2
เก้าปีก่อน
ศุภโชคกับภัสสรรู้จักกันครั้งแรกตั้งแต่สมัยที่ทั้งสองไปเรียนปริญญาตรีที่อังกฤษ เริ่มต้นความสัมพันธ์จากความเป็นเพื่อน เพราะบิดาของทั้งสองฝ่ายคุ้นเคยกันอย่างดี ที่บ้านศุภโชคทำธุรกิจเรือยอชต์ทั้งขาย เช่า และดูแลรักษา รวมถึงท่าจอดครบวงจร
ฟากภัสสรเป็นสาวสวยทายาทตระกูลผู้มีอันจะกินแบบที่ฝรั่งเรียกว่าพวกแลนด์ลอร์ด แม่ของภัสสรเป็นผู้ดีชาววัง สืบเชื้อสายมาจากราชสกุลเก่าแก่ มีสมบัติพัสถานเป็นที่ดินทั่วเมืองกรุงและหัวเมืองใหญ่ๆ จับพัดจับผลูมาตบแต่งกับบิดาที่เป็นนักธุรกิจใหญ่ มีวิสัยทัศน์ทำที่ดินให้เป็นทอง สร้างห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางกรุงเทพฯ เป็นแหล่งบันเทิงของคนรวยเมืองกรุง ทั้งสองครอบครัวคุ้นเคยกันดีเพราะครอบครัวภัสสรขายที่ดินริมทะเลน้ำลึกขนาดใหญ่ให้ตระกูลติยวัฒน์เพื่อนำมาทำเป็นท่าเรือยอชต์ เมื่อค้าขายกันถูกใจจึงสืบเนื่องเป็นความสัมพันธ์ฉันมิตรกันต่อมา
เมื่อทั้งสองถูกบุพการีส่งไปเรียนต่อ ความที่คนไทยในอังกฤษยังน้อยกว่าสมัยนี้ กอปรกับสองครอบครัวรู้จักกันเป็นอย่างดี และเช่าห้องพักหรูหราให้สองหนุ่มสาวบนตึกเดียวกันเพื่อจะได้ช่วยดูแลกัน ภัสสรและศุภโชคเลยกลายเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วันแรกที่บิดาศุภโชคสั่งให้เขาไปรับสาวน้อยที่สนามบิน โดยภัสสรเด็กกว่าศุภโชคสี่ปี แต่ด้วยความที่ศุภโชคเรียนช้าและภัสสรเรียนเร็วเลย เลยทำให้ในวันนั้นขณะที่หญิงสาวแรกแย้มกำลังจะเป็นเฟรชชี่ในมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มยังเรียนอยู่ชั้นปีสุดท้าย ซึ่งตัวศุภโชคนั้นมีแผนที่จะเรียนต่อปริญญาโท
ภาพหญิงสาวใส่เสื้อไหมพรมคอเต่ากับกางเกงยีนพร้อมบูทสูงถึงเข่า ลากรถเข็นกระเป๋าเดินทางใบเขื่องหกใบ สูงจนไม่เห็นหัวคนเข็นยังแจ่มชัดเสมอ
วินาทีที่หญิงสาวหน้าใสตาเป็นประกาย รวบผมยาวสวยเป็นหางม้าไว้ด้านหลังยกมือไหว้เขาพร้อมส่งยิ้มหวานจับใจ ทำเอาหัวใจเขาตกเป็นของเธอตั้งแต่แรกเห็น
“พี่โชคใช่ไหมคะ แพทค่ะ คุณพ่อบอกพี่โชคจะมารับ เอารูปให้ดูจะได้ไม่พลาด โห...ตัวจริงพี่โชคหล่อกว่าในรูปอีกนะคะ”
สาวน้อยทักเขาเจื้อยแจ้ว แต่โชคไม่ได้สนใจฟัง ดวงตาจับจ้องที่ปากเล็กรูปกระจับสีแดงซึ่งดึงดูดทุกอย่างไปจากเขา จนพานคิดว่าอาการนี้คือเขากำลังจะเป็นลมหรือเปล่า แต่ปากก็คุยกับคนสวยจับใจคนนี้ไปเสียแล้ว
“ไม่ต้องเรียกพี่หรอก เรียนอันเดอร์แกรดเหมือนกัน มา...ผมเข็นให้”
ศุภโชคแสร้งเปลี่ยนเรื่องปกปิดความต้องการในดวงตา ตั้งใจว่าจะเรียนๆ ให้จบแล้วกลับบ้าน ไม่สานสัมพันธ์ฉันคนรักกับใครที่ไหน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้ว
ความสัมพันธ์ของเขากับภัสสรพัฒนาไปอย่างมั่นคง ทุกๆ ปิดเทอมและรีดดิงวีกที่มหาวิทยาลัยหยุดให้ เขาและภัสสรจะเดินทางกลับประเทศแม่ โดยเขาจะบินต่อลงไปภูเก็ต ในขณะที่ภัสสรใช้เวลากับบุพการีที่กรุงเทพฯ ด้วยความสวยบาดตาและครอบครัวมีพื้นที่ในวงสังคมทำให้ภัสสรเป็นที่รู้จัก หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ตามจีบกันเป็นแถว
จนวันนั้น วันที่เขาศึกษาจนจบปริญญาโทใบที่หนึ่ง และกำลังจะกลับไปศึกษาปริญญาโทใบที่สองเพื่อรอเวลาให้ภัสสรที่ยังต้องเรียนปริญญาตรีปีสุดท้ายจบ บุรุษหน้าตาท่าทางดีที่อาจจะไม่ได้สูงสง่าด้วยความสูงร้อยเก้าสิบกว่าแบบเขา แต่ความสูงร้อยแปดสิบสองสำหรับชายไทยก็เรียกได้ว่าดูดีมาก หน้าตาหล่อแบบคนจีน คิ้วเข้ม หน้าผากกว้างแบบคนโหงวเฮ้งดี ท่าทางกำยำ กล้ามแขนเป็นมัดๆ ประกอบกับรังสีบางอย่างที่แผ่ออกจากตัว ทำให้รู้ว่าคนคนนี้ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา ก็ปรากฏขึ้นในชีวิตของทั้งคู่
ภาพบุรุษผู้มาใหม่พร้อมผู้ติดตามอีกสามสี่คนเดินมาส่งภัสสรที่เช็กอินอยู่ที่เคาน์เตอร์สายการบิน พูดคุยกันด้วยกิริยาสนิทสนม ถึงแม้จะไม่มีการถูกเนื้อต้องตัว แต่ก็พอสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคย ภัสสรยังยิ้มหวานให้ศุภโชคตามเดิมเมื่อเขาเดินไปใกล้ และแนะนำผู้ชายทั้งสองให้รู้จักกันด้วยท่าทางสบายๆ
"โชคคะ นี่คุณรณพล เพื่อนคุณภัทรค่ะ"
ภัสสรหมายถึงภัทร พี่ชายคนโตของหล่อน บ้านหล่อนมีธรรมเนียมแปลกๆ ไม่เรียกพี่เรียกน้อง แต่กลับใช้คำว่าคุณนำหน้าชื่อกัน
ศุภโชคยกมือไหว้บุรุษเบื้องหน้า เพราะหากเป็นเพื่อนคุณภัทรก็ต้องแก่กว่าเขาเกือบสิบปี
รณพลรับไหว้แล้วยิ้มรับด้วยท่าทางเป็นกันเอง "แฟนหรือคะคุณแพท"
ภัสสรไม่ได้ตอบ แต่ยิ้มเขินพร้อมกับสอดแขนและซบหน้ากับต้นแขนชายหนุ่มแบบไม่คิดจะปิดบังความสัมพันธ์ ทำให้ใจที่ร้อนรุ่มของศุภโชคทุเลาลง ยอมยิ้มให้คนที่ทำเขาหึงไปเรียบร้อย
"โชคดีจังครับคุณโชค ได้แฟนแบบคุณแพท ดูแลดีๆ นะครับ ถ้าเผลอ มีคนจ้องขโมยแน่ๆ”
รณพลพูดแบบคนอารมณ์ดีตามเคย แต่แววตาที่สบกับตาศุภโชคนั้นมีความเย้ยหยัน ทว่าภัสสรไม่ทันได้เห็นเพราะมัวแต่ควานหาพาสปอร์ตในกระเป๋าถือ เตรียมเช็กอินที่เคาน์เตอร์ของสายการบิน
"แหม คุณพลก็พูดเกินไปค่ะ ไว้เจอกันนะคะ เที่ยวกับคุณภัทรให้สนุกค่ะ”
หญิงสาวยกมือไหว้ลาชายหนุ่มมากวัยกว่าก่อนจะชี้ชวนศุภโชคให้เดินไปจัดการตามขั้นตอนของการตรวจคนเข้าเมืองตามระเบียบ
...
“สนิทกันเหรอ”
อยู่ดีๆ ชายหนุ่มก็พูดขึ้นลอยๆ เพื่อถามแฟนสาวที่พิงหัวซบต้นแขนเขาอ่านหนังสือในห้องรับรองพิเศษของผู้โดยสารชั้นธุรกิจ หลังจากผ่านขั้นตอนต่างๆ ของสนามบินเรียบร้อยแล้ว
“หืม หมายถึงใครคะโชค”
"เพื่อนคุณภัทร" ศุภโชคถามสีหน้าเรียบ แต่เสียงเรียบกว่า
"อ่อ ก็เจอที่บ้านนั่นแหละ หลายครั้ง เขาเรียนที่บอสตันกับคุณภัทรน่ะ เห็นว่าเพิ่งกลับมา เลยมาเยี่ยมคุณภัทรบ่อย เขาวางแผนไปบาชเลอร์ไนต์กัน" ภัสสรหมายถึงงานเลี้ยงสละโสดของพี่ชายคนโตที่กำลังจะหมั้นในอีกสองเดือนข้างหน้า
"นี่เขาไปเวกัสกันอาทิตย์นึง ไฟลต์บินใกล้ๆ เราละ วันนี้แพทก็มาสนามบินกับคุณภัทรนะคะ"
“อืม”
ศุภโชคไม่ได้ถามอะไรอีก เพราะเชื่อใจในสิ่งที่แฟนสาวพูด จึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องคุยสัพเพเหระตามประสาคู่รัก จนได้เวลาขึ้นเครื่องจึงพากันเดินไปที่ประตูทางออกที่แจ้งไว้ในบัตรโดยสาร
เหตุการณ์ดำเนินไปด้วยดี จนวันที่ภัสสรเดินทางไปออกซฟอร์ดกับเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัย เพื่อวาดภาพส่งอาจารย์เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนเรียนจบ ศุภโชคก็เลยตัดสินใจไปแฮงก์เอาต์ตามบาร์กับเพื่อนๆ บ้าง เพราะหากภัสสรไม่ได้ไปไหน เขาก็ชอบที่จะใช้เวลาอยู่กับหล่อนมากกว่า
และวันนั้นลิซ่า เพื่อนสมัยเรียนปริญญาตรีของศุภโชคจับรถไฟมาจากบอร์นเมาท์ และโทร. บอกชายหนุ่มหลังจากที่เจ้าตัวลงจากรถไฟพร้อมแฟนหนุ่มว่าจะขอมาพักที่ห้องของเขาซึ่งมีห้องสำหรับรับรองแขก เขาก็ไม่เห็นว่าจะไม่เหมาะสมตรงไหนเพราะไม่ได้อยู่กันสองต่อสอง และชวนทั้งสองไปดื่มกันที่บาร์จนสนุกไปหน่อย เขาขอตัวกลับก่อนเพราะอาการมึนเมา ลิซ่าเองก็มีกุญแจสำรองที่เขาให้ไว้ ศุภโชคจึงไม่ได้ห่วงสวัสดิภาพเพื่อนคนนี้ เพราะอย่างไรเสียก็มีแฟนของเจ้าตัวคอยดูแล จึงอาบน้ำเข้านอนโดยไม่ได้ใส่ใจจะลุกขึ้นมาดูเมื่อได้ยินเสียงขลุกขลักตอนเกือบเช้า เพราะคิดว่าเพื่อนคงกลับมาแล้วโดยสวัสดิภาพ
รุ่งขึ้นเขาเจอโน้ตเล็กๆ แปะไว้ที่หน้าตู้เย็นว่าลิซ่าขึ้นรถไฟกลับบอร์นเมาท์ไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจ เย็นวันนั้นภัสสรแวะมาทักทายเขาที่ห้องพัก และชวนกันออกไปกินอาหารจีนที่ไชนาทาวน์ ก่อนแยกย้ายกันศุภโชคขึ้นไปส่งภัสสรที่ห้องพักซึ่งอยู่สูงกว่าห้องพักเขาชั้นหนึ่ง เขาดึงหญิงสาวเข้ามากอดและจูบหนักๆ ที่หน้าผาก แต่ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น
"พรุ่งนี้แพทจะซักผ้า โชคมีอะไรซักไหมคะ" ภัสสรมักดูแลเขาเช่นนี้เสมอ ตามประสานักเรียนนอกที่ต้องดูแลตัวเอง
"มีมั้ง อย่างน้อยก็ผ้าปูห้องแขก เมื่อคืนเพื่อนผมมาจากบอร์นเมาท์" ศุภโชคบอกหญิงสาวในอ้อมกอด มือลูบหลังบอบบางเบาๆ ภัสสรสูงถึงร้อยเจ็ดสิบ แต่ยังดูเป็นคนตัวเล็กเมื่อยืนกับเขา
"งั้นแพทเอาผ้าตัวเองใส่เครื่องแล้วจะลงไปห้องโชคนะคะ" แฟนสาวเขย่งจูบปลายคางที่มีเคราเขียวครึ้มขึ้นรำไร "ราตรีสวัสดิ์ค่ะ"
วันต่อมาภัสสรลงมาหาเขาเกือบเที่ยง หลังจากเตรียมอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้วจึงเข้าไปจัดการกับตะกร้าผ้าในห้องแต่งตัวเขา ก่อนจะเข้าไปในห้องนอนแขกเพื่อดูดฝุ่น ทำความสะอาดห้องง่ายๆ กับเอาขยะในห้องน้ำแขกมารวมเพื่อให้ศุภโชคเอาไปหย่อนช่องทิ้งขยะ ภัสสรหายเข้าไปในห้องนอนแขกนานพอสมควรจนศุภโชคที่ตักข้าวรอจนข้าวเกือบเย็นต้องเดินเข้าไปตาม คิดว่าเจ้าตัวคงง่วนกับการปัดกวาดเช็ดถู แต่กลายเป็นว่าเจอภัสสรนั่งอยู่ปลายเตียง หน้าตาซีดเผือด ผ้าห่มผ้าปูที่นอนถูกถอดออกจากที่นอนรวมอยู่ในตะกร้าผ้าของเขาเรียบร้อย ในมือหญิงสาวมีถังขยะอยู่
"แพท ทำอะไร นั่งกอดถังขยะอยู่ทำไม ผมหิวข้าวแล้ว" ศุภโชคทำท่าจะเดินเข้าไปหาคนรัก แต่ภัสสรรีบลุกขึ้นก่อนวางถังขยะลงที่พื้น หายใจเข้าลึกๆ สองสามทีก่อนจะยิ้มหวานให้ศุภโชค
"ไปทานข้าวก่อนก็ได้ค่ะโชค เดี๋ยวแพทมาจัดการต่อ"
ภัสสรฉีกยิ้มให้แฟนหนุ่ม แต่นัยน์ตาไม่ยิ้มตาม ศุภโชคไม่ทันสังเกตเพราะมัวแต่หิวข้าว เลยรีบจูงมือคนรักออกไปรับประทานอาหารกลางวันที่ตระเตรียมไว้
ตลอดมื้ออาหารภัสสรนั่งเขี่ยข้าวไปมา แทบจะไม่ตักอะไรเข้าปาก ไม่มีเสียงสนทนาตอบรับอย่างออกรสเหมือนทุกที ปล่อยให้ชายหนุ่มดำเนินบทสนทนาคนเดียวจนศุภโชคเริ่มรู้สึกตัว เพราะแต่ไหนแต่ไรคนที่พูดเจื้อยแจ้วคือหญิงสาวตรงหน้า
"เป็นอะไรคุณแพท เหนื่อยเหรอ ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องทำ เดี๋ยวเมดก็มา"
ศุภโชคแทนตัวแฟนสาวแบบที่ใช้เวลารู้ว่าหล่อนไม่พอใจพร้อมเอามือลูบหัวหญิงสาว ภัสสรเบี่ยงหัวออก เม้มปาก วางช้อนส้อม กลั้นน้ำตา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพักแขก แล้วหิ้วถังขยะติดมือออกมา
"เมื่อคืนเพื่อนโชคมานอนกี่คนคะ"
"ลิซ่าไง คนเดียว แพทก็รู้จัก"
ภัสสรพยักหน้า เม้มปากแน่น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้เตลิดไปกว่านี้ "ออกไปดื่มมาด้วยใช่ไหม"
ได้ยินแบบนั้นศุภโชคก็ทำหน้างง เพราะแต่ไหนแต่ไรหญิงสาวไม่เคยมีปัญหาที่เขาจะออกไปไหน มีแต่ตัวชายหนุ่มเองนี่ละที่อยากอยู่ติดบ้านกับหล่อน แต่ก็พยักหน้าตอบคนรักไปตามความจริง
"ใช่ ก็บอกแพทแล้วไง นี่เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นทูนหัว" ชายหนุ่มลุกขึ้นหมายจะเดินไปหาหญิงสาวที่ออกอาการแปลกไปทุกที ยิ่งตอนนี้ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะภัสสรไม่รอให้ศุภโชคเดินมาถึงตัว หล่อนโยนถังขยะใส่เขาที่ไม่ทันตั้งตัว เศษขยะข้างในตกออกมาเกลื่อนกลาด ศุภโชคตกใจตาเบิกกว้างเมื่อเห็นเศษอุปกรณ์คุมกำเนิดใช้แล้วหลายชิ้นหล่นออกมาจากถังขยะ
"แพทรู้ว่าผู้ชายมีความต้องการ แต่ก็ไม่คิดว่าโชคจะทำถึงขนาดนี้นะคะ" ภัสสรตัดพ้อทั้งน้ำตา ไหล่บอบบางโยกตามจังหวะการสะอื้น ดูน่าสงสารจนใจชายหนุ่มร้อนวาบไปหมด
ศุภโชคพยายามรั้งตัวหญิงสาวเข้ามาในอ้อมกอดเพื่อปรับความเข้าใจ แต่ภัสสรสะบัดทิ้ง แข็งข้อใส่เขาแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
"ปล่อยแพทค่ะ แล้วโชคทานข้าวต่อนะคะ ลองทบทวนตัวเองดู แพทขอตัว" ภัสสรพูดจบก็เดินออกจากห้องไปทั้งที่น้ำตายังไหลนองหน้า
ศุภโชคใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะตั้งสติได้ ก่อนจะโทร. หาลิซ่าตัวต้นเหตุแล้วพบว่าไม่สามารถติดต่อเพื่อนสาวได้ กว่าจะได้เบอร์ที่พักของเพื่อนคนนั้น พยายามต่อสายโทร. เข้าบ้านก็พบว่าลิซ่าเดินทางไปเยอรมนีตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว
เมื่อไร้พยานหลักฐาน ศุภโชคก็ได้แต่นั่งกุมขมับ ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร จึงเดินขึ้นไปหาภัสสรที่ห้อง กะว่าต่อให้ไม่มีอะไรมายืนยัน เขาก็ต้องพูดจากับหล่อนให้รู้เรื่อง เคาะประตูอยู่หลายสิบนาทีกว่าภัสสรจะเปิดประตูให้ ตาแดงก่ำแบบคนร้องไห้มานาน เล่นเอาชายหนุ่มที่นั่งไม่เป็นสุขมาหลายชั่วโมงทุกข์หนักขึ้นไปอีก
"โชคกลับไปก่อนนะคะ แพทอยากอยู่คนเดียว" หญิงสาวหลบตา มองพื้นตลอดเวลาที่ศุภโชคพยายามงอนง้อ
"ฟังผมก่อน ผมไม่ได้ทำอะไรกับลิซ่านะ ผมเมากลับมาก่อนด้วยซ้ำ แพทเชื่อผมนะครับ"
"แพทยังไม่อยากฟัง ยิ่งโชคบอกโชคเมา แพทยิ่งไม่อยากฟังค่ะ" เพราะการเมานำไปสู่เรื่องไม่คาดฝันได้มากมาย น้ำตาหญิงสาวไหลรินออกมา เนื้อตัวสั่น เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งจินตนาการไปกันใหญ่ว่าเรื่องเกิดขึ้นจริง หลักฐานที่เห็นเป็นไปตามเนื้อผ้า
ในขณะที่ศุภโชคยื้อยุดอยู่นาน ไม่ยอมทิ้งหญิงสาวไว้คนเดียว แต่ยิ่งพูดเท่าไร ภัสสรก็ยิ่งร้องไห้จนเขาใจเสียไปด้วย เลยตัดสินใจปล่อยให้หญิงสาวอยู่คนเดียว กะว่าพรุ่งนี้จะขึ้นไปนั่งรอยืนรอ ยังไงเสียเรื่องนี้ก็ต้องพูดกันให้รู้เรื่อง
แต่กลับกลายเป็นว่าทุกวันหลังจากนั้น ไม่ว่าศุภโชคจะพยายามไปหาหล่อนที่ห้องพักเช้าแค่ไหน รอนานเท่าไร ก็ไม่มีใครเปิดห้องรับ เล่นเอาเขาแทบบ้า เกือบได้หอบผ้าผ่อนมานอนเฝ้าเสียแล้ว แต่ก็ติดว่าเขาต้องพบกับอาจารย์ที่ปรึกษาติดๆ กันหลายวัน จนวันนี้ที่เขาตั้งใจว่าเกิดคอมพิวเตอร์กับหนังสือที่ยืมจากห้องสมุดเสร็จสิ้นก็จะขึ้นไปหาคนรักที่ปิดกั้นการติดต่อทุกช่องทางจากเขา เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะทนรอจนกว่าได้พูดคุยกัน แต่วินาทีที่เปิดประตูเข้าห้องพักหล่อนได้ ศุภโชคก็พบกระดาษใบเล็กจากภัสสรสอดอยู่ใต้ประตู
โชค...
แพทจะกลับบ้านสองสัปดาห์เพื่อช่วยงานหมั้นคุณภัทร ขอให้โชคใช้เวลาระหว่างนี้ทบทวนดูว่าเรื่องระหว่างเรามันคือความรัก หรือความใกล้ชิด สำหรับแพท แพทรู้ใจตัวเองดีเสมอ และพร้อมจะยอมรับการตัดสินใจของโชค ไว้แพทกลับมาค่อยคุยกันนะคะ
ดูแลตัวเองด้วย แพทเป็นห่วงคุณ
แพท
ศุภโชคแทบไม่ต้องใช้เวลาสองสัปดาห์ที่ภัสสรกลับบ้านในการตอบหัวใจตัวเอง ภาพสาวน้อยวัยสิบแปดเข็นรถเข็นกระเป๋าเดินทางหลายใบยังอยู่ในหัวใจเขาเสมอ รอยยิ้มหวานปานน้ำผึ้งนั้นทำให้เขารู้และเข้าใจว่าการตกหลุมรักใครสักคนตั้งแต่แรกเห็นเป็นอย่างไร ศุภโชคจึงตั้งใจว่าภัสสรกลับมาคราวนี้เขาจะบอกในสิ่งที่ควรบอกมาเนิ่นนาน เพื่อให้หล่อนกลับมาเป็นของเขา
กรุงเทพมหานคร
"คุณแพทของแม่ เป็นอะไรคะ ยังปรับเวลาไม่ได้หรือลูก" ภัสราถามบุตรสาวที่นั่งนิ่งอยู่ริมหน้าต่าง ท่าทางเหม่อลอยเหมือนคนมีเรื่องต้องคิด แต่พอได้ยินเสียงบุพการีก็หันมายิ้มหวานให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เปล่าคะคุณแม่ แพทปวดหัวนิดหน่อย ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมคะ คุณภัทรอยากให้แพทช่วยอะไรอีกหรือเปล่า"
ภัสสรถามมารดาที่สูงวัยแล้ว แต่ยังคงมีใบหน้าและทรวดทรงที่งดงามอย่างคนดูแลตัวเองดี ไม่บอกจะไม่เชื่อเลยว่าสตรีมีเชื้อสายนางนี้มีลูกชายตัวโตสามคนกับลูกสาวแสนสวยอีกหนึ่งคน
"เรียบร้อยแล้วละค่ะ วันนี้เพื่อนๆ คุณภัทรจะมาทานข้าวที่บ้านนะคะ บางคนขนของที่จะใช้นอนค้างวันพรุ่งนี้มาไว้ด้วย เพราะขันหมากเช้าน่าดู ลงไปทานข้าวกันนะคะ ไปช่วยคุณภัทรดูแลแขกกัน"
ภัสราชวนบุตรสาวให้ลงไปรับรองแขก ท่าทางไม่สบายใจของภัสสรทำให้หล่อนมั่นใจว่ามีเรื่องอะไรสักอย่างรบกวนจิตใจบุตรสาวคนเล็ก แต่ด้วยความที่มักให้ลูกๆ ตัดสินใจแก้ไขปัญหาของตัวเองมาตลอด ภัสราจึงเลือกที่จะไม่เซ้าซี้หาต้นเหตุ แต่ชวนสาวน้อยตรงหน้าทำกิจกรรมอื่นเพื่อเบนความสนใจให้ลูกคลายเศร้าแทน
"ไอ้ภัทร ไหนบอกน้องสาวมึงกลับมาจากอังกฤษ ไม่ลงมาเหรอวะ หรือไม่อยู่บ้าน" รณพลถามถึงแม่สาวคนสวยที่เขาติดใจตั้งแต่เจอเมื่อสามเดือนก่อน
"ไอ้ห่า ตกลงมาหากูหรือมาหาน้องกู"
ภัทรกระเซ้าเพื่อนสนิทที่เรียนหนังสือด้วยกันที่ต่างประเทศมาตั้งแต่ยังเด็ก รู้จักกันเกือบยี่สิบปี ทำไมจะไม่รู้ว่ามันคิดกับน้องสาวเขาอย่างไร ก็รู้อยู่ว่าภัสสรมีคนรักที่คบกันขึ้นปีที่สาม ทางโน้นก็เป็นคนดีมีชาติตระกูล ดูแลน้องสาวเขาเป็นอย่างดี แต่สิ่งที่เขารู้เป็นสารแบบผ่านๆ ที่ได้ยินน้องชายคนเล็กพูดกับมารดา
"ฮ่าๆๆ น้องมึงสวย กูชอบ ไม่เห็นหน้าแล้วนี่กูกินข้าวไม่ลงเลยนะ ไปตามหน่อยดิวะ เดี๋ยวลูกกูมาแล้ว แป๊บเดียวกูก็ต้องกลับ"
รณพลพูดถึงเจติยา บุตรสาววัยสิบเอ็ดปีที่เกิดจากผอร ลูกสาวปลัดกระทรวงที่เป็นเพื่อนนักเรียนของเขา สมัยทั้งสองเรียนมหาวิทยาลัยที่อเมริกา หลังจากผอรคลอดลูก และต่างคนต่างเข้าใจว่าความสัมพันธ์ที่มีและความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันนั้นไม่อาจพัฒนาไปได้มากกว่าความเป็นเพื่อน ทั้งรณพลและผอรจึงตัดสินใจว่าจะช่วยกันเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีพันธะใดๆ ต่อกันตลอดห้าปีที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกันที่สหรัฐอเมริกา จนทั้งคู่จบปริญญาโท โดยมารดาของผอรส่งแม่นมที่เลี้ยงดูผอรมาตั้งแต่ยังเล็กมาช่วยดูแลเจติยา ในขณะที่บิดาของรณพลให้แม่บ้านและแม่ครัวมาจากเมืองไทยเพื่อคอยอำนวยความสะดวกบุตรชายและมารดาของหลานสาวระหว่างเรียนหนังสือ
จนเมื่อเรียนจบกลับมา ผอรอยากได้ประสบการณ์ในการทำงานกับบริษัทเอกชนก่อนจะออกมาเปิดบริษัทของตัวเอง จึงทำให้เวลาในการกลับบ้านไม่แน่ไม่นอนนัก รณพลจึงอาสาเอาลูกสาวมาเลี้ยงดูให้เพราะเขาช่วยงานบิดาผู้เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ไม่มีเวลาทำงานตายตัว อาศัยลงพื้นที่ ซึ่งเขาก็มักเลือกเวลาที่เจติยาไปโรงเรียน ทำให้ดูแลบุตรสาวได้อย่างเต็มที่ โดยเสาร์-อาทิตย์ผอรจะมารับเจติยาไปดูแล
"วันนี้วันเสาร์ ทำไมอรมาส่งไววะ" ภัทรผู้รู้ความเป็นมาทุกอย่างถามขึ้น ก็เขาก็อยู่ในเหตุการณ์คืนที่ทั้งคู่เมาจนเผลอมีอะไรกัน
"เออ อรจะไปเมกาคืนนี้ว่ะ เลยเอาลูกมาส่งก่อน นี่บอกจะเอามาส่งที่นี่นะ เพราะใกล้บ้านเขามากกว่า" รณพลบอกเพื่อนสนิทที่รู้เรื่องราวทุกอย่างเป็นอย่างดี
"เอามาดิวะ เดี๋ยวกูให้เด็กช่วยดู นี่คุณแพทชอบเด็กมากนะเว้ย ให้เลี้ยงลูกมึงไหม ฮ่าๆๆ" ภัทรหาช่องทางให้เพื่อนสนิทเข้าหาน้องสาว ต่อให้รู้แก่ใจว่าน้องมีแฟน แต่ภัสสรเพิ่งอายุเท่าไรเอง หากมีโอกาส เขาก็อยากให้เห็นโลกกว้างๆ ได้ดูคนนานๆ
"น้องมึงมีแฟนแล้วเหอะ ไอ้คุณโชคอะไรนั่น ตัวสูงยังกะเปรต แฟนกันจริงจังแค่ไหนวะ กูชอบน้องมึงจริงๆ นะ จีบแข่งได้ไหม" รณพลเอ่ยถึงเพื่อนชายคนสนิทของหญิงสาวที่เขาพบวันที่ภัสสรเดินทางไปอังกฤษ ขัดใจที่คนถูกใจมีเจ้าของหัวใจเสียแล้ว
"กูให้เลี้ยงตอนนี้เว้ย แต่อย่างว่าว่ะ กูแก่กว่าคุณแพทเป็นสิบปีเลย ไม่ค่อยได้คุยกันหรอก โน่น ถ้ามึงอยากรู้ไปถามคุณพีทโน่น เขาสนิทกันพวกเด็กอาร์ต" คุณภัทรบอกลอยๆ ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบระหว่างบอกให้เพื่อนรักไปสืบเรื่องราวเอากับคุณพีทหรือภัทระ พี่ชายคนที่สามของภัสสร ยังพูดทันไม่ขาดคำ โทรศัพท์รณพลก็ดังขึ้น
"ว่าไงอร" รณพลรับสายแม่ของลูกด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
"พล...อรเอาลูกไปส่งเลยได้ไหม นายให้อรวนไปเอาเอกสารที่บริษัทให้ก่อนขึ้นเครื่อง"
"ได้สิ แต่พลอยู่บ้านภัทรนะ เอามาส่งที่นี่ ติดหนังสือมาให้ลูกสักสองเล่มด้วยได้ไหม เผื่อพลดึก" รณพลบอกข้อจำกัดของตนเอง
"ดีเลย แค่นี้เอง งั้นเดี๋ยวสักไม่เกินครึ่งชั่วโมงเจอกัน บอกไอ้ภัทรขอเฮนดริกแก้วนึงล้างปากก่อนขึ้นเครื่องนะ "ผอรทิ้งท้ายแบบคนอารมณ์ดีก่อนวางสายไป
"สวัสดีค่ะ ขาดเหลืออะไรบอกแพทนะคะ เดี๋ยวแพทเพิ่มเติมให้ " เสียงใสของภัสสรแว่วมาจากทางหน้าบ้าน ทำให้ภัทรซึ่งนั่งอยู่ริมสระน้ำหันกลับไปมองต้นเสียงพร้อมสะกิดรณพลที่ดูจะรอการลงมาของน้องสาวเขาตลอดเวลา ชะเง้อก็แล้ว อะไรก็แล้ว จนแดดร่มน้องสาวคนสวยของเขาจึงเพิ่งจะลงมาช่วยรับแขก แต่พี่ชายคนโตอย่างเขาก็ไม่คิดจะตำหนิ แล้วลุกขึ้นเดินไปหาภัสสรด้วยตัวเอง
"คุณแพท กลับมาเพิ่งจะได้เห็นหน้า เป็นไงคะ ส่งงานแล้วใช่ไหม" ภัทรอ้าแขนรับน้องสาวคนเล็กเข้ามากอด หล่อนมีใบหน้าสะสวยที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาจากทั้งพ่อและแม่รวมกันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
"ค่ะ คุณแพทเร่งทำแล้วส่งก่อนกำหนด จะได้กลับมางานคุณภัทรไงคะ" ภัสสรซุกหน้ากับหน้าอกกว้างของพี่ชายคนโตแบบเด็กขี้อ้อน กระชับวงแขนรอบตัวภัทรได้ก็หวนนึกถึงเจ้าของอ้อมกอดที่โอบรอบตัวหล่อนในช่วงหลายปีมานี้ แต่แล้วก็กดความคิดถึงเขาให้ลึกลงไปสุดใจ
"อยู่จนเปิดเทอมเลยสิคะ เดี๋ยวคุณภัทรบินไปส่งคุณแพทเอง”
ภัทรคลายอ้อมกอด ดันตัวน้องสาวออกเพื่อมองหน้า ก่อนจะแนะนำเพื่อนๆ ให้รู้จักอีกที ทั้งที่มั่นใจว่าภัสสรความจำดีพอ “นี่เพื่อนคุณภัทร จำได้ไหม ปิดเทอมที่แล้วเจอกันตั้งหลายหน"
ภัสสรได้ยินแบบนั้นก็โผล่หน้าไปมองเพื่อนพี่ชายว่าคือใคร เมื่อเห็นว่าเป็นคนที่คุ้นหน้ากันอยู่แล้ว หญิงสาวก็พนมมือไว้รณพล ยิ้มตามมารยาทด้วยอารมณ์ยังขุ่นมัวจากศุภโชคอยู่ แต่หารู้ไม่ว่ายิ้มมารยาทนั้นก็มีอานุภาพมากพอที่จะทำให้รณพลตกหลุมรักหล่อน จากแค่ชอบ ตอนนี้พูดได้เลยว่าชายหนุุ่มมอบหัวใจให้สาวงามไปแล้วทั้งดวง
“สวัสดีค่ะ แพทจำได้สิคะ” พูดกับแขกเสร็จก็เงยหน้าพูดกับพี่ชายต่อ "มีอะไรให้คุณแพทช่วยบอกเลยนะคะคุณภัทร"
"ช่วยเลี้ยงลูกไอ้พลหน่อย เดี๋ยวแม่ของลูกมันจะเอามาส่ง แต่ตัวพ่อมันยังอยากนั่งกินเหล้าอยู่"
ภัสสรทำตาโต ไม่คิดว่ารณพลจะแต่งงานมีลูกแล้ว เพราะอายุอานามขนาดเขาต่อให้ไม่น้อย แต่หล่อนก็ไม่คิดว่าเขาจะมีครอบครัวเร็ว ดูท่าทางเจ้าสำราญอย่างกับอะไร ถึงอย่างไรเสียหล่อนก็ยังมีมารยาทไม่เอ่ยออกไป แต่ถามถึงแม่ของลูกแทน
"อ้าว ทำไมภรรยาคุณพลไม่มาจอยด้วยกันล่ะคะ เดี๋ยวแพทนั่งคุยเป็นเพื่อนก็ได้"
รณพลยิ้มแหย ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร แต่ก็กลัวสาวที่เขาพึงใจจะเข้าใจผิด เลยได้แต่หันไปถลึงตาใส่เพื่อนให้รีบอธิบายความจริงให้น้องสาวฟัง ซึ่งอีกคนก็รับรู้ความต้องการของเพื่อนรักเป็นอย่างดี
“มีแต่ลูก ไม่มีเมียค่ะ มันเลิกกับเมียคืนเดียวไปตั้งแต่ลูกยังไม่เกิดแล้วคุณแพท โน่นไง มาพอดี" ภัทรเล่าคร่าวๆ ยังไม่ได้ทันได้ลงรายละเอียดดีเพราะเห็นผอรเดินเข้ามาแต่ไกล ข้างกายมีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่เชื่อได้เลยว่าโตไปต้องคว้าหัวใจหนุ่มๆ ได้หลายคนแน่ๆ
"พล ขอบใจมาก รอบสุดท้ายแล้ว รอบหน้าวีกไหนพลอยากไปเที่ยวยาวๆ กับสาวๆ บอกเลยนะ อรจะชดเชยให้" ผอรยกมือไหว้พ่อของลูกปลก ก่อนจะหันกลับมาหาภัทรที่จะเป็นเจ้าบ่าวในวันพรุ่งนี้
"แก ไอ้ภัทร ฉันยินดีด้วย อยู่ไม่ได้จริงๆ ว่ะงานหมั้น รองานแต่งนะ ฉันจะร้องเพลงเป็นเกียรติให้แกสามเพลงรวด แล้วไหนเหล้าฉัน สั่งพลไว้แล้วไง แก้วหนึ่งก่อนไป จะดื่มอวยพรให้แก" ผอรสั่งเสียยืดยาว แล้วอวยพรให้เพื่อนมีความสุขในชีวิตสมรสที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ส่วนเด็กหญิงเจติยาก็ได้แต่ยืนตาแป๋วอยู่กลางวง มองพ่อกับแม่ซ้ายทีขวาที แบบไม่รู้ว่าตัวเองควรยืนอยู่ตรงนี้หรือเปล่า ด้านภัสสรเห็นเด็กหญิงหน้าตาน่ารักถักผมเปีย ทำหน้าตาเหลอหลาจึงเดินเข้าไปหา เจติยาก็เลยยกมือไหว้คุณน้าคนสวยอย่างอ่อนช้อยแบบที่พ่อแม่สอนมาเมื่อเห็นหญิงสาวเดินมาทางตน
"สวัสดีค่ะ พี่ชื่อคุณแพท เอ่อ เรียกพี่แพทก็ได้ ชื่ออะไรคะ" ภัสสรแนะนำตัวเองกับสาวน้อยหน้าตาน่ารักอย่างเป็นกันเอง ยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กหญิงด้วยความเอ็นดูเหลือเกิน
"ตีญ่าค่ะ" เด็กน้อยตอบเสียงเบากับสตรีแปลกหน้า ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะสลับกันเลี้ยงหล่อนตลอดเวลา แต่เด็กหญิงก็ไม่คุ้นกับคนนอกบ้านสักเท่าไร
ขณะนั้นเองผอรก็เผอิญเหลือบเห็นสายตาที่รณพลมองหญิงสาวกับลูกตัวเอง แล้วก็ถึงกับอดแซวเบาๆ ให้สองสาวต่างวัยได้ยินไม่ได้ "สงสัยพลจะหาแม่เลี้ยงให้ลูกอรละมั้ง"
ด้านคุณพ่อลูกหนึ่งอย่างรณพลได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะแก้เก้อ "บ้าเหรออร ลูกอรก็ลูกพล ไปๆ พลเดินไปส่งที่รถ ฝากตีญ่าแป๊บนะครับคุณแพท"
"งั้นคุณแพทพาน้องไปทานข้าวในบ้านได้ไหมคะ ข้างนอกยุงเยอะ"
ภัสสรขออนุญาตผอรกับรณพล เกรงใจผู้ปกครองเด็ก เดี๋ยวจะหาว่าหล่อนเจ้ากี้เจ้าการเกินไป ไม่ได้สนิทสนมกับเขา แล้วก็ไม่ได้มักคุ้นกับเจติยาแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเกรงใจคุณแม่ของเด็กหญิงผู้นี้
ผอรโบกมือทำนองว่าตามสบาย "เอาเลยคะน้อง พี่ฝากด้วย" ก่อนจะหันไปยักคิ้วให้พ่อของลูก "ไม่ต้องไปส่งพล อยู่กะเพื่อนนี่แหละ" แล้วหันไปกระซิบกระซาบ กับภัทรที่ยืนอยู่ด้วยกัน.
"ระวังจะได้เพื่อนเป็นน้องเขยนะภัทร สายตาล่าเหยื่อของพลเปิดปฏิบัติการแล้ว"
ช่วงเวลาที่ภัสสรกลับมาเมืองไทย รณพลเทียวมาหาอีกหลายหน บางทีก็พาเจติยามาเล่นหลังจากลูกสาวติดใจภัสสร จนหญิงสาวกลับไปเรียนต่อเทอมสุดท้าย รณพลก็ยังติดต่อผ่านโปรแกรมแชตอย่างสม่ำเสมอ โดยส่งความคืบหน้าต่างๆ เกี่ยวกับเจติยาที่กลายเป็นเพื่อนสนิทต่างวัยให้หญิงสาวดู
ศุภโชคไม่เคยรับรู้ถึงความสัมพันธ์ใหม่ที่คืบคลานเข้ามาในชีวิตคนรัก คิดแต่ว่าเมื่อภัสสรกลับมาแล้วอารมณ์ดีขึ้นก็ไม่อยากหยิบยกเรื่องหมางใจมาคุยกันอีก ความคิดที่ว่าจะบอกรักหญิงสาวให้มั่นใจว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างคนสองคนคือความรัก ไม่ได้เป็นแค่ความใกล้ชิดก็เลือนหายไป เพราะคิดว่าหญิงสาวจะรับรู้ได้จากการกระทำ หารู้ไม่ว่าความบาดหมางในอดีตฝังใจภัสสรตลอดมา และหล่อนคิดว่าการที่ศุภโชคไม่เปิดใจเคลียร์คือการหนีปัญหา จนวันที่ทั้งสองคนเรียนจบกลับมาเมืองไทย ภัสสรก็ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่
"โชค เราลองกลับไปใช้ชีวิตจริงๆ ไหมคะ"
"คืออะไรแพท"
ศุภโชคงงๆ กับคำพูดของหญิงสาว แต่มือยังเก็บหนังสือลงกล่องเตรียมส่งกลับประเทศ
“แพทไม่เคยรู้เลยว่าโชครักแพทหรือเปล่า แพทไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เราเป็นกันอยู่คือความสัมพันธ์แบบไหน โชคไม่เคยบอกรัก ไม่เคยขอเป็นแฟน บางทีการที่เราอยู่ด้วยกันอาจจะเป็นแค่ความผูกพันกันก็ได้ โชคลองคบคนอื่นดูบ้าง เผื่อจะรู้ว่าแพทใช่ที่โชคต้องการจริงๆไหม"
"แพทจะเลิก? “ศุภโชคถามเสียงเรียบ แต่ในใจรุ่มร้อนเหมือนใครเอากองเพลิงมาสุมไว้
“แพทใช้คำว่าเลิกได้เหรอคะ ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราคืออะไรแพทยังไม่รู้เลย” ภัสสรทำได้ดี ไม่มีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียวระหว่างพูด ทั้งๆ ที่ใจปวดร้าวไปหมด
“แพทพูดตรงๆ นะคะ แพทคิดมาตลอดตั้งแต่วันนั้นว่าโชคมีอะไรกับลิซ่าจริงหรือเปล่า แพทยอมรับว่าช่วงแรกๆ แพทหนีหน้า ไม่อยากฟัง เพราะรู้ว่าตัวเองอารมณ์ยังไม่ดีพอ แต่หลังจากนั้นโชคก็ไม่เคยเคลียร์อะไรกับแพทเลย ทำเหมือนให้มันผ่านเลยไป แพทอยู่กับความหวาดระแวงมาตลอดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้อีกไหม"
หญิงสาวก้มลงมองมือตัวเองขณะที่ศุภโชคนั่งแข็งเป็นหินไปแล้ว
"ลองดูนะคะโชค เผื่อวันนึงโชคจะเจอผู้หญิงที่ทำให้โชคพูดคำว่ารักออกจากปากได้" ภัสสรอดไม่ไหว พูดไป น้ำตาก็เริ่มเอ่อมาคลอเบ้า แววตาเจ็บปวด แล้วหล่อนก็เดินออกจากห้องไป ก่อนจะต่างคนต่างแยกย้ายบินกลับเมืองไทย โดยไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน เพราะชายหนุ่มก็ตั้งตัวไม่ถูกเช่นกัน
ระหว่างช่วงเวลานั้นภัสสรก็บินกลับมาเรียนปริญญาโทที่อังกฤษต่ออีกหนึ่งปี ในขณะที่ศุภโชคเริ่มเข้าดูแลรับผิดชอบธุรกิจของครอบครัว แต่ทั้งสองก็ยังติดต่อกันสม่ำเสมอ จนศุภโชคเข้าใจว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังคงพอรักษาไว้ได้ ตั้งใจไว้ด้วยว่าเมื่อหญิงสาวเรียนจบกลับมา เขาจะขอหล่อนแต่งงาน และหวังให้ระยะเวลาที่ห่างกันพิสูจน์ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาคือรักแท้ เหมือนที่เขาพิสูจน์ใจตัวเองแล้วพบว่า ’รัก’ คือสิ่งที่รู้สึกกับภัสสร แต่แล้วก็เหมือนฟ้าถล่ม เมื่อเพื่อนสนิทของเขาโทรศัพท์มาหา
"ไอ้โชค...นี่มึงอยู่ไหนวะ มึงจะแต่งงานเหรอ ทำไมพวกกูไม่รู้เลยล่ะ"
คำถามเป็นชุดแบบไม่เว้นจังหวะให้ตอบทำให้ศุภโชคตั้งตัวไม่ทัน "ทำไม มีอะไร" ชายหนุ่มได้แต่ถามกลับเสียงนิ่งๆ ออกจะยังงงๆ กับคำถามของเพื่อน เพราะเขายังไม่ได้เล่าให้ใครฟังว่าจะขอภัสสรแต่งงานหลังหญิงสาวเรียนจบ
"น้องสาวกูบอกว่าแพทจะแต่งงาน เพราะเห็นไปกินข้าวกับผู้ชายแล้วผู้ชายสวมแหวนให้ แต่มึงยังอยู่ภูเก็ตไม่ใช่เหรอวะ มากรุงเทพฯ หรือไง ไม่บอกพวกกู จะได้นัดเจอบ้าง"
ได้ยินแบบนั้นศุภโชคก็รู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบที่หัว เสียงวิ้งๆ ดังในหัวอยู่ร่วมนาที จนเพื่อนต้องตะโกนเรียกเสียงดังดึงสติกลับมา
"ไอ้โชค! ยังอยู่เปล่าวะ"
"เออ อยู่ เดี๋ยวค่อยคุยกัน กูติดธุระอยู่"
วางสายไปแล้วสองชั่วโมงกว่ากว่าศุภโชคจะดึงตัวเองกลับมาสู่โลกความเป็นจริงได้ ชายหนุ่มเลื่อนกำหนดการงานทุกอย่างออกไปแล้วรีบขึ้นกรุงเทพฯ เขาร้อนใจมากเพราะเมื่อสองวันก่อนที่คุยกับหญิงสาว เจ้าตัวไม่พูดสักนิดว่าจะกลับเมืองไทย
ศุภโชคเดินดุ่มๆ เข้าบ้านของหญิงสาว ไม่สนใจเสียงโวยวายของแม่บ้านที่งงว่าชายหนุ่มผู้นี้คือใคร เมื่อเห็นภัสสรที่นั่งเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่น เขาก็ปรี่เข้าไปถามโดยไม่ให้คนที่ทำใจเขาแทบหยุดเต้นตั้งตัว
"แพท...เรื่องระหว่างเรา...มันไม่เหมือนเดิมใช่ไหม"
หญิงสาวไม่ตกใจ แต่แปลกใจไม่น้อยที่เขามาหาถึงบ้านแบบนี้
"โชค...เราเลิกกันแล้วนะคะ ตั้งแต่วันนั้น" ภัสสรหลุบตาลง จ้องมองมือเรียวที่กุมอยู่บนตัก เสียงแผ่วเบาจนเจ้าตัวเองก็แทบไม่ได้ยิน
“เลิกกันเมื่อไหร่ ก็เราคุยกันเกือบทุกวัน” ศุภโชคเริ่มเสียงดัง ไม่เข้าใจว่าความสัมพันธ์ของเขาสองคนสะดุดตอนไหน
"โชคไม่เคยขอแพทคืนดี ไม่เคยปรับความเข้าใจ ไม่เคยแม้แต่จะบอกคำว่ารัก! " เสียงสุดท้ายที่ภัสสรพูดมาเหมือนคนระงับอารมณ์ไม่อยู่
"แพทต้องการแค่คำพูดใช่ไหม! แล้วทุกอย่างที่เราสองคนมีมาตลอดสี่ปีล่ะ ผมไม่เคยมีใคร ตั้งใจเรียนให้จบแล้วจะกลับมาดูแลแพท แล้วนี่อะไร ผมต้องรู้จากคนอื่นว่าแพทรับแหวนจากผู้ชายอื่น ทั้งๆ ที่เราคุยกันเกือบทุกวัน ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แพทจะแต่งงานกับมันเหรอ แพท! อย่ามาเงียบใส่ผม ตอบมาเดี๋ยวนี้!" ศุภโชคแผดเสียงถามประโยคสุดท้ายแบบเกรี้ยวกราด ระงับอารมณ์ไม่อยู่แม้แต่น้อย
"คุณพล เพื่อนคุณภัทร โชคก็เคยเจอ" ภัสสรตอบเสียงแผ่วเจือสั่น ไม่มีเหตุผลที่ต้องปิดบังอะไร เพราะเชื่อว่าเดี๋ยวคนอื่นก็ต้องรู้อยู่ดี
"อ่อ ไอ้หน้าตี๋ ลูกมาเฟีย เขาให้อะไรที่ผมให้ไม่ได้ แพทถึงทำแบบนี้" ศุภโชคโมโหหน้าแดงก่ำ ไม่เข้าใจว่าคนรักเห็นไอ้ผู้ชายมีลูกติดนั่นดีกว่าเขาไปได้อย่างไร ทั้งที่เขารักและซื่อสัตย์กับหล่อนคนเดียวตลอดมา
"อย่าก้าวร้าวคุณพลนะ! แล้วรู้ไว้เลยว่าสิ่งที่คุณพลให้แพทคือเขากล้าบอกแพทว่าเขารัก ทั้งๆ ที่แพทไม่ได้อยู่กับเขา แต่โชคมีแพทอยู่แล้ว โชคกลับไม่พูด ไม่พูดอะไรเลย แพทคุยกับโชคทุกวัน รอทุกวันให้โชคพูดคำว่ารัก คิดตลอดว่าถ้าโชคพูด แพทก็จะอยู่กับโชค ต่อให้โชคจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แพทก็จะยอมทิ้งความน้อยใจ แม้ว่าโชคจะไม่ขอแต่งงาน จนวันนี้โชคก็ยังไม่พูด! แล้วโชคจะให้แพทอยู่กับผู้ชายที่แพทไม่เคยรู้เลยว่าเขารักแพทหรือเปล่าเหรอ!!!"
ภัสสรพูดจบก็วิ่งขึ้นบันไดบ้านไป ทิ้งให้ศุภโชคยืนจมอยู่กับความเจ็บปวด พร้อมตั้งใจไว้ว่าเขาจะไม่มีวันให้ผู้หญิงคนไหนมาทำให้เขารู้สึกแบบนี้อีกแล้ว!
ความคิดเห็น |
---|