0

บทนำ


บทนำ

ยี่ห้อ: Gibson

รุ่น: J-45 Standard

ราคา: 90,000 >> 81,000 ฿

ไม่มีปัญญาจริงๆ ว่ะ

“เฮ้ออออออ”

“มึงถอนหายใจซะกูนึกว่าโลกจะแตกวันนี้”

นายเพราพนาไม่ตอบโต้คำประชด แค่นอนหมดอาลัยตายอยากอยู่บนโซฟาตัวหนึ่งภายในห้องของเพื่อนสนิทอย่างนายเพราเพลิง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มก็จ้องเพียงแค่หน้าจอไอแพดที่โชว์ภาพของกีต้าร์ทรงคลาสสิค ซึ่งมีราคาที่เด็กมหาวิทยาลัยธรรมดาๆ อย่างเขาจับต้องไม่ได้

ว่าแล้วก็ดึงโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชั่นบัญชีออนไลน์ เพื่อพบว่าในนั้นมีเงินเก็บอยู่แค่สามหมื่นเจ็ดพันบาทกับเศษสตางค์อีกนิดหน่อย

“สี่หมื่นสี่ กูจะหาเงินสี่หมื่นสี่จากที่ไหนมาวะ” ว่าแล้วก็ถอนหายใจอีกเฮือก

“ก็ไม่ต้องหา ไม่ต้องซื้อ ไอ้ของขวัญไร้สาระของมึงน่ะ”

ขณะที่เพื่อนสนิทก็สวนกลับมาทันควัน จนต้องหันไปมองด้วยสายตาเคืองๆ

“ไร้สาระของมึง แต่มีสาระสำหรับกู”

“เอาเงินไปซื้อเซ็กซ์ทอยยังคุ้มค่ากว่า”

“ไอ้เพลิง! กูไม่ใช่มึง”

คราวนี้เพลิงที่เล่นโทรศัพท์อยู่อีกฝั่งของโซฟายอมหันมาสบตา เลิกคิ้วทำนองว่าอ้าวเหรอ แล้วก็แย้มยิ้มหวานเจี๊ยบที่ขับให้ใบหน้าน่ารักยิ่งน่ามองไม่รู้กี่เท่าตัว หากเพื่อนสนิทที่หลวมตัวคบกันมาสามปีก็รู้ดีว่าอย่าไปเชื่อหน้าตาของมัน เห็นเพลิงเป็นผู้ชายน่ารัก ตัวเล็ก เคะแตก เกิดมาเพื่อถูกเสียบแบบนี้ มันไม่ได้น่ารักใสซื่ออย่างหน้าตามัน

“ไอ้เพ้นท์ กูมีวิธีดีกว่าของมึงที่หาเงินซื้อไอ้กีต้าร์เหยียบแสนนั่นนะ...” ไอ้เพลิงวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะแล้ว จากนั้น ร่างเล็กก็คืบคลานขึ้นมาบนตัวของเพ้นท์ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหมอนอิงอยู่ ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์ ไหนจะยื่นมือมาลูบต้นแขนเขาจนขนลุกซู่ แต่เพ้นท์ก็ยังไม่ขยับหนี รู้ตัวดีว่าอย่าไปเต้นตามให้ถูกแกล้งมากกว่านี้

เพลิงโน้มหน้ามาข้างหู

“...ปล้ำแม่งเลยสิ”

“...”

คนฟังไม่ตอบคำ แค่มองเรือนร่างแสนเซ็กซี่เกินชาย คอเสื้อที่ตกห้อยลงมาจนเห็นไปถึงตุ่มไตสีหวาน (ที่ไอ้เพลิงบำรุงอย่างดี) แล้ววกกลับมามองดวงตาซุกซนของเด็กเจ้าเล่ห์ที่พร้อมจะยั่วไปทั่ว แล้วเพลิงก็ว่าต่อด้วยเสียงสั่นพร่า

“ไม่มีเงินก็เอาร่างกายเข้าแลกซะสิ แบบนี้ไง...” คนพูดลากมือมายังต้นขา ทำท่าจะสอนอย่างที่ปากว่า ทว่า...

ปัง!

“น้องเพลิงอยู่มั้ย พี่...”

“พี่สินธุ์!”

เพราพนาขอยืนยันตรงนี้เลยว่า...สมน้ำหน้า!

เพราะทันใดนั้น ผู้ชายตัวโตที่ไขกุญแจเข้ามาในห้องพร้อมกับถุงใบใหญ่ก็หน้าตาเคร่งเครียด ปล่อยถุงขนมลงพื้น ก้าวยาวๆ เข้ามาจับแขนไอ้เพลิง แล้วออกแรงดึงทีเดียว ผู้ชายตัวเล็กๆ อย่างมันก็ลอยหวือเข้าไปในอ้อมอกของคนขี้หวง จนคนขี้ยั่วหน้าหดเหลือสองนิ้ว รีบฉีกยิ้มอ้อนแฟนเป็นพัลวัน ปากก็แก้ตัวไปด้วย

“พี่สินธุ์อย่าเข้าใจเพลิงผิดน้า เพลิงกับไอ้เพ้นท์ไม่ได้ทำอะไรเลย เราแค่ดูกีต้าร์กันเฉยๆ แล้วพี่ก็เข้ามาพอดี เชื่อเพลิงน้า เพลิงมีพี่สินธุ์คนเดียว ทั้งกายทั้งใจให้พี่สินธุ์คนดีคนนี้คนเดียวเลยน้า” เพราพนาแอบกลอกตา แต่ไม่พูดอะไร ไม่อยากงัดเรื่องเมื่อหลายเดือนก่อนขึ้นมาให้เพื่อนเสียหน้าเล่น

ตอนนั้นเพื่อนสนิทเขาปฎิเสธหัวชนฝาว่าไม่เอาคนอย่างพี่สินธุ์ที่ชื่อเชยแสนเชยมาเป็นแฟนหรอก มาดูตอนนี้สิ ติดผัวยิ่งกว่าอะไรดี

“แน่นะ” พี่สินธุ์หรี่ตาเหมือนไม่แน่ใจ แต่พอเจอเพราเพลิงเอาหัวไถไหล่ไปที

“อืม พี่เชื่อก็ได้ครับ ขอโทษนะที่พี่เผลอเสียงดังใส่ ก็น้องเพ้นท์...อืม หล่อกว่าพี่ไม่รู้กี่เท่านี่นา”

ตอนแรกว่าสมน้ำหน้าเพื่อนสนิท แต่ตอนนี้เพราพนา...สงสารตัวเอง

เขาไม่ได้อยากหล่อ บางทีก็อยากน่ารักเอาแค่เสี้ยวของเพื่อนสนิทก็ยังดี!

ความคิดของชายหนุ่มเจ้าของผมสี wood grey ที่อยากจะร้องไห้ขึ้นมาดื้อๆ พลางมองแฟนของเพื่อนสนิทอย่างพี่สินธุ์

หนุ่มนิติศาสตร์ที่แม้จะสวมแว่นกรอบหนา หางตาตก แต่ก็ถือว่าเป็นหนุ่มหล่อรูปร่างสูงใหญ่ อาจจะดูคงแก่เรียนไปนิด แต่ก็ให้ความรู้สึกสุขุมนุ่มลึก เรียกได้ว่าเป็นคนหล่อ แต่เมื่ออีกฝ่ายบอกว่าเขาหล่อกว่าหลายเท่า คนที่อยากเกิดมาน่ารักกับเขาบ้างก็เหี่ยวสนิท ได้แต่เสมองไปยังหน้าจอไอแพดที่ดับไปแล้ว จนเห็นเงาสะท้อนของตัวเอง

ภาพตรงหน้าคือชายหนุ่มวัยยี่สิบปีที่มีรูปหน้าเรียว จมูกโด่ง ริมฝีปากบางหากได้รูปสวย แต่เพราะดวงตาสองชั้นที่ค่อนข้างโตและกดลึก จึงให้ความรู้สึกคมคาย ยิ่งรับกับรูปคิ้ว หลายคนจึงบอกว่าเพ้นท์เป็นได้ทั้งหนุ่มหล่อและผู้ชายน่ารัก ซึ่งดูเหมือนจะไปทางอย่างแรกมากกว่า แม้ว่าเขาจะพยายามลดความเข้มของดวงตาลงไปด้วยการทำผมสีอ่อนเป็นสีวู้ดเกย์ แต่พี่สินธุ์ก็ยังเลือกจะชมว่าเขาหล่อมากกว่าน่ารักเสียอย่างนั้น

คนอื่นชมไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บใจสุดคือคนที่เขาอยากจะซื้อกีต้าร์ไปให้เป็นของขวัญวันเกิดเนี่ยสิ

‘เพ้นท์ยิ่งโตยิ่งหล่อ พี่สู้ไม่ได้แล้วนะเนี่ย’

ไม่โว้ย กูไม่ได้อยากหล่อ กูอยากน่ารักในสายตามึงอะ!

“มันเนี่ยนะหล่อ พี่สินธุ์สายตาสั้นลงหรือเปล่า”

นี่ไม่รู้ว่าไอ้เพลิงช่วยหรือด่าซ้ำ จนได้แต่มองมันด้วยสายตาขุ่นๆ ก่อนที่จะเอ่ยปากบ้าง

“พี่สินธุ์ไม่ต้องกลัวครับ จ้างผมร้อยล้านก็ไม่เอาไอ้เพื่อนแรดนี่มาเป็นแฟนหรอก”

“พูดเหมือนกูจะเอามึงงั้นแหละ ได้กันเองแล้วใครจะเสียบวะ”

ใช่แล้ว ไม่ว่าจะเพราพนาหรือเพราเพลิงก็สถานะเดียวกัน...รับ 100% เลยครับผม

“ไม่ใช่กูแล้วกัน”

เพ้นท์พึมพำกับตัวเอง มองเพื่อนสนิทดึงแขนแฟนให้นั่งข้างกัน แล้วมันก็ไม่มีอายเพื่อนซะล่ะ จัดการกระโดดขึ้นไปนั่งทับตัก เอนหัวพิงไหล่ ชนิดที่เพื่อนอย่างเขาเองก็เห็นจนชินชา...ก็ถ้ามันจะสวีทหวานไม่สนหัวใครหน้าไหนมาหลายเดือนน่ะนะ

“แล้วนี่ทำอะไรกันอยู่เหรอ พี่มากวนหรือเปล่าครับ ให้พี่กลับไปที่ห้องก่อนมั้ย”

ห้องของพี่สินธุ์ก็อยู่ชั้นบนของไอ้เพลิงพอดิบพอดี เรียกว่าคู่นี้บุพเพอาละวาดก็ได้ที่จับคนจริงจังกับคนแรดมาคู่กันได้

“ฮื่อ ไม่เอา เพลิงไม่ให้พี่สินธุ์ไป อยู่เนี่ยแหละเนอะ เดี๋ยวไอ้เพ้นท์ก็กลับแล้ว”

“ไอ้เพลิง! มึงเป็นคนเรียกกูให้มาทำผัดซีอิ๋วให้มึงแดกนะ” คนถูกเรียกมาต้องประท้วงให้รู้ซะบ้างว่านี่ไม่ได้มาเอง มึงนั่นแหละที่เรียกกูมา และนั่นก็ทำให้ไอ้เพื่อนแสบว่าด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ก็ตอนแรกพี่สินธุ์บอกว่าวันนี้ไม่ว่างนี่หว่า พี่สินธุ์มาหากูแปลว่าว่างแล้ว มึงจะกลับก็กลับได้เลยนะ กูก็เกรงใจไง เรียกเพื่อนมาตอนปิดเทอม แทนที่มึงจะได้พักผ่อนให้เต็มที่”

เพราพนาสาบานได้ว่าเขาจะไม่รับสายมันครั้งหน้า!

ใจคิดแบบนั้น แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนให้มันทุกที

ชายหนุ่มคิดพลางลุกขึ้นยืน ทำท่าจะกลับบ้านจริงๆ

“กูล้อเล่นน่า กินข้าวก่อนเดี๋ยวค่อยกลับ” ไอ้เพลิงรีบแย้ง เอื้อมมือมาดึงแขน หากคนที่กำลังกลัดกลุ้มเรื่องเงินก็ส่ายหน้า

“กูกลับดีกว่า ต้องคิดเรื่องหาเงินอีก”

“น้องเพ้นท์ พี่ขอโทษนะครับ” พี่สินธุ์ก็บอกอย่างรู้สึกผิด จนหันไปส่งยิ้มให้ บอกด้วยน้ำเสียงเข้าใจ

“พี่สินธุ์ไม่ต้องขอโทษผมหรอก ดีซะอีก ผมจะได้ไม่เปลืองแรงทำอะไรให้ไอ้เพลิงกิน”

เอาเวลาไปคิดดีกว่าว่าจะหาเงินก้อนนั้นยังไงดี

เพ้นท์ก้าวยาวๆ ไปคว้ากระเป๋าเป้ที่วางทิ้งไว้ ปากบอกเพื่อนสนิทไปด้วยอย่างไม่คิดมาก

ก็ถ้าคิดมากคงมาเป็นเพื่อนกับไอ้เพลิงไม่ได้

“ของที่กูซื้อมาก็ให้พี่สินธุ์ทำให้มึงกินแล้วกันนะ กูขี้เกียจเอากลับ แล้วกินด้วยล่ะ ไม่มีใครทำให้กินก็ไม่ยอมกิน”

ไอ้เพลิงเป็นคนทำกับข้าวไม่เป็น อย่าว่าแต่ทำกับข้าวเลย เปิดแก๊สยังกลัวทำคอนโดมิเนียมเขาไหม้ ส่วนใหญ่มันเลยอาศัยแค่ร้านอาหารตามสั่งใต้ตึก ไม่ก็อาหารเดลิเวอรี่ เพ้นท์ที่รู้วิถีชีวิตของเพื่อนตัวเองดีตั้งแต่ปีหนึ่งเลยอดไม่ได้ที่จะแวะเวียนมาทำกับข้าวยัดใส่ตู้ให้มัน ติดเป็นนิสัยไปแล้ว แต่หลังจากนี้เขาคงห่วงมันน้อยลง มาน้อยลงแล้ว

“ค่าของล่ะไอ้เพ้นท์”

ทุกทีไอ้เพลิงเป็นคนจ่ายค่าวัตถุดิบ เพราะเพ้นท์เองก็ทำตามเมนูที่มันบอกว่าอยากแดก

“ไม่เป็นไร นี่กูจิ๊กมาจากตู้เย็นในบ้าน ไม่กี่ตังค์” คนพูดว่าพลางยกมือไหว้รุ่นพี่อีกคน “งั้นผมไปแล้วนะ สวัสดีครับพี่สินธุ์”

“ครับ กลับดีๆ นะครับ”

เพราพนาเดินมาจนจะถึงประตูห้องเพื่อนแล้ว ไม่ทันสังเกตว่าเพื่อนสนิททำหน้าคิดหนัก และก็ร้องขึ้นมาเสียงดัง

“กูรู้แล้วว่างานอะไรที่มึงจะหาเงินได้เท่านั้น!”

ขวับ!

คนฟังงี้หันกลับไปแทบไม่ทัน ตาพราวขึ้นมาทันที แล้วก็ดับวูบลง เพราะงานเดียวที่คิดออกว่าจะหาเงินสี่หมื่นสี่พันบาทได้ในเดือนเดียวคงมีแค่การขายตัว ซึ่งไอ้เพ้นท์บอกเลยว่าต่อให้จนตรอกแค่ไหนก็ไม่มีทางทำ แต่ดูเหมือนคนให้ความหวังจะมั่นใจเกินร้อย

“แป๊บนึงนะ ขอกูโทรหาพี่ชายแป๊บ”

แม้ใจจะไม่เชื่อ แต่ก็ยอมหยุดรอเพื่อนสนิทที่กำลังโทรหาพี่ชายคนโตอย่างว่องไว คุยกันแค่ไม่กี่ประโยคก็หันมามองด้วยแววตา...เจ้าเล่ห์

“กูหางานให้มึงได้แล้ว เดี๋ยวกูส่งที่อยู่เข้าไลน์มึง มะรืนนี้ไปตามนั้นได้เลย”

“เฮ้ยๆๆ มึงหมายความว่าไง กูงง ตกลงว่างานอะไรวะ” เพ้นท์รีบดักคอ มองคนที่ยิ้มกริ่มขึ้นมาทันที

“งานนี้ชื่อว่า...นายกำนัลอากู”

“ฮะ!”

คราวนี้หนุ่มหล่อที่อยากน่ารักได้แค่ร้องเสียงหลง

แน่ใจหรือว่านั่นชื่ออาชีพ

 

เนื่องจากการจ้างงานที่เกิดแบบปุบปับฉับพลัน หลังจากนั้นสองวัน นายเพราพนาจึงกำลังยืนอยู่หน้าประตูรั้วไม้ระแนงสีเข้มที่ขนาบข้างด้วยเสาอิฐสีแดงหม่น เชื่อมกับรั้วไม้ระแนงสีเดียวกันที่กินอาณาบริเวณกว้างขวาง จากนั้นก็ก้มลงมองมือข้างหนึ่งที่ถือกุญแจขนาดเล็กซึ่งเอาไว้เปิดประตูรั้วเล็กด้านข้าง ไล่สายตาไปยังมืออีกข้างที่มีถุงพลาสติกใบโตประทับตราซูเปอร์มาเก็ตชื่อดัง แล้วก็กลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่

หลวมตัว

ใช่ เพ้นท์ขอใช้คำนี้...เขาหลวมตัว

ครั้งนี้ก็เหมือนครั้งที่เผลอหลวมตัวเป็นเพื่อนกับไอ้เพลิงนั่นแหละ เนื่องจากเรียนคณะเดียวกัน เอกเดียวกัน แถมชื่อยังเสือกรหัสติดกัน เขาจึงหลวมตัวมาเป็นเพื่อนสนิทกับไอ้เพลิงมาสามปี และครั้งนี้เพ้นท์ก็ยังหลวมตัวเชื่อคำเพื่อนให้นั่งรถมายังบ้านของคนที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนเลยสักครั้ง

บ้านหลังนี้

บ้านของอาไอ้เพลิง

นายจ้างคนปัจจุบันของเขา

‘คืองี้นะไอ้เพ้นท์ อากูเพิ่งจะหย่ากับเมียว่ะ ตอนนี้ที่บ้านอาไม่มีคนงานอยู่เลยสักคน อาเองก็ไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวาย พอหย่าแล้ว อาก็ให้คนของอาสะใภ้กูออกไปหมด ทุกวันนี้แม่กูเลยให้พี่คนงานที่บ้านกูมาทำความสะอาดบ้านอาสัปดาห์ละสองสามครั้ง แต่มึงพอนึกภาพออกป่ะ อากูก็ผู้ชายคนเดียว ทำกับข้าวไม่เป็น กูก็เป็นห่วงไง แต่มึงก็รู้ใช่มั้ยว่ากูเองก็ทำอะไรไม่เป็นเหมือนกัน ไม่ใช่แค่กูด้วยนะ จะพี่ชายกูหรือน้องสาวกูก็กินเป็นอย่างเดียว แต่ทำให้คนอื่นกินไม่ได้’

เขานึกภาพออกชัดแจ๋วเลย ไม่งั้นจะทำกับข้าวให้ไอ้เพลิงกินมาได้ไงตั้งสามปี

หากคำพูดของเพื่อนทำให้เพ้นท์สยองอย่างบอกไม่ถูก เพราะเพื่อนสนิทเคยบอกว่าอาเป็นคนเลี้ยงมันมา ขนาดไอ้เพลิง เขายังรับมือไม่ไหว แล้วกับอามันนี่จะขั้นไหนวะ

นอกจากนั้น...

‘มึงไม่ต้องเกร็งไป อากูก็คนนั้นไง อาฟรอสที่กูเล่าให้มึงฟังบ่อยๆ’

พอมันพูด เขาก็ยิ่งสยอง เพราะจดจำชื่อนี้ได้ขึ้นใจ

อาฟรอสที่เคยเป็นอดีตพระเอกชื่อดัง มีแฟนคลับถล่มทลาย แต่ออกจากการแสดงมาทำงานเบื้องหลัง ปัจจุบันเป็นผู้กำกับที่สร้างชื่อมาแล้วหลายเรื่อง...คนนั้นอะนะ!

เด็กนิเทศฯปีสามกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ การต้องมาเจออาเพื่อนว่าเกร็งแล้ว แต่นี่เกร็งกว่าไม่รู้กี่เท่าเมื่อคนคนนั้นเป็นคนมีชื่อเสียง หน้าตาดีมาก แถมมีตำแหน่งพระเอกแห่งยุคเมื่อสิบปีก่อนเป็นใบการันตี

‘เอาน่ามึง แค่เดือนเดียวเอง อากูเพิ่งหย่า ตอนนี้อะไรก็ไม่เข้าที่เข้าทาง อากูก็ยังหาคนไว้ใจมาดูแลบ้านไม่ได้ แต่มึงเป็นเพื่อนที่กูรับประกัน อากูโอเคกับมึงอยู่แล้ว ส่วนมึงเองก็แค่แวะไปทำกับข้าวให้อากูวันละแค่ชั่วโมงสองชั่วโมง วันไหนอากูไม่อยู่บ้านก็ไม่ต้องไป แล้วพอเราจะเปิดเทอม อากูคงหาคนมาทำงานได้สักคนสองคนล่ะน่า’

เขาก็ยังไม่เห็นด้วยอยู่ดี ถ้ามีเงินขนาดนั้น จะจ้างใครมาทำงานให้ก็ได้ จะจ้างทำไมแค่เด็กปีสามที่พอทำกับข้าวได้ แต่...

‘พี่พายอนุมัติมาแล้วว่าให้สี่หมื่น แล้วถ้ามึงทำกับข้าวถูกปากอา เชื่อเถอะว่าอากูให้ทิปมึงอีกหมื่นสองหมื่นแน่ๆ อากูใจกว้างอยู่แล้ว’

ต่อให้ใจรู้สึกตงิดๆ กับข้อตกลงนี้ยังไง แต่จำนวนเงินที่เพื่อนเสนอให้ก็ตอบได้แค่คำเดียว

ตกลง!

ใครไม่ตกลงก็บ้าแล้ว! ทำกับข้าวให้วันละแค่ชั่วโมงสองชั่วโมง ได้เดือนละสี่หมื่น ต่อให้มาทำทุกวัน เขาก็ยอมมาล่ะวะ

“ผมซื้อกีต้าร์ให้พี่ได้แน่ๆ รอหน่อยนะ”

เพ้นท์พึมพำกับตัวเอง แล้วก็ตัดสินใจกดออด แต่เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ ชายหนุ่มก็จัดการใช้กุญแจไขประตูเล็ก แล้วก้าวเข้าไปในบ้านอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“ขอโทษนะครับ มีใครอยู่หรือเปล่า”

หลังประตูรั้วคือบ้านหลังใหญ่ซึ่งมีที่จอดรถได้มากกว่าห้าคัน แต่กลับมีรถจอดอยู่แค่สองคันเท่านั้น ตัวบ้านมีขนาดค่อนข้างใหญ่ รูปทรงทันสมัย ชั้นล่างเน้นกระจกที่ทำให้มองเข้าไปถึงห้องรับแขกที่มีเฟอร์นิเจอร์อยู่น้อยชิ้น รอบบ้านเป็นสนามหญ้าที่เหมือนเพิ่งตัดไปไม่กี่วัน เลยไปด้านหลัง แลเห็นทิวไผ่ยาวเป็นแนวสีเขียวสดเหมือนเป็นกำแพงรั้วด้านหลังบ้าน

แต่...ไม่มีเสียงตอบรับ

“ขอโทษนะครับ อาฟรอสครับ”

เพ้นท์ส่งเสียงเรียก ไม่กล้าเดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าบ้านเขา ปากก็ตะโกนเสียงดังขึ้น ลังเลว่าควรจะโทรหาเพื่อนสนิทดีมั้ย

ไอ้เพลิงเหมือนเคยบอกว่าอาฟรอสมีสตูดิโอเก็บเสียงในบ้านด้วย ดังนั้นอาจจะไม่ได้ยินที่เขาเรียก

“อาฟรอสครับ!”

เพ้นท์เรียกอีกครั้ง ทั้งที่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเตรียมต่อสายหาเพื่อนแล้ว

“อยู่หลังบ้าน เดินมาเลย”

ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงทุ้มที่ตะโกนมาจากด้านหลังบ้านจนชะงัก แล้วสูดหายใจเข้าเต็มปอด

เพ้นท์ยอมรับว่าเขาทั้งตื่นเต้น ทั้งเกร็งจนหายใจแทบไม่ออก

ผู้ชายคนนี้เป็นอาสุดที่รักที่ไอ้เพลิงเล่าให้ฟังมาแล้วไม่รู้กี่ร้อยรอบ ทั้งความเก่งในฐานะนักแสดง ความสามารถในฐานะผู้กำกับ ไหนจะเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกในสายตาของเพื่อน และเพ้นท์ต้องยอมรับว่าพอเพื่อนเอารูปมาให้ดู ผู้ชายคนนี้ก็หล่อระดับที่เขาต้องไม่กล้าสบตา แต่ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ในบ้านของผู้ชายคนนั้น แล้วจะไม่ทำให้ประสาทเสียได้ยังไง

ชายหนุ่มชักเกรงว่าถ้าเผลอทำอะไรให้ไม่พอใจ เส้นทางอาชีพในอนาคตของเขาก็อาจจะดับไปด้วยก็ได้

“เอาวะ”

แต่ในเมื่อมาแล้วจะถอยหลังกลับก็ไม่ใช่นิสัย เพ้นท์จึงกำหูถุงพลาสติกที่บรรจุด้วยเนื้อสัตว์และผักหลายชนิดไปยังด้านหลังบ้าน

ยังไงอาฟรอสก็คน ไม่ใช่เทพบุตรหรือมารร้ายที่ไหน ไม่เห็นต้องกลัวเลย

เพ้นท์คิดยามที่ก้าวพ้นมุมบ้าน แล้วเขาก็ได้เห็นสักที อาหนุ่มที่ไอ้เพลิงเล่ากรอกหูมาแล้วไม่รู้กี่รอบ

ผู้ชายที่ทำให้ร่างเพรียวอ้าปากพะงาบๆ

ผู้ชายที่เคยเป็นถึงพระเอกดังอันดับหนึ่งที่ได้ยินมาว่าหล่อชนิดสบตาแล้วกรี๊ดสลบ

ผู้ชายคนนั้นที่สวมเสื้อและกางเกงม่อฮ่อมสีน้ำเงินเข้มที่เปรอะฝุ่น และกำลังเอาผ้าขาวม้าสีตุ่นที่พาดคออยู่เช็ดหน้าเปื้อนดิน

ผู้ชายคนนั้นแหละที่กำลังยื่นหน่อไม้แก่กินไม่ได้ส่งมาให้

“ทำแกงหน่อไม้ให้กินหน่อยสิ”

เนี่ยนะผู้ชายที่เคยทำให้สาวครึ่งค่อนประเทศกรี๊ดสลบ!

นี่มันหนุ่มวัยดึกที่ทำตัวเหมือนเพิ่งปลดเกษียณไม่ใช่เหรอ!!!

 

“ไอ้เพลิง มึงบอกกูมาซะดีๆ อย่าให้ต้องเค้นว่าวางแผนอะไรไว้”

ในเวลาเดียวกัน เพราเพลิงก็กำลังนั่งกินข้าวกับเพื่อนสนิทอีกคน...แอนเดรีย...สาวสวยลูกครึ่งรัสเซียที่หรี่ตามองอย่างรู้ทัน

“มึงรู้อยู่แล้วจะถามทำไม”

คนฟังหัวเราะฮึ

“เรื่องที่มึงส่งไอ้เพ้นท์ไปให้อามึงน่ะเหรอ คิดว่าจะเวิร์กเหรอวะ”

“เวิร์กไม่เวิร์ก อากูก็หย่าแล้ว แถมไอ้เพ้นท์เองก็...น่าเอา” เพราเพลิงยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที แบบที่แอนเดรียมองอยู่อึดใจใหญ่ๆ

“มึงคิดว่าอามึงจะทำให้ไอ้เพ้นต์ตัดใจจากรักครั้งแรกได้จริงอะ”

“ก็ถ้าจะมีใครที่ทำให้คนยึดมั่นถือมั่นอย่างไอ้เพ้นท์ปล่อยวางได้ก็ต้องระดับอากูเนี่ยแหละ”

“แล้วมึงไม่คิดเหรอว่าอามึงจะฟันไอ้เพ้นท์แล้วทิ้ง”

คำถามที่เพลิงแสร้งเบิกตากว้าง แล้วสวนกลับ

“นี่มึงกำลังดูถูกเสน่ห์เพื่อนมึงอยู่นะต่างด้าว”

“กูย้ำอีกทีว่ากูเกิดที่ไทย แต่ก็จริง ไอ้เพ้นท์แม่งไม่เคยรู้ตัวเลยว่ามันเป็นคนมีเสน่ห์แค่ไหน” แอนเดรียว่าขำๆ แต่พักเดียว รอยยิ้มดุจเดียวกันก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า ยกมือมาลูบปลายคางอย่างเห็นดีเห็นงามด้วย

“ระดับอาฟรอสเหรอวะ ไม่เลว ถึงเวลาตัวชงอย่างกูออกโรงแล้วสิ”

“ก็ถ้ากูได้ไอ้เพ้นท์เป็นอาสะใภ้ กูยอมเลี้ยงเหล้าขวดละหมื่นมึงเลย”

“อย่าพูดเหมือนเพื่อนมึงเห็นแก่เงิน กูถือคติอยากให้เพื่อนได้ผัวดี แต่กูจดไว้และ คู่นี้ได้กันเมื่อไหร่ มึงจ่าย”

รอยยิ้มของสองเพื่อนที่หากเพ้นท์อยู่ตรงนี้ คงต้องขอคิดใหม่อีกรอบว่าควรจะเลิกคบพวกมันดีมั้ย

เวลานี้สองเพื่อนสนิทจึงกำลังประชุมกันลับหลังว่าด้วย...โยนหนุ่มซิงนามเพราพนาเข้าปากของผู้ชายที่ชื่อว่าอาฟรอส

งานนี้ถ้าไม่ได้กันอย่าเรียกทั้งคู่ว่าคู่หูตัวชงเลย!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น