ปากกาด้ามใหม่นั้นโผล่มาแทน กลับกลายเป็นเครื่องยืนยันชิ้นเยี่ยมไม่ผิดกัน 

คนอื่นไม่รู้ว่าเราใช้ปากกาแบบไหน 

แล้วคนทั่วไปก็น้อยนักจะใช้ของแบบนี้! 

“หาของเจอแล้วเหรอคะคุณโด” พนักงานนวดออกปากทักเมื่อเขาก้าวกลับมาที่ห้องนวด

“ใช่ครับ เจอแล้ว” เขาตอบ แต่แล้วเลิกคิ้วเมื่อมองไปยังเตียงข้างกัน “อ้าว นั่นคุณคามินทร์นวดเสร็จแล้วเหรอ”

“ค่ะ” ถึงตอบเช่นนั้น แต่คนตอบกลับยู่หน้า “พอคุณโดออกไปแป๊บเดียว แกก็นึกอะไรได้แล้วออกไปบ้าง เลยกลายเป็นว่าไม่มีใครให้นวดเลย”

ชายหนุ่มหัวเราะอารมณ์ดี “ไม่เป็นไร ตอนนี้แขกกลับมาแล้ว ต้องรักษากันเอาไว้ดีๆ แล้วละครับ”


ร้านอาหารที่ดนีย์นาถเลือกนั้น แท้ที่จริงเป็นแค่ food truck ตั้งโต๊ะ เก้าอี้อยู่เยื้องๆ ร้านค้าริมถนนคนเดิน ห่างจากหาดไก่แบ้มาราวๆ ยี่สิบนาที เวลาเย็นเช่นนี้ร้านรวงเริ่มเปิดไฟ ทำให้ถนนทั้งสายระยิบระยับและเต็มไปด้วยฝูงนักท่องเที่ยวที่มาหาของกินหรือจับจ่ายใช้สอย ส่วนตัวเธอ ชี้เลือกร้านนี้เพราะเห็นว่าน่าจะราคาไม่แพงสมฐานะแม่บ้านรีสอร์ตที่อุปโลกน์อยู่ นอกจากนั้น มันยังไม่เป็นส่วนตัวเกินไป อันจะเปิดโอกาสให้ผู้นัดหมายทำอะไรร้ายๆ ได้...ใช่ เธอหมายรวมถึงการใช้ถ้อยคำร้ายๆ ด้วย

“ถูกดีแลน่าอ๊ะหร่อย” ผู้นัดหมายถูมือ หยิบเมนูเก่าๆ มาพลิกเปิดดูขมีขมัน ต่อเมื่อเห็นเธอยังนั่งเฉย เจ้าตัวจึงเลิกคิ้ว “อ้าว ทำไมคุณไมดู”

“ปกติฉันกินมังสวิรัติน่ะค่ะ”

“มังสะรัด?”

“วีแกน” 

“โธ่ แลวทำไมพาโพมมาร่านนี้”

“ร้านค่ะ ไม่ใช่ร่าน”

“ร่าน?”

หญิงสาวพ่นลมออกจมูก ถ้าเป็นเวลาสามัญอาจนั่งขำ แต่ตอนนี้เธอขำไม่ออก

“เพราะคุณคามินทร์ไม่ใช่วีแกนน่ะซีคะ อีกอย่าง ร้านมังแถวนี้หายาก” เธอบอกทั้งที่ยังไม่เคยเดินดูเลยด้วยซ้ำ 

“ปกติคุณคงคุกกิ้งเอง?”

“เพื่อประหยัดน่ะค่ะ” 

“เราย้ายร้านก็ได้นะ” 

ดนีย์นาถอยากจะเดาะลิ้นด้วยความขัดใจ ไม่เข้าใจว่าเขาจะเสแสร้งทำสนใจเธอไปไย ในเมื่อจุดประสงค์ของการมาที่นี่ แท้จริงก็เป็นเรื่องที่เขาไล่ต้อนเธอแท้ๆ!

เมื่อบ่าย หลังบอกแผนการคุณบัตเลอร์แล้ววางสาย เธอรีบร้อนกลับไปยังบังกะโลเอสองจนไม่ได้ระวัง หน้าคะมำลงกับพื้น แถมปากกา refill เจ้ากรรมก็กระเด็นหลุดจากมือ 

คามินทร์คือคนที่หยิบมันขึ้นมา! 

เธออ้าปากเมื่อเห็นเป็นเขา เจ้าตัวอยู่ในชุดคลุมสำหรับห้องนวด ไม่รู้ทำไมมาโผล่ตรงนั้นได้ แต่ที่แน่ๆ สายตาที่จ้องเธอมีความสงสัยเปี่ยมท้น 

‘ขอปากกาฉันคืนได้มั้ยคะ’ เธอร้องร้อนรน

‘คุณจาไปไหน’

‘ดิฉันกำลังรีบจริงๆ’

‘กอได้’ อีกฝ่ายยอมยื่นปากกามาบนมือเธอที่แบรอ 

ทว่าไม่ยอมวางคืน 

‘โพมต้องการคำตอบคองเรื่องบางอย่าง’

‘คะ?’

‘คุณไปกอนได้ เราจะนัดคุยกันอีกที’

ตอนนี้คนนัดอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีขาวเนื้อเก่า กางเกงหูรูด และรองเท้าแตะง่ายๆ ทั้งที่มีฐานะพอจะหยิบจับอะไรได้มากกว่านี้ ถ้าเป็นคนอื่น รู้อย่างนี้แล้วอาจมองว่าคามินทร์ขี้งก หรือไม่ก็ซกมก แต่ในสายตาของดนีย์นาถ มันเป็นเรื่องดี 

คนเราควรใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น และใช้ซ้ำจนกว่าจะเปื่อยยุ่ยจนซ่อมไม่ได้ เพราะเสื้อผ้าชิ้นใหม่ย่อมแลกมาด้วยการทำร้ายโลกทุกทาง เธอเคยเห็นแบรนด์เสื้อผ้าพยายามประกาศว่าตัวเอง ‘รักษ์โลก’ ด้วยการออกชุดที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล หรือสินค้าต่างๆ อุทิศตัวด้วยการแถมถุงผ้า หารู้ไม่ว่าขั้นตอนผลิตนั่นมีส่วนทำลายโลกทั้งสิ้น ถุงผ้าที่ทำจากฝ้ายต้องใช้ทรัพยากรการผลิตมากมาย มีการคำนวณว่าต้องใช้ซ้ำถึงสองหมื่นครั้งจึงจะเกิดผลดีมาหักกลบเท่าทุนที่ทำลายสิ่งแวดล้อมไป ส่วนเสื้อผ้าพลาสติกเหล่านั้น เวลาซักก็จะมีไมโครพลาสติกไหลลงทะเล และตัวของมันเองก็จะกลายเป็นขยะที่รอวันย่อยสลายไปอีกหลายร้อยปี 

“ฮอมจัง” คนนั่งตรงข้ามเริ่มทำจมูกฟุดฟิดเพราะกลิ่นอาหารที่ลอยมา 

หลังจากสั่งอาหารกับบริกรแล้ว คามินทร์ก็วางเมนูลง ไม่คะยั้นคะยอให้เธอต้องกินร่วมกัน ถอดหมวกแก๊ปที่สวมกลับหลังเหมือนเด็กวัยรุ่นลง ใช้นิ้วมือขยี้ๆ เส้นผมที่แบนราบอยู่ให้ชี้ตั้งขึ้น ซึ่งไม่ช่วยสักเท่าไหร่ และเจ้าตัวก็ดูจะไม่แคร์ “เค้าเรื่องเลยละกันนะครับ โพมอยากรูว่า ตกลงมันกำลังเกิดอะไรขึ้น”

ประกายตาของดนีย์นาถคงสว่างวาบขึ้นนิดหนึ่งอย่างระแวงภัย พยายามจ้องค้นคนตรงหน้า แต่คามินทร์ก็ยังอยู่ในท่าทีสบาย หรือไม่เคร่งขรึมจนเกินไปนัก ยากจะอ่านออกว่าเขาคาดการณ์อะไรแน่ 

แน่สิ ก็นี่คืองานของเขา เป็นสิ่งที่เขาชำนาญสุดๆ!

หญิงสาวชั่งใจ รู้ดีว่าไม่ควรบอกอะไรทั้งนั้น แต่มันเป็นไปได้ยากแล้ว การปิดปากทั้งหมดจะยิ่งทำให้เขาไม่เชื่อ เมื่อไม่เชื่อจะยิ่งจับตา และจะทำให้เธอคืบขยับได้ยาก

มันต้องมีทางสิน่า…

เนื่องจากลูกค้ายังไม่มาก และจานที่คามินทร์สั่งนั้นก็ทำไม่ยาก เพียงไม่นานบริกรก็นำของมาเสิร์ฟ ดนีย์นาถจึงแสร้งปิดปาก แสดงสัญญาณว่าไม่อยากให้คนนอกล่วงรู้ คามินทร์ทำทีเข้าใจ 

เป็นอันว่ามีเวลาอีกนิดสำหรับคิด ก่อนที่ทุกอย่างตรงหน้าจะเรียบร้อย และเธอจะต้องเปิดปากอีกครั้ง

ควรตอบอะไรให้คามินทร์ไม่สงสัย ในขณะเดียวกัน พอเขารู้ก็จะรู้สึกว่าเธออยู่ข้างเดียวกับเขาด้วย 

ใช่แล้ว คนเราพออยู่ข้างเดียวกันก็มีสิทธิ์จะ ‘พูด’ ต่อกันมากขึ้น ถึงตอนนั้น คนที่ล้วงความลับอีกฝ่ายจะไม่ใช่เขา แต่เป็นเธอ! 

เราอาจจะรู้แผนของเฟมจากเขาบ้างก็ได้! 

ปัญหาคือ จะทำยังไงให้คามินทร์รับเธอเป็นฝ่ายเดียวกัน…

มองเขาเอนหลังหลบให้บริกรวางอาหารลงบนโต๊ะได้ง่าย จากนั้นก้มศีรษะบอกขอบใจแปร่งปร่าพร้อมรอยยิ้มบริสุทธิ์ จู่ๆ ภาพทรงจำอีกอย่างก็ผุดในมโน 

‘โพมเป็นคนข้างล่างนะคุณ’

เจ้าตัวเคยบอกตอนที่อยู่บนเรือเร็วกลางทะเล บอกพลางหันทอดตัวนอน เหยียดแขนออกไปเหนือศีรษะท่ามกลางแสงไสวเหมือนไม่รู้จักคำว่าร้อน

นั่นละประเด็น!   

คามินทร์มีแผลเป็นจากความคิดว่าตัวเองเป็นคนข้างล่าง เหตุนี้เองทำให้เขามีอคติกับคุณเงินยวงและสนใจเธอเป็นพิเศษ เพราะคิดว่าคุณเงินยวงโขกสับคอยใช้ให้เธอทำเรื่องไม่ดีต่างๆ นานา กี่ครั้งแล้วที่เขาคอยคาดคั้นว่า ‘แขกฮองเอวันให้คุณทำอะไร!’ แม้แต่ตอนที่เข้าใจผิดว่าเธอถูกส่งขึ้นเรือไปบริการใครสักคน คามินทร์ก็ยังแสดงความเห็นใจมากกว่าจะดูหมิ่น คนที่เขาดูหมิ่นคือคุณเงินยวงต่างหาก

ด้วยเหตุนี้ เมื่อบริกรก้าวจาก ดนีย์นาถจึงเริ่มคำ “เรื่องแปลกๆ ที่คุณเห็น มันเกิดจากคุณเงินยวงสั่งให้ฉันกับคุณบัตเลอร์ปภังกรทำอะไรผิดกฎเล็กๆ น้อยๆ เพื่อที่เธอจะได้ใกล้ชิดคุณโดค่ะ”

“คุณโด่?”

“โด แขกห้องเอสองค่ะ”

เจ้าตัวพยักหน้า “เริ่มเก็ต คุณเงิงงวงคงเป็นแฟนอาร์ทิสต์ ไดยินว่าคุณโด่ดังมากทีนี่”

“การจะได้เข้าใกล้ศิลปินอย่างคุณโดไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วถึงเป็นแขกในห้องติดกัน มันก็ยังยาก คุณเงินยวงก็เลย…” เธอแสร้งทอดเสียง ปล่อยให้เขาจินตนาการต่อเองว่า ‘ก็เลย’ อะไร เพื่อสงวนความจริงไว้ให้มากที่สุด

คนฟังใช้ช้อนส้อมตัดไข่เจียวกุ้ง เป็นงานที่ดูไม่น่าออกแรงอะไร ทว่าไหล่ผายก็ยังมนขึ้นเป็นกล้ามแต่น้อย ดูมันเงาเพราะเริ่มมีเหงื่อ “So คุณกอต้องยอมใฮเขากดขี่ และทำเรื่องผิด?”

“ถ้าไม่ทำ…ฉันก็อาจจะไม่มีงานทำอีกเลยนะคะ” 

คามินทร์ตักข้าวเข้าปากคำใหญ่ เคี้ยวกร้วมๆ เหมือนเด็กกำลังมีเรื่องขัดใจ “โพมว่าพูญิงคนนั้นไม่ดี” รอกลืนลงคอแล้ว คราวนี้คำพูดชัดขึ้น “โพมอยากใฮคุณช่วย มันอาจจะคุ้มกะที่เธอโขกเสียบคุณมาตลอดกอได้นะ”

“โขกสับค่ะ”

“โขกสับ”

เธอพยักหน้า “คุณอยากให้ฉันทำอะไรคะ”

“โพมอยากใฮคุณแอบดูตารางนัดหมายของเธอช่วงนี้”

ดนีย์นาถจ้องด้วยความสนใจ นั่นไปไกลกว่าที่เธอคิด ตกลงคามินทร์กำลังตั้งใจจะทำอะไรกันแน่!

“เอาแคนี้ก่อน” 

เธอเกือบพ่นลมหายใจผิดหวัง 

“ได้แล้วคุณกอมาบอก โพมจะบอกเองว่าตองทำยังไงต่อ”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น