14

บทที่ 14


 

14

อัยย์ศยากลับมาทำงานเป็นปกติ ปกปิดรอยช้ำบนใบหน้าที่ยังทิ้งรอยจางๆ ด้วยเครื่องสำอางชั้นดี ความระทมทุกข์ในใจนั้นเธอเลือกจะกดข่มมันไว้ ปล่อยให้มันกลัดหนองอยู่แต่ภายใน ไม่ต้องการให้ใครสมเพชเวทนาเธอไปมากกว่านี้

“พี่ไหม คิดถึงจังเลย” พิมพ์พราวร้องทักพลางยิ้มร่าเข้ามาเมื่อเห็นอัยย์ศยา

“พักนี้พี่ไหมป่วยบ่อยจังนะคะ ดูแลตัวเองบ้างนะพี่ มีอะไรให้โบช่วยบอกได้นะคะ พวกเราเป็นห่วงนะ” กมลพรบอกอย่างห่วงใย

“นั่นสิคะ พี่ไหม” อารดายื่นหน้ามาสำรวจใบหน้าที่ยังดูอิดโรยของหัวหน้าสาวแล้วถอนใจ “น่าจะลาไปพักร้อนบ้างนะคะพี่ ใช้บ้างหรือเปล่าวันลาน่ะ”

อัยย์ศยาหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึก ฟังสามสาวผลัดกันแสดงความห่วงใยและเล่าเรื่องราวต่างๆ ตลอดเวลาที่เธอไม่อยู่ให้ฟัง ทั้งปัญหาเรื่องงาน ปัญหากับลูกค้า หรือเพื่อนร่วมงานจากฝ่ายอื่นๆ

“พอเถอะจ้ะสาวๆ เอาเป็นว่าพี่ขอโทษที่หนีงานไปหลายวัน วันนี้พี่จะตอบแทนด้วยการเลี้ยงชาบูตอนเลิกงานเป็นไง”

“ว้าว!” พิมพ์พราวทำท่าปลื้มปริ่ม “ดีค่ะพี่ไหม นี่พราวเพิ่งหายเจ็บปาก สมควรได้รับสารอาหารเข้าไปหล่อเลี้ยงชั้นคอลลาเจนที่ขาดหายไปหลายวัน”

“ดีค่ะ ไม่ได้กินข้าวกับพี่ไหมตั้งนานแล้ว ช่วงนี้คุณอิฐก็ติดคุณพลอยยังกะตังเม พี่ไหมรีบฉวยโอกาสนี้ไปกินชาบูกับพวกเราดีที่สุด” อารดาพูดอย่างออกรสแล้วหัวเราะคิกคักที่ได้นินทาเจ้านายเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้สังเกตสีหน้าของอัยย์ศยาที่เจื่อนลง ซึ่งเจ้าตัวกลบด้วยรอยยิ้มละมุนในวินาทีต่อมา

เสียงพูดคุยแย่งกันเลือกร้านชาบูสำหรับมื้อเย็นดังจากสามสาวและอัยย์ศยาที่นานๆ ทีจะออกความเห็นกับเขาพลันเงียบเสียงลงราวกับใครปิดสวิตช์เมื่อขุนพลเดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงาน ต่างคนต่างหันไปจ้องคอมพิวเตอร์และสนใจงานของตัวเองทันที อัยย์ศยาข่มอารมณ์แล้วเงยหน้าขึ้นไปส่งยิ้ม ค้อมศีรษะให้ขุนพลเล็กน้อย

“เข้าไปพบผมในห้องด้วยครับ คุณไหม”

หญิงสาวแอบกัดริมฝีปาก ที่ผ่านมาเธอสามารถแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ดีในระดับหนึ่ง แต่วันนี้เธอพบว่ามันยาก จนถูกสามสาวหันมามองอย่างสงสัยว่าทำไมเธอไม่ลุกจากเก้าอี้ไปพบเจ้านายเสียที อัยย์ศยาเห็นดังนั้นจึงยิ้มและลุกขึ้นทั้งที่แข้งขาอ่อนแรง หัวใจบีบอัดหนักหน่วง ก่อนเปิดประตูห้องเข้าไป

ขุนพลนั่งรออยู่บนเก้าอี้ หญิงสาวเดินไปหยุดในท่ารอรับคำสั่ง สบตาเขาแวบเดียวแล้วหลุบตามองมือตัวเอง

“คุณสัญญาว่าจะทายาให้ผมจนกว่ามือผมจะหาย”

อัยย์ศยาใจเต้นรัว น่าโมโหนัก เขาหน้าด้านเกินกว่าที่เธอจะทน หญิงสาวกัดริมฝีปากแล้วเลือกไม่ตอบโต้ ครู่ต่อมาชายหนุ่มก็พูดขึ้นมาอีก

“เมื่อวานคุณก็ไม่ได้ลางาน” มันเป็นข้อกล่าวอ้างที่ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงนุ่มทุ้มชวนฟัง แต่หญิงสาวกลับตอบไปด้วยน้ำเสียงเฉยเมยยิ่งนัก

“คุณอิฐตัดเงินเดือนไหมไปได้เลยค่ะ” อัยย์ศยาไม่มองหน้าเขาสักนิด เบือนหน้าไปทางอื่น สะกดอารมณ์ตัวเองให้นิ่ง ได้ยินเสียงเขาขยับตัว เห็นจากหางตารู้ว่าร่างสูงในสูทแบรนด์ดังมาหยุดยืนพิงขอบโต๊ะ

“คุณจะให้ผมตัดเท่าไหร่”

“แล้วแต่คุณอิฐจะเห็นสมควรค่ะ” เธอสวนทันควันด้วยน้ำเสียงเย็นชา ยังคงไม่เหลือบแลเขาดังเดิม

“คืนนั้นคุณไปไหนมา”

“ไหมจะไม่ตอบคำถามที่ไม่ใช่เรื่องงาน” หญิงสาวพยายามข่มอารมณ์ ความอดทนใกล้จะหมดสิ้น เห็นทีถ้าขุนพลยังตอแยเธอด้วยเรื่องบ้าบอที่เขาจงใจทำขึ้นนั้นเธอคงจะอยู่ไม่ไหวเป็นแน่

“เราเป็นอะไรกัน”

คำถามนั้นทำเอาหญิงสาวตวัดสายตาเยียบเย็นขึ้นมองเขาแล้วกดยิ้มเพียงเล็กน้อยใส่ดวงตาคมขลับที่จ้องเธอนิ่งๆ อัยย์ศยาเห็นอะไรบางอย่างในนั้น ความหวาดกลัวของขุนพลที่เขาเริ่มปิดมันไม่มิดเหมือนกัน

“ไหมเป็นเลขาฯ คุณอิฐค่ะ และไหมจะไม่พูดเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณอิฐกับใครก็ตาม ที่ไหมผลีผลามออกจากคอนโดคุณโดยไม่ได้เอ่ยลา ไม่ได้ขอบคุณที่คุณให้ความช่วยเหลือไหม สมกับเป็นเจ้านายที่ดี ไหมขอโทษถ้าคุณขุ่นเคืองใจ”

“ไหม ผมไม่ได้ตั้งใจ”

“คุณอิฐยังไม่มีภรรยา จะมีความสัมพันธ์ทางกายหรือใจกับใครก็ได้ นั่นไม่เกี่ยวกับไหม ไหมแค่ตกใจเท่านั้น” เธอย้ำ

“ไหม” ชายหนุ่มเรียกชื่อเธอด้วยเสียงลากยาว ทำหน้าอ่อนใจระคนร้อนรน

“นั่นมันบ้านของคุณ คุณจะทำอะไรตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น ไหมไม่มีสิทธิ์ไปโกรธอะไรคุณ ไม่ต้องกลัวว่าไหมจะเอาเรื่องของคุณไปโพนทะนา ไหมไม่ใช่คนปากพล่อย”

“ผมรู้ครับ แต่คุณโกรธผม”

หญิงสาวคลี่ยิ้มให้เขา แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ขุนพลใจคอปั่นป่วน เขามองหน้าอัยย์ศยาแล้วเอื้อมมือไปจับข้อมือเรียว แต่หญิงสาวสะบัดออกเหมือนรังเกียจ นั่นทำให้เขาใจหาย

“ไหม” ขุนพลตวัดตาขึ้นมองใบหน้าสวยที่เรียบตึงและเย็นชา เขาไม่เคยง้อใคร มันไม่ใช่นิสัยของเขา และอัยย์ศยาต่างหากที่เป็นฝ่ายยอมให้เขามาตลอดทุกเรื่องไม่ว่าจะผิดมาก ผิดน้อย แต่ครั้งนี้เธอเชิดหน้าน้อยๆ อย่างถือดีทำให้ขุนพลเริ่มถูกโทสะที่คลุกเคล้าด้วยความน้อยใจไหลบ่าท่วมตัว “คุณรังเกียจผมเหรอ”

“กรุณาอย่าล่วงเกินไหมค่ะ คุณเปรมพลอยเธออาจจะยอม เพราะเธอกำลังจะเป็นว่าที่ภรรยาของคุณ แต่ไหมไม่ยอม คุณอิฐจะมาทำรุ่มร่าม ทำหมาหยอกไก่กับไหมไม่ได้”

“ทำไม แค่คุณเห็นผมกับคุณพลอยคืนนั้น คุณก็เลย...” ขุนพลหัวเสีย เขาคิดจะสงบอารมณ์ด้วยการคว้าร่างบอบบางมาสวมกอดแล้วขอโทษให้อัยย์ศยาใจเย็น แต่แค่เขาขยับตัว หญิงสาวก็ถอยห่างอย่างระวังทันที “ไหม”

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ไหมขอตัวนะคะ”

“ไหม” ขุนพลคว้าตัวคนที่ตั้งท่าจะเดินหนีเอาไว้ในทันที อัยย์ศยาดิ้นรนสะบัดเขาออก แต่แรงผู้หญิงหรือจะสู้แรงผู้ชายตัวโตได้ ในที่สุดหญิงสาวก็หยุดนิ่งอยู่ในอ้อมกอด

ขุนพลอยากจะขอโอกาส แต่ในชีวิตนี้เกิดมาไม่เคยขอร้องใคร ในขณะที่เขากำลังใช้เวลาปั้นแต่งคำพูด อัยย์ศยาก็เป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน

“คุณอิฐจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ต่อไปถ้าคุณมาแตะต้องตัวไหมอีกแม้แต่ปลายนิ้ว ไหมจะลาออก”

ขุนพลคลายอ้อมแขนในทันที แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน

อัยย์ศยาสะบัดตัว ปรับสีหน้าเป็นเรียบเฉย จัดแต่งเสื้อผ้าให้เข้าที่ แล้วหันหลังเดินออกไปจากห้องทำงาน ทิ้งให้ขุนพลยืนข่มใจตัวเองไม่ให้อาละวาดเหมือนทุกครั้ง

ชายหนุ่มกำมือแน่นแล้วทุบลงไปตรงตำแหน่งหัวใจเหมือนจะไล่ความเจ็บปวดให้เบาบางลง

 

กันย์ณิตาได้รับความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ จากเพื่อนในวงการพริตตี ให้หญิงสาวได้ขึ้นไปเป็นพิธีกรที่ห้างสรรพสินค้าหรูแห่งหนึ่ง ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแบรนด์ใหม่ล่าสุดที่เปรมพลอยนำเข้าจากฝรั่งเศส

หญิงสาวขึ้นไปทำหน้าที่พิธีกรบนเวทีด้วยชุดสีครีมปักเลื่อมวับแวม แต่งแต้มใบหน้าและทรงผมโดยช่างฝีมือดี ทำให้หญิงสาวโดดเด่นไม่แพ้พรีเซนเตอร์ที่ถูกเชิญมาสัมภาษณ์บนเวทีเลยทีเดียว

ในงานเดียวกัน สรรทิษนั่งตาค้างอยู่บนเก้าอี้วีไอพีด้านหน้าเวที ใจเต้นโครมครามกับเซอร์ไพรส์ตรงหน้า เขาจดจำหญิงสาวได้แม่น เขาเคยเจอกันย์ณิตาที่สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งแห่งหนึ่งซึ่งหญิงสาวไปร่วมทำกิจกรรมที่เพื่อนๆ ของเขาจัดขึ้น ความน่ารัก เฉลียวฉลาดของเธอทำให้เขาใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก และไม่กี่วันต่อมาเขาก็พบเธอโดยบังเอิญที่ร้านขนมหวานสไตล์เกาหลียอดนิยม ด้วยความดีใจเขาเป็นฝ่ายเข้าไปขอนั่งรับประทานขนมโต๊ะเดียวกับกันย์ณิตา แต่เธอไม่ยอม แม้แต่เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่ให้

เวลานี้ยิ่งเห็นกันย์ณิตาที่ดูสวยสง่า อ่อนหวานไปทั้งเนื้อทั้งตัวมายืนตรงหน้า ใจยิ่งเต้นไม่เป็นส่ำ หญิงสาวทำหน้าที่พิธีกรได้ดีไม่แพ้มืออาชีพ ชายหนุ่มเก็บอาการตื่นเต้นไว้แทบไม่มิดตอนที่เธอปรายตามองมาเห็นเขากับแพรนันท์ สรรทิษรู้สึกร้อนวูบไปทั้งตัว เขาขยับตัวออกห่างแพรนันท์ ค่อยๆ ปลดมือที่เกาะแขนเขาออกอย่างอึดอัด ทำเป็นไม่เห็นสายตาขุ่นมัวที่เหลือบมอง พอจบงานสรรทิษก็หาข้ออ้างไปห้องน้ำเพื่อปลีกตัวจากแพรนันท์ หมายจะไปดักพบกันย์ณิตาที่แยกตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ

ชายหนุ่มยืนกระวนกระวาย ใจคอไม่เป็นสุขอยู่บนทางเดินบริเวณห้องน้ำ จนกระทั่งกันย์ณิตาเดินออกมาในชุดเดรสสีพื้นแต่ยังคงแต่งหน้าและทำผมแบบเดิม

“เอิง!” ชายหนุ่มปรี่เข้าไปคว้าแขนอีกฝ่ายไว้เหมือนกลัวเธอจะโกรธ แต่หญิงสาวกลับยิ้มให้แล้วยื้อแขนกลับอย่างไว้ตัว “เอ่อ...คุณเสร็จงานหรือยังครับ เราไปกินของหวานกันไหม”

หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วปล่อยเสียงหัวเราะออกมา “เอิงไม่ชอบเป็นของเล่นไฮโซ! ขอตัวค่ะ”

“เอิงครับ” สรรทิษทำเสียงเว้าวอน คิ้วเข้มแทบจะผูกเป็นโบ พอเห็นหญิงสาวตั้งท่าจะเดินหนี มือใหญ่จึงรั้งแขนเรียวไว้มั่น กลัวจะไม่มีโอกาสพบกันย์ณิตาอีก “ผมโตแล้วนะครับ ไม่เล่นของเล่นแล้ว”

“อย่ามาพูดมากกับเอิงค่ะคุณซัน ปล่อยมือเอิง ไม่งั้นเอิงจะร้องให้ลั่นห้าง ให้แฟนคุณได้ยินแล้ววิ่งมาฉีกอกคุณ” กันย์ณิตาแกล้งขู่ แต่สรรทิษกลับยิ้มยั่ว

ยิ่งมองใบหน้าสวยนวลเนียนหัวใจก็ยิ่งเต้นเร่า เขาไม่เคยเป็นพวกเจ้าชู้ไก่แจ้ ตั้งแต่โตมาก็คบหาผู้หญิงไม่กี่คนเพราะมีข้อจำกัดเรื่องเวลาที่พ่อกับแม่ของเขาหยิบยื่นให้ จนเข้ามหาวิทยาลัยก็คบหากับแพรนันท์จนมีความสัมพันธ์กัน สรรทิษไม่รู้ว่าความรักของเขากับแพรนันท์มันจบลงไปตอนไหน ตอนนี้เขารู้แค่ว่ากันย์ณิตากำลังทำให้เขากล้าแลกกับอะไรก็ได้ เพียงได้เป็นเจ้าของเธอ

“ก็ร้องสิครับ จะได้รู้ว่าผมแคร์คุณมากกว่าใคร” ชายหนุ่มท้าทายกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ลดใบหน้าลงมาอยู่ในระดับเดียวกับใบหูหญิงสาว “ให้ผมไปส่งคุณนะ” พูดจบสรรทิษก็หัวเราะเบาๆ เป็นการประกาศว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ ก่อนตวัดปลายจมูกหอมแก้มเธออย่างรวดเร็วแล้วยืดตัวขึ้น อาศัยจังหวะที่หญิงสาวกำลังเหลอ ลากข้อมือเธอให้ออกไปยังลานจอดรถ

 

ที่ลานจอดรถ ทิวเมธชะงักเท้าแทบไม่ทัน เมื่อเห็นสรรทิษหน้าแดงซ่านพร้อมรอยยิ้มสว่างสดใสกำลังปิดประตูรถด้านซ้ายให้หญิงสาวที่มองเห็นไกลๆ ก็ยังรู้ว่าสวยจัด ทิวเมธมองตามจนรถของหลานชายสุดหล่อแล่นออกจากลานจอดโดยมีหญิงสาวคนนั้นนั่งไปด้วย เขาหัวเราะออกมาด้วยอารมณ์ก้ำกึ่งระหว่างเอ็นดูหลานตัวเองที่เห็นหงิมๆ แต่กลับออกลายตั้งแต่ยังไม่ทันแต่งงานกับปลงสังเวชในชีวิตรักที่ไร้ความจีรัง...มีรัก ย่อมมีเบื่อ

ชายหนุ่มทรุดนั่งลงบนเบาะ ความคิดของเขาหยุดอยู่ที่อัยย์ศยา ตั้งแต่วันนั้นเขายังไม่มีโอกาสได้พบเธอ แม้ชายหนุ่มจะเพียรส่งข้อความหรือโทร. ไปหาบ้าง แต่อัยย์ศยาก็ยังเว้นระยะห่างไว้ดังเดิม เธอยังยืนยันว่าอยากคบเขาในฐานะเพื่อน ซึ่งชายหนุ่มก็ยินดี เขายังมีเวลาสำหรับการรอคอยและเพียรพยายามอีกมาก ชายหนุ่มหัวเราะตอนที่เขาส่งข้อความไปหาอัยย์ศยา เพิ่งรู้ว่าความรักที่ไม่หวังอะไรเลยนั้นไม่มีอยู่จริง แม้แต่ตัวเขาเองที่บอกตัวเองว่าไม่เป็นอะไร แต่เอาเข้าจริงๆ เขาก็ยังเต็มไปด้วยความหวัง

ทิวเมธขับรถออกไปเช่นกัน ถ้าเขาจะเหลียวหลังมองสักนิดก็คงรู้ว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่เห็นสรรทิษกับผู้หญิงคนใหม่นั่งรถออกไปด้วยกัน แต่ยังมีนนนลิน เลขาฯ จอมสอพลอของเปรมพลอยได้ลอบถ่ายภาพของทั้งคู่เอาไว้ด้วย

 

ร่างเพรียวระหงในชุดนักศึกษาที่เดินผ่านร่มไม้ใหญ่มาอย่างไม่รีบร้อนหยุดชะงัก เมื่อเห็นใครบางคนในชุดเดรสแบรนด์หรูก้าวลงจากรถสีขาวที่จอดอยู่ริมทางเท้า

เปรมพลอยดึงแว่นกันแดดอันโตออกจากใบหน้าแล้วยิ้มให้เธอ กันย์ณิตาใจเต้นแรงขึ้น ด้วยไม่คาดคิดว่าจะพบเปรมพลอยที่มหาวิทยาลัย

“ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับเธอ เรื่องหลานชายของฉัน ขึ้นรถสิ”

กันย์ณิตาไม่ไว้ใจเปรมพลอย แต่ชื่อของสรรทิษทำให้เธอไม่อาจแกล้งทำเป็นเมินเฉยได้ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะเข้าหาเขาเพื่อทำให้แพรนันท์เจ็บใจเล่นเท่านั้น แต่สุดท้ายกันย์ณิตากลับเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำลงไปในกับดักรักที่เธอสร้างขึ้นเสียเอง เธอประมาทใจคนเกินไป แม้แต่ใจของเธอเอง

จากความแค้นค่อยๆ ถูกสิ่งดีๆ ที่ชายหนุ่มมีให้หลอมละลายจนกลายเป็นความรักในช่วงเวลาไม่ถึงสองเดือน แม้ว่ากันย์ณิตาจะพยายามป่ายปีนขึ้นมายืนบนปากหลุมดังเดิม แต่สุดท้ายเธอก็ถูกเขาดึงลงไปยืนอยู่ก้นหลุมด้วยกันจนได้ ความจริงใจ ความเป็นสุภาพบุรุษ และเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตของเขาที่เธอได้รับรู้ กลับทำให้กันย์ณิตายิ่งรักและเห็นใจสรรทิษมากขึ้นทุกที

“พูดตรงนี้ก็ได้ค่ะ”

คนฟังหัวเราะเบาๆ “เห็นจะไม่เหมาะ ขึ้นรถสิ ถ้าไม่อยากให้ฉันบอกความจริงกับตาซัน”

กันย์ณิตาลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเธอก็ยอมเดินขึ้นไปนั่งในรถคันหรู ปล่อยให้เปรมพลอยขับรถพาเธอพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัยโดยไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดจากริมฝีปากที่เคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีสด เธอไม่รู้ว่าดวงตาภายใต้แว่นดำอันโตนั้นกำลังส่องประกายอะไรออกมา รู้แต่ตอนนี้ เธอกำลังเสียใจจนร้าวรานหากว่า...สรรทิษจะรู้ความจริงแล้วหายไปจากชีวิตของเธอ

เมื่อมีรัก สิ่งที่จะตามมาคือความเห็นแก่ตัว ถ้าเอาชนะมันไม่ได้ก็ต้องกลายเป็นเหยื่อของความรัก

ในที่สุดเปรมพลอยก็เลี้ยวรถเข้าสู่ซอยแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างเงียบสงบร่มรื่นและไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรผ่าน ก่อนจะถอดแว่นดำออกแล้วเริ่มพูดในสิ่งที่ต้องการ เริ่มจากเรื่องที่เปรมพลอยใช้ให้นนนลินไปสืบมาจนได้ความว่าคนที่เป็นเมียน้อยปรนัยไม่น่าใช่อัยย์ศยา

“เธอใช่ไหมที่เป็นเมียน้อยของคุณต่อ” คนถูกถามไม่ได้ตอบ แต่ม่านตาที่ขยายขึ้นเล็กน้อยทำให้เปรมพลอยยิ้ม “ไม่ต้องยอมรับก็ได้ ตาซันน่าสงสารนะ เกิดมาพร้อมกับความหวังของแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ต้องเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก ต้องแบกความคาดหวังของพ่อกับตาเอาไว้บนบ่า พอจะมีคนรักก็โชคร้าย ไปคบกับรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยที่แก่กว่าถึงสองปี ก็ตามประสาผู้ชายมีความรับผิดชอบ ได้ผู้หญิงแล้วก็ต้องคบๆ ต่อมา ดีหน่อยตรงที่ครอบครัวฝ่ายหญิงร่ำรวยไม่เบา น่าสงสาร...ถ้าตาซันรู้ว่ากำลังกลายเป็นเหยื่อในเกมล้างแค้นเอาชนะของเธอละก็...”

“ฉันไม่...” กันย์ณิตากำลังจะปฏิเสธ แต่ถูกเปรมพลอยขัดด้วยเสียงหัวเราะ

“อย่าปากแข็งเลยจ้ะ เอิง...ฉันรู้หมดแล้ว” เปรมพลอยถอนใจยาวเหยียด “เรื่องมันซับซ้อน แต่บังเอิญฉันมีบางอย่างอยากให้เธอช่วย”

กันย์ณิตามองหน้าเปรมพลอยนิ่ง จนอีกฝ่ายพูดต่อ

“มันดีกับเธอ แล้วก็ฉัน”

“อะไรคะ”

“เธอไปพบคุณอิฐทำไม ฉันจำได้ว่าเธออยู่กับคุณอิฐในห้องทำงานเขาวันนั้น”

เปรมพลอยจ้องดวงตาคู่สวยที่วับวาวฉายแววฉลาดเป็นกรดของกันย์ณิตา เพราะวันนั้นเธอหึงหวงขุนพลจนต้องสืบหาว่าผู้หญิงที่อยู่ในห้องทำงานเขาคือใคร แต่มันไม่ง่ายเลย จนกระทั่งได้พบกันย์ณิตาอีกครั้งในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของเธอเอง ภาพถ่ายจากนนนลินทำให้เปรมพลอยสงสัยในตัวกันย์ณิตามากขึ้น และมันก็ช่วยทำให้เธอสืบเรื่องของกันย์ณิตามาจากมอเดลลิงที่เป็นคนจัดหาพริตตีในวันงาน สืบต่อเนื่องไปจนเจออดีตกลุ่มเพื่อนของกันย์ณิตา

จากความหึงหวงที่คิดจะกำจัดเด็กสาวที่มาพัวพันขุนพล กลับทำเธอให้พบความจริงว่า อัยย์ศยาไม่ได้สกปรกตกต่ำอย่างที่เธอดูถูกดูแคลน

“เธอจะร่วมมือกับฉันหรือเปล่า”

“คุณจะให้ฉันทำอะไร”

“เป็นคนใหม่”

“คะ?” กันย์ณิตาเอียงคอมองผู้หญิงที่มากวัยกว่าเธอเกือบสิบปีอย่างระแวดระวัง “หมายความว่ายังไง”

“เริ่มต้นใหม่ อย่าทำให้หลานฉันเสียใจ เลิกคิดจะบอกความจริงกับคุณอิฐ” เปรมพลอยเห็นความลังเลฉายฉาบทั่วใบหน้าสวย แต่เธอเชื่อว่ากันย์ณิตาไม่เหมือนอัยย์ศยา ทั้งฉลาดกว่าและมีความทะเยอทะยานมากกว่า จึงมั่นใจว่าแผนครั้งนี้ต้องสำเร็จ “เชื่อน้าสิจ๊ะ”

เปรมพลอยเปลี่ยนสรรพนามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เอื้อมมือไปลูบเรียวแขนกันย์ณิตาที่ถึงจะฉลาดอย่างไรก็คงไม่เท่าทันคนที่มากประสบการณ์กว่าอย่างเธอ แล้วปั้นยิ้มใส่คนที่ดวงตาไหววูบ

“แค่ปล่อยให้ความลับมันตายไปจากโลกนี้ รู้ไหมว่าตาซันเป็นผู้ชายอ่อนไหว แล้วตอนนี้เท่าที่น้าเห็น เขารักเอิงมากนะ น้าถึงต้องมาเตือนเอิงก่อนไงจ๊ะ ถ้าตาซันเสียใจอาจถึงขั้นฆ่าตัวตายได้เลยนะจ๊ะ”

กันย์ณิตากลอกตาไปมาอย่างสับสน ทำให้เปรมพลอยยิ้มแล้วรุกต้อนต่ออย่างคนที่ถือแต้มเหนือกว่า

“เราไม่ได้ทำอะไรผิด คุณไหมทำถูกแล้วที่รับทุกอย่างเอาไว้คนเดียว ถ้าเอิงถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย ถ้าความจริงปรากฏ ความจริงนั่นจะฆ่าคนได้หลายคนเลยนะเอิง ทั้งป้ากับลุงของเอิงและผู้ชายที่เอิงรัก...เชื่อน้านะเอิง บอกตามตรง น้าพลอยชอบเอิงมากกว่าแฟนเก่าตาซัน...น้ายินดีช่วยเอิงถ้าเอิงร่วมมือกับน้า”

“แค่รักษาความลับเหรอคะ” กันย์ณิตาถามน้ำเสียงเลื่อนลอย

“ช่วยน้าอีกเรื่องเท่านั้น น้าไม่ไว้ใจใครนอกจากเอิง” เธอยิ้มใจดีใส่ดวงตาของคนที่มั่นใจว่าอย่างไรก็อยู่ในกำมือ “ร่วมมือกับน้าคราวนี้ เอิงจะได้แก้แค้นสองแม่ลูกนั่นด้วย”

“ยังไงคะ” กันย์ณิตากระตือรือร้นขึ้นเล็กน้อย

“นัดคุณปรนัยให้น้าหน่อย”

เปรมพลอยยื่นกระดาษใบหนึ่งซึ่งเขียนชื่อโรงแรมและเลขที่ห้องเอาไว้ ก่อนจะขับรถไปส่งกันย์ณิตาที่มหาวิทยาลัยด้วยความมั่นใจว่า แผนการของเธอครั้งนี้จะทำให้เจ้าสัวดิเรกประกาศิตให้ขุนพลแต่งงานกับเธอทันที แต่เปรมพลอยลืมฉุกคิดไปว่า กันย์ณิตาอาจรู้จักปรนัยดีกว่าเธอ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น