7

7

บทที่ ๗

 

คริษฐ์ได้เข้าร่วมประชุมกับกลุ่มวิศวกรก่อนที่ครอบครัวหลุยส์จะเดินทางมาถึง กลางโต๊ะประชุมมีมอเดลจำลองถนนสามมิติและแผนที่ภูมิศาสตร์ ที่วางจุดสีแดงบอกตำแหน่งแคมป์ต่างๆ ตลอดเส้นทางจากฝั่งตะวันตกไปยังฝั่งตะวันออก 

การประชุมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการทำงาน รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคของแคมป์ต่างๆ เพื่อจะได้รายงานกับอเล็กซ์ในวันที่เขาเดินทางมาที่ไซต์งาน และคริษฐ์ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บันทึกการประชุมและทำรายงานเพื่อจะได้นำเข้าประชุมในบอร์ดผู้บริหารต่อไป

โอเวนไม่พูดกับเขาอีกเลย ไม่แม้แต่จะมองหน้า คงจะโกรธที่ฟิลลิปทราบความจริง คริษฐ์จึงพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับหัวหน้าสายตรง และทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด

คืนก่อนวันสำคัญ คริษฐ์นอนหลับๆ ตื่นๆ พอเห็นฟ้ายังไม่สางก็พยายามนอนต่อ แต่ด้วยความตื่นเต้น เขาก็สะดุ้งตื่นอีกครั้งใกล้ฟ้าสางก่อนทุกคนในค่าย มองนาฬิกาแล้วก็ตัดสินใจลุกเดินออกไปนอกบ้านพัก มองไปรอบกายแล้วก็ต้องสะดุดใจ น่าแปลกมากที่เขาเคยเห็นภาพนี้มาก่อน รถแทรกเตอร์คันใหม่จอดอยู่ใกล้เส้นทางขึ้นเขา รถม้าสำหรับเกลี่ยถนน รถตักไอน้ำรุ่นใหม่กว่าที่เขาใช้บนเขา รถบรรทุกสำหรับขนทรายด้วยแรงงานม้าจอดเรียงอย่างเป็นระเบียบ...เขารู้ว่าเครื่องจักรเพิ่งถูกส่งมาไม่นานทางรถไฟ แต่เมื่อคืนยังไม่จอดเป็นระเบียบเช่นนี้ 

ฟิลลิปตื่นเช้าเป็นปกติทุกวัน วันนี้ก็เช่นกัน หนุ่มใหญ่เดินถือถ้วยกาแฟออกจากบ้านพัก พอเห็นคริษฐ์ก็ยกมือทักทาย เขาจึงเดินเข้าไปหา

“อรุณสวัสดิ์ครับ” เขาทักทายอย่างนอบน้อม 

“อรุณสวัสดิ์ ตื่นเช้าเหมือนกันนะเรา”

“ผมรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยครับเลยนอนไม่ค่อยหลับ” เขาบอกกลั้วเสียงหัวเราะ 

“ผมก็คงจะเหมือนกัน” ฟิลลิปหัวเราะตาม “ครั้งสุดท้ายที่เจอเขากับคณะผู้บริหารก็ปีก่อน แต่ปีนี้เขาเปลี่ยนแผนและพาครอบครัวมาพักที่เกรทเกลเชียร์ตลอดทั้งฤดูร้อน และอาจจะเลยไปจนถึงกลางฤดูใบไม้ผลิ เห็นว่าจะพาครอบครัวมาพักผ่อนหลังจากปีก่อนที่มาทำงานแล้วชอบบรรยากาศของโรงแรมมาก แต่จริงๆ ผมว่าเขาอยากมาดูแลการสร้างถนนอย่างใกล้ชิดมากกว่า”

“แล้วคุณอเล็กซ์เป็นเจ้าของโครงการหรือเปล่าครับ”

“ก็ไม่เชิง มีบริษัทที่ร่วมหุ้นในโครงการนี้ด้วย เพราะมันเป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่บริษัท หลุยส์ คอนสตรักชัน เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุด เขาจึงอยากมาดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนผู้บริหารของบริษัทอื่น ก็แต่งตั้งให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ”

“อ้อ...ครับ” เขาพึมพำ พอจะเข้าใจว่าอเล็กซ์ต้องการเงินทุน จึงต้องหาเพื่อนมาร่วมโครงการ

“เมื่อคืนหลังจากผมอ่านรายงานของคุณ ผมคิดว่าอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงสักเล็กน้อย”

“มีอะไรต้องแก้ไขอย่างนั้นหรือครับ” คริษฐ์ตกใจ คิดว่าตนเขียนได้ละเอียดและรัดกุมที่สุดแล้ว 

“ไม่มีเลย คุณทำได้ยอดเยี่ยมมาก จนผมคิดจะเปลี่ยนตำแหน่งให้แก่คุณ ให้คุณมาเป็นผู้ติดตามผม และช่วยเขียนรายงานแทน ส่วนงานที่แคมป์หนึ่งก็ให้โอเวนเป็นผู้รับผิดชอบหน้าที่ของเขาเอง”

“จริงหรือครับ” คริษฐ์อุทาน...ดีใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

“จริงสิ พวกผู้ช่วยที่ผมจ้างมาแต่ละคนทำงานไม่ได้ครึ่ง ไม่รู้จบมาได้ยังไง จนกระทั่งมาเห็นรายงานของโอเวนหลายครั้ง จึงคิดจะย้ายเขามาทำงานกับผม แต่ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่...” คนพูดดูคล้ายลังเล แต่สุดท้ายกลับสรุปง่ายๆ “แต่ดีที่ผมรู้ความจริงเสียก่อนว่าเป็นผลงานของคุณ ถึงได้ตัดสินใจเรียกคุณลงมาช่วยงาน แล้วที่ผมคิดไว้ก็ไม่ผิดเลย”

คริษฐ์ยิ้มรับด้วยความภูมิใจ และดีใจที่ความทุ่มเทของเขาไม่สูญเปล่า 

“แล้วหน้าที่ใหม่ผมจะต้องทำอย่างไรบ้างครับ”

“คอยช่วยตรวจงานกับผม เราจะต้องควบคุมให้งานดำเนินไปตามแผนการที่วางไว้ให้ทันก่อนที่หิมะจะตก”

“ได้ครับ ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่คุณเลือกผม และผมจะตั้งใจทำงานจนสุดความสามารถเพื่อให้สมกับที่คุณไว้ใจ”

ฟิลลิปลดแก้วกาแฟที่กำลังยกขึ้นจิบลง คิ้วที่มีสีเทาแซมย่นเข้าหากัน จนคริษฐ์แปลกใจว่าเขาพูดอะไรผิด

“ทำไมผมรู้สึกว่าคุณ...ไม่เหมือนกับคนงานคนอื่น เหมือน...ได้รับการอบรมมารยาทมาอย่างดี การงานเรียบร้อยไม่มีที่ติ ถ้าคุณบอกว่าเรียนจบปริญญาจากฮาเวิร์ด ผมยังเชื่อเลย”

คริษฐ์หัวเราะเจื่อนๆ แม้จะไม่ได้จบจากมหาวิทยาลัยระดับท็อปเทนของประเทศ แต่มหาวิทยาลัยที่เรียนก็เป็นอันดับหนึ่งของรัฐวอชิงตัน เรียนจบปุ๊บ ยื่นใบสมัครที่ไหนก็แทบจะอ้าแขนรับทุกที่ ฟิลลิปเดาได้ใกล้เคียงจนน่ากลัว 

“ถ้าผมได้เรียนสูงแบบนั้นก็ดีน่ะสิครับ น่าเสียดายที่ไม่มีเงินมากพอจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้”

“คุณก็แค่ไม่มีใบปริญญามารับรองเท่านั้น ไม่อย่างนั้นผมคงจะให้คุณคุมแคมป์สักแคมป์หนึ่งแน่”

“ผมไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอกครับ ขอบคุณมากนะครับที่กรุณา”

“ก็เพราะอย่างนี้ผมถึงได้ตัดสินใจเลือกคุณมาทำงานกับผมแทน ถึงจะไม่ได้เป็นหัวหน้าแคมป์ แต่ก็มีโอกาสได้แสดงฝีมือมากกว่าบนโน้น หากหัวหน้าไม่สนับสนุน ทำให้ตายก็ไม่มีใครเห็นผลงาน”

ฟิลลิปไม่ได้ว่าโอเวนโดยตรง หากคริษฐ์เข้าใจจุดประสงค์ในคำพูดของเขาได้ดี พร้อมกับนึกชื่นชมว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ที่ยุติธรรมและตรงไปตรงมา ทำงานกับฟิลลิปคงจะสนุกกว่าโอเวนมากมายนัก 

“เอาละ สายแล้ว รีบเตรียมตัวให้พร้อม วันนี้ยังถือว่าเป็นการมาดูงานอย่างไม่เป็นทางการ ถึงได้พาครอบครัวมาด้วย ครั้งหน้าคณะผู้บริหารทั้งชุดจะเดินทางมาตรวจงาน จะต้องทำงานกันให้หนักกว่านี้”

“ครับ ถ้ามีอะไรให้ผมทำ ผมยินดีเต็มที่ครับ”

ฟิลลิปตบไหล่คนที่ตัวสูงทัดเทียมกันเบาๆ ก่อนจะเดินแยกตัวกลับไปที่กระท่อมที่พัก 

คริษฐ์รีบไปอาบน้ำแต่งตัว มองกระจกเก่าๆ ที่แขวนไว้ข้างห้องอาบน้ำที่มีฝาไม้กั้นตามมีตามเกิด และปั๊มน้ำจากลำธารที่อยู่ไม่ไกลเข้ามาใช้ในค่ายทั้งในห้องอาบน้ำและห้องครัว เขาหวีผมเรียบแปล้ ลูบด้วยครีมเหนียวๆ ที่หาซื้อได้จากร้านในเมือง เป็นสิ่งที่ชายหนุ่มทุกคนขาดไม่ได้ในยุคนี้ แต่งตัวหล่อเหลาเมื่อไหร่ต้องลูบผมด้วยครีมและหวีปัดไปด้านข้างจนเรียบกริบ ช่วงแรกคริษฐ์ไม่ชิน จึงไม่หวีผมตามแฟชั่น แต่เวลาผ่านไป เขารู้สึกกลายเป็นตัวประหลาดเวลาเดินไปไหนมาไหนกับเพื่อนพ้อง สุดท้ายก็ต้องหาซื้อมาใช้และหัดหวีจนคล่อง...

หนวดเคราก็โกนสะอาดสะอ้าน คิ้วหนาสีน้ำตาลเข้มปลายตวัดเฉียงดูมุ่งมั่นเหนือดวงตาสีน้ำตาลอมทองที่ทำให้ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนลง โหนกแก้มสูงและจมูกโด่งตามเชื้อสายทางบิดากับความอ่อนหวานของชาวเอเชียของมารดาผสมผสานกันอย่างลงตัว เขาได้ยินคำชมเรื่องรูปร่างหน้าตาบ่อยครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาอยากจะใช้ความคมคายของตนให้ผู้หญิงสนใจ นอกจากครั้งนี้ที่เขาหวังว่าจะทำให้อะมานดาสะดุดตา เพื่อจะได้เบิกทางให้เข้าถึงตัวเธอง่ายขึ้น 

เพื่อนร่วมงานเห็นเขาหวีผมอยู่หน้ากระจกนานผิดปกติกว่าทุกวันก็ผิวปาก ส่งเสียงกระเซ้า แล้วคนหนึ่งก็ตะโกนถาม

“แกจะจีบลูกสาวคนไหนของคุณหลุยส์วะ ถึงได้แต่งตัวหวีผมเผ้าซะหล่อขนาดนี้”

แล้วอีกคนก็บอก

“จะหล่อแค่ไหนก็หมดสิทธิ์แล้ว ลูกสาวของคุณอเล็กซ์มีคู่หมายทั้งคู่แล้ว”

“ใช่ และผู้โชคดีคนนั้นคือโอเวนไงล่ะ เห็นว่าจะจัดงานหมั้นเร็วๆ นี้”

คิ้วของคริษฐ์ขมวดเข้าหากัน ฟังพวกเขาพูดคุยพาดพิงถึงโอเวนด้วยความสงสัย จนอดถามขึ้นไม่ได้

“ผมนึกว่าพวกเขาหมั้นกันแล้วเสียอีก”

“เปล๊า...” คนเล่าตอบเสียงสูง “โอเวนเที่ยวไล่บอกใครต่อใครอย่างนั้น แต่จริงๆ แล้วฉันเคยได้ยินคุณฟิลลิปบอกว่าเขากำลังจะหมั้นกับลูกสาวคนเล็กนะ ที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย” ก่อนที่ชายผู้นั้นจะลดเสียงลงเป็นกระซิบ “และมีเสียงลือว่าที่โอเวนได้งานที่นี่ก็เพราะเส้นสายของคุณอเล็กซ์นี่แหละ”

“นึกว่าฉันได้ยินเรื่องนี้คนเดียวเสียอีก” คนหนึ่งในกลุ่มหัวเราะชอบใจ ก่อนจะพยักพเยิดมาทางเขา “นายทำงานกับเขาที่แคมป์เป็นยังไงบ้างล่ะ น่าจะรู้ดีว่าเขาเป็นยังไง”

คริษฐ์ไม่ตอบ เพราะท่าทางชายเหล่านั้นไม่ได้ต้องการคำตอบจากเขาจริงๆ นอกจากนินทาอดีตเจ้านายของเขาหมาดๆ 

“ใครๆ ก็พูดว่าถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเส้นสายของคุณอเล็กซ์แล้วละก็...”

คนพูดพูดไม่จบ คนอื่นได้แต่ยักไหล่ บางคนหัวเราะ เป็นที่รู้กัน

“แค่เป็นคู่หมายยังกร่างซะขนาดนี้ ถ้าเป็นคู่หมั้นหรือแต่งงานกันแล้วจะแค่ไหนวะ” คนพูดโบกมือ ก่อนจะเดินห่างออกไป จบการสนทนาเพียงเท่านั้น คนอื่นจึงแยกย้ายกันไปทำงาน 

คริษฐ์ถอนใจ พอจะทราบว่าไม่มีใครชอบโอเวน แต่เป็นเพราะในฐานะคู่หมายของอะมานดา ใครๆ ก็เชื่อว่าโอเวนได้งานนี้เพราะความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้บริหารระดับสูง แต่น่าสงสัย...ทำไมโอเวนจึงไม่ไปทำงานที่บริษัทในเมืองแทนการออกภาคสนาม เพราะมันไม่เหมาะกับเขาจริงๆ

คริษฐ์เก็บความสงสัยไว้ในใจและหลงลืมไปในเวลาไม่นาน เพราะภายในค่าย ทุกคนต่างเร่งรีบจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสรรพ แม้จะเป็นการเยี่ยมเยียนอย่างไม่เป็นทางการก็ตาม แต่พนักงานทุกนายก็อยากทำให้อเล็กซ์ประทับใจ

ถึงเวลาเริ่มงานทุกคนก็ทำงานตามปกติ และโดยไม่ต้องสั่งทุกคนก็ขมีขมันเป็นพิเศษ เวลาผ่านไป พระอาทิตย์ลอยสูงเหนือศีรษะ เหงื่อของคริษฐ์ไหลย้อยลงมาตามขมับและลำคอ ผมเผ้าไม่เป็นทรงอีกต่อไปแล้ว เขาทำงานจนลืมเวลา จนกระทั่งใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น

“มาแล้ว มาแล้ว”

เท่านั้นมือที่กำลังสั่งคนขับรถตักก็ชะงักงัน และหันมองไปยังถนนที่มีฝุ่นตลบตามหลังรถสองคันมาแต่ไกล

ฟิลลิปกับเหล่าวิศวกรรีบไปยืนต้อนรับอยู่ด้านหน้าอาคารสำนักงานชั่วคราว 

คริษฐ์มองรถที่กำลังแล่นใกล้เข้ามาด้วยหัวใจที่เต้นตึ้กตั้ก มันช่างเหมือนความฝันจนเขาต้องหยิกแก้มตัวเองเพื่อให้มั่นใจว่าเขาไม่ได้กำลังฝันไป ฟิลลิปหันมาสั่งคนงานให้ทำงานของตนตามปกติ คริษฐ์จึงต้องรีบกลับไปทำงานที่ค้างไว้ แต่สายตายังคอยแลไปที่ถนนด้วยความตื่นเต้น

รถหรูสีดำถูกโคลนสีแดงฉาบด้านข้างและริมล้อรถไปเกือบครึ่ง แถมยังมีฝุ่นเคลือบไปทั้งคัน แขกทั้งห้าที่ก้าวลงจากรถดูสดชื่น กระปรี้กระเปร่า โดยเฉพาะหญิงสาวในชุดสีฟ้า ชุดผ้าซาตินของเธอตัดเย็บอย่างประณีต มีแถบตรงสะโพกผูกเป็นโบหลวมๆ ตามแฟชั่น ยุคนี้หญิงสาวไม่นิยมหมวกปีกกว้างอีกต่อไป แต่สวมหมวกที่มีปีกแคบลงหลากหลายแบบ หลายสไตล์ และประดับด้วยผ้าลูกไม้หรูหรา ทั้งยังนิยมสูบบุหรี่และถือไปป์แบบก้านยาวที่เชื่อว่าทำให้ดูทันสมัย เป็นหญิงสาวยุคใหม่ที่พยายามมีสิทธิเสรีภาพทัดเทียมผู้ชาย เขาเห็นแขกหญิงสาวในวงสังคมชั้นสูงของโรงแรมสูบกันแทบจะทั้งนั้น สำหรับเขา ไม่เคยมองว่าการสูบบุหรี่คือความเก๋ไก๋ เพราะมีโรคร้ายตามมาอีกมากมาย แต่ในยุคนี้ยังไม่มีใครให้ความสนใจเรื่องผลจากการสูบบุหรี่มากนัก

อะมานดาก้าวลงจากรถ...รอยยิ้มของเธอสดใสแข่งกับแสงตะวัน ต่างจากหญิงสาวอีกคนที่ตามลงมากลับดูเคร่งขรึม พร้อมกับมองไปรอบๆ ในกลุ่มผู้คนมากกว่าจะมองชมธรรมชาติรอบตัวเหมือนน้องสาว  ในความฝัน...เขาคิดว่าอะมานดาเป็นหญิงสาวที่สวยมากแล้ว แต่พอได้เห็นตัวจริง...ความสวยของเธออาจถึงกับทำให้หัวใจของเขาหยุดเต้นไปหลายวินาที

ใครคนหนึ่งใช้ศอกกระทุ้งที่เอว คริษฐ์รีบละสายตาจากหญิงสาวในชุดสีฟ้า และมองเพื่อนร่วมงานที่ส่งเสียงหัวเราะกันเกรียวกับท่าทางเหมือนหมาเห็นเครื่องบินของเขา ก่อนที่หัวหน้างานจะสั่งให้พวกเขาตั้งใจทำงาน เขาจึงยกมือส่งสัญญาณให้คนขับรถตักทำงานต่อเพื่อจะได้วางท่อให้ลำธารสายเล็กไหลผ่าน

คริษฐ์คอยเหลียวมองไปทางครอบครัวผู้บริหารหลายครั้งอย่างห้ามไม่ได้ หญิงสาวคนสวยเป็นเป้าสายตาของผู้ชายทุกคนรอบกาย เธอน่ารักสดใส ส่งยิ้มให้แก่ทุกคนอย่างเป็นมิตร หัวใจของเขารู้สึกแกว่งๆ ที่เห็นรอยยิ้มนั้นแม้จะรู้ว่าเธอไม่ได้ยิ้มให้แก่เขาก็ตาม

เขายังเห็นโอเวนยืนเคียงข้าง อเล็กซ์ หลุยส์ แทบตลอดเวลา ท่าทางอวดดีจองหองเวลาอยู่กับลูกน้องเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นสุภาพอ่อนน้อม ดูจะเอาใจ และพินอบพิเทาอเล็กซ์จนเกินเหตุ ทั้งที่ฟิลลิปยังไม่ทำขนาดนั้น

คริษฐ์สังเกตกลุ่มแขกผู้มาเยือนแทบตลอดเวลา หลายครั้งที่สายตาคอยวนไปทางอะมานดาที่เดินเล่นไปทั่วกับน้องชาย เขาหวังว่าเหตุการณ์จะเป็นเหมือนในความฝันที่ได้มีโอกาสคุยกับหญิงสาว และแล้วเขาก็ได้ยินเสียงเรียก

“เฮ้ย คริส คุณฟิลลิปเรียกนายแน่ะ”

เขาใจเต้นรัว...นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับอะมานดาอย่างเป็นทางการ เขารีบส่งงานให้เพื่อนทำต่อ แล้วถูมือเข้ากับกางเกงเช็ดเหงื่อที่ซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว 

“เฮ้! คริส”

ฟิลลิปโบกมือ เขารีบวิ่งเข้าไปหา เวลานี้อะมานดาและแอนโทนียืนอยู่ตรงหน้าเจ้านายของเขาแล้ว 

“นี่คุณอะมานดากับคุณแอนโทนี หลุยส์ คุณทั้งสองอยากลองขับรถแทรกเตอร์กับรถตัก นายช่วยดูแลพวกเขาหน่อยสิ พาไปชมคันที่เพิ่งส่งมาใหม่โน่น เสื้อผ้าคุณทั้งสองจะได้ไม่สกปรก”

“ได้ครับ”

เขาพึมพำ ขณะมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าของเธอ และยิ้มให้คริษฐ์อย่างเป็นมิตร ก่อนที่ฟิลลิปจะแนะนำ

“นี่ คริสครับ หัวหน้าคนงานที่แคมป์หนึ่ง เขาจะสามารถอธิบายและสอนพวกคุณได้ดี”

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

อะมานดาทักทาย เสียงของเธอกังวานราวกับระฆังแก้ว บวกกับรอยยิ้มหวาน แทบละลายหัวใจของเขาในทันที คริษฐ์ตอบไปโดยอัตโนมัติ

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”

แล้วฟิลลิปก็กำชับอีกครั้ง “ดูแลคุณทั้งสองให้ดีล่ะ อีกสักชั่วโมง คุณอเล็กซ์จะทานข้าวเสร็จแล้วก็จะขับรถขึ้นไปชมที่แคมป์หนึ่ง”

“ได้ครับ” คริษฐ์ก้มศีรษะรับทันที ก่อนจะผายมือไปทางเครื่องจักรใหม่ที่ยังจอดอยู่เพราะจะถูกส่งไปยังแคมป์บนเขาในเร็วๆ นี้ “เชิญครับ”

เด็กชายวิ่งนำหน้าไปก่อนแล้ว พี่สาวรีบจ้ำ คริษฐ์จึงก้าวยาวตามหลังทั้งสองทันเวลาที่เด็กชายปีนขึ้นไปบนรถแทรกเตอร์พอดี

“ระวังครับ”

เขาเตือน แอนโทนีไม่สนใจ ปีนขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับเรียบร้อย พี่สาวที่เดินมาถึงได้แต่หัวเราะ

“อย่าซนมากนะเรา เดี๋ยวทำรถพัง”

“พังก็ให้พ่อส่งมาใหม่” เด็กชายพูดส่งๆ มือจับพวงมาลัยขยับไปมา

“มาครับ เดี๋ยวผมทำให้ดูก่อน” เขาบอกแล้วก้าวขึ้นไปนั่งข้างเด็กชายและติดเครื่องยนต์ บังคับให้รถเคลื่อนเป็นวงกลมช้าๆ 

อะมานดาก้าวหลบและดูชายหนุ่มสอนน้องชายอย่างใจเย็น พอแอนโทนีเบื่อก็ชี้ไปที่รถตัก คริษฐ์ดับเครื่องปุ๊บ เด็กชายก็กระโดดลงปั๊บ วิ่งไปที่รถอีกคัน คริษฐ์เดินตามราวกับเป็นพี่เลี้ยงเด็ก และยังพูดคุยทำให้แอนโทนีหัวเราะสดใสหลายครั้ง จนกระทั่งเด็กชายเบื่อ มือก็ลูบท้อง

“ผมหิวแล้ว”

“ถ้างั้นก็ไปกินข้าวกันเถอะ” อะมานดาเดินมายืนข้างรถ อ้าแขนรับแอนโทนีที่กระโดดกอดคอเธอ ก่อนที่จะปล่อยเด็กชายยืนบนพื้น    

“ขอบคุณมากนะคะที่ไม่เบื่อพวกเรา”

“ไม่เลยครับ ผมยินดี ถือว่าได้อู้งานหน่อยหนึ่งครับ” เขาบอกกลั้วเสียงหัวเราะ อะมานดาหัวเราะตาม แล้วเขาก็มองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าที่สวยที่สุดที่เคยเห็นมา แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตนอยู่ในฐานะอะไรก็รีบก้มหน้างุด “เอ่อ...ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปทำงานก่อน”

“เดี๋ยวค่ะ”

“ครับ?” เขาชะงักเท้าที่กำลังจะออกเดิน 

“คุณเคยขึ้นไปบนเขาโน่นหรือเปล่าคะ” เธอชี้ไปบนภูเขาสูง เขามองตามมือของหญิงสาว ก่อนจะพยักหน้ารับ

“ครับ ผมทำงานอยู่แคมป์หนึ่ง และเคยขึ้นไปที่แคมป์อื่นสองสามครั้ง”

“แหม...ฉันอยากเป็นผู้ชายจัง ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันคงจะเลือกเรียนวิศวะ จะได้มาช่วยงานบริษัทของพ่อ และคงจะได้ขึ้นไปสำรวจบนเขานั่นด้วยตัวเอง ฉันได้ยินพนักงานที่โรงแรมบอกว่าข้างบนสวยมาก ราวกับอยู่บนสวรรค์”

“สวยครับ เอาไว้ถนนสร้างเสร็จแล้ว คุณก็คงจะได้เห็นด้วยตัวเอง” เขาตอบยิ้มๆ

“ถ้าอีกหน่อยผมโต ผมจะเรียนวิศวะ แล้วผมจะพาพี่ขึ้นไปเที่ยวเอง” แอนโทนีตอบหลังจากฟังพี่สาวคุยกับคริษฐ์มานาน ทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสองหัวเราะกับท่าทางจริงจังของเขา 

“จ้า พ่อคนเก่ง โตมาแล้วอย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ก็แล้วกัน”

แอนโทนียิ้ม คนเป็นพี่สาวยีหัวเด็กชายเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นบอก

“เมื่อกี้ฉันได้ยินอาฟิลลิปบอกพ่อว่ามีคนงานใหม่ที่เก่งมากมาช่วยงาน ท่าทางคงจะเป็นคุณนี่เองสินะคะ”

“เออ...ผมก็แค่พอจะมีความรู้นิดหน่อย” เขารีบถ่อมตัว 

ดวงตาสีฟ้ามองเขาอย่างไม่เชื่อในคำถ่อมตัวนั้น หากตอบกลับ “แปลกจัง ทำไมฉันรู้สึกว่า...คุณดูเก่งกว่าที่พูดนะ”

เขาได้แต่ยิ้ม ปลื้มใจ แต่ไม่ตอบกระไร เสียงเรียกหญิงสาวจากด้านหลังทำให้เธอหันกลับไป เห็นพี่สาวกวักมือเรียกให้กินอาหารก่อนเดินทาง เธอจึงหันกลับมาบอก

“ฉันไปก่อนนะคะ ขอบคุณอีกครั้ง” แล้วเธอก็จับมือน้องชายเดินกลับไปที่เต็นท์ที่จัดโต๊ะอาหารสำหรับแขก ไม่ห่างจากตรงนั้นคนงานกำลังเตรียมรถเทียมม้าสองคัน ด้านหลังเป็นที่นั่งสองแถว มีแผงไม้กั้นกันตก ปกติใช้ขนเสบียงกรังขึ้นไปบนเขา แต่วันนี้ได้ทำความสะอาดจนไร้คราบโคลนและฝุ่นเพื่อบริการผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเป็นพิเศษ 

คริษฐ์ถอยกลับไปทำงานตามเดิม แต่ยังมองไปทางแขกแทบตลอดเวลา และเห็นโอเวนนั่งเคียงข้างอะมานดาราวกับเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวหลุยส์ คนที่ยืนข้างตัวจึงบอก

“บอกแล้วไงว่าลูกสาวคนเล็กของคุณอเล็กซ์เป็นคู่หมายของโอเวน คนงานอย่างเราไม่มีวันเอื้อมมือคว้าเธอได้หรอก”

“ฉันแค่คิดว่าเธอสวยดี” เขาตอบตามตรง “และเธอเหมาะสมกับคุณโอเวนมาก”

“คิดงั้นได้ก็ดี เอาละ ไปพักกินข้าวกันดีกว่า การแสดงจบลงแล้ว” เพื่อนร่วมงานหัวเราะครืน เพราะต้องทำงานอย่างขมีขมันกว่าปกติเพื่อเอาหน้าตลอดเช้า คริษฐ์หัวเราะตาม และเดินไปที่โรงครัว ยังอดไม่ได้ที่จะมองไปยังอะมานดาที่กำลังหัวเราะสดใสกับน้องชายและโอเวนที่นั่งข้างกาย 

เธอช่างสวยเหลือเกิน...ทั้งดวงตาโต จมูกโด่งปลายเล็กเชิดขึ้นนิดๆ บ่งบอกความรั้นไม่น้อย ปากเล็กได้รูปงาม และคางที่มีรอยบุ๋มเล็กๆ บอกให้รู้ว่าเธอเป็นคนจริงจัง ต่างจากพี่สาวที่ค่อนข้างเงียบขรึมและขลุกอยู่กับมารดาแทบตลอดเวลา น่าเสียดายที่หญิงสาวคนสวยต้องมาเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย แถมวิญญาณก็ยังถูกกักขังด้วยความเกลียดชังและอาฆาตแค้นอีก

เขาถอนหายใจไม่รู้กี่ครั้ง พยายามตัดใจและบอกตัวเองว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงของเขา เพราะเขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าที่เขามาที่นี่ได้จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับวิญญาณของเธอ และเป็นเพราะเคยผูกพันช่วยเหลือกันมาก่อน ดังนั้นเขาจึงถูกเลือกเพื่อมาช่วยเหลือวิญญาณของเธอให้หลุดพ้นและไปผุดไปเกิดในภพชาติใหม่ แล้วเขาจึงจะได้กลับบ้าน...

ถึงจะบอกตัวเองเช่นนั้น แต่สายตาก็ละไปจากเธอไม่ได้เสียที จนกระทั่งคณะใหญ่พากันเดินไปที่รถม้าที่จอดรออยู่ อเล็กซ์นั่งคันเดียวกันกับคณะทำงาน คันหลังสำหรับสมาชิกในครอบครัว อะมานดาโบกมือให้เขาอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มหวานขณะรถม้าแล่นผ่านหน้า คริษฐ์ยิ้มตอบ...หัวใจของเขาเบาหวิวราวกับมีลูกโป่งนับร้อยอยู่ในอก มองรถม้าของเธอแล่นขึ้นเขาไปตามถนนลูกรังและเลี้ยวโค้งไปตามเส้นทาง

 

 เสียงกระเซ้าของเพื่อนร่วมงานดังมาให้ได้ยินต่อมาอีกหลายวัน หลังจากเห็นสายตาของเขาคอยมองอะมานดาด้วยความชื่นชม คริษฐ์ได้แต่หัวเราะเขินๆ และตอบโต้กลับว่าเกิดมายังไม่เคยเห็นใครสวยเท่าเธอ ดังนั้นอย่าถือสาเขาเลย แล้วใครคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นว่าที่บาร์ในเมืองสามารถหาสาวๆ สวยๆ คอยให้บริการคนงานอย่างพวกเขาหลายคน หากคริษฐ์สนใจ วันหยุดครั้งหน้า พวกเขาจะพาไปเที่ยวปลดปล่อยพลังหนุ่ม คริษฐ์หัวเราะเป็นคำตอบ เพราะเรียนรู้จากการได้ยินเพื่อนร่วมงานคุยกันมาได้พักใหญ่แล้วว่าหญิงสาวสมัยนี้ไม่มีเสรีทางเพศเหมือนยุคที่เขาจากมา ที่พึงพอใจใครก็พากันไปนอนชั่วข้ามคืนได้ ดังนั้นบรรดาผู้ชายหากต้องการระบายความใคร่ ก็จะมีเหล่าหญิงสาวที่คอยให้บริการโดยเฉพาะ ในเมืองเล็กก็จะสิงสถิตที่บาร์ หากเป็นเมืองใหญ่ก็จะมีสถานที่บริการอย่างเป็นกิจจะลักษณะ

ทว่าเขาไม่ว่างมากขนาดนั้น เพราะมีเวลาเหลืออีกไม่ถึงสี่เดือนก่อนจะถึงวันที่อะมานดาถูกฆาตกรรม ดังนั้นวันหยุดครั้งหน้าเขาตั้งใจจะแวะไปเยี่ยมโรเบิร์ต และอาจตั้งเต็นท์พักแรมในป่าเพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวนโรเบิร์ตมากเกินไปเพื่อสืบหาต้นเหตุการฆาตกรรมในคืนนั้น

แต่คริษฐ์ก็ไม่ได้ทำตามที่วางแผนไว้ หลังกลับลงมาจากการตรวจงานบนเขากับฟิลลิป เจ้านายสายตรงคนใหม่ก็บอกว่าสุดสัปดาห์นี้จะต้องเข้าไปพบอเล็กซ์ที่โรงแรมเพื่อรายงานความคืบหน้าของการก่อสร้าง เขาซึ่งกลายเป็นมือขวาของฟิลลิปก็จะต้องเดินทางไปด้วยกัน...

วันเดินทาง...เขาไม่ควรแปลกใจที่เห็นโอเวนในรถ แต่สายตาของอดีตเจ้านายที่มองมาทำให้เขาไม่สบายใจเลย และได้แต่นั่งเงียบข้างคนขับรถ ปล่อยให้ฟิลลิปคุยกับโอเวนไปจนถึงโรงแรม

เขากับไมเคิล คนขับรถ และผู้ติดตามของฟิลลิปนอนพักอยู่ห้องเดียวกัน และเมื่อเจ้านายยังไม่ต้องการตัวจนกว่าจะถึงการประชุมในตอนค่ำหลังอาหารเย็น คริษฐ์ตั้งใจจะแวะไปทักทายโรเบิร์ตหลังเลิกงาน ก่อนถึงเวลาก็ตัดสินใจออกไปเดินเล่นตรงน้ำตกที่เขาตกลงมาเมื่อหลายเดือนก่อน เพื่อไปดูเส้นทางหลังหิมะละลายเผื่อว่าวันข้างหน้าเขาจะได้หาทางกลับอนาคต

เส้นทางจากโรงแรมไปถึงโรงผลิตไฟฟ้าค่อนข้างสะดวก แต่พอเลยขึ้นไป เส้นทางเดินเท้าค่อนข้างเล็ก และค่อยๆ รกชัฏขึ้นเมื่อเดินลึกเข้าไปในป่า เขายังจำเส้นทางที่ขึ้นไปยังน้ำตกได้ แต่ตัดสินใจที่จะไม่ขึ้นไปด้านบน และเลือกที่จะเดินเลาะริมลำธารไปยังแอ่งน้ำตกแทน พอใกล้ถึงจุดหมาย ก็ได้ยินเสียงน้ำดังขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะมองเห็นสายน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลหลั่งลงจากหน้าผา แต่สิ่งที่สะกดสายตาของเขาไม่ใช่สายน้ำตกอันงดงามแต่เป็นร่างของใครคนหนึ่งกำลังว่ายน้ำอยู่กลางสระ ผมสีน้ำผึ้งอ่อนจนเกือบจะเป็นสีทองยาวประบ่าเปียกลู่แนบไปกับศีรษะทุย ก่อนที่ร่างสมส่วนในชุดว่ายน้ำสีดำชิ้นเดียวแบบขาสั้นก้าวขึ้นอีกฝั่งหนึ่งของสระ เขามองไปรอบกาย ไม่เห็นใครอยู่ในสายตานอกจากเธอ

เขายืนตะลึงมอง ไม่คิดเลยว่าจะได้มาพบเธอที่นี่ตามลำพัง แล้วเธอก็หมุนตัวกลับมา สายตาทั้งคู่ประสานกันอย่างจัง

 


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น