บทที่ 1
กลิ่นหอมหวานเจือด้วยกลิ่นขมเข้มของกาแฟลอยเตะจมูก นับดาวอดไม่ได้ที่จะสูดกลิ่นหอมๆ ของมันเข้าปอดลึกๆ เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ กะพริบถี่ขึ้นเรื่อยๆ เพื่อปรับม่านตาให้ชินกับแสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านม่านเข้ามา พอสติเริ่มชัดเจนขึ้น เธอก็ตื่นเต็มตาแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียงพลางมองไปรอบตัว
ดูเหมือนเธอจะสลบไปเอง คอมพิวเตอร์ที่ยังคงเปิดค้างไว้เป็นหลักฐานชั้นดีว่าเมื่อคืนเธอเผลอหลับยาวอีกแล้ว
“ห้านาทีมันไม่มีอยู่จริงสินะ”
นับดาวบ่นพึมพำก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ไม่ไกลมากขึ้นมา นิ้วเรียวยาวไล่เปิดเช็กข้อความในแอปพลิเคชันสุดฮิต เลื่อนอ่านข้อความในช่องแชตช้าๆ พอเห็นข้อความจากบรรณาธิการประจำตัวเธอก็ยิ้มขึ้นมา ทว่ารอยยิ้มกลับไม่ไปถึงดวงตา
นับดาวบิดขี้เกียจก่อนจะก้าวลงจากเตียง เดินเข้าห้องน้ำ ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมส่องกระจกเช็กใบหน้าของตัวเอง
ดูเหมือนใต้ตาจะคล้ำขึ้นนิดหน่อย
พอสังเกตใบหน้าตัวเองวนไปมาครบสามรอบแล้ว เธอก็ไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ พลางถอดเสื้อผ้าปล่อยให้ร่างกายเปลือยเปล่าสัมผัสกับความสดชื่นของน้ำเย็นๆ เพื่อต้อนรับวันใหม่
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว สิ่งแรกที่เธอต้องทำทุกเช้าคือดื่มกาแฟ เมื่อนึกถึงกลิ่นหอมหวานเข้มข้นของมันแล้ว ใบหน้าหญิงสาวก็ผุดรอยยิ้มขึ้นมา เธอเดินไปที่เคาน์เตอร์เล็กในครัว ยกถุงกระดาษที่บรรจุเมล็ดกาแฟคั่วที่เพิ่งได้มาสูดกลิ่นความหอมของมัน สมองพลันนึกถึงแผ่นหลังของชายหนุ่มคนหนึ่ง
น่าเสียดายที่ห้องพักของเธอไม่มีอุปกรณ์พร้อมสำหรับการชงกาแฟแบบเมล็ด นับดาวจึงตัดใจวางถุงกาแฟในมือลง หันไปหยิบกุญแจห้องกับโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแทน
ในเมื่อทำกาแฟดื่มเองไม่ได้ เธอก็ต้องไปที่ที่ตอบสนองความต้องการของเธอได้ และครั้งนี้ก็ไม่ใช่ที่ร้านกาแฟใต้ตึกด้วย
พอคิดได้ว่าหลายวันมานี้ชายหนุ่มคนนั้นมีปฏิกิริยาต่อเธออย่างไร รอยยิ้มมุมปากของเธอก็กดหยักลึกขึ้น ความลับที่เป็นข้อตกลงระหว่างเธอกับเขา ถึงแม้คนที่ยื่นข้อเสนออย่างหน้าไม่อายจะเป็นเธอก็ตาม ทว่าตราบใดที่มันพอจะมีอำนาจเหนืออีกฝ่ายได้ ทำไมเธอจะไม่ใช้ล่ะ
ชัยชนะเล็กๆ ทำให้เธออารมณ์ดี ลืมเรื่องขุ่นมัวไปได้ชั่วขณะยามจินตนาการถึงคำตอบและข้อเรียกร้องจากชายหนุ่มแล้วเธอก็ยินดีทำตามอย่างว่าง่าย
นับดาวหันไปคว้าซองเอกสารสำคัญอีกอย่างแล้วเดินออกจากห้อง ล็อกประตูให้เรียบร้อย เดินลงบันไดหลักซึ่งเป็นทางขึ้นลงทางเดียวของอาคารแห่งนี้ แต่แทนที่จะลงต่อไปยังชั้นล่าง เธอกลับเดินตรงไปยังทางเดินชั้นสองและหยุดลงหน้าห้องหนึ่ง เคาะประตูอยู่สองสามที ไม่นานนักประตูตรงหน้าก็เปิดออก เห็นสีหน้าตั้งรับไม่ทันของชายหนุ่มแล้วนับดาวก็อารมณ์ดีกว่าเดิม
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
ไม่ต้องรอให้เจ้าของห้องเชื้อเชิญ นับดาวก็เข้ามาในห้องของเขา รุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของเขาราวกับว่าตนเป็นเจ้าของ
“ฉันคงไม่มารบกวนเวลานอนของคุณใช่ไหมคะ” เธอหันไปถามเสียงใส แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าเวลานี้เขาต้องตื่นนอนเตรียมพร้อมต้อนรับวันใหม่แล้ว มีแต่เธอนั่นแหละที่เข้านอนหรือตื่นเช้าไม่เป็นเวลา
“มาทำไมครับ”
น้ำเสียงของเขาคล้ายจะไม่ชอบใจ แต่ชายหนุ่มตรงหน้าก็เป็นคนสุภาพมากพอ ถึงแม้เขาจะไม่ยินยอม แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธหรือพูดจาโหดร้ายออกมา คิดได้ดังนี้แล้วนับดาวก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองร้ายกาจจริงๆ
“มาขอกาแฟอร่อยๆ ดื่มสักแก้วก่อนทำงานค่ะ”
ว่าแล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขกของเขา ตัวเดียวกันกับที่เขาเคยเสร็จกิจส่วนตัว ก่อนหันไปยิ้มหวานทำตาปริบๆ ชายหนุ่มเจ้าของห้องมีท่าทีอึดอัดใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็เดินเข้าไปในครัวเตรียมทำกาแฟให้ตามคำขอ
เสียงเมล็ดกาแฟที่ถูกบดและเสียงเครื่องชงแบบหยดที่กำลังเซตตัวทำให้เธอหันไปมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มอย่างไม่ละสายตา ร่างสูงโปร่งในชุดลำลองสบายๆ สีขาวพอดีตัว กางเกงขายาวสีครีมที่เข้ากับเรียวขาของเขา เรือนผมสีดำประบ่าถูกมัดเอาไว้ไม่ให้เกะกะใบหน้า
มือไม้ของเขาคล่องแคล่วสมกับที่เป็นบาริสตามืออาชีพ ไม่นานเขาก็หมุนตัวกลับมาพร้อมกับกาแฟในมือสองถ้วย แต่พอเห็นสายตาที่เธอจ้องมองอย่างเปิดเผยเช่นนี้เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย พลางปรับสีหน้าตนให้เป็นปกติแล้วเดินตรงมาที่เธอ
ชายหนุ่มเจ้าของห้องนั่งลงที่โซฟาเล็กใกล้ๆ เขาวางถ้วยกาแฟวางลงตรงหน้าอย่างเบามือ ไอร้อนสีขาวลอยอยู่เหนือแก้ว กลิ่นหอมอ่อนๆ ของมันทำให้เธอผ่อนคลาย นับดาวไม่ได้โน้มตัวไปหยิบถ้วยกาแฟในทันที เพียงแค่ทิ้งช่วงสักพัก รอให้กาแฟเย็นตัวอีกสักนิดถึงจะค่อยๆ เอื้อมมือไปยกถ้วยกาแฟขึ้นมา ระหว่างนั้นก็วางซองเอกสารที่ติดมาด้วยเป็นการแลกเปลี่ยน
“รับไปอ่านสิคะ”
เธอดันซองเอกสารไปตรงหน้าเขาพลางจิบกาแฟ ละเมียดรับรสชาติขมๆ ที่แฝงไปด้วยความหอมหวาน
ผู้ชายตรงหน้าเธอวางถ้วยกาแฟในมือลงก่อนจะหยิบซองเอกสารขึ้นมาเปิดอ่าน พอเห็นรายละเอียดที่อยู่ด้านใน นัยน์ตาของเขาก็สั่นไหวเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นนั้นมาจากความรู้สึกอย่างไร แต่เธอรู้ว่าภายใต้ใบหน้านิ่งขรึมและไม่แยแสใครเหล่านั้นไม่ได้เป็นอย่างที่แสดงออกหมดเสียทีเดียว
“ผลตรวจสุขภาพของฉันค่ะ รับรองว่าเป็นจริงทุกประการ อ้อ แล้วก็มีผลตรวจของคุณด้วยนะคะ อยู่ข้างหลังเลย” นับดาวพูดไปพลางจิบกาแฟไปอย่างอารมณ์ดี มองเขาที่กวาดตาอ่านเอกสารตรงหน้าด้วยท่าทีสบายๆ
“ส่วนเอกสารชุดสุดท้ายคือสัญญาข้อตกลงของเราตามที่คุณต้องการค่ะ”
พูดถึงตรงนี้หญิงสาวก็อดนึกย้อนไปยังเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้ ตั้งแต่ที่เธอเอ่ยข้อแลกเปลี่ยนออกไป สีหน้าของชายหนุ่มในเวลานั้นไม่ใช่แค่ตึงเครียดธรรมดา แต่มันซุกซ่อนด้วยอะไรบางอย่างที่เธอไม่เข้าใจ
นับดาวเกือบคิดว่าเขาจะตรงเข้ามาหักคอเธอเสียแล้ว แต่จู่ๆ เขาก็ถามเสียงต่ำ
‘คุณคิดว่าเรื่องพวกนี้มันตลกนักเหรอ’
แน่นอนว่าไม่ เธอจริงจังสุดๆ ไปเลยต่างหาก ถ้าไม่จริงจังเธอคงไม่เอ่ยปากออกไปอย่างนั้นหรอก นับดาวยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับตอบเขาอย่างใจเย็น แม้ว่าเธอจะรู้สึกหวั่นๆ ขึ้นมาแล้วก็ตามที
‘แน่นอนสิคะ จริงๆ แล้วฉันกับคุณก็เห็นหน้าเห็นตากันมาตั้งหลายปี ดูก็รู้ว่าคุณคงไม่มีแฟน ไม่อย่างนั้น...’ เธอปรายตามองจุดกลางลำตัวเขาเล็กน้อยก่อนจะหันมาพูดต่อ ‘ข้อเสนอนี้ ถ้าฉันไม่จริงจังคงไม่พูดออกมาแน่ๆ แต่คุณวางใจได้เลยค่ะ ฉันไม่ได้อยากจะจับหรือจีบคุณอะไรเทือกนั้นหรอกนะคะ’
พูดจบนับดาวก็หัวเราะ ไม่รู้ว่าความคิดแบบนี้มันจะดูนิยายไปหรือเปล่า แต่เธอไม่ได้คิดจะใช้เรื่องแบบนี้มาจับเขาหรือเป็นแผนการเพื่อกุมหัวใจเขาเสียหน่อย
เธอมีเหตุผลที่มากกว่านั้นอีก
‘แล้วคุณต้องการอะไร ในเมื่อคุณก็น่าจะเดาได้ว่าผมมีความรู้สึกพิเศษให้คนอื่น’
เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่แพ้สายตาที่มุ่งมั่นของเขา เห็นอย่างนี้แล้วนับดาวก็พลันรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้ยินคำพูดเทือกๆ นี้อีก แต่วินาทีต่อมาเธอก็ปัดเรื่องกวนใจเหล่านี้ทิ้งไป
ความต้องการของเธอไม่ใช่หัวใจของเขา แต่เป็น ‘ร่างกายของเขา’ ต่างหาก
‘ฉันอยากได้คุณค่ะ’
คำพูดตรงไปตรงมาของเธอทำให้ชายหนุ่มนิ่งงัน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างหลากหลาย
นับดาวเข้าใจเขาอย่างมาก เพราะถ้ามีใครที่ไหนไม่รู้มาพูดแบบนี้ เธอคงโทรศัพท์แจ้งความไปแล้ว
‘คุณบ้าไปแล้ว’ เขาพึมพำแล้วมองเธอด้วยสายตาแปลกใจ ‘รู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณกำลังทำอะไร’
‘ฉันไม่อยากตอบเป็นครั้งที่สองหรอกนะคะ เอาเป็นง่ายๆ เลยก็คือ ฉันอยากได้ร่างกายของคุณค่ะ อืม...จะว่ายังไงดี คิดแบบแง่มุมของธุรกิจดีไหมคะ ฉันอยากได้คุณ อยากมีอะไรกับคุณ โอ้ๆ อย่าเพิ่งทำหน้าแบบนั้นสิคะ เห็นแบบนี้ฉันก็ไม่ใช่ประเภทมั่วไปเรื่อยหรอกนะคะ’ สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นดำทะมึนไม่ต่างจากมีเมฆฝนตั้งเค้าทันทีที่เธอพูด
‘ฉันยินดีไปตรวจร่างกายยืนยันเลยค่ะ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เพราะความต้องการของร่างกายอย่างเดียวหรอกนะคะ คุณถือว่าเป็นแรงบันดาลใจที่ฉันตามหาเลย เพราะฉะนั้นจะให้ยึดทฤษฎีขอมองอย่างเดียวก็เสียดายเกินไปจริงๆ ค่ะ’
นับดาวรู้ว่าตอนนี้เขากำลังสับสน ตามความคิดของเธอไม่ทัน ดังนั้นจึงให้เวลาเขาได้ทบทวนก่อน
‘เอาเป็นว่าฉันจะให้เวลาคุณตัดสินใจก่อนดีกว่า ถ้าคุณไม่เข้าใจตรงไหน ลองไปเซิร์ชในอินเทอร์เน็ตว่า Miss Caffeine ละกันนะคะ เผื่อจะเข้าใจอะไรมากขึ้น’
นับดาวเดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม ก่อนจะถือวิสาสะคว้าชุดชั้นในตัวจิ๋วมาจากมือเขา แล้วหมุนตัวเตรียมออกจากห้อง แต่ก่อนจะเปิดประตูออกไป เธอก็หันมาส่งยิ้มหวานพร้อมชูอะไรบางอย่างในมือขึ้นมา และทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้อีกครั้ง
‘ฉันลืมบอกคุณไปเรื่องนึงค่ะ เพราะฉันกลัวว่าคุณจะเป็นอะไรไปหรือถูกใครทำร้าย เลยเผลอบันทึกวิดีโอเอาไว้ ยังไงคุณก็คิดถึงข้อเสนอของฉันดีๆ นะคะ’ พูดจบก็รีบเผ่นออกไปทันที
ซึ่งความจริงนับดาวโกหก เธอไม่มีคลิปวิดีโออะไรทั้งนั้น ในสถานการณ์ตื่นตกใจแบบนั้น เขาต้องไม่ทันเห็นแน่ๆ ว่าเธอไม่ได้ถือโทรศัพท์มือถือเลยด้วยซ้ำ แต่เพื่อเป็นหลักประกันว่าเธอมีอำนาจต่อรอง มุกแย่ๆ แบบนี้เธอขอหยิบยืมมาใช้ก่อนก็แล้วกัน
แต่ที่นับดาวประหลาดใจไม่แพ้กันก็คือ ในเช้าตรู่วันถัดมาชายหนุ่มก็มาหาเธอถึงที่ เธอเชื่อว่าเขาคงไปค้นหามาแล้วว่า ‘Miss Caffeine’ ที่เธอพูดหมายถึงอะไร
หญิงสาวเชิญเขาเข้ามาในห้องพร้อมกับหยิบแท็บเล็ตเครื่องใหญ่ขนาดพกพามานั่งทำงานต่อด้วย พอชายหนุ่มเห็นสิ่งที่เธอทำก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา
‘ผมลองไปคิดเรื่องข้อเสนอของคุณมาแล้วครับ’
เธอพยักหน้าโดยไม่มองเขา เอาแต่ใช้ปากกาอิเล็กทรอนิกส์ตัดเส้นงานตรงหน้าต่อพลางพูดคร่าวๆ
‘ฉันต้องรีบปิดงาน หวังว่าคุณคงไม่ถือสาใช่ไหมคะ’
ตอนนี้งานล้นมือเธอหมดแล้ว ดังนั้นเธอต้องขออนุญาตทำงานไปคุยไปแบบนี้
‘ครับ’
‘คุณคงเข้าใจแล้วสินะคะว่าข้อเสนอของฉันหมายความว่ายังไง’
เมื่ออีกฝ่ายไม่เอ่ยปาก เธอจึงพูดต่อเพื่อไม่ให้เสียเวลา
‘เรามาเป็นเซ็กซ์เฟรนด์กัน ความสัมพันธ์ของพวกเราคือคู่สัญญา ฉันคิดว่าระยะเวลาของพวกเราคงไม่นานหรอกค่ะ อย่างมากก็แค่หนึ่งปี แต่ระหว่างนี้ถ้าคุณมีแฟนขึ้นมา อยากจะหยุดสัญญาของเรา ฉันก็ยินดีนะคะ ถ้าคุณกลัวเรื่องความไม่สะอาด เราก็ไปตรวจกันค่ะ ฉันเองก็อยากแน่ใจเหมือนกันว่าคุณน่ะเชื่อได้’
‘คุณพูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ ดีนะครับ’
เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขาแวบหนึ่งก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
‘ฉันมีอิสรเสรีภาพทางร่างกายของตัวเองนะคะ ในเมื่อฉันถูกใจคุณ ฉันอยากได้ ฉันก็แค่เสนอ ติดอย่างเดียวที่ฉันเป็นคนเอาแต่ใจค่ะ ดังนั้นเพื่อให้คุณยินยอมมันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนบ้าง อ๊ะ! แต่เรื่องเมื่อวานมันเป็นเรื่องบังเอิญนะคะ ฉันคงไม่มีปัญญาไปรู้หรอกว่าคุณจะมีเวลาหรือตั้งใจ ‘ทำ’ ตอนไหน’
เห็นเธอพูดจาตรงๆ ไม่มีทีท่าเคอะเขิน ชายหนุ่มตรงหน้าก็ถอนหายใจออกมา
‘คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมครับที่ตกลงกับผมแบบนี้’
‘แน่ใจค่ะ ร้อยเปอร์เซ็นต์’
นับดาวหยุดมือที่กำลังง่วนกับงานพลางวางแท็บเล็ตลงบนโต๊ะกลางระหว่างเขากับเธอ ภาพบนหน้าจอช่างชวนให้อารมณ์ในห้องตอนนี้เปลี่ยนเป็นกลิ่นอายรัญจวนขึ้นมาแปลกๆ
ภาพประกอบการ์ตูนซึ่งเป็นร่างกายเปลือยของหญิงสาวที่กำลังหลับตาพริ้มปนเสียวซ่าน หน้าอกทั้งสองข้างกำลังถูกบีบคลึง ขณะเดียวกันที่หน้าท้องเธอก็มีแท่งเนื้อที่ถูกวางเป็นโครงเปล่าๆ ระบายทับด้วยพื้นสีขาว ถึงจะไม่ได้วาดลงรายละเอียดภาพให้สมบูรณ์แบบ แต่ทันทีที่เห็น ชายหนุ่มก็รู้ว่ามันคืออะไร
นับดาวเห็นว่าเขาเหลือบตามองผลงานของเธอเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนสายตามาประสานเข้ากับดวงตาของเธอ
‘ผลงานเรื่องล่าสุดน่ะค่ะ เข้าไปคอมเมนต์ได้นะคะ’
‘คาดไม่ถึงเหมือนกันนะครับว่าคุณจะเป็นเจ้าของผลงาน Miss Caffeine ทั้งหมด’
นับดาวยิ้มรับพลางถามต่ออย่างทีเล่นทีจริง
‘รับไม่ได้เหรอคะ’
‘เปล่าครับ แค่แปลกใจนิดหน่อย ดูเหมือนว่าคุณจะมีแฟนคลับเยอะเลยนะครับ ทั้งผู้ชาย ทั้งผู้หญิง’
นับดาวหัวเราะออกมาก่อนคลี่ยิ้มอย่างยินดี น้อยนักที่จะมีคนพูดจาน่าฟังเรื่องงานของเธอ การเป็นนักเขียน นักวาดงานอีโรติกคือสิ่งที่เธอชอบ เธอมีผลงานนิยายตีพิมพ์ออกมาหลายเรื่อง ไม่นับงานการ์ตูนเรตอาร์ทางออนไลน์อีก
‘ถ้าคุณอยากอ่านก็มาบอกฉันได้ค่ะ หนังสืออภินันทนาการของนักเขียนนักวาดฉันมีเยอะ’ นับดาวบอกเขาอย่างใจกว้าง ‘ฉันให้ฟรีแถมลายเซ็นได้เลยนะคะ บางเล่มคุณหาซื้อไม่ได้แล้วนะ’
ใบหน้าของชายหนุ่มปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะดึงเธอกลับเข้าประเด็นหลักในวันนี้
‘ไว้ผมจะอุดหนุนแทนละกันครับ ส่วนเรื่องข้อเสนอของคุณ ผมตกลง’
ทันทีที่นับดาวได้ยินเขาเอ่ยปากตกลง หัวใจของเธอก็เต้นรัวขึ้นมา ความปีติยินดีที่ซ่อนอยู่สุดลึกผุดขึ้นมากลางอก แม้แต่ดวงตาของเธอในตอนนี้คงเป็นประกายแล้ว
‘แต่ผมมีเงื่อนไขเพิ่มเติมแค่สี่ข้อ ถ้าคุณโอเค ผมก็โอเค’
‘พูดมาเลยค่ะ’
‘ข้อแรก ผมกับคุณต้องไปตรวจร่างกายอย่างละเอียด ทั้งนี้เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย หวังว่าคุณจะไม่ถือสา’
ใจจริงเธอก็อยากทำแบบนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นข้อตกลงข้อแรกถือว่าไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอเลย
‘ข้อสอง ผมคิดว่าพวกเราต้องป้องกันอย่างจริงจัง ระหว่างที่เราเป็นคู่สัญญา ผมจะไม่ไปยุ่งกับใครและคุณก็เช่นกัน’
แน่นอนว่าข้อนี้เธอก็เห็นด้วย เธอไม่ได้หวังจะจับเขามาเป็นคู่รัก ไม่ได้คิดจะสานสัมพันธ์กับเขาในฐานะอื่นที่มากไปกว่าคู่สัญญา อีกอย่างเธอก็ถือสาเรื่องความสะอาด ดังนั้นเธอจึงตอบตกลงอย่างเห็นด้วย
‘ข้อสาม ระยะเวลาข้อตกลงของพวกเราคือหนึ่งปี ทั้งผมและคุณสามารถหยุดความสัมพันธ์นี้ได้ทันทีโดยความยินยอมพร้อมกันทั้งสองฝ่าย และผมหวังว่าเรื่องเมื่อคืนจะไม่มีหลุดออกไปแม้แต่นิดเดียว’
ระยะเวลาไม่สั้นไม่ยาวเกินไป เมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอจะได้รับแล้วนับดาวถือว่าคุ้มค่า ข้อตกลงนี้เธอก็ยังคงพยักหน้า
‘ข้อสุดท้าย...’ เขาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ ‘สามคืนต่อสัปดาห์ หนึ่งคืนไม่จำกัดรอบ’
นับดาวเลิกคิ้วพลางมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างละเอียดอีกครั้ง ตอนนี้เขานั่งอยู่ตรงหน้าเธอ แม้สีหน้าจะไม่แสดงอารมณ์ออกมาให้เห็น แต่เธอกลับสัมผัสได้ถึงประกายวาววับของกองไฟที่คุกรุ่นอยู่ในนั้น ริมฝีปากของเธอแห้งผากจนต้องเผลอเม้มเข้าหากันเบาๆ ทว่าเธอก็ปรับสีหน้าตัวเองพร้อมเผยรอยยิ้มมุมปาก
‘หวังว่าคุณจะไม่ทำอะไรเกินตัวนะคะ’
อีกฝ่ายไม่ตอบ เพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ราวกับมั่นใจในคำพูดของตัวเองอย่างมาก
‘ในเมื่อเราตกลงกันแล้ว ไว้พรุ่งนี้เราค่อยไปโรงพยาบาลกันนะคะ’ เธอเอื้อมตัวไปกดบันทึกงานก่อนจะเอนตัวพิงพนักโซฟา สายตาเหลือบมองนาฬิกาในห้องเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย
‘ไหนๆ คุณก็มาแล้ว...เช้านี้รับอะไรดีคะ’
เธอมองชายหนุ่มจดปากกาเซ็นชื่อตัวเองลงไปพอดีกับที่กาแฟในถ้วยหมดลง รสชาติของความหอมหวานพลันฟุ้งกระจายอยู่ในปากและอกของเธอ
ลายเซ็นของเขาเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นเส้นตรง แสดงถึงนิสัยของคนที่มีสมดุลและความมั่นคงทางอารมณ์ นับดาวพินิจมันเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบสัญญาตรงหน้าขึ้นมาเซ็นชื่อในส่วนของตัวเองบ้าง
“จากนี้ฝากตัวด้วยนะคะ”
“เช่นกันครับคุณนับดาว”
นับดาว...ส่วนใหญ่ใครต่อใครก็มักจะเรียกเธอแบบนี้ ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้วที่ไม่มีใครเรียกชื่อเล่นของเธอ คงเป็นเพราะเรื่องตลกอย่างการที่ในห้องมีคนชื่อเล่นซ้ำกันหลายคน เพื่อไม่ให้สับสนว่าใครเป็นใคร การเรียกชื่อจริงก็เป็นการแก้ปัญหาที่ดี ซึ่งเธอเคยคิดว่าว่ามันก็ดีที่ไม่ต้องมาเรียกกันว่าเดียร์หนึ่ง เดียร์สอง เดียร์สาม...
แต่จู่ๆ วันนี้เธอก็พลันอยากให้คนตรงหน้าเรียกชื่อเล่นของเธอแทน
“เรียกนับดาวอย่างเดียวก็ได้ค่ะ อย่าเติมคุณเลย ฉันไม่ชิน” เธอวางถ้วยกาแฟเปล่าลงบนโต๊ะ เรียวขางามยกไขว้กันสบายๆ พลางสำรวจใบหน้าชายหนุ่มอย่างเปิดเผย
“แต่คุณอายุมากกว่าฉัน อยากจะให้ฉันปรับคำพูดไหมคะ อืม...หรือว่าจะให้ฉันเรียกคุณว่าพี่ดี”
ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะรู้ว่าเธอตั้งใจเย้าแหย่ เขามองเธอเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ท่าทางคุณจะสนุกไม่น้อยนะ”
“ไม่คิดว่าระหว่างเราต้องทำตัวให้สนิทกันหน่อยเหรอคะ พี่เฌอ”
ความคิดเห็น |
---|