6

บทที่ 6


“ปกติแม่บ้านแทบจะไม่มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับแขก เพราะถึงจะเข้าไปทำความสะอาดในห้อง ก็ต้องเป็นตอนที่แขกไม่อยู่ แต่มันก็พอจะเป็นไปได้เหมือนกัน ที่เราอาจเข้าไปเก็บงานที่ไม่เรียบร้อยทีหลัง...นึกว่าแค่แป๊บเดียว แต่แขกก็ดันกลับเข้าห้องมาพอดี!”

เสียงตื่นเต้นของดนีย์นาถเรียกความสนใจของทั้งคุณเงินยวงและคุณบัตเลอร์ได้จริงๆ แต่พอถึงตรงนี้ ดวงตาตื่นด้วยความกระตือรือร้นของคนเป็นแขกก็กลับเหลือแต่ความสงสัย ไม่ต่างกับนัยน์ตาของคุณบัตเลอร์

“เก็บงานคืออะไร”

“เก็บงานก็เช่น…เราถูคราบบางอย่างในห้องน้ำไม่ออก เลยต้องพยายามไปถามสูตรกำจัดจากแม่บ้านอีกโซน แล้วก็เอาน้ำยาอีกอย่างเข้ามาเช็ดน่ะค่ะ”

“แต่นั่นจะทำให้แขกเข้าใจว่ารีสอร์ตไม่กำชับแม่บ้านให้เคร่งครัดในระเบียบ...” คำขัดของคุณปภังกรสะดุดกลายเป็นเอ่ออ่า เมื่อสายตาของแขกวีวีไอพีตวัดจ้อง “ผมหมายถึง…ถึงนั่นจะเป็นโอกาสที่แขกกับแม่บ้านจะได้เจอกัน แต่มันก็แค่อึดใจเดียว แม่บ้านต้องรีบออกจากห้องโดยเร็วที่สุดอยู่ดี!”

“ไม่เสมอไปหรอกค่ะ” ดนีย์นาถค้าน “ดูอย่างฉันตอนนี้สิคะ ฉันยังมีโอกาสเข้ามาปฏิสัมพันธ์กับคุณเงินยวงได้เลย”

คุณปภังกรนิ่วหน้า “หมายความว่ายังงะ...?”

แต่แขกแทรกขึ้น “เข้าใจแล้ว! ที่ฉันเลือกแก้มย้อยมา ก็เพราะเอะใจว่าเธอเป็นคนสนใจเรื่อง ‘กรีน’ นี่ละ ในที่สุดมันก็เป็นประโยชน์ขึ้นมาจริงๆ คุณพระ! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันอัจฉริยะขนาดนี้ ฉันจะจำลองสถานการณ์เดียวกันนี้กับโดก็ได้นี่ จริงมั้ย!”

“ถูกต้องที่สุดค่ะ” คนเป็นแม่บ้านรีบพยัก “เมื่อครู่คุณเงินยวงบอกว่าคุณโดสนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เขาจะต้องประทับใจและอยากคุยต่อ” เธอหันไปส่งสัญญาณกับคุณปภังกรที่ยังดูตามไม่ทันอยู่บ้าง “เท่านี้เราก็สามารถทำให้คุณเงินยวงได้ใกล้ชิดกับคุณโดได้โดยที่คุณโดไม่รู้สึกว่าถูกยุ่มย่าม แถมเขายังจะชื่นชมบุคลากรของรีสอร์ตที่รอบรู้และใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมอีกนะคะ!”

“วิเศษ เธอทำให้ฉันกินข้าวลงแล้ว”

“ขอบคุณค่ะ” ดนีย์นาถยิ้มแป้น “ดิฉันขออะไรอย่างนึงได้มั้ยคะ”

คุณปภังกรกระตุกหน้าตึงทันควัน แต่เธอไม่พรั่น ไม่มีทางให้โอกาสลอยรอดหลุดมือ!

“ตั้งแต่เช้าคุณชาโตบริยองด์น่าจะยังไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำหรือเดินเล่นเลย ระหว่างที่คุณเงินยวงรับประทานอาหารเช้า ดิฉันขอพาเธอออกไปผ่อนคลายข้างนอก แล้วเดี๋ยวจะรีบกลับเข้ามานะคะ”


ไม่มีเหตุผลที่คุณเงินยวงจะปฏิเสธ ในที่สุดดนีย์นาถก็ได้ถือสายคล้องคอที่คุณปภังกรหามา เดินพาเจ้าหมาสีน้ำตาลลงสู่หาดหน้าบังกะโล

คุณชาโตบริยองด์ดี๊ด๊า ทว่าคนจูงแห้งเหี่ยว เผลอแวบเดียวเป้าหมายหายไปแล้ว ขนาดเธอเดินตามต่อมาถึงชายหาดหน้าทางเข้ารีสอร์ตก็ยังหาไม่เห็นเงาคามินทร์

ไปไหนนะ 

จะแกะรอยเท้าก็ไม่ได้ แถวนี้คนเดินย่ำไปย่ำมาจนรอยเท้าเขาหายไปแล้ว!

จากเวียงอวัศย์เกาะช้างรีสอร์ต หาดทรายสีนวลทอดต่อไปยาวไกล มองไปเห็นเป็นแนวโค้งโอบผืนน้ำสีเทอร์คอยส์ เกลียวคลื่นทยอยซบฝั่งดังซ่าซ่า สลับกับเสียงลมวียอดมะพร้าวดังพึ่บพั่บ และเสียงนกทะเลร้องแหลมมาจากที่ไกลๆ มีนักท่องเที่ยวทอดน่องอยู่ริมหาดบ้างเหมือนกัน แต่อีกไม่นานก็จะกลับเข้ารีสอร์ตเพราะแดดเริ่มร้อนขึ้นทุกที หรือว่าคามินทร์ก็จะ...  

“มาทึงนี่เชียว!” 

ดนีย์นาถสะดุ้ง เสียงทุ้มและคำพูดแปร่งเพี้ยนเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้นข้างๆ หันตามไปจึงพบเจ้าของเสียงยืนอยู่ใต้ร่มมะพร้าวลึกเข้าไปจากหาด รายรอบด้วยน้องหมาอีกหลายตัว พวกมันกำลังกินอาหารที่คามินทร์วางไว้ให้ 

คุณชาโตบริยองด์ระริกระรี้ทันที ดนีย์นาถนึกว่าเพราะอาหารพวกนั้น ต่อเมื่อคนให้อาหารก้าวเข้ามา จึงได้คำตอบว่าเพราะเจ้าตัวต่างหาก 

“Hey hey calm down” ชายหนุ่มรูปร่างล่ำสันยกมือปรามเจ้าหมา วันนี้เขายังอยู่ในชุดกางเกงวอร์มขาสั้นตัวเดียวเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหมวกแก๊ปเก่าแก่และเครื่องสวมหูฟัง ท่าทางคงวิ่งมาแต่เช้า เพราะเนื้อตัวมันเลื่อมแล้ว

“มองยูตั้งนานวาใช่คุณรึเปล่า เปิดโพมแลวจำไมได้”

เธอยิ้มให้ “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณคามินทร์” ว่าพลางพยักพเยิดไปยังเจ้าตัวที่ถูกคล้องคอ “แขกให้พาเขามาเดินเล่นค่ะ”

“เจานี่น่ารัก” เขาทรุดกายนั่งลงไป เพื่อให้คุณชาโตบริยองด์ตะกายเลียหน้าได้ถนัด “นาซ้งสานทีต้องไปอยู่กับพูหญิงคนนั้น”

ดนีย์นาถฟังเข้าใจ แต่ไม่ตอบอะไร เพราะการนินทาแขกรายหนึ่งให้แขกอีกรายฟังคงไม่ใช่เรื่องดี 

“วิ่งทุกเช้าเหรอคะ” เธอเขยิบเข้าไปใกล้เขาอีกหน่อย 

ในระยะที่อยู่ไม่ไกลกัน กลิ่นเหงื่ออ่อนๆ ของชายหนุ่มลอยมา แน่ละ มันไม่หอม แต่แปลกที่ห่างไกลจากความรู้สึกน่าหนี

เจ้าของกลิ่นพยักหน้า “ฮื่อ” แล้วถามว่า “คุณล่ะ”

“ไม่มีเวลาหรอกค่ะ เข้างานตั้งแต่เจ็ดโมง”

“No” เขาหยีตาหันมา เพราะจุดที่เธอยืนอยู่มีแสงอาทิตย์สาดมาจากข้างหลัง “I mean…พูหญิงคนนั่นดีกะคุณมั้ย”

ประโยคนั้นทำให้คนฟังอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ บางทีเพราะแต่ต้นเธอมีอคติกับเขาอย่างยิ่ง ไม่คิดว่าจู่ๆ เขาจะรู้จักคิดถึงคนอื่นที่อยู่ไกลๆ เหมือนกัน 

หรือไม่งั้นก็เพราะเวลาอยู่ใกล้ๆ ทำให้เธอเห็นหัวนมเขาเป็นสีชมพูเหลือเกิน ดึงตาขึ้นมองหน้าเขาสิ!

“คุณเงินยวงทำให้ดิฉันได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ดีค่ะ” 

“เป็นคำทีน่าซนใจ” เจ้าตัวยกมุมปากยิ้ม ดันจมูกเจ้าหมาสีน้ำตาลออกไป แต่มันหันไปดุนปีกหมวกของเขาแทนจนหลุดออก เห็นเส้นผมเปียกแบนเกาะศีรษะดูน่าขัน แต่แค่เขาใช้นิ้วยีนิดเดียวก็กลับตั้งชี้ๆ - ยังน่าขันแหละ แต่ต้องยอมรับจริงๆ ว่าคามินทร์เป็นผู้ชายที่ดูดีแม้ในลุคนี้

“คุณคามินทร์เก่งภาษาไทยนะคะ”

“โพมเป็นคนไทยนะ”

เธอคงหลุดหน้าตาไม่เชื่อถืออย่างยิ่ง อีกฝ่ายจึงชักมุมปากขึ้นขำอีก “จริงๆ เพียงแต๊ผมไปยูยูเอสนาน”

อันที่จริง เขาจะเป็นคนชาติไหนเธอก็ไม่สนใจหรอก ความสนใจคือ มันอาจใช้เป็นสะพานเชื่อมสู่เป้าหมายในการมาครั้งนี้ของเขาได้ 

“แต่ช่วงนี้ยังไม่ถึงฤดูท่องเที่ยวของคนไทยนี่คะ หรือคุณนัดใครมาคุยงาน” เธอทรุดกายลงนั่งยองๆ บ้าง เริ่มทิ้งเหยื่อดัก อย่างไม่ให้ดูรู้ว่าตัวเองกำลังสนใจเกินไปนัก

“กอไม่เชิง” ชายหนุ่มกลับไม่สนใจตอบ หันไปยกนิ้วให้คุณชาโตบริยองด์ที่พยายามจะแย่งหมวก “enough!”

“แขกที่พักบังกะโลสวีตได้ ต้องทำงานอะไรเหรอคะ”

“not my money” เขาหัวเราะขำ “บริษัทจ่าย โพมเป็น assistant co-partner audit นะ”

“คือยังไง” เธอแสร้งทำหน้างง

“บับว่า ไป audit supplyer หรือพวก partner ว่า qualification ตรงกะที่บริษัทเราต้องการจริงมั้ย”

“งั้นที่เมื่อกี้บอกไม่เชิง หมายความว่า คุณคามินทร์มาที่นี่ก็เพื่อจะตรวจสอบใครรึเปล่าคะ”

คราวนี้เจ้าตัวถึงกับหัวเราะเสียงดัง อ้าปากจนเห็นฟันขาวแจ่มเรียงสวย “ฉลาดลอกถาม”

“ขอโทษค่ะ” เธอทำหน้าแหย “แค่อยากรู้ ฉันมีความฝันน่ะค่ะ ว่าสักวันจะได้มาเล่นน้ำที่ชายหาดนี้บ้าง คือ…ในฐานะพนักงาน รีสอร์ตไม่อนุญาตให้เราลงมาใช้หาดนี้ เพราะจะทำให้แขกรู้สึกไม่เป็นส่วนตัว”

ผู้ฟังพยักหน้าตามอย่างไม่รู้ทันว่าเธอปะติดปะต่อเรื่องเล่าจากคนอื่นสดๆ ร้อนๆ 

คามินทร์ลุกขึ้น ปัดหน้าแข้งช่วงที่เปื้อนทราย ไม่ได้มองเธอเมื่อพูดว่า “ทาเป็นทาง Business โพมคงนึกว่าคุณตังใจมาสืบอะไรรึเปล่า”

รู้สึกคล้ายมีเข็มแทงฉึกในใจ แต่ดนีย์นาถแสร้งหัวเราะเคล้าได้พอแนบเนียน 

“จริงด้วย!”

จู่ๆ เจ้าตัวก็เงยขึ้นทันควัน

“มีอะไรรึเปล่าคะ”

เขาหันมาทางเธอ “โพมคิดว่า โพมกำลังได้เจอคนทีเคยเจอกันมาก่อน”

รู้สึกเหมือนมีก้อนตะกั่วร้อนทาบกลางท้อง ดนีย์นาถก้มหลบสายตา เตือนตัวเองว่า ซวยละ! โชคดีที่ตอนนั้นคุณชาโตบริยองด์ดึงสายจูงไปทางกลุ่มสุนัขใต้ร่มไม้พอดี พวกนั้นคงคิดว่าหมาแปลกหน้าจะเข้าไปแย่งอาหารจึงเริ่มส่งเสียงฮึ่มฮั่ม 

“คงต้องกลับแล้วค่ะ” ว่าพลางพยายามลากหมาออกมา 

คามินทร์ส่งเสียงจุ๊ๆ พลางยกมือปรามสุนัขใต้ร่มไม้ ต้องยอมรับว่าเวลาสื่อสารกับสัตว์ เจ้าตัวแทบจะดูเหมือนเด็กหนุ่มอ่อนโยนเลย 

ในที่สุดเขาหันบอกเธอ “แล้วเจอกัน”

ช่วยไม่ได้ ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ดนีย์นาถคล้ายสังเกตพบว่าแววตาของเขาดูวับวาวผิดจากเดิม

หญิงสาวหมุนตัวกลับ แผ่นหลังยังวูบวาบเมื่อสำเหนียกว่าคนข้างหลังยังจับตาไม่วาง

เขาเริ่มเอะใจจริงๆ สินะ เราไม่น่าชะล่าใจ มาเจอเขาทั้งเกล้าผมเปิดหน้าโล่งโจ้งอย่างนี้เลย!

ตอนนี้เท่ากับว่าดนีย์นาถได้ข้อมูลแล้ว คามินทร์มาที่นี่ในฐานะตัวแทนของ เฟม เมทัล เวิร์ก จริงๆ เขาน่าจะนัดกับซัพพลายเออร์บางรายของทางนั้นไว้เพื่อเจรจาอะไรบางอย่างในทำนองตรวจสอบ ถ้าการตรวจสอบนั้นโปร่งใสจริง ทำไมจะต้องมาตรวจอะไรถึงนี่! 

เธอจะไม่มีทางรู้ ถ้าไม่ได้อยู่จนถึงตอนนั้น 

แต่มันจะไม่ง่ายเหมือนวันนี้ ในเมื่อตอนนี้คามินทร์เริ่มระแคะระคาย และไหนจะเรื่องคนรัก...อดีตคนรักของเธอที่กำลังจะเดินทางมาที่นี่อีก

ที่สำคัญ...

“ต้องดูให้คว่ำตะเข็บครับ แบบนี้” 

เสียงคุณบัตเลอร์ปภังกรดังออกมาจากห้องทันทีที่ดนีย์นาถเปิดประตูห้องพักเอหนึ่ง

แขกคนสำคัญเปลี่ยนมาอยู่ในชุดแม่บ้านรีสอร์ตแล้ว ไซซ์ที่ดนีย์นาถหยิบมาเผื่อนั้นค่อนข้างใหญ่กว่าตัวจริงเล็กน้อย น่าแปลกที่เมื่ออยู่ในชุดกระโปรงสีปูนตัวโคร่ง คาดผ้ากันเปื้อน และเกล้าผมเรียบกริบ คุณเงินยวงดูมีออร่าแม่บ้านมากกว่าแม่บ้านรีสอร์ตบางคนซะอีก!

ทั้งแขกและคุณบัตเลอร์กำลังสาละวนอยู่ที่เตียง ท่าทางจะกำลังซ้อมปูเตียงกันอีกครั้ง หลังจากเมื่อวานดนีย์นาถแนะนำเจ้าตัวไป

“จากนั้นพับมุมขวาข้างเตียง แล้วเหน็บชาย...”

“ชาโตบริยองด์!” คุณเงินยวงร้องทักหมา มันรีบวิ่งตะกายหา “ไปไกลเลยสิท่า เหนื่อยมั้ยลูก แก้มใหญ่กลับมาพอดี ฉันกำลังไม่แน่ใจว่าคุณพังเข้าใจถูกเรื่องการทำเตียง”

คุณบัตเลอร์ส่งสายตาคมกริบมาที่เธออีกครั้ง 

“คุณปภังกรเป็นหนึ่งในคนที่เทรนดิฉันเองค่ะ” ดนีย์นาถไม่ลืมว่าศรีตรังกำชับอะไรไว้เกี่ยวกับคุณบัตเลอร์ ถึงอย่างนั้นเธอก็ก้าวเข้าไปดูเตียง “เหน็บแบบนี้แล้วก็ดึงชายผ้าใต้เตียงให้ตึง ทำมุมซ้ายแบบเดียวกัน จากนั้นค่อยปูผ้ารองห่มแล้วก็ปูผ้าห่มอีกทีค่ะ”

“ให้ผ้าห่มอยู่ระดับหน้าเตียง และเหนือกว่าผ้ารองห่มสองนิ้วเพื่อพับหุ้มผ้าห่มลงมา” คุณเงินยวงทวนอย่างขึ้นใจ 

หญิงสาวกำลังจะยิ้มพยัก ถ้าไม่เพราะประโยคต่อไป

“ไปเดินมาตั้งนาน ได้ความคิดอะไรใหม่ๆ สำหรับแผนการของเราบ้างจ๊ะ”

เสมองตาคุณปภังกรที่ตกอยู่ในที่นั่งเดียวกัน รายนั้นทำเป็นวางหน้านิ่ง ไม่รู้ไม่ชี้ 

“เอ่อ…” ติ่งกับดารา ติ่งกับดารา…“ปะ…ปกติ โรงแรมกับพวกรีสอร์ตจะมีมาตรการพิเศษสำหรับแขกที่เป็นดาราค่ะ เพราะมีโอกาสจะถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวมากที่สุด”

คุณบัตเลอร์มุ่นคิ้วทันควัน หันหน้านิดหนึ่งไปทางคุณเงินยวง เป็นสัญญาณว่าเจ้าหล่อนอาจจะรู้สึกว่ากำลังถูกเหน็บได้

อย่างไรก็ดี คนที่น่าจะถูกเหน็บกลับยังเลิกคิ้ว จ้องตาใส 

ดนีย์นาถค่อยๆ ไล่เรียงความคิดของตัวเองต่อไปให้เข้าเรื่อง “ยะ…ยิ่งดาราดังมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีคนคลั่งไคล้มากขึ้นเท่านั้น”

เพราะเธอหยุดกลืนน้ำลายเสียเฉยๆ คนรอฟังเลยต้องออกปากกระตุ้นพร้อมรอยยิ้มเสมือนให้กำลังใจเด็กน้อย “แล้ว?”

“นั่นก็…” 

คุณปภังกรมองเธอเหมือนดนีย์นาถกำลังจะฆ่าตัวตาย และมันอาจทำให้เขาพลอยตายไปด้วย 

แต่เราไม่ตายหรอก! 

ประโยคต่อไปของเธอเริ่มราบรื่น “นั่นก็หมายความว่าคุณโดเองก็อาจจะมีคนคลั่งไคล้เกินพิกัดแบบนี้โผล่เข้ามาหาเหมือนกันน่ะซีคะ แล้วเหตุการณ์นั้นก็จะเอื้อให้แม่บ้านของรีสอร์ตสามารถเข้ามาประชิดตัวคุณโดเพื่อช่วยกันเขาไว้ได้”

“ฉันซื้อไอเดียนี้” แขกวีวีไอพียกแขนขึ้น แล้วหักข้อมือกดนิ้วชี้พุ่งมาที่เธอ ขณะที่สายตาจ้องปภังกรราวจะบอกว่า นี่ต่างหากคือสิ่งที่เขาควรทำ

คุณบัตเลอร์ยังสามารถสะกดอารมณ์แล้วรับลูกต่อไปได้ “งั้นเราก็ต้องหาคนมาอุปโลกน์”

ดนีย์นาถยกมือขึ้นบ้าง

คนถูกขัดถอนหายใจ “ว่าไง เพลงทราย”

“ดิฉันพอจะมีวิธีค่ะ”


วันนั้น คุณเงินยวง คุณบัตเลอร์ปภังกร และดนีย์นาถ แทบไม่ได้ออกจากบังกะโลเอหนึ่งไปไหน และเหมือนเดิม หญิงสาวหาทางลดความเอียนจากแผนใกล้ชิดโด ด้วยการพยายามแนะนำการทำงานของแม่บ้านแทรกลงไปแทน 

“เคาะประตูห้องก่อนทุกครั้ง ถ้าแขกอยู่ก็ต้องรอให้แขกออกไปก่อนนะคะ” 

“ถ้าเห็นว่าแขกเพิ่งปิดประตูเดินออกไปล่ะ”

“ก็ต้องเคาะค่ะ เผื่อว่ายังเหลือคนอยู่ข้างใน”

“แล้วถ้าเรารู้ว่าในห้องนั้นมีกี่คน และเห็นเขาเดินออกไปครบทุกคนแล้ว?”

“การเคาะคือกฎของเราครับ” 

แม้คุณบัตเลอร์จะช่วยสำทับ ผู้ฟังยังคงทำหน้าเหนื่อย “ไม่เห็นจะเข้าใจ”

เวลาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ดนีย์นาถจะรีบพูดต่อ “เราจะทำห้องที่แขวนป้าย ‘ให้ทำห้อง’ ก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ...”

ลำดับงานหลังจากเปิดเข้าห้องพักแขก จะไล่ไปตั้งแต่เปิดไฟทุกดวงในห้อง เพื่อตรวจสอบว่าไม่มีหลอดไหนเสีย ไม่มีฝุ่นจับไฟ แล้วจึงปิดเหลือไว้เฉพาะดวงที่ต้องการ เปิดม่านและหน้าต่าง จากนั้นจัดเก็บเสื้อผ้าแขกที่วางอยู่ตามที่ต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อนเริ่มทำความสะอาด โดยคำนึงว่าข้าวของแต่ละชิ้นเป็นวัสดุประเภทไหน ยาง ลามิเนต ไฟเบอร์กลาส ผ้าแบบไหน ไหม หรือกำมะหยี่ ไวนิล ฯลฯ เพื่อใช้เครื่องมือและสารเคมีได้ถูกต้อง ทำให้ของเหล่านั้นมีอายุการใช้งานยืนยาว

“ยาวจนในห้องมีแต่เครื่องประดับเก่าๆ” คุณเงินยวงว่าพลางกวาดตาดูของตกแต่งรอบๆ ห้อง จำพวกรูปสลักไม้ ภาพวาดบนผนัง 

คุณปภังกรรีบบอก “นั่นเป็นสไตล์ที่ทางอินทีเรียร์ของเราออกแบบครับ แต่ความจริงของตกแต่งจะถูกเปลี่ยนอย่างน้อยปีละสองครั้ง” 

แน่นอน แขกทำหน้าไม่เชื่อ

“ในห้องน้ำ เราจะเริ่มทำจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ในอ่างน้ำต้องไม่ลืมดูว่ามีตะกอนหรือสนิมอุดท่อน้ำทิ้งอยู่รึเปล่า ส่วนโถส้วมต้องล้างทั้งข้างนอก ข้างใน จากนั้นทำความสะอาดพื้น...”

“โดจะสงสัยมั้ยว่าทำไมฉันโผล่หน้ามาให้เขาเห็นได้ทั้งวัน” คนถามแทรกขึ้นเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

“น่าจะไม่ค่ะ” โดไม่ได้สนใจคนอื่นขนาดนั้น รายละเอียดงานของคนอื่นยิ่งแล้วใหญ่

“รู้ได้ยังไง”

“เรื่องแบบนี้แขกไม่ค่อยสนใจหรอกค่ะ”

“เราอาจจะเสริมกับคุณโดก็ได้ครับว่า แม่บ้านไม่พอ เลยจัดคุณเงินยวงให้ทำงานควบกะ”

“ดี!” คนกำลังจะเป็นแม่บ้านยิ้มกริ่ม “เพราะฉันอยากเป็นคนทำหน้าที่เปิดเตียงให้โด!”

การเปิดเตียงหรือ Turn down service ถือเป็นการบริการแบบเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้นพิเศษ เป็นหน้าที่ของพนักงานทำความสะอาดเวรกลางคืน ซึ่งยังจะต้องรูดม่านปิดทั้งหมด วางรายการอาหารเช้าสำหรับแขก เปลี่ยนแก้วใหม่ถ้ามีร่องรอยใช้แล้ว ทิ้งผงในตะกร้า รวมถึงทำความสะอาดที่เขี่ยบุหรี่ เติมเครื่องใช้ในห้องน้ำ ตลอดจนฉีดยากันยุง เปิดไฟที่นอกชานและหน้าประตู  

“แล้วพับผ้าขนหนูเป็นรูปหงส์ล่ะ”

“เรามีมากกว่าหงส์ครับ ถ้าคุณเงินยวงสนใจ”

“ฉันอยากได้รูปเหมือนโดเต็มตัวน่ะ”

เอาเป็นว่าตอนนี้ยังไม่มีหลักสูตรนั้น ก่อนจบวัน คุณบัตเลอร์กับดนีย์นาถจึงสอนเจ้าหล่อนพับรูปหงส์ หมี ช้าง และดอกกุหลาบไปพลางๆ 

กว่าจะ clock out เลิกงานก็เป็นเวลาเกือบห้าโมงครึ่ง คุณปภังกรให้ดนีย์นาถแยกกลับไปเลย ส่วนเขาจะดูแลเรื่องอาหารเย็นให้คุณเงินยวงก่อน หญิงสาวเพิ่งจะมีโอกาสเปิดดูหน้าจอโทรศัพท์ ครั้นเห็นสายไม่ได้รับจากพิภพผู้เป็นอาก็ถึงกับเบิกตา รีบต่อสายกลับไป

“ขอโทษค่ะอาภพ วันนี้หนูยุ่งมากๆ เลย เพิ่งจะเลิกงานเอง”

“นีน่าไหวรึเปล่าลูก อาไม่เห็นความจำเป็นเลยที่หนูจะต้องไปทำอะไรแบบนี้” เสียงอาบ่งความเป็นห่วง 

“ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่อาได้เรื่องของโดแล้วใช่มั้ยคะ”

“จริงด้วยๆ อาจะบอกอะไรนีน่านะ ลืมไปแล้ว”

“โธ่อา!”

“อาล้อเล่น!”

เธอเดาะลิ้น 

“อายังติดต่อโดไม่ได้เลยละ”

“อ้าว!”

“แต่ได้คุยกับผู้ช่วยของมันแล้ว เขาว่าเจ้าโดมันขอเวลาหนีไปพักที่เวียงอวัศย์เกาะช้างจริงๆ ตอนแรกมันมองว่าจะไปกับหนูด้วยนะนีน่า”

แต่ตอนนี้ไม่มีหนูแล้ว เขาก็ยังมาได้นี่คะ 

เธอไม่พูดไปตามใจคิด เพราะไม่ว่าตะกอนเล็กจิ๋วใดๆ ระหว่างเธอกับโด อาภพก็เห็นเป็นเรื่องใหญ่และจะพยายามนำมันมาประสานคืนให้ได้อยู่นั่นเอง

“ถ้าอย่างนั้นข่าวที่คุณเงินยวงได้ฟังมาก็คงไม่พลาดจริงๆ โดน่าจะมาถึงที่นี่ตอนสายวันพรุ่งนี้…” ตอนท้ายคล้ายเธอรำพึงเรียกความพร้อมของตัวเองเสียมากกว่า

“อาว่านะ ทางที่ดีหนูน่าจะหาทางปรองดองกับเจ้าโดต่อไป” 

คงรู้ว่าหลานจะขัดคออีก อาภพจึงรีบชิงพูด “มันยังไม่สายไม่ใช่เหรอลูก”

หญิงสาวถอนหายใจ ส่วนหนึ่งเธอก็เข้าใจอาอยู่

“หนูขอคิดดูอีกที แล้วยังไงจะติดต่ออากลับไปนะคะ”

“อาหวังว่าหนูกับมันจะ...”

เธอไม่อยากฟังต่อ จึงเสียมารยาทโดยกดตัดสายไปเลย ทำเป็นว่าตัวเองไม่ได้ยิน

ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ได้ยิน กลับยิ่งเวียนซ้ำย้ำคืน

มันยังไม่สายไม่ใช่เหรอ 

มันยังไม่สาย…ยังไม่สาย?... 

ดนีย์นาถมองเห็นภาพขณะที่เธอบินด้วยความสูงเกือบสี่หมื่นฟุต ถัดจากหน้าต่างทรงกลมออกไปนั้นคล้ายสุญญากาศ มีแต่ความมืดดำ ไม่มีประกายดาว ไม่มีแม้แต่เมฆ มันว่างโหวง ลึกล้ำจนน่าใจหาย

ตอนนั้น หน้าจอโทรศัพท์ยังแสดงข้อความที่โดระดมส่งมา 

เปล่า ไม่ใช่คำขอโทษ เขาจะขอโทษทำไมในเมื่อยังไม่รู้เลยว่าเธอรู้แล้ว ที่สำคัญ เขายังไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรผิด 

‘วันนี้ฝนตกมากลายเป็นหิมะอีกแล้ว น่าเบื่อมาก ออกไปไหนไม่ได้เลย คิดถึงตัวเองจัง’

‘อัดเพลงวันนี้เจ็บคอมากเลยอะ’

‘ยุ่งเหรอทำไมเงียบจัง’

จนกระทั่ง

‘อาภพบอกว่าตัวเองมาหาเค้าแล้วก็กลับไป ตัวเองมาตอนไหน ทำไมเค้าไม่เห็นได้เจอกันเลย’

และสุดท้าย

‘เค้ารู้เรื่องจากอาภพแล้วนะ เค้ารู้ว่าตัวเองโกรธ แต่เค้าขออธิบายก่อนได้มั้ย นะ นีน่า’

‘อย่าเงียบใส่กันอย่างนี้ได้มั้ย เค้าใจไม่ดีเลย ทำงานไม่ได้เลยนะ’

คงรู้ว่าเรื่องในตอนท้ายสามารถใช้ขู่เธอ ไม่ใช่เพราะดนีย์นาถคือเจ้าของเอนเตอร์ไทม์ตัวจริง แต่เพราะเธอไม่อยากให้อาภพวุ่นวายหัวปั่นต่างหาก ในที่สุดหญิงสาวจึงส่งข้อความกลับไป

‘เราเลิกกันเถอะนะ’

โดไม่ส่งข้อความมาอีก ทว่าโถมถล่มเธอด้วยการต่อสาย ต่อเมื่อดนีย์นาถไม่รับ ทั้งในโทรศัพท์มือถือของเธอเอง โทรศัพท์มือถือของอาภพ ของพิมล์ไพลิน โทรศัพท์บ้าน ที่สำนักงานของเธอกับเพื่อน ฯลฯ ในที่สุดเขาจึงค่อยเลิกล้มความพยายามและเงียบหายไป

ดนีย์นาถใช้เวลาระหว่างนั้นทุ่มเทให้แก่งาน อย่างน้อยความคิดว่า สิ่งแวดล้อมทุกวันนี้รอไม่ได้! ก็ทำให้เธอมีกะจิตกะใจจะลุกขึ้นมาทำอะไรมากมาย จนแทบลืมไปเลยว่า จากโทรศัพท์สายสุดท้ายของโดจนถึงตอนนี้ มันเป็นเวลาเกือบเดือนพอดีแล้ว 

เธอคิดว่าตัวเองชัดเจนพอแล้ว ไม่ว่าใครโน้มน้าวอย่างไรก็ยังแน่วแน่ แต่การกลับมาเผชิญหน้าโดตรงๆ อีกครั้งอาจเป็นอีกเรื่อง

คืนนั้น กว่าจะหลับก็เต็มไปด้วยความยากเย็น และแม้ยามหลับ เธอยังฝันเห็นภาพเก่า 

เตียงใหญ่ดูนุ่มอุ่น ผู้หญิงผมสีชมพูในอ้อมกอดเขา หัวนมใหญ่มีรอยขบ แล้วก็โซฟาในห้องนั่งเล่น บนโต๊ะ เอกสาร… 

เปลวไฟเริ่มปะทุจากจุดนั้น แล้วก็ลามออกเป็นทะเลเพลิงท่วมภูเขาทั้งลูก ควันสีดำโหมลอยดุจพยับคลื่น โถมใส่ผู้คนที่วิ่งหนีตายออกจากบ้านพักหลังน้อยบนภูนั้น แต่ครั้นหลายร่างโจนขึ้นรถแล้วบึ่งออก สะเก็ดไฟก็ยังระเบิดใส่จนเปลวพรึ่บท่วมคันรถ ผู้คนกรีดร้อง เนื้อหนังสุกไหม้หลอมละลายจนโครงกระดูกกลายเป็นตอตะโก… 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น