1

บทที่ 1


 

บทที่ 1

ผมเบิกตากว้าง มองหน้าจอโทรศัพท์ในหน้าแอ๊พ ของยูทูบที่เป็นชาแนลของตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ยอดวิวสามหมื่นหน่อยๆ นั่น คอมเม้นท์เป็นพันๆ นี่ ยอดซับสไครบ์ที่ขึ้นเกินพันไปแบบไม่รู้ตัว...

ให้ตายสิ! นี่ผมกำลังจะดังแล้ว กำลังจะดังในช่วงข้ามคืน! นี่ขนาดเพิ่งลงคลิปตัวที่ยอดวิวพุ่งมหาศาลตัวนี้แค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ

“ไอ้มิว” เสียงเรียกของคนข้างตัวทำให้ผมต้องหันกลับไปหาอย่างเสียไม่ได้ นี่ ‘ไอ้เก่ง’ หนึ่งในเพื่อนร่วมก๊วนผมเอง เจ้าตัวเตี้ยกว่าผมไปเล็กน้อย แล้วก็ค่อนข้างเจ้าเนื้อ ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก มันเล่นกินทีอย่างกับสูบ “ดูอะไรอยู่วะ มึงเห็นไหมน่ะว่านั่นจะออกสอบ”

“เออ จดแล้วๆ” ผมกดปิดหน้าจอมือถือแล้วหยิบปากกามาจรดลงสมุดอย่างรวดเร็ว “ขอบใจที่เตือน”

“มึงดูชาแนลยูทูบของมึงอยู่เหรอ” ว่าพลางจดตัวคันจิของภาษาญี่ปุ่นลงใส่สมุดยิกๆ ผมเองก็รีบเร่งมือเพราะเริ่มทีหลังมัน

“เออสิ” หยิบมือถือขึ้นมา เก้าสิบเปอร์เซ็นต์คือดูฟี้ดแบ็กของช่องตัวเองนี่แหละครับ

“หมกมุ่นนะมึง”

“แต่มึงต้องไม่เชื่อแน่” ผมพูดเสียงตื่นเต้น “ตอนนี้ยอดซับกูเกินพันแล้วเว้ย!”

“จริงดิ” ไอ้เก่งทำตาโต นั่นแน่ ไอ้นี่ ไม่รู้ซะแล้วว่าเพื่อนกำลังจะดัง

“เออสิวะ เดี๋ยวจดเสร็จก่อนแล้วเอาให้ดู ห่า! อาจารย์ลบแถวแรกไปแล้ว เอามาลอกซิมึง”

ผมจัดการจดโน้ตใส่สมุด และเมื่ออาจารย์ลบไปจนหมดกระดานและเริ่มพูดถึงเนื้อหาในบทต่อไป ผมก็ต้องหันกลับมาลอกจากสมุดของไอ้เก่งต่อ ไม่ทันได้สังเกตว่าเพื่อนข้างตัวเริ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นทั้งที่เพิ่งจะเอ็ดผมไปเมื่อครู่

โอย...เมื่อยมือ นี่ใจคออาจารย์คิดจะออกสอบหมดนี่จริงๆ เหรอเนี่ย ใครจะไปจำได้หมดวะ

และเพราะกำลังใช้สมาธิกับตัวหนังสือตรงหน้า พอไอ้เก่งสะกิด แม้จะแค่เบาๆ ผมก็แทบสะดุ้งไปติดฝาผนังบนห้องเรียนได้ แต่ดีนะที่ไม่ได้เผลอส่งเสียงร้อง แค่หันไปเบิกตาโตใส่มันด้วยความตกใจเท่านั้น

“ไอ้ห่ามิว กูสะกิดนิดเดียว...มึงทำกูตกใจไปด้วยเลยเนี่ย”

“กูสิตกใจ สัส! มีอะไร”

คราวนี้คนโดนถามกลับมีท่าทีลังเล “คือ...เอ่อ กูเพิ่งรู้ว่ามึงมีรสนิยมแบบนั้น”

“รสนิยมเหี้ยอะไรของมึง” ผมรีบก้มลงไปลอกคันจิจากสมุดของไอ้เก่งใส่สมุดตัวเองต่อเมื่อหางตาเห็นแวบๆ ว่าอาจารย์เริ่มจดเนื้อหาใหม่ลงบนกระดานอีกแล้ว โว้! มือหงิกหมดแล้วครับ สปีดท้านรกมาก

“ก็ในคลิปมึงไง เนี่ย คนดูเม้นท์กันตรึม” พูดพร้อมกับพยายามจะยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้าผม สาส! อย่าบังคันจิกู

“มึงอย่าเพิ่งชวนคุยตอนนี้ได้ไหม กูกำลังใช้สมาธิอยู่เนี่ย”

นั่นแหละไอ้เก่งถึงได้ยอมล่าถอยออกไป แม้จะบ่นเล็กๆ น้อยๆ เป็นหมีกินผึ้งก็ตาม แต่มันก็อยากได้สมุดตัวเองคืนเร็วๆ เหมือนกัน เลยไม่ได้พูดอะไรมาก

จบคาบ ผมตั้งใจจะถามเรื่องที่ไอ้เก่งพยายามคุยกับผมในห้อง แต่ผมนึกอะไรขึ้นมาได้อย่าง...คาบต่อไปผมมีรายงานรูปเล่มที่ต้องส่งนี่หว่า! เมื่อคืนพรินท์ไว้เสร็จสรรพแต่ดันลืมเอามาเนี่ยนะ แถมอาจารย์ที่สั่งรายงานชิ้นนี้ก็ขู่ไว้นักหนาว่าต้องส่งช่วงเริ่มคาบสิบนาทีแรกเท่านั้น นานไปกว่านั้นไม่รับ

ถึงมันจะไม่ใช่งานใหญ่ คะแนนไม่ได้มากมายอะไร แต่ผมก็ตั้งใจมาแล้วนะโว้ย เอาไงดีๆ จริงๆ จะรีบนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างบึ่งกลับไปเอาก็น่าจะทันแบบเฉียดฉิว แต่ช่วงเพิ่งเลิกคาบแบบนี้ต้องหายากมากแน่

“เออ ไอ้มิว ที่กูจะถามในห้อง---”

“แป๊บ เก่ง โทษๆๆ ตอนนี้กูอยู่ในช่วง Emergency” อย่าหาว่าผมกระแดะเลยนะครับที่ใช้ไทยคำอังกฤษคำ ผมเรียนนานาชาติมาน่ะช่วงมัธยม เลยมีติดๆ มาบ้าง

ผมตัดสินใจโทร.หารูมเมทสุดที่รักของตัวเอง ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา พี่กชมีมอเตอร์ไซค์คู่ใจของตัวเอง น่าจะเอามาให้ผมได้ในสิบนาที

“ฮัลโหล” ปลายสายรับเสียงงัวเงีย นี่ป่านนี้แล้วยังอยู่บนเตียงอีกเหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย!

“พี่กช ผมรบกวนพี่เอารายงานที่อยู่บนโต๊ะมาให้หน่อยได้ไหม ผมลืมหยิบมาเมื่อเช้า นี่ต้องส่งคาบต่อไปแล้วเนี่ย”

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะว่างงๆ

“นั่นใคร”

เออ ลืมไป ไอ้คุณพี่กชแม่งขี้เซายิ่งกว่าอะไร แล้วไอ้ที่เม็มชื่อผมไว้ในมือถือนี่อ่านไม่ออกหรือยังไง

“มิวเองครับ” ไม่ได้ๆ จะไปรบกวนเขาต้องสุภาพหน่อย ยิ่งตอนนี้รีบๆ อยู่

“มิวไหน”

“พี่รู้จักมิวหลายคนด้วยเหรอ”

“มิวที่ขาวๆ เตี้ยๆ แว่นเอ๋อๆ หรือเปล่า”

“มิวที่หล่อๆ ฉลาดๆ แล้วก็อยู่หอพักเดียวกับพี่ไงครับ”

“มิวนั้นเหรอ”

“สรุปว่าพี่รู้จักมิวกี่คน”

“คนเดียว”

แล้วผมก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าเวลากำลังนับถอยหลังลงไปเรื่อยๆ มันใช่เวลามาทำตัวปัญญาอ่อนใส่กันไหม

“พี่ คาบต่อไปจะเริ่มในอีกสิบนาที และรายงานนั่นสำคัญมาก อาจารย์บังคับให้ต้องส่งต้นคาบ ไม่งั้นไม่รับ พี่กชขี่มอ’ไซค์เอามาให้ผมหน่อยได้ไหมครับ ผมไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ”

ผมได้ยินเสียงปลายสายครางเหมือนพยายามจะลุกจากเตียง นั่นน่าซึ้งใจมาก เพราะปกติพี่กชให้ความสำคัญกับเวลานอนของตัวเองเหนือสิ่งอื่นใด อย่างน้อยก็แปลว่าเขายอมให้ความสำคัญกับผมอยู่บ้าง

“เรียกพี่กชสุดหล่อก่อน”

ผมชะงักไปทันที “อะไรนะ!”

“เร็ว” ได้ยินเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอตามมา “จะเอาไหมรายงานน่ะ”

แม่ง เบื่อจริงๆ ไอ้รุ่นพี่บ้า เล่นอะไรไม่รู้จักเวล่ำเวลา

แต่เพราะผมกำลังรีบ และไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดอะไร ผมจึงได้แต่ทำตามขอสั่งนั้นอย่างว่าง่าย

“ผมอยากให้พี่เอารายงานมาให้ผมครับ พี่กชสุดหล่อ”

“ดีมาก อยู่ตึกมนุษย์ฯ ใช่ไหม”

“ครับ ใช่”

“อือ...เดี๋ยวเอาไปให้ อีกห้านาทีเจอกัน”

“ขอบคุณนะพี่ เดี๋ยวผมรอที่หน้าตึก” กดวางสายแล้วหันไปมองหน้าเก่งที่ทำตาโตประหนึ่งมองตัวประหลาดที่หลุดมาจากสวนสนุกหรืออะไรแบบนั้น อะไรของมันวะวันนี้ แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ผมกำลังรีบมาก คะแนนของผมกำลังจะเดินทางมาถึง

“ไอ้เก่ง มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึงกูไม่รู้นะ แต่กูต้องไปเอารายงานก่อน กูขอให้พี่กชเอามาให้”

“อ้อ อืม ไปดิ กูไปด้วย” มันว่าพร้อมกับเดินเร็วๆ ตามผมที่ออกตัววิ่งนำก่อนอย่างใจร้อน

พี่กชขับมอเตอร์ไซค์มาถึงหน้าตึกผมในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา เจ้าตัวอยู่ในเครื่องแบบนักศึกษาที่ดูยับยู่ยี่เหมือนโดนช้างเหยียบก่อนเอามาใส่ ผมเผ้าก็ชี้ไปคนละทาง แต่ถึงอย่างนั้นสาวๆ จากคณะผมหลายคนก็ยังคงกรี๊ดกับความหล่อของเขา เออ นี่สินะที่เขาว่ากันว่าคนหล่อทำอะไรก็ไม่ผิด จะแต่งตัวทุเรศหรือทำผมไม่เป็นทรงยังไงก็ยังดูดีได้

เขาส่งรายงานปึกที่ผมวางไว้บนโต๊ะมาให้ทันทีที่เจอหน้า ผมรีบยกมือไหว้แทบไม่ทัน

“ขอบคุณครับพี่ พี่ช่วยชีวิตผมไว้เลย”

“งั้นอย่าลืมให้คืนนะ”

ผมมองหน้าเขางงๆ “อะไรครับ”

“ชีวิตนายไง”

“โห! โหดไปหรือเปล่าพี่ แค่ขับมอ’ไซค์เอารายงานมาให้แค่นี้”

“อ้าว! ไหนบอกพี่เพิ่งช่วยชีวิตมิวไง”

“เปรียบเปรย พี่ไม่รู้จักเหรอ”

“ห่า! นี่กูยังง่วงอยู่แท้ๆ เลยนะ กูถ่อมาเพื่อมึงเลยนะเว้ย” ไม่พูดเปล่า ทำตัวโอนเอนไปมาแล้วมาซบหน้าที่บ่าผม ขอกลอกตาขึ้นบนฟ้าทีหนึ่ง ก็อุตส่าห์เตือนแล้วตั้งแต่เมื่อคืนว่าอย่ามัวแต่ดูบอลเพลิน เหล้าก็อย่ากินเข้าไปเยอะ เป็นไงล่ะ วันนี้เลยมีสภาพเหมือนผีลืมหลุมเลย สมควรไหมล่ะ

“ขอบคุณนะครับพี่กช แต่เดี๋ยวผมต้องไปเข้าเรียนแล้ว พี่ไปนอนพักใต้ต้นไม้ตรงนั้นไหม”

“ห่า! พอกูหมดประโยชน์ละไล่เลยนะ”

ผมส่งยิ้มหวานให้เขา “ผมก็แค่แนะนำเท่านั้นเองครับ”

“เออ ขอโทษนะ มิว” เพื่อนร่วมคณะของผมสองคนเดินเข้ามาสะกิดไหล่ ผมหันกลับไปมองคนหนึ่งที่หยิบมือถือขึ้นมาอยู่ในท่าพร้อมถ่ายรูป “เราขอถ่ายรูปนายกับพี่กชหน่อยได้ไหม แบบ...รูปคู่กัน”

“ฮะ!?” ผมยกนิ้วชี้ตัวเอง คือตอนแรกก็ดีใจนิดหนึ่งที่จะมีสาวๆ มาขอถ่ายรูปน่ะนะ แต่อะไรคือการที่เจ้าหล่อนขอถ่ายผมคู่กับพี่กช “เรากับพี่กชเนี่ยนะ”

“อื้อ ใช่”

“ได้ๆๆ” คือจริงๆ ก็อยากจะถามเหตุผลหรอกนะ แต่เพราะว่าในใจนี่ลอยไปอยู่ในห้องเรียนแล้ว จึงอยากรีบจัดการให้มันเสร็จๆ แล้วไปสักที

ผมปล่อยให้เพื่อนร่วมคณะที่ตัวเองลืมชื่อไปแล้วกดกล้องในโทรศัพท์สองแชะ จากนั้นผมก็บอกลาไอ้เก่งที่ไม่ได้เรียนวิชานี้ หันไปขอบคุณที่กชที่อุตส่าห์เอารายงานมาให้ แต่ยังไม่ทันได้ออกวิ่งเพื่อเข้าห้องเรียน รูมเมทรุ่นพี่ผมก็ออกปากถาม

“เรียนจบคาบนี้แล้วมีอะไรอีกหรือเปล่า จะกลับพร้อมกันไหม”

ผมนิ่งไปนิดหนึ่งเพื่อคิดตาม แอบเห็นเหมือนกันว่าสองคนที่มาขอถ่ายรูปดูดี๊ด๊ากันอย่างไรชอบกลกับสิ่งที่พี่กชพูด สงสัยยังกรี๊ดไม่เลิกเรื่องที่ได้เจอคนหล่อ ถึงแม้ว่าในมุมมองผม ไอ้พี่กชจะไม่ได้หล่อขนาดนั้นก็เถอะ อาจจะเพราะผมเห็นเขามาหลายมุมมากไปหน่อย โดยเฉพาะมุมสถุลๆ

“ผมไม่มีอะไรแล้วละพี่ แต่จะรบกวนพี่เปล่าถ้าให้รอ”

พี่กชโบกมือในอากาศ “รบกวนห่าอะไร ถ้ากวนจะถามเหรอ ไปเรียนเถอะมิว เดี๋ยวพี่เดินอยู่แถวนี้”

นั่นแหละผมถึงได้รีบบึ่งไปห้องเรียนเพื่อเอารายงานไปส่งต้นคาบ แม้จะยังงงๆ กับสีหน้าแปลกๆ ของไอ้เก่งที่มองตามผมมาก็เถอะ และเมื่อจัดแจงส่งรายงานเสร็จ เดินไปนั่งที่โต๊ะแถวกลางๆ อันเป็นที่นั่งประจำของคาบนี้ ผมก็พอมีเวลาหายใจหายคอบ้างเพราะคนอื่นๆ กำลังกรูเข้าไปส่งรายงานอย่างกับฝูงซอมบี้ ส่วนผมซึ่งเป็นซอมบี้ที่หนีตายมาได้เริ่มควักโทรศัพท์ขึ้นมากดทันที ไอ้เก่งส่งข้อความมาหาในโปรแกรมแชทสีเขียวสุดฮิต ผมกดเข้าไปอ่าน

 

KenG・ケン : ไอ้ห่ามิว มึงนี่มีอะไรไม่เคยเล่าให้เพื่อนฟังเลยนะ

KenG・ケン : แต่เอาเหอะ ยังไงก็ยินดีด้วยนะมึง ไม่นึกเลยว่ามึงจะชิ่งมีแฟนก่อนกู

KenG・ケン : ไว้กินข้าวด้วยกันคราวหน้า กูจะเค้นคอถามมึง

 

ผมมองข้อความที่เพื่อนรักส่งมาอย่างสับสนเต็มที่ นี่ไอ้เก่งมันไปเมาอะไรมาเนี่ย ผมยังไม่มีแฟนเว้ย คนคุยด้วยยังไม่มีเลย จะเอาที่ไหนมาเป็นแฟน

แต่แล้วผมก็ต้องชะงักนิ้วที่กำลังจะส่งข้อความกลับไปด่าไอ้เก่งลงเมื่อในหัวคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

ผมกดเข้าไปดูในหน้าช่องชาแนลของตัวเอง เลื่อนอ่านคอมเม้นท์ที่ดูผ่านๆ ตาไปก่อนหน้านี้เมื่อคาบที่แล้ว ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองคิดมากไป หรือไม่มันก็แค่เรื่องขำๆ ที่คนดูเขาว่ากัน แต่ที่ไหนได้ ไอ้คอมเม้นท์แนวนี้มันไม่ได้แค่หลักสิบหลักร้อย แต่แม่งมาเป็นพัน!

 

Comment#23 : ว่าแล้วเชียวว่าคู่นี้เรียล! พี่กชแบบหล่อเข้ม แล้วพี่สไลม์แบบแบ๊วขนาดนั้น น่ารักเว่อร์

Comment#62 : จริงๆ กูตามพี่เขามานานแล้ว เสียงเขาน่ารักมาก แบบ...น่าฟัง เกมก็เล่นดี แต่มาเจอแบบนี้ฟินไปสามล้านตลบ #กชมิว

Comment#101 : ฟังเสียงหงิมๆ มานาน สรุปแม่งเป็นจริง?

Comment#319 : เสียดาย มีผัวซะแล้ว กูว่าจะจับทำเมียซะหน่อย #ไม่ทัน

Comment#478 : อยากให้พี่กชกับพี่มิวออกคลิปคู่กันจังค่ะ รอดูนะคะ #กชมิว

Comment#599 : #กชมิว รอดูคลิปคู่ครับ

 

และอื่นๆ อีกมากมายที่ส่วนใหญ่แล้วจะอวยให้ผมได้เสียกับพี่กชมาก และที่มากพอๆ กันก็คือให้ผมถ่ายวิดีโอคู่กับรูมเมทรุ่นพี่ของตัวเอง

ผมรู้สึกมึนหัววูบขึ้นมา ไม่รงไม่เรียนมันแล้วครับคาบนี้ อาจารย์หน้าห้องอยากจะพูดอะไรก็พูดไป ตอนนี้ผมกำลังงงงวยกับสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้

เฮ้ย! เอาจริงดิ? นี่ผมนั่งตัดต่อคลิปวิดีโอ นั่งหาเทคนิคในเกมมาเล่นให้คนอื่นๆ ดูมาเป็นปี แต่กลับมาเริ่มดังเพราะไอ้ที่ผมพูดเล่นๆ ไปว่าพี่กชเป็นผัวผมเนี่ยนะ แบบนี้ก็ได้เหรอ!

ไม่ละ มันไม่ใช่ละ ต้องมีอะไรผิดพลาด ไม่ผมก็คนดูนี่แหละที่ต้องเพี้ยนกันไปข้าง คือผมเข้าใจว่าตัวเองพูดว่าไอ้ผู้ชายที่เดินอยู่หลังกล้องผมเป็นผัวผม แล้วก่อนหน้านี้ก็มีบ้างที่แฟนๆ แซวเรื่องนี้ แต่มันไม่เคยเลยเถิดถึงขั้นเชื่อจริงจังขนาดนี้มาก่อน ผมล้อเล่นจริงจังไปเหรอ แค่พูดเล่นๆ ไปแค่ประโยคเดียวเนี่ยนะ

 

Comment#806 : เฮ้ย! พี่มิวคบกับพี่กชอยู่จริงรึเปล่า เขาอาจจะแค่พูดเล่นๆ ก็ได้

 

นั่นไง! ในที่สุดก็มีคนทัก ถึงจะปาไปเม้นท์ที่เกือบพันแล้วก็ตาม แถมคนที่มาตอบคอมเม้นท์ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าระหว่างผมกับพี่กชมันชัดเจนอยู่แล้วว่าเราคบกัน (ตรงไหนวะ!) แถมมีอยู่อันหนึ่งมีการท้าบอกว่า 'ไม่เชื่อลองดูนี่' แล้วแปะลิงก์ยูทูบอีกอันไว้ด้วย

และเมื่อผมหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบ กดเข้าไปดูลิงก์นั้น ผมก็ต้องค้นพบว่าเลเวลการจินตนาการของคนกลุ่มนี้ไม่ธรรมดา...

 

'ไอ้มิว ไปนอนได้แล้ว นี่มันดึกมากแล้ว' เสียงไอ้คุณพี่กชดังแทรกเข้ามาระหว่างที่ผมกำลังแคสต์เกมปลูกผักทำสวนอย่างเมามัน หน้าผมในกล้องที่ยิ้มแย้มจนถึงเมื่อครู่บูดบึ้งขึ้นนิดหนึ่ง เสียงที่ตอบกลับอีกฝ่ายก็ค่อนข้างขุ่น

'อีกนิดน่าพี่กช จะหมดวันแล้วเนี่ย ปลูกเบอร์รี่เสร็จแล้วไปนอนเลย'

'มึงจะมาดีๆ หรือให้กูเดินไปอุ้มขึ้นเตียง ไอ้มิว'

 

นี่เป็นส่วนหนึ่งมาจากวิดีโอที่ผมอัดตอนเล่นเกมทำฟาร์ม จำได้ว่าคลิปนั่นยาวเป็นชั่วโมงเพราะแทบไม่ได้ตัดต่ออะไร แล้วหลังจากนี้ผมก็ปิดคลิปเพราะไม่อยากนั่งเถียงกับรูมเมทตัวเอง แต่ในคลิปที่ผมกำลังดูอยู่ตัดภาพไปที่อีกคลิปหนึ่งซึ่งเป็นเหตุการณ์สั้นๆ ของผมกับพี่กชนั่นแหละ คราวนี้พี่กชเดินเข้ามาในกล้องตอนผมเล่นเกมพัสเซิลเกมหนึ่ง เจ้าตัวหั่นสาลี่ที่ปอดแล้วเสร็จสรรพมาป้อนใส่ปากผมแล้วก็จากไป มันแค่นั้นเองจริงๆ จากนั้นวิดีโอก็ถูกตัดมาเป็นตอนที่เราคุยตอบโต้กันเรื่องผ้าปูเตียงโดยมีแค่เสียงของพี่กชลอดเข้ามา

คือเอาเป็นว่ามันเป็นคลิปรวมโมเม้นท์ระหว่างผมกับรูมเมทตัวเองนั่นแหละ คือถ้าดูแค่ในคลิปนี้แล้วเหมือนเราเป็นคู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมานานแล้ว ไม่รู้จะพูดอะไรกับคนตัดต่อวิดีโอนี้ คงบอกได้แค่ว่าเจ้าตัวมีความมานะพยายามมาก

ทันทีที่พี่กชดูคลิปนรกนี่จบหลังจากพาผมมาส่งที่หอพักของพวกเรา ไอ้พี่ตัวแสบถึงกับต้องหัวเราะก๊ากออกมาเสียงดังลั่นราวกับนั่นเป็นสิ่งที่ตลกที่สุดที่เขาเคยเจอมาตลอดชีวิต และนั่นทำให้ผมที่กำลังสับสนงุนงงกับเรื่องนี้ขมวดหัวคิ้วมุ่น

“ขำอะไรของพี่”

“ก็ขำในจินตนาการของคนที่ทำไอ้คลิปนี้ออกมาไง กูตลกที่แบบ บางอันแม่งมีข้อความหวานๆ ชวนเลี่ยนขึ้นมาด้วยนะเว้ย อย่างกับกูกะมึงอยู่กินกันยังไงชอบกล”

“พี่กช! นี่ไม่ตลกนะ” ผมแทบจะกระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยความอึดอัดใจ “แล้วเราจะเอายังไงกันดี ผมโดนแฟนคลับคิดว่าเป็นเกย์ไปแล้ว แล้วก็พี่ด้วยนะ พี่ยอมได้เหรอครับ”

“มิวจะโวยวายไปทำไมวะ” พี่กชว่าพร้อมกับโยกหัวผมไปมายิ้มๆ อย่างไม่เดือดร้อนอะไร “ลองคิดดูในแง่ดีดิ จากคลิปนี่ทำให้มิวมีคนติดตามเพิ่มตั้งเยอะแยะ ยอดวิวก็พุ่งถล่มเลยไม่ใช่เหรอ ถือเป็นการโฆษณาตัวเองไง ส่วนไอ้เรื่องที่เขาเข้าใจผิดกัน มิวก็แค่อธิบายในคลิปต่อไปก็สิ้นเรื่อง”

“บอกในคลิปต่อไปเหรอครับ” ผมพูดเสียงเบาพร้อมกับคิดตาม ก็จริงอย่างที่พี่กชบอก ถ้าคนเข้าใจผิดก็แค่แก้ให้เขาเข้าใจถูกก็พอ ไม่เห็นต้องแตกตื่นอะไร

“ช่าย...แต่จริงๆ ถ้ามันทำให้กระแสของช่องมิวดี เราจะเล่นเป็นแฟนกันตามน้ำไปเลยก็ได้นะ” ชายหนุ่มพูดทีเล่นทีจริงก่อนจะหัวเราะร่วน แต่สิ่งที่พี่กชพูดทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาเขาทันที

“เล่นเป็นแฟน?”

“ช่าย... ไหนๆ มิวก็บ่นๆ อยากได้คนดูเพิ่มอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แต่อันนี้พี่ล้อเล่นนะ เพราะถึงมิวจะอยากได้แฟนคลับเพิ่มยังไง แต่ถ้าต้องมาเป็นแฟนกับพี่---”

เสียงของพี่กชเงียบไปเมื่อผมเอื้อมมือไปออกแรงบีบแขนเจ้าตัวแน่น

ผมรู้ดีว่าพี่กชกำลังมองผมด้วยความงงจนถึงที่สุด อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่ตัวผมเองก็ยังงงว่าเกิดความคิดนี้ขึ้นมาได้ยังไง ผมรู้ดีว่ามันผิดที่จะโกหกใครๆ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม แต่นึกถึงจำนวนยอดวิว ยอดผู้ติดตาม ยอดคอมเม้นท์พวกนั้นแล้วเหมือนน้ำลายจะหก

คุณลองคิดดูสิ ขนาดแค่คลิปนั้นคลิปเดียว แค่ผมหลุดปากไปสั้นๆ แบบไม่จริงจังว่ามีความสัมพันธ์กับพี่กชในแง่นั้น คนยังโผล่เข้ามามากขนาดนี้ แล้วถ้าเกิดผมบอกพวกเขาว่าพี่กชเป็นผมจริงๆ ได้ทำคลิปด้วยกันสองคนจริงๆ คนจะตามกันเยอะขนาดไหน

และเพราะไอ้ความหน้ามืดนี้แหละที่ทำให้ผมหลุดปากออกไปอย่างไม่รู้ตัว

“พี่กช ผมว่านะ...พี่คงต้องเป็นแฟนผมแล้วละ”

 

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น