3

เกย์ถ่อยๆ อ่อยเถื่อนๆ


 

EPISODE 3

เกย์ถ่อยๆ อ่อยเถื่อนๆ

“อื้อ!!”

เข้!!!

เจ็ดเข้!!!!!

ผมโดนผู้ชายจูบ มายก้อดยอดบอระเพ็ด! นี่มันเรื่องเวรๆ อะไรกันเนี่ย!

มันมาจูบผมทำซากเรือไททานิคอะไรวะ!

กดริมฝีปากขยี้ลงมาซะหนักหน่วง จนผมดิ้นพล่านด้วยความหวาดผวา (?) ยังไม่พอ ไอ้คุณท่านยังพยายามสอดลิ้นเข้ามาอีกต่างหาก

นรกเหอะ!!!

ให้กูตายสิบชาติ กูก็ไม่ยอมหรอกโว้ย!!!

“อื้อๆๆ” ผมโวยวายส่งเสียงอยู่ในลำคอเหมือนคนใกล้บ้า แล้วพยายามดันร่างของไอ้คุณท่านออกไปทั้งทุบทั้งชกลงบนไหล่กับแผงอกมันเลย แต่ดูมันไม่เห็นรู้สึก เสือกล็อกท้ายทอยผมไว้ซะแน่น แล้วเอาแต่กดริมฝีปากขย้ำลงมาจนผมได้แต่กลิ่นเบียร์กับกลิ่นบุหรี่จากปากมันเนี่ย

ไอ้ท่านดูหงุดหงิดนิดนึงที่ผมไม่ยอมให้มันสอดลิ้นเข้ามา ไม่ว่ามันจะพยายามบีบปลายคางผมแรงแค่ไหนก็ตาม มึงเอาปืนมาง้าง กูยังยอมให้มึงยิงเลยตอนนี้อะ สัส!

พอเห็นผมไม่ยอมให้มันรุกดีๆ มันก็เลยสอดมือเข้ามาในเสื้อยืดผม!

ตาเหลือกดิเชี่ย! รอ’ไร!

“อื้อ!!!” ผมดิ้นฉิบหายวายป่วงจนเท้าไปถีบโต๊ะญี่ปุ่นที่ไอ้พี่ทรานซ์กับไอ้ห่าพี่รูธฟุบหลับกันอยู่ ไอ้สองคนนั้นมันเลยตื่นมา แล้วผมก็สะบัดหน้าออกมาจากจูบไอ้พี่ท่านได้พอดี คือตอนนี้มันได้ของเล่นใหม่ที่น่าสนใจกว่าริมฝีปากผมแล้วไง...

ซอกคอกูนี่แหละ!

“พี่รูธ! ช่วยด้วยยย ช่วยกูด้วยยย!!!”

“อ้าวเฮ้ย!!! ไอ้ทรานซ์ น้องโดนปล้ำ!”

“ฉิบหาย ไอ้เชี่ยท่าน ไอ้เกย์ตัณหากลับ มึงปล้ำน้องได้ไง!”

พอผมโวยวายขอความช่วยเหลือไปแบบนั้น ไอ้พี่ทรานซ์กับพี่รูธก็ดูจะสดชื่นตื่นเต็มตา ตาสว่างกันขึ้นมาแทบจะทันที จากตอนแรกที่นั่งทำหน้าเมาอากาศกันอยู่! แถมหลักฐานนี่คาตา ไอ้ท่านกำลังไซ้ซอกคอผมอยู่เลยเนี่ย!

ไอ้พี่รูธรีบมาลากไอ้พี่ท่านให้ออกไปจากร่างผม ส่วนพี่ทรานซ์ก็รีบดันให้ผมไปหลบหลังมัน

หูยยย

น่ากลัว ประสบการณ์ช้างเจ็ดมากๆ

ย้ากกกกกกกกก

เกือบ เกือบไปแล้ว โดนเสียบขึ้นมา กูคงได้ล้องห้ายหนักมากแน่นอน!!!

“ไอ้ท่าน! สติมึงอยู่ไหน!! รีบไปตามมันกลับมาเลย ไอ้ห่า! ทำส้นตีน’ไรเนี่ย!” พี่รูธโวยวายแล้วตบหัวไอ้พี่ท่านไปทีนึงแรงๆ ผมนี่แบบอยากจะเข้าไปตบซ้ำอีกสิบล้านครั้ง จากนั้นก็ชกแล้วกระทืบแม่งให้หนำใจ! อ่อยนิดอ่อยหน่อย มึงต้องข่มขืนกูด้วยความหื่นกระหายแบบนี้เลยหรอ!

“ก็มันมายั่วกูก่อน!” ไอ้คุณท่านโทษผม

“ผะ...ผมเปล่ายั่วนะ!” ผมรีบเถียงเลย ปกป้องตัวเอง

“ยั่ว! กูบอกให้มึงจูบ มึงก็มาจูบ!”

ไอ้ห่า!

ก็มึงบอกจะเซ็นให้กูนี่หว่า!!!

“ทำงั้นจริงเหรอ” พี่ทรานซ์หันมาหรี่ตามองผม

“ก็...ก็มันบังคับให้ทำอะ มันบอกถ้าทำจะเซ็นลายเซ็นให้ มันเป็นพี่รหัสผมนี่” ผมตอบไม่เต็มเสียงหนัก

“เฮ้ย! มึงนี่ยังไงเนี่ยเอก” พี่ทรานซ์ชักสีหน้าหงุดหงิดใส่ “รู้อยู่แก่ใจว่าไอ้ท่านเล่นไม่ได้ ก็ยังจะไปแหย่มันเล่น นี่ถ้าพวกกูไม่อยู่ มึงรู้มั้ยว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น”

“...”

ผมเงียบ

“มึงสู้แรงมันไม่ได้หรอกนะ แล้วถ้าเรื่องมันเกิดขึ้นจริงๆ มึงจะทำไง มึงคิดว่าถ้ามันเกิดขึ้น มึงจะยังหัวเราะได้ปะ จะยังยิ้มได้ปะ จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ปะ มึงเข้มแข็งขนาดนั้นเลยปะ”

ก็ไม่...

ผมยังคิดไม่ออกเลยว่า ถ้าหนีไอ้ท่านไม่รอดจริงๆ แล้วผมจะเป็นยังไงวะ คือผมไม่ได้เป็นเกย์ไง ผมเป็นผู้ชาย ผมยังชอบผู้หญิงอยู่

“ขอโทษครับ”

ผมเป็นฝ่ายขอโทษ เนื่องจากเพราะผมเล่นไม่เข้าเรื่องเอง พี่ทรานซ์ถึงได้ดุผม ดูท่าทางมันเป็นห่วงจริงจังมาก

“ไปเอาสมุดล่าลายเซ็นมึงมานี่” พี่ทรานซ์บอกนิ่งๆ

“ครับ”

ผมเดินไปหยิบสมุดในเป้ออกมาส่งให้พี่ทรานซ์ เขาเลยส่งให้พี่รูธอีกที

“มึงให้ไอ้ท่านมันเซ็นให้น้อง ตอนนี้เลย”

“เออๆ”

พี่รูธรับไป จากนั้นก็บังคับกึ่งด่าให้พี่ท่านเซ็น ซึ่งมันก็ยอมเซ็นๆ ไป แต่ดูสติไอ้พี่ท่านก็ยังไม่ค่อยกลับมาทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ ดูมันยังมึนๆ อยู่เลย

“อ้ะ” พี่รูธส่งสมุดคืนมาให้พี่ทรานซ์ เขาก็เลยส่งมันคืนให้ผม

“เอาไป”

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ขอบคุณพี่ทรานซ์แล้วเอาสมุดใส่เป้

“แล้วก็...มานี่ กูจะไปส่งที่หอ”

พี่ทรานซ์จับแขนผม แล้วลากให้ออกไปจากห้อง ซึ่งก่อนออกมา เขาก็ฝากให้ไอ้พี่รูธช่วยดูไอ้ท่านไปก่อน ไว้มันสร่างๆ ค่อยเคลียร์กับมัน

ระหว่างทางที่พี่ทรานซ์ขับรถมาส่งผม ทั้งคันรถก็เงียบกริบ ผมไม่ได้สนิทกับพี่ทรานซ์ พอบอกเขาว่าหออยู่ไหนเสร็จแล้ว ก็เงียบยาวเลย ไม่รู้จะคุยอะไร และตอนนี้ก็ไม่มีอารมณ์จะมาหยอกล้อหรือคุยเล่นกับมัน เพราะผมเครียดๆ เรื่องไอ้ท่าน ตอนแรกก็อยากเล่น ตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่าจะเล่นต่อดีมั้ย ไอ้ท่านมือไวมาก ผมก็ยังไม่อยากซวยไง

“ถึงหอมึงละ” พี่ทรานซ์บอกสั้นๆ

“ขอบคุณครับ”

“ทำอะไรมึงก็ระวังนะเอก กูรู้ว่ามึงชอบแหย่ชอบเล่น”

“...”

“แต่จะเล่นอะไร ก็ดูด้วยว่ามึงรับผลที่ตามมาไหวหรือเปล่า ไอ้ท่านไม่เป็นไรหรอก อย่างมากมันก็แค่เป็นคนได้ปะวะ คนที่เสียนี่มึงนะ อย่าไปเล่นแบบนั้นกับมันอีก ถ้าไม่คิดอะไร มึงห่างได้ก็ห่าง”

“...”

“มึงก็รู้อยู่แก่ใจว่าเพื่อนกูชอบผู้ชาย ไอ้ท่านอาจจะดูเถื่อน แต่จริงๆ มันอ่อนไหว มึงไม่ควรไปสนิทหรอกนะ ถ้ามึงไม่ได้เป็นเหมือนมัน”

“เอ่อ ครับ”

ผมเกิดใบ้แดก ไม่รู้จะตอบอะไรไอ้พี่ทรานซ์จริงๆ นอกจากคำนั้น ได้แต่ไหว้มันแล้วขอตัวลงจากรถ พอกลับขึ้นไปบนห้องก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนแรกว่าจะนอนเลย แต่ตาแม่งเสือกมองไปที่คอมพ์...

อ๊ะ!

แม่งเชิญชวนกู!

เอาซะหน่อย!

ผมไปเปิดคอมพ์แล้วเล่นฟีดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ระหว่างนั้นดันไปเจอเฟซบุ๊กของผู้หญิงคนนึง น่ารักแบบ ‘โอ้แม่เจ้า!!!’ ดูเหมือนเธอจะเป็นเพื่อนในเฟซกับเพื่อนสมัยม.ปลายของผม ด้วยความเสือกและหม้อ ผมจึงรีบทักแชทไอ้ ‘ปันเจย์’ เพื่อนสมัยม.ปลายของตัวเองไปทันที

AKE AUKKARA >> เฮ้ย! มึงๆๆ มึงๆๆ

ผ่านไปประมาณสามวิ ในแชทแม่งก็ขึ้น

Read/

มันอ่านแล้ว!

ผมรอคอยลอยคอด้วยความตื่นเต้น รอเพื่อนตอบกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ! ซึ่งหลังจากนั้นแป๊บนึง มันก็ตอบกลับมา

PUNJAY PUNJANA >> อะไรมึง

PUNJAY PUNJANA >> หายไปเป็นชาติ

PUNJAY PUNJANA >> เกิดห่า’ไรขึ้น วันนี้เสนอหน้าทักกู

อื้อหือ! รัวด่าซะอย่างกับผมไปฆ่าญาติมันอย่างงั้นแหละ!

AKE AUKKARA >> มึงงง ผู้หญิงคนนี้ใครวะ

ผมพิมพ์ถามมัน จากนั้นก็ก๊อบลิงก์เฟซบุ๊กของผู้หญิงคนนั้นวางลงไปในช่องแชทแล้วกดส่ง รออยู่แป๊บนึง ไอ้ปันเจย์ก็อ่าน มันเงียบไปนานมาก แล้วก็พิมพ์ตอบกลับมา

PUNJAY PUNJANA >> ริบบิ้น

PUNJAY PUNJANA >> ดาว ม.กู

PUNJAY PUNJANA >> ทำไม สนใจ?

สมกับเป็นเพื่อนกันมานาน รู้ดีมาก

AKE AUKKARA >> มึงนี่รู้ดีเหมือนมานั่งอยู่ในใจกูเลยอะ

AKE AUKKARA >> เขามีแฟนยัง

ผมเข้าประเด็นครับ ถ้าเพียงแต่เขายังไม่มีแฟน ผมจะจีบ ผู้หญิงคนนี้แหละใช่ และผมก็เชื่อในความสามารถของหนังหน้าตัวเองมากๆ ด้วย ว่าผมจะเอาชนะใจเธอได้ไม่ยาก เธอเป็นดาว ผมก็เป็นเดือนนะเว้ย ถึงตอนนี้จะเป็นแค่เดือนคณะก็เหอะ ฮ่าๆๆ

PUNJAY PUNJANA >> เขายังไม่มีแฟน

PUNJAY PUNJANA >> แต่เขามีคนที่ชอบอยู่

PUNJAY PUNJANA >> มึงจะจีบ ก็เผื่อๆ ใจไว้มั่ง

 ไอ้เพื่อนผมเป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยพูดอะไรมาก มันบอกว่าขี้เกียจ แต่ลองมันรู้เรื่องของริบบิ้นขนาดนี้ แปลว่ามันกับเธอก็รู้จักกันในระดับนึงเหมือนกัน

เยส!

มาเป็นสะพานให้กูก้าวข้ามหัวซะดีๆ!

AKE AUKKARA >> มึงๆ ถ้ากูอยากแอดไป เขาจะรับแอดกูปะ

ผมถามไว้ก่อน ไม่อยากแอดไปแล้วเขาปฏิเสธอะ

PUNJAY PUNJANA >> หน้ามึงหล่อขนาดนี้

PUNJAY PUNJANA >> ผู้หญิงที่ไหนก็อยากรับ ADD มึงทั้งนั้นแหละ แอดๆ ไปเหอะ

PUNJAY PUNJANA >> กูไปแดกข้าวก่อน

ไอ้ปันเจย์บอกผมแค่นั้น แล้วมันก็ออฟไลน์ทันที

เจ็ดเข้!

มึงอินดี้มาก หรือมันไม่อยากเสวนากับผมวะ ก็ไม่รู้เหมือนกันอะ แต่ผมก็เสนอหน้ากดแอดริบบิ้นไปเรียบร้อยแล้ว พอรับแอดปุ๊บ ใจนี่เต้นระรัว คอยกดเอฟห้าทุกสองวิ จะดูว่าขึ้นว่าเป็นเพื่อนหรือยัง ผ่านไปสักเกือบชั่วโมง ผมคิดว่าเธอคงไม่รับละ มันก็ขึ้นแจ้งเตือนว่าเธอรับผมเป็นเพื่อน

เยส!!!

คนนี้แหละ คือคนที่ Yes แน่นอน!!!

Yes ที่แปลว่า ใช่ นะครับ ไม่ใช่ เย...อย่างงั้น =_=;;;

พอเธอรับเป็นเพื่อนผมปุ๊บ ผมก็รีบแต๊งแอดเธอเลยครับ แต่ระดับผม ไม่มีการแต๊งแอดหน้าวอลให้เสียเว แต๊งแอดในแชทเพราะความแรดในหัวใจนี่มีเต็มร้อย -..-

AKE AUKKARA >> ขอบคุณที่รับแอดนะครับผม ^^

Read/

เหมือนเธอจะเล่นอยู่พอดีหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่มันขึ้นว่าเธออ่านแล้วแทบจะเดี๋ยวนั้นเลยอะ!

Ramida Wongwattana >> ค่ะ

Ramida Wongwattana >> เพื่อนปันเจย์เหรอคะ

Ramida Wongwattana >> ปันเจย์บอก

น่อวววววววววววว

เห็นเงียบๆ แต่ก็แอบช่วยกูนี่หว่า!!!

ผมนี่ยิ้มกริ่มเลยครับ คุยยาวสาวได้สาวเอาแทบจะเดี๋ยวนั้น =..=

ด้วยความแรดที่มีอยู่มากมาย หลังจากคุยกับริบบิ้นไปพักใหญ่ๆ ผมก็ได้ไลน์มา ความจริงผมรู้ตัวนะว่าแบบผมเป็นคนคารมดีคุยสนุกประมาณนึง จึงไม่แปลกถ้าริบบิ้นจะ 555+ ตอบกลับมาทุกรอบ

หรือเธอตอบไปงั้นๆ วะ =_=;;;

มีบางจังหวะเหมือนกันที่ริบบิ้นตอบผมช้า ผมก็แอบคิดนะ ว่าหรือเธอไม่สนใจผม เธอรำคาญปะวะ แต่ในระหว่างที่ผมกำลังหงอยเหงา เธอก็จะตอบกลับมา และเมื่อผมลองขอไลน์ดู การขอไลน์แม่งเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการเนียนขอเบอร์ในภายหลังครับ ซึ่งเธอก็ไม่ปิดโอกาสด้วย! พอคุยกันได้สักสองสามชั่วโมง ริบบิ้นก็ขอตัวไปนอนก่อน ผมเลยบอกลาเธอ ซึ่งพอคุยกับริบบิ้นเสร็จ ผมก็กะจะปิดคอมนอนละ แต่แชทเฟซดันเด้งขึ้นมาก่อน

TAN KUNTAN >> มึงนอนยังเอก

ขนาดมาแค่แชท ไม่มาเป็นตัวนะ ผมนี่สะดุ้งโหยง รีบเอามือกอดตัวเองไว้เลย

ก็ไอ้คุณท่านไง จะใครล่ะ!

ผมยังไม่เอามือไปคลิกครับ ยังไม่อยากให้ขึ้นว่าผมอ่าน กำลังคิดอยู่ว่าควรจะตอบดีมั้ย หรือรีบกดออกแล้วทำเป็นนอนแล้วไปเลยดี...

ผมเอามือขึ้นมากัดเล็บเมื่อคิดอะไรไม่ออก ความจริงก็ไม่ใช่เขินหรือรู้สึกวิ้งวับห่าอะไรกับที่มันจูบ แต่ตกใจมากกว่า คือผมเป็นผู้ชายไง ยังไงๆ ผมก็รู้ตัวว่าผมชอบผู้หญิง ไม่ว่าไอ้ท่านจะหล่อกว่านี้คูณล้านผมก็ไม่รู้สึกอะไรนอกจากหวาดผวาเวลามันเข้ามาอยู่ใกล้ๆ และพยายามจะถึงเนื้อถึงตัวกับผม ถึงจะเป็นเพราะผมไปอ่อยมันก็เหอะ

ไอ้รอยบนคอที่มันทำก็ยังมีจางๆ อยู่เลยนะ ตอนอาบน้ำผมก็เห็นอะ มันทำให้ผมลังเล ไม่รู้ว่าควรจะแกล้งมันต่อไปดีหรือเปล่า

TAN KUNTAN >> ไอ้น้องเอก กูถามว่า มึงนอนรึยัง ไงล่ะ

พอเห็นผมไม่ตอบ ไอ้ท่านก็เด้งแชทซ้ำ น่ามคาญสุดๆ! เออ ตอบๆ ไปว่าจะนอนแล้วละกัน ผมยังไม่พร้อมจะคุยกับมัน ยังผวาอยู่เลยนะโว้ย!!!

AKE AUKKARA >> นอนแล้วพี่

TAN KUNTAN >> ละนี่ละเมอตอบเหรอ

กวนตีน =_=

AKE AUKKARA >> ห่มผ้าห่มแล้วพี่ ฝันดีนะครับ

TAN KUNTAN >> ดีพ่อง! รับสายกูเดี๋ยวนี้

ไอ้ท่านพิมพ์มาแค่นั้น แล้วมันก็โทร.หาผมทางเฟซบุ๊ก ผมมองโทรศัพท์ตัวเองที่ส่งเสียงแจ้งเตือนอย่างหวาดหวั่น ไม่กล้ารับสายสักที ปล่อยให้มันดังจนไอ้ท่านรัวแชทมาหาด้วยความหงุดหงิด

TAN KUNTAN >> ถ้ามึงไม่รับ

TAN KUNTAN >> ไม่ยอมคุยกับกู

TAN KUNTAN >> กูจะบุกไปหามึงที่หอตอนนี้

TAN KUNTAN >> แล้วก็ข่มขืนด้วย

TAN KUNTAN >> มึงอยากลองของใช้มั้ยเอก

ห่าเอ๊ยยยยยย

รับสิครับ!

รอทูตสวรรค์ลอยตัวลงมาตัดริบบิ้นเปิดงานหรือไง!

“ฮะ...ฮัลโหล” ผมรับสายมันแบบไม่เต็มเสียงนัก

(เสียงสั่น เป็นเชี่ย’ไรมึง)

คือบับ...

ความอ่อนโยนของมึงคืออะไรวะคุณท่าน นี่คือคำพูดที่มึงให้กับคนที่มึงมีใจเหรอ มึงอยู่ในยุคตีหัวลากเข้าถ้ำเหรอ ยุคนี้มีไอแพดแล้วนะไอ้ท่าน ถ้ามึงพูดดีๆ ไม่เป็น มึงก็ให้ Siri สอนมึงก็ได้นะ! ห่านจิกเอ๊ย!

ยาวครับ ในใจอะ กูยาวตลอด แต่ที่พูดออกไปคือ

“ง่วงอะพี่ ตาจะปิดแล้ว”

(มึงนอนไม่หลับหรอก มึงคิดมากเรื่องกูอยู่ใช่มั้ย)

น่าน....เสือกรู้

“รู้ดีเหมือนมานั่งอยู่ในใจผมเลยนะพี่” ผมแกล้งแขวะมัน

(เนี่ย มึงก็ชอบทำแบบเนี้ย ชอบอ่อยอย่างงี้แระ ไม่ให้กูคิดได้ไงวะ!) คุณท่านกระแทกเสียงนิดๆ ใส่ผม (หรือมึงไม่รู้ตัว ว่ามึงน่ารัก อ่อยยังไงกูก็ชอบ)

!!!!!!

เจ็ดเข้

เข้

เข้

เข้!!!!!!

ตะ...ตรงมาก ตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัดทั้งโลกมามัดรวมกัน!!!

แต่ผมไม่เขินมันนะ ผมก็แค่ช็อกอะครับ!

“คือ...นี่ผมจีบพี่ติดละเหรอ ไม่กี่วันเองนะ” ผมแกล้งถามมัน

จริงๆ กูว่าจะไม่เล่นละ แต่มึงมาเซ้าซี้กูเองนะไอ้ท่าน โทษกูไม่ได้นะโว้ย มึงชวนกูเล่นเอง!

(ยัง) มันตอบเสียงนิ่ง (กูไม่ได้บอกว่ามึงจีบติด กูก็แค่บอกว่ามึงน่ารัก พอมึงอ่อยแล้วกูชอบ)

=_=

นี่ถ้าผมชอบมันนะ ผมคงเดินแก้ผ้าจากหน้าหอไปถวายตัวให้แม่งแล้ว พูดมากขนาดนี้ มึงอ่อยได้เถื่อนสมฉายามึงมาก!

“และพี่โทร.หาผมทำไมล่ะ หรือว่า...คิดถึง”

จัดไปหนึ่งดอก

ฮ่าๆๆ ฮ่าๆ

(เออ คิดถึงจนกูนอนไม่หลับเลย มึงโกรธกูหรือรึเปล่า)

สงสัยฤทธิ์ฝ่ามือเฮียรูธจะได้ผล โบกกบาลแม่งไปที ถึงได้รู้ว่าทำเวรๆ อะไรกับผมไว้บ้าง พอมันถามมาแบบนี้ ผมนี่รีบตอแหลใส่มันเลย

“ไม่โกรธหรอกพี่ แค่น้อยใจ ถึงผมจะชอบพี่ยังไง ผมก็เป็นลูกมีพ่อมีแม่นะ พี่ทำงี้ พี่ไม่ให้เกียรติผมเลยอะ ผมชอบพี่ไม่ได้หมายความว่าผมง่ายนะ คุยกันสามสี่วันเอง มันเร็วไป”

(...)

ไอ้ท่านฟังผมพูดจบก็เงียบไปพักใหญ่เลย จนผมต้องเรียกซ้ำ

“ฮัลโหล พี่ท่าน ยังอยู่ปะเนี่ย”

พอได้ยินผมเรียก มันก็ตอบกลับมา และคำตอบนั้นทำเอาผมหงายเงิบเลย

(อาทิตย์นึงพอมั้ย)

จะฟันให้ได้เลยสินะ ไอ้ห่า!!!

“เคยมีคนบอกพี่มั้ย ว่าพี่ทำตัวเหมือนคนไร้สติอะ” ผมว่าจะไม่ด่าอะไรมันละนะ แต่แบบ...ทนไม่ไหวจริงๆ ว่ะ ขอสักคำสองคำให้ชื่นใจ แม่งกวนตีน!

(มึงกำลังบอกอยู่นี่ไง)

“ฮ้าว...” ผมแกล้งทำเสียงหาว “ง่วงนอนจังเลยพี่ท่าน งั้นแค่นี้ก่อนนะ”

(อือ ไปเหอะ ฝันดี) มันบอกสั้นๆ

“พี่ก็ฝันดีนะ แต่พี่จะฝันดีกว่าผม”

(ทำไม)

“เพราะว่าพี่จะฝันถึงผม”

หยอดดดดดด ใครไม่รู้คงนึกว่าบ้านกูขายดินสอพอง ไม่ก็ขนมครกแระครับ หยอดมันเข้าไป หยอดจนกว่ามันจะใจอ่อนยวบเป็นเจลลี่ สยบแทบเท้าผมเลย ถามว่าผมทำทำไม ก็อย่างที่บอกไปแต่แรก หมั่นไส้ ผมชอบแกล้ง ชอบเล่นกับความรู้สึกคนอื่น เหตุผลอะไรยิบๆ ย่อยๆ ผมไม่ค่อยนึกถึง ขนาดเฮียทรานซ์ทำเหมือนจะจับได้ ผมยังไม่รู้สึกเลย ให้ตายเหอะ!

(งั้นแม่งคงจะเป็นฝันเปียก)

มึงรับรางวัลโนเบลสาขาโคตรพ่อโคตรแม่ตรงไปเลยเหอะไอ้ท่าน ถ้าจะพูดตรงตลอดเวลาขนาดนี้

“บายครับ” ตัดบท ต้องตัดบทสถานเดียว!

(อือ)

ผมกดวางสายก่อน โดยไม่รอให้พี่ท่านตัดสายผม จากนั้นผมก็ถ่อสังขารไปนอน ตอนแรกว่าจะเลิกหยอดเลิกยุ่งกับมันแล้วนะ แต่ไหนๆ มันมาวอแวผม ก็เล่นกับมันพอขำๆ สักตาสองตาละกัน จะมาหาว่าผมร้ายไม่ได้หรอก ก็มันวอแวเองปะ

 

ตอนเช้า

วันนี้เป็นวันเสาร์ ผมไม่มีเรียน แต่ในหอก็ไม่มีอะไรจะแดกเลย จึงตั้งใจว่าจะออกไปหาอะไรกิน ด้วยความดัดจริตที่มีมากมาย ผมเลยนั่งสองแถวออกไปไกลจากหอตัวเองเยอะ พอรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่แถวๆ ตลาดที่อยู่ไม่ห่างจากหอไอ้พี่ท่านนัก แต่ของกินเยอะมากนะที่ตลาดเนี่ย ดังนั้น ซื้อครับ ซื้อแหลก ซื้อทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากจะกิน โดยไม่สนด้วยว่าจะแดกหมดมั้ย ขอแค่ได้ซื้อก็เท่านั้นอะ

“ป้าครับ อันนี้มันขนมอะไรอะป้า” ผมถามแล้วชี้ไปยังขนมในถาดซึ่งดูหน้าตาน่ากินมาก

“ขนมทองเอกลูก” ป้าคนขายตอบ “กล่องละยี่สิบบาท เอามั้ย”

แหม อะไรที่ชื่อมีคำว่าเอกนี่ มักจะหน้าตาดี!

“เอาครับ”

ผมไม่มีตรรกะอะไรในการซื้อของไปแดกเลย อย่างอันนี้ก็ซื้อเพราะมีคำว่า ‘เอก’ เหมือนชื่อผม ก็เท่านั้นเอง ง่ายๆ

ระหว่างที่ผมกำลังรอป้าเอาขนมใส่ถุงอยู่ ก็มีใครบางคนมายืนซ้อนข้างหลัง แล้วแกล้งเอาหัวเข่าดันตรงข้อพับขาผม จนผมเซเกือบล้ม แต่ไอ้คนที่แกล้งก็ดึงแขนผมไว้ก่อน กลิ่นน้ำหอมจางๆ ปนกลิ่นบุหรี่แบบดิบๆ ทำให้ผมหันขวับไปมอง พลางหวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่คิด...

“มาทำ’ไรแถวนี้ ขี้อ่อย”

แต่โชคก็ไม่เข้าข้างผมหรอก -_-

ไอ้คุณท่านจริงๆ ด้วย!

แม้ว่าผมจะอยากมองบนแค่ไหน แต่ที่ผมทำก็คือการฉีกยิ้มหวานให้มัน ตรงข้ามกับความคิดที่กำลังด่ามันโดยสิ้นเชิง

“ผมชื่อเอกครับพี่ท่าน”

“กูจะเรียกขี้อ่อยมี’ไรปะ ก็มึงอ่อยอะ มึงมาแถวนี้ทำไม ไกลจากหอมึงตั้งเยอะอะ หะ!” ไอ้พี่ท่านแม่งทำอย่างกับจะหาเรื่อง อ้ะ! อยากได้เรื่องมาก กูจัดให้!

“มาอ่อยพี่ไง” ยิ้มหวานไปอีกหนึ่งรอบ แล้วรู้มั้ยว่าไอ้พี่ท่านทำไง มันมาหยิกปากผมอะ!

“โอ๊ย! เจ็บ!” ไม่ได้หยิกแรงหรอก แต่ผมก็รีบปัดมือมันออกทันทีเลยเหมือนกัน

“มันเขี้ยวมี’ไรปะ” คุณท่านเลิกคิ้วใส่ผม ประกอบกับหน้ามันเถื่อนด้วยไง จึงดูโคตรกวนตีน

“ได้แล้วจ้า” ป้าคนขายขนมเรียกผม ผมเลยหันไปจ่ายเงิน แต่ตอนผมจะเอื้อมมือไปรับถุง ไอ้คนตัวสูงข้างหลังก็เสนอหน้าเอามือไปฉวยมาให้แทน โดยที่ผมไม่ได้ไหว้วานมันเลยยย

เอาของกูไปไม่พอ เปิดถุงออก แล้วชะโงกหน้าดูแบบสงสัยใคร่รู้

อื้อหือ! ความเสือกขั้นพีคนี้...

“มารยาทอะพี่ มารยาทไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเองนะ” ผมแขวะมันเล็กน้อย ซึ่งไอ้ท่านก็ดูโคตรจะไม่สน

“คืออะไร”

แน่ะ! ไม่รู้จักอีกคนละ! เหมือนกูเลย โง่เหมือนกู!

“ทองเอกพี่ ผมซื้อเพราะว่าชื่อเอกเหมือนผมเฉยๆ ฮ่าๆๆ น่ากินใช่ปะ ยี่สิบบาท ซื้อดิ” อยู่ๆ ผมก็ขายของให้แม่ค้าเฉย เล่นเอาป้ายิ้มแป้น

“แล้วถ้าอยากกิน ‘เอก’ ที่ยืนอยู่ตรงหน้ากูนี่ ขายเท่าไหร่วะ”

เชรดดดดดดดดด

เชรดแล้วทิ้งงงงงง

มุกมึงบับ!

ทำกูอึ้งไปครู่ใหญ่!

ผมอมยิ้ม

“เห็นเถื่อนๆ นี่ก็เสี่ยวไม่เบานะเราอะ” คุณท่านมองผมนิ่งๆ อยู่แป๊บนึง แล้วก็หลุดยิ้มนิดๆ ...

พีค...

หล่อฝัดรัสเซีย!!!

ปกติไอ้คุณท่านเหมือนเสือยิ้มยาก ไม่เคยเห็นมันยิ้มสักที เอาแต่ทำหน้านิ่งหน้าเถื่อน ไม่งั้นก็กวนตีน ดึงหน้าใส่รุ่นน้องเป็นว่าเล่น ไม่นึกไม่ฝันเลยว่ามันจะยิ้มแบบนี้กับเขาเป็นเหมือนกัน

“พี่ยิ้มน่ารัก ผมใจละลายเลยอะ” เป็นคนพูดตามที่คิด อาจจะบวกจริตความตอแหลไปเล็กน้อย ผมไม่ได้ขี้อ่อยนะ เขาเรียกเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

“มาเป็นเมียกู กูจะยิ้มให้มึงดูทุกครั้งที่อยู่บนเตียงเลย”

เข้าเรื่องนี้ตลอด! ไม่พูดเรื่องเตียงสักวัน สงสัยจะหายจากการเป็นเกย์เลยมั้งงง

ผมส่ายหน้าไปมายิ้มๆ โดยไม่ตอบโต้มัน แล้วออกเดินไปก่อน ซึ่งคุณท่านก็เดินตามผมมา ผมเลยอดถามไม่ได้

“แล้วพี่มาทำอะไรแถวนี้อะ ผมไม่เห็นพี่ซื้ออะไรเลย”

“มาซื้อของทำโม แต่เอาของไปไว้ที่รถแล้ว”

“แล้วตั้งแต่เช้ากิน’ไรยังอะ” ผมถาม ไม่รู้เหมือนกันว่านึกยังไงถึงถามไปแบบนั้น ความจริงผมไม่เห็นต้องสนใจมันเลย แต่เอาเหอะ ช่วงทำคะแนน เอาใจหน่อยละกัน

“ยัง ยังตัดโมไม่เสร็จ กูไม่ทำอะไรหรอก” พี่ท่านตอบหน้านิ่ง ผมก็เลยมองสภาพมัน...

อื้อหือ! ลุคแม่ง เสื้อยืดสีขาว กางเกงขาก๊วย...

ถ้าไม่ติดว่าหน้าตามึงเป็นแบบนี้นะไอ้ท่าน มึงก็แค่ผู้ชายทุเรศๆ กากๆ คนนึง =_=

“งั้น...กินข้าวกับผมก็ได้นะ ผมซื้อของมาเต็มเลย ไปกินที่หอพี่ก็ได้ กินด้วยกัน ถ้าพี่ไม่คิดมากอะนะ”

คุณท่านตวัดสายตามองผม

“กูจะคิดมากอะไรวะ”

“ไม่รู้ดิ เผื่อพี่รำคาญ’ไรงี้” ผมพูดแล้วยิ้มแหยๆ นิดๆ

“กูก็บอกตั้งแต่เมื่อวานแระว่ากูชอบมึง กูจะรำคาญได้ไง” ไอ้ท่านใช้นิ้วชี้ดันหว่างคิ้วผมออกไปจนหน้าหงาย “เพ้อเจ้อ”

ตึกๆๆ...

จู่ๆ หัวใจผมก็เกิดดัดจริตเกินหน้าเจ้าของ มาเต้นตึกๆ ตักๆ ตอนไอ้ท่านมองมาด้วยสายตาที่เหมือนจะอ่อนโยนหน่อยๆ จริงๆ มันเป็นคนแข็งๆ ไง เถื่อนด้วย ผมก็เลยไม่คิดว่ามันจะมามองผมด้วยสายตาแบบนี้ได้

ไม่หรอก! ไม่ได้ใจเต้นเพราะมันแน่ ผมเป็นผู้ชายนะ อาจจะแค่แปลกใจ แม่งเพราะความแปลกใจชัวร์ๆ

“เงียบทำไม ใบ้แดกอ่อ?”

เป็นเพราะความแปลกใจ เชื่อผมดิ ผมไม่มีทางชอบไอ้ปากหมาอย่างมันหรอก -___-

ยังไงผู้หญิงก็ยังเร้าใจผมอยู่เว้ย!

“เปล่าพี่ เปล่าๆ”

“ตกลงจะไปหอกูใช่มั้ย” ไอ้ท่านถาม

“อือฮึ” ผมตอบ

“งั้นเดินตรงไปเลย รถจอดอยู่ใกล้ๆ เนี่ย”

ไอ้คุณท่านบอก ผมเลยเดินนำไปตามที่มันบอก ซึ่งพอมาถึงริมถนน เห็นมีแต่มอเตอร์ไซค์จอดเต็ม ไม่มีรถยนต์สักคัน

“ไหนรถพี่อะ” ผมหันไปถาม

“ก็มอ’ไซค์ข้างหน้ามึงนี่ไง”

O_O;;;

ใช่ว่าผมเรื่องมากไม่นั่งมอเตอร์ไซค์นะ คนอย่างผมนี่ลุยมาก ซาเล้งก็มาเหอะ มึงกล้าขับ กูก็กล้านั่ง แต่แบบ...ถามหน่อย รถมอเตอร์ไซค์ขับเคลื่อนสองล้อของมึงแม่งของเยอะขนาดนี้ กูจะนั่งตรงไหนได้วะ

ระหว่างที่ผมกำลังหาคำตอบให้ชีวิต ไอ้คุณท่านก็ฉวยเอาถุงของจากมือผมไปแขวนๆ ไว้ที่แฮนด์ลวกๆ แล้วขึ้นไปนั่งบนมอเตอร์ไซค์

“มาดิ ยืนรอป๊ามึงตัดริบบิ้นเหรอ”

ไอ้นี่ เล่นถึงพ่อกูเลย -_-+++

“จะนั่งยังไง ไม่มีที่อะ” ผมบ่นกระปอดกระแปด “ของพี่เยอะ”

ไอ้ท่านไม่ตอบ แต่เขยิบถอยหลังไปนิดหน่อย จนข้างหน้ามันเหลือที่ว่าง

“นั่งนี่”

หะ!!!

นั่งข้างหน้ามึงเนี่ยนะ!

“พะ...พี่ท่าน ผมว่ามัน...” ไม่ไหวมั้งสัสสส! แนบชิดเกิ๊นนนนนน กูเป็นผู้ชายนะโว้ยยยยยยยยยยยย

ในใจผมกรีดร้องตะโกนก้องจะไม่ไป ยังไงก็ไม่ไปในสภาพนั้นแน่ๆ แต่ไอ้คุณท่านเอื้อมมือมากระชากแขนผมเข้าไปใกล้ คว้าเอวผมไปง่ายๆ เพราะแรงมันเยอะกว่า แล้วจะกดให้ตัวผมนั่งลงด้วยความรำคาญ ผมอึกๆ อักๆ ไม่อยากจะนั่งลงไป เลยเอาแต่ยืนคร่อมอยู่ แต่...

“มึงเห็นนั่นมะ” ไอ้คุณท่านชี้มือไปยังโรงแรมรายคืนที่อยู่เยื้องๆ ออกไปจากตลาดนิดหน่อย

“หะ...เห็น =_=;;;” ผมตอบไม่เต็มเสียงนัก

“ถ้ามึงเรื่องมาก กูจะเลี้ยวเข้าที่นั่น เอามั้ย”

แม่งงงงงง เอาเรื่องนี้มาขู่ ผมจะไปกล้าหือได้ไงวะ!!!

“เออๆ นั่งแล้วๆ” ผมทำเสียงกระแทกกระทั้น ไอ้ท่านเลยฟาดมือลงบนก้นผมแบบไม่แรงอะไรมาก แต่ก็ทำให้ผมสะดุ้งแหละ

“ขึ้นเสียงใส่กูเหรอ” มันทำเสียงดุนิดๆ ผมเลยแค่ทำหน้าหงิกๆ แล้วนั่งลงข้างหน้ามัน แบบพยายามทำตัวให้ลีบที่สุด แต่ไม่เป็นผลอะ ไอ้ท่านแม่งเบียดเข้ามาซะชิดจนหลังผมติดแผ่นอกมันเลย พอไอ้พี่ท่านรู้สึกว่าพร้อมแล้ว มันก็สตาร์ทรถง่ายๆ ใช้มือข้างนึงจับแฮนด์ อีกข้างกอดเอวผม แล้วขับออกไปจากบริเวณนี้

“พี่ท่านจับแฮนด์มือเดียวไม่กลัวเหรอ” ผมหันไปถาม ไม่ได้ห่วงมันหรอก ห่วงตัวเองเนี่ยแหละ! มันคล่องหรือเปล่าก็ไม่รู้ กูยังไม่อยากตายนะ!

“กลัวก็ช่วยกูจับดิ”

=_=;;; ไม่เคยพบไม่เคยเห็น สองคนช่วยกันประคองแฮนด์ คือพีคไปน่ะกูว่า...

“จับสองมือเหอะพี่ ผมไม่ตกหรอก” ผมบอก

“ใครบอกว่ากูกลัวมึงตก”

“แล้วกอดทำไมอะ” ผมทำหน้างงๆ ใส่

“กูอยากกอดเฉยๆ ไม่ได้กลัวมึงตกเลย”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น