4

งดเยี่ยมแต่ไม่งดร่วม

งดเยี่ยมแต่ไม่งดร่วม

 

เพียะ!

“สารเลว! คงไม่ต้องถามนะว่าทำไมถึงโดนตบ!” 

แก้วกินรีโกรธจนตัวสั่น มืออีกข้างถูกยกมากุมมือที่ตวัดใส่ใบหน้าทั้งหนาทั้งทนของคนสารเลวตรงหน้า ใบหน้าแดงก่ำไม่แตกต่างจากริมฝีปากที่ถูกคุกคามจนบวมเจ่อ

ปราณกันต์ใช้นิ้วโป้งตวัดเช็ดมุมปากที่มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย ปลายลิ้นดุนกระพุ้งแก้มที่เกิดจากการถูกฟันคมกัดลงบนเนื้อตนเองจนเป็นแผล

“คงไม่ต้องถามนะว่าทำไมถึงโดนจูบ และกำลังจะโดนอีกรอบ...” 

เพียะ!

ครั้งแรกนั้นเธอพลาดเพราะไม่ทันตั้งตัว แต่ครั้งนี้แก้วกินรีไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นซ้ำรอยได้อีก ฝ่ามือที่ยังชาจากการใช้แรงไปเต็มกำลังก่อนหน้านี้สะบัดไปบนซีกหน้าข้างเดิมอีกครั้งเต็มแรง เพื่อหยุดความบ้าระห่ำของปราณกันต์ที่จะเข้ามารวบตัวเธออีกรอบ

“ไสหัวไปซะ ที่นี่ไม่มีใครต้องการคุณ ออกไป!” 

แก้วกินรีฝืนชี้นิ้วสั่นเทาไปยังประตู กดน้ำเสียงให้หนักแน่นแต่ไม่ดังจนรบกวนการนอนของแก้วกัลยา เธอไม่ได้ให้ความสำคัญแก่คนสารเลวอย่างปราณกันต์มากไปกว่าแก้วตาดวงใจอย่างลูก

“อย่ามาสั่งผม ตอนนี้ผมจะไม่ยอมให้คุณตัดสินใจอะไรคนเดียวอีก ผมจะไม่ยอมรับการตัดสินใจที่ตัดผมออกนอกวงจรชีวิตคุณอีก มันจะไม่มีหนที่สองอีกแล้ว”

“นี่คุณจะทำอะไร...” 

แก้วกินรีกระชากเสียงถามเมื่อถูกแขนแกร่งรวบเอวบางพร้อมกับออกแรงลากเธอไปทางห้องน้ำ

“งดเยี่ยมแต่ไม่งดร่วม วันนี้ผมจะร่วมกับคุณทำให้ความสัมพันธ์เรากลับมาเหมือนเมื่อหนึ่งปีก่อน”

“นี่อย่าคิดอะไรบ้าๆ นะ ฉันไม่ใช่แก้วกินรีคนเดิม ผู้หญิงโง่ๆ ที่เคยเป็นภรรยาของคุณ ฉันจะแจ้งความ ฉันจะให้ตำรวจมาลากคอคุณเข้าตะรางจริงๆ ด้วย” 

“งั้นคุณก็ต้องมีหลักฐานแน่นหนาเพื่อเอาผิดผมด้วย ผมจะช่วยสร้างทั้งหลักฐานทางกายและพยานบุคคล แต่คุณต้องจำไว้อย่างนะตอนตำรวจสอบปากคำ...ระวังคำพูดคุณให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นการขืนใจจะกลายเป็นสมยอม อย่างมือนี่...” ปราณกันต์ตะครุบมือเล็กที่ยกขึ้นข่วนอกเขาให้แนบไปกับความร้อนผ่าวของผิวเนื้อภายใต้เนื้อผ้า “มือคุณไม่ได้หงายแต่คว่ำ มือคุณไม่ได้กำลังผลักไสแต่ลูบคลำ เป็นอาการของการยอมรับไม่ได้ปฏิเสธ”

“หน้าด้าน! สารเลว!”

“เลิกด่า เลิกโวยวาย แล้วหัดใช้สมองคิดไตร่ตรองดีๆ ที่ผ่านมาอารมณ์ร้อนของคุณทำให้อะไรๆ พังทลายไปเท่าไหร่แล้ว ใช่ ที่ปีก่อนเป็นผมที่ผิดต่อคุณ แต่ถ้าตอนนั้นคุณไม่ใจร้อนตัดขาดจากกันจนไม่เห็นแม้แต่เงา คุณจะรู้ว่า...”

“เลิกพูดเรื่องงี่เง่าไร้ค่าสำหรับความทรงจำของฉันสักที ตอนนี้ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณ ไม่ใช่ผู้หญิงของคุณ หากความต้องการทางเพศมันจุกขึ้นมาจนทนไม่ไหวก็รีบไสหัวกลับไปหาเมียที่บ้าน อย่ามายุ่งกับฉัน!”

แก้วกินรีไม่ฟังให้จบเลย เธอไม่เปิดโอกาสให้เขาได้อธิบายว่านอกจากเธอเขาไม่เคยมีเมียคนอื่นอีก เขาไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น ทุกอย่างเป็นเพียงการจัดฉากทำให้เข้าใจผิดจากผู้หญิงขี้อิจฉา ขาดความรักจนทนเห็นใครมีความรักไม่ได้ ต้องการทำลาย ต้องการสร้างความร้าวฉานเพื่อพิสูจน์ว่ารักแท้ไม่มีอยู่จริง โดยใช้จุดอ่อนเรื่องที่พวกเขาอยากมีลูกามาเป็นเครื่องมือเพราะรู้ว่าผู้ชายอย่างเขาไม่มีทางทำร้ายลูก แม้จะเกิดจากความผิดพลาดก็ตาม

ในเมื่อแก้วกินรีไม่อยากฟัง ปราณกันต์ก็ไม่คิดขยายความอะไรต่อ เธอไม่อยากรู้ก็ไม่ต้องรู้ ถึงยังไงเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว เสียใจหรือก็เสียไปแล้ว ความสัมพันธ์หรือก็พังจนไม่เหลือชิ้นดีแล้วเช่นกัน ทุกอย่างย้อนคืนมาไม่ได้อีก จะเหลือก็เพียงแต่อนาคตที่จากนี้เขาจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ ทำให้ครอบครัวที่เขาเคยฝันถึงเป็นจริงอีกครั้ง 

“มีเมียอยู่ตรงหน้าทั้งคนยังจะต้องไปไหนอีก”

“ฉันไม่ใช่เมียคุณ!”

“เดี๋ยวก็ใช่อีกครั้ง”

“ปราณกันต์!”

“มานี่!” 

ปราณกันต์ตวัดร่างบางขึ้นอุ้มพาเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับปิดประตูให้เหลือเพียงช่องเล็กๆ พอให้มองเห็นแก้วกัลยาบนเตียงได้ เขาวางร่างบางให้นั่งลงบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า เลื่อนฝ่ามือขึ้นไปประคองท้ายทอยบังคับให้ใบหน้างดงามแหงนเงยขึ้นรับจุมพิตอันร้อนแรง

ด่าเถอะ ด่าเขาได้เลยแก้วกินรี แต่หนนี้เขาจะไม่ยอมให้เธอตัดขาดจากกันได้อีก ก่อนหน้านี้เพราะไม่รู้ว่าพวกเขามีแก้วกัลยาด้วยกัน จึงคิดว่าปล่อยเธอไปให้มีชีวิตใหม่ เธออยากหย่าเขาเซ็นให้ เธออยากหนีหายไปเขาก็ไม่รังควาน เพราะคิดว่าเขาผิดเอง เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นจากเขาเอง แต่ตอนนี้เขารู้แล้วและไม่ยินยอมให้เธอเขี่ยเขาออกจากชีวิตได้อีก 

เธอไม่รู้หรอกว่าตลอดเวลาหนึ่งปีมานี้เขาจมอยู่กับความเจ็บปวด อ้างว้าง โดดเดี่ยว ต่อให้คิดถึงเธอแค่ไหนก็ไม่กล้าตามหา เพราะคิดว่าตัวเองไม่คู่ควร ไม่สมควรจะยืนเคียงข้างเธออีก 

ทว่าตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขามีแก้วกัลยาที่ต้องช่วยกันรับผิดชอบ มีแก้วตาดวงใจที่เฝ้ารอมาอย่างเนิ่นนาน เขาไม่อาจปล่อยเธอไปตามทางของตนเองโดยไม่มีเขาได้อีกแล้ว

โป๊ก!

แก้วกินรีผู้ถูกรุกรานและไม่รู้ถึงความคิดของคนกระทำควานมือจนคว้าที่วางสบู่มาได้ เธอตัดสินใจส่งมันไปสัมผัสศีรษะคนกระทำอุกอาจเต็มแรง อย่างไม่ลังเลหรือกังวลแม้แต่น้อยว่าอาจส่งผลร้ายแรงเช่นอีกฝ่ายอาจตายได้!

“โอ๊ย!” 

ปราณกันต์ร้องลั่นชะงักงัน ร่างสูงเซถอยไปด้านหลัง น้ำข้นเหนียวอุ่นวาบค่อยๆ ไหลจากหน้าผากด้านซ้ายลงมาตามแก้ม ความเจ็บปวดกระจายไปจนทั่วศีรษะในเวลาอันรวดเร็ว 

“ออกไป!”

แก้วกินรีตวาดพร้อมกับผลักร่างสูงไปชิดผนังอีกด้าน ไม่สนใจเลือดสีแดงสดที่กำลังไหลลงมาเพราะฝีมือตนเอง คนชั่วอย่างปราณกันต์สมควรแล้วที่จะต้องโดน นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ มือข้างที่ยังถือที่วางสบู่กำแน่นพร้อมที่จะฟาดไปบนศีรษะเขาอีกครา หากว่ายังไม่ยอมออกไปตามคำสั่ง

“กินรี...” 

“กินรี!” 

เกล้าเศียรรีบผลักประตูห้องแล้ววิ่งเข้ามาดูเพราะได้ยินเสียงตวาดของแก้วกินรี หลังจากต้องเสียเวลากลับไปขอกุญแจห้องจากพยาบาลหน้าเคาน์เตอร์

“แง้! แงๆ” เด็กน้อยที่ได้ยินเสียงตวาดของมารดาเปล่งเสียงร้องทันที

“เจ้ายา!” แก้วกินรีไม่สนใจสองหนุ่มที่คนหนึ่งกุมศีรษะห้ามเลือดพร้อมกับทอดสายตามองเธออย่างเจ็บปวด และอีกคนหนึ่งที่วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นห่วงจับใจ เธอถลาออกจากห้องน้ำไปหาลูกน้อยที่สะอื้นฮักบนเตียง ช้อนร่างเล็กขึ้นมาแนบอก “โอ๋ๆ หม่ามี้มาแล้ว ไม่ร้องนะคะ หม่ามี้อยู่นี่แล้ว”

“เกิดอะไรขึ้นหมอกัน” 

เกล้าเศียรถามเสียงเครียด เขาไม่คิดว่าเกิดเรื่องดีขึ้นอย่างแน่นอนไม่เช่นนั้นปราณกันต์ไม่อยู่ในสภาพนี้แน่

“ไม่ใช่เรื่องของนาย” 

ปราณกันต์ตอบเสียงห้วน เรื่องระหว่างแก้วกินรีกับเขาไม่ใช่เรื่องที่เกล้าเศียรจะต้องเข้ามาวุ่นวาย พูดจบก็เดินไปดึงกระดาษทิชชูหน้ากระจกออกมากำใหญ่ กดบาดแผลบนศีรษะเพื่อห้ามเลือด ท่าทางไม่คณาต่อความเจ็บ ขณะที่ก้าวผ่านเกล้าเศียรมาหาสองคนแม่ลูกที่เตียงผู้ป่วยก็ไม่ลืมใช้สายตาถ่ายทอดความเป็นปฏิปักษ์ให้อีกฝ่ายรู้ว่า เหตุการณ์ก่อนหน้าได้สร้างความไม่พอใจให้เขาอย่างมาก ก่อนจะหย่อนกายลงนั่งบนโซฟา

ปราณกันต์ไม่พอใจเขา... มันชัดเจนมาก แต่แล้วไง นาทีนี้หมอนั่นมีสิทธิ์อะไรที่จะแสดงออกมาแบบนั้น

“มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับกินรี คุณบอกผมได้เลยนะ”

ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นคือความอยุติธรรม เกล้าเศียรจะไม่รั้งรอใดๆ ที่จะช่วยเธอเอาผิดคนกระทำอย่างถึงที่สุด เขาเดินตามออกมาจดจ้องปราณกันต์ผู้กลบเกลื่อนพิรุธไม่มิด เลือดบนศีรษะก็ไหลลงจนชุดปลอดเชื้อสีม่วงด่างเป็นดวงๆ

“ผมว่าหมอกันไปทำแผลดีกว่าไหม เลือดคุณออกไม่ใช่น้อยเลย หรือจะให้ผมเรียกตำรวจ ไม่ใช่สิ เรียกพยาบาลให้ไหม” 

เกล้าเศียรออกตัวอย่างหวังดี เขาไม่ได้เป็นห่วงว่าเลือดอีกฝ่ายจะออกจนหมดตัว แต่กำลังประชดอย่างรุนแรงต่างหาก 

ปราณกันต์ตวัดดวงตาไปมองอย่างเยือกเย็น...

“ไม่ต้องมายุ่ง นายนั่นแหละออกไป นี่ลูกเมียฉัน ฉันดูแลเองได้” อย่ามาทำเป็นหวังดีหน่อยเลย จุดประสงค์ที่แท้จริงกระจ่างชัดในดวงตาโดยที่ไม่ต้องพูดออกมาสักคำ เขาดูออกมาตั้งนานแล้วว่าเกล้าเศียรคิดไม่ซื่อกับแก้วกินรีตั้งแต่ยังไม่แต่งงานกัน แอบมีความรู้สึกดีๆ ให้มาตลอดเจ็ดปี และอย่าคิดว่าเขาไม่รู้ ที่ย้ายโรงพยาบาลตามมาก็เพราะคิดว่าจะสามารถช่วยให้เจอแก้วกินรีได้

“ใครเขาเป็นลูกเมียของคุณ พูดให้มันดีๆ นะ” 

ช่วยเอาเขาไปให้พ้นหน้าฉันที...แก้วกินรีอยากตวาดออกไปแบบนี้จริงๆ ถ้าไม่ติดว่าเกล้าเศียรไม่ใช่คนที่เธอจะสามารถดึงเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องตามแต่ใจได้

แววตาเกลียดชังที่ถ่ายทอดออกมาจากดวงตาแก้วกินรีอย่างไม่ปิดปังทำให้ปราณกันต์จุกในหัวใจ ผิดกับเกล้าเศียรที่รู้สึกว่าเขามาถูกทาง เขาควรยื่นมือเข้าไปช่วยแก้วกินรี

“นั่นสิครับ หมอกันน่าจะลืมอะไรไปหรือเปล่าว่าคุณหย่ากับกินรีแล้ว ตอนนี้คุณไม่ได้เป็นอะไรกับเธอ แม้แต่แพทย์เจ้าของไข้ ไม่ว่าจะในฐานะหมอหรือฐานะอดีตสามี คุณควรจะให้เกียรติเธอมากกว่านี้” 

ในฐานะแพทย์เจ้าของไข้เกล้าเศียรคิดว่าตนเองมีสิทธิ์ที่จะปกป้องคนไข้ของตนเอง ปราณกันต์ต่างหากที่สมควรออกไป ไม่ใช่เขา 

“นั่นก็เป็นเรื่องของฉันกับกินรี นายไม่เกี่ยว”

“คุณต่างหากที่ไม่เกี่ยว หมอเกล้าเป็นแพทย์เจ้าของไข้ของแก้วกัลยาและเป็นเพื่อนของฉัน” 

แก้วกินรีจงใจเน้นสถานะที่เธอมอบให้เกล้าเศียรในแบบที่ปราณกันต์ไม่มีทางได้รับ และจงใจเน้นสถานะของเขาเพื่อให้อีกฝ่ายจำขึ้นใจ

‘เพื่อนของฉัน’

เป็นครั้งแรกที่เกล้าเศียรรู้สึกดีกับคำนี้ เพราะมันทำให้เขารู้สึกเป็นครั้งแรกว่าตนเองมีความสำคัญกับแก้วกินรีมากกว่าปราณกันต์

รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนเรียวปากแพทย์หนุ่ม ความหวังที่ดับมืดมาเนิ่นนานเหมือนจะเริ่มเห็นแสงสว่าง เหตุการณ์เมื่อหนึ่งปีก่อนได้ทำให้แก้วกินรีตัดเยื่อใยกับปราณกันต์แล้วจริงๆ แม้จะมีหนูน้อยแก้วกัลยา...ช่างเถอะ เขาไม่นึกรังเกียจเลยสักนิด ขอแค่เป็นสิ่งที่แก้วกินรีรัก เขาก็พร้อมจะรักด้วยหมดหัวใจ

“หมอเกล้าคะ ฉันขอใช้สิทธิ์คนไข้ช่วยเชิญหมอปราณกันต์ออกไปจากห้องได้ไหมคะ ลูกสาวของฉันต้องการพักผ่อน” แก้วกินรีตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากเกล้าเศียร

“ดะ...”

“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น” 

ปราณกันต์โพล่งออกมาก่อนที่เกล้าเศียรจะทันได้พูดจนจบ แล้วเอนหลังไปพิงพนักโซฟา ยืนยันเจตนารมณ์ว่าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น เขาตั้งใจแล้วว่าจะด้านและจะด้านให้ถึงที่สุด ใครมีปัญหาาก็ลองเข้ามาดูสิ

แก้วกินรีมองอากัปกิริยานั้นอย่างโกรธเคือง ปราณกันต์คิดจะทำอะไร เขาคิดจะสร้างปัญหาและความยุ่งยากให้เธอ หรือคิดจะประสานรอยร้าวที่มันแหลกละเอียดไปแล้วอย่างนั้นจริงๆ น่ะหรือ

“หมอเกล้าคะ ดิฉันขอเปลี่ยนห้องค่ะ” 

ในเมื่อเขาอยากปักหลักอยู่ที่นี่ เช่นนั้นเธอจะไปเอง ไม่ว่าเขาจะคิดทำอะไร สิ่งที่เขาคิดจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ 

“ได้ครับ ผม...”

“ถ้าคิดว่านั่นคือทางออกก็เชิญ” 

ถ้าคิดจะหนีอีกครั้งไม่ใช่เรื่องฉลาดเลยนะ เพราะครั้งนี้คนอย่างปราณกันต์จะตามติดไม่ลดละ ไม่ว่าที่นี่หรือที่ไหนเขาพร้อมจะเกาะติดเธอไม่ต่างจากวิญญาณที่คอยตามหลอกหลอน

“เช่นนั้นคุณหมอปราณกันต์จะเอายังไงคะ ถึงจะปล่อยให้ฉันกับลูกได้พักผ่อน” แก้วกินรีหมดความอดทนแล้วเช่นกัน เธอหันมาประจันหน้ากับเขาอย่างท้าทาย

“ผมจะดูแลแก้วกัลยาเอง เจ้ายาเป็นคนไข้ของผมตั้งแต่ต้น ผมไม่อนุมัติให้เปลี่ยนแพทย์”

“ถ้าทำแบบนั้นคุณจะออกไปจากห้องทันทีใช่ไหม”

“ใช่”

“ได้ค่ะ ดิฉันจะไม่เปลี่ยนแพทย์ เชิญคุณหมอปราณกันต์ออกไปได้แล้ว” เรื่องง่ายๆแค่นี้ แก้วกินรีตอบไปอย่างหนักแน่น เขาอยากเป็นเจ้าของไข้นักก็ตามใจ เป็นไปเลย แต่คนไข้ยังจะอยู่ให้ตรวจอยู่ไหมนั่นก็เป็นอีกเรื่อง

“เกล้าเศียรต้องออกไปกับผมด้วย” ปราณกันต์ยังคงใช้สายตาเช่นเดิมกับเกล้าเศียร

“ผม...”

“รบกวนหมอเกล้าแล้ว ขอบคุณมากนะคะที่สละเวลามาดูแลเราสองคนแม่ลูก ฉันจะจดจำไว้ไม่ลืมเลยค่ะ”

“งั้นผมจะมาเยี่ยมใหม่” เขารู้ว่าที่แก้วกินรีทำเช่นนี้ก็เพราะไม่ต้องการให้ปราณกันต์อยู่ต่อ ถึงจะอยากอยู่ต่อแค่ไหนก็จำต้องตัดใจ เขาหยิบนามบัตรในกระเป๋าเสื้อกาวน์ที่มักพกติดตัวไว้เสมอเผื่อคนไข้ต้องการออกมาวางไว้บนที่นอน “มีอะไรโทร.หาผมได้ตลอดเวลาเลยนะกินรี อย่าได้เกรงใจ” 

“ขอบคุณค่ะ” 

แก้วกินรีอยากจะพูดมากกว่านั้นอีกนิดว่า ขอบคุณมากๆ คืนนี้เธอมีเรื่องต้องขอความช่วยเหลือจากเขา แต่ก็ตอบได้เพียงสั้นๆ เพราะปราณกันต์มองอยู่

“เชิญหมอกันครับ” 

เกล้าเศียรเข้ามาช่วยกินรีจากสายตานั้น เขาผายมือเชิญปราณกันต์ให้ออกไปด้วยกัน แต่อีกฝ่ายกลับมองมือของคนที่เพิ่งให้นามบัตรแก่อดีตภรรยานิ่งๆ ก่อนจะมองขึ้นมาที่ใบหน้า และเลยไปยังแก้วกินรี

“หมอของคุณคือผม มีอะไรโทร. หาผมได้คนเดียวเท่านั้น เบอร์ผมยังเป็นเบอร์เดิมที่คุณจำขึ้นใจ”

ปราณกันต์เดินเข้าไปคว้านามบัตรของเกล้าเศียรมาขยำเป็นก้อนในกำมือ แล้วก้าวนำเจ้าของนามบัตรออกไปจากห้องเพื่อให้คนไข้ได้พักผ่อนอย่างที่ญาติต้องการ แต่เขาเพียงก้าวออกไปจากห้องเท่านั้นไม่ได้ก้าวออกไปจากชีวิต นับจากนี้แก้วกินรีเตรียมรับการก้าวกลับเข้ามาของเขาให้ดีๆ เถอะ เขาจะไม่เดินแต่จะพุ่งเป็นดาวหางชนโลกทีเดียว

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น