0

บทนำ

บทนำ

 

เวลาเที่ยงตรงของวันนั้น อากาศในเมืองกรุงช่างร้อนระอุจากดวงอาทิตย์ที่สาดแสงส่องลงมาโดยที่ไม่มีต้นไม้สักต้นคอยให้ร่มเงา รถยุโรปสีบรอนซ์เงางามสุดหรูกำลังพุ่งทะยานไปตามท้องถนนด้วยความเร็วในระดับหนึ่งเพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทางตามเวลาที่กำหนด แล้วไม่นานนักก็ต้องหยุดนิ่งชะงักกับการจราจรที่แสนจะติดขัด

“เฮ้อ” สารถีหนุ่มถอนหายใจเบาๆ แม้ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกกับการมาเยือนกรุงเทพฯ แล้วต้องเจอปัญหาจราจรติดขัด แต่กระนั้น ‘แดนดิน’ ก็ยังนึกเบื่อหน่ายมันอยู่ดี

ชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้าปีเหลือบมองเจ้านายที่นั่งอยู่บนเบาะหลังผ่านกระจกเป็นระยะ เขาไม่อาจรู้เลยว่าเจ้านายของตนรู้สึกนึกคิดอะไรอยู่ คงเพราะแว่นกันแดดสีดำอันโตปิดบังดวงตาคมดุกร้าวนั่นไว้ ดวงตาที่ไม่ว่าใครได้เห็นเป็นต้องสะท้านไหวกลัวไปตามๆ กัน

“อาจจะไปถึงช้าสักยี่สิบนาทีนะครับคุณเมฆ จากที่ผมลองประเมินระยะทางดูแล้ว” เขากล่าวรายงานเจ้านายหนุ่ม 

“อืม...ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้รีบขนาดนั้น” เจ้าของเสียงทุ้มห้าวตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก 

แดนดินตรวจเอกสารสำคัญที่จะนำไปใช้อย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้งในระหว่างรอรถติด โดยจุดหมายปลายทางที่ว่าก็คือ ‘โรงงานปุณยภักดิ์’ โรงงานขนมรักสุขภาพเลื่องชื่อซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วประเทศ และเจ้านายของเขากำลังเดินทางไปเซ็นสัญญาการค้ากับเจ้าของโรงงานดังกล่าวในวันนี้

“คุณเมฆแน่ใจแล้วใช่ไหมครับว่าจะตกลงเซ็นสัญญาเป็นคู่ค้ากับคุณณรงค์”

“ถ้าไม่แน่ใจแล้วฉันจะถ่อลงมาจากเชียงใหม่ทำซากอะไรเล่า ถามไม่เข้าเรื่องจริงๆ เลยแกเนี่ย”

ลูกน้องคนสนิทหัวเราะแหะๆ ก็เจ้านายของเขาคนนี้ใช่ว่าจะตกลงทำการค้ากับใครง่ายๆ เสียที่ไหน ทั้งบริษัทต่างๆ และพ่อค้าคนกลางรายใหญ่ที่เซ็นสัญญาทำการค้าด้วยก็น้อยจนแทบจะนับคนได้ แต่ละคนล้วนผ่านการคัดกรองแล้วคัดกรองอีก เพราะผลผลิตที่แบ่งไว้สำหรับทำการค้ากับบุคคลอื่นมีเพียงสี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนอีกหกสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือนำส่งออกไปขายทั้งในและต่างประเทศในนามของไร่วรานุกรเอง

“มันก็ดีนี่ ได้เป็นคู่ค้ากับเจ้าของโรงงานขนมยอดฮิตที่ทำกำไรหลักร้อยล้านต่อปี” ริมฝีปากหนารูปกระจับคลี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย

“และแก้แค้นคนที่พยายามจะตัดหน้าไร่ของเราด้วยใช่ไหมครับ” แดนดินต่อให้ด้วยรู้เท่าทันแผนการเบื้องลึกของเจ้านาย

“อย่าเรียกว่าแก้แค้นเลย พวกแมลงหวี่แมลงวันอย่างไร่ของไอ้ปัดไม่มีทางที่จะมาสู้เทียบชั้นไร่ของเราได้ ต่อให้มันพยายามจะเสนอหน้าแย่งคู่ค้าของฉันก็เถอะ”

“แต่ก็ประมาทไม่ได้เลยนะครับ ช่วงสองเดือนที่ผ่านมาไร่พนารักษ์ขยายตัวขึ้นมากทีเดียว”

“ฉันไม่กลัว ถึงไร่มันจะขยายใหญ่อีกสักแค่ไหน แต่ผลผลิตไม่ได้คุณภาพดีเท่าเราก็ไม่มีประโยชน์” 

บุรุษหนุ่มผู้เป็นดั่งราชันปกครองอาณาจักรการเกษตรอย่างไร่วรานุกรไม่มีท่าทีหวั่นกลัวต่อศัตรูคู่แข่งแต่อย่างใด

แดนดินรู้สึกรักและเทิดทูนเจ้านายของตนก็เพราะเหตุนี้ ห้าวหาญ เด็ดขาด มีความเป็นผู้นำ ไม่เคยหวั่นเกรงต่อศัตรูคู่แข่งจึงปกครองคนงานนับหลายร้อยชีวิตได้ 

บางทีเขาก็อดคิดเล่นๆ ไม่ได้ว่า ผู้หญิงแบบไหนกันนะที่จะมาทำให้หัวใจแกร่งดั่งหินผาของผู้ชายที่ชื่อ ‘เมฆา’ ต้องมีอันสั่นคลอน และมีคุณสมบัติเพียบพร้อมคู่ควรแก่การเป็นภรรยาและแม่ของลูก ไม่แน่ว่าหากกลับจากเซ็นสัญญาในคราวนี้ เจ้านายของเขาก็อาจจะพบผู้หญิงคนนั้นแล้วก็เป็นได้

“คุณเมฆครับ ครั้งที่แล้วที่ผมไปดูโรงงานปุณยภักดิ์มา...”

“แล้วยังไง” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อลูกน้องคนสนิทเว้นช่องไฟในการเล่าเสียนาน

“ลูกสาวเจ้าของโรงงานสวยมากๆ เลยนะครับ” 

เมฆาคลายความสงสัยลง หัวเราะในลำคอน้อยๆ พลางสั่นศีรษะ หมั่นไส้ความไม่เจียมตนของไอ้แดนดินที่ริจะทำตัวคล้ายสำนวน ‘กระต่ายหมายจันทร์’

“แกปิ๊งเขาว่างั้นเถอะ เล่นของสูงเกินไปหรือเปล่าหา ไอ้ดิน” 

“โอย ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ผมมีคนรักแล้ว ที่พูดให้คุณเมฆฟังก็เผื่อว่าคุณเมฆจะสนใจ”

“ไม่ละ ชีวิตนี้ฉันเจอผู้หญิงสวยมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ขอบใจที่ยังอุตส่าห์กรุณาหามาให้ดูตัว” เขาประชด

“แต่คนนี้สวยมากเลยนะครับ สวยมากๆ สวยหยาดฟ้ามาดิน ถึงจะไม่แซ่บเบอร์ลืมตามสเปกของคุณเมฆ แต่ก็สวยแบบหวานๆ สวยเหมือนนางฟ้า...” แดนดินพรรณนาความงามของหญิงสาวที่ได้พบเจอเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนด้วยแววตาเคลิ้มฝัน แต่ไม่คิดหวังเล่นของสูง เพียงแค่มองไว้เป็นอาหารตาเท่านั้น

“เวอร์แล้ว เดี๋ยวถ้าฉันเจอตัวจริงแล้วไม่สวยอย่างที่แกว่านะ ฉันจะหักเงินเดือนแกไอ้ดิน”

“ถ้าไม่สวยตามปากของผมว่า ให้หักเลยครับ แต่ถ้าเกิดถูกใจปิ๊งปั๊งสานสัมพันธ์ขึ้นมา คุณเมฆก็เตรียมขึ้นเงินเดือนให้ผมได้เลย ฮ่าๆ”

ไอ้แดนดินจอมงกถึงขั้นยอมเอาเงินเดือนของตัวเองมาวางพนัน คงจะมั่นใจมากว่าเขาต้องถูกตาต้องใจผู้หญิงคนดังกล่าวอย่างแน่นอน 

เมฆาชักอยากรู้...ลูกสาวเจ้าของโรงงานขนมร้อยล้านจะสวยสดงดงามปานนางฟ้าอย่างที่ลูกน้องของเขาได้กล่าวขวัญเอาไว้หรือไม่

 

“พ่อจะรออยู่ที่ห้องทำงาน พอคุณเมฆมาถึง จันทร์ออกไปต้อนรับเขาให้พ่อหน่อยนะ”

“ค่ะ” เสียงหวานน้อมรับคำบัญชาจากบิดาอย่างว่าง่าย เหลือบมองนาฬิกาวินเทจโบราณที่ติดอยู่ข้างฝาผนัง ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ

“จันทร์ว่าแขกของพ่อคงจะมาสายแล้วละค่ะ”

“รถติดน่ะลูก ลูกน้องคุณเมฆเพิ่งจะโทร. บอกพ่อเมื่อกี้ มาสายนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก” ต่อให้ต้องรอนานกว่านี้อีกสักกี่ชั่วโมงเขาก็รอได้ เพราะการติดต่อเจรจาให้อีกฝ่ายมาทำการค้าร่วมกันนั้นไม่ง่ายเลย เขาต้องรอการตอบรับอยู่หลายเดือนจนกระทั่งมีโอกาส และคนอย่างเถ้าแก่ณรงค์จะไม่มีวันยอมเสียมันไปแน่นอน

ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง พนักงานชายคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา

“แขกของเถ้าแก่มาถึงโรงงานแล้วครับ” 

“งั้นเหรอ...โอเค ขอบใจมาก” 

“ครับ” พนักงานค้อมศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินจากไป

“ไปลูก ไปต้อนรับว่าที่คู่ค้าของพ่อแล้วพาเขามาที่นี่ด้วย” เถ้าแก่ณรงค์ยิ้มบาง มอบหน้าที่สำคัญให้บุตรสาวผู้ซึ่งมีอัธยาศัยดีเยี่ยม พูดจาไพเราะอ่อนหวาน เป็นที่ชื่นชมของบรรดาคนรู้จัก โดยเฉพาะคนใหญ่คนโตและพวกคุณหญิงคุณนาย ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้องเอ็นดูลูกสาวคนนี้ของเขา จึงเหมาะแก่การต้อนรับคนสำคัญเพื่อสร้างความประทับใจแรกเริ่ม

ม่านพระจันทร์พยักหน้ารับน้อยๆ ลุกไปเปิดประตูออกจากห้องทำงานของบิดาที่สร้างเอาไว้ในตัวโรงงานสำหรับรับแขก หรือตรวจสอบบัญชีและทำธุรกรรมต่างๆ ส่วนบริษัทนั้นอยู่แยกห่างจากตัวโรงงานหลายร้อยเมตร

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก เพราะภาพตรงหน้าทำเอาเธอเริ่มหายใจติดขัด

บุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่ สง่างามดุจดั่งพญาราชสีห์กำลังเดินย่างกรายเข้ามาในโรงงาน ตามด้วยผู้ติดตามหนึ่งคน รังสีความน่าเกรงขามแผ่ขยายเข้ามาหาตัวเธอเรื่อยๆ จนขนกายลุกชัน

‘เขาช่างน่ากลัวเหลือเกิน’ เธอคิด เหมือนกับพวกมาเฟียในละครหลังข่าว

ม่านพระจันทร์ชั่งใจที่จะเดินออกไปปะทะกับผู้ชายคนนี้ตรงๆ อยู่นานจนต้องหาที่หลบมุมอยู่สักครู่ รอจังหวะที่เขาจะเดินเข้ามาถึง

“แกแน่ใจนะว่าถูกโรงงานแล้ว ฉันไม่เห็นมีใครออกมาต้อนรับพวกเราสักคน ไม่ส่งใครมารับแบบนี้ จะให้เดินหาเจ้าของโรงงานเองหรือ” เมฆาเอ่ยเสียงเย็นชา ถอดแว่นกันแดดของตนออก พลางมองสำรวจไปรอบๆ โรงงานกว้างใหญ่ มีเพียงพนักงานโรงงานที่กำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น

“ใจเย็นๆ ครับคุณเมฆ ผมเคยมาที่โรงงานนี่หนหนึ่งแล้ว ห้องเจ้าของก็อยู่ในตัวโรงงานนี่แหละครับ เพียงแต่น่าจะอยู่ลึกหน่อยเท่านั้นเอง” 

“งั้นฉันจะกลับขึ้นไปรอบนรถ เขาส่งใครมารับก็ค่อยมาตามแล้วกัน เสียอารมณ์ชะมัด” บุรุษหนุ่มสั่นศีรษะ เตรียมจะหันหลังกลับ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียง

“สวัสดีค่ะคุณเมฆา” 

เสียงนั้นหวานนุ่มลึกคล้ายเป็นคาถาสะกดให้เมฆาต้องหันไปหาเจ้าของเสียงอย่างรวดเร็ว เป็นวินาทีสั้นๆ ที่ลมหายใจของเขาสะดุด ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายก็เต้นรัวเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะภาพหญิงสาวตรงหน้า...

เห็นทีคราวนี้ เขาคงต้องขึ้นเงินเดือนให้ไอ้ดินเสียแล้ว

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น