1
“ตีญ่าแวะไปหาคุณตาบ้างนะลูก วันก่อนบ่นคิดถึงหนูอยู่ ถ้ารู้ว่าหนูกลับจากอังกฤษแล้วไม่เข้าไปหา เดี๋ยวก็จะบ่นอีก” ผอร สตรีวัยสี่สิบกว่าที่ดูอ่อนกว่าอายุมาก ใบหน้าสวยตบแต่งไว้อย่างสมวัยและฐานะ ผมซอยสั้นตามสมัยนิยมทำให้ดูปราดเปรียว เอ่ยกับบุตรสาวคนสวยที่เกิดจากเพื่อนชายสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่แยกย้ายกันไปมีชีวิตใหม่ เพราะต่างเข้าใจกันดีว่าเป็นความพลั้งเผลอและความคะนองในวัยหนุ่มสาว ถึงเจติยาจะเกิดจากความผิดพลาด แต่ทั้งพ่อและแม่ก็ดูแลฟูมฟักหล่อนอย่างดี
หญิงสาวร่างบางยกมือเสยผมสีน้ำตาลอ่อนที่จับเป็นลอนหลวมๆ ตามสมัยนิยม ปากอิ่มตกแต่งด้วยลิปสติกเนื้อด้านสีแดงเลือดนก ส่งให้หน้าสวยดูเฉี่ยวขึ้น มองหน้ามารดาผ่านแพขนตาหนา พลางผงกหัวรับคำที่ได้ยิน แม้จะไม่ได้อยู่กับผอร แต่ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ก็ไม่ได้ห่างเหินแม้แต่น้อย
“ค่ะคุณแม่ นี่คุณแพทฝากผ้าพันคอมาให้คุณแม่ด้วยนะคะ กับไวน์ให้คุณตาอีกสองขวด เห็นว่าหายากมาก” เจติยาเอื้อมมือไปหยิบกล่องผ้าพันคอสีส้มแบรนด์หรูกับไวน์ชั้นดีสัญชาติฝรั่งเศส ที่คุณแพท หรือภัสสร คนรักใหม่ของพ่อซึ่งมีวัยต่างกับหล่อนแค่ไม่ถึงสิบปีฝากมาให้ ด้วยสนิทสนมกันถึงขั้นที่ภัสสรเป็นผู้เดินทางไปรับเจติยาจากอังกฤษหลังจากเรียนจบระดับปริญญาโท เจติยาไม่มีปัญหากับคนรักใหม่ของบิดาแต่อย่างใด ภัสสรดูแลรณพลผู้เป็นพ่อหล่อนและหล่อนในฐานะลูกติดแฟนมาเป็นอย่างดีตลอดเวลา จนการมีภัสสรในชีวิตเป็นความคุ้นเคย และยอมรับหล่อนในฐานะส่วนหนึ่งของครอบครัว
“ยากแล้วหามาได้ยังไง หืมมม ยากจริงๆ นะขวดนี้”
ผอรมองของฝากในมือ พอมีความรู้เรื่องไวน์อยู่บ้าง เห็นขวดก็รู้ชื่อชั้นว่าผลิตมาในจำนวนจำกัด และยังเป็นที่นิยมในหมู่นักสะสม
"แล้วนี่แม่แพทเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม แม่เจอเขาในงานวันก่อนยังสวยพริ้งเหมือนตอนคบกับพ่อเราใหม่ๆ คุณพลคงยังหลงเหมือนเดิมสินะ”
ผอรพูดถึงคนรักของรณพล บิดาของบุตรสาวที่แยกย้ายกันใช้ชีวิตมาเกือบเท่าอายุเจติยา ภัสสรเป็นสาวสังคมที่เพียบพร้อมด้วยรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ หน้าตาสะสวยแบบหาตัวจับได้ยาก กิริยามารยาทอ่อนหวานเป็นผู้ดีสมกับที่มารดาสืบเชื้อสายจากราชสกุลสายตรง ความรู้ดี มีความสามารถมากมาย บริหารกิจการศูนย์การค้าและพัฒนาที่ดินต่างๆ ของครอบครัวตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม คบหาดูใจกับรณพลมาได้หลายปี จนผู้หลักผู้ใหญ่ต่างส่ายหน้าที่ทั้งสองไม่ยอมจัดพิธีแต่งงานให้รู้แล้วรู้รอดไปซะที ทั้งๆ ที่พ่อของเจติยาอายุเลยสี่สิบมาแล้ว และขอแต่งงานตั้งแต่คบกันใหม่ๆ แต่ฝ่ายหญิงต่างหากที่อิดออด บอกว่ายังไม่พร้อมที่จะใช้ชีวิตครอบครัวอย่างจริงจัง ขอทำงานให้เต็มที่ก่อนที่จะผันตัวเองมาเป็นช้างเท้าหลังคอยสนับสนุนเส้นทางการเมืองของว่าที่สามี
ส่วนตัวหล่อนเองก็รู้จักภัสสรมาหลายสิบปี ด้วยหญิงสาวเป็นน้องสาวคนสุดท้องของเพื่อนสนิทที่ร่ำเรียนต่างประเทศมาด้วยกัน เห็นมาตั้งแต่วันแรกๆ ที่รณพลตกหลุมรักหญิงสาว เพียรจีบอยู่หลายปีจนผู้หญิงรับรัก
“คุณแพทเขาก็สวยเสมอแหละค่ะ อายุเขาเท่าไหร่เอง คุณพ่อก็รักก็เอาใจเหมือนเดิม จนบางทีตีญ่ายังแอบงอนว่าจะหลงแฟนอะไรขนาดนั้น”
เจติยาทำปากยื่นเหมือนจะไม่พอใจ แต่จริงๆ แล้วหล่อนก็เปรยไปอย่างนั้น รณพลรักและดูแลหล่อนดีเสมอ ถึงแม้พ่อแม่หล่อนจะเก็บกระเป๋าแยกทางกัน คงไว้แต่สถานะเพื่อน ทั้งคู่ก็ทำหน้าที่พ่อและแม่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และยังคงสัมพันธ์ฉันเพื่อนได้อย่างดี แต่ตามประสาคนที่มีแต่คนเอาใจก็มีบ้างที่จะรู้สึกขุ่นมัว เพราะภัสสรมักได้รับความสนใจจากบิดาหล่อนแบบเกินพอดีอยู่เสมอ
“จะมางอนอะไร นี่พ่อเราเพิ่งออกรถใหม่รับขวัญไม่ใช่เหรอ ไปๆ กลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวแม่มีประชุมผู้บริหาร แล้วเราเจอกันวันเสาร์นะลูก คู่ค้าแม่จะขึ้นมาจากภูเก็ต ไว้เราค่อยทานข้าวกัน” ผอรจูบลงบนหน้าผากมนของบุตรสาวคนสวย ก่อนจะเรียกเลขาฯ ให้เดินลงไปส่งเจติยาที่หน้าตึกเพื่อขับรถกลับบ้าน
เจติยาขับรถออกมาตามถนนทองหล่อเรื่อยๆ หลังจากรับโทรศัพท์จากอนุวัต กะเทยไทยร่างใหญ่ เพื่อนสนิทที่ร่ำเรียนที่อังกฤษมาด้วยกัน ตกลงกันว่าจะนัดดื่มกาแฟฆ่าเวลาเนื่องจากยังมีสถานภาพตกงานแบบอภิสิทธิ์ชน หรือว่าง่ายๆ คือ ยังอยากพัก ขอใช้เวลาหลังเรียนจบกันตามสบายก่อนแยกย้ายกันไปช่วยธุรกิจที่บ้าน
คิดอะไรเพลินๆ อยู่ โทรศัพท์เครื่องบางเฉียบก็ส่งเสียงร้อง ดึงหญิงสาวออกจากภวังค์ได้
"น้องตีญ่า คุณพ่อถามว่าหนูจะมาทานข้าวกับพวกเราไหมคะ”
ภัสสรกรอกเสียงหวานมาตามสาย หญิงสาวผู้นี้คือสตรีวัยสามสิบเอ็ด คนรักของผู้เป็นพ่อหล่อน เข้ามาในชีวิตหล่อนได้เกือบเจ็ดปีแล้ว มีใบหน้าสะสวยสะกดตาคนมอง พูดจาอ่อนหวานสะกดหูคนฟัง ชาติตระกูลดีงาม เรียกว่าเป็นเซเลบริตีสาวที่ทุกคนจับตามองและชื่นชม หนุ่มๆ ใจกล้าหลายคนยังเวียนมาขายขนมจีบแบบไม่เกรงกลัวอิทธิพลบิดาของเจติยาที่รับตำแหน่งคนรักมาหลายปี
เป็นที่ทราบกันดีว่าพ่อเธอหลงแฟนเด็กขนาดที่ตามจีบตั้งแต่ฝ่ายหญิงยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศ มีข่าวลือว่าคบกับแฟนหนุ่มระหว่างอยู่ที่โน่น แต่คุณรณพลก็ไม่สนใจ เดินหน้าจีบเต็มสูบ จนฝ่ายหญิงเรียนจบกลับมา อีกเกือบปีถึงยอมตกลงปลงใจคบกับบิดาหล่อนที่มีอายุต่างกันถึงสิบเอ็ดปี แต่ยังไม่ยอมแต่งงานด้วย ไม่ว่ารณพลจะขู่จะปลอบอย่างไร
“คุณแพทอยู่กับคุณพ่อหรือคะ อยู่ที่ไหนกัน ตีญ่านัดเพื่อนไว้ แต่อาจจะไปทัน" เจติยาตอบแม่เลี้ยงเสียงใส ไม่มีร่องรอยการขัดแย้งใดๆ
"พี่อยู่ข้างนอกจ้ะ กำลังจะไปทำผม คุณพลโทร. มาถามว่าเราสองคนจะทานอะไรตอนเย็น แต่ไม่ซีนะคะ เห็นว่าถ้าสาวๆ ไม่สะดวก จะไปดื่มกับเพื่อนแทน “ภัสสรหัวเราะเบาๆ ระหว่างพูดกับลูกสาวของคนรัก “พี่คงไม่มีทางเลือก เดี๋ยวคุณพลจะงอน ตีญ่าจะไปกับพี่กับคุณพ่อไหมคะ”
"เอาสิคะ คุณแพทนัดคุณพ่อค่ำหน่อยสิ เดี๋ยวตีญ่าดื่มกาแฟกับโอ๊ตเสร็จจะตามไปหานะคะ" เจติยาสนาทนาไร้สาระกับแม่เลี้ยงต่ออีกสองสามคำ เช่นว่าทำผมร้านไหน หรือว่าทำไมรถติดจัง ก่อนจะต่างฝ่ายต่างวางสายกันไป เพื่อดำเนินกิจกรรมของตัวเอง
ไม่นานหลังออกจากที่หมายแรก รถสปอร์ตหรูสัญชาติเยอรมันก็เลี้ยวปราดเข้ามาจอดเทียบในบริเวณคอมมูนิตีมอลชื่อดังกลางกรุง สาวร่างบางสวมกางเกงยีนสกินนีพอดีตัวกับเสื้อยืดสีขาวแบบโอเวอร์ไซซ์ดูสบายๆ สะพายกระเป๋าแบรนด์เนมใบจิ๋วราคาไม่จิ๋วเหมือนขนาด ผมยาวสลวยสีน้ำตาลทิ้งตัวลงกลางหลัง ท่วงท่าการเดินจับตาคนมอง ก้าวยาวๆ พลางโบกไม้โบกมือให้เพื่อนที่นั่งจิบกาแฟอยู่ในที่นั่งด้านนอกร้านแบบคนมีจริตชวนมอง
"ตีญ่า!”
"เห็นแล้ว จะตะโกนทำไม" เจติยาโคลงศีรษะเบาๆ อย่างเอือมระอากิริยาเกินพอดีของสหายสนิท "ทำไมมานั่งข้างนอก ไม่ร้อนเหรอ”
“ผู้ชายหล่อบานเลย อากาศไม่ร้อน แต่กูร้อนรุ่ม" โอ๊ตทำท่าอ่อนระทวยส่งสายตาให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่เดินผ่าน “โอ๊ยย หล่อ โอ๊ตเบื่อ” ปากว่าไม่ชอบใจ แต่แววตาระริกระรี้เป็นประกายเสียจนเจติยาอดไม่ได้ต้องเหน็บแนม
“ฉันเห็นแกเปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่น ยังจะมาร้อนรุ่มอะไรอีก เห็นมีกินไม่ได้ขาดปาก”
หญิงแท้บ่นแบบไม่เอาจริงจนอนุวัตเบ้ปาก ต้องเปลี่ยนเรื่องเปลี่ยนประเด็น ไม่งั้นก็คงวนเวียนอยู่แต่เรื่องของตัวเอง
“โอ๊ย ก็เรื่องของฉันมะ ว่าแต่แกเหอะ ไปหาแม่มาเป็นไงบ้าง” อนุวัตถามถึงคุณผอร มารดาบังเกิดเกล้าของหญิงสาว ด้วยรู้ว่าหากเพื่อนสาวอยู่เมืองไทย เจติยาจะเจอมารดาประมาณสัปดาห์ละสองถึงสามครั้ง เพราะอาศัยอยู่กับบิดา โดยที่ผู้เป็นพ่อมีคนรักใหม่ที่คบกับมาเนิ่นนาน ถึงกระนั้นความสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูกและว่าที่แม่เลี้ยงก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด กลับดูสมัครสมานสามัคคีเป็นที่กล่าวถึงในวงสังคม
"ก็ดีแก เหมือนเดิม คุณแม่ยุ่งเหมือนเดิม นี่ฉันไปมาแป๊บเดียวนะ แวะเอาของฝากจากคุณแพทไปให้คุณแม่กับคุณตาแล้วก็ออกมาเลย”
ได้ยินแบบนั้นอนุวัตก็พยักหน้ารับ รู้สึกยินดีที่เพื่อนมีความสุขในชีวิต ไม่มีปัญหาบ้านแตกอย่างที่ใครๆ เขากังวลกัน
“แกโชคดีนะนังตีญ่า ว่าที่แม่เลี้ยงแกไม่งี่เง่า ที่สำคัญฉันชอบมากกกที่นางสวย วันก่อนฉันเจอคุณน้าแพทของแกที่ฟิตเนส หนุ่มๆ งี้มองตามตาเป็นมัน หุ่นนางยังเซียะอยู่เลย ไม่แปลกใจที่พ่อแกหลงหัวปักหัวปำ นี่ถ้าพ่อแกไม่โหดเบอร์นั้นนะ มีคนแย่งจีบแน่ๆ"
เพื่อนรักเอ่ยถึงถึงกิตติศัพท์ความเอาเรื่องของบิดาของเจติยา คงเพราะทั้งสืบเชื้อสายจากนักการเมืองที่มีอิทธิพลในท้องถิ่น และทั้งพื้นเพนิสัยส่วนตัวที่รู้กันเป็นอย่างดีในสังคม
“ขนาดคุณพ่อโหดนะ ไปไหนทีผู้ชายยังกล้ามองตามคุณแพทตาปรอยจนฉันเสียวสันหลังแทน” เจติยาเบะปาก ถึงแม้หล่อนจะยอมรับภัสสร แต่ความอิจฉาแบบผู้หญิงก็ยังมีอยู่ อดไม่ได้เมื่อเห็นคนสวยกว่า เก่งกว่า ยิ่งเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างแบบนั้นด้วยแล้ว “ขนาดอายุตั้งเท่าไหร่ แฟนก็มีเป็นตัวเป็นตน ยังมีคนพร้อมเสนอเป็นตัวเลือก ทำบุญด้วยอะไรก็ไม่รู้ ดูฉันสิ ชีวิตรักป่นปี้ไม่มีชิ้นดี”
เจติยาเปรียบเปรยกับตัวเองบ้าง ถามว่ากับคนรักเก่าที่เพิ่งเลิกรากันไปนั้นเจ็บแค้นเสียใจเข้าขั้นสาหัสหรือไม่ ก็เปล่า แต่คงเป็นอาการเสียหน้ามากกว่า
"แล้วนี่ยังไง โสดแน่ๆ ใช่ไหม ได้ข่าวว่าพี่วินของแกลายออก น่ากลัวว่ะ"
อนุวัตเอ่ยถึงคนรักของเจติยาที่ควงกันมาหลายปี แต่ฝ่ายชายเรียนจบกลับมาก่อนหนึ่งปี ช่วงเวลาที่ห่างกันนั้นก็นอกกายนอกใจเพื่อนเขาเป็นที่เรียบร้อย เจติยาเพิ่งจะจับได้คาหนังคาเขาไปเมื่อวันก่อน
“อือ นี่คือยังช็อกอยู่ ถ้าแกเปิดประตูไปเจอแบบฉันก็เงิบเหมือนกันแหละ พูดแล้วขนลุก นี่ขนาดฉันว่าฉันเซลฟ์นะ ยังรับไม่ได้”
เจติยาเสยแว่นตากันแดดอันสวยขึ้นคาดบนศีรษะพลางจิบกาแฟที่บาริสตาเอามาวางเสิร์ฟให้เมื่อสักครู่ พลางนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นที่หล่อนกลับมาจากอังกฤษและหวังจะเซอร์ไพรส์แฟนหนุ่ม แต่กลับเป็นฝ่ายประหลาดใจเสียเองเมื่อเปิดประตูคอนโดหรูย่านหลังสวนแล้วพบว่าคนรักกำลังโซโลกับหญิงอื่นอยู่แบบถึงพริกถึงขิง เจติยาจึงตัดการติดต่อกับคนรักทุกทาง ไม่หวังให้วินวัฒน์แก้ตัวใดๆ ทั้งๆ ที่เห็นว่าท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องเลือกหล่อน เพราะวันนั้นเขารีบผละออกจากสตรีร่างเล็กตัวขาวคนนั้น ตาลีตาเหลือกควานหากางเกงมาใส่เพื่อวิ่งตามหล่อนออกมา แต่ความคิดยังลอบไปไม่สุดทางหญิงสาวก็ต้องหลุดออกจากภวังค์เมื่ออนุวัตฟาดมือหนาตามไซส์ลงบนต้นแขนหล่อนแบบไม่ออมแรง
“แก!” อนุวัตส่งเสียงดังประกอบจังหวะที่ตีแขนเจติยาเผียะๆ
“อะไรนังโอ๊ต เจ็บ”
เจติยาเอ็ดเพื่อน แต่ก็มองตามมือที่ชายหนุ่มชี้ไป เพราะมั่นใจว่าสิ่งที่อนุวัตเรียกให้ดูต้องเอาเรื่องแน่นอน ไม่เช่นนั้นเพื่อนชายใจหญิงคงไม่ออกมาการถึงเพียงนี้
“หล่อลาก แกดูสิ”
เจติยามองตามนิ้วอนุวัตไป พบว่าปลายทางคือบุรุษร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้ม จมูกโด่ง หน้าผากกว้าง ริมฝีปากบางเฉียบ ผนวกกับร่างกำยำแบบคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ กำลังยืนคุยโทรศัพท์ แต่หันหน้ามาทางหล่อนกับอนุวัต มือข้างหนึ่งสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกง ในขณะที่มืออีกข้างถือเครื่องมือสื่อสาร ปากขยับน้อยๆ เหมือนรับคำปลายสายมากกว่าจะเป็นฝ่ายดำเนินการสนทนา
“เขามองมา แก! เขาชอบฉันแน่ๆ” คนช่างมโนยังไม่หยุดกรี๊ดกร๊าด
เจติยายิ้มขันความล้นของเพื่อน แต่ตาก็มองเป้าหมายของเพื่อนในวันนี้ โดยไม่ทันรู้ว่าชายหนุ่มก็มองมาทางที่หล่อนนั่งจริงๆ แต่ไม่ได้เพราะมีความสนใจทางชู้สาวไม่ว่าจะกับเจติยาหรืออนุวัต
"คุณโชคครับ คุณโชค" ยุทธเรียกผู้เป็นนายซ้ำๆ สามสี่ครั้ง เลยทำให้ชายหนุ่มหลุดออกจากภาพตรงหน้าและสิ่งที่คิดในสมองทันที
ศุภโชคหันมาจากผู้หญิงหน้าสวยคนนั้นขณะนึกในใจว่าอะไรมันจะพอเหมาะพอเจาะกับสิ่งที่เขาคิดอ่านจะทำแบบนี้ และเลิกคิ้วใส่คนสนิทเชิงเป็นคำถามว่าต้องการอะไร เพราะเขายังติดธุระกับปลายสายอยู่
ยุทธได้แต่ชี้โบ๊ชี้เบ๊ทำนองว่ารถมาแล้ว
ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นสัญญาณรับทราบอีกที แต่ก่อนจะขึ้นรถยังไม่วายหันกลับไปมองอีกครั้งเพราะรู้สึกเหมือนมีคนมอง แล้วรีบเดินขึ้นรถไปตามที่คนสนิทให้สัญญาณเพราะยังมีธุระต่ออีกหลายที่ จนยุทธต้องมองตามสายตาไปพลางอมยิ้ม คิดเองเออเองว่าที่เรียกแล้วผู้เป็นนายไม่หันเพราะติดใจสาวสวยแสนเปรี้ยวคนนั้นแน่เลย
“ยุทธ...แวะร้านเดิม และเลยไปร้านพี่เป็ดหน่อย” ศุภโชคลดกระจกระหว่างคนขับกับห้องโดยสารลงเพื่อแจ้งความต้องการของตนเองให้คนสนิททราบ ทุกครั้งที่เขาขึ้นมากรุงเทพฯ เขาจะต้องแวะดื่มกาแฟที่ร้านประจำที่ดื่มมาตั้งแต่สมัยหนุ่ม ทั้งๆ ที่ร้านกาแฟดังกล่าวตกแต่งแบบอิงลิชวินเทจ ดูน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มหวานแหววเกินกว่าจะเป็นรสนิยมของชายหนุ่ม แต่ที่เขาชอบมาเพราะทุกครั้งที่มาหวนให้เขาคิดถึงคนที่อยู่ในหัวใจเขาตลอดเวลา
“ร้านตัดผมเหรอครับ นายหัวนัดไว้หรือยัง”
ยุทธย้ำความมั่นใจอีกที เพราะถ้าจำไม่พลาด ช่างที่ตัดผมประจำให้เจ้านายหาคิวได้ยากเย็น ต้องนัดกันล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ ส่วนเรื่องร้านเดิมนั้นเขารู้ดีว่าคือที่ไหน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเจ้านายติดใจอะไรกับร้านหน้าตากุ๊กกิ๊กแบบนั้น แต่ก็ขัดไม่ได้
“นั่นแหละ”
ศุภโชคบอกแบบไม่ใส่ใจ เขาไม่ได้คิดจะไปตัดผมหรอก แต่เพราะสายเมื่อครู่ที่โทร. เข้ามาแจ้งว่าภัสสรกำลังเดินทางเข้าไปที่นั่น ในใจก็นึกถึงหน้าสวยของคนที่เจอเมื่อครู่นี้ เขาจำได้แล้วว่าเห็นหล่อนในแฟ้มข้อมูลที่เขาให้คนคอยรายงานเกี่ยวกับไอ้ตัวร้ายที่มันขยี้หัวใจเขา
“ลูกสาวงั้นเหรอ หึ...หัวใจของมึงเลยสินะ” พอนึกถึงปลายเหตุได้ ศุภโชคก็ต้องนึกถึงต้นเหตุที่ทำให้เขารักใครไม่ได้จนทุกวันนี้...ภัสสร...ถึงจะผ่านมาหลายปีที่เหมือนเขาปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป แต่เชื่อเถอะว่าศุภโชคมีเหตุผล และดูเหมือนว่าหมากตัวสำคัญที่จะช่วยให้เรื่องนี้จบลงแบบเสียน้ำตามากที่สุดก็โผล่หน้ามาให้เขาเห็นแล้ว
ชายหนุ่มสั่งเอสเพรสโซดับเบิลชอตแบบที่ต้องการใส่แก้วพกพา ก่อนจะเดินออกจากร้านก็ปรายตาไปมองมุมประจำที่หากผู้หญิงคนนั้นมาด้วยจะชอบนั่งนักหนา มุมปากกระตุกยิ้มแบบบอกตัวเองว่าเป็นยิ้มแค้น นึกถึงทีไรก็ยังเจ็บไม่เคยจางว่าทำไมหล่อนถึงทิ้งเขาไป ศุภโชคบอกตัวเองครั้งที่ไม่รู้กี่ล้านว่าที่ยังหวนนึกถึงเจ้าของนัยน์ตาหวานซึ้ง ปากเล็กช่างอ้อนนั้นเพราะเขาแค้น เขาเจ็บ และฝังใจกับสิ่งที่หล่อนทำ แต่ความชิงชังในใจที่มีต่อผู้หญิงคนนั้นไม่มากไปกว่าไอ้มาเฟียที่กล้าแย่งคนรักไปจากเขา
ศุภโชคคิดขำๆ ว่าถ้าสบโอกาสเมื่อไร คนอย่างเขาที่ตอนนี้เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ไม่ใช่นักศึกษาขอเงินพ่อแม่ใช้เหมือนแต่ก่อนจะเอาคืนคนคู่นั้น และทุกคนที่ไอ้วายร้ายรักให้สาสม ให้คุ้มกับที่เขาให้คนคอยรายงานข้อมูลของทั้งคู่ให้ทราบตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา เพราะความเจ็บยังทำให้เขานึกถึงหล่อน ดังนั้นไม่นานคงถึงคราวที่ใครสักคนต้องชดใช้
"ครับคุณอร คุณพ่อแจ้งแล้วครับ" ศุภโชคตอบรับคู่สนทนาระหว่างกลับมานั่งบนรถ เห็นสภาพการจราจรแล้วก็หวั่นใจว่าจะไปไม่ทันเห็นหน้าภัสสร เพราะหากพลาดคราวนี้ ตารางเขาคงวุ่นๆ ติดกันไปอีกหลายวัน ยิ่งได้พบลูกสาวของรณพลโดยบังเอิญเมื่อครู่ยิ่งทำให้รู้ว่ามีอีกหลายอย่างที่ต้องรีบจัดการ แต่จะให้รอจนกว่าจะได้ขึ้นมากรุงเทพฯ ครั้งหน้าเพื่อเจอหน้าหวานๆ ของหญิงสาวก็คงทนไม่ไหว เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาแม้จะบอกตัวเองให้เอาใจออกหาก แต่เขาก็ให้คนตามสืบ ตามดู และตัวเขาเองก็ตามไปมองอยู่แบบนี้
“เอาเป็นว่าวันเสาร์พบกันนะครับ ระหว่างนี้ขอผมพิจารณากรมธรรม์ก่อน”
ศุภโชควางสายหลังจากคุยรายละเอียดเกี่ยวกับประกันชีวิตแบบพรีเมียมที่บิดาเขาเลือกซื้อเป็นฉบับที่เท่าไรก็ไม่รู้ นัยหนึ่งเพื่อจัดการเงินนอกระบบให้ถูกกฎหมาย อีกนัยหนึ่งก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าพอตัว เพราะสามารถระบุดอกเบี้ยที่ผู้ซื้อต้องการในแต่ละปีได้ตามความต้องการ ซึ่งบริษัทประกันยินดีเสนอโพรโมชันพิเศษให้ลูกค้าระดับเขาเป็นการส่วนตัว
“คุณโชคมีนัดกินข้าวกับคุณแซนดี้เย็นนี้นะครับ” ยุทธเตือนทันทีที่ชายหนุ่มวางสาย เขาหมายถึงนัดของเจ้านายหนุ่มกับนางแบบดาวรุ่งพุ่งแรง ที่กำลังโด่งดังจากการประกวดสาวเซ็กซี่ประจำปีของนิตยสารเพื่อคุณผู้ชายโดยเฉพาะ
“อืม”
ศุภโชครับคำอย่างขอไปที ใจพลางนึกถึงแม่สาวหน้ามนที่บังเอิญเจอขณะเขามาพบลูกค้า กิริยาน่ารักเป็นธรรมชาติ ใบหน้าหวานละมุนสะดุดตาเขาตั้งแต่แรกเห็น เสียดายที่ซวยเกิดมาเป็นลูกสาวของคนชั่วๆ อย่างรณพล ไม่เช่นนั้นชีวิตอาจจะไม่ต้องเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้
“นายจะให้คุณแซนดี้มาหาที่คอนโดก่อนไหมครับ” ยุทธถามเอาใจนาย เผื่อนายจะอยากผ่อนคลายอารมณ์แบบถึงเนื้อถึงตัว
“ไม่ต้อง บอกให้ไปเจอกันที่ร้าน”
พูดจบศุภโชคก็กดกระจกกั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสารขึ้น เป็นสัญญาณว่าไม่ต้องการการรบกวนใดๆ
หากใครไม่รู้จักศุภโชคคงเห็นเขาเป็นผู้ชายหยาบกระด้าง ไม่ใส่ใจความรู้สึกใคร ที่สำคัญออกจะบ้างานจนเกินพอดี สาวๆ มีมาไม่ได้ขาด แต่กลับไม่ลงหลักปักฐานกับใครอย่างแท้จริง มีแค่ความสัมพันธ์ชั่วคราวหรือค้างคืนแค่นั้น จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเขาเป็นพวกกินกันเอง แต่ศุภโชคก็ไม่เคยสนใจ เพราะเขารู้ดีว่าสาเหตุใดที่ทำให้เขาไม่เปิดใจกับใคร...เพราะหญิงสาวที่เป็นรักแรกในอดีต
รถตู้อเนกประสงค์ราคาแพงจอดลงหน้าซาลอนชื่อดังที่เหล่าเซเลบ ไฮโซ และคนในวงการบันเทิงมักมาใช้บริการ ศุภโชคมีนัดแบบไม่ได้นัดกับสไตลิสต์ชื่อดังของเมืองไทย หลายครั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องตัดผม แต่เขาก็แวะเวียนมาทักทายเพราะรู้จักกันมาหลายสิบปี คราวนี้ก็เหมือนโชคจะช่วยเพราะคุณเป็ดออกมาส่งลูกค้าที่หน้าร้านพอดี ทำให้เห็นชายหนุ่มซึ่งกำลังก้าวลงจากรถ จึงเอ่ยทักขึ้นด้วยความดีใจ
"คุณโชค...จะมาทำไมไม่บอกก่อนคะ” เป็ดกราบแทบอกศุภโชคด้วยกิริยาชดช้อยเกินสตรี ชอบจริงๆ ผู้ชายหล่อล่ำปล้ำมันแบบนี้
ใบหน้าหล่อของศุภโชคมีรอยยิ้มตามมารยาทนิดหน่อยพอเป็นพิธี เขารีบยกมือไหว้หัวหน้าทีมผมแฟชั่นวีกชื่อดังแบบคนได้รับการอบรมมาดี ทั้งๆ ที่มือยังถือแก้วกาแฟที่ได้มาจากร้านประจำอยู่
“สวัสดีครับพี่เป็ด พอดีนัดแคนเซิลครับ ผมเลยแวะมา เผื่อจะมีคิวว่าง” ศุภโชคอ้อนเสียงหวานใส่คนที่รู้ดีว่าชอบส่งสายตาให้เขา คบเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องได้ แต่เขาไม่ได้นิยมแบบนี้
“แหมมม ไม่ว่างพี่ก็ต้องว่างให้คุณโชค” เป็ดยกมือเกลี่ยผมของชายหนุ่มที่สูงเลยตัวเขาไปมาก อาจจะยังไม่ต้องตัด แต่ได้แต่งสักหน่อยก็คงยิ่งทำให้ศุภโชคดูเฉียบขึ้น
“ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้บอกก่อน” ชายหนุ่มเอ่ยอีกที พยายามสอดส่ายสายตามองหาคนที่เขามาแอบมองเพราะยังไม่ได้รับแจ้งจากสายสืบว่าหล่อนออกจากที่นี่ไปแล้ว
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ นี่พี่เพิ่งเซตผมลูกค้าสุดที่รักอีกคนเสร็จพอดี”
เป็ดผายมือเข้าไปในร้าน เป็นจังหวะที่ศุภโชคมองตามมือเข้าไป แล้วหัวใจก็เกือบหยุดเต้นเมื่อประตูกระจกอัตโนมัติเปิดออก ให้เห็นใบหน้าสวยของคนที่เคยเป็นเจ้าของหัวใจในอดีต หล่อนกำลังยิ้มหวานให้พนักงานที่ยืนอยู่ด้านในร้าน หัวใจศุภโชคกระตุกวูบเหมือนทุกครับที่มาแอบมอง...เจ็ดปี...ภัสสรยังเหมือนเจ็ดปีที่แล้วไม่มีผิด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน มือแกร่งกำแก้วกาแฟที่ได้มาจากร้านโปรดของเธอแน่นราวกับจะเตือนสติตัวเองว่านี่ไม่ได้กำลังฝันไป คนตรงหน้าไม่ใช่ภาพลวงตา นี่ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เผชิญหน้ากันตรงๆ หลังจากห่างกันไป
“โชค...” ภัสสรหลุดเสียงออกมาเหมือนพึมพำกับตัวเองมากกว่าจะเป็นการเรียกชื่ออีกฝ่าย เบาจนเกือบจะเป็นกระซิบ ใบหน้าซีดเผือด รอยยิ้มหวานหายไปจากหน้าสวย นานแล้วสินะที่ภัสสรไม่ได้เจอผู้ชายตรงหน้าเลย ตั้งแต่วันที่หล่อนตัดสัมพันธ์กับเขาไป ร่างสูงใหญ่ตรงหน้าดูดีขึ้นตามอายุแบบบุรุษโตเต็มวัย เขาดูคมสันกว่าคราวที่ได้พบกันครั้งแรก ร่างสูงกำยำแบบคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ไม่ผอมชะลูดเหมือนสมัยก่อน
ฟากศุภโชคเองก็ไม่แพ้กัน เพิ่งรู้สึกในวันนี้ว่าแผลในอดีตที่คิดว่าหายแล้ว แต่จริงๆ ใจยังกรุ่นๆ อยู่ ผู้หญิงคนนี้ได้หัวใจเขาไปตั้งแต่แรกเห็นเมื่อหลายปีก่อน และเป็นคนเดียวกับที่ทิ้งหัวใจเขาเพื่อไปคบกับลูกนักการเมืองใหญ่ ศุภโชคพยายามไม่เข้าเมืองกรุงอยู่นานเพราะไม่อยากพบภัสสร แต่ก็ทำได้อยู่แค่สามเดือน จากนั้นก็ให้คนคอยติดตามแจ้งข่าว และแอบตามไปดูว่าหล่อนมีความสุขดีหรือไม่ทุกครั้งที่เขาขึ้นมาจากภูเก็ต จนยุทธซึ่งเป็นคนสนิทเคยใจกล้าเอ่ยถามว่าถ้าแค้นจะอยากรู้เรื่องของภัสสรไปทำไม แถมยังบอกทุกคนว่าเลิกรักผู้หญิงคนนี้ไปแล้วด้วย และเขาตอบไปว่าแค่แค้น...ไม่ได้รัก
จนเมื่อไม่นานมานี้ บิดาของเขาเริ่มวางมือจากธุรกิจ ทำให้ศุภโชคต้องเข้ามาดูแลบริษัททั้งหมด มีเหตุให้ต้องขึ้นกรุงเทพฯ บ่อยครั้งกว่าที่ชายหนุ่มพยายามหาเรื่องมา
ความรู้สึกหวิวในหัวอกที่เกิดขึ้นคือความเจ็บ แค้น และโกรธที่คนสวยคนนี้บังอาจทิ้งเขาไป...ใช่ไหม
“แพท ไม่เจอกันนาน สบายดีนะ” ประโยคทักเหมือนคนไม่รู้สึกอะไร แต่ในใจสับสนร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก นี่คือความแค้นใช่ไหมที่รู้สึก ศุภโชคพยายามหาคำตอบให้อาการใจเต้นไม่เป็นส่ำ เหงื่อออกท่วมตัว
“สะ...สบายดี โชคล่ะคะ” ภัสสรพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติ หน้าสวยเริ่มมีสีเลือดขึ้นมานิดหนึ่ง ตรงหน้าคือคนที่หล่อนพูดได้เต็มปากว่ารัก
“ก็สุกๆ ดิบๆ ตามประสา”
ชายหนุ่มตัวโตไหวไหล่เล็กน้อย แต่ก่อนที่สองหนุ่มสาวจะได้ย้อนความหลังกันไปมากกว่านี้ เป็ดผู้ยืนฟังเป็นพยานอยู่นานก็เอ่ยขึ้นขัดจังหวะการสนทนา
“รู้จักกันเหรอคะ คุณโชค น้องแพท" เป็ดยกมือขึ้นทาบอก สัญชาตญาณกะเทยมักแรงเสมอ สองคนนี้ไม่รู้จักกันธรรมดาแน่ นัยน์ตาไหววูบของศุภโชคกับอาการก้มหน้าลงต่ำของภัสสร หน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด กำลังบอกเขาว่าสองคนนี้มีซัมติงรองเกินกว่าคนที่รู้จักกันทั่วไป
“ครับ นานแล้ว หลายปี”
เสียงศุภโชคแข็งกระด้างเหมือนคนไม่แคร์กัน คงมีแต่แววตาเว้าวอนนั่นละที่พอบอกได้ว่าสองคนนี้มีเรื่องอะไรกันมาก่อน แถมอาการไม่สบตาคนของภัสสรอีก ทำให้เป็ดมั่นใจว่าต้องเคยกินกันแน่ๆ แต่ยังไม่ทันได้ขุดคุ้ยอะไรต่อไป ฝันของการที่จะเผือกเรื่องชาวบ้านก็ต้องสลาย เพราะภัสสรเอ่ยปากขอลาจากสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันตรงนี้
“แพทไปก่อนนะโชค เดี๋ยวมีนัดตอนเย็น นี่ยังมีธุระต่ออีกสองที่”
ภัสสรหมายถึงนัดทำเล็บที่ดูจะสำคัญระดับชาติขึ้นมาทันที เพราะต้องการปลีกตัวจากสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนนี้ หลายปีแล้วที่ไม่ได้เจอผู้ชายตรงหน้า ไม่รู้ว่าควรทำตัวและพูดจาอย่างไรให้เหมาะสม
ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่รู้ผีตนใดเจาะปากให้พูด ศุภโชคเอ่ยปากออกไปแล้วก็อยากชกปากตัวเอง “งั้นขอเบอร์แพทไว้หน่อยสิ ไว้ดื่มกาแฟกัน โชคต้องขึ้นกรุงเทพฯ บ่อยๆ”
พูดจบศุภโชคก็ลูบต้นคอแก้เก้อ แสดงกิริยาเขินอายที่ไม่เคยปรากฏให้ใครได้เห็นออกมาแบบไม่รู้ตัว
ภัสสรอึกอักอยู่พักใหญ่ก่อนจะบอกเบอร์แบบอ้อมแอ้ม เพราะกลัวช่างผมชื่อดังจะจับพิรุธได้ แล้วจึงขอตัวออกไปทำธุระอย่างที่บอกไว้ ปล่อยให้เป็ดพาศุภโชคเข้าร้านไป
“คุณโชครู้จักกับน้องแพทหรือค้า” พี่เป็ดของเหล่านายแบบนางแบบถามขึ้นระหว่างเล็มผมบนศีรษะทุยของชายหนุ่มให้เข้าที่เข้าทางตามที่เห็นว่าเหมาะกับศุภโชค
“ครับ”
ชายหนุ่มตอบแค่สั้นๆ พลางไถสมาร์ตโฟนตรวจดูความเป็นมาเป็นไปในตลาดหลักทรัพย์ทั้งไทยและเทศ ไม่ใส่ใจที่จะตอบคำถามของช่างผมสักเท่าไร ทั้งที่ในความทรงจำของเขาตอนนี้ไหลย้อนกลับไปยังวันแรกที่ได้พบภัสสรเสียแล้ว เขาพยายามเพ่งสายตาให้อยู่ที่ข่าวคราวทางการเงิน แต่ก็หยุดคิดเรื่องหล่อนไม่ได้สักวินาที
“รู้จักกันเมื่อไหร่คะ มองเขาตาละห้อยเชียว น้องแพทนี่มีแฟนแล้วนะคะ คุณโชคทราบไหม แฟนแกโหดยังกับอะไร เห็นเขาว่าหวงน่าดู รักกันตั้งหลายปีตั้งแต่น้องแพทเรียนจบกลับมาจากเมืองนอก เมื่อไรจะแต่งงานก็ไม่รู้”
เป็ดพูดไปเรื่อยเปื่อย มือไม้ก็ทำงานด้วยความเคยชิน ไม่ทันเห็นศุภโชคบดกรามแน่น แววตาไม่พอใจฉายชัด
ไม่...เขาไม่อยากได้ยินเรื่องของคนคู่นี้ ยิ่งฟังยิ่งเจ็บแปลบในอก ถ้าไม่เลิกกัน ป่านนี้เขากับภัสสรคงแต่งงานมีเจ้าตัวน้อยๆ วิ่งเต็มบ้านแล้ว สิ่งที่ไหลย้อนกลับมาในห้วงความทรงจำเด่นชัดมากยิ่งขึ้นทุกที
"นานละครับ ตั้งแต่สมัยเรียนเมืองนอก ไม่ได้เจอกันอีกเลยตั้งแต่เขาตัดสินใจคบกับคนนี้"
เป็ดยังพูดพล่ามอะไรอีกหลายอย่างเกี่ยวกับภัสสรและรณพลตลอดการตัดผม ซึ่งศุภโชครู้สึกว่ามันยาวนานชะมัด แต่หนุ่มหล่อไม่ได้โต้ตอบอะไร เพราะโดนเหตุการณ์ในอดีตดูดไปเป็นที่เรียบร้อย
ความคิดเห็น |
---|