2

บทที่ 2


2


‘หวงนักคานเนี่ย แค่เจาะนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ได้ ไม่ได้ขอจับไข่ซะหน่อย จะอะไรนักหนา หวงซะอย่างกับเป็นกล่องดวงใจ’


ประโยคเด็ดของแพรวพรรณรายยังก้องอยู่ในหัวของเขาราวกับว่ามีคนเปิดรีเพลย์อยู่ตลอดเวลาแม้ว่าฌอนฤทธิ์จะกลับจากข้างล่างขึ้นมานั่งที่โต๊ะทำงานของเขาแล้วก็ตาม คิดแล้วก็กระตุกมุมปาก


ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่จะเป็นคำพูดของผู้หญิงที่มีคำนำหน้าชื่อว่า ‘คุณหญิง’ คนที่เกิดในรั้วในวังไม่ได้รับการบ่มเพาะให้เป็นคนสุภาพเรียบร้อย ระมัดระวังการเอ่ยวาจาหรอกหรือ


จะว่าไปนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบหล่อน เพียงแต่ครั้งแรกนั้นฌอนฤทธิ์เห็นหน้าสวยจัดระหว่างหล่อนเดินออกจากห้องอาหารห้องหนึ่งของโรงแรม ยังคิดแค่ว่าหล่อนคงเป็นหนึ่งในแขกที่มาใช้บริการ ไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าพอได้พบหน้ากันอีกครั้งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ สมองเขาจะจำหน้าหล่อนได้ทันที แต่ที่ประหลาดใจก็อย่างที่ว่า ชายหนุ่มไม่คิดว่าคนที่ีสายเลือดสีน้ำเงินจะพูดจาแบบนั้น กิริยากระโดกกระเดกแบบนั้น หรือจะเป็นเพราะเขาไม่ค่อยเข้าสังคมถึงไม่เคยพบหน้าผู้มีศักดิ์เป็นน้าสาวของพรรณพัตราคนนี้มาก่อน อันที่จริงจะว่าไปก่อนหน้านี้เขาก็ไม่รู้จักบริษัทรับเหมาของพรรณพัตราด้วยซ้ำ เคยพบหญิงสาวตามงานสังคมที่จำเป็นต้องไปบ้าง ชัยฤทธิ์ต่างหากที่แนะนำให้เลือกบริษัทนี้เข้ามาจัดการเรื่องการรีโนเวตโรงแรมใหม่ ชายหนุ่มยอมรับว่าคุณหญิงแพรวพรรณรายคนนี้ต่างจากภาพที่เขาวาดเอาไว้ในหัวอย่างสิ้นเชิง


หล่อนดูเหมือน...สาวหัวนอกใจแตกมากกว่ากุลสตรีจากในรั้วในวังที่ควรจะนั่งพับเพียบเรียบร้อย ยิ่งคิดก็ยิ่งเรื่อยเปื่อยไปกันใหญ่กับเรื่องราวของผู้หญิงคนนั้น ไม่รู้ว่าคุณๆ ท่านๆ ในวังทำหล่อนหลุดมือตกบันไดศีรษะกระแทกพื้นตอนเด็กหรืออะไรเทือกนั้น ราชนิกุลคนนี้ถึงได้มีวาจาห้าวหาญผิดเหล่าผิดกอขนาดนี้


“นี่ถ้าอีกหน่อยพ่อแม่ไม่จับคลุมถุงชนกับคุณชายสักคนคงต้องขึ้นคานแน่ๆ ผู้หญิงอะไรพูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้ไม่อายปาก”


ชายหนุ่มตำหนิพลางส่ายหน้าไปด้วย ก่อนจะเหลือบเห็นว่าเขาเสียเวลาไปกับการคิดเรื่องไร้สาระเกือบสิบนาที ออกจะงงกับตัวเองนิดๆ แต่ก็ปัดความรู้สึกแปลกๆ ทิ้ง หันไปลากโน้ตบุ๊กที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานเข้ามาใกล้มือ ตั้งใจว่าจะเคลียร์งานที่ค้างอยู่ก่อนที่จะลงไปรับประทานอาหารกับพี่ชายและพี่สะใภ้ แต่แทนที่จะได้เปิดไฟล์งานขึ้นมาดู สารบางอย่างในสมองกลับสั่งให้เปิดหน้าเซิร์ชข้อมูลขึ้นมา แล้วนิ้วเรียวก็รัวพิมพ์คีย์เวิร์ดลงไปแบบที่ฌอนฤทธิ์เองก็ไม่ทันได้รู้เนื้อรู้ตัว


คุณหญิงแพรวพรรณราย วิริยา


ไม่กี่วินาทีข้อมูลของหญิงสาวคนดังกล่าวก็ปรากฏขึ้นบนจอ ผู้บริหารหนุ่มไล่อ่านทุกตัวอักษร เขาเบ้ปากนิดๆ พยักหน้าเบาๆ ไปด้วย


“เป็นแฝดผู้น้องของหม่อมราชวงศ์เพชรประกายมาศ ปีนี้ก็อายุยี่สิบเจ็ดปี หืมม...นี่ทำงานมากี่ปีแล้ว” ฌอนฤทธิ์หรี่ตายามคาดคะเนบางอย่างในหัว “ทำไมคุณลูกพลับถึงส่งคนนี้มา จะทำงานได้จริงเหรอ”


ผู้บริหารหนุ่มสบประมาทลูกจ้างคนใหม่โดยไม่รู้ตัว “อย่าบอกนะว่าตั้งใจส่งให้มาเรียนรู้งานที่นี่”


ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง สิ่งแรกที่เขาควรจะสอนเธอก็คงไม่พ้น...


ฌอนฤทธิ์เอื้อมมือไปกดปุ่มโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานแล้วกรอกเสียงลงไป “ดนัย เข้ามาหาผมหน่อย”


สิ้นคำสั่งไม่ถึงนาที คนถูกเรียกก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเจ้านายหนุ่มอยู่ในท่าเตรียมรับคำสั่ง


“โทร. ไปบอกสถาปนิกคนใหม่ด้วยว่าวันพรุ่งนี้ให้มารับอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม ผมจะเลี้ยงต้อนรับเธอ”


ดนัยขมวดคิ้วเล็กน้อยที่จู่ๆ เจ้านายของเขาก็นึกอยากจะเลี้ยงอาหารลูกจ้างขึ้นมา ทั้งที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วเพิ่งให้เขาปฏิเสธคำขอของหล่อนไป แถมสองสัปดาห์ก่อนโน้นที่เจ้าตัวมารับช่วงต่อโครงการ คนเป็นนายยังบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ที่จะต้องมาดูมาแลหรือไปต้อนรับ จากที่คิดว่ารู้ใจฌอนฤทธิ์ กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เดาอะไรไม่ถูกเลยสักนิดเดียว


“คุณฌอนหมายถึงคุณหญิงแพรวพรรณรายน่ะเหรอครับ”


“ใช่ มีอะไรหรือเปล่า”


ตาเรียวละจากเอกสารมามองหน้าผู้ช่วยคนสำคัญ ทำนองว่ามีอะไรที่ไม่เข้าใจตรงไหน


“อ๋อ เปล่าครับเปล่า”


ดนัยเห็นท่าทางแบบนั้นก็รีบปฏิเสธ ปัดข้อข้องใจของตนเองออกไปทันที “ผมแค่คิดว่าตอนที่สถาปนิกคนก่อนมาทำงานไม่เห็นว่าคุณฌอนจะมีมื้อเช้าเลี้ยงต้อนรับเธอเลย หรือว่า...เพราะคุณหญิงแพรวพรรณรายมีศักดิ์เป็นน้าของคุณพรรณพัตรา”


แถมเขาเคยถามแล้วด้วยว่าฌอนฤทธิ์แล้วว่าจะไปเจออีกฝ่ายไหม แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนเจ้านายของเขาตอบเต็มปากเต็มคำว่าไม่ใช่หน้าที่ความจำเป็น แล้วทำไมวันนี้ถึงได้พัฒนาไปจนถึงขั้นขอเลี้ยงข้าวต้อนรับเสียอย่างนี้


รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าคนมีแผนในหัวแวบหนึ่งก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว “เปล่าหรอก เพียงแต่ว่า...ผมแค่มีเมนูพิเศษที่เตรียมไว้ให้คุณหญิงแพรวพรรณรายก็เท่านั้น เขาจะได้รู้จักตัวตนของผมและก็โรงแรมดีขึ้น เผื่อจะตกแต่งอะไรจะได้ไม่เข้าใจไปผิดๆ”


ฌอนฤทธิ์ไม่ขยายความต่อว่าเมนูพิเศษที่ว่านั่นคืออะไร รอให้เลขาฯ คนสนิทพ้นห้องออกไปก่อนเขาจึงต่อสายไปที่ห้องอาหาร แล้วสั่งรายการอาหารเช้าของวันพรุ่งนี้สำหรับคุณหญิงแพรวพรรณราย


หนึ่งปีก่อนหน้านี้


“ก่อนอื่น วาระแรกก็ไม่มีอะไรมาก อยากแนะนำสมาชิกใหม่ของบริษัทเราให้ทุกคนรู้จัก”


พรรณพัตรา เวส อังกูร ในวัยสามสิบสามดูเรืองรอง ราศีจับด้วยอำนาจเงินและความสำเร็จในชีวิต พูดเสียงดังฟังชัด ทั้งๆ ที่ไม่ได้กดไมค์ ผู้เข้าร่วมประชุมทั้งสิบห้าคนได้ยินเนื้อความครบถ้วน มองตามมือไปทางเด็กใหม่สุดที่นั่งอยู่ปลายแถว


“นี่คือหม่อมราชวงศ์แพรวพรรณราย วิริยา หลายคนคงทราบว่าตามศักดิ์หญิงแพรวเป็นญาติ แต่ ณ ที่นี้ ใครที่มีอำนาจบังคับบัญชาเหนือหญิงแพรวสามารถใชัได้เหมือนลูกน้องทั่วไป ต่อไปนี้หญิงแพรวจะมาเป็นสถาปนิกคนนึงของเราที่ต้องทำตามกฎทุกอย่าง รวมถึงการทดลองงานในช่วงสามเดือนแรก”


สิ้นเสียงของประธานบริษัทออกแบบและรับเหมาก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คนที่เป็นเจ้าของชื่อเมื่อครู่ก็ลุกขึ้นยกมือไหว้คนทั้งหมดในที่ประชุมทันที ได้รับเสียงปรบมือต้อนรับตามธรรมเนียมของบริษัท จากนั้นผู้หญิงสวยจัดที่นั่งอยู่หัวโต๊ะก็ออกเสียงเด็ดขาดอีกครั้ง


“หมดธุระของหญิงแพรวแล้ว เชิญ เดี๋ยวจะเรียกมาคุยเรื่องสโคปงานอีกที”


เท่านั้นหญิงสาวที่มีฐานันดรศักดิ์เป็นถึงหม่อมราชวงศ์ก็ต้องอัปเปหิตัวเองออกจากห้องประชุม ปล่อยให้ผู้หลักผู้ใหญ่หารือเรื่องสำคัญกันไป ก่อนจะเดินออกมาด้านนอกซึ่งมีคุณขวัญเรือน ผู้ช่วยของญาติสนิทยืนรออยู่ ผายมือด้วยท่าทีอ่อนน้อมให้หล่อนเดินนำ แต่แพรวพรรณรายก้มหัวยกมือไหว้อีกฝ่าย


“พี่ขวัญ...ไม่เอาค่ะ แพรวเป็นลูกน้องนะคะ”


“หือ คุณหญิงเป็นน้องคุณลูกพลับนะคะ”


ถึงแม้ปากจะบอกว่าแพรวพรรณรายเป็นลูกจ้างที่ต้องปฏิบัติตามกฎเหมือนคนอื่น ทว่าพรรณพัตราก็อดไม่ได้ที่จะส่งเลขาฯ มาอำนวยความสะดวกเล็กๆ น้อยๆ ให้คนที่เป็นเหมือนน้องสาว


“โอ๊ย! เอาไว้นอกที่ทำงานค่อยมานับญาติ ในเวลางานเห็นแพรวเป็นเด็กในออฟฟิศเถอะค่ะ”


คนที่มีฐานันดรศักดิ์บอกแบบไม่ถือตัว แถมโอบมือรอบเอวหนาของอีกคนอย่างเป็นกันเอง ไม่วายซบหน้าสวยลงบ่าเลขาฯ ของญาติ ทำตัวสนิทสนมเสียน่าเอ็นดู


“ว่าแต่พี่ขวัญพาแพรวไปที่แผนกสิคะ นี่ใกล้เที่ยงแล้ว เผื่อรุ่นพี่ใจดีจะเลี้ยงข้าวรับน้องใหม่ แพรวจะได้ประหยัดค่าข้าวไปอีกมื้อ”


หญิงสาวพูดเสียงใส มีทั้งโทนเสียงและท่าทางประกอบการเจรจาเจริญตาคนมอง จนขวัญเรือนอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม จับจูงญาติคนสวยของเจ้านายที่แต่งตัวแสนสบายด้วยกางเกงยีนสีดำเอวสูงจับคู่กับเสื้อเชิ้ตตัวโคร่ง บอกก็ยังแทบไม่อยากเชื่อว่ามีฐานันดรศักดิ์เป็นถึงหม่อมราชวงศ์ จะมีก็แต่หน้าตาสวยจัด ผิวผ่อง และราศีบางประการเปล่งประกายผู้ดิบผู้ดีนั่นละที่บ่งบอกว่าเชื้อสายไม่ธรรมดา


“เอ้า ทุกคน นี่น้องใหม่ น้องแพรว จะมาเริ่มทำงานกับทีมนี้ตั้งแต่วันนี้”


สถาปนิกมือหนึ่งที่กองรวมกันในพื้นที่ชั้นสิบทั้งชั้นเงยหน้าขึ้นมองคนมาใหม่ ได้ยินเสียงเป่าปากโห่ร้องจากคนในทีมที่มีแต่ผู้ชายร่วมยี่สิบชีวิต แต่งเนื้อแต่งตัวไม่ได้ต่างจากเพื่อนร่วมคณะที่หล่อนคุ้นชินสักเท่าไร จึงไม่ได้นำพาต่อกิริยาเช่นนี้ เพราะตอนเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ เพื่อนร่วมรุ่นก็ตื่นเต้นกับความงามของหล่อนแบบนี้ แต่พออยู่ๆ กันไปก็เห็นธาตุแท้ในตัวคนสวย จากที่เรียกกันเสียหวานจ๋อยว่า คุณหญิง ก็เหลือแต่ไอ้แพรวไปโดยปริยาย และยังไม่ทันไรเสียงเรียกหนึ่งก็ดังขึ้น


“ไอ้แพรว”


“เฮ้ย! มึง ไอ้ตั๋ง!”


พอเห็นว่าคนเรียกเป็นใคร แพรวพรรณรายก็แทบจะลืมขวัญเรือนที่ทำหน้าตกใจเพราะสรรพนามที่คุณหญิงใช้เรียกเพื่อนไปในทันที กระโดดเข้ากอดคอคนที่สวมเสื้อยืดยาวยานกับกางเกงยีนขาดรุ่ย อีกฝ่ายก็โอบตอบอย่างดี


“เชี่ย มาทำไรที่นี่วะไอ้แพรว นี่มึงกลับมาจากเมืองนอกเมื่อไหร่”


ตฤณมองหน้าสวยตาเป็นประกาย แต่ยังใช้คำพูดเหมือนเดิมกับหญิงสาว


“สักพักแล้วไอ้ตั๋ง โอ๊ยคิดถึง นี่แกทำงานที่นี่เหรอ” หญิงสาวรีบเปลี่ยนวิธีเรียกเพื่อนทันที เพราะเห็นแววตาตกใจของขวัญเรือน เกรงว่าจะหัวใจวายไปเสียก่อน


“เออดิ นี่ไอ้ต๊อบก็อยู่”


“ฮะ! อยู่?” หน้าสวยออกอาการสงสัยเต็มที่ ก่อนจะได้รับการยืนยันจากเพื่อนในภาควิชาเดียวกัน “อยู่แบบเป็นวิศวะอยู่ที่นี่อ้ะเหรอ ตายแล้ว กรีดร้อง ดีใจที่สุด”


หญิงสาวปรบมือให้ตัวเองเมื่อได้ยินเสียงตฤณซึ่งเป็นเพื่อนร่วมคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์สมัยเรียนปริญญาตรี กระโดดกอดคอคนหนวดเฟิ้มผมยาวประบ่า ดูเซอร์แต่เท่ สมแล้วที่ได้ตำแหน่งเดือนคณะ


“แล้วนี่จะเริ่มมาทำเมื่อไหร่”


“เริ่มแล้วๆ เริ่มเลยเนี่ย”


พูดจบก็นึกขึ้นได้ว่าเลขฯ ของญาติสนิทยังยืนอยู่ตรงนี้ เลยได้แต่หันไปทำหน้าแหย เกาหัวแกรกๆ แก้เก้อ โดยที่ผู้ช่วยของพรรณพัตราก็ยิ้มเอ็นดูใส่


“น้องแพรวมีเพื่อน พี่ก็ดีใจ ยังไงฝากน้องใหม่ด้วยนะคะ มีอะไรก็สอนกันด้วยล่ะ”


พูดจบก็ทิ้งสาวน้อยคนใหม่ไว้ให้พี่ๆ น้องๆ ในทีมดูแล เพราะดูท่าแล้วจะไม่มีปัญหาในการร่วมงานกับเพื่อนใหม่ ยิ่งสถาปนิกดาวรุ่งอีกคนของบริษัทพยักหน้าสำทับก็ยิ่งสบายใจ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าวโรตม์ วิศวกรฝีมือดีอีกคนก็คุ้นเคยกับญาติของนายใหญ่ อย่างนี้เจ้าตัวคงไม่มีปัญหาอะไรในการปรับตัวกับเพื่อนร่วมงาน


“ได้ครับ เดี๋ยวผมดูมันเอง”


ขวัญเรือนหมุนตัวกลับออกไป โดยมีแพรวพรรณรายมองตามหลัง ไม่นานก็หันกลับมาเอะอะใส่เพื่อนต่อ แล้วเดินตามพี่หัวหน้าทีมที่กวักมือเรียกให้ไปนั่งประจำโต๊ะที่จัดแจงไว้ให้ ซึ่งกลายเป็นว่าที่นั่งของหล่อนกับเพื่อนคนนี้อยู่ติดกัน


“เป็นแพรวก็ดีเลย ไอ้ตั๋งบ่นเมื่อวานว่าไม่อยากสอนงานเด็กใหม่ ได้เพื่อนมาทำแบบนี้ ตกลงมึงคงไม่มีปัญหาละนะ”


“ปัญหาอ้ะไม่มี ถ้าเด็กใหม่เป็นไอ้แพรว ไม่ต้องสอนมันหรอกพี่ อะไรมันก็ทำได้ ดีไม่ดีเก่งกว่าผมด้วยซ้ำ”


ตฤณมองคนตัวเล็กที่เขายังโอบคอไว้ ไม่วายระบายถึงเพื่อนอีกคนที่เจ้าหล่อนก็คุ้นเคยพอกัน ดีไม่ดีจะสนิทมากกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ


“ห้องพวกวิศวะอยู่ฝั่งโน้น ชั้นเดียวกันนี่แหละ แต่นี่ไอ้ต๊อบมันออกไปไซต์ ไม่รู้มันจะเข้ามาหรือเปล่า”


เขาเดินสวนกับเพื่อนร่วมสถาบันที่ทำงานที่เดียวกันเมื่อเช้า ทักทายเบาๆ พอหอมปากหอมคอ เลยรู้ว่าวันนี้อีกฝ่ายจะไม่อยู่ในบริษัท แต่ลงไปดูหน้างานที่ได้รับผิดชอบมาเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน


“อือ ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเดี๋ยวก็ต้องได้เจอกัน มีพวกแกอยู่ด้วยโคตรสบายใจละ ว่าแต่มีอะไรให้แพรวช่วยไหมคะ” เด็กร้อนวิชาของานจากหัวหน้าทันที


อีกคนส่ายหน้าปฏิเสธ “ตอนนี้ยังไม่มีอะไร งานออกแบบส่วนใหญ่ลูกค้าผ่านงานแล้ว กำลังจะเข้าพื้นที่”


แพรวพรรณรายพยักหน้ารับรู้ แต่ไม่วายขอร้องหัวหน้าต่อ


“ตอนนี้ทำโพรเจกต์ของที่ไหนอยู่บ้างอ้ะคะ มีพอร์ตให้แพรวศึกษางานไหม”


คนที่ทำงานแบบหนักเอาเบาสู้มาตลอดกระตือรือร้นมากกว่าปกติ เพราะไม่อยากให้ใครมาครหาว่าหล่อนมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมกับงาน เมื่อพูดจบเจ้านายหมาดๆ ก็ส่งแบบมาให้ดู ที่ปกเขียนหราว่าเป็นโครงการปรับปรุงโรงแรมวันซ์ ริวา แพรวพรรณรายก็รับมาเปิดดูด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นเนื้องานของโพรเจกต์ใหญ่แบบนี้ อ่านเพลินไปเรื่อยจนดูแปลนพื้นคร่าวๆ อดชื่นชมฝีมือการออกแบบและจัดวางเฟอร์นิเจอร์ของสถาปนิกผู้ควบคุมโครงการไม่ได้จนถึงกับหลุดปากพึมพำออกมา


“เก่งจัง ไม่แตะโครงสร้างเลย” หญิงสาวไม่รู้เลยว่าคนออกแบบที่ตนกล่าวถึงเดินเข้ามาในออฟฟิศส่วนของสถาปนิกแล้ว


“ขอบคุณจ้ะ”


ได้ยินแบบนั้นแพรวพรรณรายก็เงยหน้าขึ้น ก่อนจะพบว่าเจ้าของเสียงเป็นผู้หญิงท่าทางเรียบร้อย แถมมีลูกโป่งใบเล็กๆ ป่องอยู่ตรงกลางพุง ไม่บอกก็รู้ว่ากำลังตั้งครรภ์ จึงรีบลุกขึ้นพนมมือสวัสดี


“สวัสดีค่ะพี่ หนูแพรว แพรวพรรณราย เพิ่งมาทำงานวันแรกค่ะ พี่ชื่อ...”


หญิงสาวเว้นวรรคให้อีกฝ่ายตอบ มองอีกคนด้วยความชื่นชมในความสามารถตาเป็นประกาย ชอบจริงๆ ได้คลุกคลีกับคนเก่งๆ เพื่อเรียนรู้และฝึกฝีมือตัวเอง


“พี่ชื่อเกดค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก เป็นคนออกแบบงานที่แพรวดูอยู่ เป็นไง พอไหวไหม”


อีกคนชวนคุยอย่างเป็นกันเอง วางย่ามผ้าลงบนโต๊ะทำงานฝั่งตรงข้าม หยิบกล่องนมออกจากกระเป๋าขึ้นมาเจาะดูด ลูบมือบนหน้าท้องเบาๆ


“สวยมากเลยค่ะ แพรวฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์พี่เกดนะคะ”


“พูดเกินไป แต่เสียดาย แพรวมาช้า ไม่งั้นได้มาร่วมทีมด้วย งานคงดีกว่านี้ พี่เห็นพอร์ตเรานะ ที่ได้รางวัลตอบจบโท ยังอึ้งเลยว่าเก่งจริงๆ”


อีกคนก็ชมความสามารถของราชนิกุลสาวด้วยความจริงใจพลางกวาดตามองคนที่หน้าตาสวยจัดแม้ไม่มีเครื่องสำอางแต่งแต้มเลยสักนิด จะมีก็แต่แค่ลิปมันบางๆ ที่ทาเคลือบริมฝีปากไว้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น


“เกินไปค่ะ งานแพรวเก่งแต่ในกระดาษหรือเปล่าก็ไม่รู้ ยังไงถ้าพี่เกดมีอะไรให้แพรวช่วยบอกเลยนะคะ หรือวันไหนไปไซต์ ขอแพรวตามไปด้วย ไปดู ช่วยถือของก็ยังดี”


“จ้ะ ไว้ถ้าเรายังไม่มีงานในความรับผิดชอบจริงจัง พี่จะขอนายให้ตามไปเรียนรู้งานละกัน”


“อ้าว ไหนบอกจะให้ผมสอน”


ตฤณที่นั่งเขียนงานด้วยโปรแกรมเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่ฝีมือเยี่ยมที่บัดนี้ตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนกว่าแล้ว


“ก็ไหนเราบอกขี้เกียจสอน แหม พอเห็นเด็กใหม่สวยจะรีบอาสาเชียวนะ”


เกดกานดาบอกยิ้มๆ เอ็นดูตฤณเป็นน้องทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่ค่อยพูดด้วยซ้ำ


“พูดไปเรื่อยพี่เกด” เต็คมือดีบอก หน้าหล่อแบบเซอร์ขมวดยุ่งเหมือนจะไม่พอใจ แต่หากใครได้รู้อัตราการเต้นของหัวใจเขาก็คงงงไปตามๆ กัน “ไอ้แพรวเรียนกับผมมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ไม่ตื่นเต้นอะไรกับมันแน่นอน!”


ปัจจุบัน


สาวร่างสมส่วนที่คงต้องบอกว่าดูดีจนไปเป็นดารานักแสดงได้ และน่าจะดังกว่าการมาเป็นสถาปนิกสาวขายาวๆ เข้ามาตรงทางเข้าของพนักงานด้านข้างโรงแรม ถึงแม้จะไม่ต้องตอกบัตรเข้างานเหมือนคนใต้อำนาจของฌอนฤทธิ์คนอื่นๆ แต่ก็ไม่ดีแน่หากจะทำตัวลอยชายมาสายหลังจากคนงานก่อสร้างเริ่มทำงาน เพราะอันที่จริงแล้วไซต์งานที่หล่อนต้องดูแลอยู่ห่างจากวังวิริยาแค่เดินทางสิบห้านาที


ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องตรวจตราควบคุมงานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในหลายๆ ส่วนที่โฟร์แมนบอกว่าลุล่วงไปเกินเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ จะได้ทยอยส่งมอบพื้นที่คืนให้เจ้าของโรงแรมเพื่อให้เปิดใช้บริการต่อไป ทั้งนายใหญ่และ พี่โจ้ จริวัฒน์ หัวหน้าทีมสถาปนิกจึงสั่งให้หล่อนไม่ต้องเข้าออฟฟิศ แต่ให้มาที่โครงการเลยทุกวันจนกว่าจะปิดโพรเจกต์


หญิงสาวเลือกที่จะเดินผ่านส่วนที่เก็บงานเกือบเรียบร้อย เพื่อสำรวจตรวจตราความถูกต้องว่าทีมงานของ วี.เค. คอนสตรัคชั่นทำได้ตรงตามแบบหรือไม่ หากมีอะไรผิดพลาดไปจะได้บอกกับทีมงานที่หมกตัวรวมกันอยู่ในห้องประชุมให้แก้ไขได้ทันท่วงที ไม่ต้องให้นายจ้างมาสั่งแก้ตอนใกล้กำหนดส่งงาน เดี๋ยวจะพานต้องเสียค่าล่าช้าไปกันใหญ่ ดีที่คนอย่างหล่อนจำแบบได้ทุกอย่างไปจนถึงแบบงานระบบ ซึ่งทาง วี.เค. คอนสตรัคชั่นนิยมใช้แบบ Single line diagram เพราะร้อยทั้งร้อยรับแต่งานที่มีระบบพิเศษ มีรูปแบบการเดินไฟที่ซับซ้อนกว่าอาคารก่อสร้างทั่วไป


ตาหวานกำลังสำรวจความเป็นไปทุกรายละเอียด แม้กระทั่งการฉาบปูนที่โค้งประตู คุณหญิงคนสวยที่วันนี้แต่งตัวโคตรเซอร์ก็ทั้งใช้ตามอง ใช้มือลูบ และใช้ใจสัมผัส เล่นเอาคนหัวแข็งแต่ขวัญอ่อนสะดุ้งเฮือก


“คุณหญิงแพรวพรรณรายครับ” ใครบางคนเรียกชื่อหล่อนเสียเต็มยศ


หน้าสวยหันขวับ ตกใจแทบบ้า ไม่นึกว่าจะมีใครมาเดินอยู่ในส่วนที่ยังไม่เปิดใช้บริการแบบนี้ แต่พอเห็นเป็นเลขาฯ ของคนหน้าดุที่หล่อนเกลียดขึ้นใจ ก็เบาใจว่าไม่ใช่ผีสางเทวดาอย่างที่คิดไปทีแรก


“คะ...ค่ะ เอ่อ...คุณเรียกแพรวเหรอคะ”


หญิงสาวทำหน้าตาเหลอหลา ชี้ปลายนิ้วเรียวยาวบอบบางมาที่ตัวเอง


“ครับ”


“แล้วมีอะไรคะ รู้ได้ไงว่าแพรวอยู่ที่นี่”


“ผมให้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยดูกล้องวงจรปิดไว้ครับ ตอนแรกนึกว่าจะไปที่ออฟฟิศเสียอีก แต่เขาวอมาบอกว่าคุณหญิงมาทางนี้ ไม่ทราบมีอะไรติดขัดหรือเปล่าครับ”


อีกคนถามแบบสุภาพ มองร่างโปร่งบางไวๆ แบบไม่ให้เสียมารยาท ก่อนจะพบว่าเสื้อผ้าที่ดูไม่เข้ากับองค์ประกอบของหน้าสวยร่างงามไม่ทำให้สตรีมีเชื้อสายคนนี้ดูดรอปลงเลย แต่กลับเปล่งประกายเย้ายวนแปลกๆ


“ไม่เลยค่ะ แพรวมาตรวจดูงานก่อนเข้าไปที่ออฟฟิศ ว่าแต่คุณเถอะ ตามมาถึงนี่มีอะไรคะ”


“คุณฌอนให้มาเชิญคุณหญิง”


“เชิญทำไม หรือเขาเกิดจะเปลี่ยนใจเรื่องเจาะคานขึ้นมา”


หน้างามเชิดขึ้นขนานพื้นทันทีที่ได้ยินชื่อคนที่ทำให้ไม่สบอารมณ์ ก่อนจะงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อได้ยินประโยคถัดไป


 

“อันนั้นผมไม่ทราบ ทราบแต่คุณฌอนเชิญให้คุณหญิงไปรับประทานอาหารเช้าด้วย เชิญทางนี้ครับ”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น