2

หาทางใกล้ชิด


EPISODE 2

หาทางใกล้ชิด

วันนี้ผมก็มามหาวิทยาลัยตามปกติ คำว่า ‘ชอบ’ ที่ไอ้คุณท่านพูดไม่ได้สะเทือนผมแม้แต่นิดเดียว ก็แน่ปะวะ ผมเป็นผู้ชายนะ แต่แบบเมื่อวานคุยกับมันเกือบถึงเช้าอะ ผมหลับไปตอนตีสี่ หลับคาโทรศัพท์ ไม่รู้เหมือนกันไอ้ท่านวางสายไปตอนไหน รู้แต่เช้ามาเห็นแชทเฟซบุ๊กค้างอยู่ มันพิมพ์มาให้ผมสั้นๆ ประมาณว่า

- ฝันดี -

มึงบอกช้าไป กูหลับลึกจนลืมฝันเลยเมื่อวาน

เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงรับน้อง การสันทนาการปีหนึ่งก็เลยมีมาบ่อยๆ ช่วงที่รุ่นพี่ให้น้องร้องเพลงและแนะนำตัว ผมเห็นไอ้เครย์เอาแต่มองพี่อองฟอง เพื่อนสนิทไอ้พี่ท่านซึ่งเป็นผู้หญิงแนวเท่ๆ กำลังตีกลองให้จังหวะที่ไอ้รุ่นพี่ชินกำลังเต้นสัปดนอยู่ข้างหน้า

“มองอะไรนักหนาวะไอ้เครย์” ผมอดถามไอ้เครย์ไม่ได้ ปกติแล้วเพื่อนสนิทผมคนนี้มันชอบคนยาก ไอ้เครย์เป็นผู้ชายกรุ้มกริ่มเล็กๆ แต่ไม่เจ้าชู้ หวงโลกส่วนตัวประมาณนึง แต่อย่าให้มันไปชอบใครนะ ผู้หญิงคนนั้นซวยละ เพราะแม่งตรรกะแปลก จีบผู้หญิงเพี้ยนๆ ไม่เหมือนชาวบ้าน

 “มองเมีย” มันตอบผมแบบคนไม่คิดเลย

“มโนแจ่มแจแด่มแจ้มว้าววว ณ บัดนาวมากมึง” ผมร้องเพลงแล้วใช้สองมือชี้มาทางไอ้เครย์แบบกวนตีนไปด้วย

“ทำไมอองฟองแม่งน่าขย้ำแบบนี้วะ เมื่อไหร่เขาจะจีบกูสักทีอะ กูอ่อยแทบไม่ทันแล้วเนี่ย”

ไอ้เครย์พูดแบบหงุดหงิดนิดหน่อย ทำให้ผมหัวเราะแล้วกอดคอมัน บอกแล้วไงว่ามันตรรกะแปลก ชอบเขาแทนที่จะจีบเขา เสือกพยายามอ่อยให้เขามาจีบมัน

ว่าแต่มัน ผมก็ไม่ต่าง ฮ่าๆๆ

“เขารู้หรือเปล่าล่ะว่ามึงอ่อยให้เขามาจีบอะ” ผมถาม

“กูทำทุกวิถีทางนะ เสนอหน้าให้เบอร์ เสนอหน้าทักเฟซ เสนอหน้าทุกเรื่อง แต่เขาไม่สนใจกูอะดิ เห็นกูเป็นน้อง เรียกกูน้องเครย์ๆ”

“น่ารักดีอะมึง” ผมยิ้มแล้วหันไปมองพี่อองฟองที่ตีกลองอยู่ไปด้วย “กูรู้มาว่ากลองประจำคณะของมหา’ลัยเรา พี่อองฟองเป็นคนตีนะ ผู้หญิงอะ ส่วนผู้ชายก็ไอ้พี่ท่าน”

คณะสถาปัตยกรรมทุกมหาวิทยาลัยจะมีกลองพระราชทานซึ่งเป็นกลองเอาไว้ตีอยู่ เป็นคณะเดียวที่มีกลองแบบนี้ประจำคณะ ซึ่งเพลงที่ใช้ก็เป็นเพลงที่คนตีกลองแต่ละรุ่นจะต้องแต่งกันเอง แต่ละปีมีเพลงต่างกันไป ปีที่แล้วเป็นพี่อองฟองกับไอ้พี่ท่าน ปีนี้ก็คงต้องเลือกคนใหม่อีกสองคน เป็นกลองคู่ ตีสองคน เห็นว่าการคัดเลือกน่าจะดุเดือดอยู่

“มึงหุบปากเหอะ” อยู่ๆ ไอ้เครย์ก็หันมาบอกผม

“ทำไมวะ” ผมทำหน้างง “มึงไม่อยากรู้เรื่องพี่เขาหรือไง”

ชอบใครก็น่าจะอยากเสือกเรื่องคนนั้นปะวะ ทว่าไอ้เครย์กลับส่ายหน้าไปมา แล้วตอบผม

“ยิ่งพูด กูก็ยิ่งอยากได้ไง คนนี้แหละ กูจะเอา กูจะหลอกเธอจนกว่าเธอจะเชื่อว่าเธอชอบกูอะ มึงคอยดู” 

อืม ล้ำจริงมึง!

แต่ผมไม่ต้องใช้วิธีนี้หรอก ไอ้ท่านอ่อยง่ายกว่าอองฟองเยอะ รอดูวิธีการผมดีกว่า หึๆ

 

ช่วงพักกลางวัน

ผมกับไอ้เครย์มานั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ที่โรงอาหาร มันบ่นให้ผมฟังว่าผู้หญิงชื่อเคท สวยๆ ซึ่งมีแววจะเป็นดาวของคณะสถาปัตย์ในปีนี้จีบมัน ขอเบอร์มัน แต่มันไม่ชอบ มันรำคาญหนักมาก ผมอยากแซวมันว่าไม่ชอบก็ยกให้กู แต่แบบ...เคทไม่ใช่แนวผมอะ ผมชอบผู้หญิงมุ้งมิ้ง เคทดูจะเซ็กซี่อะไรแบบนั้น ผมไม่ชอบไง ผมเลยแค่ขำ

ตอนผมกับไอ้เครย์กินข้าวเสร็จแล้ว และกำลังนั่งเปื่อยๆ กันอยู่ ดันเจอพี่อองฟองกำลังเดินหาที่นั่งอยู่พอดี ไอ้เครย์เลยตะโกนเรียกพี่เขาด้วยวิธีการประหลาดๆ จนพี่เขาอายและต้องเดินมานั่งด้วย

ผมขำก๊ากกับวิธีการหยอดสุดบัดซบของเพื่อนสนิท เราสามคนคุยกันเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งพี่อองฟองกินเสร็จ เธอก็เอาจานข้าวของพวกผมไปซ้อนไว้บนจานเธอเหมือนจะเอาไปเก็บให้ด้วย ผมเลยขอบคุณ แต่ไอ้เครย์ก็ยังเต๊าะ หาว่าพี่เขารุกมัน แต่ดูพี่ฟองจะทำหูทวนลมใส่

“คณะเราต้องมีคนลงประกวดเดือนคณะนะคะ ถ้าน้องเครย์ไม่รังเกียจที่จะช่วยกิจกรรม พี่ขอให้น้องเครย์ไปลงชื่อกับพี่จิ๋วจิ๋วด้วย เราหาผู้หญิงได้แล้ว ขาดแต่ผู้ชายค่ะ” พี่อองฟองพูดกับไอ้เครย์ ก็เพื่อนผมมันหล่ออะ ถึงจะเป็นผู้ชายแก๊งตุ๊ด แต่มันก็หล่อไง

“ปีที่แล้วใครประกวดเดือนเหรอครับพี่” ผมถามพี่อองฟองบ้าง ดูจากสีหน้าไอ้เครย์ แม่งคงไม่อยากประกวด

“ไอ้...เอ่อ พี่ท่านค่ะ” พี่อองฟองตอบ ตอนแรกดูเหมือนเธอเกือบจะเรียกไอ้ท่านว่าไอ้แล้ว คงชินมั้ง ก็เป็นเพื่อนสนิทกันนี่

“ว่าแล้ว ก็มันหล่อขนาดนั้นอะ” ผมหันไปพูดกับเพื่อนสนิทตัวเอง

“ผมไม่ประกวดอะ” ไอ้เครย์ปฏิเสธตามที่ผมคิด “ผู้หญิงชื่อเคทใช่มั้ยที่ลงประกวดดาว”

พี่อองฟองทำหน้างงนิดหน่อยที่ไอ้เครย์ถามแบบนี้

“อ่า ใช่ค่ะ น้องเคทนั่นแหละ”

“อือ ใช่จริงๆ ด้วย” ไอ้เครย์หันมาบอกผม “ที่ขอเบอร์กูไง”

“อ๋อ...ก็สวยนะ แต่ลืมไป มึงชอบแมนๆ ฮ่าๆๆ” ผมแซวมัน แล้วขำคิกๆ กันสองคน

“ตกลงยังไงกันคะหนุ่มๆ ไม่มีใครคิดจะลงเลยเหรอ” พี่อองฟองยังตื๊อๆ พวกผมอยู่ ท่าทางเดือดร้อนจริงๆ ผมก็เห็นใจนะ

“แล้วลงประกวดต้องทำ’ไรมั่งอะพี่” ผมถาม เอาเข้าจริง ถึงผมจะเตี้ยไปนิด (สูงแค่ร้อยเจ็ดสิบห้า) แต่หน้าตาผมก็พอใช้ได้นะ แบบประกวดได้ไม่น่าเกลียดหรอก ถ้าพี่เขาเอาแค่ฮา ประกวดให้มันผ่านๆ ไป ผมก็จะช่วยไง

“เดี๋ยวพี่ท่านเขาจะเป็นคนเวิร์กช็อปน้องที่ประกวดเดือนค่ะ เพราะปีที่แล้วท่านเป็นคนลงประกวด” 

ผมเดาะลิ้นแล้วหันไปหัวเราะกับไอ้เครย์แบบมีเลศนัย

ฮี่ๆๆ เอาแล้วมั้ยล่ะ สนุกผมแน่ละทีนี้!

“ผมลงประกวดเองพี่” ผมยกมือเสนอตัว ก็ถ้าไอ้ท่านมันเวิร์กช็อปคนประกวด ผมกับมันก็ต้องเจอกันทุกวันไง ฮ่าๆๆ แค่คิดก็มันแล้ว

“เอาจริงนะ พูดเล่นไม่ได้นะคะ” พี่อองฟองหรี่ตามองผม

“ไม่พูดเล่นครับ ผมประกวดเอง”

ไอ้ท่าน มึงไม่รอดมือกูแน่ๆ ละฮ่าๆๆ อกหักแน่ไอ้เกย์ถ่อย!

“โอเคค่ะ งั้นพี่จะบอกจิ๋วจิ๋วให้เนอะ” พี่อองฟองบอก เธอพูดถึงรุ่นพี่อีกคนที่คงเป็นหนึ่งในทีมพี่ๆ ที่ต้องหาน้องประกวดแหละ

“โอเค ดีล” ผมทำมือโอเคใส่พี่เขา

“งั้นพี่ไปเรียนก่อนนะคะ” พี่อองฟองบอก แล้วยกจานบนโต๊ะขึ้นมาเพื่อจะเอาไปเก็บ

“คร้าบบบ” ผมลากเสียงยาว ส่วนไอ้เครย์ก็แค่มองตามพี่เขาไป ผมหัวเราะนิดๆ แล้ววางศอกลงกับโต๊ะ ก่อนจะเท้าคางลงบนฝ่ามือ แล้วเอานิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ

ไอ้ท่านจะทำไงวะ ถ้ามันรู้ว่าคนที่มันต้องเวิร์กช็อปให้เป็นผม

แค่คิด ก็มีแต่เรื่องสนุกเต็มหัวไปหมดละ

เสร็จกูแน่ไอ้ท่าน!

“มึงเพ้อเหรอไอ้เอก นั่งยิ้มคนเดียว” ไอ้เครย์คงว่าง หันมาแขวะผมเฉยเลย

“เปล่า กูยิ้มก็ไม่ได้ไปหนักหัวมึงปะวะ” ผมแขวะมัน “แระนี่มึงรู้ยัง ตอนเย็นมีจับพี่รหัส”

ไอ้เครย์พยักหน้าตอบรับคำถามผม

“รู้ดิ กูไม่ใช่ควายนะ”

เกี่ยวห่าอะไรวะ!

“เออ กูอยากได้ไอ้พี่ท่านเป็นพี่รหัสชิบเป๋ง นี่ถ้าได้นะ กูสนุกเลยอะ มี’ไรทำทุกวัน”

ไอ้เครย์หัวเราะในลำคอ

“ถ้างั้นกูก็ขอให้มึงได้สมใจละกัน”

ผมยิ้มจนเห็นเหล็กดัดฟันแทบจะทั้งปาก...

ถ้าได้จริงนี่แบบ...ไอ้ท่านราหูเข้าแทรกแล้วละ เพราะผมจะอ่อยมันให้หายใจไม่ทันเลย คอยดูดิ

 

ช่วงเย็นมีจับพี่รหัส ผมกับไอ้เครย์นี่ต่างคนต่างรู้ทันทีที่จับกระดาษขึ้นมาได้ว่าเราได้พี่รหัสเป็นใคร

เชี่ยแม่ง! บุพเพอาละวาดชัดๆ ผมพูดอยู่แหม็บๆ ว่าอยากได้ไอ้พี่ท่าน แล้วดูข้อความในกระดาษผมนี่สิ!

‘เกย์สายถ่อย อ่อยเถื่อนๆ’

จะมีสักกี่คนวะ!

“เฮ้ย! กูได้ไอ้พี่ท่านจริงๆ ด้วย” ผมส่งกระดาษในมือให้เพื่อนสนิทดู

“เออ กูดีใจด้วย งั้นกูไปหาพี่กูก่อนนะ” มันหันมาบอกผม

“เค”

ไอ้เครย์กับผมแยกย้ายไปตามหาพี่รหัส เพราะรุ่นพี่บอกว่า ถ้าแน่ใจว่าพี่รหัสตัวเองเป็นใคร ให้เข้าไปขอลายเซ็นได้เลย แต่ถ้าผิดตัวก็โดนทำโทษ ซึ่งนาทีนี้ผมโคตรมั่นใจว่าต้องเป็นไอ้คุณท่านอย่างแน่นอน!

เกย์อะมีเป็นร้อยในมหา’ลัย แต่เกย์ถ่อยๆ อย่างมันนั้นไซร้ มีแค่คนเดียว!

ผมเดินหาไอ้ท่านไปทั่วอาณาบริเวณ แต่หาไม่เจอ ตะกี๊ยังเห็นกันอยู่หลัดๆ มันจะรีบไปตายที่ไหนวะ

“น้องเอก หา’ไรคะ พี่ช่วยหามั้ย -..-”

พี่ผู้หญิงชื่อจิ๋วจิ๋ว (แต่ขนาดตัวประมาณช้างโตเต็มวัย) ทักผมขึ้นด้วยสีหน้าหื่นๆ ทำให้ผมหันไปยิ้มแห้งๆ ให้เธอ

“หาพี่ท่านครับ พี่จิ๋วเห็นพี่ท่านมั้ยครับ”

สุภาพไว้ก่อนครับ ขืนไปล้อว่าเธออ้วน เธอกระโดดทับผม ผมคงไส้แตกตาย

“ไอ้ท่านกลับไปแล้วค่ะ”

“หะ!”

ผมเผยอริมฝีปากค้าง

ไอ้ห่ารากกก! ก็รู้ว่าเขาจับพี่รหัสกัน แล้วมึงรีบหายไปหาเตี่ยหาป๊าที่ไหน!!!

“มัน...เอ่อ...เขาจะรีบกลับไปไหนอะครับ”

เกือบ...เกือบหลุดหยาบคายต่อหน้าเพื่อนมันละ ไม่ได้ๆ เดี๋ยวมันจะรู้ว่าผมเสแสร้งแกล้งเคารพ

“มันไม่ค่อยสบายค่ะ บอกจะไปซื้อยากินแล้วนอน เจ็บคอ”

“แล้ว...พี่จิ๋วรู้มั้ยครับว่าหอพี่ท่านอยู่ไหน”

“รู้ๆ น้องเอกจะไปหามันเหรอ พี่พาไปก็ได้น้า!”

=_=;;;

ไม่อยากมีเมียเป็นช้างอะครับพี่

คิดในใจนะ พูดออกไปมีหวังโดนงวงฟาดหน้าพอดี

“อะ...เอ่อ เอกไปเองดีกว่าครับ” ผมยิ้มหวานเชื่อมแบบอ่อยสุดพลัง “แค่พี่จิ๋วๆ คนสวยยอมบอกที่อยู่ของหอพี่ท่าน เอกก็ดีใจจนเก็บไปฝันแล้วครับ”

“โอ๊ยยย จะเป็นลม ค่ะๆๆ พี่จดให้เลยค่ะ”

พี่จิ๋วจิ๋วเองก็ไม่รอดฤทธิ์ความอ่อยของผม รีบบอกที่อยู่หอไอ้คุณท่านมาทันที ผมก็เลยรับมา ขอบคุณเธอ พูดตอแหลอีกเล็กน้อยให้เธอปลื้มปริ่ม จากนั้นก็เผ่นแน่บออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปหาคุณท่านที่หอพัก

 

@ หอพัก C

ตอนผมมาถึงหน้าหอพักไอ้คุณท่าน ผมก็ยังเข้าไปหามันไม่ได้ =_=

เพราะหอพักของไอ้คุณท่านแม่งเป็นแบบมีระบบรักษาความปลอดภัยประมาณนึง ก็คือต้องมีคีย์การ์ดแตะเข้าไป ผมซึ่งไม่ได้อยู่ในหอนี้ และไม่มีคีย์การ์ด เลยนั่งรออยู่แป๊บนึงจนมีคนจะเข้าหอ ผมเลยทำหน้าแบ๊วโกหกว่ามาหาเพื่อนสนิท ขอขึ้นไปด้วย เธอก็ใจอ่อนกุลีกุจอให้ผมเข้าไปด้วยทันที

หน้าตาดีก็งี้แหละ ฮ่าๆๆ อะไรๆ แม่งก็ง่ายไปหมด แค่ใช้รอยยิ้มซื้ออะ

ผมขึ้นไปหาไอ้คุณท่านตามเลขห้องที่พี่จิ๋วจดให้ ซึ่งก่อนมาผมแวะซื้อโจ๊กมาฝากมันด้วยนะ ต้องเอาใจมันครับ จะหม้อทั้งทีต้องเอาให้สุด ผมนี่คิดไดอะล็อกคำพูดไว้เรียบร้อยแระ ว่าจะพูดยังไงให้มันซึ้งจนยอมจรดปากกาเซ็นลายเซ็นให้ผม

ทำดีหวังผลแน่นอนครับ ผมอะ เอกไง จะใครล่ะ

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

พอมาถึงหน้าห้อง ผมก็เคาะประตูอยู่ประมาณสองสามครั้ง

“...”

เงียบ

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เคาะอีกรอบ

“...”

ยังคงเงียบ

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เคาะแม่งอีกรอบ กูจะเคาะจนกว่ามึงจะเปิดอะ

“...”

แม่งไม่เปิด

ได้ๆ ไม่เปิดใช่มั้ยมึง เจอจังหวะกีฬาสีแน่นอน!

ก๊อกก๊อก! ก๊อกก๊อกก๊อก! ก๊อกก๊อก! ก๊อกก๊อก! ก๊อก! (12 123 12 12 1)

พอเคาะแบบนั้นเสร็จ ผมก็เอาหูจะไปแนบที่ประตู แต่ดูคนข้างในจะหมดความอดทน เลยกระชากประตูออกเต็มแรง ทำให้ผมซึ่งคิดจะเอาหูไปแนบตอนแรกเสียหลัก จากจะแนบประตูเลยได้ถลาเข้าไปหาร่างสูงกว่าที่ยืนทำหน้าเหมือนยักษ์อยู่แทน

หมับ!

ไอ้ท่านยกแขนสองข้างรับร่างผมไว้ ผมเลยเงยหน้ามองมันแล้วยิ้มแห้ง แล้วก็เห็นมันส่งสายตาโคตรดุมาให้

โอ้โห!

ทำไมมันสูงกว่าผมเยอะจังวะ มันกอดผมได้มิดเลยอะ ขนาดผมเป็นผู้ชายนะเนี่ย!

“พี่ท่าน...” ผมเรียกชื่อมันพลางยิ้มไปด้วย

“มึงจะเคาะหาผัวมึงอะไรนักหนาเหรอ”

เขาถามแล้วทำหน้าเหมือนจะฉีกผมเป็นชิ้นๆ คนห่าอะไร ผมยุ่งจะตาย ก็ยังหน้าตาดี หมั่นไส้ เป็นเกย์ไปอะดีแระคนอย่างมึง ไม่งั้นจีบหญิงแข่งกันกูแพ้อีก!

“เออพี่ ถูกละ เคาะหาผัวนั่นแหละ อยากเป็นปะล่ะ” ผมทำหน้ากระดี๊กระด๊า

ไอ้ท่านมองผมนิ่ง

“กูบอกแล้วไงว่าอย่าพูดแบบนี้ ไม่งั้นกูลากไปข่มขืนในห้อง เอามั้ย!” มันพูดแล้วกระชากผมเข้าห้องจริงๆ จากนั้นก็ปิดประตูปัง!

ผมนี่สะดุ้งโหยง

“โห่พี่ ล้อเล่นนิดเดียว ทำฮาร์ดคอร์”

“มาทำไมที่นี่” ไอ้ท่านถามผม แล้วเสยผมขึ้นไปลวกๆ

“รู้ว่าไม่สบายเลยมาหา อ้ะ! ซื้อโจ๊กมาให้ด้วย” ผมฉีกยิ้มการค้า

ไอ้ท่านมองผมนิ่งๆ แล้วฉวยถุงโจ๊กไปวางไว้บนหลังตู้เย็น

“ใครบอกมึง”

“พี่จิ๋ว” ผมตอบ

“ยัยช้างน้ำ” คุณท่านสบถ

อยากขอจับมือมาก คิดเหมือนกูเลย

แต่อย่าดีกว่า เดี๋ยวมันหักหลังไปฟ้องพี่จิ๋ว ผมจะซวย

“แล้วไง มาแค่นี้อะนะ” ไอ้ท่านหันมาถามผมอีก

“พี่ไม่กินโจ๊กเหรอ” เอาใจมันก่อน มันจะได้เซ็นให้ง่ายๆ

“อยากให้กูกินมาก?” ไอ้ท่านกอดอกแล้วเลิกคิ้ว

“อยากๆๆ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก มันเลยเดินผ่านผมไปล้มตัวนอนเอาแขนรองศีรษะอยู่บนเตียง

“งั้นก็เอาไปใส่ชามมานั่งป้อนกูตรงนี้”

กูเป็นนางสนมของมึงหรือไงไอ้คุณท่าน!!! ซื้อมาให้แดกก็แค่แดกๆ เข้าไปจะได้มั้ย! กูเปลืองเงินแล้วจะยังให้มานั่งบริการมึงอีกหรือไง!

ผมอยากตะโกนใส่หน้ามันแบบนั้น...

แต่ในความเป็นจริงก็คือ

“ได้ครับพี่ ดีครับผม!”

ผมนี่รีบวางของแล้วไปเอาโจ๊กใส่ชามมาให้มันน่ะสิ =_=

พอเอาโจ๊กใส่ชามเสร็จ ผมก็มานั่งข้างๆ บนเตียงที่ไอ้คุณท่านนอน แล้วมองมัน

“คือพี่จะนอนแดก... เอ๊ย! กินเลยเหรอ”

“...”

คุณท่านมองผมนิ่งๆ มันยันตัวขึ้นมานั่งพิงเตียงแทนคำตอบ แล้วกอดอกมองผมอย่างกับผู้คุมฝึกทหาร -_-

ผมเลยเอาช้อนตักโจ๊กขึ้นมา แล้วยื่นไปที่ปากมัน

“อ้ะ”

“มึงไม่เป่าเลยเหรอ ถ้าปากกูพอง กูให้มึงเอาลิ้นเลียเลยนะ”

สัส! ตรงไปหาพ่องหาแม่งหามอเตอร์เวย์นักหนาหรือไง!

“ครับๆ เป่าละครับ”

ผมเป่าให้ไอ้พี่ท่านตามที่พ่อคุณเขาเรียกร้อง แล้วป้อนมันไปเรื่อยๆ จนผ่านไปครึ่งชาม มันก็ดึงชามไปกินเอง เพราะผมป้อนช้าไม่ทันใจ

ผมนั่งมองไอ้ท่านกินไปกินมา ก็อยากกินมั่ง

หิว...

คำนึงได้ปะ

ไวเท่าความคิด ไอ้ท่านกำลังจะตักหมูเข้าปาก แต่ผมนี่อ้าปากเหมือนจะขอให้แม่งป้อนซะเฉยๆ

“อ่า...”

ห้ามตัวเองไม่ได้ กูอยากกินอะ

ไอ้ท่านตวัดสายตามองผม

แล้วมันก็ป้อนให้จริงๆ แถมยังด่าผมอีก

“ถ้าทำท่าอย่างงี้อีกครั้ง กูจะแดกมึงแทนโจ๊ก”

ผมไม่ได้อึ้งกับสิ่งที่มันบอก เพราะการพูดจาแบบนี้ดูจะเป็นซิกเนเจอร์ของไอ้ท่านไปแล้ว ดังนั้น ผมจึงแค่สบตากับอีกฝ่ายเงียบๆ และคุณท่านก็มองผมกลับ

ระหว่างที่ผมกับไอ้ท่านกำลังเล่นเกมจ้องตากันอยู่ ประตูห้องก็เปิดผางเข้ามาจนผมสะดุ้ง!

ส่วนไอ้ท่านแค่หงุดหงิดเท่านั้น

“พวกมึงนี่มารยาทหมาไม่แดกเลยนะ!”

คุณท่านด่าคนร่างสูงทั้งสองที่เดินเข้ามาในนี้ และทำกร่างเหมือนห้องคุณท่านคือห้องของพวกเขาเอง

“ทีมึงไปห้องพวกกู เคยมีมั้ยไอ้มารยาทที่ว่าอะ” ร่างสูงเจ้าของใบหน้าหล่อแบบตี๋ๆ กวนตีนๆ ท่าทางซ่าหาเรื่องชาวบ้านไปทั่ว และเจาะหูเต็มไปหมดทั้งสองข้าง พูดขึ้นมาก่อน

“นั่นดิ” ส่วนผู้ชายอีกคน เป็นคนตาคมๆ ท่าทางเหมือนจะนิ่ง แต่เอาเข้าจริงหน้าตาดูเป็นคนทะเล้นๆ หน่อยๆ นี่ก็เจาะหูเหมือนกัน จะว่าไปไอ้ท่านก็เจาะ พี่อองฟองก็เจาะเหมือนกันนี่หว่า

=_=;;;

แสดงว่าแก๊งมนุษย์เจาะประจำเอกเต็กที่เขาพูดๆ ถึงกันนี่ คือพวกนี้สินะ

“นี่ใครวะ” ผู้ชายตาคมๆ ชี้มาที่ผม

ผมก็เลยฉีกยิ้มให้

“เอกครับ เป็นปีหนึ่ง รุ่นน้องพวกพี่น่ะครับ”

“ว่าที่เมียกูเองแหละ”

ไอ้ท่านเสนอหน้ายัดเยียดตำแหน่งที่ผมไม่ต้องการให้ จากนั้นมันก็ลงจากเตียง ยืนขึ้นเต็มความสูง เดินไปที่โต๊ะเพื่อหยิบซองบุหรี่

“ใช่เหรอวะ มึงถามน้องเขายัง” พี่คนหน้าตี๋ๆ เอ่ยขึ้น

ไอ้ห่านี่ พูดจาเข้าหู

“มันอยากเป็น ไม่งั้นไม่อ่อยเช้าอ่อยเย็นแบบนี้หรอก กูดูดบุหรี่แป๊บ” ไอ้พี่ท่านว่า แล้วเดินไปเปิดประตูระเบียง ผมเลยแกล้งตะโกนไป

“ดูดบุหรี่มีแต่ทรุด แต่ดูดบุรุษนี่มีแต่ซี้ดนะพี่”

“พูดงี้อยากให้เลิกดูดบุหรี่ไปดูดปากมึงปะล่ะ” พี่ท่านหันมาพลางเลิกคิ้ว

ผมเลยหัวเราะแห้งๆ

“ว้อเว่นน่า”

“น่าพ่อง!”

ไอ้คุณท่านด่าผม จากนั้นก็เดินออกไปสูบบุหรี่ที่หน้าระเบียง ในห้องก็เลยเหลือแค่ผมกับพี่อีกสองคนที่ผมยังไม่รู้จักชื่อ ซึ่งดูพี่เขาก็จะรู้ตัว

“พี่ชื่อรูธนะ ส่วนนี้ไอ้ทรานซ์” ไอ้พี่หน้าตี๋ๆ แนะนำตัว

“ครับ พวกพี่เป็นเพื่อนสนิทพี่ท่านเหรอครับ”

“อือ แล้วมึงล่ะ อยากเป็นเมียมันจริงรึเปล่า” พี่ทรานซ์ถามผม

“ไม่รู้ดิพี่ ของงี้แม่งต้องใช้เวลา”

“อุ๊ย! เอาแล้วจุ้ย ฮ่าๆๆ” พี่รูธทำเสียงล้อเลียนพลางขำไปด้วย พี่ทรานซ์เลยส่ายหัวไปมา

“อย่าไปล้อมันเล่นนะไอ้ท่านอะ มันไม่ค่อยใจดีอย่างที่คิดหรอก ก็แค่หลอกให้ตายใจ เสือยังไงมันก็เป็นเสือ เดี๋ยวจะโดนตะปบเอา”

สายตาที่พี่ทรานซ์มองผม ราวกับจะรู้เลยอะ ว่าผมคิดจะเล่นอะไรอยู่ =_=

เอาแล้วไง!

กูไม่ชอบคนรู้ทันซะด้วยดิเฮ้ย!

“มึงจะดึงดราม่าทำหอกอะไรวะ” พี่รูธขมวดคิ้วแล้วหันมาเกาะไหล่ผม “รีบกลับมั้ยไอ้น้อง ไอ้ทรานซ์ซื้อเบียร์มาเพียบเลย อยู่กินด้วยกันก่อนป่าว”

“อยู่ดิพี่!”

ลาภปากเลยครับวันนี้ ฮ่าๆๆ อยู่ดีๆ ก็ได้แดกฟรี ตังค์ไม่เสียสักกะบาท ฮี่ๆๆ อีกอย่าง ผมยังกลับไม่ได้ จนกว่าผมจะได้ลายเซ็นของไอ้พี่ท่าน

ตอนที่ผมกำลังคุยกับพวกเพื่อนไอ้ท่านอยู่ ร่างสูงก็สูบบุหรี่เสร็จแล้ว ก็เลยเดินหน้านิ่งเข้ามาในห้อง

“คุย’ไรกัน”

“มาถึงก็ถาม หึงว่าที่เมียมึงหรือไง” ไอ้พี่รูธหยอกไอ้ท่าน

“ไม่ได้หึง” ไอ้ท่านตอบ

ผมเลยอดจะเลิกคิ้วนิดๆ ไม่ได้...

คำตอบดูไม่หน้าด้านเหมือนทุกทีปะวะ

ตอนแรกผมก็งงๆ นะ แต่พอมันพูดประโยคต่อมา ผมก็ไม่มีความรู้สึกสงสัยอะไรอีกต่อไป

“กูหวง”

นั่นไง!

กูว่าแล้ว!

“พอๆ กูเลี่ยน” พี่ทรานซ์ตัดบท “ซื้อเบียร์มา ห้ามปฏิเสธ มาแดก”

 

จากคำชวนง่ายๆ ของพี่ทรานซ์ พวกผมก็เลยนั่งเมากันอยู่ที่โต๊ะญี่ปุ่นกลางห้องของพี่ท่าน บนโต๊ะเต็มไปด้วยขวดเหล้าและกระป๋องเบียร์มากมาย พี่รูธเมาจนฟุบโต๊ะ ส่วนพี่ทรานซ์เองก็เอาแต่นั่งกดโทรศัพท์ ดูเป็นพวกเมาแล้วเงียบ

“ไอ้รูธ ทำไมวันนี้มาแดกได้ ปรกติติดเมียอย่างกับติดแม่” คุณท่านถามพี่รูธ แล้วยกเบียร์ขึ้นดื่มไปด้วย

“คะน้ากลับบ้าน กูเหงา ก็เลยตามไอ้ทรานซ์มา” เฮียรูธตอบด้วยเสียงยานคาง

“อ้อ เมียไม่อยู่” คุณท่านพยักหน้าเหมือนเข้าใจ ไอ้พี่รูธเลยฟุบหน้าไปอีก ผมเห็นไอ้คุณท่านหน้าแดงๆ น่าจะเริ่มกรึ่มๆ แล้วมั้ง ก็เลยเข้าเรื่อง เขยิบเข้าไปเกาะแขนมัน

“พี่ท่าน”

“อะไร” มันเหล่ตามองผม

“คือ...พี่อะ เป็นพี่รหัสผมนะ”

“แค่นั้นเองอ่อ?” คิ้วเข้มๆ เลิกขึ้น

“เซ็นลายเซ็นให้หน่อยดิ นะๆๆ” ผมเขย่าแขนอีกฝ่ายเบาๆ

“ไม่!” ไอ้เวรท่านแม่งปฏิเสธ “กูไม่ได้อยากเป็นพี่รหัสมึง”

“เอ้า! แต่ผมจับสลากได้มาแล้ว จะให้ทำไง”

ผมทำหน้าหงิกใส่ ในใจอยากจะตะโกนใส่อีกฝ่ายว่ามึงอย่ามาเรื่องมาก จะเซ็นดีๆ หรือจะให้กูตัดนิ้วมึงแล้วเอาเลือดมาเซ็น หะ!

แต่ก็ทำไม่ได้ครับ มันเป็นรุ่นพี่ T^T

“กูอยากเป็นผัว”

=_=;;;

เมาละท่าน

กูว่ามึงเลอะเทอะแระ

“พี่ท่าน นะๆ เซ็นให้หน่อยดิ”

คุณท่านมองหน้าผม มันกระแทกกระป๋องเบียร์ลงกับโต๊ะ แล้วเอาแขนเท้าคางจ้องหน้าผม

“กูจะเซ็นให้ แต่ต้องให้กูจูบก่อน กูถึงจะเซ็น”

ยากละ มึงยากเกินละ -_-

“โห่พี่ แต่ผมว่ามัน...” ผมอึกๆ อักๆ ก็ผมแค่แกล้งมันนะ ไม่ได้เป็นเกย์จริงๆ ซะหน่อย

“ทำไม หรือว่าที่ผ่านมาแค่จะแหย่กู ไม่จริงใจใช่มั้ย กูบอกมึงไว้ว่าไง”

ถ้าผมไม่จริงใจ มันจะขยี้ให้แหลกคาเตียง

ใครจะจำไม่ได้วะ!!!

“ไม่ใช่แบบนั้น มันเร็วไป” ผมอิดๆ ออดๆ

จูบกับผู้ชายเชียวนะโว้ย!

“มึงจะจูบไม่จูบ” ไอ้พี่ท่านเริ่มชักสีหน้า

“จะ...จูบครับ แต่พี่ต้องเซ็นจริงๆ นะ” ผมกะพริบตาปริบๆ ขณะมองมัน

“เออ กูพูดคำไหนคำนั้น มึงไม่ต้องลีลา จูบกูได้แล้ว”

โคตรของโคตรสั่งเลย ไอ้ห่า!

เอาวะ! ก็แค่จูบ หลับหูหลับตาทำๆ ไปเหอะ จะได้จบๆ ฮึ่ย! ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในห้องมึงแล้วกูมีแววจะพ่ายแพ้สูง กูถีบยอดหน้ามึงแล้วกลับหอกูไปละ!

ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ไอ้พี่ท่าน หลับหูหลับตาเอาปากชนปากมันไปทีนึง แล้วรีบผละออกมา

“เสร็จละพี่ ผมหยิบสมุดมาให้พี่เซ็นได้ยัง”

“จูบเชี่ย’ไรแบบนี้ไอ้เอก กูยังไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย มึงมานี่เลย!”

ไอ้พี่ท่านจัดการล็อกผมจากข้างหลังตอนผมจะหันไปหยิบเป้ตัวเอง แล้วลากไปหามันจนผมหงายหลังเอาศีรษะไปพิงอกมัน โดยที่ตัวยังกึ่งนอนกึ่งนั่ง

“เฮ้ย! อะไร! ปล่อยผมนะ!” ผมโวยวายแล้วพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา แต่มันไม่ยอมปล่อย! ส่วนไอ้พี่ทรานซ์ก็หลับตามพี่รูธไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ กะจะขอให้ช่วยซะหน่อย!

ไอ้พี่ท่านคงรำคาญผม มันเลยเอามือจับที่ปลายคางผม ล็อกไว้ให้อยู่นิ่งๆ แล้วประกบริมฝีปากมันลงมาทันที!

 

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น