1

เนื้อคู่ประตูผี


-๑- เนื้อคู่ประตูผี

ช...ชะ...ช่วย...ด้วย!!!

เธอกำลังจะตาย…รู้สึกแน่นหน้าอก ปอด ตับ ม้าม หัวใจ ไหปลาร้า จุกแน่นไปหมด หายใจเข้าทีเจ็บหน่วงอย่างกับมีท่อนซุงมาทับเอาไว้ … อาการของคนใกล้ตายมันเป็นอย่างนี้เองนะหรือ?!

ในความมืด โดยไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน รักเดียวดิ้นทุรนทุรายขวนขวายหาอากาศ แต่ไม่สำเร็จ เพราะพันธนาการขนาดหนักที่กดทับร่างเธอเอาไว้นอกจากจะสลัดไม่หลุดแล้ว มันยังกลิ้งไปกลิ้งมา ทวีความเจ็บหน่วงและหนักอึ้งยิ่งขึ้นไปอีก

หรือไม่... บางทีเธออาจกำลังถูกผีอำ!

ท่องนะโม 3 จบ ตามด้วยบทบูชาพระรัตนตรัย ...

หลายนาทีผ่านไป

แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น

หรือว่านี่ฟ้าดินกำลังลงทัณฑ์! โทษฐานละเมิดคำสัญญาที่เธอเคยรับปากแม่และพี่จินนี่ว่าจะไม่แตะต้องของมึนเมาอีกอย่างเด็ดขาด หลังจากที่มันเป็นชนวนเหตุให้เธอเมามายจนเฉียดโดนทอมหื่นจับทำเมีย

เอาล่ะนะ รักเดียวจวนเจียนจะขาดใจตายอยู่ ณ บัดนี้แล้ว ลาก่อนค่ะทุกคน

ลาก่อนนะคะแม่ พี่จินนี่ หนอนด้วง บก.ธีระ พี่ดา พี่โต้ง ใครอีกล่ะ จำไม่ได้แล้ว สมองเบลอ แน่นหน้าอกหนักขึ้น

เหอะ! เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นความจริงอันประเสริฐ จิตสุดท้ายของรักเดียวขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี

ทว่า... ก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะสิ้นสุด คลื่นความถี่เสียงระดับซุปเปอร์อัลตราโซนิคก็ดังขึ้นแบบสะท้านสะเทือน

คร๊อกกกก ... ฟฟฟรี้...

หือ?

รักเดียวเบิกตาโพลง

เธอพบว่าที่แท้ยังไม่ตาย แต่คือลำแข้งมหึมาที่พาดขวางอยู่บนหน้าอก

“ว๊าย!” เสียงหวีดร้องสยองไส้ของเธอดังขึ้น พร้อมทะลึ่งพรวดลงจากเตียงอย่างกับติดสปริงแรงดันสูง

ร่างใหญ่ยักษ์บนเตียงก็กระโดดโหยงลงมาเหมือนกัน

แต่ก่อนที่สิ่งใดในห้องจะปรากฏชัด แจกันไม้สักขนาดความสูงเกือบสองฟุตจากบนโต๊ะข้างเตียงก็ถูกเธอยกขึ้นแล้วฟาดผางออกไปแบบไม่รู้พิกัดเป้าหมาย

“ตายซะเถอะ! ไอ้โรคจิต!”

ได้ยินเสียงเป้าหมายร้องโวยวายขึ้นทันที

“โอ๊ย! มันอะไรวะเนี่ย”

คนถูกแจกันฟาดเซถลันไปชนกับขอบโต๊ะ ก่อนที่มือของเขาจะรีบเลื่อนไปกดปุ่มสวิตซ์ไฟอย่างรู้ตำแหน่งเป็นอย่างดี ห้องทั้งห้องจึงสว่างพรึ่บ

ภายใต้แสงไฟเจิดจ้า รักเดียวก้มลงเห็นตัวเองอยู่ในชุดหนังกางเกงแน่นเปรี๊ยะ สภาพร่างกายดูเป็นปกติ โล่งใจไปเปราะหนึ่ง

โชคดีเท่าไหร่นะเนี่ย งานเลี้ยงเมื่อคืนเป็นธีมคาวบอยตะวันตก

แต่โชคร้ายก็คือคนตรงหน้าเธอนี่ มันเป็นใครวะ?

“คุณ! เข้ามาอยู่ในห้องผมได้ไงเนี่ย” นิ้วหนายาวชี้หน้าถาม ซึ่งเธอแทบไม่ได้มองนิ้วของเขา เธอมัวแต่อ้าปากค้าง ตกใจกับร่างสูงล่ำสันแขนขาใหญ่กำยำอย่างกับตัวประกอบในหนังแรมโบ้ ซึ่งอยู่ในสภาพท่อนบนเปลือยเปล่าท่อนล่างของเขามีเพียงกางเกงลิงห่อหุ้มสัดส่วนอันแน่นปึ๊ก แถมยังมีเหงื่อที่แตกพราวไปทั้งตัว

และที่แย่ลงไปกว่านั้น เขากำลังมองเขม็งมายังแจกันไม้สักในมือเธอ

แจกันงั้นหรือ? ห้องเธอมีของแบบนี้เมื่อไหร่กัน

รักเดียวปล่อยมือทิ้งแจกัน พลันเสียงตอนที่มันตกกระทบพื้นก็ทำให้ใบหน้าของเธอชาวาบ ก้มลงมองพื้น...

ฮั่นแน่! พื้นไม้ปาร์เก้สวยเสียด้วย ทดสอบให้แน่ใจ ลองย่ำเท้าลงหนักๆ ไม่มีเสียงกรอบแกรบเหมือนพื้นลามิเนตที่ห้องเธอ

ไม่ใช่ละ!

เพื่อความแน่ใจยิ่งขึ้นอีก เหลือบไปที่ผนังห้อง เจอะทีวีจอยักษ์ เหมาะแก่การชมถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกซึ่งเข้าชุดกันดี๊ดีกับวอลเปเปอร์สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ชัดเลย!! เข้าห้องผิดค่ะคุณรักเดียว

คนที่เพิ่งสำนึกได้ว่าผิดยิ้มตาหยีส่งเสียงหัวเราะแหะๆ มองหน้าที่มีแผลบนหัวของเขาเพียงปราดเดียวสั้นๆก็ทำเอาหนาววาบไปถึงแกนซี่โครง... ชิบหายแล้วไหมคะคุณรักเดียว!...

กว่าจะสำนึกได้ว่าตัวเองทำพลาดอย่างแรง ร่างใหญ่โตอย่างกับควายถึกของเจ้าของห้องตัวจริงก็ถลันเข้ามาอย่างไว แบบไม่ให้เธอได้ตั้งหลัก

“บอกมานะ เข้ามาทำบ้าอะไรในห้องผม จะเข้ามาขโมยของงั้นเหรอ!”

“ว๊ายยยยย” เธอหลับตาปี๋ตอนเขาตะครุบจับกุมตัวเธอไว้

“คิดว่าเข้ามาขโมยของแล้วจะหนีรอดไปได้ง่ายๆ เหรอ ไม่รู้ซะแล้วว่าใครเป็นใคร”

“ปละ... เปล่านะ ฉะ ฉัน ไม่ได้เข้ามาขโมยอะไรเลย”

“ยังจะมีหน้ามาเถียง”

“ค...คือ คือว่าฉัน... เข้าห้องผิด”

“เข้าห้องผิด!? ข้อแก้ตัวปัญญาอ่อนไปหน่อยไหมแม่คุณ ดีล่ะ มานี่เลย จะต้องจับส่งตำรวจ”

“ส่งตำรวจเหรอ ไม่นะ!” หญิงสาวหัวใจเต้นระส่ำ ปากคอสั่นรัว “ฉะ.. ฉันไม่ได้เป็นขโมย ฉันเข้าห้องผิด จริงๆ นะ สาบานได้ ปล่อยฉันเถอะ”

“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา ผมไม่ใช่ประเภทแพ้น้ำตาผู้หญิงหรอกนะบอกเลย”

“ก็ฉันไม่ได้เป็นขโมยจริงๆ นี่นา คุณเช็คข้าวของดูสิ มีอะไรสูญหายสักอย่างไหม”

“จะหายหรือไม่หาย ผมไม่สน สนแค่ว่าหัวผมที่แตกเนี่ย คุณจะรับผิดชอบยังไง คุณหัวขโมย!”

ไม่ตะคอกเปล่า หากมือใหญ่ยังเขย่าแรงๆ ลงมาบนแขนเธอ เค้นเสียงเข้มเร่งรัดเอาคำตอบ

“ฉันไม่ใช่หัวขโมยจริงๆ ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันเถอะ ฉันเจ็บ” หญิงสาวทำเป็นน้ำตาคลอ

“แล้วที่ทำหัวผมแตกนี่ คิดว่ามันไม่เจ็บหรือไง!”

เสียงเขาโกรธสุดขีด ขืนรออีกนิดเดียว เขาคงขย้ำคอเธอจนแหลกคามือ

รักเดียวฉุกคิดแผนได้อย่างหนึ่ง...

ทันใดนั้นเอง ร่างอวบอัดในอ้อมแขนของชายหนุ่มก็ล้มระทวย และสิ้นสติลงไปดื้อๆ

“เอ้ายัยคนนี้ เป็นลมใส่เฉย เธอนี่มันหัวขโมยประเภทไหนกัน” เขาส่ายหัวอย่างงงงัน แต่ก็ไม่รู้นึกอะไร อุ้มร่างปวกเปียกของเธอมาวางลงบนเตียง

นาทีที่ชายหนุ่มเดินคล้อยหลังไปด้านหลังสุดของห้องพัก รักเดียวค่อยๆ หรี่ตามอง

...ฮะฮ้า! นายควายถึกไปไหนไม่รู้ รอดแล้วงานนี้...

รออะไรล่ะ โดดโหยงลงจากเตียงแล้วพุ่งฉิวไปที่ประตู ว่องไวเหมือนติดเทอร์โบ

เธอหมุนลูกบิดประตูอย่างเบามือ ดับเบิ้ลล็อคประตูเสียเหมือนประตูห้องเธอนี่เอง ถึงว่าสิ เปิดเข้ามาได้ง่ายๆ คอนโดซังกะบ๊วยนี่นะจริงๆเลย!

แต่แล้วในเสี้ยวนาทีที่ลูกบิดส่งเสียงแกร๊ก และประตูเปิดผลัวะ ชาวบ้านชาวช่องไม่ต่ำกว่าสามคนจากไหนไม่รู้ โผล่หน้ากันเข้ามา

คุณยายผมทรงดอกกระทุ่มหรี่ตายิ้มๆ

“นี่คงเป็นเอ็งล่ะสินะ เมียเจ้าภพ?"

คนโดนจ้องหน้าถามยิ้มอึ้งทันที

“แม่หนูคนนี้ต้องใช่นางแบบคนที่ตาภพเล่าให้ฟังแน่ๆ เลยจ้ะแม่” คุณป้าผอมบางเสริมขึ้น ก่อนจะหันไปยังคุณลุงสูงวัยคนที่ถือชะลอมผลไม้ รายนั้นทำคิ้วย่นและมองเป๋งมาที่เธอ

“หนูเป็นนางแบบเหรอลูกเหรอ”

คำถามไม่คิดของคุณลุงทำให้เธอยิ้มอ่อน

...ใช่ก็ตลกละ! ความสูงเท่าหลักกิโล น่องโตเท่าไหกระเทียม นางแบบชุดขยะรีไซเคิลล่ะก็อาจพอเป็นให้ได้ ...

เธอคิดกับคำถามนั้นอย่างขำๆ ไม่ทันจะตอบอะไรออกไป คุณยายคนที่ยิ้มแป้นน้ำหมากแดงแจ๋ก็เข้ามาคว้ามือ

“แม่หนูคงจะตกใจใช่ไหมลูก พวกเราเล่นแห่มากันปุบปับ”

มืออุ่นของคุณยายลูบลงบนเรือนผมที่ดูเหมือนจะยุ่งเหยิงน่าบัดสีของเธอ พร้อมกับบอกด้วยน้ำเสียงละไม

“อย่าตกใจไปเลยจ้ะ นี่ย่าแป้น แล้วนั่นพ่อประนพกับแม่ปราณี พวกเราแค่จะมาทำเซอร์ไพรซ์เจ้าภพ แล้วเจ้าภพอยู่ไหนล่ะ นี่อย่าบอกนะว่ามันยังนอนไม่ตื่น ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ”

ทุกคนพากันส่ายหัว และกวาดตามองหาคนที่หญิงชราเป็นผู้ส่งเสียงเรียกออกไปดังซะลั่นห้อง...

"เจ้าภพ เจ้าภพเอ้ย...ไอ้เจ้าภพ!... ไอ้หมาภพ!!!"

 

ภพรักทำแผลให้ตัวเอง เดินกลับออกมาพร้อมด้วยกล่องยาในมือ แต่กลับต้องผงะ

“เจ้าภพ!”

ทั้งคนเรียกและคนโดนเรียกแทบจะส่งเสียงออกมาอย่างพร้อมเพรียง ขณะที่หัวขโมยสาวยังคงยืนหัวโด่ใบหน้าซีดจืดอยู่ตรงกลางวงล้อมอันมืดแปดด้าน

“ย่า!”

ภพรักอยากตีลังกาแปดตลบกลับเข้าครัว แต่ไม่ทันแล้ว และก็ไม่มีทางเลือกอื่นเสียด้วย

เขารีบวางกระปุกยาลงบนเตียง ยกมือขึ้นไหว้ทุกคนด้วยดี

“แล้วนี่นึกยังไงถึงได้ยกโขยงกันมาแบบนี้ล่ะครับ ผมไม่ทันตั้งตัวเลยอ่ะ”

“ยังจะมีหน้ามาถาม ไหนเอ็งรับปากว่าจะพาเมียกลับไปเยี่ยมบ้าน พวกข้าก็ ร้อ รอ ปีใหม่ก็แล้ว ตรุษจีนก็แล้ว พวกข้าอยากเห็นหน้าเมียเอ็งใจจะขาด” ย่าว่าเสียยาวเหยียด

“ย่าก็เลยให้ข้าพามา” พ่อพูดสำทับ

“ความจริงคือพวกเราได้รับคำเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง ที่โรงแรมแถวๆ แม้น้ำเจ้าพระยา พ่อเขาเลยอาสาขับรถพามาน่ะจ้ะ” แม่เล่า

“งานเลี้ยงอะไร ถึงได้สำคัญขนาดที่ทำให้ย่ายอมดั้นด้นมากรุงเทพฯ ไหนย่าบอกว่าให้ตายก็ไม่อยากมาที่นี่ไม่ใช่เหรอ” ภพรักเบี่ยงเบนความสนใจ และเกือบจะทำสำเร็จ

“เพื่อนเก่าสมัยเด็กของย่าเขาน่ะ” พ่อบอกแบบไม่ได้โม้ “พ่อของเจ้าจอมบุญไง เอ็งจำได้ไหม”

“อ๋อ ที่แท้ก็กิ๊กเก่าของย่า” ภพรักยิ้มล้อๆ ด้วยท่าทีขบขัน

“แล้วนั่นหัวไปโดนอะไรนะลูก” แม่ท้วงขึ้น เลื่อนมือมาแตะร่องรอยบาดแผลบนศีรษะเขา “โดนผู้ร้ายตีมาล่ะสิ แม่บอกกี่ครั้งแล้ว เลิกเถอะ เป็นตำรวจน่ะ”

คนโดนเข้าใจว่าเป็นหัวขโมยพอได้ยินก็หูผึ่ง หมอนี่เป็นตำรวจ! และหน้าเธอก็ซีดหนักลงไปอีกระดับตอนที่นายตำรวจโบ้ยสายตามาที่เธอ แววตาเจ็บแค้น

“ก็ยัยคนนี้สิครับ ตีหัวผม”

รักเดียวสะดุ้งเฮือก งานนี้ได้เข้าไปกินข้าวผัดกับโอเลี้ยงในซังเตแหง!

นางปราณีผู้เป็นแม่เห็นบุตรชายทำตัวไม่ได้ความ อย่างกับเด็กๆ ก็เลยได้แต่ส่ายหน้า เอ่ยน้ำเสียงขำกึ่งตำหนิ

“ตาภพเอ๋ยลูก โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วนะ" เลื่อนมือตีแขนบุตรชายไปเสียทีหนึ่ง ครั้นหันไปเห็นใบหน้าของว่าที่ลูกสะใภ้ซึ่งยังคงซีดจ๋อย นางก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือขึ้นดึงร่างนั้นมาโอบ และลูบไหล่ของเธอลงเบาๆ ด้วยความรู้สึกเอ็นดูจับใจ

“มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากันสิลูก คนเป็นผัวเป็นเมีย”

รักเดียวสำลักน้ำลายแทบพุ่ง อ้าปากจะปฏิเสธว่าเธอกับนายคนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ นายควายถึกก็ปราดมาดึงเธอออกจากวงแขนของคุณป้า

“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นนะ คุณหัวขโมย”

เขาเอียงหน้าลงมากระซิบเสียงลอดไรฟันแบบข่มขู่

“ถ้าคุณไม่อยากไปนอนนับแกะอยู่ในคุก”

พูดจบก็หันกลับไปยิ้มตาหยี แจกจ่ายน้ำเสียงใสซื่อให้กับทุกคน

“ไม่มีอะไรนะครับ เราสองคนชอบเล่นแรงๆ แบบนี้เป็นประจำแหละ ใช่ไหมจ๊ะที่รัก”

รักเดียวที่โดนทึกทักเอาดื้อๆ แบบนั้น แต่ก็ทำได้แค่กัดฟันซ่อนความโกรธ

ย่าเดินเข้ามาใกล้ เลื่อนมือมาจับหมับที่ใบหน้าของเธอ หมุนไปซ้ายทีขวาที เหมือนซินแสวิเคราะห์โหงวเฮ้ง

“แม่หนูหน้าตาน่ารัก ชื่อแซ่อะไรหรือลูก” ย่าถามพร้อมยิ้มแป้น

ตายล่ะ จะให้เธอตอบว่าไง อึกอักอยู่หลายนาที

“ว่าไงจ๊ะ?” แม่ช่วยทวนถาม

หัวใจเธอเต้นระทึก นึกอะไรไม่ออก บอกชื่อจริงไปซะเลยล่ะกัน

“รัก... รักเดียวค่ะ” เธอตอบ

คำตอบแบบคนไม่รู้ชะตากรรมของหญิงสาวทำเอาภพรักแทบปล่อยเสียงหัวเราะก๊าก

ย่าผงกหน้าและยิ้มชื่นบาน

“ชื่อรักเดียวเหรอ เอ้อๆ ไพเราะดี ดูสมกันกับตาภพของเรานะ พวกเอ็งสองคนเห็นว่ายังไง” หันไปเอ่ยถามความเห็นพ่อและแม่ ซึ่งทั้งคู่ต่างพยักคอเห็นพ้อง

ใบหน้าที่ยังคงความชื่นบานไม่หายของย่า หันมาทางหลานชาย ถามเสียงดุ “เจ้าภพ! แล้วที่เอ็งเอาลูกสาวเขามาอยู่ด้วยแบบนี้ พ่อแม่พี่น้องเขารู้เรื่องรู้ราวหรือยังวะ?”

พ่อแม่พี่น้อง! รักเดียวหัวใจเต้นระทึกซ้ำขึ้นมาอีก

ภพรักข่มอาการล่อกแล่ก

“แกน่ะโตแล้วไม่ใช่วัยรุ่น จะทำอะไร ต้องทำให้มันถูกต้อง ยิ่งเรื่องแบบนี้ต้องให้ถูกต้องตามประเพณีนะเจ้าภพ อย่าให้ใครเขามาถอนหงอกข้าได้”

ชายหนุ่มลากเสียงลมหายใจ จะให้บอกย่ากับพ่อแม่ยังไงว่าแผนการแต่งงานของเขาพังไม่เป็นท่าไปแล้ว ตั้งแต่นาทีที่คะนึงนิจบอกเลิก

แต่แล้วแววตาเจ้าเล่ห์ของเขาก็วาวโรจน์ขึ้นอย่างกับนึกอะไรออก... ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว จับยัยคนนี้สวมรอยแทนไปเลยแล้วกัน

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ” เขายืดอกบอก “อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้วล่ะนะ ผมขอเวลาสะสางคดีสำคัญให้เสร็จก่อน หลังจากนั้นผมจะจัดการเรื่องแต่งงานทันที”

ย่าและพ่อกับแม่ที่ตอนแรกทำหน้าไม่เชื่อ ดูจะเชื่อขึ้นมาทันทีที่แขนล่ำของเขากระหวัดไปโอบไหล่เธอ เอียงหน้ากระซิบบอกกับเธอว่า “นะครับ แต่งงานกันนะ” แม้กระซิบ แต่ทุกคนได้ยินกันทั่ว

“แน่นะเจ้าภพ” ย่าเอ่ยขอคำมั่น

“จริ๊ง” เขาให้คำมั่น แอบมีเสียงสูงไปนิด เลยยิ้มเผล่กลบเกลื่อน ก่อนจะหันไปทางหญิงสาวข้างกาย ซึ่งใบหน้าขาวนวลยังคงเหวอค้างอยู่อย่างเดิม “เมียใคร ใครก็รัก เน๊าะ ที่รักเน๊าะ”

รักเดียวอยากจะแกล้งเป็นลม แต่เหมือนมีคนรู้ทัน

ชายหนุ่มหันมาขู่เบาๆ “ห้ามเป็นลมนะคุณ!”

“ย่ะ!” กัดฟันกระซิบตอบ

... เฮ้อะ! ให้สบโอกาสก่อนเถอะ แม่จะพุ่งหลาวไปที่ประตู แล้ววิ่งไม่คิดชีวิตเลยทีเดียว

“แม่เข้าใจ เจ้าภพ แต่เรื่องแบบนี้ปล่อยนานไม่ได้นะ” แม่กล่าวขึ้นบ้าง “เกิดหนูรักเดียวท้องไส้ขึ้นมา เขาเป็นผู้หญิง เขาจะเป็นฝ่ายเสียหาย นะลูกนะ” พร้อมๆ กับดึงมือเธอให้กระเถิบตัวเข้าไปใกล้

ใบหน้าร้อนๆ ของรักเดียวแดงแปร๊ดขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว

ย่ากล่าวสำทับขึ้นอีก “แต่จะว่าก็ว่านะ เจ้าภพ” พร้อมทั้งตบลงมาเบาๆ บนหลังมือหลานชาย แววตาฝันหวาน “รีบมีลูกกันสักทีก็ดี ข้าอยากอุ้มเหลน ถ้าบ้านเรามีเด็กเล็กๆ วิ่งเล่น ข้าคงหายเหงา และอยากมีชีวิตอยู่ไปอีกสักสิบ ยี่สิบปี”

“รีบรับปากย่าเขาไปสิเจ้าภพ!” พ่อตะบึงหน้าเข้ามาข่มขู่ รังสีมาเฟียประจำตำบลเปล่งประกาย

“ครับผม ไว้ผมจัดการคดีนี้เสร็จเมื่อไหร่ เราสองคนจะกลับไปจัดงานแต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณีแน่นอนครับ” หลานชายคนเดียวของตระกูลยืดอกบอก “รับรองว่า ย่าได้อุ้มเหลนสมใจชัวร์... นะจ๊ะที่รัก” แล้วโน้มหน้ารกๆ ที่เต็มไปด้วยหนวดเครารุกรังลงมาบนแก้มเธอ และจูบจ๊วบ!

รักเดียวสะดุ้งโหยงใบหน้าร้อนผ่าวอย่างกับนั่งอยู่กลางเตาเผาขยะ ขณะที่ตอนนี้บรรยากาศภายในห้องฟุ้งตลบไปด้วยเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊าก

รักเดียวหมดสิ้นความอดทน เธอลุกพรวดขึ้น

“ทุกคนคะ คือความจริงหนูไม่ใช่...”

แต่นายควายถึกถลันมือเข้ามาตะครุบปิดปากเธอเสียก่อน เสียงที่หลุดลอดออกมาให้ได้ยิน จึงอู้อี้ฟังไม่ได้ใจความ

“บอกว่าห้ามพูดไง หรือว่าอยากติดคุก” เขากระซิบขู่ ซึ่งการต้องเข้าไปนอนนับแกะในคุกคงไม่ใช่เป้าหมายในชีวิตเธอ

“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” แม่ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

รักเดียวยิ้มแค้นๆ โกรธจนควันพวยพุ่งออกสองรูหู เผลอๆ อาจพวยพุ่งออกมาแล้วทางรูขุมขน แต่เธอยังทำอะไรผลีผลามตอนนี้ไม่ได้ สายตานายควายถึกจ้องจะจับเธอเข้าคุกลูกเดียว เธอเลยทำได้แค่กัดฟันกรอด

“ไม่มีอะไรครับ เหน็บกินเท่านั้นเอง” ภพรักรีบออกหน้าอธิบาย “เมียผมเขาเป็นแบบนี้บ่อยครับ เดี๋ยวเป็นเหน็บ เดี๋ยวชักกระตุก ดีไม่ดีก็จะเป็นลมบ้าหมู”

นางประนอมหัวหน้าทัพผงกคอยิ้มตาหยี เห็นหลานชายและหลานสะใภ้หยอกล้อเล่นกันอย่างรักใคร่กลมเกลียว ก็ค่อยรู้สึกเบาใจ

“เอาล่ะ นี่มันยังเช้าอยู่เลย ปล่อยหนุ่มๆ สาวๆ ให้ได้พักผ่อนกันนะพ่อประนพ แม่ปราณี พวกเรากลับที่พักกันได้แล้ว ไหนจะต้องเตรียมตัวไปงานคืนนี้อีก”

ภพรักทำหน้านิ่ว “แต่ว่าจะพักกันยังไงล่ะครับ เล่นมาแบบปุบปับ ผมยังไม่ได้หาแม่บ้านไปทำความสะอาดให้เลย”

“เออน่า เอ็งไม่ต้องห่วง เจ้าองอาจมันช่วยเป็นธุระให้แล้ว”

ภพรักถอนหายใจอย่างเอ็ดหนาระอาใจ เข้าไปเกาะแขนย่า “ย่าครับ ผมบอกแล้วไงว่า อย่าไปรบกวนท่านรอง ย่ากำลังจะทำผมซวยแล้วรู้ไหม”

“เอ็งจะต้องมาซงมาซวยทำไม เจ้าองอาจน่ะ ตอนมันตีนเท่าฝาหอย ข้าเป็นคนแบ่งนมของพ่อเอ็งให้มันกิน เพราะแม่มันหนีไปมีผัวใหม่” ย่าว่า

“ย่า...” ชายหนุ่มลากเสียง ทอดถอนใจ “ย่าพูดเรื่องนี้มาเป็นสิบๆ รอบแล้ว แต่ผมไม่อยากให้ย่าเอาเรื่องนั้นมาเป็นบุญคุณกับผม”

“เอ๊ะ เจ้าภพนี่ยังไง บุญคุณก็ต้องทดแทน แค้นก็ต้องชำระสิวะ” พ่อแทรกขึ้น ย่าผงกหน้า ก่อนจะขนขบวนกันไปที่หน้าประตู แต่ไม่ทันจะเดินพ้นประตู ย่าก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

“เอ้อ! ข้าเกือบลืม... นั่นมะม่วงน้ำดอกไม้ที่สวน” ชี้มือไปยังชะลอมผลไม้บนโต๊ะ “ต้นที่เอ็งปีนขึ้นไปเขย่ารังมดแดงใส่หัวหนูดอกรักตอนเด็กๆ ไง จำได้ไหมเจ้าภพ ตอนนี้ต้นมันใหญ่โต ออกลูกดกแล้วดกอีก แม่หนูรักเดียวทานเยอะๆ นะจ๊ะ ลูกจะได้ดก เหมือนมะม่วงของย่า” ย่าพูดเพียงแค่นั้น ใบหน้าเหรอหราของนักข่าวสาวก็ร้อนวูบวาบ

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจัดให้เลยครึ่งโหล” นายตำรวจบอก แล้วก็ส่งเสียงหัวเราะอารมณ์ดี

คุณย่าหน้าแฉล้มหัวเราะร่วน น้ำหมากกระเซ็นเป็นสาย ทำเอาทุกคนพลอยส่งเสียงหัวเราะเฮฮาอารมณ์ดี ขี้เล่นกันทั้งตระกูล จะมีก็เพียงแต่รักเดียว ที่กระฟัดกระเฟียดอยู่เงียบๆ ลำพัง

ถึงตอนที่ทุกคนขนโขยงกันกลับออกไป รักเดียวหลุดพ้นจากบทเมียหลอกๆ ของเขาได้สักที ได้เวลาเช็คบิลแล้วสินะ! เธอยกมือขึ้นเท้าสะเอว

“นี่คุณตำรวจ เสียสติรึไง อยู่ดีๆ ให้ฉันกุเรื่องหลอกคนอื่นแบบนั้น”

“คนอื่นที่ไหน นั่นมันย่า แล้วก็พ่อแม่ผม”

“คุณ! ฉันไม่ตลกนะ”

“งั้นเรื่องที่ผมโดนคุณเอาแจกันฟาดจนหัวแตก จะเอาไง!”

รักเดียวถลึงตา อ้าปากจะเถียง แต่ต้องหุบฉับ เพราะคนถือไพ่เหนือกว่า พูดแทรกขึ้นอีก

“หรือให้ผมจับคุณเข้าคุก ข้อหาเป็นหัวขโมย แถมเจตนาทำร้ายร่างกาย”

“เออๆ ถือว่าเราหายกัน” เธอตัดบท

เขายักไหล่อย่างเป็นต่อ

“ผมก็ว่างั้น”

เธอจะเถียงอะไรเขาได้อีกล่ะ

“โอเค ถือว่าเราเจ๊ากัน” พร้อมเดินจ้ำอ้าวไปเปิดประตู

ตอนจะก้าวพ้นประตูห้อง ก็ได้ยินเขาพูดไล่หลังมาทำนองล้อเลียน

“คราวหน้าคราวหลัง อย่างัดประตูเข้าห้องใครไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้อีกล่ะ ใช่ว่าจะมีผู้ชายที่ทั้งหล่อ และเป็นสุภาพบุรุษแบบผม เยอะแยะถมถืดหรอกนะ ร้อยตำรวจเอกภพรัก ขอเตือนด้วยความปรารถนาดี” ตวัดปลายมือทำท่าตาเบ๊ะแถมให้ด้วย

ชิ! รักเดียวสะบัดหน้าจนคอเคล็ด ก่อนจะเดินลิ่วๆ ออกมาจากห้องของเขา และพุ่งตัวตรงไปที่ลิฟต์

อ้าว! นี่มันชั้นแปด... ปัดโธ่เอ่ย เมื่อคืนตั้งใจจะกดลิฟต์ชั้นสิบแปดนี่นา?

 

รักเดียวกลับมาที่ห้องของตัวเอง ความจริงจะเรียกว่าห้องตัวเองก็ไม่ถูก เธอเป็นชาวเกาะ ... เกาะพี่ชายมาตั้งแต่เรียนจบ

และทั้งๆ ที่เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าต้องโดนสวดยับแน่ๆ แต่ก็อดสะดุ้งโหยงไม่ได้ ตอนที่ย่างเท้าเข้าไปในห้องแล้วพบกับเสียงแหลมปรี๊ดของจีรศักดิ์ ซึ่งเจ้าตัวยืนจังก้ารออยู่ในชุดนอนซีทรู อวดไรขนเต็มแผงอกสุดเซ็กซี่

“หายไปไหนมา!” จีรศักดิ์เท้าเอวหน้าตาบูดบึ้ง “ไหนว่างานเลี้ยงเลิกไม่เกินห้าทุ่ม แล้วโทรศัพท์ทำไมไม่เอาไป ปล่อยฉันให้นอนกลัวผีคนเดียวทั้งคืน เดี๋ยวนี้แกเห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอแล้วใช่ไหม นึกจะไปนอนกับใครที่ไหนก็ไปไม่บอกไม่กล่าว”

กว่าจะมีช่องว่างระหว่างวรรคให้รักเดียวแทรกคำอธิบายได้ เธอก็อ้าปากรอจนหูห้อย

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะพี่จินนี่”

“ไม่ใช่ยังงั้น แล้วมันยังไง!”

“แหะๆ รักเปิดประตูเข้าผิดห้อง” เธออ้อมแอ้มบอก ยิ้มแหะๆ พร้อมเอามือเกาหัว

“เปิดประตูผิดห้อง!” จีรศักดิ์เอ่ยทวนซ้ำอย่างไม่เชื่อหู

“พอดีว่ามันดึก รักง่วง เลยตาลายอ่ะค่ะ” แก้ตัวน้ำเสียงจ๋อย ดวงตากลมป๊อกกะพริบปริบๆ โชว์ว่าซื่อ

“แน่ใจนะว่าแค่ง่วง” จีรศักดิ์คาดคั้น ดวงตาดุๆ ของเขาทำเอาคนเป็นน้องต้องยู่แก้ม ทำตาละห้อย

“ก็แหมพี่จินนี่จ๊ะ งานเลี้ยงเมื่อคืนอ่ะ เพื่อนๆ รักมันดันบังคับให้ดื่ม รักก็เลยต้องจำใจ... เผลอดื่มหนักไปนี๊ดส์” เสียงหัวเราะค่อยๆแหบแห้งลงตามระดับความเชื่อถือได้ของเรื่องที่พูด พร้อมชูนิ้วก้อยสั้นๆ บอกขีดปริมาณ

“แหะๆ ...แล้วรักก็เลยมึนไปหน่อย กดลิฟต์ผิดชั้น แล้วก็เลยพลอยเปิดประตูเข้าผิดห้องไปซะด้วย”

จีรศักดิ์พ่นลมหายใจโกรธขึ้น

“พี่เคยบอกตั้งกี่ทีแล้วว่าคออ่อน อย่าริดื่ม แล้วแกเองก็เคยสัญญิงสัญญา... แกนี่มันน่าตีนักนะยัยรัก” ก่อนจะสะบัดก้นอันงามงอน เดินกลับไปนั่งยังโซฟาตัวยาวหน้าทีวีจอขนาดกะทัดรัด และยังบ่นต่อไปไม่ได้หยุด

“แม่ยอมปล่อยแกให้มาอยู่กับฉันที่นี่ก็เพราะไว้ใจ เกิดแม่รู้ว่าฉันปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ดูแลแก จนเกิดเรื่องแบบนี้ มีหวังฉันต้องส่งแกไปอยู่กับแม่เหมือนเดิมแน่ๆ” คนบ่นยืดยาวยกมือขึ้นกอดอก ขณะที่คนก่อเรื่องพอได้ยินว่าจะต้องถูกส่งตัวไปอยู่กับแม่เท่านั้นแหละ ก็ร้อนตัววิ่งปร๋อเข้ามาสวมกอด

“พี่จินนี่จ๋า พี่จินนี่สุดเลิฟของน้องรัก อย่าบอกแม่นะจ๊ะ นะจ๊ะ... รักไม่อยากกลับไปเป็นเด็กเสิร์ฟอีกแล้ว รักสัญญานะว่าคราวหน้าจะไม่ทำแบบนี้อีก นะจ๊ะ น๊า ๆๆ” แขนสั้นขยับกระชับวงกอด จีรศักดิ์ทอดลมหายใจอย่างอ่อนเปลี้ย

“ฉันล่ะปวดตับกับแกจริงๆ คราวที่แล้วก็เกือบโดนทอมจับทำเมีย คราวนี้ไปเจอห้องใครล่ะถึงรอดมาได้”

วัวสันหลังหวะถึงกับร้อนผ่าวๆ ไปทั้งตัว... จะเรียกว่ารอดก็ไม่ใช่เสียทีเดียวหรอก เรียกว่าหวุดหวิดและเกือบได้ไปนอนในคุก แม้ตอนนี้ก็ยังแอบหวั่นว่าหมอนั่นจะรู้หรือเปล่าว่าเธอพักอยู่ที่นี่ แล้วถ้าเขาตามมาเอาเรื่องจะทำไง?

“ว่าไง! มีใครทำอะไรแกรึเปล่า” จีรศักดิ์ถามซ้ำ ทำเอาคนที่ตกอยู่ในภวังค์สะดุ้ง

“ปละ...เปล่าเลยค่ะ” รีบบ่ายมือปฏิเสธทันที

“ไม่เชื่อ ไหนให้ฉันดูสิ” พลางจับตัวเธอหมุนดูรอบๆ เพื่อจะตรวจเช็คความเรียบร้อย แต่เธอยังกัดฟันปฏิเสธตาใส

“จริงๆ ค่ะพี่จินนี่ เขาไม่ได้ทำอะไรรักเลยสักกะนิด เขาช่างเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ”

“หา!” ดวงตาโตๆ ของจีรศักดิ์เหมือนจะถลนออกมานอกเบ้า

“นี่หมายความว่า ห้องที่แกเข้าผิด เป็นห้องผู้ชายงั้นเหรอ”

คนปากไม่ระวัง แก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว ได้แต่ยกมือเกาหัว ยิ้มเจื่อน

“ค่ะ ผู้...ชาย”

“โอ๊ย อกอีแป้นจะแตก” จีรศักดิ์ทำท่าจะเป็นลม “ถ้าแม่รู้เข้า แม่ต้องเอาฉันตายแน่ๆ”

“โธ่ พี่จินนี่จ๋า... ก็รักบอกแล้วไงว่าเขาไม่ได้ทำอะไรรักเลย เขาเป็นสุภาพบุรุษม๊าก... มาก”

“จริงนะ” จีรศักดิ์คาดคั้น แววตาไม่ค่อยจะเชื่อ

“จริ๊ง” รักเดียวยืนยัน “เชื่อรักเหอะน่า รักไม่โกหกหรอก”

“เชื่อลงอยู่หรอก เสียงสูงมาเต็มซะขนาดนี้” จีรศักดิ์ส่ายหน้าพ่นลมหายใจยาวเหยียด รักเดียวยิ้มเจื่อน อีกใจก็อยากกัดลิ้นตัวเองให้ตายนัก กล้าพูดเน๊าะ ด้ว่าหมอนั่นสุภาพบุรุษ ฉับพลันใบหน้านายควายถึกก็โผล่ขึ้นมาเป็นภาพสีจางๆ ในหัวสมอง โดยเฉพาะในวินาทีที่เขาโน้มหน้าลงมาหอมแก้มเธอดังจ๊วบ อึ๋ย! ขนลุก

เห็นใบหน้าเหยเกของน้องสาวแล้ว จีรศักดิ์ยิ่งไม่เชื่อหนักขึ้นไปอีก จะเป็นไปได้หรือว่าโลกนี้ยังมีสุภาพบุรุษหลงเหลืออยู่อีก ขณะเดียวกัน รักเดียวเหมือนอ่านความคิดฝ่ายนั้นออก

“น่า... พี่จินนี่เชื่อรักสิ ไม่มีอะไรจริงๆ อีกอย่างก็ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบผู้หญิงด้วยล่ะ” และยิ้มแป้นอย่างกับคนฉลาดมีหัวคิด “เอางี้ม๊า ถ้าได้เจอกันอีกรักจะลองแย่บๆ ขอเบอร์มาให้ เอารึป่าว” พูดไม่ทันเสร็จจีรศักดิ์ก็ทำท่าจะยกมะเหงกส่งให้แต่หญิงสาวรีบหดหัวหนีอย่างรู้ทัน

“ไม่ต้องมาพูดล้อเล่นแบบนี้เลยนะ ฉันไม่ชอบ ฉันบอกแกกี่ครั้งกี่หนแล้ว พวกผู้ชายน่ะ เชื่อใจไม่ได้ แล้วรักแท้ก็ไม่มีในโลกด้วย!”

พอเห็นหน้าคว่ำๆ ของจีรศักดิ์ที่เข้มขึ้น โดยสัญชาตญาณของน้องสาวที่เห็นพี่ชายมาตั้งแต่ตัวเองตีนเท่าฝาหอย เธอจึงรู้ได้ทันทีว่า เขาไม่สนุกด้วยแล้ว หญิงสาวรีบสวมวิญญาณลูกแมวน้อยตัวเชื่อง น้อมเข้าไปสวมกอดเอวล่ำๆ ของเขาทันที

“โถๆๆๆ พี่จินนี่สุดเลิฟของน้องรัก อย่าโกรธเลยนะ ดีกันนะ ดีกัน...” นิ้วก้อยป้อมๆ สั้นๆ ยื่นไปเกี่ยวนิ้วของอีกฝ่าย คนเป็นน้องนั้นย่อมรู้ดีว่าคนเป็นพี่ที่ชื่อจินนี่คนเนี้ยะ งอนใครนานเป็นซะที่ไหน สุดท้ายเธอก็รับรู้ได้ถึงแรงนิ้วของเขาที่เกี่ยวก้อยกลับคืนมา

ถึงจะยอมเกี่ยวก้อยคืนดีกัน จีรศักดิ์ก็อดไม่ได้ที่จะทำกิริยาแสนงอน เมินหน้าหนีน้องสาวจอมกะล่อนไปอีกทาง ซึ่งพอดีกับรายการข่าวบนหน้าจอทีวีกำลังแพร่ภาพ ดาราสาว เค้ก คะนึงนิจ เมาปลิ้น ถูกลูกชายนักธุรกิจชื่อดัง อักษรย่อ ‘จ.’ พาขึ้นคอนโดหรู เขาก็อดไม่ได้ที่จะบ่นขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ดูข่าวทุกวันนี้สิ มีแต่คดีอาชญากรรมทางเพศ ผู้หญิงถูกล่อลวง แม้แต่ดาราดังที่คนเขารู้จักทั่วบ้านทั่วเมือง ยังพลาดท่าเสียทีให้พวกผู้ชาย"

บ่นไปสายตาก็ยังจดจ่ออยู่กับข่าวบนหน้าจอทีวี "แกนะยัยรัก ถึงจะไม่สวยขนาดดารานางแบบ แต่ก็จัดว่าพอไปวัดไปวา...”

ทว่าพูดเปลืองน้ำลายเปล่า เพราะหันกลับมาอีกทีจีรศักดิ์พบว่ารักเดียวหลับปุ๋ยอยู่บนตักของเขาไปเป็นที่เรียบร้อย

แขนสั้นๆ ของน้องสาวกอดแน่นอยู่รอบเอวเขา แถมส่งเสียงกรนครอกฟี้ๆ แบบที่แม้แต่ผู้หญิงอกสามศอกอย่างเขายังไม่เคยทำ จีรศักดิ์ส่ายหน้ายิ้มเอ็นดู แกะแขนหญิงสาวออกจากเอว และจัดแจงให้เธอนอนเหยียดยาวลงบนโซฟา ก่อนจะเอื้อมหยิบหมอนใบเล็กมาหนุนศีรษะให้อย่างถนอม

สำหรับจีรศักดิ์ แม้ว่าน้องสาวต่างบิดามารดาของเขาคนนี้มักจะนำพาแต่เรื่องปวดหัวมาให้ แต่ไม่วายที่เขาจะรู้สึกรักและเอ็นดูไม่ต่างจากพี่น้องร่วมสายเลือด

เช่นเดียวกันกับหญิงสาวผู้เป็นน้อง ซึ่งตั้งแต่จำความได้ นอกจากแม่แท้ๆ กับพี่สาวต่างเพศคนนี้ รักเดียวไม่มีญาติที่ไหนให้อีกแล้ว

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น