6

ความหลังอันเจ็บปวด

ความหลังอันเจ็บปวด

 

 บ้านปูนสองชั้นโครงการใหม่ที่เพิ่งแล้วเสร็จเมื่อปีใหม่คือเรือนหอของบ่าวสาวที่จัดงานแต่งงานได้เป็นที่ฮือฮาที่สุดในโรงพยาบาล เจ้าบ่าวหล่อแถมมีดีกรีเป็นถึงกุมารแพทย์ฝีมือดีอนาคตไกล เป็นที่จับตามองของผู้หลักผู้ใหญ่ทางการแพทย์ ส่วนเจ้าสาวก็เป็นถึงพยาบาลดีเด่นประจำหน่วยตรวจกุมารเวชกรรม พร้อมด้วยความงดงามที่ถูกกล่าวขานจนบรรดาแพทย์หนุ่มจากโรงพยาบาลอื่นยังแวะเวียนเข้ามาส่งขนมจีบกันไม่ขาด

ภายในบ้านแบ่งเป็นสามห้องนอนตามความตั้งใจของเจ้าบ่าว เพราะพวกเขาตั้งใจจะมีลูกกันทันทีหลังแต่งงาน ห้องหนึ่งจึงถูกตกแต่งเป็นห้องสำหรับเด็กตั้งแต่ต้นและค่อยๆ มีข้าวของสำหรับเด็กเพิ่มมาทีละอย่างสองอย่างจนครบ ทั้งตู้ เตียง เสื้อผ้า หรือแม้กระทั่งของเล่น แต่จากหนึ่งปีเป็นสองปี จากสองเป็นสามและสี่แก้วตาดวงใจที่เฝ้ารอก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมา 

จนในที่สุดความรักที่คนทั้งโรงพยาบาลอิจฉาก็เกิดรอยร้าวครั้งใหญ่ เมื่อมีข่าวลือว่าแพทย์หนุ่มที่เลื่อนขั้นเป็นอาจารย์แพทย์แล้วกำลังนอกใจภรรยา แถมอีกฝ่ายยังเป็นพยาบาลหน่วยเดียวกับภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย

แรกเริ่มแก้วกินรีก็เอาแต่หัวเราะและแก้ต่างให้สามีว่าเป็นเรื่องเหลวไหล สามีของเธอทั้งแสนดีและรักมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ก็เพียงไม่นานที่เธอยืนหยัดได้แบบนั้น เมื่อข่าวลือค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่าง มีรูปถ่ายหลุดออกมา และเริ่มมีคนพูดถึงการเห็นปราณกันต์พาผู้หญิงคนนั้นไปคลินิกผดุงครรภ์ 

มันเหมือนฟ้าที่ผ่าลงมากลางแสกหน้าที่เคยมีรอยยิ้มของเธอจนด้านชา แก้วกินรีถึงกับล้มทั้งยืนท่ามกลางผู้คนและเสียงซุบซิบนินทา

แม้ว่าเธอยังคงเชื่อใจและเชื่อใจ คิดว่าปราณกันต์ไม่ทำเช่นนั้นแน่ เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด แต่วันนั้นเธอก็กลับบ้านด้วยหัวใจที่ครึ่งหนึ่งแหลกสลาย ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งแขวนอยู่บนเส้นด้ายของความรัก ความผูกพัน และความเชื่อใจตลอดสี่ปีที่แต่งงานใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน กับอีกสองปีที่คบหาดูใจก่อนตัดสินใจแต่งงาน

แก้วกินรีแบกร่างกึ่งมีสติกึ่งล่องลอยราวกับไร้วิญญาณเข้ามาในเรือนหอที่ปราณกันต์ซื้อให้เธอเป็นของขวัญในวันแต่งงาน บ้านที่เป็นชื่อของเธอแต่เพียงผู้เดียว เธอถอดรองเท้าตรงหน้าประตูบ้านโดยไม่เก็บขึ้นชั้นเหมือนยามปกติ เดินเข้ามาทิ้งตัวบนโซฟาที่เคยทั้งกอด จูบ นอนหนุนตักกันและกัน พูดคุยเรื่องเครียด เรื่องดี จินตนาการถึงลูกน้อยที่จะเกิดมา หัวเราะเฮฮา และใช้หมอนอิงไล่ตีกัน

น้ำตาค่อยๆ หลั่งลงเป็นทางเมื่อความทรงจำดีๆ ไหลวนเข้ามาเหมือนละครที่ถูกนำมารีรันช่วงกลางวัน พร้อมๆ กับภาพและคำติฉินนินทาของผู้คนในวันนี้ หัวใจเหมือนถูกฉีกสดๆ ในขณะที่เธอพยายามใช้มือบีบกดไว้สุดแรงไม่ให้พังทลาย 

มันไม่ใช่เรื่องจริง...มันไม่จริง ปราณกันต์ไม่ทำเช่นนั้น เขาไม่ทำ เขาไม่ทำอย่างแน่นอน

“หมอกันมันไม่จริงใช่ไหมคะ ที่ทุกคนพูดมามันแค่เรื่องเข้าใจผิดใช่ไหม คุณกลับมาสักทีสิคะ กินรีจะไม่เชื่ออะไรทั้งนั้นจนกว่าจะได้ยินจากปากคุณ”

เคยกอดอกแล้วช่วยให้อบอุ่นแต่วันนี้...แม้ว่าแก้วกินรีจะกอดอกและรัดตัวเองจนแน่นแล้ว แต่เธอกลับยิ่งรู้สึกหนาวจับขั้วหัวใจ

และแล้วสิ่งที่เธอรอคอยก็มา เสียงรถปราณกันต์จอดลงหน้าบ้าน แก้วกินรีวิ่งไปที่ประตูหน้าบ้านเหมือนคนบ้า เธอสะอื้นตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ รู้แต่ว่าอยากพุ่งไปกอดสามีและฟ้องเขาว่ามีคนใส่ร้าย แต่...

ร่างบอบบางค่อยๆ ทรุดลงไปนั่งที่พื้น หัวใจที่ถูกบีบไว้สุดแรงแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี เมื่อเห็นปราณกันต์เดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงคนนั้นที่เธอเห็นในรูป

กานมณี จีรติกุล!

เพื่อนร่วมงานที่เคยทำงานด้วยกัน คุยเล่น เฮฮาปาร์ตีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันของเธอเอง ความเชื่อใจของเธอกลายเป็นความโง่ ความรักที่เธอมีให้กลายเป็นเพียงความว่างเปล่าที่เข้าไปไม่ถึงใจสามี ต่อให้สมองจะตะโกนก้องว่ารอฟังคำพูดเขาก่อน รอก่อน แต่สิ่งที่เห็นก็ทำให้หัวใจของเธอไม่ต้องการรับฟังใดๆ อีกแล้ว 

ภาพตรงหน้ามันกำลังค่อยๆ ตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินมาคือความจริง ปราณกันต์นอกใจเธอ เขามีคนอื่นแล้วจริงๆ

“กินรี!” 

ปราณกันต์ถลาเข้ามารับร่างบอบบางที่วันนี้ดูอ่อนแอมากเป็นพิเศษก่อนที่จะทรุดลงไปกองกับพื้น เขาไม่ได้หน้ามืดตามัวจนไม่รู้ไม่เห็นว่าวันนี้เกิดสิ่งใดขึ้นที่โรงพยาบาล ปราณกันต์หันหน้าหนีน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นทางจนดวงตาที่เคยสดใสงดงามของภรรยาแดงก่ำ 

“อย่าร้องเลยนะ ผมไม่ดีเอง ผมขอโทษ”

แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ถึงเขาจะอยากทำอย่างนั้นใจแทบขาด แต่ต่อให้กู่ร้องก้องฟ้าจนคอแตกทุกอย่างก็ยังคงเลวร้ายแบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง

ปราณกันต์ดึงร่างบางของภรรยาเข้ามาสวมกอดโดยไม่ได้ห่วงความรู้สึกของผู้หญิงที่พามาด้วย เขาอยากปลอบโยนแก้วกินรี อยากให้เธอรู้สึกดีขึ้นสักนิด สักนิดหนึ่งก็ยังดี แต่เสียงร้องไห้โฮที่เปล่งออกมาราวกับเจ้าตัวคลุ้มคลั่งก็พอจะบอกได้ว่ามันไม่ช่วยอะไรเลย

“ด่าผม ตีผม หรือจะฆ่าผมก็ได้ อย่าทำแบบนี้เลย อย่าร้องไห้แบบนี้” 

ใจเขาจะขาดแล้ว เขาจะทำยังไงดี ปราณกันต์ร้องไห้ออกมาตามภรรยา น้ำตาของเขาหยดลงบนศีรษะคนที่แต่งงานกันมาสี่ปี เธอคือคนที่เขารัก คือคนที่เขาตั้งใจจะใช้ชีวิตด้วยไปจนวันตาย แต่ทำไม ทำไมต้องเกิดเรื่องบ้าบอนี่ขึ้นด้วย

“หมอกันฉันรู้สึกเวียนหัว โอ้กกก” 

กานมณีทาบมือบนอกแล้วทรุดตัวลงหันหน้าไปโก่งคออาเจียนตรงหน้าบ้านที่เป็นเรือนหอของคู่รักแห่งปีของโรงพยาบาล

“กาน!” 

ถึงไม่อยากปล่อยมือจากภรรยาแต่เขาก็ปล่อยปละละเลยผู้หญิงอีกคนไม่ได้ ภาพของเด็กชายห้าขวบถูกผลักจนล้ม มือทั้งสองข้างถูไปกับพื้นถนนคอนกรีตจนเลือดไหลรินผุดขึ้นมาในมโนสำนึก

ถึงเขาจะไม่ได้รักกานมณีแต่เธอก็กำลังท้อง...

ปราณกันต์หันหลังไปมองกานมณีปและหันกลับมามองภรรยาที่ร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดอย่างละล้าละลัง ให้ตายเถอะ เขาต้องทำยังไง

“หมอกันช่วยกานด้วย” เสียงอ่อนระโหยโรยแรงเหมือนมีดที่ตวัดเข้ามาตัดสายสัมพันธ์สี่ปีของสามีภรรยาให้ขาดผึง

“ผมขอโทษนะกินรี ผมขอไปดูกานเขาหน่อย” 

ไปแค่แป๊บเดียวเท่านั้น!

ปราณกันต์ช้อนอุ้มร่างบอบบางของภรรยาไปวางลงบนโซฟา ค่อยๆ ปล่อยมือจากภรรยาให้ร่างไร้เรี่ยวแรงนอนลงบนนั้น แล้วก้าวออกไปประคองผู้หญิงอีกคนที่กำลังอ่อนแอเพราะตั้งครรภ์อ่อนๆ อย่างลำบากใจ ถ้าเลือกได้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ชายหนุ่มขอให้สัตย์สาบานว่าจะไม่มีทางปล่อยให้ภรรยาต้องอยู่ในสภาพนี้ โดยไม่รู้เลยว่าแค่แป๊บเดียวของเขาเปรียบดั่งคมมีดที่กรีดลงบนหัวใจของภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะนั่นเสมือนเป็นคำตอบว่าเขาเลือกแล้ว

“อ๊ากกก!” 

แก้วกินรีกรีดร้องออกมาสุดเสียงกับภาพตรงหน้า และนั่นคือภาพสุดท้ายที่เธอได้เห็นก่อนความเจ็บปวดมากเกินทนไหวจะพรากสติของเธอไป

 

ปราณกันต์รู้สึกขมขื่นจนเจ็บร้าวในทรวงอกเมื่อนึกถึงอดีต วันที่เขาตัดสินใจผิดพลาดอย่างรุนแรง กินรีไม่รู้หรอกว่าหลังจากเธอหมดสติไป หัวใจของผู้ชายคนนี้ก็ด้านชาไปพร้อมๆ กับเธอแล้ว ตอนที่ตัดสินใจพากานมณีมาที่บ้านเขาเพียงอยากจะสารภาพทุกอย่างกับภรรยาด้วยตนเอง อยากบอกเธอถึงความจริงที่เกิดขึ้น อยากให้เธอรู้ความจริงจากปากเขา หลังจากนั้นก็สุดแล้วแต่เธอจะตัดสินใจ 

หากเธอเลือกให้เขาตาย เขาก็จะตาย หากเธอเลือกให้โอกาสเขาอีกครั้ง เขาก็จะใช้โอกาสนี้ชดใช้ให้เธออย่างสุดหัวใจ แต่ทุกอย่างมันอลหม่านไปหมด เขาไม่มีโอกาสได้พูด เพราะทันทีที่ฟื้นขึ้นมาเธอก็ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะหย่ากับเขา เธอไม่ฟังอะไรทั้งนั้นและไม่ยินยอมให้เขาและกานมณีเหยียบเข้ามาในบ้านอีกแม้แต่ก้าวเดียว

เขาไม่โทษเธอหรอกที่ทำเช่นนั้น เพราะหากเป็นเขาก็คงรับมันไม่ได้ เขาเพิ่งมาคิดได้หลังจากนั้นว่าสิ่งที่ไม่ควรทำที่สุดคือการพากานมณีไปที่บ้าน ไปในพื้นที่ที่มีแค่แก้วกินรีคนเดียวที่มีสิทธิ์

ปราณกันต์ละสายตาจากถนนมาที่อดีตภรรยา หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยอ่อนหวาน งดงาม แต่ตอนนี้กำลังตีหน้ายักษ์ขมูขีราวกับอยากจะเผาผลาญเขาให้เป็นจุณในพริบตา...

เขาทำเกินไปแล้วใช่ไหม

ปราณกันต์ถามตัวเองขณะขับรถต่อไปตามถนนที่การจราจรเริ่มหนาแน่น แก้วกินรีและแก้วกัลยาคือภรรยาและลูกของเขา แก้วตาดวงใจที่เขาควรถนอมไว้บนฝ่ามือราวเพชรล้ำค่า แต่เขากลับดึงดันพาพวกเธอมาไม่ต่างจากโจรโฉดเถื่อน เพียงเพราะกลัวว่าพวกเขาจะหลุดมือไปอีกเหมือนเหตุการณ์เมื่อหนึ่งปีก่อน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะค่ำคืนนั้นค่ำคืนเดียว...

วันนั้นปราณกันต์ลงเวรเร็วกว่าปกติเพราะเป็นวันศุกร์ คนไข้นัดน้อยที่สุดในสัปดาห์ จึงถือเป็นวันผ่อนคลายสำหรับแพทย์ที่งานรัดตัวทุกวันแน่นเอี้ยดตั้งแต่เช้าจดเย็น บางทียังลากยาวข้ามวันเพราะควบเวรดึกอยู่วอร์ด 

เขาถอดเสื้อกาวน์แล้วพาดไว้กับไม้แขวนเสื้อ พับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นมาข้างละสามทบ ปลดเนกไทและกระดุมคอสองเม็ด วันนี้เขามีนัดกับเพื่อนหมอด้วยกันว่าจะไปสังสรรค์ในงานปาร์ตีสละโสดของนายแพทย์ปิติ กุมารแพทย์รุ่นพี่ที่ยื่นคำขาดว่า ใครไม่ไปจะเลิกคบและไม่มีการยอมขึ้นเวรแทนไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม จึงไม่มีใครกล้าไม่ว่างในคืนนี้ แม้แต่คนที่ไม่ค่อยเที่ยวกลางคืนเช่นเขาก็ไม่ละเว้น

ในแผนกใครบ้างไม่รู้ว่าคนขยันขึ้นเวรที่สุดคือปิติ หากพี่ปิติคว่ำบาตรใครคนนั้นก็คือผู้โชคร้ายแห่งปี เขาไม่อยากจะเป็นคนนั้นเพราะยังมีโปรแกรมพาภรรยาไปฮันนีมูนรอบสามรอบสี่รอบห้าอยู่

ปราณกันต์หยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาก่อนจะต่อสายไปหาภรรยาเพื่อรายงานตัว

“ยังไม่ไปกันอีกเหรอคะ” 

เสียงหวานหยดดังมาตามสาย เรียกรอยยิ้มกว้างให้ริมฝีปากปราณกันต์

เขาถูกยื่นคำขาดให้ไป ขณะที่ภรรยาของเขากลับถูกยื่นคำขาดให้ขึ้นเวร โดยให้เหตุผลว่าปาร์ตีสละโสดต้องปลอดมนุษย์เมีย ใครเอาเมียไปด้วยคว่ำบาตรถาวร

“กำลังจะไปแล้ว คืนนี้คงโดนให้ดื่มจนเมาแน่ ลงเวรแล้วรีบไปรับผมที่ร้านนะ กลัวเมาแล้วเละเทะ อยากกอดเมียไม่อยากกอดพนักงานเสิร์ฟ”

“ค่ะ ยังไงก็อย่าดื่มเยอะนะคะ คุณยิ่งดื่มไม่เก่งอยู่” ปลายสายแก้มร้อนผ่าวจนแดงก่ำ 

“รับทราบครับคุณเมีย เย็นนี้อยู่คนเดียวอย่าลืมกินข้าวนะ เป็นห่วง”

“รับทราบค่ะคุณสามี ทำตัวดีๆ นะคะ ถ้าจับได้ว่าแอบแต๊ะอั๋งสาวเสิร์ฟ คุณโดนดีแน่”

“ไม่ให้จับได้แน่นอน”

“รอแป๊บหนึ่งนะคะ ฉันไปด้วยดีกว่า”

“ห้านาที รอที่ลานจอด”

“ฉันได้โดนฆ่าปาดคอสิคะ หนีเวร” 

เสียงหัวเราะกังวานใสดังผ่านสายมา ทำให้ปราณกันต์พลอยหัวเราะไปด้วย

“อย่าลืมมารับผมนะ วันนี้เมาแน่ๆ” ปราณกันต์กำชับอย่างกังวล

“ทราบแล้วค่ะ ขับรถดีๆ นะ”

“ครับ” 

ปราณกันต์วางสายจากภรรยาด้วยหัวใจพองโต แต่งงานกันมาสามปีกว่าเกือบสี่ปีในอีกเพียงไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ความรักที่พวกเขามีให้กันมีแต่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ แม้จะเจอหน้ากันแทบตลอดเวลาเพราะทำงานที่เดียวกัน แผนกเดียวกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคของชีวิตคู่หรือทำให้ต่างคนต่างเบื่อคู่ชีวิตของตัวเอง กลับยิ่งทำให้ความผูกพันแน่นแฟ้นขึ้นทุกวัน

“พร้อมยังหมอกัน” ปิติผลักประตู ชะโงกหน้าเข้ามาถาม

“ครับพี่”

“งั้นก็ไป” 

พวกเขามาถึงร้านในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม อย่างที่รู้ๆ กันว่าการจราจรในกรุงเทพฯ อัมพาตสนิท งานที่โรงพยาบาลน้อยในวันนี้แต่บนท้องถนนกลับมีรถเยอะที่สุด ต่างคนต่างบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ บ้างเดินไปสงบสติอารมณ์ด้วยการสูบบุหรี่เงียบๆ บ้างก็เดินเข้าร้านไปหาเบียร์เย็นๆ ดับอารมณ์แ

ปราณกันต์ดึงกุญแจรถโยนไปให้ปิติผู้เป็นเจ้าของรถ เขาไม่ขับรถตัวเองมาเพราะต้องการให้ภรรยาขับมารับหลังลงเวร ไม่อยากให้เธอต้องเหนื่อยแม้แต่น้อยในการเดินไปโบกแท็กซี่ เลยถูกใช้เป็นสารถีจำเป็นซึ่งเขาก็ไม่ขัด ถือเป็นโบนัสให้แพทย์รุ่นพี่คืนสละโสด 

“ไม่เข้าไปรึไง” ปิติรับกุญแจมายัดใส่กระเป๋าแล้วถามเมื่อเห็นแพทย์รุ่นน้องล้วงโทรศัพท์ออกมา

ปราณกันต์ยิ้มแล้วชูมือถือซึ่งปรากฏไลน์ภรรยาบนหน้าจอ

“รายงานผู้บังคับบัญชาก่อนครับ พี่เข้าไปก่อนเลย”

“เข้าเกียร์มัวตลอดเลยนะ โอเคๆ ไม่พูดเยอะเดี๋ยวเข้าตัว” 

“เข้าเกียร์ไว้ปลอดภัยครับพี่” 

ปราณกันต์ตะโกนไล่หลังว่าที่เจ้าบ่าวที่แซวเขาเรื่อง ‘เกียร์มัว กลัวเมีย’ เขาไม่ได้ปฏิเสธเพราะความจริงก็อย่างที่เห็นๆ นายแพทย์ปราณกันต์เข้าเกียร์ไว้ป้องกันความปลอดภัยตลอดเวลา

 

สามีที่รัก : ผมมาถึงร้านแล้ว รถโคตรติดเลย กินข้าวรึยัง

ภรรยาสุดที่รัก : กินแล้วค่ะ น้องกานมาช่วยเลยได้กินไว

สามีที่รัก : กานมณีน่ะเหรอ วันนี้ไม่ใช่เวรเขานี่

ภรรยาสุดที่รัก : ค่ะ น้องออกเวรเลตเลยช่วยก่อนลงเวร จะว่าไปน้องกานนี่ก็นิสัยน่ารักมากเลยนะคะ

สามีที่รัก : ผมกลับรู้สึกว่าเขาแปลกๆ ยิ่งตอนเราอยู่ด้วยกัน นี่คงไม่ใช่เขาหลงรักเมียผมหรอกนะ

ภรรยาสุดที่รัก : บ้าบอ น้องกานเป็นผู้หญิงนะคะ

สามีที่รัก : เมียผมสวยขนาดนี้ เชื่อสิผู้หญิงที่ไหนก็อิจฉา

ภรรยาสุดที่รัก : มีแต่คุณแหละที่เห็นว่าสวย ไม่เอ ไม่คุยกับคุณละ คนไข้ห้อง ๕๑๑ เครื่องดัง

สามีสุดที่รัก : สติกเกอร์บราวน์จับโคนีกดจูบ รูปหัวใจขยับปิ๊งๆ

ภรรยาสุดที่รัก : สติกเกอร์โคนีแล็บลิ้นปลิ้นตา

 

“พี่สองคนรักกันดีจังเลยนะคะ” 

“แค่ภาพที่เห็นเท่านั้นแหละ ความจริงพวกพี่ทะเลาะกันบ่อยจะตาย หมอกันน่ะชอบแกล้งพี่ที่สุดเลย” 

“พี่กินรีเชื่อในความรักของผู้ชายจริงๆ ไหมคะ พี่เชื่อไหมคะว่าในโลกนี้มีความรักนิรันดร์”

“อืม...พี่ไม่รู้ว่ามีไหมความรักนิรันดร์ แต่พี่ก็เชื่อนะ ถ้าในโลกนี้มีวิธีพิสูจน์หรือเครื่องมือที่สามารถพิสูจน์ความรักได้ก็ดีสิเนาะ”

“ถึงไม่มีเครื่องมือแต่ก็มีวิธีนะคะ”

“ฮื้อ...วิธีอะไร”

“วิธี...” กานมณีกวักมือให้รุ่นพี่พยาบาลก้มศีรษะลงมาหา เธอป้องปากแล้วกระซิบแผ่วเบา “ผู้หญิง”

“ไม่มั้ง แบบนั้นพิสูจน์ได้ด้วยเหรอ”

“ได้สิคะ ถ้าผู้ชายของเรารักเราจริง เขาต้องไม่หวั่นไหวไปกับผู้หญิงคนอื่น พี่กินรีลองเอาไปใช้ดูสิคะ”

“ไม่เอาดีกว่า พี่ว่าพี่เชื่อใจหมอกันเขาได้ อย่าเสี่ยงทำอะไรที่จะทำให้รู้สึกไม่ดีต่อกันเลย เออ...กานจะลงเวรเลยก็ได้นะ พวกพี่มีกันตั้งหลายคน”

“ได้ค่ะ” กานมณีพนมมือไหว้พยาบาลรุ่นพี่และลงเวรไป

แก้วกินรีทำงานของตนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งส่งเวรต่อเรียบร้อยก็ไปขึ้นรถเพื่อไปรับสามีกลับบ้านด้วยกัน ขณะกำลังสตาร์ตรถ จู่ๆ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ตะโกนเรียกให้เธอลดกระจกลง

“มีอะไรคะ” แก้วกินรีชะโงกหน้าออกไปถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่พอจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดี

“ยางของคุณหมอแบนครับ ล้อหลัง”

“จริงเหรอคะ” แก้วกินรีรีบผลักประตูลงไปดู ซึ่งก็จริงตามนั้นล้อหลังข้างซ้ายแบนจนติดพื้น “จริงด้วย ทำไมแบนได้ล่ะนี่”

“คุณหมอมีล้อสำรองกับเครื่องมือไหมครับ เดี๋ยวผมช่วย” 

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอาสาอย่างใจดี อีกอย่างเวลาเที่ยงคืนกว่าอย่างนี้เขาไม่มีงานอื่นให้ทำอยู่แล้วนอกจากเดินสำรวจความเรียบร้อย

“มีค่ะ งั้นก็รบกวนพี่ด้วยนะคะ”

แก้วกินรีค้นหาอุปกรณ์ภายในรถที่เธอก็ไม่ค่อยรู้ว่าอยู่ไหน กว่าจะเจอก็ปาเข้าไปหลายนาทีและเนื่องจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรูปร่างค่อนข้างอวบจึงเคลื่อนไหวไม่ค่อยคล่องแคล่ว กว่ารถของเธอจะกลับมาพร้อมใช้งานเวลาถึงล่วงเข้าสู่ตีหนึ่งห้านาที

แก้วกินรีรีบบึ่งรถไปที่ร้านอาหารกึ่งบาร์ซึ่งจำได้ว่าร้านปิดตอนตีสอง แต่พอไปถึงกลับพบว่ากลุ่มแพทย์ที่มาปาร์ตีสละโสดกลับกันไปหมดแล้ว ก่อนที่เธอจะมาถึงแค่สิบกว่านาที เธอจึงขับรถเก๋งคันกะทัดรัดกลับบ้านตามลำพัง

 

“เมียจ๋า จะถึงบ้านรึยัง ผมเวียนหัว” 

ปราณกันต์เอนศีรษะไปซบไหล่บอบบางเพราะเมามากจนโงหัวไม่ขึ้น

“ใกล้แล้วค่ะ หรือคุณอยากจะแวะพักก่อนไหม ฉันเห็นข้างหน้ามีโรงแรมด้วย”

“กินรี...” ปราณกันต์พยายามลืมตากว้างๆ เพราะได้ยินเสียงหวานๆ มาหลายรอบแต่ก็ยังรู้สึกไม่คุ้นหูกับเสียงภรรยาในตอนนี้ แต่เขาก็มองใบหน้าไม่ชัดเอาเสียเลย “คุณจริงๆ ใช่ไหมกินรี”

“คุณให้ฉันมารับเองนะคะ ยังส่งสติกเกอร์บราวน์จูบโคนีมาด้วย ยังจะเป็นใครได้”

“นั่นสินะ เมียจ๋างั้นเราเปลี่ยนบรรยากาศกันไหม ผมนั่งรถต่อไม่ไหวแล้ว อยากอ้วก”

“ได้สิคะ งั้นฉันเลี้ยวเข้าโรงแรมเลยนะ” 

“วันนี้เมียพี่ใจดีจัง” ปราณกันต์กดจมูกกับซอกคอภรรยา แล้วก็พยายามเพ่งตามองอีกครั้งเมื่อกลิ่นตัวภรรยาไม่คุ้นเคย “เมียจ๋าเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เมื่อเย็นคนไข้สั่งมาเลยขอให้ช่วยลอง กลิ่นน่าจะติดตัวมา คุณนี่จมูกดีจังเลยนะคะ”

“หาว่าผมเป็นหมาเหรอ” หางเสียงยานคางแบบน้อยใจภรรยาที่ยอกย้อน

“ฮ่าๆๆๆ เปล่านะคะ คุณพูดเองทั้งนั้น”

“ปากเก่ง เดี๋ยวจะจูบให้ขาดอากาศหายใจเลย”

“ใครกลัว” 

เจ้าของเสียงหวานท้าทาย คนเมาจึงตวัดปลายลิ้นเลียใบหูจนขนลุกไปทั้งตัว

“ถึงแล้วใช่ไหม” 

ปราณกันต์ถามขึ้นเมื่ออาการเวียนไปเวียนมาหยุดลงเพราะรถจอดสนิท เจ้าของเสียงหวานลงจากรถอ้อมมาเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ

“ถึงแล้วค่ะ ลงมาสิคะ”

“ทำไมผมไม่คุ้นเสียงคุณเลยวันนี้”

“ดึกแล้วนะคะ แถมวันนี้ควงเวรตั้งแต่เช้ามืดยันดึกดื่นข้ามคืนจะให้เสียงฉันหวานเหมือนทุกวันไม่ได้นะคะที่รัก” 

“นับวันยิ่งเถียงเก่งนะเรา ดี...คืนนี้จะได้จัดเมียเหมือนไม่ใช่เมีย” ปราณกันต์ขำจนใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำ

“ค่ะ เมียไม่ใช่เมีย” 

คนที่รู้ความนัยอยู่คนเดียวฉีกยิ้มมุมปากก่อนจะก้มลงช่วยประคองร่างสูงให้ลุกออกจากรถ เธอไม่ต้องเปิดประตูเองเพราะมีพนักงานคอยวิ่งบริการไว้อยู่แล้ว ซ้ำยังปรี่เข้ามาช่วยประคองร่างสูงในอ้อมแขนเธอด้วย

“นั่งนี่ก่อนนะคะ ฉันขอไปเคลียร์เรื่องห้องกับพนักงานแป๊บหนึ่ง” เธอจัดท่าให้เขานอนลงบนเตียง ก่อนจะช่วยยกขาทั้งสองข้างตามขึ้นไป

“รีบมานะจ๊ะเมียจ๋า”

“ค่ะ ฉันจะรีบที่สุด” แล้วเสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ค่อยๆ ห่างออกไปจนเงียบกริบ

หญิงสาวเดินออกมาจากห้องแล้วดันประตูปิดเพื่อกั้นเสียงที่อาจจะเล็ดลอดเข้าไปถึงหูคนในห้อง ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้หญิงสาวอีกคนที่รออยู่ดูจำนวนเงินที่เธอโอนเข้าบัญชีให้

“ค่าจ้างจ่ายเรียบร้อย จำไว้นะ ห้ามพูดห้ามส่งเสียง ถ้าเขาพูดอะไรก็ไม่ต้องตอบ ทำหน้าที่ให้เสร็จแล้วโทร. หาฉัน”

“ค่ะ” หญิงสาวในชุดเสื้อผ้าน้อยชิ้น สาวไซด์ไลน์ที่รับงานตามคำสั่งผู้ว่าจ้างรับคำ แล้วเดินเข้าไปในห้องแทนที่หญิงสาวที่มองตามด้วยสายตาหมายมาด

รักแท้ไม่มีในโลก รักนิรันดร์เหรอ เรื่องไร้สาระทั้งสิ้น คอยดูเถอะว่าจากนี้ยังจะหวานชื่นกันได้อีกไหม!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น