บทที่ ๘
ฟ้ารดามองผู้ชายตรงหน้าอย่างใช้ความคิด การรับมือคนอารมณ์ขึ้นง่ายมีหลายวิธี หนึ่งในวิธีหลักคือเลือกว่าเราจะต้องคุยกับคนคนนั้นได้หรือไม่ ถ้าเป็นคนใจร้อนคนอื่น เธออาจเลือกตัดเขาออกไปจากชีวิต อยู่ให้ห่างคนใจร้อนที่สีหน้าบ่งบอกว่าพร้อมจะเล่นงานเธอทันทีถ้าตอบคำถามไม่ตรงใจเขา ไม่ว่ามันจะเป็นคำตอบที่จริงหรือไม่ ก็ไม่สำคัญเท่าตอบไม่ถูกใจ
“เขาเป็นใครฟาง! ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร! ทำไมเขาต้องมาหาฟาง! ทำไมต้องไปกินข้าวกับเขา อย่าเดินหนีผมนะฟาง!”
ฟ้ารดาต้องตกใจ เมื่อสิ้นเสียงตวาดเธอถูกกระชากตัวกลับมา แก้วในมือตกพื้นแตกกระจาย แต่คนที่กำลังของขึ้นไม่ได้สนใจ ยังคงคาดคั้นจะเอาคำตอบของคำถามที่มีจุดเริ่มต้นจากการที่เธอรับโทรศัพท์ผู้ชายคนหนึ่งที่เธอไม่ได้ให้ความสำคัญไปกว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ คนที่เป็นน้องชายคนเดียว น้องชายที่เคยน่ารัก แต่ตอนนี้กำลังทำหน้ายักษ์ใส่เธอ
“ถือดียังไงเดินหนีผม! ฟางต้องตอบคำถามผม! ตอบมา!”
“ซาคาอิซัง!” ฟ้ารดาโพล่งสวนออกไปค่อนข้างดัง ทำเอาคนที่โวยวายอยู่สะดุ้ง ถึงกับอึ้งไป เปิดโอกาสให้หญิงสาวได้พูดต่อ “หยุดทำหน้าตาน่ากลัวใส่ฉันได้แล้ว ซาคาอิซัง”
“ฉัน? ฟางแทนตัวว่าฉัน...แล้วทำไมเรียกผมว่าซาคาอิ”
ฟ้ารดาไม่ฟังเสียงประท้วง “คุณถือดียังไงมาตะคอกฉัน คุณมาอยู่บ้านฉัน แล้วยังมาตะโกนใส่หน้าฉันปาวๆ ถือดียังไง! ตอบมาซิ!”
คนไม่เคยเห็นพี่สาวในท่ายืนเท้าสะเอวเขย่งเท้าเงยหน้าขึ้นพูดปาวๆ ยังคงอึ้ง แววตาน่ากลัวก่อนหน้านี้ของเขาหายไปสิ้น มีแต่ความฉงนปนตกใจ ยังคงพูดไม่ออก อ้าปากจะเปล่งเสียงหลายครั้งแต่ก็พูดไม่ออก จึงได้แต่เงียบไปอีกครู่ใหญ่ จนเริ่มตั้งสติได้อีกครั้ง
“ตอบฉันมาสิ ซาคาอิซัง!”
“ทำไมฟาง...เรียกผมอย่างนั้นล่ะ” เขาถามเสียงอ้อแอ้ ลิ้นแทบจะพันกัน “ผมคือเจ้าซีนะ...ไม่ใช่...ซาคาอิ...มั้ง...อย่างน้อยก็ไม่ใช่ซาคาอิในสายตาฟาง ผมคือเจ้าซีนะฟาง” คนตกใจหน้าจ๋อยรีบยืนยันตัวเอง สองมือชี้ที่ตัวพยักหน้าหงึกๆ ทำนองว่าเชื่อผมเถอะนะ “เจ้าซี...เจ้าดื้อก็ได้...นี่ผมไงฟาง”
“ไม่ใช่ อย่างน้อยเมื่อกี้ก็ไม่ใช่ เจ้าซีไม่มีทางตวาดพี่ฟางแบบนั้น”
มันก็จริง แต่เมื่อกี้เขาตวาดหรือ ก็ไม่น่าใช่ แค่ถาม
คิดว่าแค่ถาม ไม่ได้ตวาด...หรือจริงๆ ตวาดออกไป
ไม่หรอกมั้ง...ก็แค่เสียงดัง หัวเสีย และยิ้มไม่ออก
ไม่น่าจะตวาด เขาไม่มีทางตวาดผู้หญิงคนนี้ได้
“ไม่ใช่แค่ตวาด ยังตะคอกใส่ด้วย ทำหน้าตาพร้อมจะบีบคอพี่ฟาง กระชากตัวพี่จนแก้วหล่นแตกแบบนี้!” ฟ้ารดาชี้ให้ดูผลงานที่แตกกระจายเต็มพื้น เธอยังคงทำสีหน้าครูพี่ฟางจอมดุใส่เด็กที่เพิ่งแผลงฤทธิ์จบและเริ่มสงบลง แล้วเริ่มเข้าไปเจรจากับเด็กดื้อด้วยดีๆ
“ฝีมือผมเหรอ จริงง่ะ...จริง?” มีคนจ๋อยหนึ่งอัตราสมใจครูพี่ฟาง
ยังคงสวมบทครูพี่ฟางจอมโหดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มน้อยๆ “แต่ตอนนี้น่าจะเป็นเจ้าซีของพี่ฟางแล้วละ หรือยังไม่ใช่นะ ต้องดูก่อนว่าจะมีความรับผิดชอบไหม”
“รับผิดชอบ...อะไร...ครับ”
“เก็บกวาดเศษแก้วพวกนี้ไงคร้าบ” ฟ้ารดาล้อเลียนเสียงครับสุดท้ายพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ นึกสงสารระคนเอ็นดูอาการจ๋อยๆ ของเจ้าดื้อ “ถ้าเก็บดีๆ พี่ฟางจะทำน้ำแดงโซดามะนาวให้เหยือกใหญ่ๆ เลย โอเคไหมคับ...เจ้าดื้อ”
ไม่มีคำพูดตอบกลับมา แต่กิริยามองหาไม้กวาดและที่ตักเศษผงคือสิ่งยืนยันว่ายอมทำตาม ถึงตอนนี้ฟ้ารดาก็แอบถอนหายใจและหันไปเปิดตู้เย็น หยิบขวดโซดาที่แช่เย็นไว้ออกมา พร้อมกับมะนาวสามลูก ตามด้วยน้ำแดง แล้วเริ่มลงมือทำน้ำหวานสุดโปรดของน้องชายที่กำลังเก็บผลงานของตัวเอง
“ระวังแก้วบาดด้วยนะ ห้ามใช้มือหยิบ ถ้าจะหยิบก็ใส่ถุงมือยางก่อน”
เธอหันไปบอกอย่างอ่อนโยน รู้สึกขันอาการเก้ๆ กังๆ ของผู้ชายตัวสูงๆ ตามประสาคนไม่คุ้นชินกับการทำงานบ้าน แต่ก็พยายามทำเต็มที่ หญิงสาวจึงแอบถ่ายรูปเก็บไว้ แต่อีกฝ่ายก็เงยหน้ามาเห็น ทำตาขุ่นใส่ บอกว่าไม่ให้ถ่าย
“ทำไมล่ะ น่ารักจะตาย จะดีกว่านี้ถ้าใส่ผ้ากันเปื้อนนะ ซีตอนนี้เหมือนพ่อนนท์เลย เหมือนยังกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน”
“อย่ามาพูดเว่อร์น่าฟาง พิมพ์เดียวอะไร ผมไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ ของพ่อนนท์ซะหน่อย” เขาบ่นอุบขณะเทเศษแก้วลงถังขยะ ไปล้างมือที่อ่างล้างจาน ในขณะที่อีกคนเฉือนมะนาวจะคั้นน้ำ “ฟางห้ามเรียกผมว่าซาคาอินะ ผมไม่ชอบ คนอื่นจะเรียกก็ได้ แต่ฟางห้ามเรียกอย่างนั้น ผมไม่อยากเป็นซาคาอิในสายตาฟาง ผมอยากเป็นเจ้าซี”
ฟ้ารดาวางมือจากงาน เบือนหน้ามาหาคนที่รอคำตอบ “ก็ได้ ถ้าซีไม่ทำตัวเป็นซาคาอิซัง พี่ฟางก็จะไม่เรียก พี่ไม่ได้ชอบเขาซะหน่อย ไม่ได้อยากเรียกชื่อ ไม่อยากให้เขามาบ้านเราด้วย เวลาเขามาแล้วพี่รู้สึกแย่มากเลยรู้ไหม เหมือนน้องชายพี่หายไป”
“อย่ามาตลกน่าฟาง ซาคาอิคนนั้นก็คือผม อย่าพูดเหมือนผมโดนวิญญาณพี่ชายแฝดผมสิงหน่อยเลย”
เขาพูดเสียงสะบัด ฟ้ารดายังยืนยันว่าเขาเหมือนโดนสิงจริงๆ แต่เขาส่ายหน้า ก่อนจะเป็นฝ่ายเปลี่ยนประเด็นคุย โดยวกกลับไปคุยเรื่องที่ค้างคาใจอยู่ก่อนหน้านี้
“ไอ้คุณพล...คุณพลก็ได้...เขาเป็นใครกันแน่ ทำไมฟางต้องอยากแนะนำผมให้เขารู้จัก ผมไม่ได้อยากรู้จักเขา แต่ถ้าจะแนะนำจริงๆ ก็ได้ แต่ฟางต้องบอกว่าผมเป็นแฟนฟาง ไม่ใช่น้องชาย! ผมไม่ใช่น้องชายฟาง แต่เป็นทุกอย่างของฟาง ฟางเป็นของผม ของผมคนเดียว!”
“เป็นซาคาอิอีกแล้ว...ซาคาอิซัง!”
“ฟาง!”
เขาตะคอกดัง ก่อนจะนึกได้เมื่อฟ้ารดาเอามือจุปาก ทำปากขมุบขมิบบอกว่าไม่เอาซาคาอิซัง คนโดนปรามจึงได้แต่กัดฟันกรอด แต่สุดท้ายก็ยอมลงให้ แม้จะหาทางลงดีๆ ให้ตัวเองต่อ
“ไม่รู้ละ เอาเป็นว่าผมไม่ได้อยากรู้จักเขา ไม่ต้องไปบอกว่าจะแนะนำให้รู้จัก”
“ไม่ได้อยากรู้จัก แล้วเมื่อกี้ถามพี่ทำไมว่าเขาเป็นใคร”
“ก็...” คนจะตอบอ้าปากค้าง ยิ่งหงุดหงิดเมื่อเห็นแววตายิ้มๆ ของคนตรงหน้า “อย่ามายียวนผมนะฟาง รู้ไหม ทำอย่างนี้เป็นการยั่วให้ผมหงุดหงิด ถ้าหงุดหงิดผมก็จะโมโหง่าย โมโหแล้วก็อยากจะอาละวาด! คุยกับโทคิโอะกับนารูโตะแล้วไม่ใช่เหรอ! คุยแล้วรู้แล้วก็เลี่ยงสิฟาง! ไม่ใช่มายั่วโมโหกัน!”
“ซี...พูดเบาๆ ก็ได้ ทำไมต้องตวาดตะคอกด้วย ไม่เจ็บคอรึไง อยู่กันใกล้ๆ แค่นี้เอง” ฟ้ารดาเริ่มจับทิศทางการรับมือคนตรงหน้าได้แล้ว จึงยังคงพูดแทรกป่วนให้คิดไม่ทัน “แน่ะ ยังจะพูดอีก เบาๆ”
“ฟาง!” คราวนี้เขาถึงกับพุ่งเอามือปิดปากเธอไม่ให้พูดสวน “ฟางก็ตอบผมเสียทีสิว่าเขาเป็นใคร ไม่ใช่แฟนของฟางใช่ไหม! ถ้าเป็น ผมไม่ยอมนะฟาง ฟางสัญญาแล้วว่าถ้าผมไม่เจอฟางแปดปี ฟางจะเป็นของผม ของผมคนเดียว ฟางจะไปมีแฟนแบบนี้ไม่ได้ อย่ามาผิดสัญญากับผมนะ ไม่อย่างงั้นละก็...”
ก่อนที่คำพูดร้ายๆ จะหลุดจากปาก ซาคาอิเหมือนยั้งปากตัวเองไว้ได้ทัน เขามีสิ่งที่จะทำในหัว และมันก็เป็นสิ่งที่น่ากลัว แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่อยากเจอ และเขาก็ไม่ได้อยากให้เธอเจอ จึงพยายามหยุดตัวเอง ยอมปล่อยมือที่ปิดปากหญิงสาว ถอยออกห่างสองก้าว
“ฟางจะทำอย่างนี้กับผมไม่ได้ จะหนีไปมีแฟนแบบนี้ไม่ได้” เสียงพูดแผ่วเบาลง แววตากร้าวกระด้างที่ใช้มองคนตรงหน้าก่อนหน้านี้เปลี่ยนไป เขาหลุบตาลง “ผมไม่ยอม...ไม่มีทางยอม”
“คุณพลไม่ใช่แฟนพี่ซะหน่อย” ฟ้ารดายอมคุยด้วยเมื่อซาคาอิเลิกตวาดใส่เธอ “เขาเป็นลูกชายเพื่อนคุณป้าแขไข เพื่อนที่ป้าแขไขเป็นหนี้บุญคุณเพราะคอยช่วยเหลือป้าแขไขมาตลอด คุณป้าขอให้พี่ช่วยทำดีกับคุณพลด้วย”
“ทำไมต้องให้ฟางทำดีด้วย” คนหวงพี่สาวตาขุ่นอีกครั้ง ก่อนจะนึกออก “เขาชอบฟางเหรอ แล้วฟางชอบเขาไหม ไม่ชอบแล้วคุยกับเขาทำไม เลิกคุยไปเลย เอาโทรศัพท์มาให้ผม ลบเบอร์ไปเลย ไม่ต้องไปติดต่อ ทำไม หรือว่าฟางชอบเขา ถ้าไม่ชอบแล้วทำไมไม่ให้โทรศัพท์ล่ะ”
“พี่เลิกติดต่อเขาไปเลยไม่ได้ เพราะบ้านเราอยู่กับครอบครัวคุณพล คุณแม่เขาซื้อบ้านเราไว้...จนกว่าพี่จะหาเงินพอจะซื้อบ้านคืน พี่ต้องติดต่อเขาไว้” ฟ้ารดาบอกสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกละอายใจกับน้องชาย “เขาเป็นคนเดียวที่จะช่วยให้พี่ได้บ้านคืน เขาช่วยพูดกับคุณแม่เขาไม่ให้ขายบ้านเรา”
“ไม่จำเป็นอีกแล้ว” เป็นคำพูดจากผู้ชายที่ชื่อซาคาอิ “ฟางไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเขาหรือใคร ผมจะเอาบ้านคืน ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ผมก็จะเอาบ้านผมคืน ใครกล้าขวางจะได้เจอกัน”
ไม่ได้มีโทสะ ไม่ได้ใช้เสียงตะคอกหรือตวาด
แต่ฟ้ารดากลับรู้สึกว่าคำขู่นั้นดูน่าสะพรึง...กลัว
คนนี้เป็นใครกัน...เจ้าซีหรือซาคาอิซัง
เป็นครั้งแรกที่ฟ้ารดาแยกคนสองคนไม่ออก
“ซี...” แม้ไม่รู้ว่าที่อยู่ตรงหน้าเธอคือซาคาอิ ผู้ชายที่ทำตัวเหมือนระเบิดเวลา หรือเจ้าซี น้องชายที่แสนน่ารักของเธอ แต่ฟ้ารดาก็เลือกจะบอกสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจทำ เธอเรียกชื่อแล้วก้าวเข้าไปหา ดึงมือที่ทิ้งไว้ข้างตัวมากุมไว้ ออกแรงบีบเพื่อเรียกสายตาคมให้เงยหน้าขึ้นมองเธอ
“เรื่องการเสียบ้านไปเป็นความรับผิดชอบของพี่ พี่เห็นแก่ตัว เพื่อที่จะให้ตัวเองได้เรียน...ก็เลยยอมให้คุณป้าขายฝากไป พี่เรียนจบและพี่จะทำงาน จะหาทางเอาบ้านคืนมา ให้เวลาพี่หน่อยนะซี พี่ฟางสัญญาว่าจะเอาบ้านคืนมาให้ได้”
“ฟางจะทำยังไง ครูสอนเด็กอย่างฟาง กี่ปีถึงจะเอาบ้านคืนมาได้” ซาคาอิไม่ได้หวังจะพูดสิ่งที่ทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย เพียงแค่อยากชี้ให้เห็นสิ่งที่เขาจะจัดการ “สิบปี ยี่สิบปี...หรือฟางต้องแต่งงานกับไอ้คุณพล ไม่ต้องทำหน้าตกใจหรอกฟาง คนอย่างคุณป้ากับญาติของพ่อนนท์ทำได้อยู่แล้ว อย่าบอกนะว่าเสนอทางออกนั่นไปแล้ว...สารเลว”
“ซี!” ฟ้ารดาฟาดเผียะที่แขนคนพูดคำหยาบอย่างตกใจ “พูดอย่างนั้นได้ยังไง”
“ผมพูดได้มากกว่านั้น แล้วจะไม่ใช่แค่พูดด้วย ผมจะเล่นงานพวกนั้น! ฟางรอดูก็แล้วกัน!”
ฟ้ารดาเหมือนจะห้าม แต่เธอรู้สึกว่าในเวลานี้พูดไปก็เท่านั้น จึงเลือกที่จะเลี่ยงการถกเถียง “ไปรอพี่ที่ห้องนั่งเล่นนะ เดี๋ยวทำให้เสร็จจะเอาไปส่งให้ ขอร้อง...พี่ไม่อยากเถียงกับซีตอนนี้ ไว้มีเวลาพี่จะเล่าให้ซีฟัง แต่ไม่ใช่ตอนนี้...นะจ๊ะ ซีไปรอพี่ที่ห้องนั่งเล่นนะ”
“ผมจะไปรอ แต่ฟางต้องสัญญาก่อนว่าถ้าไอ้คุณพลนั่นมา ฟางจะไล่เขากลับ ไม่ไปนั่งกินข้าวกับเขา วันนี้ฟางจะกินข้าวกับผมสองคน เราจะกินมื้อค่ำด้วยกัน จะจดรายการของที่จะให้ผมไปซื้อพรุ่งนี้...นะฟาง สัญญาสิ แล้วผมจะทำตามที่ฟางบอก ไปนั่งรอเงียบๆ ไม่กวน ไม่ดื้อ...ไล่เขากลับนะ”
“จะทำอย่างนั้นได้ยังไง พี่บอกเขาไปแล้ว แล้วที่จะมากับคุณพลยังมีคนของคุณป้าอีก คุณป้าให้คนมาอยู่ด้วย...มาช่วยดูแลพี่น่ะจ้ะ” ฟ้ารดาหาข้ออ้าง เพราะรู้ว่าน้องชายมองแขไขแย่อยู่แล้ว ถ้ารู้ว่าส่งคนใช้มาอยู่ด้วยเพราะไม่ไว้ใจให้เธออยู่กับเขาลำพัง คงได้ของขึ้นอีก “คือเมื่อก่อน...”
“ไล่ไปให้หมด ผมไม่เอาใคร ผมจะอยู่บ้านนี้กับฟาง! เท่านั้น!”
“ซี มีเหตุผลหน่อยสิ”
“ฟางต่างหากที่มีเหตุผลหน่อย ผมทนอยู่ห่างฟางแปดปีไม่ใช่เพื่อจะมาเจอเรื่องแบบนี้นะ ฟางสัญญาแล้ว บอกไว้แล้วว่าถ้าผมโต ถ้าความรู้สึกผมยังไม่เปลี่ยน จะเชื่อว่าสิ่งที่ผมเคยบอกฟางเป็น...”
“พอแล้วซี ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว” ฟ้ารดาปฏิเสธที่จะฟังต่อ เมื่อรู้อยู่แล้วว่าน้องชายจะพูดอะไร “ไม่ว่ายังไงพี่ก็ทำอย่างที่ซีบอกไม่ได้ คุณป้าก็คงมีเหตุผลของท่านที่ทำอย่างนั้น เราเป็นเด็ก...”
“ผมไม่ใช่เด็ก” ซาคาอิเดินเข้าหาฟ้ารดาที่ขยับออกห่าง แล้วกระชากแขนมา “ผมไม่ใช่เด็ก! ฟางไม่ใช่เด็ก พวกเขาไม่มีสิทธิ์มาตัดสินพวกเรา ไม่มีสิทธิ์สั่งให้พวกเราทำนั่นโน่นนี่ เราตัดสินใจได้ ผมตัดสินใจเองได้ ฟางก็ด้วย ฟางไม่ต้องไปฟังพวกเขา เขาไม่เคยหวังดีกับเรา! เขาไม่ควรถูกเรียกว่าญาติผู้ใหญ่ ผมไม่นับถือพวกเขา”
ฟ้ารดาเงียบ รอจนอีกฝ่ายมองเธอ รอให้เธอพูดอะไรออกไป
“ซีจะไม่นับถือก็ได้...ถ้าซีคิดอย่างนั้น แต่พี่ทำไม่ได้ ซีบอกว่าพวกเราโตแล้ว เลือกเองได้ ตัดสินใจเองได้ พี่ก็จะเลือก พี่บอกซีไปแล้วว่าจะทำอะไร ซีจะโกรธก็ได้ แต่พี่ก็หวังว่าซีจะเข้าใจ พี่ไม่สนใจใครไม่ได้นะซี พี่ไม่เหมือนซี”
“ทำไมฟางต้องทำเหมือนเป็นหนี้พวกนั้นด้วย มันไม่ใช่แค่พวกเขาเป็นญาติผู้ใหญ่ใช่ไหม บอกมาสิ เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่ผมไม่อยู่ ผมจะฟัง เล่าสิฟาง เล่าสิ!”
“ไม่ใช่ตอนนี้” ฟ้ารดารู้สึกเจ็บต้นแขนที่ถูกมือใหญ่ๆ นั้นบีบขณะกระชากตัวเธอไปเผชิญหน้า “ถ้าซีเป็นแบบนี้พี่ก็จะไม่คุยด้วย ไม่คุยเรื่องนี้ ไปรอพี่ที่ห้องนั่งเล่น ถ้าซีสงบลงเราค่อยคุยกัน ขอร้องละซี พี่ฟางขอร้อง”
ต้องใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าแววตากร้าวกระด้างจะยอมละไปจากเธอ เขายอมปล่อยแขน แต่ก็ยังเห็นอาการขบกราม กำมือแน่น อาการเหมือนคนที่พร้อมจะระเบิดอารมณ์ออกมาได้เสมอ ท่าทางเหมือนเป็นลูกระเบิดที่พร้อมจะตูมตามขึ้นทุกเมื่อ
“โธ่โว้ย!” เขายอมหันหน้าไป แต่ขาก็เตะกวาดถังขยะกระเด็นแต่ยังไม่คว่ำ “สมน้ำหน้า มาเกะกะอยู่ได้!”
พาลไปหมดแม้แต่กับสิ่งที่ไม่มีขา เขาเตะซ้ำอีกรอบ คราวนี้ถังคว่ำ ขยะเทกระจาดเกลื่อนพื้น รวมถึงเศษแก้วที่เพิ่งเก็บกวาดเมื่อครู่ ฟ้ารดายังไม่ว่าอะไร แค่ยืนมอง ขณะที่คนทำเรื่องหอบหายใจแรง หลับตาลงครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้น หยิบที่โกยผงและไม้กวาดมาจัดการสิ่งที่ทำ เก็บขยะทุกชิ้นลงถัง แม้จะทำอย่างกระแทกกระทั้น กลัวถังขยะจะพัง แต่สุดท้ายก็เรียบร้อย แล้วหันมามองฟ้ารดาด้วยสายตาประมาณว่า ทำเองเก็บเองนักเลงพอ แล้วก็เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไป
“ไม่ต้องมาเรียกซาคาอิซังนะ ไม่อย่างนั้นผมพังครัวฟางแน่ อย่าหาว่าไม่เตือน!”
“ซี เปิดประตูให้พี่ฟางหน่อย”
ฟ้ารดาเรียกซ้ำ หลังจากเคาะประตูไปแล้วสองรอบและไม่มีการตอบรับใดๆ กลับมา ในมือเธอมีแก้วเก็บความเย็นแก้วใหญ่ ก่อนหน้านี้เธอทำน้ำแดงใส่เหยือกและเทใส่แก้วใสธรรมดาเพื่อไปเสิร์ฟให้น้องชายซึ่งเข้าใจว่ารอเธอที่ห้องนั่งเล่น แต่กลายเป็นว่าชายหนุ่มกลับขึ้นห้องนอน เธอขึ้นมาตาม แต่ก็พบว่าเขาอยู่ในห้องน้ำ จึงบอกให้เขาตามลงไป แต่ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ไม่เห็นวี่แววจึงมาตามอีกรอบ และโดนปฏิเสธว่าไม่กินแล้ว รู้สึกไม่ค่อยดีจะนอน เป็นเหตุให้เธอต้องมาอยู่ตรงนี้เพื่อง้อน้องที่เธอทำเขาโกรธ
“ซี...งั้นพี่เข้าไปนะ”
หญิงสาวเคาะประตูซ้ำอีกรอบ แต่ก็ยังเงียบ ลองผลักประตูเข้าไป จึงเห็นว่าเจ้าของห้องคลุมโปงอยู่บนเตียง แอร์ไม่ได้เปิด อากาศค่อนข้างร้อน ทำไมจึงทำอย่างนั้น ด้วยความห่วง ฟ้ารดาวางแก้วน้ำได้ก็รีบเข้าไปนั่งบนเตียง ดึงผ้านวมผืนใหญ่ออกพลางเอ็ด
“ร้อนขนาดนี้ ห่มผ้าหนาอย่างนี้ไม่ได้นะซี ไม่ใช่เด็กแล้วนะ จะได้งอนพี่แล้วหนีมาคลุมโปงแบบนี้”
เมื่อก่อนเวลาโกรธหรืองอนคนในบ้าน น้องชายจะหนีกลับขึ้นห้องแล้วเอาผ้าคลุมโปง ใครทำให้โกรธก็ต้องเข้าไปคุยด้วย ไปง้อ บางทีก็ต้องทุกคนในบ้าน คราวนี้เหลือแค่เธอ ฟ้ารดารู้ว่าที่เธอบอกว่าการคบหาห่างๆ กับธีรพลยังเป็นเรื่องจำเป็น คือสิ่งที่ทำให้น้องชายไม่พอใจ
“ซี...” มีแรงต่อต้านไม่ให้เธอดึงผ้าห่มออก “ซี ปล่อยผ้านวมนะ เดี๋ยวก็เป็นฮีตสโตรกหรอก อากาศร้อนจะแย่ ยังจะมาคลุมโปงอย่างนี้อีก...ซี ปล่อยผ้าห่ม เอ๊ะ เด็กดื้อนี่!”
“ผมหนาว!” คนร้องว่าหนาวดึงผ้าห่มกลับ ในปากคาบปรอทวัดไข้ “ผมบอกแล้วว่าไม่กิน ผมรู้สึกไม่ดี...นี่ไปค้นตู้ยาฟางเอานี่มาวัดไข้ดู เป็นไข้...กินยาแล้ว จะนอนแล้ว”
ไม่ต้องรอดูตัวเลขในปรอทวัดไข้ สิ่งที่ฟ้ารดาเห็นในเวลานี้ก็พอทำให้เธอเชื่อแล้วว่าคนบนเตียงไม่สบาย ใบหน้าและริมฝีปากแดงก่ำ ตัวก็ร้อน เหงื่อโซมหน้าจนไรผมเปียก แล้วยิ่งมาตอกย้ำเมื่อปรอทวัดไข้แสดงตัวเลขไม่สู้ดี
“สามสิบแปดกว่า? ไข้สูงขนาดนี้เชียว” ฟ้ารดาหน้าเสีย เอื้อมมือไปจะแตะตัวคนที่ยังตัวสั่นใต้ผ้าห่ม แต่โดนปัดมือออก บอกว่าไม่ต้องมาสนใจ “ยังไม่หายโกรธพี่อีกเหรอ”
เพราะถ้าไม่โกรธก็คงไม่หนีมาอย่างนี้ ฟ้ารดารู้ว่าน้องไม่พอใจที่เธอไม่ยอมทำตามความต้องการ จึงพยายามเข้ามาง้อ มาเอาใจ แต่กลับพบว่าน้องไม่สบาย จึงค่อนข้างห่วง
“ปละ...เปล่า” ที่ไม่ให้จับโดนตัว เพราะเดี๋ยวแผนแตกว่าตัวไม่ได้ร้อน ปรอทวัดไข้ที่แสดงผลอย่างนั้นเพราะเขาเพิ่งเอาไปอังหลอดไฟ ก่อนจะทำเป็นอมไว้ หน้าที่แดงก็เพราะเอาที่เป่าผมเป่า แถมนอนเอาหัวลงให้เลือดขึ้นหน้า เหงื่อออกก็เพราะคลุมโปง ผมเปียกก็เพราะเอาน้ำใส่ “ผมไม่ได้โกรธ!”
หรือควรแกล้งโกรธดี แกล้งโกรธน่าจะเนียนกว่า
“ฟางไม่ต้องมาสนใจผมหรอก ไปเตรียมตัวดินเนอร์กับไอ้คุณพลนั่นตามสบายเลย ผมป่วยเองก็ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องมาสนใจผม แปดปีที่ผ่านมาฟางก็ไม่เคยสนใจผมอยู่แล้วนี่”
ฟ้ารดาจะแย้ง แต่ถูกพูดสวนขึ้นมา
“เพราะฟางสนใจเจ้าซีเมื่อแปดปีก่อน ผมในวันนี้ไม่ใช่...ใช่ไหมล่ะ”
การไม่ตอบคือคำตอบที่เจ็บปวดที่สุด มันรู้สึกแย่และหมดอารมณ์จะเล่นละคร แผนที่คิดว่าจะแกล้งป่วยเรียกร้องความสนใจจึงต้องพับไว้ ไม่ป่งไม่ป่วยมันแล้ว!
“ตอบมาสิฟาง ตอบมาสิว่าฟางไม่ต้องการผมในวันนี้ใช่ไหม”
ทั้งที่อดทนจนได้กลับมาบ้าน...กลับมาอยู่ตรงนี้แล้ว
แต่ตัวเขากลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้...เป็นเจ้าซีคนเดิมไม่ได้
“ทำยังไง ฟางจะให้ผมทำยังไง ไม่ใช่ผมไม่อยากเป็นคนเดิม ไม่ใช่ไม่อยากเป็นเด็กคนนั้นที่ฟางมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย ไม่ใช่อย่างตอนนี้ ฟางมองผมเหมือนเป็นคนอื่น แปดปีมันนานเกินไปที่จะให้ฟางมองผมเหมือนเดิมได้ใช่ไหม ฟางไม่ต้องการผมคนนี้ใช่ไหม”
ทั้งที่ตั้งคำถามเอง แต่เมื่อนึกถึงคำตอบที่จะได้กลับมา ซาคาอิก็รู้สึกกลัว กลัวคำตอบที่ว่าผู้หญิงตรงหน้าไม่ต้องการเขาแล้ว ไม่ต้องการผู้ชายที่เธอเรียกว่าซาคาอิ ผู้ชายที่เขาเป็น มันเป็นนิสัยติดตัว เป็นความเคยชิน เขาแทบจำความรู้สึกของเจ้าซีคนเดิมไม่ได้ คนที่ใจเย็น คนที่ไม่รู้สึกโกรธอยู่ตลอดเวลา คนที่สดใสขี้เล่นคนนั้น...คนที่ฟางต้องการคนนั้น
ถ้าเขาอยากกลับไปจุดเดิม ก็ต้องเป็นเขาคนนั้นให้ได้
เพราะถ้าทำไม่ได้...ผู้หญิงคนนี้ก็คงไม่ต้องการ...ซาคาอิคนนี้
“ผม...จะพยายาม” เขาเอ่ยออกมาก่อนที่ฟ้ารดาจะตอบคำถาม “ผมจะพยายามกลับไปเป็นคนเดิมนะฟาง แต่อย่าเพิ่งหมดใจกับผมนะ...ได้ไหมฟาง...อย่าเพิ่งหมดใจกับเจ้าซีคนนี้นะ”
เธอถูกดึงเข้าไปกอดให้ซบหน้ากับไหล่ ฟ้ารดาปล่อยให้ซาคาอิทำอย่างนั้นในขณะที่ยังไม่ได้พูดอะไร นอกจากกอดตอบลูบหลังที่สั่นเทิ้ม เธอไม่แน่ใจว่าเพราะอาการหนาวสั่นจากไข้หรือเพราะเหตุผลอื่น เหตุผลจากความกลัว น้องชายกำลังกลัวว่าเธอจะหมดใจ ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้ เธอจะหมดใจกับคนที่เฝ้ารอได้อย่างไร
“ผมสัญญา ผมจะพยายามไม่เป็นซาคาอิที่ฟางไม่ชอบ ผมจะเป็นเจ้าซี...เป็นคนที่ฟางรัก เป็นคนที่ฟางอยากให้ผมเป็น ให้เวลาผมหน่อยนะ ผมจะยอมรักษาตัว จะทำอย่างที่อากิระซังแนะนำ จะรักษาการควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ให้เวลาผมหน่อยนะฟาง อย่าหมดใจกับผมนะ...อย่าหมดใจกับเจ้าซีคนนี้นะ”
ไม่มีความโกรธเกรี้ยว มีแต่ความกังวลและกลัวสะท้อนออกมาให้ฟ้ารดาเห็น เธอต้องการอย่างนี้หรือ ต้องการเห็นน้องเป็นอย่างนี้หรือ ไม่ได้อยากเห็นอย่างนี้ ที่เธออยากเจอคือเจ้าซีที่สดใสร่าเริงและทำให้เธอยิ้มตาม นี่ก็ยังไม่ใช่เจ้าซีคนเดิมที่เธอรู้จัก แต่มันก็ดีกว่าคนก่อนหน้าที่เอาแต่เกรี้ยวกราด ก้าวร้าว พร้อมจะพุ่งปะทะทุกคนที่ไม่ชอบ
“ไม่มีทางหรอก...พี่จะหมดใจกับเจ้าซีของพี่ได้ยังไง” หญิงสาวใช้สองมือประคองแก้มคนที่ยังตัวสั่น สัมผัสบ่งบอกว่าตัวเขาก็ไม่ได้ร้อนมาก แต่ผิวแก้มยังแดงระเรื่อ เธอรอจนให้เขาเงยหน้าขึ้นสบตา จึงได้พูดสิ่งที่อยากบอก
“นี่ใคร นี่พี่ฟางของเจ้าซี จะหมดใจกับน้องชายของพี่ได้ยังไงกัน เรามีกันแค่นี้ พ่อกับแม่บอกให้เรารักกัน ไม่ว่ายังไง...เราก็จะไม่ทิ้งกัน พี่ฟางไม่มีทางทิ้งเจ้าซี ไม่มีทางหมดใจกับน้องชายพี่คนนี้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนพี่ก็จะรอ รอให้ได้เจอเจ้าซีคนเดิมนะ”
ทั้งที่เป็นคำสัญญาว่าจะรอ แต่ทำไมยังเจ็บ...เจ็บในอก
เพราะรู้ว่ามันยากที่จะกลับไปอยู่ตรงจุดนั้นได้...อย่างนั้นหรือ
หรือเจ็บที่สุดท้ายสำหรับผู้หญิงคนนี้...เขาก็คือน้องชาย
“ซี...” ฟ้ารดาตกใจที่เห็นน้ำตาที่ไหลผ่านแก้มคนที่เธอประคองใบหน้า “อะไรกัน นี่กลัวพี่จะไม่รักถึงขั้นร้องไห้เลยเหรอ ยังเป็นเจ้าขี้แยคนเดิมนะ เจ้าขี้แยร้องไห้กับเรื่องง่ายๆ”
ใช่ เมื่อก่อนเจ้าซีร้องไห้กับเรื่องเล็กๆ แต่คราวนี้มันไม่ใช่ เขาไม่ได้อยากร้องไห้ ทว่าน้ำตามันไหลเอง ไหลออกมาเพราะเจ็บเหลือเกิน ทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนความรู้สึกของผู้หญิงคนนี้ได้ ทำอย่างไรจึงจะเหนี่ยวรั้งผู้หญิงคนนี้ได้ มีแค่ต้องยอมรับฐานะน้องชาย ยอมให้เธอคิดอย่างนั้น...ทำได้เพียงเท่านั้น
ก็ได้...ฟางจะคิดอย่างนั้นก็ได้ ผมไม่แคร์
ผมไม่สนว่าฟางจะรักผมแบบไหน รักยังไง
แต่ฟางเป็นของผม...ของผมคนเดียวเท่านั้น!
ใครคิดจะมาพรากและแย่งชิง...จะได้เห็นดีกัน!
“ไม่ต้องร้องนะเจ้าดื้อของพี่ฟาง มา พี่ฟางเช็ดน้ำตาให้” ฟ้ารดายังทำเหมือนที่เคยทำเมื่อก่อน ใช้อุ้งมือเช็ดน้ำตาให้น้อง “ไม่ร้องแล้วนะคับ พี่ฟางมาโอ๋ๆ แล้ว ไม่ร้องนะ...นะคับ เจ้าซีของพี่ฟางไม่ร้องนะ”
ถึงตอนนี้ซาคาอิก็ยอมพยักหน้า แม้เขาจะชอบซบไหล่หญิงสาว แต่การถูกมองเป็นเด็กน้อยก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เขาอยากเป็นผู้ชาย เป็นชายหนุ่มในสายตาเธอ เมื่อมันยังเป็นไม่ได้ก็ต้องพอก่อน แล้วเลือกเปลี่ยนเรื่องคุย ขยับหนีจากตรงนี้
“ผมหิวน้ำแล้ว ไหนน้ำแดงโซดามะนาวผม...นั่นใช่ไหม” พูดพลางจะลุก แต่ถูกรั้งแขนไว้ไม่ให้เข้าถึงแก้วน้ำบนโต๊ะ “ทำไม นั่นของผมนะ ฟางทำให้ผมไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ พี่ทำให้ซี แต่ตอนนี้ซีไม่สบาย กินน้ำเย็นๆ ไม่ได้”
“หายแล้ว...ไม่ตัวร้อนแล้ว” เพราะไม่ได้ป่วยตั้งแต่แรก “ปล่อยผมน่าฟาง ผมหายป่วยแล้วเนี่ย ไม่เห็นรึไง แข็งแรงแล้ว หิวน้ำ ให้ผมกินน้ำเถอะ ผมหิวน้ำ ตัวไม่ร้อน ไม่หนาวสั่นแล้วด้วย”
“อะไรจะหายเร็วขนาดนั้น เมื่อกี้ไข้ยังขึ้นตั้งสามสิบแปดกว่าเลยนะ”
“แต่ตอนนี้หายแล้ว ผมกินยาไปแล้ว”
“ยาอะไรจะออกฤทธิ์เร็วขนาดนั้น” ฟ้ารดาประหลาดใจ ก่อนจะเอะใจ “ไม่ใช่ว่าแกล้งป่วยนะ...ใช่ไหม...เมื่อกี้ซีแกล้งป่วยใช่ไหม” ถึงตอนนี้ใครบางคนก็รีบกระโจนลงจากเตียงพุ่งไปหาแก้วน้ำดื่มเย็นๆ “เจ้าซี! มาให้พี่จัดการเลย ทำอย่างนี้ได้ยังไง พี่อุตส่าห์เป็นห่วง ห้ามกินนะ พี่ยังไม่อนุญาต!”
“ชื่นใจจัง” คำห้ามไม่มีผลอะไร เมื่อจะโดนแย่งแก้วน้ำคืน คนไวกว่าก็ขยับไปยืนอีกฟากหนึ่งของเตียง แถมยังดูดน้ำเย้ยอีกต่างหาก โดยมีพี่สาวได้แต่ยืนเท้าสะเอวตีหน้ายักษ์ขู่ ซึ่งไม่ได้มีผลอะไรต่ออีกฝ่ายเลย “อร่อยมากเลยฟาง แต่หมดแล้วขออีกหน่อยนะ...นะครับ ขออีกแก้วนะ เอาเปรี้ยวกว่านี้อีก ผมชอบเปรี้ยว”
“ไม่ต้องเลย นั่นก็เยอะแล้ว พอแล้ว ไว้วันหลังพี่ทำให้เพิ่ม นั่นกินมะนาวเข้าไปสามลูกเลยนะ เดี๋ยวก็ท้องเสียหรอก”
คนอ้อนจะกินอีกทำเป็นเข้าไปรั้งแขนหญิงสาวจะให้ลงไปทำให้เพิ่ม
“ไม่เอาแล้วซี เดี๋ยวซีก็กินข้าวเย็นไม่ได้หรอก” พอได้ยินคำว่ากินข้าวเย็น คนที่เพิ่งยิ้มออกก่อนหน้านี้ก็ทำหน้ามุ่ย ไม่ถึงกับบึ้งตึง แต่ฟ้ารดาก็รู้ว่าน้องคงไม่สบอารมณ์ “ซีอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมล่ะ วันนี้เราสั่งกับข้าวข้างนอกมากินกันนะ”
“ผมไม่หิว ฟางกับไอ้...กับคุณพลของฟางสั่งอะไรก็สั่งเถอะ” บอกเสียงจ๋อยๆ แล้ววางแก้วน้ำลง ทิ้งตัวลงบนเตียง “ผมจะนอนละ ฟางจะไปเตรียมตัวรอต้อนรับแขกของฟางก็เชิญเลย ไม่ต้องสนใจผมหรอก เป็นแค่นี้ผมไม่ตายหรอก กินยาแล้วด้วย ยังไงฟางก็ต้องพึ่งพาเขาเรื่องบ้านไม่ใช่เหรอ ไม่มีเขาไม่ได้นี่”
แปลกที่คำประชดนั้นกลับทำให้ฟ้ารดาอมยิ้มอย่างไม่รู้ตัว เดินเข้ามานั่งข้างๆ คนที่พลิกตัวหนีเธอ หันหลังให้อย่างเด็กน้อยขี้งอน
“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อย ที่บอกว่าจะต้องพึ่งพาเขา ก็เพราะว่าบ้านเราอยู่ในมือเขา ถ้าเกิดทำอะไรไม่ถนอมน้ำใจกัน เขาขายบ้านเราให้คนอื่นไปล่ะ หรือสั่งรื้อบ้านเราไปทำอย่างอื่นล่ะ ซีรักบ้านหลังนั้นมากไม่ใช่เหรอ พี่ทำทั้งหมดไม่ใช่เพราะแคร์คุณป้าหรือคุณพลนะ พี่แคร์เจ้าซีต่างหาก”
ถ้อยคำสุดท้ายง้องอน นั่นทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี ยอมหันกลับมาคุย
“ใช่ ผมรักบ้านหลังนั้น แต่ไม่ได้รักมากไปกว่ารักฟาง ถ้าฟางต้องทำแบบนั้นเพื่อรักษาบ้านไว้ก็ไม่ต้องทำ ผมไม่ให้ฟางทำแบบนั้น!”
เผลอออกคำสั่ง น้ำเสียงบังคับ ก่อนจะนึกได้ รีบเปลี่ยนท่าที
“หมายความว่า ไม่อยากให้ฟางทำแบบนั้น ผมไม่อยากให้ฟางไปเอาใจเพื่อผมหรอก...เข้าใจไหม”
อาการพยายามสรรหาคำพูดมาอธิบายดูน่าเอ็นดูในความรู้สึกฟ้ารดา ยิ่งสายตาที่มองมาอย่างชั่งใจว่าเธอจะพูดอย่างไรยิ่งทำให้เธอรู้สึกดี รู้สึกดีที่ได้เห็นว่าอีกฝ่ายพยายามจะเปลี่ยนตัวเอง พยายามที่จะไม่ออกคำสั่ง ไม่แสดงอารมณ์ไม่พอใจ ยอมทำเพื่อเธอ นั่นทำให้นึกอยากแกล้ง จึงยังไม่ตอบ
“ไม่เข้าใจเหรอ” ย้อนถามแล้วก็พยายามนึก “ผมหมายความว่าบ้านไม่ได้สำคัญเท่าฟาง สำหรับผมฟางสำคัญที่สุด เข้าใจไหม ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ฟาง...ผมจะบอกยังไงให้ฟางเข้าใจ เอาเถอะ ไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ เพราะผมล้มเหลวเรื่องอธิบายความรู้สึกให้ฟางเข้าใจอยู่แล้วนี่”
ถึงตอนนี้ฟ้ารดาก็หลุดยิ้ม ทำให้อีกฝ่ายรู้แล้วว่าโดนอำ
“ฟาง...ให้ตายสิ สรุปเข้าใจที่ผมอยากบอกไหม”
“เข้าใจ” ฟ้ารดาบอกอย่างจริงจัง “พี่ฟางเข้าใจว่าพี่สำคัญต่อซีแค่ไหน และพี่ก็อยากให้ซีจำด้วยว่า สำหรับพี่เจ้าซีคนนี้ก็สำคัญที่สุด พี่ไม่เคยต้องการอะไรเท่ากับการได้กลับมาอยู่ด้วยกัน...กลับมาเป็นครอบครัว”
‘คำว่า ‘ครอบครัว’ ของฟางและผมคงมีความหมายต่างกัน’
‘แต่ในสักวันมันจะใช้ความหมายเดียวกัน...ได้ใช่ไหม...ฟาง’
“ไม่ทำหน้าเศร้าแล้วนะ” ในความไม่แน่ใจที่สัมผัสได้ มีความอ่อนโยนที่ส่งมา ความอ่อนโยนที่ไม่เคยเปลี่ยนไป “ยิ้มให้พี่ฟางหน่อย ยิ้มหน่อยนะ รู้ไหมว่าพี่ฟางยอมแลกทุกอย่างที่มีเพื่อให้ซียิ้มให้พี่นะ ยิ้มอย่างตอนนี้”
“ฟางไม่ต้องทำอะไร...ฟางแค่อยู่กับผม แค่รักผม...รักผมให้มากๆ”
“พี่รักเจ้าซี” คำบอกรักมาพร้อมอ้อมกอดที่โอบตัวเขา “พี่ฟางรักซีมากที่สุด รักน้องชายพี่คนนี้มากที่สุดในโลก แล้วซีรักพี่สาวคนนี้แค่ไหน รักเท่าที่พี่รักซีไหม”
ฟางไม่มีทางรักผมได้เท่ากับที่ผมรักฟางหรอก...ไม่มีทาง
เพราะฟางรักผมได้แค่น้องชาย ให้ผมเป็นแค่น้องชายฟาง
แต่สำหรับผม ฟางคือชีวิต คือทุกสิ่งที่ผมเรียกว่ารัก
“ซี...” ฟ้ารดาเหมือนมีเรื่องจะพูด แต่มีคนมากดกริ่งหน้าบ้าน ยังไม่ทันที่เธอจะได้ไปดูก็มีโทรศัพท์เข้ามา
“คุณป้าแขไข...ฮัลโหลค่ะคุณป้า...อะไรนะคะ อยู่หน้าบ้าน? ค่ะ...ฟางอยู่ในบ้านนี่แหละค่ะ...เดี๋ยวฟางลงไปค่ะ...ค่ะ ซีก็อยู่ด้วย...ได้ค่ะ ฟางจะพาน้องลงไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
ฟ้ารดาวางสาย หันมาอีกทีก็พบว่าซาคาอิเดินไปเปิดประตูแล้วจะเดินลงไปข้างล่าง มันเป็นเรื่องที่เธอน่าจะดีใจ แต่ก็วางใจไม่ได้ รีบฉุดข้อมือเขาไว้ก่อนจะเดินลงบันไดไป
“สัญญากับพี่ก่อนว่าจะไม่แผลงฤทธิ์...นะเจ้าซี...พี่ฟางขอร้อง”
“ครับ” เขาตอบรับง่ายๆ แววตานิ่งๆ ดูน่ากลัว “แต่ก็คอยดูคุณป้าไว้ละกันครับ อย่ามาแผลงฤทธิ์ใส่ผมก่อนแล้วกัน ผมจะไม่เปิดประเด็นก่อน”
“ซี...” จะคุยอีกรอบก็ไม่ทันแล้ว ชายหนุ่มเดินลงบันไดไป “เดี๋ยวก่อน ถ้าซีเป็นเด็กดี ไม่ออกฤทธิ์หรือแผลงฤทธิ์ใส่ป้าแข พี่จะยอมให้ซีขอพรอะไรพี่ก็ได้หนึ่งข้อ”ดูเหมือนข้อเสนอนั้นดูน่าสนใจ แต่อีกฝ่ายก็ยังทำเฉย “งั้นสองข้อก็ได้...โอเค สามข้อเลย”
เคยมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นในบ้านพรหมสุรินทร์ ‘ให้ขอพร’ คือการให้สัญญาว่าจะทำตามคำขอ อะไรก็ได้ที่อยากได้หรืออยากให้คนให้ขอพรทำ การขอเมื่อก่อนจะเป็นเรื่องง่ายๆ ขอให้ช่วยทำการบ้านให้ ช่วยไปซื้อของเป็นเพื่อน ให้ดูหนังเป็นเพื่อน ฟ้ารดาคิดว่าคำขอที่น้องชายขอก็คงเป็นอย่างเดิม หารู้ไม่ว่าพลาดเสียแล้ว แถมยังพลาดเสนอไปถึงสามครั้ง ซึ่งนั่นหมายความว่าถ้าคนขอพรขอเรื่องเดียวกันสามครั้ง เธอจะไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
“ไม่ให้มากกว่านี้แล้วนะ...นะ...รับเถอะนะ...เจ้าซีคนดี นะคับ ช่วยพี่ฟางนะ” เธอเข้าไปอ้อนขั้นสุด เกาะแขนทำตาละห้อยมองน้องชาย พยักหน้าหงึกๆ “ขอร้องละ พี่ฟางขอร้องนะคับ”
ซาคาอินั้นจะตกลงตั้งแต่ข้อแรกแล้ว แต่ก็ยังทำฟอร์มจึงฟลุกได้มาถึงสามครั้ง แล้วเขาก็มีสิ่งที่จะขออยู่ในใจแล้วเช่นกัน
“ยายฟาง! จะให้ป้ารอไปถึงเมื่อไหร่” เสียงตะโกนของแขไขดังมาจากหน้าบ้าน “นังแจ๋วปีนรั้วซิ เข้าไปดูว่าหลานฉันเป็นอะไรรึเปล่า เกิดอะไรขึ้นในบ้านรึเปล่า”
“จะดีเหรอคะคุณนาย เดี๋ยวคุณฟางก็คงมาเปิด รอ...”
“เร็ว! ปีน! เดี๋ยวนี้กล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ เดี๋ยวฉันก็หักเงินแกอีกหรอก”
“อย่า! อย่าหักเงินเลยค่ะ ตอนนี้เงินแจ๋วแทบจะไม่เหลือแล้ว ปีนก็ได้ค่ะ ถ้าหนูโดนข้อหาบุกรุกคุณนายต้องไปประกันหนูนะ...ไม่ประกันอีก หนูควรปีนไหมเนี่ย...ค่ะ ปีนค่ะ โอ๊ยยย!”
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดโหยหวนบอกว่าเกิดอะไรบางอย่างหน้าบ้าน ทำให้ฟ้ารดารีบเร่งฝีเท้าจะออกไปดูโดยไม่ได้รอคำตอบจากซาคาอิ แต่ก่อนที่เธอจะได้เปิดประตูก็ถูกรั้งแขนไว้
“โอเค ผมรับคำขอ ถ้าผมทำตัวดีกับป้าแขไข...พ้นวัน” เน้นย้ำว่าจะทนแค่วันนี้ เวลานี้ ก่อนบอกสิ่งที่จะได้แบบชัดเจน “ฟางจะติดหนี้พรผมสามข้อ โอเคตามนี้? งั้นไปกัน ไปต้อนรับคุณป้าด้วยกัน...เชิญครับ”
รอยยิ้มใสๆ นี้บ่งบอกว่าที่กำลังเปิดประตูให้คือเจ้าซี
แต่ทำไมฟ้ารดากลับเห็นอะไรบางอย่างที่บ่งบอกว่ายังไม่ใช่
มันมีความเจ้าเล่ห์บางอย่างผ่านรอยยิ้มดื้อๆ นั้น
“ถ้าซีทำไม่ได้ ซีต้องเป็นทาสพี่กลับ พี่ให้ทำอะไรซีก็ต้องทำ ตกลงนะ”
ความคิดเห็น |
---|