1
แรกพบ สะกดใจ
“ผมยินดีมากครับที่ได้มีโอกาสทำธุรกิจร่วมกับคุณ” เถ้าแก่โรงงานยิ้มอย่างยินดีทันทีที่ปลายปากกาของชายหนุ่มจดลงบนหนังสือสัญญา
“ครับ สิ้นเดือนนี้ผมจะให้ลูกน้องผมจัดคนงานขับรถส่งผลไม้มาที่โรงงานตามข้อตกลงของเรา”
“ผมเคยได้ยินชื่อเสียงของไร่วรานุกรมานานแล้ว เรื่องที่ผลผลิตในไร่คุณภาพดีเยี่ยมโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี”
“จะพูดว่าไม่มีสารเคมีเลยก็ดูจะเป็นการโฆษณาเกินจริงไป ก็มีใช้บ้างครับ เพราะบางวันผลผลิตไม่พอตามที่ตลาดต้องการ แต่ขอยืนยันว่าใช้น้อยที่สุด แต่เราก็มีโซนผักผลไม้ออร์แกนิกที่ไม่ใช้สารเคมีเลย ซึ่งจะรอนานและราคาแพงกว่าโซนธรรมดาทั่วไปครับ ส่วนใหญ่ผักผลไม้พวกนี้ผมก็กินกันเองในครอบครัว แจกจ่ายคนงาน ไม่ก็ส่งขายให้กับผู้นิยมบริโภคอาหารคลีน”
ชายวัยกลางคนถูกใจในความตรงไปตรงมาของคู่ค้าหนุ่มรุ่นลูก การพูดการจาหรือก็ฉะฉาน ช่างสมเป็นนักธุรกิจหัวใจเกษตรจริงๆ จนเขารู้สึกอยากจะสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
“ถ้าไม่รังเกียจ ขอเชิญคุณเมฆกับลูกน้องรับประทานอาหารเที่ยงที่นี่เลยนะครับ”
เมฆาชั่งใจกับคำชวนนั้นอยู่สักครู่...พลันสายตาก็ตวัดไปมองทางหญิงสาวที่นั่งจัดดอกไม้อยู่ตรงมุมโซฟา
นั่นแหละ คือคำตอบของเขา
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนด้วยนะครับ”
“จันทร์ลูก ช่วยไปโทร. สั่งอาหารจากโรงแรมตาเก้ามาที” ณรงค์บอกลูกสาวที่กำลังตัดเล็มก้านดอกกุหลาบใส่แจกัน อีกฝ่ายก็ลุกไปทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
“ลูกสาวคนเดียวของคุณณรงค์เหรอครับ” บุรุษหนุ่มเอ่ยถาม
“โอ้ เปล่าหรอกครับ ผมมีลูกสามคน มีลูกชายคนโตเรียนอยู่ที่อังกฤษ คนเล็กสุดยังเรียนมัธยมอยู่ส่วนลูกคนนี้เป็นลูกคนกลาง”
“งั้นเหรอครับ เธอชื่ออะไร”
ชายหนุ่มหลุดปากถามต่อด้วยความอยากรู้ เถ้าแก่เจ้าของโรงงานทำหน้าประหลาดใจนิดๆ ที่เขาดูเหมือนจะสนอกสนใจในตัวลูกสาวคนนี้เหลือเกิน แต่ก็ตอบออกมาอย่างไม่ลังเล
“ชื่อจันทร์ครับ ชื่อเต็มจริงๆ คือม่านพระจันทร์”
“ม่านพระจันทร์...” เมฆาทวนชื่อของหญิงสาวแผ่วเบา แล้วยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ได้พบเจอกับเธอเป็นครั้งแรก
...
‘สวัสดีค่ะ ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน’ หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวยกกระพุ่มมือไหว้อย่างอ่อนช้อย ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นมา เขาก็ได้ประจักษ์แล้วว่าคำพูดของลูกน้องคนสนิทเป็นจริงทุกประการดวงตากลมโตหวานซึ้งรับกับคิ้วสวยได้รูป เลือดฝาดประดับระเรื่อที่แก้มขาวดูน่ามอง ผมสีดำขลับถักเปียเป็นระเบียบเรียบร้อย ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดเลยคือรอยยิ้มของเธอ
รอยยิ้ม...ที่กระชากหัวใจของเขาให้จดจ่อทุกวินาทีราวกับต้องมนตร์สะกด
แต่เมื่อไล่มองตั้งแต่ศีรษะจดเท้าแล้ว อารมณ์ของชายหนุ่มก็มีอันต้องสะดุด เพราะเธอก็คือแม่ชีดีๆ นี่เอง!
เสื้อสเวตเตอร์แขนยาวลงมาถึงข้อมือและกระโปรงผ้าชีฟองยาวคลุมเข่าล้วนเป็นสีขาว เธอไม่ใส่เครื่องประดับใดๆ นอกจากต่างหูเพชรเม็ดเล็ก ถึงจะไม่แซ่บตามสเปกผู้หญิงที่เขาถูกใจ แต่หญิงสาวก็ดูสวยสะอาดสะอ้านตาอย่างบอกไม่ถูก อารมณ์ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในหัวใจของเมฆาอย่างที่ไม่เคยเกิดกับผู้หญิงคนใดมาก่อน
...
ไม่นานนัก อาหารชั้นเลิศจากโรงแรมระดับห้าดาวซึ่งถูกจัดใส่จานดูน่ารับประทานก็มาเสิร์ฟ แดนดินปฏิเสธการร่วมโต๊ะอาหารกับเจ้านาย แล้วออกมานั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่โซฟาแบบห่างๆ สังเกตการณ์อยู่เงียบๆ พลางนึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ รู้ว่าคนเป็นเจ้านายสนอกสนใจลูกสาวของเถ้าแก่โรงงาน
สุดท้ายแล้วเจ้านายสุดหล่อของเขาก็แพ้พ่ายให้แก่นางฟ้าบนดินตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ
“คุณเลขาฯ คะ น้ำส้มค่ะ ถึงไม่ทานข้าว ดื่มน้ำส้มสักแก้วก็ยังดีนะคะ”
ม่านพระจันทร์ยื่นแก้วน้ำส้มให้ชายหนุ่ม พร้อมกับเรียกเขาอย่างสุภาพว่า ‘คุณเลขา’
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มค้อมศีรษะอย่างนอบน้อม ขณะรับแก้วน้ำส้มมาดื่ม หางตาก็ยังเหลือบไปเห็นสายตาพิฆาตของใครบางคนที่มองมายังเขา
แดนดินหันไปส่งยิ้มแห้งให้เจ้านายที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ สื่อท่าทางเป็นนัยๆ ว่า ‘ผมไม่ยุ่งกับสาวที่คุณเมฆเล็งไว้หรอกครับ’
ม่านพระจันทร์เดินกลับมานั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับบุคคลทั้งสองเช่นเดิม บิดาของเธอและผู้ชายที่ชื่อเมฆาคนนี้ดูจะพูดคุยกันถูกคอนัก ทั้งที่เพิ่งจะเจอกันได้ไม่นาน นับเป็นโชคดีที่ความสัมพันธ์เป็นไปได้โดยราบรื่น
ขณะตักอาหารเข้าปาก ดวงตาของบุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มก็จับจ้องมายังเธออยู่เป็นระยะ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก จนเวลาล่วงเลยผ่านไปสักพักใหญ่
“อ้อ! ได้เวลาแล้วสินะเนี่ย ผมลืมได้ยังไงกัน” ชายวัยกลางคนหัวเราะเบาๆ พลางลุกจากโต๊ะ
“ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ พอดีผมต้องรีบพาภรรยาของผมไปโรงพยาบาล หมอนัดตรวจความดันน่ะครับ”
“เดี๋ยวจันทร์พาแม่ไปเองก็ได้ค่ะ” ม่านพระจันทร์รีบอาสา อยากจะพาตัวเองออกไปจากตรงนี้เหลือเกิน
“ไม่ได้หรอกลูก ลุงปองแกลากลับบ้านที่สกลนคร” พ่อของเธอหมายถึงลุงสมปองซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถประจำบ้าน
“และที่สำคัญลูกก็ยังขับรถไม่เป็น”
คำพูดติดตลกทำเอาบุคคลที่สามหลุดเสียงหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นใบหน้างดงามเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความอาย จึงเก็บกลั้นความรู้สึกขบขันเอาไว้ในใจ
“ลูกอยู่คุยกับคุณเมฆไปพลางๆ ก่อน เสร็จจากพาแม่ไปหาหมอแล้ว พ่อจะแวะเข้ามาที่โรงงานอีกที” เขากำชับกับลูกสาวก่อนจะหันไปบอกลาแขกคนสำคัญ
“ไว้โอกาสหน้าค่อยพบกันใหม่ผมคงต้องขอตัวลาก่อน สวัสดีครับคุณเมฆ”
“สวัสดีครับ” เมฆายกมือไหว้ลาผู้อาวุโสกว่า
ทันทีที่ลับร่างของชายวัยกลางคนแล้ว ชายหนุ่มก็หันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้องตัวแสบออกไปข้างนอก
“เอ่อ...ผมขออนุญาตออกไปคุยโทรศัพท์ด้านนอกสักครู่นะครับคุณเมฆ” เมื่อได้รับสัญญาณ แดนดินจึงรีบทำหน้าที่ลูกน้องดีเด่น โดยปล่อยให้เจ้านายได้มีโอกาสพูดคุยกับหญิงสาวตามลำพัง
สิ้นเสียงประตูถูกปิดลง ความเงียบก็เข้าปกคลุมภายในห้องกว้างทันที อาหารรสเลิศจากโรงแรมห้าดาวจืดเจื่อนลงไปถนัด บิดาของเธอคิดอย่างไรกันถึงได้ให้เธอนั่งคุยกับผู้ชายแสนน่ากลัวคนนี้ แม้หญิงสาวอยากจะชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนดี การอยู่กับเขาเพียงลำพังทำให้ยิ่งเกิดความรู้สึกประหม่ากว่าครั้งแรก
“คุณชื่อจันทร์...ใช่ไหมครับ” บุรุษหนุ่มเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“ใช่ค่ะ” หญิงสาวแย้มยิ้มบางๆ ก้มหน้าลงต่ำด้วยไม่กล้าสบประสานกับดวงตาดุกร้าวคู่นั้น
“คุณจันทร์ บังเอิญที่เราชื่อคล้ายๆ กัน”
“คล้ายยังไงเหรอคะ?” มันแทบไม่มีส่วนคล้ายส่วนคล้องจองกันตรงไหนเลย ‘จันทร์’ กับ ‘เมฆ’ พยัญชนะไม่ได้ออกเสียงเหมือนกันด้วยซ้ำ
“ก็...อยู่บนท้องฟ้าเหมือนกันยังไงล่ะครับ” เขาเฉลย
“นั่นสินะคะ ทำไมฉันถึงลืมนึกไปได้” หญิงสาวลูบท้ายทอยเบาๆ แก้อาการเก้อเขิน
“ผมขอโทษที่เสียมารยาทเมื่อสักครู่”
“เสียมารยาทเรื่องอะไรคะ” เธอจำไม่ได้
“ผมหัวเราะเรื่องที่คุณขับรถไม่เป็น”
“ถ้าเรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกค่ะ ใครมาได้ยินก็คงหัวเราะกันทั้งนั้น มันน่าอายใช่ไหมคะ ทั้งที่ฉันอายุยี่สิบแล้ว แต่ยังขับรถไม่เป็น”
“ไม่น่าอายหรอกครับ คนเราไม่จำเป็นต้องมีความสามารถเหมือนกันทุกอย่าง”
คำพูดที่ไปในทิศทางบวกทำให้ม่านพระจันทร์คลายความรู้สึกเกร็งลงได้มาก เธอจึงกล้าเงยหน้าขึ้นมองและยอมรับว่า ใบหน้าคมเข้มของเขายามกำลังฉีกยิ้มช่างเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์ แม้ท่าทีเป็นมิตรจะสวนทางกับบุคลิกของเขาโดยสิ้นเชิง
หากว่าเธอไม่ได้รักใครคนหนึ่งอยู่แล้ว ก็คงปล่อยให้เขาเข้ามามีอิทธิพลในหัวใจตามสไตล์คนหวั่นไหวง่าย
“คุณเมฆอิ่มแล้วใช่ไหมคะ ฉันจะขออนุญาตเก็บจานชาม”
“ครับ ได้เลย” เมฆาตอบรับเมื่อรับประทานอาหารจนอิ่มเต็มที่แล้ว
บุรุษหนุ่มนั่งสังเกตหญิงสาวแบบเงียบๆ ขณะที่เธอเก็บกวาดโต๊ะอาหารอย่างชำนาญราวกับเป็นแม่บ้านฝีมือเยี่ยมแม้เมื่อครู่จะเอ่ยปลอบใจไปในทิศทางที่ดี แต่ความจริงเขาก็ยังแอบหัวเราะอยู่ในใจ
เห็นงานอดิเรกของเจ้าตัวตั้งแต่เข้ามาเหยียบห้องนี้ ทั้งถักไหมพรม จัดดอกไม้ ประดิดประดอยงานฝีมือต่างๆ นานา เขาไม่แปลกใจเลยเพราะเธอเองคงไม่ว่างเอาเวลาที่ไหนไปฝึกขับรถ
‘แม่กุลสตรีศรีสยาม’
ความคิดเห็น |
---|