0

บทนำ


บทนำ

- คีรี -

"คุณติดเงินค่ารถกลับบ้านผม  ไม่มีตาดูหรือไง!?  ถึงไม่รู้ว่าจอดรถขวางรถคนอื่น" ผมนึกอยากเห็นเจ้าของโน้ตขึ้นมาติดหมัด รถบ้าอะไรของมันวะ ผมไม่เห็นรถที่ว่าสักคัน

“มีอะไรคะคีรี” ผมเงยหน้าขึ้นมองสาวสวยที่ยืนรออยู่ หมดอารมณ์จะไปต่อเมื่อเจอโน้ตบ้าๆ แปะอยู่บนกระจกหน้ารถ แม่งเอ๊ย! มันจะเสียบไว้ไม่ได้หรือไงวะ ล่อด้วยกาวสองหน้า จงใจก่อกวนกันชัดๆ 

“ไม่มีอะไร พวกกวนตีนน่ะ” ผมมองไปรอบๆ อีกครั้งให้แน่ใจ ในเวลาดึกดื่นหลังร้านเหล้าเลิกแบบนี้ จับมือใครดมแทบไม่ได้

“ไหนกูขอดูหน่อย” ผมส่งโน้ตให้จอมทัพ

“ช่างมันเถอะ อย่างน้อยก็ไม่ได้ขีดรถกูเป็นรอย” ผมมองรถสปอร์ตหรูคันเก่งของตัวเอง โชคดีที่ยังอยู่รอดปลอดภัย

“เดี๋ยวมึง” จอมทัพยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ผมรอก่อน “นี่ไง มึงจอดขวางรถเวสป้าคันนี้อยู่”

ผมต้องเดินตามเข้าไปในซอกหลืบถึงเห็นว่ามีรถเวสป้าสีฟ้าจอดอยู่ด้านใน เหี้ยเอ๊ย! แล้วใครใช้ให้เข้ามาจอดในนี้วะ ผมจะรู้ไหม ยิ่งมาช้าไม่ทันนัด เห็นมีที่ว่างหลังร้าน ผมจึงจอดรถเข้าชิดกำแพง กันไม่ให้รถที่สวนไปมาเฉี่ยวชนได้ ไม่อยากเสียเวลาไปวนหาที่จอดรถในลานจอด

            “ทิ้งเงินไว้สักสองร้อยก็ได้มั้งคะคีรี จะได้ไม่ด่าเราตามหลัง” คนที่เดินตามเข้ามาบอกผมเพื่อตัดปัญหา

            “เดี๋ยวผมจัดการเอง” ผมเดินกลับไปที่รถ เปิดหาสมุดโน้ตเล่มเล็ก ก่อนเขียนข้อความลงไปเร็วๆ มันต้องเจอแบบนี้!

 

- ผ้าใบ -

                "ถึงคุณเวสป้า ถือว่าหายกันกับค่ากาวสองหน้าที่คุณติดกระจกรถผม มันเป็นรอย”  ผมขยำกระดาษในมือจนบี้แบน หน็อย! รถหรูกว่าแล้วไงวะ พ่อแม่ซื้อให้หรือเปล่าเถอะ คันนี้ผมหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง น่าภูมิใจกว่าตั้งเยอะ ไอ้อวดรวย!

กระจกเป็นรอยพ่องมึงสิ! แค่เสียเวลาแกะนิดแกะหน่อยจะตายหรือไง ผมไม่ได้จงใจแกล้งสักหน่อยถึงจะโมโหมากก็เถอะ แต่เมื่อคืนด้านนอกลมพัดแรง ผมกลัวเจ้าของรถจะไม่รู้ว่าทำให้คนอื่นลำบาก ถึงแปะกาวสองหน้าลงไป แต่มันก็นิดเดียว พวกเด็กรวยๆ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อก็แบบนี้ นิดๆ หน่อยๆ ทำเป็นโวยวาย

            ผมไม่รู้จักเจ้าของรถสปอร์ตหรูสีแดง ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง ชื่ออะไร แต่ร้านที่ผมเล่นดนตรีอยู่เป็นร้านเหล้าที่มีแต่เด็กมหาวิทยาลัยมาเที่ยว ประกอบกับรุ่นของรถ ผมจึงเดาได้ไม่ยากว่าน่าจะเป็นเด็กมหาวิทยาลัยเหมือนกันกับผม

            ผมยังรู้สึกถึงความลำบากเมื่อคืนไม่หาย ผมต้องเดินไปรอรถเมล์ที่ป้าย ซึ่งอยู่ห่างจากร้านเกือบห้ารอยเมตร เพราะร้านอยู่ในซอยลึก แล้วไหนจะต้องนั่งรอรถเมล์ที่ดึกแบบนั้นกว่าจะมาสักคันก็ใช้เวลานานโข ผมไม่อยากรอจนร้านเลิกเพราะวันนี้มีเรียนแต่เช้า เมื่อคืนผมเล่นเสร็จตั้งแต่ห้าทุ่ม หลังจากหัวเสียอยู่สักพักจึงตัดสินใจกลับหอเลย เรื่องจะขอให้ประกาศตามหาเจ้าของออกมาเลื่อนรถให้ ลืมไปได้เลย พี่เบญเจ้าของร้านไม่ช่วยนักดนตรีผู้ต่ำต้อยอย่างผมเป็นอันขาด ยิ่งเจ้าของมีปัญญาซื้อรถหรูขนาดนี้ขับยิ่งไม่ต้องพูดถึง พี่เบญไม่อยากเสียลูกค้าไปแน่ ช่างแม่งเถอะ! ถือว่าคราวซวย ผมปากระดาษทิ้งในถังขยะ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ใช้ชีวิตที่ต้องดิ้นรนของผมต่อไปดีกว่า อย่าเสียเวลากับไอ้เด็กเวรนี่เลย

 

            ผมเกือบขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านไปแล้ว ถ้าสายตาไม่สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง ผมรีบวกรถกลับไปจอดดูใกล้ๆ เดินวนดูรอบรถจนแน่ใจ หึ! เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันนี่เอง

            ผมมองซ้ายมองขวา นึกอยากจะกรีดรถให้เป็นรอยรอบคัน แต่จนใจเพราะพ่อแม่สอนมาดี ถึงอยากจะทำแค่ไหนก็ทำไม่ลง ได้แต่ตบมือลงไปบนฝากระโปรงรถเบาๆ “สงสารแกจริงๆ ที่มีเจ้าของแบบนี้”

            แต่อย่าคิดว่าผมจะไม่ทำอะไร ในเมื่อคนข้างบนให้โอกาสผมได้แก้แค้น ผมก็ขอใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่า ผมกลับไปที่รถ หยิบกระเป๋าเป้ที่แขวนอยู่ขึ้นมาเปิด ควานหาสมุดโน้ตก่อนจรดปากกาลงไป

            “ขอโทษที่ทำให้รถเป็นรอย” หึๆ ผมบรรจงติดกาวสองหน้าลงไปรอบๆ กระดาษจนชนกันเป็นสี่เหลี่ยม ติดอันเดียวสั้นๆ โวยวายดีนัก งั้นก็แกะให้สนุกแล้วกัน ผมแปะเหรียญสิบบาทแถมเป็นค่าแกะให้ด้วย มีน้ำใจพอ

            “หวังว่าเจ้านายแกจะชอบนะ” ผมตบมือลงบนหลังคารถเบาๆ ยืนมองดูผลงานตัวเองด้วยความพอใจ รู้สึกว่าอากาศสดชื่นขึ้นมาทันที 

หึๆ โชคดีนะ คนแปลกหน้า!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น