๑๐.
แสงแดดที่ลอดช่องประตูเข้ามา สาดใส่ใบหน้าของอัลมาญิดจนเขาต้องยกมือขึ้นป้องเอาไว้ เมื่อรู้สึกตัวตื่นความทรงจำอันสุขเกษมเปรมปรีดิ์จึงค่อยๆ หลั่งไหลกลับสู่สมองทีละเล็กละน้อย ส่งผลให้รอยยิ้มผุดขึ้นบนริมฝีปากแกร่งเมื่อภาพอันเร่าร้อนตลอดคืนปรากฏเด่นชัด มือที่ยกขึ้นเมื่อครู่จึงค่อยลดลงเพื่อคลำควานหาหญิงสาวที่ควรจะอยู่แนบกาย
เว้นเสียแต่ว่าเธอไม่ได้อยู่บนที่นอนของเขาอีกแล้ว
อัลมาญิดค่อยๆ ยันกายขึ้นนั่ง เริ่มไม่แน่ใจว่าความสุขที่เขาได้รับอย่างเต็มเปี่ยมเมื่อคืนนี้นั้นจะเป็นความจริงหรือเปล่า ดวงตาปรี่ปรือเหลียวมองไปรอบๆ กระโจมอย่างอ่อนล้า รู้สึกตัวเองเหมือนงูฮอร์นเนสไวเพอร์ที่ถูกนายพรานสาวรีดพิษออกจนหมดสิ้น
กลิ่นหอมที่อบอวลอยู่ทำให้เขาแน่ใจว่าที่ผ่านมามันไม่ใช่ความฝัน แต่เมื่อไม่พบหญิงสาว ชีคหนุ่มจึงลุกจากที่นอน เดินโงนเงนอย่างรู้สึกอ่อนเปลี้ยจากกิจกรรมรักตลอดทั้งคืนไปหยิบกางเกงมาสวม จากนั้นจึงปล่อยให้ร่างที่ท่อนบนเปลือยเปล่าเดินออกไปด้านนอกกระโจม
แสงอาทิตย์อันร้อนแรงที่ต้องผิวกายบ่งบอกให้เขารู้ว่าเวลานี้ผ่านพ้นยามเช้ามานานแล้ว ชายหนุ่มเหลียวมองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นร่างอวบอิ่มกำลังนอนเปลือยกายคว่ำหน้าอยู่บนผ้าผืนยาวริมตลิ่ง จึงเดินเข้าไปหาแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ก้มลงจุมพิตที่ไหล่กลมกลึงพร้อมใช้หลังมือไล้ไปตามแนวกระดูกสันหลังของเธออย่างแผ่วเบา
“ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ”
“ฉันอยากอาบแดดสักหน่อยก่อนกลับ” อันนาเอ่ยกระซิบ ดวงตายังคงหลับพริ้ม
“ถ้าคุณไม่อยากกลับ จะอยู่ต่อก็ได้นะ”
“โทมัสคงไม่พอใจแน่ ถ้าลูกน้องของเขาหายตัวไปแบบนี้”
อัลมาญิดหัวเราะ “ก็คงงั้น ถ้าคุณเป็นลูกน้องของเขาจริงๆ”
หญิงสาวลืมตาขึ้นแล้วหันมามองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจ
“สวัสดีครับ คุณเยอร์เก้น”
“คุณรู้?” อันนาร้องถามตาแป๋ว
“แน่นอนผมรู้” เขาตอบ
“ตั้งแต่เมื่อไรคะ”
“เมื่อวาน ก่อนจะมาที่นี่ไม่กี่นาที”
หญิงสาวลุกขึ้นนั่ง ทรวงอกอวบอิ่มกระเพื่อมขึ้นลงเย้ายวนตา ฝ่ามือเล็กๆ ฟาดลงบนไหล่เปล่าเปลือยของเขาอย่างแรง แต่ก็ไม่แรงพอจะทำให้กล้ามเนื้อแข็งปั๋งของเขาระคายเคือง
“คุณนี่ร้ายจริงๆ”
“คงไม่ร้ายเท่าคุณหนูแสนซนที่ปลอมตัวมาเป็นพนักงานของบริษัท เที่ยวหลอกผู้ชายให้หลงรักหัวปักหัวปำหรอกครับ” เขากระเซ้าเธอพร้อมกับดึงร่างกลมกลึงมากอดไว้ ฝ่ามือลูบไล้ปทุมถันเต่งตึงนั้นอย่างทะนุถนอมพร้อมจุมพิตหวานหวามเนิ่นนานจนแรงพิศวาสจุดติดอีกครั้ง
ร่างกายของอันนาคือสิ่งวิเศษ เธอสามารถทำให้ความอ่อนล้าในตัวเขามลายหายไปได้ ตอนนี้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าไปทุกส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่แข็งปั๋งอยู่ในกางเกง ก่อนจะนำพาเธอไปสู่การบรรเลงเพลงหวานหวามอีกครา
“อัลมาร์...” อันนากระซิบหอบๆ หลังจากคลื่นพิศวาสระลอกสุดท้ายถาโถมเข้าหา ความสุขสมเคลิบเคลิ้มคลายตัวลง ดวงตางามจ้องมองเขาพร้อมลูบไล้ใบหน้าแกร่งแผ่วเบา
“ฉันไม่ได้ปลอมตัวนะคะ ฉันเป็นลูกน้องโทมัสจริงๆ”
“ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ” อัลมาญิดกระซิบถามข้างหูเธอ
“คุณพ่ออยากให้ฉันฝึกงานก่อนจะขึ้นรับตำแหน่งที่สำคัญกว่านี้ค่ะ ฉันเลือกที่จะมาทำแผนกนี้ ก็เลยได้ติดสอยห้อยตามโทมัสมาด้วย”
“นั่นอาจเป็นโชคชะตาให้เรามาพบกัน”
เจ้าหล่อนยิ้ม แก้มแดงเรื่อขึ้น “แล้วโชคชะตาก็จะพรากเราจากกันในอีกไม่กี่วันแล้ว ลืมแล้วหรือคะว่าฉันต้องกลับเยอรมันพร้อมกับคณะ”
“จากกันครั้งนี้ก็แค่เพียงชั่วคราว”
อันนาขมวดคิ้วมุ่นหันมามองเขา “คุณหมายความว่ายังไงคะ”
อัลมาญิดยิ้มและจุมพิตเธอแผ่วเบาบนริมฝีปากงามอีกครั้ง “ให้ผมจัดการปัญหาวุ่นวายภายในเขตเสร็จสิ้นเสียก่อน ผมจะตามคุณไปที่เยอรมัน ผมจะไปพบพ่อของคุณ และสู่ขอคุณมาเป็นภรรยาของผม”
หญิงสาวตาโตเป็นประกาย “จริงหรือคะ”
“จริงสิครับ” เขาพยักหน้าขึงขัง
“นี่ฉันจะได้เป็นเจ้าสาวชีคจริงๆ หรือคะ”
“แน่นอนครับ”
อันนาหัวเราะคิกคัก “รู้ไหมคะ เวลาที่ฉันอ่านนิยาย ฉันมักจะฝันเสมอว่าจะได้เป็นเจ้าสาวชีคสักคน แล้ววันนี้มันก็เป็นความจริง ฉันดีใจจริงๆ เลยค่ะ”
“แต่ผมอาจไม่ใช่ชีคเหมือนในนิยายของพวกตะวันตก”
หญิงสาวชะงักเล็กน้อย รอยยิ้มตื่นเต้นค่อยๆ จางหายไปจากดวงหน้าสวยหยดเมื่อจับได้ว่า สิ่งที่เขาพูดออกไปนั้นคืออะไร
“คุณก็เห็นว่าความเป็นอยู่ที่นี่เป็นอย่างไร” อัลมาญิดผินหน้ามองไปด้านนอกโอเอซิส “ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทะเลทรายแห้งแล้ง เขตของผมไม่ได้มั่งคั่งอย่างเขตอื่น พวกเราดำรงชีพกันด้วยพืชผลทางการเกษตร ปาล์ม อินทผลัม การค้าอูฐ ค้าม้า ค้าแพะ ทุกอย่างล้วนให้ผลตอบแทนแค่พอให้คนของผมอยู่อย่างสบายตามอัตภาพเท่านั้น”
“แต่คุณมีน้ำมัน” เธอยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีกครั้ง
“เรื่องนั้นผมเคยพูดกับคุณแล้ว”
“หมายความว่าคุณจะไม่ยอมให้มีการขุดเจาะน้ำมันในลิฮาซหรือคะ”
“ถูกต้องครับ” เขาพยักหน้า
โดยไม่คาดคิด อันนาสะบัดร่างออกจากอ้อมแขนของเขา ก่อนจะฉวยเอาชุดนอนบางเบาขึ้นมาสวม ซึ่งก็แทบจะช่วยปกปิดอะไรไม่ได้มากนักในยามที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นนี้ เงาร่างของเธอยังคงเต็มไปด้วยส่วนโค้งส่วนเว้าอย่างเห็นได้ชัด
“อันนา” อัลมาญิดร้องเรียกเธออย่างรู้สึกหวงแหน รีบฉวยมือเธอรั้งเอาไว้
“ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคุณถึงปฏิเสธมัน”
“เราไม่จำเป็นต้องพึ่งมันก็มีความสุขได้” อัลมาญิดยืนยัน “ตรงกันข้าม ถ้าผมตัดสินใจตั้งสถานขุดเจาะและกลั่นน้ำมัน ผู้คนจะพากันเดือดร้อนไปหมด”
อันนาจ้องมองเขาด้วยแววตาไม่เข้าใจ ก่อนจะกัดฟันเอ่ยแล้วสะบัดมือเขาออก
“ฉันจะกลับ” หญิงสาวประกาศแล้วผุนผลันเดินไป
อัลมาญิดชะงักอย่างรู้สึกสับสน ตั้งคำถามกับตัวเองในใจว่า ‘สำหรับอันนาแล้ว เงินสำคัญกว่าความรักอีกหรือ?’ ความคิดนั้นรั้งเขาเอาไว้ไม่ให้ตามเธอไป แต่แล้วในที่สุดเขาก็กัดฟันลุกขึ้น ก่อนจะโผไปกอดเธอไว้จากด้านหลัง
“ผมอยากให้คุณรู้ว่า การตัดสินใจเรื่องบ้านเมืองมันไม่ใช่เรื่องง่ายนัก มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องขบคิด แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสามารถตัดสินใจได้ทันที หลังจากผ่านพ้นราตรีอันแสนหวานกับคุณ ก็คือ...ผมต้องการคุณ”
“เรื่องนี้ ฉันเองก็ต้องขบคิดเหมือนกัน”
ชายหนุ่มพลิกตัวเธอให้หันกลับมา จ้องมองเธอด้วยสายตาหวานซึ้ง ก่อนจะก้มลงหมายจะจุมพิตเพื่อปลอบประโลมโน้มน้าวใจเธอ ทว่าอันนากลับเมินหน้าหนี ทำให้เขาต้องชะงัก
“ความคิดของเราไม่ตรงกันค่ะ”
“ก็แค่เรื่องนั้น” เขาแย้งอย่างรู้สึกเจ็บปวด เพราะความคิดเรื่องเงินทองและอำนาจระหว่างเขากับผู้หญิงที่มีสัมพันธ์ด้วยมักจะไม่ตรงกันเสมอ
“แต่มันก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับฉัน สำหรับครอบครัวของฉัน โลกของฉันอยู่อีกฟากหนึ่งกับโลกของคุณ ถ้าคุณไม่สร้างสะพานแล้วเดินข้ามมาหาฉัน มาอยู่ในโลกของฉัน ฉันก็คงไม่สามารถข้ามไปหาคุณได้”
“ผมกำลังพยายาม”
“ไม่ค่ะ” เธอส่ายหน้า “คุณไม่ได้พยายามทำอะไรเลย”
“แต่…”
“ฉันอยากกลับเยอรมันค่ะ” หญิงสาวโพล่งขึ้น
“อันนา” เขาร้องเรียกเธอด้วยเสียงแหบพร่า
“ฉันคาดหวังชีวิตแต่งงานเอาไว้อีกอย่าง ซึ่งนั่นทำให้ฉันต้องขอเวลาขบคิดสักนิด การที่เราสองคนอยู่ห่างกัน นั่นอาจทำให้เราสามารถค้นพบความจริงว่า เรื่องเมื่อคืนมันคือความรักหรือราคะกันแน่”
ชีคอัลมาญิดนิ่งงันไปชั่วขณะ เพราะสุดท้ายแล้วเส้นทางความรักของเขาก็ยังคงเป็นเส้นเดิมๆ คือเมื่อมาถึงทางแยกที่ต้องตัดสินใจ ไม่เขาก็อีกฝ่ายจะต้องตัดสินใจจบเส้นทางนั้นลงทุกครั้งด้วยเหตุผลเดียวกัน นั่นคือเขาไม่ใช่ชีคผู้หรูหราฟู่ฟ่าอย่างในนิยายเหมือนที่พวกเธอฝันเอาไว้นั่นเอง
“ตกลง” เขาเอ่ยออกไปในที่สุด “แต่ผมขอยืนยันว่าผมมีความแน่วแน่ที่จะรับผิดชอบคุณ หลังจากเคลียร์เรื่องทางนี้แล้ว ผมจะบินไปเยอรมันเพื่อฟังคำตอบจากหัวใจคุณอีกครั้ง”
อัลมาญิดคลายวงแขน ปล่อยให้เธอเดินกระฟัดกระเฟียดหายลับเข้าไปในกระโจม ก่อนจะถอนใจออกมาโดยไม่อาจคาดเดาล่วงหน้าได้เลยว่า ปัญหาบ้านเมืองที่เขากำลังเผชิญอยู่นี้ มันไม่อาจสะสางให้เรียบร้อยได้โดยง่าย และเขาก็ยังไม่รู้อีกว่า กำลังจะมีปัญหาใหม่ที่ใหญ่เกินกว่าจะคาดคิดคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ
สองสามวันหลังจากนั้น ชีคอัลมาญิดก็แทบจะไม่ได้คุยกับอันนาเลย เพราะเขามัวยุ่งกับการช่วยเหลือผู้คนในโอเอซิสซับฮ์ แต่พอมีเวลาว่าง เธอก็เอาแต่หลบหน้าหลบตาเขา ไม่ยอมพูดคุยกับเขา จนเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี
เมื่อได้เวลากลับของคณะสำรวจจากบริษัทเยอร์เก้น อัลมาญิดจึงฝากฝังงานที่โอเอซิสซับฮ์ให้พันเอกซาอิดรับหน้าที่ดูแลแทน และให้มาฮัดช่วยดูแลโอเอซิสลิฮาซให้เรียบร้อย แล้วจึงค่อยปลีกตัวไปส่งอาคันตุกะของเขากลับบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาที่สนามบินดุนยา
เมื่อรถโฟร์วิลล์พร้อม โทมัสก็นำคนของเขาทะยอยขึ้นรถทีละคัน เมื่อชีคอัลมาญิดเห็นอันนาเดินมา เขาก็เปิดประตูรถให้ แต่เธอกลับเดินเลยไปยังรถคันถัดไป
“ยูเลียน ฉันขอนั่งกับ โยชัว หน่อยสิ มีเรื่องจะต้องคุยกับเขา”
ไม่มีใครขัดความต้องการของเธอ ฉะนั้นคนที่ชื่อยูเลียนจนต้องย้ายมานั่งรถคันเดียวกับชีคอัลมาญิดและโทมัส เขาได้แต่มองเธออยู่ห่างๆ ก่อนจะต้องขึ้นรถเพราะได้เวลาออกเดินทางแล้ว
เมื่อมาถึงสนามบิน ชีคอัลมาญิดให้อัยมัน องครักษ์หนุ่มที่มาทำหน้าที่แทนซาอิดไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์สายการบินให้ทุกคน ก่อนจะได้ยินเสียงอันนาลอยมา
“ฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
ชีคหนุ่มไม่ได้หันไปมอง เขาส่งเอกสารการเดินทางทั้งหมดให้องครักษ์ส่วนตัวด้วยท่าทีสงบนิ่ง หากในใจเต็มไปด้วยความรุ่มร้อนระอุอยู่
“จัดการให้เรียบร้อยนะ ฉันไปห้องน้ำก่อน”
“ให้อาลีไปด้วยนะครับ”
“ไม่ต้อง” เขาโบกมือ “สนามบินคนพลุกพล่าน ตำรวจก็เข้มงวด คงไม่มีใครทำอะไรฉันหรอก”
“แต่สถานการณ์...”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ห้องน้ำอยู่แค่นี้เอง” อัลมาญิดยืนกราน เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าอย่างจำนนใจ เขาก็หันหลังให้แล้วเดินฉับๆ ไปยืนรออยู่ระหว่างห้องน้ำชายและหญิง
เมื่ออันนากลับออกมา เธอก็ถึงกับชะงักเมื่อเห็นเขา แต่อัลมาญิดก็ไม่ปล่อยให้เธอหลบหน้าเขาอีก รีบคว้าแขนเธอแล้วพาเดินไปในที่ลับตาคนทันที
“ปล่อยฉันนะ” เธอคำราม
“ผมแค่อยากคุยกับคุณ”
“เราคุยกันจบไปแล้วที่ซับฮ์”
“ผมแค่อยากรู้ว่า ทำไมสองสามวันนี้คุณถึงทำเหมือนผมไม่มีตัวตน เรื่องคืนนั้นมันไม่มีความหมายอะไรกับคุณเลยงั้นหรือ”
หญิงสาวช้อนสายตามองเขาเขม็ง “มันจะมีความหมาย ถ้าคุณจะทำให้มันมี”
“ก็ผมบอกแล้วไงล่ะว่า ผมจะไปสู่ขอคุณกับพ่อของคุณ ผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้น”
“แค่นั้นมันไม่พอหรอกค่ะ” อันนาส่ายหน้า “คุณต้องทำมากกว่านั้น”
อัลมาญิดถอนใจ “หลังจากเกิดเรื่องที่ซับฮ์ ทุกอย่างมันซับซ้อนขึ้น การตัดสินใจอะไรคงไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนเมื่อก่อน ผมอยากจะขอเวลา”
“อีกนานเท่าไรล่ะคะ”
“ผมก็ไม่รู้”
อันนาระบายลมหายใจออกมา คงรู้ว่านั่นคือคำปฏิเสธกลายๆ จึงสะบัดแขนแรงๆ จนหลุดจากมือเขา
“ฉันไม่รู้ว่าจะรอคุณได้ถึงเมื่อไรหรอกนะคะ แต่เอาเป็นว่า ถ้าคุณพร้อม ฉันก็จะยอมเปิดใจคุยกับคุณ”
หลังจากนั้นเธอก็สะบัดหน้าใส่เขา ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้เขายืนถอนหายใจอยู่เพียงลำพังคนเดียว ตอนนี้อัลมาญิดเริ่มรู้สึกลังเลแล้วว่า ความรักระหว่างเขากับอันนานั้น มันจะมีจุดจบแบบไหนกัน
หลังจากอันนากลับเข้ากลุ่มได้สักระยะ ชีคอัลมาญิดก็ทำท่าว่าจะเดินกลับไปหาคณะสำรวจจากบริษัทเยอร์เก้นเช่นกัน แต่ก่อนจะก้าวเท้าออกไปกลับเหลือบเห็น เดวิด แบล็คเก็ตต์ เจ้าหน้าที่ของบริษัทโอเชียนออยล์ เข้าเสียก่อน
ตรงที่อัลมาญิดยืนคุยกับอันนาค่อนข้างลับตาผู้คน อีกฝ่ายจึงไม่เห็นเขา ชีคหนุ่มจึงสามารถมองเห็นแต่ฝ่ายเดียวได้ว่า เดวิดกำลังยืนคุยอยู่กับชายคนหนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตาว่าจะเคยเห็นอยู่ในรายชื่อคณะที่ปรึกษาสูงของเขตการปกครองที่หนึ่ง ทว่าก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าอยู่ในตำแหน่งไหน และมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร
แต่การพบปะกันครั้งนี้คงไม่มีอะไรน่าแปลกนัก เพราะจะว่ากันตามจริงแล้ว แบล็คเก็ตต์ ก็เป็นหนึ่งในที่ปรึกษาของชีคซอลีลเหมือนกัน ที่ปรึกษาชาวอัซดิฮารอาจมาส่งเขาขึ้นเครื่องบินไปที่ไหนสักแห่งก็ได้ ถ้าไม่บังเอิญมีชายอีกคนหนึ่งยืนอยู่ด้วยพร้อมท่าทางระแวดระวังผิดสังเกต
ผู้ชายคนนั้นมีผิวคล้ำ สวมกางเกงยีน เสื้อยืด คลุมด้วยแจ๊กเก็ตหนังสีดำ ไว้หนวดเคราน่าเกรงขาม ดวงตาดำวาวโรจน์และมีประกายเพชฌฆาตฉาบฉายออกมาจนน่าขนลุก
“ท่านชีคครับ”
เสียงของอัยมันทำให้เขาถึงกับสะดุ้งเฮือก เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นองครักษ์หนุ่มกำลังจ้องมองไปยังจุดๆ เดียวกันกับเขา พร้อมกับเบี่ยงตัวหลบเข้ามาในมุมอับ
“นั่นมันเจ้ามุสตาฟานี่ครับ”
“ใช่” อัลมาญิดพยักหน้า เขาเพิ่งเห็นเอกสารจากตำรวจที่โอเอซิสซับฮ์เมื่อเช้านี้เองว่า นายมุสตาฟาคนนี้เป็นผู้ต้องสงสัยที่อาจมีส่วนเกี่ยวพันกับการก่อการร้าย เพราะมีพยานหลายคนเห็นเขาไปป้วนเปี้ยนอยู่ในทุกจุดของที่เกิดเหตุหลายวันก่อนที่จะมีความวุ่นวายเกิดขึ้น
“ฉันว่ามันชักจะไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว”
“ให้ผมไปจับมันเลยไหมครับ”
อัลมาญิดนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจดึงอัยมันออกมาห่างจากคนกลุ่มนั้น
“ฉันมีอะไรบางอย่างให้นายไปทำ”
“ท่านชีคต้องการให้ผมทำอะไร บอกมาได้เลยครับ” อัยมันเอ่ยเสียงเข้ม
“ฉันอยากให้นายไปสืบเรื่องของสามคนนั้น”
“สืบ?”
“ฉันคิดว่ามันจะต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ซับฮ์แน่ ฉันไว้ใจนายได้ใช่ไหม”
“ได้สิครับ” องครักษ์หนุ่มตอบทันควัน
“งั้นก็ดี” อัลมาญิดพยักหน้า “นายหาคนที่ไว้ใจได้มาช่วยนายสักสองสามคนนะ เรื่องค่าใช้จ่ายมาเบิกกับฉันได้โดยตรง”
“ได้ครับ”
“ถ้าได้เรื่องอะไรมาแล้ว ให้มารายงานโดยตรงกับฉันคนเดียวเท่านั้น แม้ท่านมาฮัดก็ให้รู้ไม่ได้ เข้าใจไหม”
“เอ่อ...ทะ...ทำไมละครับ ก็ท่านมาฮัดเป็นที่ปรึกษาสูงสุดไม่ใช่หรือครับ”
“ก็ใช่ แต่ตอนนี้งานทุกคนล้นมือมาก แล้วกว่าจะผ่านกระบวนการของท่านมาฮัด ฉันกลัวว่าพวกมันจะไหวตัวทันเสียก่อน ฉันก็แค่อยากลัดขั้นตอนสักหน่อยน่ะ นายจะทำให้ฉันได้ไหมล่ะ”
“ได้ครับ” อัยมันรับคำอย่างเข้มแข็ง
“หวังว่าฉันคงใช้คนไม่ผิดนะ”
“วางใจได้ครับท่านชีค เรื่องสืบสวนไม่เป็นปัญหาสำหรับผมหรอกครับ เพราะผมเคยอยู่หน่วยข่าวตามชายแดนมาก่อน รู้ว่าจะต้องทำยังไงครับ”
“งั้นก็ดี” อัลมาญิดยิ้ม ก่อนจะตบไหล่องครักษ์หนุ่มแรงๆ “ถ้าทำสำเร็จ ฉันจะมีรางวัลให้นายอย่างงามทีเดียว”
ความคิดเห็น |
---|