5
“เดี๋ยวแพทไปหาคุณภัทรนะคะ” ภัสสรยิ้มหวานให้เลขาฯ หลังจากเปิดประตูห้องทำงานของหล่อนบนอาคารสำนักงานห้างสรรพสินค้าหรูหรากลางกรุง ที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของเอเชีย เผยให้เห็นร่างบอบบางในเดรสคอปาดสีครีมตัดแบบเข้ารูปพอดีตัว แขนยาวถึงข้อศอก รองเท้าส้นสูงสีเบจส่งให้เจ้าตัวดูสวยสง่าน่าทะนุถนอมขึ้นอีกหลายเท่าตัว แต่ยังไม่ทันได้เดินไปไหน โทรศัพท์ตั้งโต๊ะที่ส่วนใหญ่มีไว้ใช้ในสำนักงานก็ดังขึ้น ภัสสรชะโงกดูชื่อที่หน้าจอแสดงผล เพราะหากเป็นสายด่วน หล่อนอาจจะต้องเจรจาให้เสร็จเสียก่อน เลยได้รู้ว่าผู้ที่โทร. มาไม่ใช่ใคร แต่เป็นพี่ชายคนโตของหล่อนนั่นเอง
“คุณภัทรคะ”
“มาทานข้าวที่ออฟฟิศพี่ไหมคะ คุณพีทแวะมาด้วยนะวันนี้” นานๆ ครั้งภัทระ พี่ชายคนที่สามที่สนิทกับหล่อนมากเป็นพิเศษเพราะวัยใกล้เคียงกันถึงจะเข้าออฟฟิศ เพราะมีหน้าที่หลักในการดูแลสาขาต่างจังหวัดที่มีความซับซ้อนทางเทคนิคไม่มาก แต่ด้วยความที่มีกระจายอยู่หลายสาขาเลยทำให้พี่น้องทั้งสี่คนได้รับความรับผิดชอบไปเยอะไม่ต่างกัน
“ดีจังค่ะ ไม่เจอคุณพีทนานแล้ว เดี๋ยวแพทไปนะคะ เมื่อกี้ก็ตั้งใจจะเดินไปหาอยู่พอดี”
วางสายแล้วภัสสรก็คว้าแค่เครื่องมือสื่อสารประจำตัวไปแค่นั้น แต่ไม่ลืมบอกเลขานุการหน้าห้องไว้ว่าจะแวะขึ้นไปกินอาหารกลางวันที่ออฟฟิศของผู้เป็นพี่ชาย และจะกลับมาทำงานอีกทีหลังบ่ายโมงซึ่งเป็นเวลาเข้างานปกติ เพราะอยากคุยกับพี่ชายคนที่หล่อนสนิทที่สุดให้หายคิดถึง
ไม่นานคนสวยของบ้านก็มาถึงห้องทำงานพี่คนโต ยกมือไหว้ผู้ช่วยของเขา ก่อนจะเคาะเบาๆ เพียงสองที แล้ววิ่งเข้าหาพี่ชายคนที่สามที่มีโอกาสได้พบกันเดือนละสองสามครั้ง
“คิดถึงคุณพีทที่สุด” ภัสสรอ้อนพี่ชายที่วัยใกล้เคียงกับหล่อนมากที่สุด ในขณะที่คนเป็นพี่ก็รัดรอบตัวน้องไว้และกดหอมกลางกระหม่อม
“คิดถึงคุณแพทเหมือนกันครับ” ภัทระลูบหัวน้องสาวที่ซบอยู่กับอกผู้เป็นพี่ ท่าทางอ่อนโยนแบบไม่เคยปฏิบัติกับสาวไหน มีแต่กับน้องน้อยผู้นี้ผู้เดียว “สวยขึ้นทุกครั้งที่เจอ แล้วไง พี่จะได้ยินข่าวดีบ้างไหม”
ภัทระเอ่ยแซวน้องสาว ทั้งๆ ที่ไม่ชอบคนรักของภัสสรเท่าไร แต่จะทำอย่างไรได้ ไอ้เขามันสายใจอ่อน ตามใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ใครๆ ในบ้านก็รู้ว่าคนเดียวที่จะกล่อมเขาได้คือภัสสรคนนี้เท่านั้น
น้องรักได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่บอกปัดไป “ยังละค่ะ แพทยังสนุกกับงานอยู่เลย” เบื่อทุกทีที่มีคนถามว่าเมื่อไรหล่อนจะยอมตัดสินใจแต่งงานกับรณพล คนรักที่คบกันมาหลายปีสักที
“ดีแล้ว ดูกันนานๆ เผื่ออะไรที่ไม่รู้จะได้รู้”
ภัทระบอกน้องสาว ห่วงไม่น้อย เพราะชื่อเสียงรณพลเรื่องความเจ้าชู้ใช่ย่อยเสียเมื่อไร ไม่รู้ภัสสรเห็นอะไรดีในตัวมันถึงยอมรับรักและคบหาดูใจกันมาตั้งหกเจ็ดปี และปิดหูปิดตาไม่รับรู้เรื่องผู้หญิงคนอื่นของฝ่ายโน้นมาตลอด
แต่พี่ชายคนโตอย่างภัทรกลับปรามไว้ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของภัสสร จะดีจะชั่ว หญิงสาวก็เลือกที่จะรักกับรณพลเอง
“คุณพีทนี่ตลก ยุให้น้องเลิกกับแฟนทุกครั้งที่เจอหน้า”
แม้จะรู้แก่ใจว่าเพื่อนตัวเองมีคนอื่นอยู่ตลอดเวลา แต่เขาคิดถี่ถ้วนแล้วว่าบางครั้งเรื่องแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติของผู้ชาย อีกอย่างรณพลถือเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขา ชาติตระกูล การศึกษา ทุกอย่างพร้อมสรรพ เหมาะสมที่จะมาเป็นเขยเล็กของบ้าน โดยไม่ต้องห่วงว่าจะมาปอกลอกคนในตระกูล โดยเฉพาะผู้หญิงแบบภัสสร เสือร้ายที่ไหนก็เห็นเป็นขุมเงินขุมทอง ขนาดเขาเป็นผู้ชายยังโดนมาแล้ว
“รวยน้อยกว่ามันหน่อย แต่ไม่เจ้าชู้ก็ได้มั้งคุณภัทร เงินทองเราเหลือเฟือนะฮะ”
ภัทระบอกพี่ชายและเตือนน้องสาวทางอ้อม เขาห่วงภัสสรไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะโตจนเกือบเข้าเลขสามแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นน้องสุดท้อง แถมยังเป็นผู้หญิง ทำให้เขาอดเห็นเธอเป็นเด็กๆ และต้องได้รับการปกป้องตลอดเวลาไม่ได้
ฟากภัสสรได้แต่ทำหน้ามุ่ยเพราะความจริงที่รู้มาเนิ่นนานว่ารณพลเจ้าชู้ขนาดไหน ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หล่อนไม่ยอมแต่งงานกับเขาสักที
“อย่าพูดเรื่องคนอื่นเลยค่ะ ทานข้าวกันดีกว่า อยู่กันแบบนี้แล้วคิดถึงคุณพอลนะคะ” ภัสสรเอ่ยถึงพี่ชายคนที่สองที่ประจำการอยู่ที่ต่างประเทศ บริหารกิจการห้างสรรพสินค้าดิ เออที่บิดาของทั้งสี่ขยายสาขาไปได้หลายที่ในภาคพื้นยุโรป หยุดความไม่สบายใจทุกครั้งที่มีคนเอ่ยเรื่องรณพลขึ้นมา
“นั่นสิ ไว้หยุดยาวคราวหน้าเราชวนคุณพ่อคุณแม่บินไปหาคุณพอลแบบครบทีมไหม” ภัทรถามความเห็นจากสองสมาชิกที่เหลือ
ภัทระหัวเราะออกมา เพราะรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ พ่อเขาโคตรที่จะเอาจริงเอาจังเรื่องการทำงาน หากจะเดินทางไปไหนกันทก็ไม่เคยได้ไปพร้อมๆกัน เพราะต้องมีคนคอยแสตนบายทำงานที่บริษัทอยู่เสมอ
“อย่างกับคุณพ่อจะยอม เดี๋ยวก็บ่นจนหูชาว่าไม่มีใครอยู่โยงดูแลงาน แล้วก็ปล่อยให้พวกเราไปกันตามเดิม” ภัทระยักไหล่ เมื่อพูดถึงบิดาที่เอาจริงเอาจังกับการทำงานจนหลายๆครั้งเขาเกือบรับไม่ได้ ดีหน่อยที่การเปิดสาขาในต่างๆจังหวัดเขาเคยเสนอในที่ประชุมบอร์ดว่าไม่ควรเอาความเป็นเมืองเข้าไปทำลายอัตลักษณ์ของท้องถิ่น แต่ควรสร้างห้างสรรพสินค้าให้เหมาะกับวัฒนธรรมของแต่ละท้องที่ ให้มีสถาปัตยกรรมพื้นเมืองแทรกอยู่ในอาคาร ได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นทั้งหมด ทำให้เขาสามารถถ่ายทอดความเป็นศิลปินลงในสาขาต่างจังหวัดได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องทนคิดคำนวณต้นทุนกำไรแบบที่พี่ชายคนโตต้องรับผิดชอบ
“นั่นสิคะ เรียกคุณพอลกลับมาน่าจะง่ายกว่า แพทว่าวีพีคนใหม่ที่ส่งไปน่าจะได้เรื่องอยู่ คงดูแลงานแทนได้ไม่น้อย” รองประธานภาคพื้นยุโรปที่พวกหล่อนเพิ่งซื้อตัวมาจากห้างอื่นไม่นานถูกส่งไปเป็นมือรองของภัทรพงศ์ได้เกือบสามเดือนแล้ว แต่พี่ชายคนที่สองก็ยังไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านอีกเลย ทั้งๆ ปกติจะพยายามกลับมาทุกเดือน โดยให้ข้ออ้างว่าต้องควบคุมการทำงานของท่านรองฯ คนใหม่ให้อยู่ตัวก่อน
“คุณพอลคงกลับหรอก” ภัทระเอ่ยขำๆ เพราะรู้อะไรบางอย่างมา “กลัวจะอยากเทรนงานจนลืมพี่ๆ น้องๆ” ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ารองประธานที่ส่งไปให้ภัทรพงศ์นั้นตรงสเปกพี่ชายคนที่สองขนาดไหน สาวลูกครึ่งตาน้ำข้าวขายาวอย่างกับนางแบบ หุ่นเอกซ์แบบที่คุณพอลชอบชัดๆ ป่านนี้ตะปบลูกน้องตัวเองเต็มคราบตามประสาเพลย์บอยหรือยังก็ไม่รู้
สามพี่น้องรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันอย่างสนุกสนาน บทสนทนาไร้สาระดูจะเป็นประเด็นสำคัญที่สองหนุ่มหนึ่งสาวให้ความสำคัญ จนได้เวลาที่ภัสสรต้องกลับลงไปประชุมแผนกที่ตนเองรับผิดชอบจึงเอ่ยปากขอตัวจากพี่ชายทั้งคู่
“แพทต้องไปแล้วละค่ะ คุณพีทนอนที่บ้านนะคะ อย่าไปนอนคอนโดเลย ทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่กัน เดี๋ยวแพทจะโทร. บอกให้” ภัสสรยังคงเป็นภัสสรอยู่วันยังค่ำ ออดอ้อนจนใครหน้าไหนก็ต้องใจอ่อน และรู้ดีว่าคนอย่างภัทระนั้นยอมหล่อนเสมอ
“คุณแพทอ้อนแบบนี้ พี่ไม่กลับได้ยังไง มา พี่เดินไปส่งที่ออฟฟิศ” ภัทระลุกขึ้น รอยยิ้มปรากฏเต็มหน้าตาหล่อเหลาไม่ต่างจากพี่น้อง ต่างกันตรงที่ภัทระมีความเซอร์แบบศิลปิน ผมไม่ได้จัดทรงเป็นคุณชายแบบภัทร ใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีน ทว่ายังดูดีจนสาวๆ ในบริษัทตั้งตารอทายาทคนที่สามของเจ้านายมากรุงเทพฯ บ่อยๆ แม้กระทั่งตอนนี้ที่เดินมาส่งน้องรักที่ห้องประชุม ก็ยังมีพนักงานใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้เห็นหน้าเมียงมองบ้าง ก็พอรู้ว่าชายหนุ่มเป็นใคร บ้างก็คิดว่าเป็นหนุ่มใหม่ของภัสสร ยิ่งคิดมากไปอีกเมื่อเห็นหญิงสาวเขย่งจูบแก้มชายหนุ่ม
ภัสสรยกมือไหว้พี่ชายที่เดินมาส่งหล่อนถึงห้องทำงาน “เจอกันเย็นนี้นะคะ”
ภัทระพยักหน้าแล้วเปิดประตูห้องประชุมให้น้องสาว เมื่อเห็นว่าคนในห้องประชุมยังมากันไม่ครบ เขาก็ออกปากทันที “พอมีเวลาให้พี่สักสิบห้านาทีไหม ที่ประชุมยังไม่พร้อมนิ”
ภัสสรได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ก็มั่นใจว่าคงมีเรื่องด่วน ไม่เช่นนั้นคนเอาจริงเอาจังอย่างภัทระคงไม่เห็นอย่างอื่นสำคัญกว่างานแบบนี้ คิดได้ดังนั้นก็หันไปบอกเลขาฯ ของหล่อนที่มายืนเตรียมพร้อมรอทีมที่ต้องพรีเซนต์งานวันนี้ และฝากแจ้งที่ประชุมว่าหล่อนจะเข้าช้าเล็กน้อย
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ภัสสรเอ่ยถามขึ้นระหว่างทิ้งตัวลงนั่งในห้องรับรองข้างๆ ห้องประชุม มือก็เปิดแฟ้มรายละเอียดที่ต้องพิจารณาในที่ประชุมวันนี้ดูอีกที
ภัทระนั่งอยู่ที่โซฟารับแขก พาดขายาวไปกับโต๊ะกลางแบบที่ภัสราผู้เป็นแม่มาเห็นต้องบ่น ทำตัวตามสบายต่างจากเรื่องที่กำลังจะเอ่ยปากเหลือเกิน
“เรื่องแฟนเรา ถ้าไม่แน่ใจว่าจะแต่งก็ตัดสินใจอะไรสักอย่างเถอะคุณแพท”
“คุณพีท...ให้แพทตัดสินใจอะไรล่ะคะ”
คนสวยทำหน้ายู่ หล่อนเลือกที่จะไม่ตัดสินใจทำอะไรแบบนี้เองต่างหาก รับรู้เนื้อความที่พี่ชายสื่อ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไรให้ชีวิตตัวเอง เพราะอยู่ในความสัมพันธ์นี้มาหลายปี คิดหักลบกลบหนี้แล้วก็ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้อยู่แบบนี้
“รู้ไม่ใช่เหรอว่ามันเจ้าชู้ขนาดไหน จะทนอยู่กับมันทำไม”
“แต่...เรื่องอื่นเขาดีมากนะคะ” ภัสสรอึกอัก เรื่องนี้หล่อนก็ทราบดี แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะหล่อนเองก็ไม่เคยยอมให้รณพลมีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย
ท่าทางที่แสดงออกทำให้ภัทระคิดไปว่าน้องสาวหลงผู้ชายหัวปักหัวปำ จนผู้เป็นพี่ส่ายหน้า เริ่มคิดว่าจะใช้ไม้อ่อนตะล่อมให้คิดได้เองแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
“คุณแพทฟังพี่นะ เราไม่ใช่สตรียุคโบราณที่ถ้าสามีมีเล็กมีน้อยก็ไม่ต้องสนใจ คุณแพทมีดีทุกอย่าง ใครๆ เขาก็จ้องคุณแพทกันทั้งนั้น อย่าไปคิดว่าคบกันมานาน เสียดายเวลา ไม่กล้าเริ่มต้นใหม่ ถ้ามันเลวก็เลิกซะ ต่อให้จากนี้คุณแพทจะไม่มีใคร น้องคนเดียวพี่ๆ เลี้ยงได้” ภัทระพูดตรงๆ ตามนิสัยศิลปิน ไม่อ้อมค้อมประดิดประดอยคำพูด
“แต่ถ้ารัก ขาดมันไม่ได้ก็ตบแต่งกันซะ ลอยชายกันไปแบบนี้จะไม่ดี ไม่งั้นก็เลิก เปิดโอกาสให้คนดีๆ คนอื่นบ้าง” ชายหนุ่มว่าต่อ ระหว่างนั้นก็หรี่ตามองน้องสาวว่ามีปฏิกิริยาอย่างไรกับคำพูดของเขา ไม่อยากพูดตอนที่ภัทรอยู่ด้วยก็เพราะเกรงใจพี่ชายพอสมควรเนื่องจากรณพลเป็นเพื่อนสนิทของภัทร
“ค่ะ...” ภัสสรได้แต่รับคำสั้นๆ ตามนิสัย แต่ในใจคิดตามที่ภัทระบอกทุกประการ หล่อนคิดไม่ตกมาหลายปี เพียงแต่ไม่ได้พูดให้ใครฟังก็แค่นั้น แต่คราวนี้เพราะอัดอั้นเต็มทีเลยเผลอเอ่ยเสียงแผ่วออกมา “คิดอีกที อยู่ให้คุณพีทเลี้ยงก็ดีนะคะ”
คำตอบที่ได้กลับมาจากภัสสรก็ไม่ต่างกับที่เขาคิดไว้ อ่อนใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้แล้ว ถึงขั้นคิดจะตัดใจปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรม
เมื่อรู้สึกตัวว่าหลุดปากอะไรออกไป หญิงสาวก็แสร้งหัวเราะพลางซบหัวกับแขนพี่ชาย ใช้กิริยาออดอ้อนเปลี่ยนเรื่อง “ไปค่ะ เดินไปส่งแพทที่ห้องประชุม ใช้ความหล่อให้เป็นประโยชน์ สร้างความกระชุ่มกระชวยให้สาวๆ ในออฟฟิศหน่อยนะคะ เผื่อลูกน้องแพทจะไอเดียบรรเจิดคิดแคมเปญอะไรดีๆ ออกบ้าง” ภัสสรกระเซ้า
พี่ชายหล่อนคนนี้ถึงจะไม่ได้หล่อเนี้ยบมาดสุขุมแบบภัทร หรือดูเจ้าเสน่ห์แบบภัทรพงศ์ แต่ภัทระก็มีความหล่อแบบดิบๆ อย่างที่เด็กสมัยนี้ให้คำนิยามว่าสายโหด ทั้งๆ ที่ใบหน้าพี่ชายทั้งสามคนมีเค้าเดียวกันจนบิดาหล่อนยังเปรยบ่อยๆ ว่าถ้าจับแต่งตัวเหมือนกัน ผมทรงเดียวกัน คนอื่นคงแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร
“เออนี่...วันก่อนพี่เจอแฟนเก่าเรา โชคใช่ไหม” ภัทระเอ่ยถึงศุภโชค ทำเอาจังหวะการเดินของภัสสรกระตุกไป ทั้งๆ ที่กำลังจะลบความไม่สบายใจเรื่องรณพลได้อยู่แล้ว จนพี่ชายต้องก้มลงมองน้องสาวที่เดินเกาะแขนอยู่ข้างๆ
“ค่ะ...ที่ไหนคะ”
“ภูเก็ต พี่ลงไปดูที่สร้างสาขาใหม่ให้คุณพ่อ ธุรกิจเขากว้างขวางเชียว ที่ผืนนี้เขาก็ช่วยหามาให้นะ”
“ค่ะ” ภัสสรพูดได้แค่นั้น ไม่รู้จะเอ่ยอะไรต่อ ใจหวนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่หล่อนบังเอิญได้เจอศุภโชค ทำไมดูเหมือนทุกๆ คนในชีวิตหล่อนจะได้พบเขา ทั้งที่ไม่เจอกันเลยตั้งเจ็ดปี
เวลาอาหารค่ำของบ้านจตุรภัทรเป็นไปอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะครื้นเครงจากการที่พ่อแม่และลูกๆ ได้มาพบกันหลังจากต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่รับผิดชอบ ทำให้ทุกคนผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ จนผู้เป็นพ่ออดไม่ได้ที่จะต่อสายแบบเห็นหน้าหาบุตรชายคนที่สองที่ประจำการอยู่ที่อิตาลี บริหารงานสาขาต่างประเทศที่สร้างกำไรให้ครอบครัวไม่น้อย แต่ภัทรพงศ์คงกำลังยุ่ง เพราะทำท่าจะวางสายตลอดเวลา และสัญญาว่าภายในสองเดือนเขาจะกลับมาเมืองไทยเพื่อร่วมประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี ทำเอามารดายิ้มไม่หุบ เพราะเป็นปีหนึ่งมีไม่กี่ครั้งที่ลูกๆ หล่อนจะอยู่กันพร้อมหน้า
หลังจากมื้ออาหารที่จบช้ากว่าปกติ หญิงสาวถึงได้แยกเข้าห้องนอนอาบน้ำ เตรียมตัวพักผ่อน หยิบโทรศัพท์มาหมายจะตั้งนาฬิกาปลุก ซึ่งหล่อนต้องตื่นเช้ากว่าปกติเพราะที่ห้างจะมีอีเวนต์สำคัญ มีพนักงานจากบริษัทรับจัดงานมาติดตั้งอุปกรณ์ตั้งแต่คืนนี้ ภัสสรต้องไปตรวจดูความเรียบร้อยว่าทุกอย่างพร้อมก่อนเวลาห้างเปิดหรือไม่ เหลือบเห็นข้อความจำนวนมากส่งผ่านแอปพลิเคชันไลน์ของกลุ่มเพื่อนที่เรียนหนังสือด้วยกันที่ต่างประเทศ จึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปอ่านดู แต่ไล่อ่านข้อความได้ไม่ทั้งหมด จึงเลือกอ่านแต่ประโยคล่างๆ เท่านั้น
Mark : ตกลงวันศุกร์นะ ใครไม่ไปจ่ายเข้าสมาคมห้าหมื่น
Vivi : ห้าหมื่น!!! เอาไปสร้างสมาคมใหม่หรือไง เขี้ยวลากดิน
เพราะงานในความรับผิดชอบมากมายทำให้หล่อนหลงลืมการนัดหมายไปหลายครั้ง แต่คราวนี้เมื่อคิดคร่าวๆ ในหัวแล้วพอมีเวลาว่างตามวันและเวลาที่เพื่อนๆ สนทนากันเลยพิมพ์ถามเข้าไป กะว่าการไปเจอคนที่คุ้นเคยคงทำให้ความเหนื่อยล้าจากการทำงานหายไป
Pat : วันศุกร์ทำอะไรกันเหรอ ไปด้วยสิ
Vivi : คุณแพทคะ...สนใจเพื่อนด้วย แปะไว้ในวอลเป็นชาติว่ามีงานเลี้ยงนักเรียนเก่าอังกฤษ
Pat : เฮ่ย แพทลืมเลย แต่ไม่เป็นไร ยังไงต้องไปๆ ไม่อยากจ่ายห้าหมื่น ฮ่าๆๆ
Mark : ระดับคุณแพท ห้าหมื่นไม่สะดุ้งสะเทือน ที่สำคัญขอบัตรสมนาคุณจากทางห้างมาร่วมจับฉลากด้วยนะครับ ปีนี้กระผมมีหน้าที่ล่ารางวัล ถ้าของไม่เจ๋งจะเสียชื่อรุ่นรวมดาราแบบพวกเราหมด
Pat : จ้า...แล้วใครไปบ้าง ชวนกันไปเยอะๆ สิ ไม่ได้เจอเพื่อนเลย
PluB : พลับไปไม่ได้ งานยุ่งมาก!!!
Danai : งานยุ่งหรือติดแฟน เอาบัตรนอนโรงแรมคุณหวงฟรีมาไถ่โทษเลย
ภัสสรนั่งอ่านข้อความไปยิ้มไปอีกพักใหญ่ กลุ่มนี้รวมเพื่อนๆ ที่เรียนที่ลอนดอนในช่วงเวลาเดียวกัน สนิทกันมากน้อยแล้วแต่จริตของแต่ละคน แต่พบกันบ่อยตามงานสังคม ถือเป็นกัลยณมิตรที่ดีอีกกลุ่มหนึ่งที่พึ่งพาอาศัยช่วยเหลือกันตลอด อาจจะเพราะโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ทำให้ความอิจฉาริษยาไม่มีให้เห็นเท่าไรนัก
เช้าวันรุ่งขึ้นภัสสรไปถึงที่ทำงานก่อนเวลาปกติมาก เพราะต้องตรวจสอบความพร้อมในการจัดงานเย็นนี้ แต่ด้วยความที่เป็นห้างสรรพสินค้าจึงให้ช่างมาติดตั้งอะไรเมื่อห้างเปิดไม่ได้ ต้องทำทุกอย่างให้เสร็จก่อนเวลาทำการเท่านั้น ระหว่างเดินตรวจสอบความเรียบร้อยของงาน หญิงสาวก็เข้าไปดูความเป็นไปของเพื่อนฝูงในอินสตาแกรมฆ่าเวลา แล้วก็เป็นอันต้องชะงักนิ้วที่กำลังเลื่อนผ่านรูปต่างๆ เพราะพบว่ามาวินหรือมาร์ก เพื่อนที่คุ้นเคยกันลงรูปยามท่องราตรีเมื่อคืนคู่กับศุภโชคที่ดูจะเข้ามาวนเวียนในชีวิตหล่อนช่วงนี้มากเหลือเกิน ภาพชายหนุ่มร่างสูงใหญ่โอบไหล่มาวิน อีกมือถือขวดเบียร์นอกฉลากสีเขียว หน้าตาดูมีความสุขได้รับความนิยมมากกว่าสองร้อยไลก์
เจอนายหัวยืนให้สาวรุมอยู่กลางผับ ไม่เจอเลยตั้งแต่เรียนจบ #เพื่อนหล่อบอกต่อ #เพื่อนโสดโปรดจีบ
ภัสสรยังยืนอึ้งอยู่กับแคปชันที่เห็น จากนั้นเสียงเตือนของแอปพลิเคชันหนึ่งในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อเปิดดูจึงพบว่ามาวินได้เชิญศุภโชคเข้าจอยกรุ๊ปเพื่อนนักเรียนอังกฤษที่พวกหล่อนใช้คุยกันเมื่อคืน มีข้อความทักทายชายหนุ่มจากคนอื่นๆ มากมาย ทำให้หญิงสาวพอรู้ความเป็นไปของคนไกลบ้าง แต่ก็ไม่ได้ส่งข้อความเข้าไปพูดคุยกับชายหนุ่มเพราะจากกันแบบไม่ค่อยดีเท่าไร ทว่าการที่ได้เห็นข้อความของเขาผ่านตาแบบนี้ก็ทำให้อดยิ้มออกมาไม่ได้ อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ทำให้มีพลังทำกิจกรรมในวันนี้มากยิ่งขึ้น
จวบจนเวลาเลยเที่ยง หน้างานที่ต้องได้รับการควบคุมจากหล่อนโดยตรงถึงจะเรียบร้อย คนเป็นแม่งานจึงเดินกลับขึ้นออฟฟิศ เพื่อเตรียมตัวลงไปร่วมงานใหญ่ของห้างเย็นนี้ และจัดการกับเอกสารต่างๆ ที่ต้องได้รับการพิจารณาจากหล่อน ก่อนส่งต่อให้แผนกอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป กว่าจะเสร็จสิ้นก็เกือบห้าโมงเย็น หญิงสาวจึงเรียกผู้ช่วยเข้ามาสั่งงานสองสามอย่าง ก่อนจะลงไปต้อนรับแขกที่มาร่วมงานด้านล่าง
กองทัพนักข่าวกำลังยืนออสัมภาษณ์เซเลบริตีและผู้มีชื่อเสียงในสังคมต่างๆ หน้างาน แต่ทันทีที่เห็นร่างระหงของภัสสร ทั้งหมดก็พร้อมใจหันมาให้ความสนใจบุตรีคนเดียวของคุณภัทรพล ทายาทธุรกิจห้างสรรพสินค้าอันดับหนึ่งของเมืองไทย ต่างส่งเสียงเซ็งแซ่สอบถามเรื่องความคืบหน้าในการขยายสาขาต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเรื่องส่วนตัวของหล่อนที่มักเป็นที่สนใจของนักข่าวสายสังคม เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าหล่อนปลูกต้นรักร่วมกับหนุ่มใหญ่เจ้าของพรรคการเมืองชื่อดังที่มีที่นั่งในสภาจำนวนไม่น้อย
“วันนี้คุณพลไม่มาให้กำลังใจเหรอคะ” นักข่าวสายสังคมคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น
ภัสสรยิ้มหวานตามสไตล์ ตอบเสียงอ่อนหวาน ใจเย็น ไม่เห็นว่าเป็นการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว เพราะอยู่ในความสนใจของสื่อมาตั้งแต่แตกเนื้อสาว “เดี๋ยวคงมาค่ะ คุณพลช่วยคุณพ่อลงพื้นที่อยู่ ถ้าพี่ๆ สายการเมืองมาด้วย คงต้องรอถามกันเองนะคะ แพทตอบไม่ได้จริงๆ เรื่องการรับตำแหน่ง หรือสัดส่วนใน ครม.”
ภัสสรขอร้องอ่อนหวาน หลายครั้งที่นักข่าวถามเลยเถิดไปถึงเรื่องการเมือง แต่หญิงสาวก็จนปัญญาที่จะตอบ บางเรื่องพูดได้ บางเรื่องพูดไม่ได้ ให้เจ้าตัวเขามาตอบเองดีกว่า เหลือบเห็นดารานางแบบดาวรุ่งที่ทีมพีอาร์จ้างมาเรียกความสนใจจากสื่อและลูกค้าในห้างเดินเข้ามาจึงเชิญชวนให้นักข่าวเข้าไปสัมภาษณ์ เพื่อที่หล่อนจะได้ปลีกตัวไปดูแลความเรียบร้อยของงานได้ ระหว่างนั้นก็ได้รับสายจากรณพลว่าเขากำลังจะมาถึง
“แพทอยู่ที่งานแล้วละค่ะ แต่คงปลีกตัวออกไปรับคุณพลไม่ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแพท พี่เข้าไปเอง วันนี้คนสวยของพี่เหนื่อยไหม” รณพลถามคนรักอย่างเอาใจใส่แบบที่เขาเคยเป็นเสมอมา ทำให้ภัสสรยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปอีกที่หล่อนเฉยชากับเขาเสียจนไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มีให้อีกฝ่ายคืออะไร
“เหนื่อยเป็นปกติแหละค่ะ รีบเข้ามานะคะ เดี๋ยวงานจะเริ่มแล้ว”
ภัสสรวางสายจากรณพลได้ไม่นาน ดูแลความเรียบร้อยภายในงานอีกไม่ถึงสิบนาที หนุ่มใหญ่ที่เพิ่งโทร. หาหล่อนก็เดินยิ้มร่าเข้ามาพร้อมช่อดอกไม้ใหญ่ หญิงสาวเห็นนักข่าวจำนวนไม่น้อยรุมสัมภาษณ์เขาอยู่ จังหวะนั้นผู้ช่วยส่วนตัวของหล่อนก็ส่งข้อความเข้ามาว่านักข่าวอยากได้รูปคู่ หล่อนจึงเดินเข้าไปหาคนหมู่มากตรงแบ็กดรอปหน้างาน
“ดอกไม้ให้กำลังใจคุณแพทของพี่ครับ” รณพลยื่นช่อดอกไม้สวยในมือให้คนรักตรงหน้าพร้อมเอ่ยคำหวานต่อหน้าสื่ออย่างไม่เขินอาย ภัสสรสวยเหมือนทุกวัน คุณแพทของเขาสวมสูทพอดีตัวสีขาวแบบไม่มีเสื้อข้างในเข้าชุดกับกางเกงสีเดียวกันตัดพอดีตัว ดูสวยสง่า แต่ก็เป็นทางการ ดูเย้ายวน แต่ก็มีรสนิยมในคราวเดียวกัน
“หวานแบบนี้เมื่อไหร่จะมีข่าวดีครับ”
คนถูกถามได้แต่หัวเราะเบาๆ มองหญิงสาวตรงหน้าที่ยิ้มพิมพ์เดิมแบบที่เขาเรียกว่ายิ้มออกสื่อ
“แหม ถามตรงใจจัง จากฉบับไหนครับ ผมจะซื้อพื้นที่ลงโฆษณา” รณพลเย้านักข่าว คนทำอาชีพแบบเขาต้องเอาใจสื่อให้อยู่ในมือตลอดเวลา “ขอทุกวัน รอแต่คุณแพทตอบนี่แหละครับ”
ภัสสรได้แต่ฉีกยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมอีกเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ในใจอึดอัด รู้สึกหายใจไม่ออกมากขึ้นทุกวินาที
“พี่ๆ แพทยังโสดอีกสองคน รอคุณพีทกะคุณพอลแต่งงานก่อนดีไหมคะ” หญิงสาวให้ข้ออ้างที่ดูไม่น่าเกลียดกับสื่อมวลชน ยอมทนให้มีการบันทึกภาพคู่รักหวานแหววหน้างานต่ออีกร่วมสิบนาที ก่อนจะเอ่ยขอตัวพารณพลไปนั่งในบริเวณที่จัดไว้ให้แขกคนสำคัญ แต่ระหว่างจังหวะก้าวเดินนั้นคนข้างๆ ก็ถามขึ้น
“จะรอจนคุณพีทกับคุณพอลแต่งก่อนจริงๆ เหรอคะ” รณพลถามเนือยๆ แต่ในใจก็อยากได้คำตอบเพราะรอคนตรงหน้ามาหลายปี
“รอไม่ไหวแล้วเหรอคะ เบื่อแพทจนอยากได้เด็กสาวๆ หรือเปล่า” ภัสสรถามทีเล่นทีจริงบ แต่ในใจเจ็บแปลบจริงๆ
“ทำไมพี่จะรอคุณแพทไม่ได้ รอเท่าไหร่ก็รอได้ แต่สองคนนั้นเด็กกว่าพี่อีก กว่าเขาจะแต่งงานกัน พี่ไม่ห้าสิบแล้วเหรอคะ อยากได้เจ้าบ่าวหัวล้านหรือไง”
คนโดนเหน็บรีบทำเสียงอ่อนอ้อนแฟน เขายังเป็นเสือ แถมเป็นเสือร้าย ยิ่งคนรักไม่ยอมให้ใกล้ชิดได้มากกว่ากอดหอม เขาก็ต้องซื้อกินเป็นธรรมดา “งั้นก็รอต่อไปค่ะ ขอแพทดูให้แน่ใจหน่อยเถอะว่าจะไม่มีสาวๆ ที่ไหนมาราวีหากแต่งกับคุณพลไป”
ภัสสรบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม รณพลจึงทำอะไรไม่ได้ ปล่อยเลยตามเลยแบบที่ปล่อยมาแล้วหลายปี รู้ดีว่าภายใต้ท่าทางอ่อนหวานว่าง่ายนั้น ภัสสรดื้อเงียบเพียงใด หากหล่อนไม่ตัดสินใจหรือเห็นดีเห็นงามด้วยตัวเองแล้วละก็ ไม่ว่าอะไรก็บังคับไม่ได้ หนุ่มใหญ่เลยทำได้แต่รอ เพราะมั่นใจในตัวเองพอสมควรว่าไม่มีใครที่จะเหมาะกับภัสสรมากไปกว่าเขา
นอกจากความรักที่เขามีให้หล่อนจากใจจริง ผู้หญิงตรงหน้ายังเหมาะสมกับเขาด้วยประการทั้งปวง อีกทั้งยังจะช่วยเสริมหน้าที่การงาน เพิ่มคะแนนความนิยมของเขาในอาชีพการเมืองได้ไม่น้อย จะหงุดหงิดก็ตรงที่คนสวยคนนี้หวงเนื้อหวงตัวเหลือเกิน คบกันมาหกเจ็ดปี คนรักที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวพ่ออย่างเขายังไม่เคยได้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่าการจูบราตรีสวัสดิ์ หรือนอนร่วมบ้านกันโดยที่หล่อนมีห้องนอนส่วนตัว ไม่เคยร่วมเตียง ไม่เคยร่วมรัก
“คุณแพท ดีใจด้วยนะคะ งานวันนี้จัดดีจัง”
ภัสสรหันไปตามเสียงหวานที่ได้ยิน ก่อนจะพบว่าคนที่เรียกหล่อนไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพรรณพัตรา สาวสังคมชื่อดังคนหนึ่ง สองสาวคุ้นเคยกันพอตัวสมัยเรียนหนังสือที่ต่างประเทศด้วยกัน ยิ่งพอกลับมา ได้พบกันในงานสังคมบ่อยๆ จึงกลายเป็นคนคุ้นเคย แถมห้างสรรพสินค้าของหล่อนก็ได้บริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ของพรรณพัตราเป็นคนสร้างให้
“ขอบคุณลูกพลับค่ะอุตส่าห์มา ยินดีด้วยเหมือนกันที่โพรเจกต์สนามบินชนะขาดลอย สวยเหมือนเดิมเลยนะคะ” ภัสสรเอ่ยชม พรรณพัตราหน้าตาสวยเฉี่ยว แต่เป็นผู้หญิงคนละบุคลิกกับหล่อนโดยสิ้นเชิง ผู้หญิงคนนี้ได้ชื่อว่าเป็นสาวเปรี้ยว นักธุรกิจแสนเขี้ยว สาวสังคมที่สนุกสนาน สร้างความครื้นเครงได้ทุกงานที่หล่อนไป อีกทั้งยังว่ากันว่าเวลาคนตรงหน้าโกรธเอาเรื่องอย่าบอกใคร
พรรณพัตราสวยเด่นอยู่ในชุดเสื้อกับกางเกงติดกันสีเลือดหมู ดีไซน์สวยงามหรูหรา ใบหน้าแต่งแต้มไว้อย่างสวยงาม ปากอิ่มแต่งแต้มด้วยสีเดียวกับชุด ส่งให้ใบหน้างามชวนมองแบบสาวเซ็กซี่ ผมที่จับเป็นลอนคลื่นเกล้าเป็นมวยต่ำๆ มีลูกผมระต้นคอประปรายอย่างประณีต แต่เป็นธรรมชาติ
“คุณแพทก็สวยเหมือนกัน”
“มาคนเดียวเหรอคะ คุณหวงมาไหม” ภัสสรเอ่ยถามถึงหัศวรรช คนรักของเพื่อนสาวซึ่งเป็นหนุ่มเลือดผสม เจ้าของโรงแรมหรูหลายร้อยสาขาทั่วโลก ความหล่อติดอันดับหนุ่มโสดชวนฝันหลายปี จนอายุเข้าสามสิบเจ็ดก็ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย
“กำลังมาค่ะ โน่นไงๆ” พรรณพัตราชี้ให้ภัสสรเห็นหัศวรรชที่กำลังเดินเข้ามาในงานด้วยท่วงท่าสง่างาม เรียกความสนใจจากทั้งสื่อมวลชนและผู้คน เพราะประธานเวส กรุ๊ปแม้จะคร่ำหวอดในวงสังคม แต่ก็ไม่ออกงานพร่ำเพรื่อ ที่มาวันนี้ก็เพราะตามคนรักมานี่ละ
“ดีจัง เชิญหนึ่งได้สอง ช่วยเรียกกระแสแพทได้เยอะเลย วันหลังให้แพทเลี้ยงข้าวนะคะ” ภัสสรเอ่ยชวนจากใจจริง พยักพเยิดไปทางหัศวรรชที่กำลังโดนนักข่าวรุมไม่ต่างกับคนมีชื่อเสียงคนอื่น
“งานหน้ากล้องนี่งานถนัดพี่หวงเขาแหละค่ะ” พรรณพัตรายิ้มชื่นชมคนรัก ตามีแววหวานฉายชัดแบบที่ภัสสรเห็นแล้วชื่นใจไปด้วย
“อินเลิฟแบบนี้ มีข่าวดีแล้วบอกแพทบ้างนะคะ”
พรรณพัตรารีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ แต่หน้าสวยเข้มขึ้นด้วยสีเลือด ก็จริงๆ แล้วหัศวรรชเพิ่งขอหล่อนแต่งงานเมื่อคืนนี้ แต่จะให้ไปป่าวประกาศบอกใครคงยังไม่เหมาะสม
“โอ๊ย อีกนานค่ะ เพิ่งคบกันเอง” หญิงสาวบอกแก้เก้อ แล้วเอ่ยขอตัวจากภัสสรเมื่อหนุ่มลูกครึ่งไทย-ฝรั่งตัวโตกวักมือเรียก
“ไปก่อนนะคะ กวักมือเรียกลูกพลับยิกๆ เห็นลูกพลับเป็นลูกหมาหรือไงก็ไม่รู้” พรรณพัตราทำปากยื่นท่าทางน่าเอ็นดู จนภัสสรที่เป็นผู้หญิงด้วยกันยังรู้สึกว่าหล่อนน่ารัก น่าอยู่ใกล้ ใครได้ไปคงมีชีวิตชีวาน่าดู
“เชิญเถอะค่ะ ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่มา แพทซึ้งใจจริงๆ ค่ะ”
กว่าภัสสรจะได้กลับบ้านวันนั้นเล่นเอาเกือบลากสังขารขึ้นบันไดจนมาถึงห้องนอนไม่ไหว หญิงสาวแทบจะหมดแรง หลับทันทีที่หัวถึงหมอน แต่ดันเหลือบเห็นข้อความขอเพิ่มเป็นเพื่อนในโปรแกรมสนทนาแบบอัตโนมัติ จนหน้าสวยที่ไร้เครื่องสำอางร้อนเมื่อพบว่าคนที่เพิ่มหล่อนเป็นเพื่อนนั้นคือศุภโชค แต่ก็ไม่ได้รับข้อความอื่นเพิ่มเติมเป็นการส่วนตัวจากเขา หญิงสาวจึงกดไปดูการสนทนาของเพื่อนๆ ในกรุ๊ปแทน พบว่าหลายๆ คนส่งข้อความแสดงความยินดีบ้าง ชื่นชมงานที่ได้ออกข่าวสังคมออนไลน์ไปแล้วบ้าง ใจเต้นตึกตักมากขึ้นเมื่อพบว่าหนึ่งในข้อความเหล่านั้นมีสติกเกอร์แสดงความยินดีจากศุภโชคด้วย
‘ตามมารยาทละมั้ง’
ภัสสรบอกตัวเองพลางหวนนึกถึงอดีตตอนที่ยังรักกันดีกับศุภโชค ผู้ชายคนนั้นดูแลหล่อนดีเสมอ เข้าอกเข้าใจ ภายใต้ท่าทางเคร่งขรึมเอาจริงเอาจังของศุภโชค ภัสสรก็ยังสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่เขามีต่อหล่อน หลายครั้งที่ไม่แน่ใจว่ากิริยาเหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะความใกล้ชิด เพราะความเป็นมิตรของบิดาของทั้งคู่หรือเปล่า เพราะภัสสรไม่เคยได้ยินศุภโชคเอ่ยคำรักให้ชื่นใจเลย ไม่ว่าในโอกาสใดๆ ทั้งสิ้น
จนกระทั่งวันสุดท้ายเมื่อเจ็ดปีก่อนที่ได้มีโอกาสพบกัน โอกาสสุดท้ายที่หล่อนตัดสินใจว่าต้องไปจากความไม่แน่นอน เขาก็ไม่พูด หญิงสาวรู้ดีว่าตอนนั้นยังเด็กมาก เพิ่งเรียนจบปริญญาโทด้วยวัยยี่สิบเอ็ดนิดๆ หล่อนเรียกร้องให้ศุภโชคพิสูจน์ความรักจากคำพูด หากตอนนั้นไม่ดื้อดึงอยากได้ยินคำหวาน เรื่องของหล่อนกับเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง...ภัสสรนึกขณะสายตายังจับจ้องที่สติกเกอร์ของชายหนุ่ม พึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะปิดไฟนอน
“ปากหนักเหมือนเดิมนะคะ...โชค”
ความคิดเห็น |
---|