บทนำ
ฟ้าคำราม ทว่าเสียงก้องดังราวสัญญาณข่มขู่จากเบื้องบนไม่อาจระงับความกระหายใคร่รู้ เปลี่ยนใจเด็กสาวไม่ให้เผชิญหน้าความจริง ไม่ว่าอย่างไรคืนนี้เธอจะต้องพิสูจน์สิ่งที่คนอื่นพูดกันให้ได้
เรือนร่างผอมเพรียวของเด็กสาววัยสิบเจ็ดขึ้นบันไดอย่างเชื่องช้าดั่งคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผิวขาวของสาววัยแรกแย้มคล้ายเรืองรองในความมืดเพียงแสงไฟภายนอกสาดส่องมากระทบผิวกาย เธอมีหน้าตาจิ้มลิ้ม ใบหน้ารูปไข่ค่อนข้างเล็ก ทำให้ดูอ่อนกว่าอายุจริงสักปีสองปี อาจเพราะเหตุนั้นเธอถึงเป็นที่รักของเจ้าของคฤหาสน์
ทว่าไม่กี่ปีมานี้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป เธอไม่ได้รับความเมตตาเอาใจใส่ดังเดิม บ่อยครั้งที่เธอน้อยเนื้อต่ำใจ สับสน ร้าวลึกในอกโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
ยิ่งใกล้ประตูบานคุ้นเคยมากเท่าไร ก้อนเนื้อในอกก็ยิ่งชกกระหน่ำ ถึงอย่างนั้นเสียงหัวใจเต้นแรงก็ไม่อาจกลบเสียงครวญครางที่ลอดออกมาจากหลังประตูที่เธอเคยเข้านอกออกใน เด็กสาวอยากวิ่งหนีความจริง แต่สัญชาตญาณกลับสั่งให้เธอเปิดประตูบานนั้นเข้าไป ขัดขวางเรื่องชั่วช้าเลวทรามที่เกิดขึ้นอย่างไม่อาจยอมรับ
เด็กสาวออกแรงเขย่าลูกบิด แต่ประตูที่ล็อกจากข้างในไม่ยอมเปิดออก ความอดสูที่ทำให้หัวอกไหม้ขมแปรเปลี่ยนเป็นความหึงหวงแผดเผาหัวใจ กำปั้นเล็กทุบประตู เธอตะโกนร้องเรียกก็แล้ว แต่ไม่มีใครเปิดมัน
“คุณรุกข์! เปิดประตู คุณรุกข์”
นี่ใช่ไหมที่ใครเขาพูดกัน นึกถึงคำดูถูกดูแคลนที่ลอยมาเข้าหู เด็กสาวก็ยิ่งเจ็บช้ำเกินกว่าจะทำใจยอมรับความจริง
‘ถือว่าเป็นคนโปรดเข้าหน่อย ทำเป็นเชิด’
‘มันก็แค่เด็กเสี่ยละว้า ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่คนแรกและไม่มีวันเป็นคนสุดท้าย’
‘อีนี่มันโลกสวย ไม่รู้แอ๊บหรือโง่จริง’
ไม่...เธอไม่มีวันยอมเป็นอย่างที่คนพวกนั้นเย้ยหยัน ที่ผ่านมาเธอทนเสียงหัวเราะเยาะได้ เพราะไม่คิดว่ามันเป็นความจริง แต่บัดนี้เสียงหัวเราะกลับดังก้องในโสตประสาทอีกครั้ง เธอทนรับไม่ได้อีกต่อไป
เด็กสาวรู้จักห้องหับต่างๆ บนชั้นสองของบ้านเป็นอย่างดี เขานั่นเองที่เป็นคนชักนำให้รู้จักโลกส่วนตัวของเขา เธอเปิดประตูห้องหนังสือที่อยู่ติดกับห้องนอนใหญ่ สถานที่นี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นความรักผลิบานในหัวใจสาวน้อย
‘เข้ามาสิ รออยู่เชียว’ เสียงทุ้มกังวานเอ่ยอนุญาตให้เด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมต้นก้าวเข้าไป
เขาคือเจ้านายของแม่ คือผู้มีพระคุณที่ให้โอกาสทางการศึกษา เขาคือด้านตรงข้ามของพ่อผู้เฉยชา ไร้ความรักและเมตตาต่อเธอ ส่วนแม่ก็เห็นแก่ความสุขส่วนตัวเป็นสำคัญ แม่จึงพาเธอมาฝากฝังให้อยู่ในการอุปการะของชายหนุ่มตั้งแต่เธออายุเก้าขวบ นับแต่นั้นทุกๆ ภาคเรียนเธอก็จำเป็นต้องเข้ามารายงานผลการเรียนกับเขาเสมอมา
จากเด็กไม่ประสาที่แม่ต้องพามาพบผู้ใหญ่ ไม่กล้าสบตาเขาเท่าไรนัก ตอนนี้เธอโตพอที่จะเดินทางไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง พูดคุยและยิ้มให้เขาอย่างเปิดเผย จริงใจ
‘คุณรุกข์จะออกไปที่ร้านหรือคะ’
แม้รู้ว่ายังวันเกินกว่าที่สถานบันเทิงซึ่งแม่ตนทำงานเป็นพนักงานแคชเชียร์จะเปิดบริการ แต่ก็ขอให้ได้ถามออกไปกลบเกลื่อนความเขินอาย เพราะคิดเข้าข้างตัวเองไปว่าเขาเฝ้ารอที่จะเจอเธอโดยเฉพาะ
ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี มาดภูมิฐานอย่างคนวัยสี่สิบที่เป็นเจ้าของกิจการหลากหลาย มีลูกน้องนับร้อยคน ไม่ตอบคำเด็กสาว เขาเพียงยิ้มมุมปาก ตบเบาะเก้าอี้นวมตัวเดียวกัน
‘มานั่งนี่สิ’
เธอทำตามอย่างเชื่อฟัง ส่งใบรายงานผลการเรียนให้ผู้มีพระคุณ ครั้นเขากวาดตาดูแล้วเงยหน้าสบตาเธออย่างพึงพอใจ หัวใจเธอก็พองโตด้วยความภาคภูมิใจ
‘เด็กดี’ เขาเอ่ยพลางเกี่ยวปลายนิ้วพันเล่นกับริบบิ้นผูกผมสีขาว ‘เกรดสี่ทุกวิชาแบบนี้ เทอมนี้อยากได้อะไร’
‘หนูแล้วแต่คุณรุกข์จะเมตตาค่ะ’
คำตอบนั้นแผ่วเบาจนแทบกลืนหายไปในลำคอ รอยยิ้มสดใสเจือปนด้วยความรู้สึกหวั่นไหวจากความใกล้ชิด
เธออายุสิบสาม เริ่มรู้จักห้วงอารมณ์บางอย่างที่ปั่นป่วนในช่องท้องมาพักหนึ่งแล้ว และทุกคราวที่อยู่ใกล้ชายผู้นี้ ถูกจับจ้องด้วยสายตาคมเข้ม หรือบังเอิญส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายแตะต้องสัมผัส ความปั่นป่วนที่ว่าก็ซัดสาดมาถึงหัวใจให้วูบไหว วาบหวามทุกคราไป
เด็กสาวเสียดายเล็กน้อยที่เขาลุกจากไป ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ความเคารพนับถือที่เธอมีต่อผู้ปกครองของตนพัฒนามาเป็นความปลาบปลื้มชื่นชม อาจเพราะชายหนุ่มมอบความมั่นคง เติมความอบอุ่นที่ขาดหายให้แก่เธอ เขากลายเป็นศูนย์กลางโลกทั้งใบในสายตาเธอมากขึ้นทุกที ยามเธอมีปัญหาหรือขาดเหลือสิ่งใด แม่มักผลักภาระมาที่เขา เขาไม่เคยปฏิเสธ ไม่เคยแสดงออกเหมือนเด็กอย่างเธอเป็นภาระน่ารำคาญ นานวันเธอก็รักและบูชาเขาหมดหัวใจ
รุกข์เดินกลับมาพร้อมถุงกระดาษ ข้างในบรรจุครีมบำรุงผิวนานาชนิดสำหรับผิวแต่ละส่วน เด็กสาวตาโตทันทีที่เห็นยี่ห้อซึ่งมีจำหน่ายแต่ในห้างสรรพสินค้าหรูใจกลางเมือง
‘เอานี่ไปก่อน ถ้าสอบปลายภาคเมื่อไรจะพาไปญี่ปุ่น’
‘จริงเหรอคะ!’ เธอย้อนถามเสียงหลง
‘ฉันเคยพูดแล้วคืนคำหรือไง’
‘ไม่ค่ะ ไม่ หนูจะตั้งใจอ่านหนังสือสอบเลยค่ะ’ เด็กสาวละล่ำละลักประกาศความตั้งใจ แล้วกระพุ่มมือไหว้แทบอกอีกฝ่าย ‘หนูขอบคุณคุณรุกข์สำหรับของขวัญด้วยค่ะ’
ครั้นเธอช้อนตาขึ้นสบตาคมกล้าอย่างพลั้งเผลอ ก้อนเนื้อในอกก็สั่นไหวรุนแรงต่อประกายลึกล้ำในดวงตาคู่คม ไม่ทันที่เธอจะหลบตา มือหนาก็เชยคางเธอไว้ ใบหน้าเขาอยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมไหม้ของบุหรี่อวลกลิ่นกาแฟจากลมหายใจ
ชายหนุ่มไม่ได้ทำอะไรมากกว่ากวาดตามองทั่วดวงหน้าเด็กสาว แล้วคลี่ยิ้มจางๆ ก่อนปล่อยเธอเป็นอิสระ
ทว่าไม่ใช่หลังจากนั้น สถานะผู้ปกครองและเด็กในปกครองของหนุ่มสาวเปลี่ยนไปในอีกรูปแบบ เมื่อทั้งสองไปญี่ปุ่นด้วยกัน เด็กสาวอายุสิบสามตกเป็นของชายหนุ่มวัยย่างสี่สิบด้วยความยินยอมพร้อมใจ ด้วยใจรัก ด้วยบูชา
ท้องฟ้ายามค่ำคืนพลันสว่างวาบ เสียงฟ้าผ่าดึงสติเด็กสาวกลับมาสู่ปัจจุบัน โลกที่เคยเป็นสีชมพูสวยงามถูกสาดทับด้วยความสกปรกโสมม เมื่อเปิดประตูห้องหนังสือที่เชื่อมต่อกับห้องนอนเข้าไปพบเด็กหญิงวัยแรกรุ่นในสภาพเปลือยเปล่า นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง
เธอรู้จักเด็กนั่น เด็กคนนั้นคือลูกสาวของแม่บ้านที่พ่นวาจาเหยียดหยามเธอลับหลัง และที่เธอรับไม่ได้...เด็กคนนั้นอายุเพียงสิบสามปี!
เสียงกรีดร้องดังขึ้นพร้อมกัน คนหนึ่งระบายความเจ็บปวดเสียใจ ขณะที่อีกคนส่งเสียงร้องด้วยความตระหนกตกใจจากการถูกประทุษร้าย จิกกระชากผมลงมาจากเตียง
“อีเลว! มึงแย่งผัวกู มึงแย่งผัวกู!”
เธอตบใบหน้าและศีรษะผู้ที่เพลี่ยงพล้ำอยู่ใต้ร่างอย่างไม่ยั้งมือ แต่เหมือนเหวี่ยงมือตบตีอากาศ ร่างผอมบางถูกกระชากออกมาโดยคนที่มีพละกำลังมากกว่า เด็กสาวถูกเหวี่ยงล้มลงกับพื้น เธอเงยหน้าสบตาชายหนุ่มในชุดคลุมอาบน้ำด้วยหัวใจร้าวราน
“คุณทำอย่างนี้กับหนูได้ไง” เธอกรีดเสียงถามเหมือนสัตว์บาดเจ็บ “อีนี่มันอายุสิบสาม คุณนอนกับมันได้ไง”
“ฉันก็นอนกับเธอตอนอายุเท่านี้ ออกไปซะ!” เขาตวาด ไร้ซึ่งความเมตตาในแววตาอีกต่อไป
“ไม่ หนูไม่ไป หนูเป็นเมียคุณนะ!”
“ลองดีกับฉันใช่ไหม”
เขากระชากผมเธอขึ้นมา บีบบังคับให้เธอต้องลุกขึ้นและก้าวขาตาม ก่อนเหวี่ยงเธอกระแทกชั้นหนังสือในห้องที่เธอเข้ามา ตามด้วยตวัดฝ่ามือลงบนแก้มเด็กสาวที่บังอาจทำตัวก้าวร้าวล้ำเส้น
หากก่อนหน้านี้หัวใจดวงน้อยเจ็บปวดรวดร้าว บัดนี้มันก็แตกสลายด้วยน้ำมือผู้ที่เธอมอบหัวใจให้
“คุณไม่ได้รักหนู”
เพราะอย่างนี้ใช่ไหมเขาถึงส่งเธอเข้าเรียนโรงเรียนประจำตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลาย เมื่อเธอมาหาหรือมารายงานผลการเรียน เขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจดังที่ผ่านมา
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย”
“แล้วคุณนอนกับหนูทำไม”
เด็กสาวคล้ายได้รับคำตอบเมื่อแว่วเสียงสะอื้นของเด็กหญิงอีกคน ดวงตาแดงก่ำเบิกโพลง เธออ้าปากไล่ตะครุบลมหายใจของตนเอง แต่ก็เหมือนใจจะขาดอยู่ตรงนั้น
“ถ้ารับไม่ได้ก็ไปซะ!”
ไร้ซึ่งเมตตา ไม่เหลือแล้วความรักบริสุทธิ์งดงามที่เธอบูชายิ่ง เขาทุบทำลายโลกของเธอ พรากวัยสาวของเธอไปอย่างไม่ไยดี
ทันทีที่ชายหนุ่มหันหลัง เธอก็วิ่งไปคว้ามีดตัดกระดาษบนโต๊ะทำงาน หัวใจของเด็กสาวถูกทำร้ายสาหัส ส่งผลต่อความยับยั้งชั่งใจ เมื่อเธอเจ็บปวดเจียนตาย ใครหน้าไหนก็อย่าหวังจะหัวเราะเยาะเธอได้อีก
“กรี๊ดดด!”
โลหิตแดงฉานไหลออกมาจากหน้าท้องเด็กหญิง มีดมันเงาตกลงบนพื้น พร้อมกับเสียงตวาดลั่นที่กึกก้องกัมปนาทไม่ต่างจากเสียงฟ้าคำราม
“ระยำ!”
นาทีนั้นเด็กสาวรู้ว่าเธออยู่ที่นั่นไม่ได้อีกต่อไป เธอต้องหนีให้ไกลอิทธิพลของชายผู้นี้ แม้ไร้ที่ไปก็ตาม
ความคิดเห็น |
---|