4

ปากจูบ...ลิ้นถึง


 

EPISODE 4

ปากจูบ...ลิ้นถึง

โอ๊ยยย!!!

ฉวยโอกาสเก่ง!

เอาเหอะ มาถึงขนาดนี้แระ จะให้สะบัดหนีตัวหนีมัน เดี๋ยวกูจะพลันตกรถไปซะก่อน ปล่อยเบลอเท่านั้นที่ช่วยผมได้!

เมื่อคิดได้อย่างนั้น ผมเลยปล่อยให้มันกอดไปจนถึงหอพัก ซึ่งแน่นอนว่าพอรถมาจอดที่หอไอ้ท่านปุ๊บ ผมก็รีบพุ่งตัวออกไปจากอ้อมแขนของร่างที่สูงกว่าอย่างไวว่อง จนมันเหล่ตามอง

“รังเกียจหรือไง”

โคตร!!!

ในใจครับ ผมไม่ใช่คนจริงใจขนาดนั้นหรอก ปากหวานสันดานเสียนะผมน่ะ ดังนั้นที่ตอบออกไปคือ

“ไม่อะพี่ เขิน”

น่อวววววววววววว

ไอ้ท่านมองผมนิ่งๆ มันลงจากรถแล้วฉวยถุงของไปถือไว้ทั้งหมดคนเดียวเลย รวมทั้งของที่ผมซื้อมาด้วย

“พูดจาดีนะ เดี๋ยวกูถือของให้ มึงเอากุญแจในตะกร้ามอ’ไซค์กับคีย์การ์ดมา จะได้แตะเข้าไปในหอ” ไอ้พี่ท่านบอกผม ผมก็ทำตามที่มันบอกอย่างว่าง่าย คือเป็นคนง่ายๆ สบายๆ อะครับ ผมเลี้ยงง่ายมากนะสาวๆ สนใจรีบติดต่อ จีบผมวันนี้ รับฟรีหัวใจนะครับ ฮิ้ววว

พอ!

หมดเวลาไร้สาระได้แล้ว!

(กูเคยมีสาระด้วยเหรอ)

“ห้องพี่ท่านอยู่ชั้น’ไรอะ” ผมถาม ระหว่างที่ผมกับมันยืนรอลิฟต์อยู่

ไอ้พี่ท่านกำลังจะตอบ แต่ผมก็ขัดมัน

“อ๊ะๆๆ” แล้วเอานิ้วชี้ส่ายไปมาตรงหน้ามันแบบกวนตีนด้วย “อย่ามาบอกว่า ชั้นรักเธอ นะพี่  มุกนี้เสื่อมถอยละนะ”

“หน้ากูเหมือนคนจะพูดคำนั้นมั้ยล่ะ” ไอ้พี่ท่านทำหน้านิ่งใส่ ผมเลยหัวเราะคิก

“ฮ่าๆๆ ผมรู้ว่าพี่ไม่ทำงั้นหรอก ตกลงชั้น’ไรพี่” เคยมาแล้วก็จริง แต่ไม่ได้ใส่ใจ จึงลืมว่ามันอยู่ชั้นไหน

“ชั้นเจ็ด” ไอ้ท่านตอบหน้าตาย

“มันมีถึงแค่ชั้นหกนะพี่”

ไอ้ห่า! อย่ามาทำกูหลอนนน มึงยังไม่ตายใช่มั้ย ถ้าลิฟต์ติดๆ ดับๆ มากูวิ่งจริงๆ นะ!

“เจ็ดยับอะ” มันตอบ ทำให้ผมอ้าปากค้าง

มุกมึง...โคตร here เลยครับพี่ชาย เจ็ดยับ...ก็จับ...นั่นแหละ

“แหะๆ...”

ไม่เล่นมุกชั้นรักเธอ แต่มึงเล่นแรงเลยนะไอ้พี่ท่าน ชีวิตแถวๆ ใต้สะดือมึงคงมีเรื่องราวเนอะ กูเห็นวกจังเลย

“ชั้นหก” ไอ้พี่ท่านเลิกเล่นแล้วบอกความจริงซะที “กดดิ จะรอให้ผัวมึงตัดริบบิ้นก่อนไง้”

ไอ้เวรนี่ น่าต่อยจริงๆ

“ครับๆ คุณพี่ท่านครับ กดแล้วครับ” ผมแกล้งทำนอบน้อมเกินเหตุ เหมือนเป็นคนขับรถของมันก็ไม่ปาน แล้วรีบกุลีกุจอกดลิฟต์ให้ ไอ้ท่านเหล่มองผมนิดหน่อยเหมือนหมั่นไส้ แต่ผมก็ยืนอมยิ้มทำหน้าไม่รับรู้ต่อไป

ติ๊ง!

ลิฟต์มาเปิดออกที่ชั้นหกพอดี ผมกับคุณท่านเลยเดินออกมาจากลิฟต์ ตอนแรกผมกับมันก็เดินไปด้วยกันธรรมดานั่นแหละ ไอ้ท่านเดินนำไปก่อน เพราะผมมัวแต่เดินเสือก คือเดินสำรวจนั่นนี่ หันรีหันขวางไปทั่ว

ก็เพราะเสือกเดินไม่ดูนี่แหละ เลยไม่เห็นว่าไอ้ท่านหยุดเดิน จมูกเลยกระแทกกับท้ายทอยมันดังปั้ก!

“โอ๊ยยยยยย” ร้องโหยหวนดิครับ ไอ้เชี่ย! “พี่ท่าน หยุดทำไมไม่บอก!”

คำสรรพนามนำหน้าของมัน ผมพูดได้แค่ในใจเท่านั้น ขืนพูดออกไป มันได้ขยี้ผมเละแน่

“...” ไอ้พี่ท่านนิ่งไม่ไหวติง ผมเลยเขยิบไปยืนข้างๆ แล้วสะกิดมัน

“พี่ๆ นิ่งทำไมอะ” ผมเห็นพี่ท่านเอาแต่มองตรงไป แววตามันดูแข็งกร้าวจนน่ากลัว ผมเลยมองตามไปบ้าง แล้วก็เห็นเด็กผู้ชายม.ปลายท่าทางใสๆ หน้าตาน่ารักคนนึง กำลังยืนอยู่ตรงนั้นและมองมาที่ไอ้พี่ท่าน

“พี่ท่าน” เสียงทุ้มลึกพึมพำเรียกไอ้ท่านออกมาเบาๆ

“มาที่นี่ทำไมอีกคีย์” ไอ้ท่านเหมือนเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ เลยถามอีกฝ่ายออกไปแบบนั้น ผมซึ่งไม่ได้ตั้งใจจะเสือกเล้ย! แต่ก็แค่อยากรู้ทุกเรื่องและยืนฟังอยู่โดยไม่ไปไหน (?)เลยรู้ว่าน้องคนนี้น่ะชื่อ ‘คีย์’

แต่การที่เราจะรู้เหตุการณ์ได้อย่างละเอียด เราต้องโยงเหตุการณ์จากหลัก 5W 1H ครับ! (กับเรื่องเรียน กูจริงจังแบบนี้มั้ย) นั่นก็คือ Who What Where When Why และ How ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ทำไม และอย่างไร ดังนั้นตอนนี้ผมรู้แล้วว่า...

  1. ใคร?

น้องคีย์ เด็กมัธยมปลายใสๆ วัยรุ่นชอบ

“คีย์อยากมาขอโทษพี่ท่านที่เคย...” ไอ้เด็กนั่นหยุดให้ผมลุ้น อื้อหือ! จะหยุดทำไม ที่เคยอะไร พูดมาเล้ยยยยยย

“ที่เคยทิ้งกูไว้เหมือนหมาอะเหรอ” ไอ้พี่ท่านเหมือนจะรู้เลยว่าผมอยากเสือกครับ ออกโรงตอบแทนเด็กคนนั้น

  1. ทำอะไร?

ไอ้ท่านถูกเด็กคนนี้หักอก ฟันธง!

“พี่ท่าน...ก็ตอนนั้นพี่ท่านต้องไป...” ไอ้เด็กคีย์พูดด้วยเสียงเครือๆ แต่มันยังไม่ทันพูดจบ ไอ้พี่ท่านก็พูดสวน

“ไปฮ่องกง แล้วยังไง จะมารื้อฟื้นทำไม มึงไม่ควรโผล่มาที่นี่อีกนะคีย์”

ฮัดช่า!

  1. ที่ไหน?

สถานที่เกิดเหตุไกลถึงต่างประเทศกันเลยทีเดียว ฮ่องกง!

“พี่ท่านฟังคีย์ก่อน” ไอ้เด็กนั่นทำเหมือนจะเดินมาหา แต่ไอ้คุณท่านกลับตวาดลั่น จนแม้แต่ผมก็ยังสะดุ้งโหยง

“เรื่องมันผ่านมาตั้งสองปีแล้ว! มึงไม่ต้องมารื้อฟื้น! ตอนนี้กูไม่อยากฟังคำเน่าๆ จากปากมึงแล้ว ไปให้ไกลๆ ตีนเลย!”

ผมมองไอ้ท่านตาปริบๆ...

มึงรื้อเหตุการณ์ละเอียดมากท่าน

  1. เมื่อไหร่?

สองปีที่แล้ว...

“พี่ท่าน คีย์อยากมาขอโทษ แต่ตอนนั้นคีย์คิดว่าระยะห่างที่มันมากกันเกินไป อาจทำให้เราไปกันไม่รอด” ไอ้น้องคีย์ทำหน้าเศร้า ส่วนผมแม้จะทำหน้านิ่ง กะพริบตาปริบๆ แต่สมองกำลังประมวลผลความเสือกอย่างละเอียดถี่ยิบ!

  1. ทำไม?

รักแท้แพ้ระยะทาง!

“มึงมีผัวใหม่ จะพูดอะไรก็ได้ แต่ขอร้อง อย่าตอแหล” ไอ้ท่านพูดนิ่งๆ นั่นทำให้ผมเผยอริมฝีปากด้วยความตะลึง

อื้อหือ! ไอ้ท่านแม่งไม่ได้มาเล่นๆ เว้ย แม่งมาเพื่อชนะเลย!

  1. อย่างไร?

เมียพี่มีชู้~

สรุปเหตุการณ์ทั้งหมดคือ สองปีก่อน ไอ้ท่านต้องไปฮ่องกง ทำให้น้องคีย์ซึ่งคบกับมันอยู่ในตอนนั้น เกิดความไม่เชื่อใจว่าระยะทางจะสามารถยื้อความรักไว้ได้ เลยตัดสินใจทิ้งไอ้ท่านไป แต่ไอ้ท่านก็มารู้ทีหลังว่าน้องไม่ได้แพ้ระยะทาง แต่มีผัวใหม่...เอ๊ย! คนใหม่ที่ใช่กว่า จึงทิ้งมันไปแบบไม่ไยดี จบข่าว!

อื้อหือ! กูผันตัวเองไปเป็นนักสืบดีมั้ย ฟังแค่นี้ก็โยงได้เป็นเรื่องเป็นราว

ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าทุกสายตากำลังจับจ้องมาที่ผม ทั้งไอ้ท่านและน้องคีย์ ด้วยความที่ผมไม่ได้ฟังที่พวกมันพูดกันเมื่อกี๊เลย จึงยิ้มแห้งๆ ให้ไอ้ท่านที่มองมาแบบดุๆ แล้วถาม

“อะ...อะไรครับพี่”

“กูถามว่าใช่มั้ยไง หูมึงแตกเหรอ”

ใช่?

ใช่ห่าอะไรวะ

ผมทำหน้างง

“เอก ตอบ” คุณท่านสั่งเสียงดุ ผมเลยพยักหน้า

“อ่าๆ ใช่ๆ”

“เรื่องจริงงั้นเหรอครับ” น้องคีย์มองผมอย่างไม่แน่ใจ ผมก็งงว่ามันไม่แน่ใจอะไรในตัวกูวะ

“ครับ” ผมพยักหน้าทั้งๆ ที่ไม่ได้ฟังมันพูดกันก่อนหน้านี้เลย

“พี่เป็นเมียพี่ท่านจริงๆ เหรอ ผมดูยังไงพี่ก็เหมือนผู้ชาย พี่ไม่น่าจะใช่...”

“ครับ”

ผมพยักหน้าตอบไปเป็นปกติ ก่อนจะนึกขึ้นได้และทำตาโต

“หะ!!! เมื่อกี๊น้องว่าอะไรนะ!!!” ผมตะโกนเสียงดังมาก แต่ไอ้ท่านคงรำคาญ มันเลยตัดบทน้องคีย์ง่ายๆ ตามสไตล์มัน

“กูบอกว่ามันเป็นเมียก็คือเป็นเมีย ไม่เชื่อแล้วจะเอาไง ต้องให้แลกลิ้นโชว์มั้ย ถึงจะเก๊ต”

ห่าเอ๊ย! ทฤษฎีขี้เสือกของผมทำพิษแล้วไงล่ะ! ไอ้ท่านมาเหมาเอาว่าผมเป็นเมียมันเฉย ไม่ได้นะเว้ย ภาพลักษณ์ผมล่ะเฮ้ย! 

“เดี๋ยวก่อนพี่ท่าน ผมว่าตอนนี้มันอึดอัด ระหว่างผมกับคีย์ น่าจะมีใครสักคนกลับไปก่อน...เนอะ” 

ผมส่งสายตาขอเวลานอกจากไอ้พี่ท่านไปเต็มที่ พี่ท่านเลยหันไปมองเมียเก่ามัน

“กลับไปเลย มึงอะ” 

อื้อหือ! เย็นชาได้ใจ

“แต่ว่า...” 

“กูบอกให้กลับไปไงคีย์ อะไรที่มันจบไปแล้ว ก็ให้มันจบ” คุณท่านมองหน้าไอ้เด็กคีย์นิ่งๆ น้องเขาก็เลยฝืนยิ้ม

“ไม่เป็นไรครับ ผมมาใหม่วันหลังก็ได้”

จากนั้นเดินผ่านคุณท่านมา พอเห็นผมก็หยุดมองหน้ากันแว้บนึง ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไง เลยยิ้มให้ แต่น้องกลับทำหน้าหงิกใส่ จากนั้นก็เดินกระแทกไหล่ผมไปเต็มแรงเลย =_=

เป็นเด็กกูก็ต่อยได้นะเฮ้ย! 

ผมมองตามคีย์ไปอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ไอ้คุณท่านที่เห็นเหตุการณ์เลยหันมาสั่ง

“เข้าห้องได้แล้ว ไม่ต้องไปสนใจหรอก” 

คีย์หันมามองผมเมื่อเห็นคุณท่านพูดแบบนั้น ผมเลยไหวไหล่ใส่น้องแบบกวนตีน แล้วเดินตามไอ้คุณท่านเข้าห้อง พอปิดประตูห้องเสร็จจนอยู่กันสองคน ผมก็เหลือบมองร่างสูงข้างๆ สีหน้าไอ้คุณท่านเปลี่ยนไปหลังจากน้องคีย์ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว

“อยากดีก็ดีดิวะพี่ ฟอร์มจัดทำไม” ผมอดถามไม่ได้ มองแววตาก็รู้แล้วว่าไอ้คุณท่านยังชอบเด็กคนนั้นอยู่ 

“ทำไมมึงรู้ดีจังหะ! ไอ้เอก” คุณท่านหันมาจ้องหน้าผม 

“ก็แววตาพี่มันฟ้องอะ” ผมพูดปนหัวเราะ “ดูก็รู้ว่าพี่ยังชอบเขาอยู่” 

ผมเอื้อมมือไปเอาถุงของจากมือไอ้พี่ท่านไปวางที่โต๊ะญี่ปุ่นกลางห้องเหมือนเป็นห้องของผมเอง แล้วหยิบจานมาเพื่อใส่อาหารที่ซื้อ ระหว่างแกะถุงไปก็พูดไปด้วย

“พี่ไม่เห็นจะต้องฝืนเลย แค่ทำตามความรู้สึกตัวเองอะพี่ พี่ก็มีความสุขด้วยนะ” 

คุณท่านมองผม แล้วเดินมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆ

“มึงไม่หึงเหรอ” มันถามนิ่งๆ ทำให้ผมชะงักไปนิดนึง

เออว่ะ...

ลืมไป กูตอแหลว่าชอบมันอยู่นี่หว่า! 

“ก็...โห่พี่ ผมไม่ใช่คนใจแคบหรอกนะ” ผมอมยิ้ม “ของอย่างงี้มันบังคับกันไม่ได้”

“ก็ถูกของมึงนะ เออ กูยังชอบคีย์อยู่” คุณท่านยอมรับ ผมเลยมองหน้าเขาแล้วกะพริบตาปริบๆ

“อือฮึ” 

“แต่จะให้กลับไปดีกับคนที่ทำลายความไว้ใจของกูนี่ มันก็ไม่ใช่ปะวะ” จากแววตาที่สะท้อนความรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ ของคุณท่าน ทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องที่มันเจอมาต้องไม่ใช่เรื่องเบาๆ เบๆ มันกับคีย์อาจจะผูกพันกันมาก แต่คีย์ก็ทำลาย มันเลยรู้สึกแย่

“เอาน่าพี่ ชีวิตแม่งก็งี้แหละ” ผมตบไหล่มัน คุณท่านเลยหันมามองผม

“พูดอย่างกับรู้จักความรักดี ปลงเก่ง ทำไม มึงไม่เคยเจ็บเหรอ” 

“เคยดิพี่” ผมทำหน้าจริงจัง

“...” คุณท่านเงียบ

“ตอนนี้ก็เจ็บอะ พี่ยังมีเยื่อใยให้แฟนเก่าอยู่” 

พอผมพูดแบบนั้นแล้วทำหน้าโอเว่อร์แอ๊กติ้ง ไอ้ท่านก็หลุดยิ้ม มันผลักศีรษะผมไม่แรงนัก ทำให้ผมหัวเราะแล้วหันไปจัดจานข้าวต่อ หลังจากนั้นผมกับคุณท่านก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก ผมรู้นะว่ามันมองผมอยู่ นั่งเท้าคางมองเลยแหละ แต่ผมก็ไม่มายด์หรอก ถ้าผมมานั่งเกร็งตอนมันจ้องก็แปลว่าผมชอบมัน ซึ่งผมชอบมันที่ไหนล่ะ ผมแค่แหย่มันเล่นเท่านั้นแหละ แต่ถ้าเกิดมันจะกลับไปดีกับคีย์อะ ผมคงไม่ปั่นหรอก ผมไม่ได้เลวขนาดนั้น 

ผมกับคุณท่านนั่งกินข้าวกัน แล้วผมก็ถามมันเรื่องโมเดลมุมห้องที่มันทำด้วย ห้องของคุณท่านมีแต่โมเดลเต็มไปหมด แม้แต่เตียงนอนก็มีแต่ของรกเกลื่อนกลาด

“พี่นอนยังไง” ผมอดถามไม่ได้

“ก็ปัดๆ ของออก แล้วแทรกตัวลงไปนอนไง” มันตอบ

อื้อหือ ง่ายเนอะ! 

“สกปรกว่ะพี่ ทำตัวดีๆ หน่อยดิ” ผมอดจะบ่นไม่ได้ นี่ถ้าเป็นเพื่อนสนิทแบบไอ้เครย์ ผมตบหัวหลุดไปละ 

“มึงอยากให้ดีกว่านี้ มึงก็มาทำห้องให้กูสิ” 

“โห่พี่ สนิทหน่อยเห็นเป็นคนใช้เลยนะ” ผมแขวะมัน 

“ใครบอก เห็นเป็นเมียมั่งเหอะ” 

แหม หยอดมาหน้าตาย ผมนี่เกือบสำลักข้าวเลย

“พี่ใช้เมียทำเหรอ พี่ต้องทำให้เมียดิ” ผมโวย

“กูไม่ใช่พ่อบ้านใจกล้า เคนะ” คุณท่านทำหน้าเถื่อนใส่ผม 

“งั้นผมก็ไม่อยากเป็นเมียพี่หรอก เพราะผมขี้เกียจ” ผมยักไหล่แบบกวนตีนมาก แล้วกินข้าวต่ออย่างสบายๆ โดยไม่กลัวว่าจะโดนมันถีบด้วย 

“ให้มันน้อยๆ หน่อย มึงเป็นคนมาจีบกูนะ สิทธิ์เล่นตัวของมึงหมดไปเป็นชาติละ” คุณท่านเสยผมขึ้นไปนิ่งๆ แล้วลุกขึ้นยืนพลางหยิบซองบุหรี่ ผมเลยเดาว่ามันจะไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง จึงอดไม่ได้ที่จะแกล้งต่อปากต่อคำอีกสักหน่อย

“ขืนให้พี่ง่ายๆ ผมก็ไม่มีค่าอะดิ”

ไอ้พี่ท่านหันมามองผม ผมจึงยิ้มโชว์เหล็กดัดใส่มันซะเลย มันก็เลยชี้หน้าผม

“ไอ้น้องเอก มึงอย่ามาดูถูกกูนะ” 

“...?” 

“เห็นอย่างงี้กูรักเมียนะเว้ย ถ้ามึงอยากรู้ว่าได้กับกูแล้วจะไม่มีค่าจริงหรือเปล่า ก็ต้องลองมาได้กันก่อน” 

“ว่าแต่ผมอะ พี่ก็อ้อร้อไม่ต่างกันนะ” ไอ้พี่ท่านนี่วกเข้าแต่เรื่องนี้ กะได้ผมจริงจัง ไม่หวังหักมุมห่าอะไรเลยสินะ

“ก็เห็นมึงอ่อยจังอะ ให้มึงอ่อยอยู่คนเดียวก็สงสาร” 

หรา หราๆๆ

“แหมพี่ หวั่นไหวแล้วก็บอกมา” ผมยิ้มกรุ้มกริ่ม “คะแนนเต็มห้า พี่ให้ผมเท่าไหร่” 

คำถามของผมทำให้คุณท่านเลิกคิ้ว คงจะงงว่ามันต้องเป็นกรรมการหรือมีหน้าที่มาให้คะแนนผมตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่าว่าแต่มันจะงงเลย มุกนี้กูก็เพิ่งคิดได้สดๆ เหมือนกันแหละ 

“คะแนนอะไร”

“ก็...” ผมกำลังจะบอกว่าคะแนนค่าความสัมพันธ์ตามประสาคนน้ำเน่า แต่ไอ้พี่ท่านเล่นผมก่อน

“คะแนนความอ่อย กูให้มึงสิบเลย”

น่านนน เกินคะแนนเต็มไปอีก กำลังหลอกด่ากูแรดอยู่ปะ ระดับนี้ไม่ต้องหลอกด่ากูละ กูแรดจริงๆ นั่นแหละพี่ 

“ไม่ดิพี่ คะแนนที่ผมจีบพี่อะ ผมใกล้ได้ใจพี่ยัง แบบ...พอสู้คนในใจพี่ได้ปะ” ผมลอยหน้าลอยตาจนคุณท่านมันคงหมั่นไส้

“คนในใจมันไม่สลักสำคัญอะไรเท่าคนบนเตียงหรอก จะเริ่มเลยไหมล่ะ กูจะไม่ดงไม่ดูดละบุหรี่เนี่ย” 

จากสีหน้า มันคงกระโดดมาซั่มถ้าผมกวนตีนมันอีกนิดเดียว งั้นผมไม่หาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า

“ค่อยเป็นค่อยไปสิพี่...ของอย่างงี้ ผมไปล้างจานก่อนนะ” 

“เออ!” 

ไอ้พี่ท่านกระแทกเสียงนิดๆ เหมือนลำไยความอ่อยของผม แล้วมันก็ออกไปยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าระเบียง ผมเลยเก็บจานจะไปล้าง ซึ่งในตอนนั้นเอง ไอ้เครย์ เพื่อนผมก็ส่งข้อความมา

CLAY >> มึงอยู่ไหนอะเอก

CLAY >> ไปหาข้าวแดกกับกูไหม

สายไปแล้วละเพื่อน กูมาแดกข้าวกับผู้ชายแระ 

จะตอบไปแบบนี้ ไอ้เครย์คงเหวอแดก ผมเลยพิมพ์ตอบกลับไปสั้นๆ

AKE >> กูอยู่หอไอ้พี่ท่าน ตอนนี้บุกประชิดตัว รับรองอีกไม่เกินอาทิตย์แม่งชอบกูแน่ 

AKE >>  Send Sticker

ผมส่งสติ๊กเกอร์เย้ยเพื่อนไปหนึ่งที ไอ้เครย์คงแทบเอือม 

CLAY >> มึงนี่ก็เล่นไม่เข้าเรื่อง เดือดร้อนมากูจะขำให้

ผมไม่ตอบไอ้เครย์แล้ว แต่เก็บโทรศัพท์แล้วรีบล้างจานให้เสร็จๆ จะได้อ่อยไอ้พี่ท่านอีกสักนิด แล้วขอตัวกลับ

ผมคิดอะไรเพลินๆ เกี่ยวกับไอ้คุณท่าน ว่าจะหลอกล่อยังไงต่อไปให้มันมาหลงชอบผมจริงๆ แล้วถ้ามันชอบผมจริงๆ ผมจะทำยังไง จะเทมันหรืออะไร จนกระทั่งเหลือแค่จานใบสุดท้าย ผมก็ชะงักนิดหน่อยเพราะรู้สึกเหมือนมีใครมายืนข้างหลัง พอหันไปนี่ตกใจแทบช็อก เผลออุทานซะหยาบคาย

“ไอ้เหี้ย! แม่มึง!”

“มึงก็ตกใจแรงไปนะไอ้เอก” ไอ้พี่ท่านมองผมนิ่งๆ ผมเลยเอามือมาลูบๆ อก

“โหยพี่ ตกใจหมดเลยอะ พี่ต้องปลอบขวัญผมปะเนี่ย เกิดหัวใจวายตายห่าไปก่อนพี่จะมีใจ ผมเสียดายชีวิตเลยนะ”

เสียดายชีวิตกูที่ต้องเสียไปให้คนถ่อยๆ อย่างมึงเนี่ยยย ทีหลังผมจะไม่หันหลังให้มันแล้ว เวร! ยิ่งกลัวโดนเสียบอยู่!

พี่ท่านถึงกับหัวเราะในลำคอ เป็นอีกครั้งที่มันหยิกปากผมจนผมร้องเบาๆ

“คราวหน้าระวังมึงจะโดนกูหยิกด้วยปาก ไม่ใช่ด้วยมือ”

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น