4
“ไอ้วิน ตกลงมึงเลิกกับตีญ่าจริงๆ เหรอวะ”
วินวัฒน์กระแทกขวดเบียร์เย็นเฉียบที่ขึ้นเป็นลงบนโต๊ะรับแขก เสียงดังพอที่จะทำให้คนที่ไม่ได้ตั้งตัวเสียขวัญได้
“กูไม่ได้เลิก แต่เขาไม่รับโทรศัพท์กู” วินวัฒน์ตอบเสียงเรียบ แต่ในใจร้อนรนไม่ใช่น้อย เจติยาหรือแฟนสาวที่คบกันมาหลายปี นั้นคุณหญิงแม่ของเขารักหนักรักหนา และชื่นชมว่ากิริยามารยาทเรียบร้อยอ่อนหวาน ในขณะที่เขาติดใจเพราะรู้ว่าบนเตียงหล่อนร้อนแรงขนาดไหน หน้าตาสะสวยกับมรดกเงินทองทั้งฝั่งพ่อฝั่งแม่ทำให้เจติยาเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับเขาทุกประการ แต่ก็เอาเหอะ ของมันจะอร่อยแค่ไหน ให้กินทุกวันก็เบื่อ คนอย่างเขาเลยต้องออกไปหาของว่างนอกบ้านบ้าง ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงหัวสมัยใหม่แบบเจติยาจะรับไม่ได้
“มึงก็ซวยจริงๆ ว่ะ โดนจับได้คาหนังคาเขา ทำไมไม่ไปง้อที่บ้านวะ คุณแพทแฟนพ่อเขากับพ่อเขาก็เอ็นดูแกดีไม่ใช่เหรอ”
คมกฤชถามขึ้น เพราะทราบข่าวมาเหมือนกันว่าวินวัฒน์โดนเจติยาจับได้คาเตียงว่านอกกายอยู่กับผู้หญิงอื่น อันที่จริงนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่วินวัฒน์ทำเรื่องแบบนี้ เพียงแต่เป็นครั้งแรกที่เจติยาจับได้ ตลอดหนึ่งปีที่วินวัฒน์เรียนจบและเดินทางกลับมาประเทศไทยก่อน พ่อรูปหล่อก็เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่นตามสไตล์เสือผู้หญิง ทั้งๆ ที่เจติยาก็ให้ความสุขเขาตลอด ไม่ได้ขัดขืน
“กูก็ว่าจะไป แต่ยังยุ่งๆ อยู่เลยว่ะ” วินวัฒน์ยักไหล่เชิงไม่สนใจ
“ยุ่งเหี้-ไรของมึง วันๆ กูเห็นอยู่แต่เลานจ์กะคอนโด นี่ถ้าแม่มึงรู้ระวังจะโดนด่าหูชา” คมกฤชหมายถึงคุณหญิงแสงดาว มารดาของวินวัฒน์ ผู้เป็นแม่สื่อแม่ชักตัวยงให้ลูกชายของหล่อนคบหากับเจติยา เพราะต้องการให้ได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของพรรคใหญ่อย่างรณพลเพื่อขอเก้าอี้รัฐมนตรี ถึงขั้นวางแผนให้ทั้งสองเกี่ยวดองเป็นครอบครัว เพราะมั่นใจว่าต้องได้รับการสนับสนุนทางการเมืองแบบถาวรหากบุตรชายของหล่อนกลายเป็นลูกเขยของเจ้าพ่อพรรคการเมืองใหญ่แบบรณพล
“เออ เดี๋ยวกูจัดการเอง” วินวัฒน์หยิบมือถือออกมาต่อสายถึงภัสสร ว่าที่แม่ยายที่เขาพอคุ้นเคย จะว่าไปเขาก็ทิ้งช่วงห่างมาพอสมควร เพราะหากวิ่งโร่ไปหาผู้ใหญ่ตั้งแต่วันแรกคงดูเป็นไอ้ไก่อ่อนเต็มทน
“พี่แพทครับ วินเอง” ชายหนุ่มขยับตัวเพื่อเคลียร์เสียงเจรจากับอีกฝ่าย โชคดีที่เขามักคุ้นกับว่าที่แม่เลี้ยงของเจติยาพอสมควร
“ว่าไงจ๊ะวิน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ภัสสรกรอกเสียงมาตามสาย มารดาของหล่อนกับมารดาของวินวัฒน์รู้จักกันมาเนิ่นนาน พอทราบว่าชายหนุ่มขายขนมจีบให้ลูกสาวของรณพล หล่อนก็เอื้ออำนวยโอกาสให้เป็นอย่างดี เพราะเห็นกันมาตั้งแต่ยังเล็กยังน้อย
“วินโทร. หาตีญ่าไม่รับเลยครับ น้องอยู่ไหน พี่แพททราบไหมครับ” วินวัฒน์ตะล่อมถามคนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย
“ทะเลาะกันเหรอคะ น้องวิน” เสียงภัสสรราบเรียบอ่อนหวานอย่างมีมารยาท เรื่องคนตีกัน หญิงสาวถือคติว่าจะไม่เข้าไปแทรกกลาง ไม่ว่าอย่างไรทั้งนั้น
“น้องงอนวินนิดหน่อยครับ พี่แพทก็รู้เวลาผู้หญิงงอนเป็นยังไง”
วินวัฒน์ตั้งใจปกปิดความจริงที่ว่าเจติยาจับได้คาหนังคาเขาว่าเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงอื่น พยายามบ่ายเบี่ยงให้กลายเป็นประเด็นอื่นไปเสียก่อน เพราะกลัวว่าหากภัสสรซักไซ้ขึ้นมาจะลำบาก
“ตีญ่าไม่ได้อยู่บ้านนะคะวันนี้ พี่เพิ่งเข้ามาหาคุณพล ไม่เห็นเลย รู้แต่ว่านัดกับน้องโอ๊ตทานข้าวเย็นที่ร้านประจำแถวสาทร น้องวินรู้จักใช่ไหมคะ” ภัสสรบอกชื่อร้านหนึ่งไป “พี่คงช่วยน้องวินได้เท่านี้นะคะ ถ้าดีกันแล้วแวะมาทานข้าวด้วยกันบ้างนะคะ” ภัสสรพูดจบก็วางสาย โดยไม่รอให้อีกฝ่ายสอบถามอะไรเพิ่มเติม ส่วน
วินวัฒน์รู้ดังนั้นก็ขยับตัวลุกขึ้น ผิวปากเป็นทำนองเพลงอย่างอารมณ์ดี พลางตะโกนบอกคมกฤชระหว่างเดินเข้าห้องนอนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ข้อมูลที่ได้มาแค่นี้ก็ช่วยเขาได้มากโขแล้ว
“มึงแดกเสร็จแล้วกลับไปเลยนะ เดี๋ยวกูจะออกไปง้อตีญ่า”
เจติยาใช้เวลาว่างก่อนเวลาที่นัดกับอนุวัตเลือกซื้อหนังสือในร้านหนังสือขนาดใหญ่กลางห้างดัง ขณะกำลังเพลิดเพลินกับการอ่านตัวอย่างของหนังสือจิตวิทยา ที่เขียนโดยนักวิชาการชาวออสเตรียท่านหนึ่งผ่านแท็บเล็ตที่ทางร้านมีให้ลูกค้าใช้บริการก่อนตัดสินใจเลือกซื้อหนังสือ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ตั้งใจว่าหากเป็นคนที่ไม่ต้องการสนทนา หญิงสาวก็จะกดปิดเสียง แต่เมื่อหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาแล้วพบว่าชื่อที่ปรากฏอยู่คือมารดาจึงหมดข้ออ้างใดๆ
“ขา คุณแม่”
“ตีญ่าอยู่ไหนลูก” ผอรถามน้ำเสียงร้อนรนจนหญิงสาวร้อนใจ เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ของแม่มาก่อน
“อยู่พารากอนค่ะ คุณแม่มีอะไร ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น” เจติยาออกปากด้วยความเป็นห่วง แต่สิ่งที่ได้ยินกลับผิดคาดไปไม่น้อย
“ดีเลยๆ แม่วานหน่อยเถอะ แม่กำลังจะไปเวียดนาม แต่เอกสารกรมธรรม์ของคุณศุภโชคมีเปลี่ยนรายละเอียดนิดหน่อย กับเราต้องรับเช็คบางส่วนมาจากเขาด้วย แม่ไม่อยากให้ลูกน้องไป ตีญ่าจัดการให้แม่หน่อยนะคะ”
ผอรขอร้องแกมบังคับ หมายจะจับคู่ให้ลูกสาวกับลูกค้าใหญ่ที่หล่อนคิดว่ามองไม่พลาด แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร เพราะทางหล่อนก็เป็นฝ่ายหญิง จึงได้แต่หาโอกาสจากกิจกรรมอะไรแบบนี้ ส่วนหญิงสาวพอได้ยินมารดาเอ่ยดังนั้นก็อมยิ้ม จากที่แอบหงุดหงิดว่ามารดามาสั่งให้ทำอะไรในวันที่หล่อนนัดกับเพื่อนแบบนี้
“แล้วตีญ่าจะคุยกะเขารู้เรื่องไหมคะคุณแม่ เขาคงไม่ถามอะไรเพิ่มเติมใช่ไหมคะ” แม้จะเต็มใจ แต่ว่าก็ยังหวั่นใจ หากศุภโชคถามรายละเอียด เจติยาคงจะตอบอะไรไม่ได้สักอย่าง เพราะหล่อนยังไม่ได้เริ่มเข้าไปศึกษางานที่บริษัทอย่างที่รับปากไว้กับมารดาเลย
“ไม่ถามหรอกลูก แม่ส่งไปให้คุณโชคดูทางเมลก่อนแล้ว นี่แค่เอาตัวจริงไปเซ็นชื่อเฉยๆ”
“งั้นก็ได้ค่ะ” เจติยารับคำแบบเสียไม่ได้ ไม่อยากทำเท่าไร แต่มีแรงจูงใจว่าจะได้เจอศุภโชคเป็นเป้าหมายเดียวเท่านั้น
“ตีญ่ารออยู่ที่นั่นนะ เดี๋ยวแม่ให้คนวิ่งเอาเอกสารไปให้ ไม่เกินสิบห้านาที แล้วหนูโทร. นัดกับคุณศุภโชคด้วย แม่จะเท็กซ์เบอร์ไปให้” ผอรสั่งการเสียยืดยาว ไม่เว้นวรรคให้เจติยาได้ถามอะไรอีก แล้ววางสายไปโดยไม่ล่ำลา หลังจากนั้นไม่ถึงห้านาทีก็มีข้อความจากผอรที่ส่งเบอร์โทรศัพท์ของศุภโชคมาให้ พร้อมกับข้อความกำกับการใช้งาน โดยไม่ได้รู้เลยว่าเจติยามีเบอร์ติดต่อกับชายหนุ่มอยู่แล้ว
โทร. หาคุณโชคทันทีที่ได้รับเอกสารนะตีญ่า ฝากเอาใจลูกค้าแทนแม่ด้วย แล้วแม่จะตบรางวัลให้หนูอย่างงาม อีกสามวันเจอกันจ้ะ
ไม่เกินสิบห้านาทีตามที่มารดาแจ้ง พนักงานส่งเอกสารของบริษัทก็นำซองปิดผนึกแน่นหนามาส่งให้เจติยาพร้อมใบเซ็นรับเอกสารตามกฎของบริษัท ทันทีที่หญิงสาวได้รับเอกสาร หล่อนก็กดโทรศัพท์หาศุภโชคตามคำสั่งของมารดา เสียงเรียกสายดังไม่เกินสามที ปลายสายก็กดรับ
“สวัสดีครับ” ศุภโชครับสายเสียงทุ้ม เบื้องหลังมีเสียงเหมือนเขากำลังประชุม
“ตีญ่านะคะ ลูกคุณอร ตีญ่าโทร. มาเรื่องเอกสาร ถ้าคุณโชคไม่สะดวกเดี๋ยวตีญ่าติดต่อมาใหม่ค่ะ” เจติยาตั้งท่าจะวางสาย รู้สึกผิดเล็กน้อยที่โทร. เข้าไประหว่างที่ศุภโชคประชุมอยู่ แต่ยังส่งเสียงใสไปตามสาย
“ไม่เป็นไรครับ พี่คุยได้”
หญิงสาวสัมผัสได้ว่าเสียงศุภโชคอ่อนลง แต่ก็ยังพูดไม่เต็มเสียงนัก อาจจะเป็นเพราะเขาไม่อยู่ในที่ที่เจรจาได้อย่างสะดวก แต่หญิงสาวก็ยังแสยะยิ้มที่ชายหนุ่มดูจะให้ความสำคัญแก่ตนเอง
“เอกสารพร้อมแล้วค่ะ คุณแม่ว่าคุณโชคจะรับเอกสารวันนี้ ให้ตีญ่าเอาไปให้ที่ไหนคะ”
เจติยาอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าวีไอพีของมารดาเต็มที่ คิดไว้แล้วว่าถึงต้องเลื่อนนัดกับอนุวัตก็จะทำ ก็ประโยชน์ที่จะได้จากการเอาเอกสารไปให้ศุภโชควันนี้อาจจะมากกว่าผลประโยชน์ทางธุรกิจด้วยซ้ำ
“พี่จะเสร็จประชุมร่วมหกโมง คงพร้อมเจอเราตอนหนึ่งทุ่ม ตีญ่าจะอยู่แถวไหนครับ” เขาพูดสบายๆ เหมือนไม่จำเป็นต้องใส่ใจการประชุมที่เกิดขึ้นเบื้องหลัง ยิ่งทำให้เจติยาลำพองในความสำคัญของตัวเองไปกันใหญ่
“จริงๆ ตีญ่านัดเพื่อนแถวสาทร แต่ตีญ่าเอาเอกสารไปให้ตรงที่คุณโชคสะดวกดีกว่าค่ะ งานสำคัญกว่า”
ศุภโชคหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินประโยคแบบนี้ ทำไมจะไม่รู้ว่าอาการแบบนี้คือพร้อมยอมวิ่งมาหาเขาทุกเมื่อ
“งั้นตีญ่าไปหาเพื่อนเลยครับ เดี๋ยวพี่ประชุมเสร็จแล้วพี่ไปหา แชร์โลเกชันมานะครับ แล้วพบกันครับ”
ศุภโชควางสายไปแล้ว แต่เจติยายังถือโทรศัพท์ค้างอยู่ ยิ้มในใจว่าศุภโชคก็ต้องสนใจหล่อนไม่น้อย แต่ออกจะแปลกใจว่าทำไมวันนี้คู่สนทนาของหล่อนแต่ละคนไม่เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นใดๆ ครั้นจะโทร. กลับไปยืนยันว่าตัวเองพร้อมจะนำเอกสารไปให้ก็เกรงจะเป็นการขัดใจลูกค้าของแม่ จึงได้แต่โทร. หาอนุวัตให้สำรองโต๊ะเพิ่มอีกหนึ่งที่นั่ง แล้วก็กลับไปสนใจหนังสือในร้านต่อ
เจจิยาไปถึงที่นัดหมายก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง เลยได้ฤกษ์หยิบหนังสือจิตวิทยาที่ได้มาจากการเดินห้างเมื่อบ่ายมาอ่านฆ่าเวลา แต่แทนที่อนุวัตจะมาถึงตรงเวลา ก็กลายเป็นศุภโชคมาถึงก่อน
“คุณโชคดื่มอะไรก่อนไหมคะ หิวหรือยัง เกือบทุ่มแล้วนะคะ”
เจติยาเอาใจใส่คนที่เพิ่งนั่งลงตรงข้ามหล่อน แม้จะพอเห็นความเหนื่อยล้าปรากฏบนสีหน้าเขา แต่ความหล่อเหลาของเขาก็ยังเด่นชัด ทำให้หญิงสาวภูมิใจไม่น้อยที่เพื่อนร่วมโต๊ะวันนี้เสริมราศีหล่อนได้มาก ยิ่งเห็นสายตาที่คนอื่นมองมายิ่งทำให้เจติยายิ้มกว้างขึ้นไปใหญ่
“ถ้าพี่อยู่จอยมื้ออาหาร แล้วจะขัดจังหวะเรากับเพื่อนหรือเปล่าครับ” ศุภโชคถามลองเชิง หรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้าที่เปิดโอกาสให้เขาเข้าหาเสียเหลือเกิน แต่ชายหนุ่มทำทีเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“โอ๊ย...ไม่เลยค่ะ เพื่อนตีญ่าคงดีใจซะอีกที่เจอคุณโชค” ดวงตาหญิงสาววิบวับเปล่งประกาย โบกไม้โบกมือประกอบคำอธิบาย“มีแต่คุณโชคจะรังเกียจหรือเปล่าที่เพื่อนตีญ่ามา”
“พี่จะรังเกียจได้ยังไงครับ พี่เสียอีกที่มารบกวนตีญ่ากับเพื่อนๆ” ชายหนุ่มทำเสียงเบาใส่ “จริงๆ เอกสารควรเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวาน ถ้าพี่ไม่เพิ่มเติมรายละเอียดปลีกย่อยบางประการที่เพิ่งนึกได้ ต้องขอโทษเราต่างหากที่ทำให้ลำบาก แล้วนี่คุณอรคงบอกใช่ไหมว่ามันมีเช็คด้วย มูลค่าสูง คุณอรคงไม่อยากให้คนอื่นเป็นคนถือ”
เจติยาได้แต่ยิ้มรับฟังคำอธิบาย แล้วหันไปสั่งน้ำมะนาวโซดาเป็นเครื่องดื่มกับกับข้าวอีกสามสี่อย่างตามที่ตัวเองชอบ ในขณะที่ศุภโชคขอโทนิคใส่น้ำแข็งและมะนาวฝาน และสั่งอาหารเพิ่มเติมอีกแค่สองรายการ โดยให้เหตุผลว่าสิ่งที่เจติยาสั่งไปเป็นของชอบของตัวเองเหมือนกัน และตกลงกันว่าจะให้อนุวัตได้มีโอกาสเลือกเมนูบ้างเมื่อมาถึง
บริกรเดินออกไปยังไม่ทันพ้นโต๊ะดี เจติยาที่กำลังจะเบนสายตากลับมาที่เพื่อนร่วมโต๊ะรูปหล่อซึ่งกำลังแกะเอกสารออกมาพิจารณาก็ต้องชะงัก เพราะวินวัฒน์กำลังเดินตรงปรี่เข้ามาทางที่หล่อนนั่งอยู่พร้อมช่อดอกกุหลาบสีขาวในมือ
“ตีญ่า...” เสียงเรียกนั้นเรียกทั้งเจติยาและศุภโชคให้รู้สึกตัว
หญิงสาวถึงกับตัวชา เพราะไม่อยากให้ศุภโชครับรู้ความสัมพันธ์ของหล่อนกับชายหนุ่มที่เดินมาหาตอนนี้
“พี่วิน มาได้ยังไงคะ มาทำไม” เจติยาถามเสียงแข็ง เชิดหน้าสวยขึ้น บอกยี่ห้อว่าไม่มีการยอมความง่ายๆ ยิ่งโดยเฉพาะตอนนี้หล่อนมีเป้าหมายใหม่ วินวัฒน์ลูกชายผู้ลากมากดีที่ไหนก็สู้รูปหล่อตรงหน้านี่ไม่ได้หรอก
“พี่จะมาง้อแฟนค่ะ พี่ขอโทษนะคะ คนสวยของพี่” วินวัฒน์บอกหญิงสาวเสียงหวาน แต่ตาจับจ้องศุภโชคที่เหลือบตามองอยู่ พลางนึกในใจว่านี่คือเหตุผลที่ทำให้เจติยาไม่รับสายเขาสินะ เลยรีบชิ่งแนะนำตัวเอง ตีกินสถานะที่ไม่แน่ใจว่ายังมีออยู่หรือเปล่า
“ผมวินวัฒน์ แฟนตีญ่าครับ” วินวัฒน์เอ่ยโดยปราศจากการยกมือไหว้หรือแม้กระทั่งการเชกแฮนด์ตามธรรมเนียมฝรั่ง สีหน้ายังฉายถึงความไม่เป็นมิตรชัดเจน ซึ่งศุภโชครับรู้ได้ถึงอารมณ์หวงก้างของไอ้เด็กเมื่อวานซืนตรงหน้า ประกอบกับเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเจติยา ถ้าเขาอ่านไม่ผิด เจติยากับผู้ชายคนนี้คงมีเรื่องระหองระแหงกันอยู่
“ผมศุภโชคครับ” เขาบอกหน้านิ่ง แต่แผ่รังสีความน่ากลัวไม่ต่างกัน “คุณวินวัฒน์ใช้คำว่าแฟนคงไม่ถูก เพราะถ้าเป็นแฟนคงไม่ต้องมาง้อมั้งครับ น่าจะใช้คำว่าแฟนเก่านะครับ”
ศุภโชคพูดจบก็ลุกขึ้นปรามวินวัฒน์ที่ประกาศสงครามทางสายตากับเขาเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ทันได้แสดงออกอะไรกันมากกว่าเดิม หญิงสาวตัวกลางของปัญหาก็เอ่ยขึ้นขัดกลางวง แม้จะชอบใจที่มีผู้ชายแย่งหล่อนกัน แต่ก็ไม่ได้อยากให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต
“เอ่อ...พี่วินกลับไปก่อนเถอะนะคะ ตีญ่ายังไม่พร้อมจะคุยตอนนี้ แล้วนี่ก็ลูกค้าคุณแม่ด้วย ไว้ตีญ่าพร้อมแล้วเราค่อยว่ากันนะคะ”
เจติยาเห็นท่าจะไม่ดี เพราะทั้งศุภโชคและวินวัฒน์เหมือนพร้อมจะวิ่งเข้าใส่กันทั้งคู่ และเมื่ออะไรๆ ระหว่างหล่อนกับศุภโชคก็ยังไม่ชัดเจน หล่อนก็ยังไม่พร้อมจะตัดวินวัฒน์ไปจากสารบบซะทีเดียว แต่จะปล่อยให้วินวัฒน์อยู่ต่อก็เท่ากับเป็นการตัดโอกาสตัวเองกับศุภโชคเช่นกัน
“พี่นึกว่าเรามากินข้าวกับโอ๊ตซะอีก ทำไมมากับผู้ชายอื่นได้คะ แล้วนี่โอ๊ตไปไหนคะ”
วินวัฒน์พูดระหว่างปรายตามองศุภโชคอีกครา มุ่งดับความหวังฝ่ายตรงข้าม เจตนาจะให้ชายหนุ่มเข้าใจว่าเขาทราบความเป็นไปในชีวิตของเจติยาทั้งหมด
ฟาก ‘ผู้ชายอื่น’ ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง ไอ้นี่วอนซะแล้ว เขาไม่ได้หวงแม่คนตรงหน้ามากนักหรอก ก็อีแค่หมากตัวหนึ่งที่จะทำให้การแก้แค้นของเขาสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แต่แค่ไม่พอใจที่มีใครมาพูดจาสามหาวแบบนี้ใส่เขา
“เมื่อก่อนผมคงเป็นผู้ชายอื่น แต่ต่อจากนี้คงไม่ใช่ หวังว่าคุณวินวัฒนาคงเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะให้เกียรติตีญ่าตัดสินใจด้วยตัวเองนะครับ ยังไงผมขอความเป็นส่วนตัวให้เราทั้งสองคนด้วย ผมคงไม่สะดวกใจที่จะพูดอะไรกับตีญ่าต่อหน้าคุณ” ศุภโชคผายมือไปทางที่วินวัฒน์เดินมา สื่อความหมายชัดเจนว่าไล่อีกฝ่ายให้ออกไปจากตรงนี้
วินวัฒน์บดกรามแน่น รู้สึกถูกผู้ชายตรงหน้าหยามน้ำหน้าจนอยากจะตะบันหมัดเข้าไปที่หน้าหล่อของมันสักสี่ห้าที แต่เกรงว่าจะยิ่งทำให้เจติยาไม่พอใจมากขึ้นไปอีก จึงได้แต่วางดอกไม้ลงบนโต๊ะอาหาร ก่อนจะข่มอารมณ์เอ่ยขึ้นอีกที
“ไว้พี่ไปหาที่บ้านพรุ่งนี้นะคะ”
เจติยาพยักหน้าน้อยๆ รับคำ ไม่ล่ำลา ไม่ส่งแขกใด พอวินวัฒน์พ้นไป หญิงสาวก็ตีหน้าเศร้าทำทีเป็นเสียอกเสียใจซะเต็มประดา ในใจเริ่มหวาดหวั่น กลัวผู้ชายตรงหน้าจะเห็นว่าหล่อนมีความสัมพันธ์กับคนอื่นอยู่แล้วจะตัดไมตรีไป จึงรีบพลิกเกมให้ตัวเองเป็นผู้ถูกทำร้าย บีบน้ำตาออกมา ไม่ได้รู้เลยว่าศุภโชคมองออกว่าอาการตอนนี้ไม่ใช่ของจริง
“โอเคไหมครับตีญ่า”
หญิงสาวยื่นมือไปรับทิชชูมาซับน้ำตาก่อนจะยกมือไหว้ศุภโชค แสดงอาการอ่อนแอต่อหน้าชายหนุ่ม
“ขอบคุณคุณโชคนะคะที่ช่วยตีญา” หญิงสาวแสร้งทำเสียงเครือ สะอึกสะอื้นมองชายหนุ่มตาปรอย
อีกฝ่ายก็ทำเหมือนใส่ใจ และไม่พอใจที่มีคนมาวอแวหล่อน “แฟนเหรอ” ศุภโชคถามขึ้นเมื่อทั้งสองนั่งลงอีกครั้ง ตาคมหรี่ลงเล็กน้อยจับสังเกตว่าอีกคนจะเล่นบทโศกใส่เขาขนาดไหน
“เคยค่ะ เคยคบกัน หลังจากตีญ่าเจอเขากับผู้หญิงอื่น...” เจติยาเล่าให้ศุภโชคฟังตามความจริงว่าเพราะอะไรความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับวินวัฒน์ถึงชะงักไป ปิดบังส่วนที่ตั้งใจจะเก็บทั้งสองคนไว้ เพราะมีเป้าหมายใหม่น่ากินขนาดนี้อยู่ตรงหน้า พอใจมากขึ้นเมื่อเล่าจบแล้วเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าศุภโชค ไม่ได้รู้เลยว่าสิ่งที่ปรากฏให้เห็นต่อหน้าตอนนี้เป็นเรื่องหลอกลวง
“แล้วเขามาง้อแบบนี้จะไม่ใจอ่อนเหรอครับ”
“ตีญ่าคงทำใจกลับไปคบกับเขาไม่ได้หรอกค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้า ก่อนจะทำเสียงใสใส่ศุภโชค “แต่คุณโชคไม่ต้องใส่ใจหรอก ค่ะ ตีญ่าขอโทษด้วยที่เอาเรื่องไร้สาระมาพูดจนเปลืองเวลาอ่านเอกสารของคุณแม่”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ดีเสียอีกที่ได้รู้ว่าตีญ่ากำลังโสด เอ๊ะ! แล้วนี่เพื่อนไม่มาแล้วเหรอ” ศุภโชคขยับดูนาฬิกาพบว่าเลยหนึ่งทุ่มมาเกือบสิบห้านาทีแล้ว เลยถามถึงคนอีกคนที่หญิงสาวแจ้งไว้ว่านัดกันมาก่อน
“คงจะถึงละค่ะ เมื่อกี้ไลน์มาบอกว่าติดไฟแดงอยู่หน้าปากซอยแล้ว...นั่นไงคะ”
เจติยาพูดยังไม่ทันขาดคำก็เห็นอนุวัตเดินเข้ามาที่โต๊ะแบบสโลว์โมชัน
ก็นัดทานอาหารกันแค่สองคน แต่ทำไมที่โต๊ะถึงมีคนที่สามโผล่มา ใจคิด ปากก็เอ่ยถามเพื่อนรักขณะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เจติยา
“ตีญ่า นี่เกิดอะไรขึ้น ทำไมแกมากะเนื้อคู่ฉันล่ะ” อนุวัตเขย่าแขนเจติยา แต่จับจ้องที่ศุภโชคไม่วางตา
ศุภโชคอดหัวเราะไม่ได้ นึกขำท่าทางของกะเทยตัวโตคนนี้ จะว่าไปนอกจากเรื่องอ่อยเหยื่อเกินงาม กิริยาที่เขาแสดงออกกับเพื่อนก็น่ารักดี
“แก อย่าทำฉันขายขี้หน้าสิ โอ๊ต เอ่อ...คุณโชคค่ะ นี่โอ๊ต เพื่อนสนิทตีญ่า ส่วนแก สวัสดีคุณโชคซะ คุณโชคเป็นลูกค้าสำคัญของแม่ฉัน” หญิงสาวแนะนำพลางบีบแขนเพื่อนสนิทส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายทราบว่าคนนี้ไม่ธรรมดา
อนุวัตก็รับมุกเป็นอย่างดี ยกมือไหว้ชายหนุ่มอีกครั้งหลังจากทำความเคารพแบบงงๆ ไปแล้วตอนเห็นหน้าเขาครั้งแรก
“สวัสดีค่ะคุณโชค โอ๊ตโชคดีจริงๆ ได้ทานข้าวกับคนหล่อแบบคุณโชค นังตีญ่า แกแคนเซิลอาหารเลย ฉันอิ่มแล้ว” อนุวัตทำตาเยิ้มใส่ศุภโชคที่ก้มๆ เงยๆ อ่านเอกสาร ไม่ได้ถือสาอะไรอนุวัต
“ไอ้โอ๊ต!” มือบางตีลงเต็มแรงที่ต้นแขนอวบแบบไร้กล้ามของเพื่อน ก่อนจะหันไปยิ้มแหยๆ ให้ศุภโชคแบบขอลุแก่โทษอีกที
“คุณโชครำคาญแย่ ตีญ่าขอโทษนะคะ เพื่อนตีญ่านี่ไม่ไหวเลย”
บรรยากาศในการรับประทานอาหารร่วมกันระหว่างศุภโชค เจติยา และอนุวัตรื่มรมย์ไม่น้อย จากทีแรกที่หญิงสาวคิดว่าชายหนุ่มอาจจะไม่สนุกกับเพื่อนหล่อนเท่าไร แต่กลับกลายเป็นว่าหลายครั้งที่เขาตอบโต้มุกกับอนุวัตจนเจติยายังทึ่ง
“โอ๊ย ขำจนปวดท้องไปหมดแล้ว” เจติยาเอามือกุมหน้าท้องของตัวเองไว้ขณะหัวเราะขันศุภโชคกับเพื่อนหล่อนที่ล้อเล่นกัน ถ้าเข้ากันได้ดีแบบนี้ก็สบายใจว่าหากหล่อนจะพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนี้คงไม่มีปัญหาอะไร
“ก็ไม่ต้องขำสิยะ คุณโชคเอาอะไรอีกไหมคะ อิ่มหรือเปล่า นังตีญ่ามัวแต่ขำ ไม่ดูแลคุณโชคเลย”
ศุภโชคพยักหน้าขณะดูดโทนิคในแก้วล้างความหวานของขนมในปาก หากไม่ติดแผนการที่คิดไว้ในหัวก็พูดได้เลยว่าเจติยาน่าคบหาไม่น้อย “อิ่มสิครับ ทานมากเกินไปด้วยซ้ำ พรุ่งนี้พี่ต้องวิ่งใช้กรรมไม่น้อยเลย”
“ความผิดนังตีญ่านะคะ สั่งไว้ตั้งหกเจ็ดอย่าง” อนุวัตจีบปากจีบคอแก้ตัว ค้อนขวับใส่เพื่อนสาวคนสวยที่เก็บมือถือใส่กระเป๋า พลางยิ้มหวานใส่ชายหนุ่ม แม้จะหมั่นไส้ แต่ก็ดีใจที่มีผู้ชายดีๆ เข้ามาหาเพื่อน
“ถ้าอิ่มกันแล้วงั้นตีญ่าเรียกเช็กบิลนะคะ” เจติยาเรียกพนักงานมาคิดเงินค่าอาหาร
ศุภโชคแย่งจ่ายค่าอาหาร โดยชายหนุ่มอ้างว่าตนเองโตกว่าหลายปีและเป็นผู้ชาย ให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าวคงไม่เหมาะ ซึ่งข้ออ้างนี้ถูกใจอนุวัตเป็นอย่างมาก
“คุณโชคนี่ทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งเข้าใจผู้หญิง ผู้ชายในฝันของโอ๊ตเลยนะคะ ดีๆ แบบนี้ยังโสดหรือเปล่า”
ศุภโชคได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าจากสลิปบัตรเครดิตที่ต้องเซ็น ยิ้มให้อนุวัตเล็กน้อยแทนคำตอบ ไม่วายหันไปทิ้งสายตาใส่เจติยาที่รอคำตอบอยู่เช่นกัน
หญิงสาวก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าเขามีใจให้ เลยแสร้งแก้ตัวเรื่องอื่นระหว่างลุกขึ้นจากโต๊ะเดินออกมาที่ลานจอดรถด้านนอกพร้อมๆ กัน “คุณแม่ต้องดุตีญ่าแน่ๆ ปล่อยให้ลูกค้าเลี้ยงข้าว คุณโชคอย่าเผลอไปพูดนะคะว่าวันนี้เลี้ยงตีญ่ากับเพื่อน”
“ก็อย่าคิดว่าพี่เป็นลูกค้าสิครับ...เอ้านี่เช็คครับ แล้วนี่ตีญ่ามายังไง ถือเช็คกลับบ้านปลอดภัยหรือเปล่า” ศุภโชคถามขณะยื่นเช็คค่ากรมธรรม์ให้หญิงสาว
เจติยาไม่แม้แต่จะหยิบเช็คออกมาตรวจสอบยอดเงินด้วยซ้ำ “ตีญ่าขับรถมา คงไม่เป็นไรหรอกค่ะ ปลอดภัยๆ” หญิงสาวเก็บเช็คลงกระเป๋าถือใบสวยก่อนจะตบสองสามทีเป็นสัญลักษณ์ว่าไม่มีปัญหา แต่ยังไม่เดินแยกไป ทิ้งจังหวะให้ศุภโชคพาไปส่งบ้านอีกครั้ง
“ดึกแล้ว อันตราย เดี๋ยวพี่ไปส่งดีกว่า”
อนุวัตที่ปล่อยให้คนทั้งคู่อ้อล้อกันมาสักพักได้ยินแบบนั้นก็ออกปากช่วยชงทันที “ดีค่ะ คุณโชคไปส่งมันก็ดี มันเพิ่งกลับมา ขับรถดึกๆ ดื่นๆ อันตราย”
“แล้วคุณโชคจะกลับยังไงค่ะ ตีญ่าเกรงใจ” เจติยายังไม่วายอิดออด ออกตัวว่าไม่อยากรบกวนเขา
“เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถตามไปได้ครับ ตามนี้นะครับ โอ๊ตขับรถดีๆ ครับ”
ศุภโชคใช้มือแตะหลังเจติยาเพียงเล็กน้อย เพื่อให้เธอออกเดินไปที่รถ ขณะที่มืออีกข้างต่อโทรศัพท์ถึงคนขับรถเพื่อให้ขับตามไป ณ จุดหมาย ชายหนุ่มใช้เวลาสักพักปรับเบาะรถให้เหมาะกับสรีระของตน จนเจติยาอดเป็นห่วงไม่ได้
“คุณโชคขับได้ไหมคะ ขาคุณโชคยาว รถตีญ่าคันนิดเดียว”
ศุภโชคหรี่ตาเรียวมองหญิงสาวนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบแบบอารมณ์ดีว่า “พี่ขับได้ครับ เราไม่ต้องมาหาข้ออ้างไม่ให้พี่ไปส่งหรอก”
ได้ยินแค่นั้นเจติยาก็ไม่ต่อปากต่อคำอีก ยิ้มพอใจในหน้าที่ชายหนุ่มแสดงความสนใจเกินความเป็นลูกค้า ปล่อยให้เขาขับรถไปให้จนกลับถึงที่พักในไม่ช้า ไม่วายออกปากชวนเขาขณะยื่นมือไปรับกุญแจรถมาถือไว้
“จะเข้าไปดื่มอะไรก่อนไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ดึกแล้ว พี่ขอตัวดีกว่า ไว้วันหลังนะครับ พี่จะไม่ปฏิเสธ”
“งั้นขอบคุณนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ชายหนุ่มพร้อมกับเอ่ยปากขอบคุณที่เขามาส่งอีกที แล้วก็ต้องตกใจเมื่อศุภโชคไม่ได้รับไหว้เหมือนทุกครั้ง แต่ใช้มือขวายกมือหล่อนที่พนมไหว้เขาขึ้นจูบที่หลังมือพร้อมเอ่ยเสียงอ่อนหวาน
“ราตรีสวัสดิ์ครับตีญ่า ถึงบ้านแล้วพี่จะเท็กซ์บอกนะครับ”
ศุภโชคทิ้งระเบิดลูกใหญ่เสร็จก็เดินขึ้นรถตู้อเนกประสงค์คันหรูของตนที่มาจอดรออยู่ ปล่อยให้หญิงสาวที่คิดว่าเล่นเกมเป็นยืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน โดนจีบมาก็มาก แต่ไม่มีใครท็อปฟอร์มแบบนี้สักคน
ความคิดเห็น |
---|